อายุเท่าไหร่ ถึงจะโตพอในสายตาผู้ใหญ่
ตั้งกระทู้ใหม่
อยากถามว่าอายุเท่าไหร่พ่อแม่ถึงจะปล่อยให้ทำอะไรตามใจสักที
23 ความคิดเห็น
เข้าอารมณ์เลยจ้าา เรามีเพื่อนคนนึงพ่อแม่ก้ไม่ค่อยปล่อยอะแหละ เราเปนเพื่อนกะมันเรายังเซงเลย ชีวิตค่อนข้างขึ้นอยู่กับพ่อแม่ แต่เอาจิงๆเค้าคงเปนห่วงเราแหละค่ะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ
ถ้าอยากดูเป็นผู้ใหญ่นะค่ะ ก่อนอื่นเปลี่ยนความคิดใหม่จ้า
ถ้าปกติเปนคนที่ชอบอยู่บ้านเพราะว่า พ่อแม่ไม่ค่อยปล่อยถูกมั้ยจ้า ถ้าอยู่บ้านก้ทำอะไรสักอย่างให้มันเป็นประโยชน์ขึ้นมาค่ะ สมมุติเราชอบเสื้อผ้า ชอบแต่งตัว เตงก้ไปหาความรู้เรียนตัดเยบฝึกเองไรเองเตมที่แต่ทำให้สุดขั้วค่ะ อย่าเอาเวลามาทิ้งไปเปล่าๆเสียเวลาค่ะ ทำอะไรที่เราพอจะทำได้ในตอนนี้ค่ะ
อย่าไปอะไรกับพ่อแม่มากค่ะ ถ้าถึงเวลาที่เราเริ่มโตด้วยตัวเอง เราจะเข้าใจอะไรอีกหลายอย่างจ้า เอาจิงๆนะอายุเท่าไรถึงเปนผู้ใหญ่ ไม่มีกำหนดหรอกค่ะ//อยู่ที่ความคิดเรา การกระทำเรามากกว่า การประสบความสำเรจในชีวิต หรือ ประสบการณ์ต่างๆที่เราเคยทำมา ระดับความรับผิดชอบของเรา //อันนี้น่าจะวัดความเปนผู้ใหญ่ได้มากกว่า เพื่อนในห้องเรียนเราแต่ละคนก้ไม่เหมือนกันถูกมั้ย เด็กบางคนอายุแค่สิบขวบ ตัดเยบเสื้อผ้าออกแบบเองทำขาย ก้มี หรือผู้ใหญ่บางคนอายุเยอะจะแย่ละ แต่กลับไม่ประสบความสำเรจในการงาน ในครอบครัวก้มีเยอะแยะ อายุไม่ได้วัดความเปนผู้ใหญ่เลยค่ะ ถ้าเรายิ่งโตแต่ไม่สำเร็จอะไรสักอย่าง เราก้คือเด็กในร่างผู้ใหญ่แค่นั้นค่ะ แต่ ถ้าเราประสบความสำเรจบางอย่างในขณะที่อายุยังวัยรุ่น เราก้คือผู้ใหญ่ในร่างเด็กค่ะ
เมื่อน้องเรียนจบ มีการมีงานทำที่มั่นคง เลี้ยงตัวเองได้
การที่เราคิดว่า ต้องอายุเท่าไร ถึงจะเป็นผู้ใหญ่ในสายตาพ่อแม่ เนี่ยแหล่ะ คือการที่บ่งบอกว่าเรายังเด็กอยู่ ต่อให้ลูกจะอายุสัก 40 มีลูกแล้ว ในสายตาพ่อแม่เราก็คือเด็กสำหรับเขาเสมอ^^
วันนึงถ้ามีครอบครัว มีลูกเมื่อไร จะเข้าใจประโยคนี้ที่ถามกับพ่อแม่ อิอิ
ปล.เราก็พิสูจน์ตัวเองสิว่าเราสามารถดูแลตัวเองได้ มีความรับผิดชอบ มีเหตุผล อดทน พยายาม จนประสบความสำเร็จ ยอมรับในการตัดสินใจและข้อผิดพลาดของตัวเอง ประมาณนี้มั้งนะ - -"
เอาไว้เมื่อวันนหึ่งที่คุณได้มีอิสระในการเลือกด้วยตัวเองเมื่อไร วันนั้นคุณจะนึกอยากกลับบ้านเป็นที่สุด
โลกภายนอกมันก็สนุกแค่วันสองวันแรกเท่านั้นล่ะค่ะ เพิ่งจะ 19 ไม่ต้องรีบร้อนหรอก อีกหน่อยคุณจะได้เรียนรู้มันแน่ๆ แล้วเมื่อวันนั้นมาถึงคุณจะรู้สึกว่า ไม่มีที่ไหนที่อบอุ่นและปลอดภัยเท่าในบ้านอีกแล้ว
//จากเด็กคนหนึ่งซึ่งเคยหลงทาง.....
สำหรับเราไม่มีทางโตในสายตาผู้ใหญ่ครับ คนเป็นพ่อ เป็นแม่ เขารักนะ ถึงได้ห่วงเรา ไว้วันนึงเค้าไม่อยู่กับเรา แล้วเราดูแลตัวเองได้ นั่นแหละครับถึงเรียกว่า โต แล้ว.
ต่อให้มีผัว มีลูก มีงานการที่ดีทำ เขาก็ยังคิดว่าคุณเป็นเด็กในสายตาเขาค่ะ พอวันนึงคุณโตขึ้น มีลูก ได้เลี้ยงเขา คุณจะรู้เอง
พ่อเเม่รักเรา ตัวเราก้อเหมือนเทอนะ เเต่ดีที่พ่อเเม่ปล่อยให้ไปกับเพื่อนบาง เเต่ต้องโทรบอกก่อนว่าไปที่ไหนกับใคร
เรารู้สึกดีนะที่พ่อเเม่เป็นห่วง ดีกว่าเค้าไม่สนใจเราเลยเราจะรู้ซึ้ง
บอกพ่อ แม่ ตรงๆคะว่าอยากโตซะที แต่ก่อนจะถามอะดูตัวเองก่อนนะว่า การกระทำของเราทำให้เค้าไว้ใจมากแค่ไหน บอกเค้าว่าถ้ายังอยู่กับพ่อแม่ก้อไม่รู้จักโตซะที
เรียนเร็วจังเลยค่ะ
พี่เองจะ 22 แล้วเขาก็ยังไม่ปล่อยเลย
สายอาชีพมั้ง
ในฐานะแม่ น้องต้องคิดใหม่นะ พ่อแม่ห่วงลูกเสมอค่ะ อย่าบอกว่าห้ามทุกอย่างนะ สักวันน้องเป็นพ่อเป็นแม่คน น้องจะเข้าใจค่ะ
15 ครับผม ใหญ่พอสำหรับครอบครัวผม
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุหรอกครับ มันขึ้นอยู่กับชีวิตประจำวันนั้นละ ที่เป็นตัวบ่งบอกว่าคุณมีความเป็นผู้ใหญ่พอหรือยัง เพียงพอที่พ่อแม่จะยอมปล่อยไหม
คุณรู้จักหางานไหม ดูแลตัวเองได้ไหม ทำอะไรเองได้ไหมโดยที่ไม่มีใครมาสั่ง ทำเองอันโนมัติและทำเป็นประจำ ซักผ้าเอง ล้างจานเอง ทำอะไรในบ้านเองเป็นประจำ ถ้าพิสูจน์ว่าดูแลตัวเองได้แล้ว วันนั้นละครับ วันที่เขาจะมองว่าคุณเป็นผู้ใหญ่พอ
ปล. จำมาจากพ่อ *--*
ไม่ว่าเราจะอายุเท่าไร จะเรียนจบหนือไม่ จะมีงานดีๆ ทำหรือเปล่า จะมีคู่ชีวิต มีครอบครัว หริออะไรก็ตามแต่ พ่อแม่ก็จะยังมองว่าคุณเป็นเด็กเสมอค่ะ
ความคิด และสิ่งที่น้องทำอยู่ในชีวิตประจำวัน (ลองดูสังเกตเอานะว่าเราสามารถดูแลตัวเองและใครได้หรือยัง มีความรับผิดชอบดีแล้วหรือยัง?)
** อายุ ไม่ได้วัดค่าของความเป็นผู้ใหญ่
ไม่มีวันที่พ่อแม่จะเห็นลูกโตหรอกค่ะ ต่อให้เรามีลูกมีหลาน รับราชการจนเกษียณอายุ เค้าก็มองเราเป็นเด็กอยู่อย่างนั้น เอาแบบจริงๆ เลยก็คือ เป็นปรากฏการณ์หลงผิดชนิดหนึ่ง เค้าอาจมีพื้นความคิดทำนองว่า 'เกิดก่อน-มีประสบการณ์มากกว่า-ถูก' ในเมื่อคุณเกิดทีหลังเขา เป็นลูกของเขา ความคิดของคุณจึงไม่มีวันโตเท่าเขา ไม่มีวันถูกมากไปกว่าเขา
วิธีจัดการกับพ่อแม่แบบนี้จำเป็นต้องอาศัยความอดทนอย่างยิ่งยวดค่ะ นั่นคือแสดงวุฒิภาวะให้เขาเห็น การหงุดหงิดเพราะตัวเองถูกทรีตเหมือนเด็กก็เป็นความเด็กอย่างหนึ่งเหมือนกัน ส่วนมากเวลาปรึกษาอะไรก็ขอให้แสดงเหตุผลอันสมควรไปค่ะ บอกมุมมองที่เขาคาดไม่ถึงและมันจริง จริงจนจุกอก จริงจนต้องยอมรับว่าคุณถูก
นั่นในแง่ความคิดนะคะ ในแง่การกระทำ แค่คุณเลิกรับเงินจากเขา มีรายได้เป็นของตัวเอง หรือถ้าอยู่บ้านเดียวกันก็จ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าจิปาถะให้ ก็เป็นเหตุมากพอให้เขามองว่าคุณโตขึ้นแล้วค่ะ
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนขึ้นอยู่กับว่า ตัวตนของคุณนั้นเข้าข่ายภาวะผู้ใหญ่แค่ไหน คุณต้องไม่ลืมว่า 'ผู้ใหญ่คืออะไร' ผู้ใหญ่นั้นที่จริงแล้วเป็นเพียงภาวะชั่วคราวเท่านั้น ผู้ใหญ่คือคนที่ทำตามเหตุผล ไม่เอาอารมณ์เป็นใหญ่ใช่หรือไม่? แต่กระนั้นคนเราทุกคนล้วนแต่เลือกปฏิบัติตามความชอบไม่เว้นแม้แต่ตัวคุณหรือพ่อแม่ของคุณ ความเป็นผู้ใหญ่จึงวัดได้ในบางเรื่องหรือบางเวลาเท่านั้น แน่นอนว่าคนที่เป็นผู้ใหญ่จริงๆ ย่อมรู้ว่าอีกหลายๆ ส่วนของตัวเองยังเป็นเด็กอยู่ รู้จักตัวเองและยอมรับ แยกแยะได้ว่าเรื่องใดต้องทำ ควรทำ อยากทำ และไม่ทำ
หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ พ่อแม่จะค่อยๆ เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อคุณเองแหละค่ะ ถึงตอนนั้นคุณก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว เพราะผู้ใหญ่จริงๆ เขาไม่สนหรอกว่าพ่อแม่จะมองตัวเองเป็นเด็กรึเปล่า เขารู้ว่าใครๆ ก็เป็นเด็กได้ด้วยกันทั้งนั้น ก็อย่างพ่อแม่ที่ไม่เคยเลิกมองว่าลูกเป็นเด็กนั่นแหละนิสัยแบบเด็กๆ อย่างหนึ่ง
เป็นกำลังใจให้นะคะ
ตอบในฐานะพ่อที่มีลูกสาวนะครับ
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหน ลูกก็ยังเป็นเด็กสำหรับพ่อ-แม่เสมอครับ
แต่ถ้าเป็นห่วงเป็นหาจนไม่ให้เติบโตโบยบินด้วยตนเองก็น่าเห็นใจคุณครับ...
สิ่งที่เค้าต้องการคือ "ความปลอดภัย" น่ะครับ
ดังนั้น คุณต้องดูแลตัวเองให้ดี เซฟตัวเองเยอะๆ อย่าเสี่ยงไปไหนมาไหนคนเดียว เป็นต้น
เทคโนโลยีใช้ให้เป็นประโยชน์ โทร.หาท่านบ่อยๆ หรือทักแชท ทักไลน์ท่านเป็นระยะๆ
หากคุณทำเป็นนิจ ผมเชื่อว่าท่านจะคลายกังวลลง และโอกาสที่คุณจะได้ลั้นลาหนต่อๆไปมีสูงมากครับ
เอาใจช่วยนะครับ
มันไม่ได้อยู่ที่อายุหรอกจ้า มันอยู่ที่วุฒิภาวะของเรามากกว่า
เราสามารถทำให้พ่อแม่ไว้ใจได้แค่ไหนว่าเราสามารถดูแลตัวเองได้
มีความรับผิดชอบ สามารถจัดการชีวิตตัวเองได้ไหม
เพื่อนพี่บางคนมีความเป็นผู้ใหญ่มาก ในขณะที่รุ่นพี่ตั้งหลายปียังดูมีวุฒิภาวะต่ำกว่า ทั้งๆที่อายุมากกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่ประสบการณ์ของแต่ละคน รวมถึงศักยภาพที่เราจะแสดงให้พ่อแม่เห็นด้วยว่า "นู๋โตแล้วนะคะ นู๋สามารถดูแลตัวเองได้และสามารถดูแลพ่อกับแม่ได้ด้วย"
ความเชื่อใจไม่ได้สร้างวันเดียว ค่อยๆทำให้พวกท่านมั่นใจค่ะว่าเราโตพอที่จะสามารถดูแลตัวเองได้โดยที่พ่อกับแม่ห่วงอย่างห่างๆได้แล้ว เพราะถึงโตแค่ไหน เราก็ยังเป็นเด็กสำหรับพ่อแม่อยู่ดี
เมื่อไรที่น้องสามารถดูแลรับผิดชอบตัวเองได้ นั่นคือน้องเป็นผู้ใหญ่..
หมายถึง..น้องสามารถดูแลตัวเองได้ สามารถตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเองได้
เช่น น้องเรียนจบมีการงานท แต่งงานมีครอบครัวแล้ว นั่นคือน้องเป็นผู้ใหญ่ที่จะเริ่มรับผิดชอบและตัดสินใจเรื่องต่างๆในชีวิตด้วยตัวเองแล้ว คุณพ่อคุณแม่จะคอยดูแลช่วยเหลืออยู่ห่างๆ
แต่ตราบใดที่น้องยังไม่สามารถดูแลรับผิดชอบตัวเองได้ ยังไม่สามารถตัดสินใจกระทำอันใดได้ แถมยังไม่บรรลุนิติภาวะ.. ยังอยู่ในการดูแลของผู้ปกครอง ยังไงท่านก็ยังมองว่าเราเด็กค่ะ
และถึงแม้บ้างคนเรียนจบมีงานมีการทำแล้ว แต่ยังไม่มีครอบครัว ยังอยู่อาศัยกับคณพ่อคุณแม่ ท่านก็ยังมองว่าเราน่ะเด็กอยู่เหมือนเดิม แม่จะมีหาเงินด้วยตัวเองได้ แม้จะสามารถทำนู้นนี่ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตผู้ปกครองก่อนเหมือนผู้เยาว์ แม้จะเก่งกล้าแค่ไหน..ยังไงคุณก็ยังเด็กสำหรับท่าน
เมื่อไรที่เราดูแลตัวเองได้ รับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ และเมื่อไรที่ท่านไว้วางใจเรา ท่านจะเริ่มให้อิสระกับเราเองค่ะ...
หนูอายุแค่ 19 ใช่มั้ย ยังทำอะไรเป็นหลักเป็นแหล่งเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้เลย ยังไงก็ยังต้องพึ่งพาท่านอยู่.. นั่นเรายังเป็นเด็กอยู่
ถ้าสามารถเลิกพึ่งพาท่าน แล้วเปลี่ยนมาเลี้ยงดูท่านได้ นั่นแหละโตเป็นผู้ใหญ่
PS. ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แค่มุมมองหนึ่งของพี่เองนะคะ นิยามการเป็นผู้ใหญ่ของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน....
เมื่อตอนที่สามารถสร้างครอบครัวได้ ดูแลตัวเองได้ ดูแลพ่อแม่ได้ เมื่อนั้นพ่อแม่จึงจะให้อิสระค่ะ ให้แก้ไขปัญหาเอง ให้เดินตามทางของตัวเอง ไม่จำกัดอายุค่ะ พ่อแม่ไม่ได้มองตรงนั้น แต่ไม่ว่าเมื่อไร ต่อให้เรามีครอบครัวหรือสามารถพึ่งพาตัวเองได้แล้ว พ่อแม่ก็ยังเห็นเราเป็นเด็กอยู่ดี
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?