Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ความฝันกับสถาปนิก

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
 คำว่า สถาปนิก”  ไม่เคยมีเลยในหัวของเด็กมัธยมปีที่4 คนหนึ่ง เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มันคืออะไร และมันไม่รู้ว่าแว่บออกมาตอนไหนในชีวิตของเรา  นี่เราก็ ม.4แล้ว ยังไม่รู้อะไรเลย จนวันนึงในคาบแนะแนว อาจารย์ถามว่า  โตขึ้นอยกเป็นอะไรกันบ้าง” คำถามง่ายๆที่ถูกถามมาตลอด ต้งแต่เป็นเด็กประถม แต่คราวนี้ มันถูกถามอีกครั้งตอนเราโตขึ้น อย่างน้อยก็ ม.4 และมาพร้อมแบบทดสอบวัดผลที่ทางโรงเรียนจัดให้ ซึ่งเราแทบไม่สนใจคำถามในแบบทดสอบเลย แต่มีแค่ประโยคคำถาม  โตขึ้นมาอยากเป็นอะไร” เหลือเป็นตะกอนก้อนเล็กๆในใจของเรา

                        ลองวิเคราะห์ดูหน่อยว่าทำไม เราเป็นคนไม่รู้อะไรขนาดนั้น นึกไปสิ นึกไป ตอนเราเด็กๆเราไม่ได้คิดอะไร เพราะเค้าคิดให้เราแล้ว ตอนอนุบาล เค้าก็บอกให้เราขึ้นประถม ตอนประถมเค้าก็บอกให้เราขึ้นมัธยม ตอนจบ ม.3 เค้าเริ่มให้เราเลือกง่ายๆคือ จะขึ้น ม.4 หรือ ปวช(อาชีวะ) แต่ตอนนี้เค้าบอกว่าให้เราต้องเลือกคณะ เลือกชีวิตต่อไป ซึ่งเรียกได้ว่า อะไรวะเนี่ย!
ตอนเรา ม.3 ขึ้น ม.4 มีแค่2ชอยส์ ให้เลือก คือ ม.4-5-6 หรือ ปวช. ถัดมาแค่ปีเดียวต้องเลือกคณะที่จะไปซึ่งมันมีเป็นร้อยๆ ช้อยส์ บ้าไปแล้ว! แล้วเราจะเลือกถูกได้ไงวะเนี่ย จะปรึกษาใครดีเนี่ย? แบบวัดผลมันก็ไม่รู้ว่าใช้ได้หรือเปล่า เราคิดว่าเราจะเป็นอาชีพอะไร แบบทดสอบก็บอกว่าเราเป็นได้ทุกอาชีพที่เรานึกเลย ซะงั้น! ตกลงมันช่วยอะไรเราได้มั้ยเนี่ย  แต่อันนี้เฉพาะตัวเราเองเท่านั้นนะ หรือจะหันไปปรึกษาพ่อแม่ พ่อเราก็เสียไปตั้งแต่อายุ 4 ขวบ แม่เราก็ขายขนมหวาน จบ ป.4 มาแล้วก็รีบช่วยขายขนมหวาน ข้าวเหนียวมะม่วง เป็นแม่ค้าทั่วไปคนหนึ่ง ที่มีความฝันอยากให้ลูกเรียนสูงที่สุด ที่เราจะไปได้ แต่ตอนนี้...เรายืนงงๆอยู่ในช่วงเวลา ม.4 ด้วยคำว่า  โตขึ้นมาอยากเป็นอะไร ”  คำที่มันก้องอยู่ในสมองของเราอีกแล้ว !

มันก้องอยู่ในหัวของเราเป็นปีๆ สับสนปนเปไปหมด แต่ก็ยังไม่คิดค้นหามันเพราะเราคิดว่าเป็นแค่เด็ก ม.4  คิดว่ายังมีเวลาให้คิดอีกเยอะ มันอาจมีอะไรโดนใจในเวลาที่เหลือก่อนขึ้นมหาวิทยาลัยได้มั้ง

                        จุดเริ่มเปลี่ยนของชีวิตเราจุดหนึ่งคือ  ตอนนั้นมีโอกาสไปเรียนพิเศษฟิสิกส์-คณิต ก็ไปเจอพี่คนที่สอน  เค้าจบวิศวะ ด้วยความชื่นชมชื่นชอบในตัวพี่เค้า เค้าสอนสนุกมากๆแบบเปลี่ยนทัศนคติในการเรียนพิเศษเลยก็ว่าได้ คือตอนเด็กๆประมาณ ป.6 แม่ให้ไปติวเพื่อสอบเข้ามัธยม ตอนนั้นไปติวแล้วรู้สึกอึดอัดมาก เครียดสุดๆ ร้อนก็ร้อน ระเบียบก็ยังเคร่ง แต่พอได้มาเจอพี่คนนี้ เรารู้สึกดีมาก ชอบบรรยากาศในห้องเรียนที่เค้าสร้างขึ้นมา ตอนนั้นยอมรับเลยว่า คำว่า “ วิศวกร ” เข้ามาในชีวิตผมแน่นอน อารมณ์ประมาณเอาแน่ อีกหน่อยเราจะเป็น 1 ในวิศวกรของประเทศไทยแน่นอน พี่เค้าก็เชียร์เต็มที่
เอ๊ะ!วิชาที่ให้สอบมาดูเลยว่าต้องเรียนอะไรบ้าง แล้วมุ่งไปข้างหน้า นี่คือนโยบายของเรา เรียกว่าไฟแรงมาก วิศวกรต้องสอบวิชาอะไรบ้างมาดูกัน- คณิต ฟิสิกส์ เคมี อังกฤษ พื้นฐานวิศวะ 5 วิชานี้ที่จะพาเราไปสู่ฝัน

                ฟิสิกส์ – อืมยากเหมือนกันนะเนี่ย มันเยอะอะไรอย่างนี้

                คณิต – ทำให้รู้สึกดี แต่ทำไมข้อสอบมันออกแต่ยากๆวะ

                อังกฤษ – นี่กรูต้องท่อง Dic เยอะขนาดนี้เลยหรอ

                เคมี – อันนี้นิ่งเลย -.-“ อันนี้นิ่งเลย ตารางธาตุ โถ่!ถุย!ไปไม่ถูกเลย

               พื้นฐานวิศวะ – เหมือนกับเอาทุกอย่างที่เรียกว่า hereแน่ๆ..มารวมกัน
              นี่คือ กำแพงยักษ์ เราเรียกว่า 
 เขื่อนเลยดีกว่า

                ในขณะที่กำลังพยายามอยู่นั้น  มันก็ดันคิดว่า เรามาถูกทางป่าววะ” ทำไมมันยาก ทำไมมันเยอะ มันไม่สบายใจ  แต่ส่วนอีกใจก็นึกว่า ดื่มm100แล้วสู้ต่อไปเหอะ อย่าคิดมาก” ขณะเดียวกันมีเพื่อนคนนึงที่ชอบวาดรูป และวาดเก่งมากด้วย มาบอกกับเราว่า เข้าถาปัดกันมะ เห็นนายชอบวาดรูป น่าจะไปได้นะ

                ถาปัด ถาปัด ถาปัด  คำนี้เป็นคำคุ้นหูแต่ไม่รู้ความหมาย มันคืออะไรวะ ! มันเข้ามาในหัวเราแล้วตอน ม.5 คนเดียวที่ตอนนั้นคิดจะไปถาม คือพี่ที่สอนฟิสิกส์กับคณิตของเราที่โรงเรียนสอนะพิเศษ เค้าก็ให้คำตอบมา แต่ก็ยังงง เราเลยไปถามอาจารย์แนะแนว เค้าก็ให้คำตอบมา แต่ก็ยังงงเหมือนเดิม ในสมัยนั้นไม่มีกูเกิลไม่มีเน็ต แพร่หลายขนาดนี้ ตอนเรียนคอม ขนาดจอคอมยังเป็นสีเขียวอยู่เลย เรายังพิม ฟหกด สอบ วิชาคอมอยู่เลย
หมกมุ่นอยู่กับคำว่า "ถาปัด" อยู่นานมากๆจนเริ่มได้ยินคนเค้าพูดกันไปกันมาอยู่เป็นเดือน จนปะติดปะต่อกันเป็นเรื่องเป็นราวได้ ถาปัด คือ คำเรียกสั้นๆของ สถาปัตยกรรมศาสตร์  เวลาจะสอบเข้าต้องสอบวิชาวาดรูป ที่ชื่อว่า ความถนัดทางสถาปัตยกรรม วิชาที่ใช้สอบอื่นมี ฟิสิกส์-คณิตอังกฤษ โอ้ย
!ค่อยยังชั่วแต่ก็ยังหนีไม่พ้น แต่ก็มีวาดรูปมาช่วย ก็โอเคนะ ที่สำคัญไม่มีเคมี เอ้อ! มันต้องอย่างงี้สิ่ พอเห็นปลายทางอยู่รำไร
ถ้าเป็นอย่างนี้เราน่าจะไปได้แน่ แล้วมีอะไรอีกละ จบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จะได้เป็นสถาปนิก รู้เรื่องเกี่ยวกับ
ถาปัด” แค่นี้จริงๆ ทั้งหมดเนี่ยเกิดขึ้นช่วง ม.5 กำลังจะขึ้น ม.6
                   วันนั้นเป็นวันแรกที่คำว่าสถาปนิก ได้เริ่มคืบคลานเช้าสู้จิตใจของเด็กผู้ชายคนนี้..... โดย-โง่คนนี้ยังไม่รู้เลยว่าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์มี6สาขา แยกย่อยไปต่างๆนานาอีกต่างหาก เรารู้แค่ว่า เราจะต้องเดินไปคณะนี้ให้ได้ เพื่อนเราจะได้เป็นสถปนิกแค่นั้น แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางของเรา มันอาจไม่ใช่จุดที่ยิ่งใหญ่ แต่มันก็ได้เริ่มต้นอย่างจริงจังเสียที....กับ........ความฝันและคำว่า "สถาปนิก"

                                                                                                                                                                   พี่ตึก อนวัช กล้วยไม้ ณ อยุธยา

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

aomzingct 29 ก.ค. 58 เวลา 15:27 น. 1

ตอนแรกดูรูปก็คิดว่า ทำไม?การวาดเหมือนพี่ตึกจังว๊ะ พออ่านจบเท่านั้นแหละ 555 (กูเดาถูก)
เค้าอ่านหนังสือพี่อ่ะ555 

2
aomzingct 29 ก.ค. 58 เวลา 20:02 น. 1-2

ศิษย์พี่ตึกนะค้าบบบ5555 ติวออนไลน์บ้าง อ่านสือบ้าง. พี่ตึกทั้งน๊านนน เรียนแล้วเฮอ่านแล้วฮา ^^ไม่เบื่อเยี่ยม

0