Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

(ไม่ไร้สาระ) พล็อตนิยม แรงบันดาล การคัดลอก สามสิ่งนี้ต่างกันยังไง?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

 

 สวัสดีครับทุกท่าน! ผม Nemesis-Chan หรือยาวไปจะเรียกว่ามารุคุงหรือยูจังก็ตามสะดวก


 สืบเนื่องจากว่าเห็นในกระทู้ดราม่าการประกวด (จะไม่ขอพูดเนื้อหาให้มากความ ประเดี๋ยวจะเป็นการสุมไฟดราม่าอย่างไม่ได้ตั้งใจ) มีบางคนยังสับสนระหว่าง การลอก พล็อตนิยม แรงบันดาล มันเหมือนหรือต่างกันยังไง? ซึ่งจากที่ไล่ดูแล้วมีอยู่สามสี่รายที่ยังสับสนว่าการลอกแล้วดัดแปลงแบบนี้=พล็อตนิยมทั่วไป/แรงบันดาล


 ก็นะ พอเจอแบบนี้มันชักตะหงิดใจยังไงชอบกล เลยตัดสินใจขุดความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่มาอธิบายเรื่องพวกนี้ให้รู้แจ้งเห็นจริงกันไปเลยว่า มันต่างกัน ขนาดไหน


อนึ่ง เนื้อหาในกระทู้ต่อไปนี้มาจากความรู้และประสบการณ์ของผมคนเดียว อาจไม่สมบูรณ์เต็มร้อย ใครมีความคิดเห็นต่างกันยังไงก็บอกได้ครับ

อสอง ผมเองก็เป็นนักเขียนมือใหม่ไม่ถึงปี ยังมีการใช้คำผิด สำนวนสะดุด บรรยายไม่คล่อง ใช้ศัพท์เฉพาะผิดที่ผิดทาง (รีไรท์หนักมากตั้งแต่เนื้อเรื่องยันชื่อเรื่อง) ทำให้เนื้อหาในกระทู้นี้อาจไม่มีความน่าเชื่อถือมากเท่าไหร่ ผิดพลาดยังไงก็มาร่วมสัมมนากันได้

อสาม ยาวไปก็อ่านให้จบ ห้ามข้ามนะ ถึงจะเป็นพวกมีความสามารถในการย่อยข้อมูลสิบแผ่นให้เหลือแผ่นเดียวแต่โดยรวมแล้วเนื้อหาต่อไปนี้มันก็เยอะอยู่ดี =_=


1.พล็อตนิยม


พล็อต แปลว่าโครงเรื่อง นิยม แปลว่าความชื่นชอบหรือค่ากำหนดที่มีกันมาช้านาน เพราะฉะนั้น พล็อต+นิยม=โครงเรื่องที่มีความชื่นชอบหรือค่ากำหนดกันมานาน


ตัวอย่าง พล็อตนิยมนิยายรัก


-พระเอกมีอะไรกับนางเอกก่อนที่จะรู้สึกชอบกันจริงๆ หรือก่อนจะแต่งงานกันเพราะ เมา/เข้าใจผิด/บรรยากาศพาไป

-หลังได้เสียกัน(อย่างไม่ยินยอม)แล้ว พระเอกเพิ่งรู้ว่านางเอกยังซิง ส่วนนางเอกก็ไม่มีการแจ้งความเอาผิดกับพระเอกที่ข่มขืนตน

-พระเอกเชื้อดีมาก ได้กันครั้งเดียวนางเอกท้องเลย //จุดเริ่มต้นมหกรรมการไล่ง้อ

-พระเอกหล่อ รวย แต่นิสัยโคตรแย่ พระรองก็หล่อ รวยไม่แพ้กันแต่นิสัยดีกว่ามาก ทว่าสุดท้ายนางเอกก็เลือกพระเอกอยู่ดี ปล่อยให้นางรองที่อกหักจากพระเอกมาดูแลหัวใจพระรองที่อกหักจากนางเอกแทน =_=


 มีอีกเยอะ แต่ยกมาแค่นี้พอ ซึ่งพวกพล็อตนิยมแบบนี้มีอยู่ในนิยายรักออกเกร่อ เปิดดูสิบเรื่องมันต้องมีกันทุกสิบเรื่อง ไม่ข้อใดก็ข้อหนึ่ง ซึ่งการเขียนนิยายแบบมีพล็อตนิยมแบบนี้ไม่ถือว่าเป็นการลอกที่ผิด(ถึงมันจะผิดแต่ใช้กันมานานจนกลายเป็นถูกไปแล้ว) สิ่งที่จะทำให้นิยายแต่ละเรื่องที่มีพล็อตนิยมเหมือนกันมีความต่างกันคือ เนื้อเรื่อง ซึ่งก็หมายถึงรายละเอียดในเรื่อง พูดง่ายๆ ถ้าเปรียบกับขนมปังสอดไส้ ขนมปังสอดไส้หนึ่งแบบแต่มีสองรสชาติ ถึงจะมีความเหมือนกันในด้านรูปร่างหน้าตาและส่วนผสมของเนื้อแป้ง(โครงเรื่อง) แต่สิ่งที่ต่างกันก็คือไส้(เนื้อเรื่อง) เพราะฉะนั้นบางทีนิยายรักเหมือนกันก็มีเนื้อเรื่องต่างกันไป ซึ่ง-เนื้อเรื่องนี่แหละที่จะเป็นตัวตัดสินว่าคนเขียนไปลอกหรือคิดขึ้นเอง


2.แรงบันดาลใจ


แรงบันดาลใจ คำนี้มีหลายความหมายมาก แต่ก็เอามารวมกันแล้วแปลออกมาได้ว่า แรงกระตุ้นหรือชักจูงจิตใจให้เกิดการกระทำ ตัวอย่างของการมีแรงบันดาลใจ


-นายเอมีความสามารถในการวาดภาพแต่ยังไม่มีแนวทางในการวาดเป็นของตัวเอง วาดไปเรื่อยเปื่อยไร้จุดหมายทำให้ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของตัวเองซักที พอเห็นนายบีที่เป็นนักวาดเหมือนกันแต่มีแนวทางในการวาดเชิงสดใสร่าเริงจนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว เห็นภาพวาดนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของนายบีจนได้รับฉายานามว่า 'นายสไมล์' เพราะทุกภาพที่นายบีวาดจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอไม่ว่าตัวละครในภาพจะเป็นคนหรือพืชก็ตาม ถึงบางภาพจะไม่มีการวาดรอยยิ้มแต่ก็ทำให้คนดูยิ้มออกมาได้กับความน่ารักสดใสของภาพ นายเอเลยเกิดแรงกระตุ้นในใจให้หาแนวทางการวาดของตัวเองให้เจอให้ได้ ผ่านไปสามอาทิตย์นายเอก็ค้นพบว่าตัวเองถนัดการวาดภาพแนวโหดร้ายเลือดสาด พอภาพของนายเอเริ่มเป็นที่รู้จักก็เลยมีฉายาว่า 'เลือดสาดคุง' ใครเห็นภาพนายเอก็รู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องมองหาลายเซ็นว่านี่คือภาพของนายเอ เพราะจำได้ว่าเอกลักษณ์ภาพของนายเอจะมีการวาดผสานระหว่างเลือดที่ไหลเปรอะกับองค์ประกอบในภาพให้กลมกลืนได้อย่างลงตัว บางภาพถึงจะมีเลือดเปื้อนที่เสื้อแค่หยดเดียวและบรรยากาศแวดล้อมสว่างสดใสแต่ก็ทำให้คนดูสยองได้เพราะแววตาสีหน้าโรคจิตของตัวละครในภาพ


 ตัวอย่างยาวไปจะมีใครทนอ่านจบไหมนี่ =_=?


 และนี่คือความหมายของแรงบันดาลใจ อธิบายแบบสั้นๆ ง่ายๆ (ในเชิงการสร้างผลงาน) ว่า 'สิ่งที่เป็นแรงกระตุ้นชักจูงจิตใจให้สร้างผลงานออกมาในแนวของตัวเองโดยได้ความคิดจากผลงานหรือการกระทำของคนอื่นที่เรารู้สึกชอบหรือไม่ชอบแต่มันโดนใจ'

มีต่อในเม้นต์

แสดงความคิดเห็น

>

10 ความคิดเห็น

เจ้าของกระทู้เอง 30 ก.ค. 58 เวลา 22:45 น. 2

ขออภัยที่ขาดช่วง ฝนตกเน็ตอืด

ตัวอย่างแรงบันดาลใจ(อีกแล้ว)

-น้ำชอบอ่านนิยายสืบสวนและอยากเป็นนักเขียนสร้างนิยายแนวสืบสวนขึ้นมาซักเรื่อง พอได้อ่านนิยายสืบสวนของนักเขียนท่านหนึ่งที่มีการหักมุมว่านางเอกที่เป็นคนใสซื่อแท้จริงแล้วคือฆาตกรฆ่าคนไปร้อยศพ น้ำเลยเกิดแรงบันดาลใจเขียนนิยายแนวสืบสวนขึ้นมาโดยให้มีจุดหักมุมว่า พระเอกคือฆาตกรที่ปลอมตัวเป็นนักสืบมาตีซี้กับนางเอกที่เป็นตำรวจเพื่อหาทางลบหลักฐานการทำผิดของตัวเอง

3.การคัดลอก

เชื่อว่ามีหลายคนที่ทนอ่านข้อความยาวๆ ข้างบนไม่ไหวเลยใจร้อนมาข้อนี้เสียเลย เพราะฉะนั้นให้กลับไปอ่านสองข้อแรกให้จบแล้วค่อยมาอ่านข้อนี้นะครับ!

การคัดลอกมันคืออะไร? มันก็คือการสำเนาต้นฉบับมาเป็นของตัวเอง เว้าซื่อๆ มันก็คือการคัดของแท้ที่คนอื่นทำมาลอกเป็นของเทียมที่ตัวเองทำนั่นแล ซึ่งการกระทำแบบนี้ผิดทั้งในด้านกฎหมายและศีลธรรม ด้านกฎหมายคือทรัพย์สินทางปัญญา ด้านศีลธรรมคือความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในใจหรือเรียกกันบ้านๆ ว่าความละอายใจ การคัดลอกนอกจากจะเป็นการละเมิดสิทธิของเจ้าของต้นฉบับแล้ว ยังทำให้เจ้าของเสียความรู้สึกที่ผลงานของตัวเองโดนลอกไปหาประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นด้านการค้าหรือหาชื่อเสียงก็ตาม

ตัวอย่างการลอก

-นายต้นประดิษฐ์แก้วน้ำที่สามารถปรับเปลี่ยนอุณหภูมิของเหลวในแก้วได้เลยจดลิขสิทธิ์แล้วทำออกมาขาย ซึ่งก็ขายดีในระดับหนึ่งเพราะนายต้นเป็นคนธรรมดาไม่ค่อยมีชื่อเสียงหรือเส้นสายอะไร แต่พอขายแก้วน้ำนี้แล้วก็เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาบ้างและขายดีกว่าเดิมเพราะลูกค้ารายแรกๆ ใช้ดีจึงบอกต่อ พอนายก้านเห็นดังนั้นเลยลอกไอเดียการผลิตแก้วน้ำของนายต้นมาโดยดัดแปลงให้มีรูปทรงหรือสีที่ต่างกันเล็กน้อยแล้วทำออกขายแข่งกับนายต้นโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว(ก็ลอกเขามาจะให้เจ้าตัวรู้ได้ไงล่ะ) ทว่าหลังจากขายไปได้สักพักนายก้านก็ถูกนายต้นแจ้งจับเข้าคุกเพราะได้เบาะแสมาจากลูกค้ารายหนึ่งที่ไปซื้อแก้วน้ำของนายก้านมาใช้เพราะนึกว่าเป็นของนายต้นที่ผลิตขึ้นมาเองในรูปแบบใหม่แต่พอใช้ไปสักพักก็พบว่าแก้วน้ำนี้มีตราสัญลักษณ์ของนายต้นที่ไม่เหมือนต้นฉบับซ้ำยังมีคุณภาพด้อยกว่าเลยรู้ว่านี่มันของก็อปมิใช่ของแท้

ประมาณนี้แหละ คงพอจะแยกกันได้แล้วว่าพล็อตนิยม แรงบันดาลใจ และการคัดลอกมันต่างกันยังไง ถ้าผมอธิบายยืดยาวซับซ้อนไปก็ขอสรุปสั้นๆ อีกครั้งว่า

"พล็อตนิยมคือสิ่งที่ทำตามกันมานานจนกลายเป็นค่ากำหนด
แรงบันดาลใจคือสิ่งกระตุ้นให้เกิดความคิดในการกระทำขึ้นมา
การคัดลอกคือการลอกความคิดผู้อื่นมาดัดแปลงเป็นของตัวเองโดยไม่ให้เครดิต"

ปูลู.ขอความร่วมมือในการแสดงความเห็นโดยไม่พาดพิงถึงกระทู้ที่คุณก็รู้ว่าอันไหน(ลอร์ดโวลเดอมอร์?)

0
เผือก 30 ก.ค. 58 เวลา 22:56 น. 3

อยากได้คำตอบ ก็กลับไปกระทู้เดิมค่ะ อ่านให้แตก เขาพูดกันไปเยอะแล้ว
กรณีศึกษาก็มีให้เห็นตำตา

คุณลืม "ดัดแปลง" ไปข้อนึงนะ คุณ จขกท
กรณีศึกษาเรา เข้าข่ายดัดแปลง

ไม่ใช่แค่ลอกเป็ะแล้วถึงผิดกฎหมายนะคุณ ดัดแปลงก็ผิดกฎหมาย เคนะ?

1
Nemesis-Chan 30 ก.ค. 58 เวลา 23:33 น. 3-1

จริงด้วย เดี๋ยวค่อยมาเสริมงวดหน้าละกัน ขอบคุณที่ทักท้วงครับ

0
Quantum 30 ก.ค. 58 เวลา 23:21 น. 4

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจตนาครับ ของแบบนี้ต้องอ่านแล้วนำมาเปรียบเทียบให้เห็นจะๆ ไปเลย เจตนาหรือไม่เจตนา ผลงานมันฟ้องได้

พล็อตนิยม คือมันเหมือนในภาพรวม เช่น พล็อตซินเดอเรลล่า นางเอกจน,ธรรมดา แต่พระเอกรวย,ยิ่งใหญ่,เป็นเจ้าชาย มารักกัน --- ซึ่งเรื่องที่มีพล็อตทำนองนี้เยอะมาก อย่างคิวบิกก็ถือว่าเป็นพล็อตซินเดอเรลล่าได้เหมือนกัน เพราะนางเอกธรรมดา พระเอกเป็นมาเฟีย แต่เมื่อมาดูรายละเอียดแล้ว ต่างกันลิบลับ แบบนี้เขาเรียกว่าพล็อตนิยม หรือพล็อตอมตะนั่นเอง

เรื่องพล็อตนิยม ผิดไหม? ไม่ผิด เพราะวรรณกรรมทุกเรื่องบนโลกล้วนมีพล็อตคล้ายๆ กัน หากคุณลองกรุ๊ปๆ ดู จะพบว่าพล็อตมันมีอยู่ไม่กี่แบบหรอก แต่สิ่งที่จะทำให้เรื่องของคุณแตกต่าง คือรายละเอียดของมัน

รายละเอียดมีอะไรบ้าง
- ตัวละคร
- ฉาก
- การดำเนินเรื่อง
- ภาษา
ฯลฯ

เวลาเขาจะจับผิดนิยายเรื่องหนึ่งว่าลอกหรือไม่ลอก เข้าข่ายดัดแปลงหรือเปล่า เขาดูกันที่รายละเอียด หากรายละเอียดคุณไปเหมือนเรื่องใดเรื่องหนึ่งเข้า ก็จะเกิดการวิพากษ์ขึ้น ซึ่งเรื่องไหนที่มันเจตนา (ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว) มันจะมี "ความจงใจ" ที่ปิดเท่าไหร่ก็ไม่มิด ต่อให้ดัดแปลงไปเท่าไหร่ สุดท้าย "เค้าโครงต้นแบบ" ของมันจะยังคงอยู่

นั่นถึงเรียก "ลอก" และ "ดัดแปลง" ซึ่งมีความผิด

ส่วนคำว่า "แรงบันดาลใจ" อันที่จริงคำนี้เป็นคำบวกนะ เวลาเราคิดจะทำอะไรสักอย่าง เรามักมีแรงบันดาลใจมาจากสิ่งรอบตัว เช่น เห็นเพื่อนมีผลงานตีพิมพ์ เราก็มีแรงบันดาลใจปั่นนิยาย ความหมายมันเป็นแง่บวก มันเป็น "สิ่งเร้า" เป็น "แรงผลักดัน" แต่ถ้าคุณเอาผลงานเขาไปใส่ในนิยายตัวเองทั้งดุ้น โดยไม่มีการกรองผ่านระบบคิดของคุณก่อน นั่นไม่เรียกว่าได้รับแรงบันดาลใจ แต่มันเข้าข่ายคัดลอกและดัดแปลงแล้วครับ

0
-Trix- 30 ก.ค. 58 เวลา 23:58 น. 5

เราว่านิยายแต่ละเรื่องมีสิ่งที่ผู้เขียนอยากจะสื่อออกไป
สิ่งนั้นอาจเป็นอารมณ์ความคิดที่อยากจะสื่อออกไปว่า...
ถ้าเข้าใจไม่ผิดมันคือแก่นเรื่องสินะ เป็นเจตนาส่วนตัวโดยแท้จริง
สิ่งนี้ทำให้เรื่องแต่ละเรื่องออกมาจากผู้เขียนอย่างแท้จริง

สำหรับเรื่องแรงบันดาลใจ
ยอมรับว่าแรงบันดาลใจคือทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาสัมผัสชีวิตเรา
บางครั้งมันกลายเป็นสิ่งที่เราถ่ายทอดออกมาโดยไม่รู้ตัว

เกี่ยวกับแรงบันดาลใจนิยายที่มีต่อนิยายด้วยกันเอง
เราออกจะพอใจที่มีคนได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องตัวเอง
เหมือนเราเป็นคนชักนำความคิดของเขา(หลอก)
ที่ชอบเพราะเราก็ได้รับต่อมาเป็นทอดๆ เหมือนเป็นการส่งต่อไปเรื่อยๆ

แต่เรื่องการคัดลอกนั้น ทุกคนก็ย่อมรู้ดีแก่ใจว่าเป็นยังไง
มันเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ต้องอ่านใจได้ละมั้ง ถึงจะรู้

พล็อตนิยมคงเป็นที่เข้าใจโดยทั่วไปอยู่แล้ว
ว่าเอาตามความนิยมของคนอื่นเป็นหลัก

อาจจะตอบไม่ตรงประเด็นนักนะ (มั้ง)

0
สู้ ๆ 31 ก.ค. 58 เวลา 01:47 น. 6

พล็อตนิยม กับแรงบันดาลใจ ไม่ผิดค่ะ เพราะการดำเนินเรื่อง การใช้ภาษา ความขัดแย้งย่อย ๆ ในนิยาย ฉากเด่น รวมทั้งสำนวนภาษา จะไม่มีทางเหมือนกันร้อยเปอร์เซ็นต์

เช่น

นิยาย ก. พล็อตนิยม พระเอกนางเอกถูกกีดขวางไม่ให้รักกันเพราะเรื่องในตระกูล ได้แรงบันดาลใจจากโรมิโอกับจูเลียต เขียนเนื้อเรื่องเป็นสมัย ร.5 พระเอกนางเอกต่างชนชั้นกัน ถูกกีดกัน สุดท้าย กระโดดน้ำสังเวยรัก สำนวนภาษา เน้นการบรรยายให้เห็นบรรยากาศของวิถีชีวิตสมัย ร.5 มุมมองตัวละครเป็นแบบแบบพระเจ้า ปมย่อย พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับคนอื่น

นิยาย ข. พล็อตนิยม พระเอกนางเอกถูกกีดขวางไม่ให้รักกันเพราะเรื่องในตระกูล ได้แรงบันดาลใจจากโรมิโอกับจูเลียต เขียนเนื้อเรื่องเป็นแนวแฟนตาซี พระเอกนางเอกเป็นปีศาจที่ตระกูลขัดแย้งกัน ถูกกีดกัน สุดท้าย ยอมโดนฆ่าทั้งคู่ สำนวนภาษา เน้นการบรรยายการกระทำเพราะมีฉากแอ็คชั่น มุมมองตัวละครเป็นแบบบุรุษที่ 1 ปมย่อย ความขัดแย้งเรื่องดินแดน

นี่คือตัวอย่างของการเขียนนิยายโดยใช้พล็อตนิยม และใช้แรงบันดาลใจเดียวกัน แต่เนื้อเรื่องไม่เหมือนกัน ศึกษาตัวอย่างจริงได้จากนิยายรักยอดฮิตในเว็บเด็กดีค่ะ แม้จะเป็นพล็อตนิยม แต่สำนวนและการดำเนินเรื่องไม่เหมือนกัน ความรู้สึกนึกคิดของตัวละครไม่เหมือนกัน นำไปสู่การตัดสินใจที่แตกต่างกัน

ส่วนของบุคคลที่ จขกท. อ้างอิง เขาถูกดัดแปลงค่ะ คือ ถูกนำสำนวนไปใช้ในบางส่วน มีการตัดต่อ โครงเรื่องภายในหนึ่งหน้ากระดาษคล้ายกันมาก เรียกได้ว่า สำนวนภาษา วิธีการเรียงลำดับเหตุการณ์ และความรู้สึกของตัวละครคล้ายคลึงกันมากอย่างน่าตกใจ (สำนวนภาษาเราได้รับอิทธิพลกันได้ค่ะ แต่จะไม่เหมือนเป๊ะ ๆ แน่นอน)

เราเคยเจอนักเขียนที่ดัดแปลงผลงานเหมือนกัน เลยเข้าใจความรู้สึกของคนที่ จขกท. อ้างถึง มันเจ็บปวดมากเพราะคนอ่านส่วนใหญ่ดูไม่ออกว่าเป็นผลงานของเราโดนดัดแปลงมา เพราะเขาสลับฉาก เปลี่ยนสำนวนใหม่หมดเลย แต่โครงเรื่อง+ฉาก+บทสนทนาโดยรวมเหมือนของเราทุกประการค่ะ เจ็บปวดมากเพราะบอกใครก็ไม่เชื่อ กระทั่งได้คุยกับคนดัดแปลง เขาก็ยอมรับและรีบลบเรื่องทิ้งทันที ของอย่างนี้ ลอกไม่ลอก ดัดแปลงหรือไม่ดัดแปลง มันรู้กันอยู่ 2 คนแน่นอนค่ะ เจ้าของผลงานกับคนดัดแปลง คนนอกอาจจะไม่รู้ แต่เจ้าของผลงานรู้ค่ะ เพราะเขียนเองกับมือ จำรายละเอียดและอารมณ์ของเรื่องและฉากแต่ละฉากได้

เราฝังใจกับนักดัดแปลงผลงานมาก เราเรียกว่านักลอกที่ฉลาด แต่ฉลาดแบบสิ้นคิด

0
อัจฉราโสภิต 31 ก.ค. 58 เวลา 05:55 น. 7
อธิบายยาก แต่แยกกันไม่ยากครับ

ถ้าอ่านแล้ว รู้สึกว่ามันโหล เคยเห็นมาแล้ว เดาเส้นทางเรื่อง หรือนิสัยตัวละคร หรือรายละเอียดของเรื่องได้ แต่ไม่สามารถเจาะจงได้ว่าเป็นเรื่องไหนเพราะมันหลายเรื่อง นั่นคือพล็อตนิยม

ส่วนแรงบันดาลใจกับลอกนั้น แยกกันได้ง่ายมาก

ถ้าอ่านแล้วไม่รู้ว่ามันมาจากเรื่องไหนทั้งที่คุณก็รู้จักเรื่องต้นแบบ นั่นคือแรงบันดาลใจ

ถ้ารู้ทันที นั่นคือลอก

ถ้ารู้บ้าง ไม่รู้บ้าง แต่บางส่วนยังชัดเจนว่าเอามาจากเรื่องไหนไม่ว่าจะมากจะน้อย นั่นคือดัดแปลงครับ

การ "ใช้แรงบันดาลใจ" ที่ดี ก็คือการเอาเรื่องอื่นมาแปลง ที่สำคัญคือใส่ความคิดของตัวเองลงไป จนกระทั่งมันไม่เหมือน และมีความเป็นตัวของมันเอง

ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่พูดไปด้านบนหมายถึงพล็อตและ/หรือเส้นทางการดำเนินเรื่อง และ/หรือตัวละคร บรรยากาศภายในเรื่องเท่านั้น ไม่ได้หมายถึงสำนวนภาษา เพราะสำนวนภาษา ต่อให้ได้รับมาจากแหล่งเดียวกัน มันไม่มีทางเหมือนกันขนาดเรียบเรียงลำดับการบรรยายเหมือนกัน หรือใช้คำศัพท์ทำนองเดียวกันทั้งประโยคได้แน่นอน

ซึ่งด้วยเหตุผลที่พูดไป ทำให้กระทู้นั้น ใช่กระทู้ที่ผมคิดหรือเปล่าไม่ทราบ ต้องสงสัยอย่างมากว่าลอกกันมาครับ อาจจะเปิดอ่านแล้วพิมพ์ตามเลยด้วยซ้ำ จากประสบการณ์ที่ผมเคยทำคล้ายๆแบบนี้ตอนทำเปเปอร์น่ะนะ....


(การทำเปเปอร์จะมีส่วนหนึ่งที่เรียกว่า Literature Review ซึ่งก็คือการสรุปเปเปอร์ที่เคยมีคนทำก่อนหน้ามา แล้วโยงให้เข้ากับงานวิจัยชของตัวเองว่าสร้างแรงบันดาลใจ เป็นเหตุผลสนับสนุนทฤษฎี หรือมีช่องให้วิจัยต่ออย่างไรบ้าง การเขียนส่วนนี้ที่ดีคืออ่านแล้วสรุปออกมาในสำนวนของตัวเอง แต่การเขียนที่ไม่ดี ก็คือการ "เปิดแล้วเขียนตาม" หรือ "ก๊อบมาลงแล้วเปลี่ยนบางคำ" ครับ)
0
♛รักหมอ♛ 31 ก.ค. 58 เวลา 06:02 น. 8

อยากจะบอกว่าจริง ๆ ท่านมารุก็พิมพ์ไม่ยาวมาก แต่สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านหรือตื่นมาตายังไม่สว่าง....

สามารถอ่านข้ามมาที่ คห.2 ย่อหน้าที่สิบ สามบรรทัดก่อนที่จะถึงย่อหน้าสุดท้ายครับ ฮ่า บทสรุปรวบรัดอยู่ตรงนี้เลยนั่นแล

1
Whiteflower Ri 31 ก.ค. 58 เวลา 20:00 น. 10

ตอบตามภาษาคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องการเขียนมากนัก  ใช้แต่ความเข้าใจ  ไม่ว่าเราจะได้แรงบันดาลใจจากอะไร  เมื่อเอามาเขียนด้วยภาษาของตัวเองแล้ว  มันไม่มีทางที่จะเหมือนเป็นประโยคหรือบรรทัดยาว ๆ ได้เลย  จำมายังจำไม่หมดเลยนะคะ

แต่จากกระทู้นั้น จับประเด็นที่โค้ช  เพราะโค้ชเองมีแนวคิดว่า นำอันนั้นมาใส่ เอาอันนี้มาต่อ  แต่ไม่ได้ใส่ และต่อในแบบที่เป็นภาษาของตัวเอง  มันจึงมีคนจับได้ว่า "ลอก" มานี่หว่า...

เด็กคนนั้นอายุแค่ 14 ถ้าจำไม่ผิด  ถ้าไม่ใช่คนที่เก่งจริง ๆ  ด้วยวัยแค่ 14  ยังไม่มีประสบการณ์มากพอหรอก  ที่จะจินตนาการ  เขียนฉากเลิฟซีนอย่างนั้นได้  นี่ตอบแบบตามความรู้สึกของตัวเองล้วน ๆ นะ

0