Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

(สงสัย) แค่ไหนถึงเรียกว่าลอก??

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ช่วงนี้ดราม่าเรื่องลอก( รวมถึงดัดแปลง) เยอะนะ ทำให้ฉันสงสัยว่าแค่ไหนลอก แค่ไหนแรงบันดาลใจ

บางเรื่องดูง่าย ยิ่งถ้า Copy&Paste เลย นี่ชัดเจน
อย่างกรณี ที่มีการลอกนิยายของนักเขียนรุ่นใหญ่ใส่นิยายตัวเองทั้งย่อหน้า เนื้อหาเหมือนกันเปียบ อันนี้ดูง่ายมาลอกมาแน่

หรือที่ดราม่ากันในบอร์ดนี้ ฉันมองว่าเข้าขั้นดัดแปลง เพราะการลำดับกิริยาตัวละครเหมือนมาก จังหวะใกล้เคียงกันเกินไป ก็เป็นบทเรียนสำหรับคนทำและคนที่อ่านไป

เรื่องดราม่าไทยแลนด์กอททะเล้นที่กำลังเป็นข่าว ฉันก็มองว่าลอกเสื้อกับอุปกรณ์มา ถึงท่าเต้นจะไม่เหมือน เพลงไม่เหมือน แต่พอภาพออกมามันก็ดูออกว่าลอก


คราวนี้มาเรื่องที่ฉันไม่แน่ใจแล้วสงสัยว่าลอกไหมกันดีกว่า ใครคิดว่ายังไงก็บอกมาได้ค่ะ แลกเปลี่ยนกัน

1. นาย 1 เห็นรูปนี้ https://twitter.com/myfeelingth/status/530650350722637824 แล้วเอาคอนเซปพวกนี้ไปวาดขึ้นใหม่ เป็นลายเส้นตัวเอง พร้อมให้เครดิตที่มา แล้วนำไปโพสต์ ถามว่า

นาย 1 ลอกไหม เห็นมีคนโจมตีว่าลอกไปแล้ว ฉันสงสัยว่ามันทำไม่ได้เหรอ ถึงจะเข้าความหมายลอกหรือดัดแปลง แต่ก็มีการให้เครดิต น่าจะยกเว้นไหม อันนี้สงสัยมากๆ ว่าทำได้ หรือไม่ได้กันแน่

ถ้าการให้เครดิตยังโดนประนามอีก แล้วบทความในเว็บเด็กดีที่เอารูปคนอื่นมาใช้ แล้วให้เครดิต ก็ไม่แย่ด้วยเหรอ

พวกนิยายก็เหมือนกัน เอารูปคนอื่นมาใช้ประกอบนิยาย บางคนไม่ได้ให้เครดิตด้วยซ้ำ



2 ถ้าเราคิดประโยคอะไรออกมา แล้วไปซ้ำกับที่คนอื่นคิดและเคยพิมไว้แล้ว มันเรียกว่าลอกไหม และถ้าเป็นเรื่องทั่วไปที่ใครๆ ก็รู้ ใครๆ ก็คิดได้ เรียกว่าลอกไหม เช่นเรื่องที่เห็นมา

คนแรกพิมพ์ไว้ในเฟสบุคนานแล้วว่า...

"เรียนอนุบาลมา 3 ปี เรียนประถม 6 ปี มัธยม 6 ปี มหาลัยอีก 4 ปี เพื่อออกมารับเงินเดือน หมื่นห้า"

แล้วมีคนมาพิมพ์ตอนหลังคนแรกโดยไม่เคยอ่านของคนแรกว่า...

"เรามีถึงจุดนี้ได้ไง จุดที่ร่ำเรียนมาเกือบ 20 ปี อนุบาล 3 ปี ประถม 6 ปี มัธยม 6 ปี มหาลัยอีก 4 ปี บางคน 5-6 ปีอีก เพื่อนออกมารับเงินเดือนหมื่นห้า ได้ยังไง"

แล้วแบบนี้จะบอกว่าคนที่สองลอก ดัดแปลง คนแรกไหมคะ ฉันว่าใครๆ ก็คิดแบบนี้ได้เหมือนกันนะ ถ้ารูปประโยคเหมือนเป๊ะก็ว่าไป แต่ที่เจอมาคือ คนที่สองโดนหาว่าลอกไปแล้ว

ถ้าแบบนี้ถือว่าลอก ฉันว่าแย่นะ เพราะต้องมากังวลว่าคิดอะไรออกไปจะไปซ้ำกับคนอื่นไหม ทั้งๆที่เป็นเรื่องทั่วไป


3 ถ้าเขียนหนังสือแนวเดียวกัน แล้วมีองค์ประกอบเหมือนกัน หัวข้อเหมือนกันบางส่วน เรียกว่าลอกไหมคะ สมมุดฉันอยากเขียนหนังสือประสบการณ์เลี้ยงแมวขึ้นมา แล้วเกิดมันไปเหมือนหนังสือแนว

เลี้ยงแมวเล่มอื่นเข้าบางหัวข้อ โดยที่ฉันไม่ได้ไปลอกเขาเลย แบบนี้จะโดนหาว่าลอกไหม สงสัยค่ะ


4 กรณีคอนเซบหนังสือเหมือนกับของคนอื่น เรียกว่าลอกไหม เช่น นิยายแจ่มใสชุดที่ตัวเอกเป็นคนราศีต่างๆ 12 ราศี เรามองว่ามันเหมือนกาตูนเรื่องนึงเลย แล้วกาตูนเรื่องนั้นมาก่อนด้วย แบบนี้

ลอกไหม หรือสามารถทำได้เป็นเรื่องปกติ

หรือเรื่องฮอร์โมน ที่ไปคล้ายซีรีส์ต่างประเทศ ถึงเขาจะบอกว่าแรงบันดาลใจ แต่ตามหลักถือว่าลอกไหม ฉันไม่คิดว่าการออกมาบอกว่า ได้แรงบันดาลใจมาจากที่นั่นที่นี่ จะเป็นเกราะป้องกันว่าไม่ได้

ลอก ไม่งั้นคนอื่นก็ลอกแล้วอ้างมั่วซั่วได้

ฉันเลยอยากรู้ว่าดราม่าฮอร์โมนนี่ ตามหลักถือว่าลอกไหม หรือเป็นสิ่งที่ทำได้ โดยตัดเรื่องที่เขาเคยบอกกับสื่อว่าได้แรงบันดาลใจมา ไปค่ะ


5 พรรณาฉากเหมือนกัน กิริยาของตัวละครเหมือนกัน แต่สำนวนแตกต่างเล็กน้อย
อันนี้ได้มาจากดราม่าในบอร์ดนี้ที่ผ่านมา คือ อันนั้นมันเหมือนหลายจุดเกินไป ก็เลยรู้ว่าลอกมา แต่ ถ้าเกิดฉันพรรณาฉากจูบเหมือนกับนิยายเรื่องอื่นขึ้นมา จะเรียกว่าลอกไหม อาจจะกิริยาเหมือน

กันในฉากจูบ โดยอาจติดตากิริยามาจากในหนัง ทำให้พรรณาออกมาในรูปแบบนั้น แล้วดันไปคล้ายกับนิยายคนอื่น แบบนี้จะเป็นไรไหมคะ เพราะคนจูบกันมันคงไม่มีอะไรแหวกมากนัก ก็ต้อง

มีซ้ำกันบ้าง


6 พวกคำพูดจากสื่อต่างๆ เอาไปเขียนในงานจะเป็นไรไหมคะ พวก เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง ร้องไห้หนักมาก แล้วถ้าอ่านงานใครมากๆ จนติดสำนวนมา เช่น อ่านหนังสือคุณช่า บันทึกของตุ๊ดและติด

ตามเฟสคุณช่าทุกวัน จนสำนวนมันซึมเข้าหัวเอง แล้วพอฉันเขียนนิยายที่มีตัวละครเป็นตุ๊ดขึ้นมา แล้วสำนวนเหมือนคุณช่าโดยไม่ตั้งใจ แบบนี้จะเป็นไรไหมคะ


ยาวหน่อยนะคะ พอดีฉันอยากเป็นนักเขียนบ้าง แต่ช่วงนี้เห็นดราม่ากันเยอะ จนกลัวว่า จะทำอะไรไม่ถูกต้องแล้วกลายเป็นดราม่าเอง ไม่อยากให้เกิดเหตุการแบบนั้นขึ้นเลยค่ะ เลยขอตั้งกระทู้ถามก่อนดีกว่า ขอบคุณค่ะ

แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

vanaya 31 ก.ค. 58 เวลา 20:08 น. 1

(ส่วนตัวเรา) คิดว่า คุณ จขกท. ควรจะ...
1. แยกประเด็นการแสดงความคิดเห็นกับการคัดลอกบทความค่ะ การแสดงความคิดเห็นมันอาจจะคล้ายหรือเหมือนกันได้ หากคิดแบบเดียวกัน แต่คัดลอกบทความ ก็คือคุณไม่ได้เป็นคนคิดขึ้นมาก่อนแต่คุณไปเอาบทความของเขามาเขียนเป็นของตัวเอง
2 เรื่องบทการพรรณนา จริงๆแล้วเราว่ามันเป็นสำนวนค่ะ จะต้องทีวิธีการพรรณาออกมาได้เป็นในแบบตัวเอง เหมือนลายมือนั่นแหละค่ะ พวกคุณคัดอักษรแบบเดียวกัน แต่สุดท้ายเขียนไม่เหมือนกันสักคน
3. ไม่ขอพูดเรื่อง ละครสื่อภาพยนต์ เราไม่มีความรู้เรื่องนี้ค่ะ ถ้าเราเจอคงบอกได้แค่ว่า "เฮ้ย! เหมือนกันเลยอะ" นั่นแหละค่ะ
4. หากมีการยกบทความมา เราว่าควรใส่เครดิตอ้างอิง อย่างรูปภาพก็ควรใส่ค่ะ เอาจริงๆแล้วถ้าเจ้าตัวดาราเรียกร้องค่าลิขสิทธิ์ขึ้นมาก็คงรวยเละกันเลย
5. ดัดแปลงบางประโยคมา ก็อาจจะใส่ว่า อ้างอิงมาจาก... ก็ว่าไปค่ะ
6.ถ้าคิดออกมาแล้วมัน โค ตร บังเอิญเหมือนสุดๆ ก็ต้องให้เครดิตผู้ที่ได้เขียนบทความนั้นเป็นคนแรกค่ะ ถึงแม้ว่าเราจะคิดได้เองทีหลังก็ตาม
ปล. ทั้งหมดนี่คือ คหสต. เท่านั้น หากอย่างได้หลักทางวิชาการรอท่านอื่นนะคะ เราก็นักหัดเขียนเช่นกัน

0
SilverPlus 31 ก.ค. 58 เวลา 20:30 น. 2

หลักการโดยส่วนตัวของผมก็ไม่มีอะไรมาก

เพื่อไม่ให้ปวดหัว...

หากเจ้าของผลงานบอกว่าอีกฝ่ายลอก แล้วพูดให้คนอื่นเชื่อได้ว่าอีกฝ่ายลอก ก็ถือว่าเป็นการลอก

คนลอก... รู้ดีที่สุด ไม่ต้องหยิบหลักการอะไรขึ้นมาอ้างให้วุ่นวาย

หรือจะให้ลงลึกอีกหน่อย... แค่ไม่หยิบพล็อตเรื่องของคนอื่นมาตรงๆ ก็พอแล้ว

ส่วนกรณีดราม่าล่าสุด ปัญหาแก้ง่ายๆเลย คือรื้อแล้วเขียนใหม่ อย่าให้อะไรเหมือนกับต้นฉบับ ทั้งสำนวน ตัวละคร การลำดับเล่าเรื่อง   และเพื่อไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นอีก อย่าเอาของคนอื่นมา ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม พยายามคิดเองให้ได้มากที่สุด เขียนเอง สร้างตัวละครเอง สร้างพล็อตเรื่องเอง อย่าไปหยิบของใครมา ให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นจากภายในความคิดของตัวเอง ไม่ใช่หยิบของคนอื่นมาวางไว้ในความคิด (โดยเฉพาะนิยายในเว็บเด็กดี อันตรายมาก) 

เรื่องลอกเป็นปัญหามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ส่วนใหญ่คนที่ชนะคือเจ้าของต้นฉบับ เห็นได้เลยว่า คนที่เขียนทีหลังนั้นแหละ จะต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เหมือนใคร เพราะแม้เราจะบริสุทธิ์ใจไม่ได้ลอก แต่มาทีหลังย่อมเสียเปรียบ ดังนั้นคิดอะไรใหม่ๆ และอย่าหยิบของใครมาตรงๆ 

0
Nemesis-Chan 31 ก.ค. 58 เวลา 22:31 น. 3

คือ จขกท. ควรแยกประเด็นหน่อยนะฮะ ชีวิตจริงนั่นเรียนจบก็ได้เงินเดือนเหมือนกันชีวิตเหมือนกันอยู่แล้วถ้าทำงานในแบบเดียวกันเพราะฉะนั้นจะออกมาบ่นเหมือนกันมันก็ไม่ถือว่าลอก

แต่เรื่องการลอกในด้านการสร้างผลงานนั่นมันเป็นเหมือนการ 'ขโมย' ครับ เหมือนคุณปลูกต้นส้มบำรุงอย่างดีเก็บผลไปขายจนมีชื่อเสียง แล้วจู่ๆ มีตาสีตาสาที่ไหนไม่รู้มาย่องเด็ดส้มของคุณไปแอบขายโดยพะยี่ห้อเป็นของตัวเอง

เรื่องการดัดแปลง กรณีนี้จะต่างกว่าการลอกเพราะนอกจากจะไปขโมยของเขามาแล้ว ยังไปปรับเปลี่ยนให้เพี้ยนไปจากเดิมแล้วนำเสนอเป็นของตัวเอง อย่างเช่น นายเอไปจิ๊กส้มจากนายบีมาแล้ว ก็ไปเอาแกะลายเพิ่มขึ้นแล้ววางขายต่อ ถึงจะดัดแปลงไปแล้วแต่ส้มนั่นมันก็คือของนายบีที่ผลิตขึ้นเอง ไม่ใช่ของนายเอที่ไปแอบจิ๊กมา

และเรื่องการใช้ภาพประกอบในนิยายแบบโนเครดิต ถ้าไม่เอาไปใช้ในเชิงค้าขายหรือแอบอ้างว่าวาดเองก็ไม่เป็นไร แต่มันก็ผิดนิดๆ ตรงที่ไปเอาภาพมาใช้แบบไม่ให้เครดิต ทำให้ไม่รู้ว่าใครคือผู้วาด

2
vanaya 31 ก.ค. 58 เวลา 22:35 น. 3-1

ประเด็นเรื่องภาพวาดไม่ให้เครดิตนี่เกิดดราม่าชามใหญ่ในพันทิพมาแล้วค่ะ เรื่องให้เครดิตกับลิขสิทธิ์นี่ละอียดอ่อนจริงๆ

0
Nemesis-Chan 31 ก.ค. 58 เวลา 22:45 น. 3-2

พันทิปนี่น่ากลัว ขืนไปดราม่าในนั้นเท่ากับขุดหลุมฝังตัวเอง

0
ไม่อิน 1 ส.ค. 58 เวลา 04:25 น. 4

1. นาย 1 ผิด เพราะได้ทำการดัดแปลงความคิดของคนอื่นให้กลายเป็นผลงานตัวเองโดยเจ้าของผลงานไม่ได้อนุญาต ต่อให้ติดเครดิตก็ผิด กฎหมายระบุไว้ครับ ดัดแปลง/ลอกเลียนผลงานผู้อื่นมาเป็นของตัวเองโดยเจ้าของงานเดิมไม่อนุญาต ถือว่าผิด

ส่วนการเอารูปผู้อื่นมาใช้ในบทความโดยไม่ให้เครดิต ถือว่าผิด แต่ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้าก็สามารถหยวนได้ครับ แต่ถ้าเอาไปทำเป็นการค้าปุ๊บ ผิดทันที แต่ตอนนี้มีกฎหมายเรื่องการให้เครดิตเพิ่มขึ้น โทษหนักขึ้น ต้องติดตามกันต่อไป แต่ในความคิดของผม ควรหยวนได้ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า

2. แค่ประโยคเดียว ไม่ผิดครับ ใครก็คิดได้ และประโยคที่พูดเป็นความจริงที่เกิดขึ้นในชีวิต ข้อเท็จจริง ไม่ถือว่าเป็นลิขสิทธิ์ครับ เช่น ข่าว ไม่ถือเป็นงานที่มีลิขสิทธิ์เพราะเป็นข้อเท็จจริง ยกเว้นจะเอาข้อเท็จจริงมาวิเคราะห์ แทรกความคิดเห็นส่วนตัวเข้าไป จะกลายเป็นงานมีลิขสิทธิ์ขึ้นมาทันที

3. ต้องดูองค์ประกอบโดยรวมทั้งหมด เคยมีกรณีศึกษาเรื่องการทำหนังสือเรียน มีคนนำหนังสือเรียนของนาย ก. ที่ตีพิมพ์แล้วมาตัดตอน สลับหน้า จัดรูปแบบใหม่แล้วพิมพ์ขาย ถือว่าผิด เพราะเนื้อหาสาระหลัก ๆ เป็นของหนังสือนาย ก.

ถ้าจะทำฮาวทูเลี้ยงแมวโดยเขียนด้วยตัวเอง หัวข้อ สำนวนภาษา รูปแบบ ภาพประกอบ ย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว (ถึงจะเหมือนกันบางหัวข้อ แต่วิธีการนำเสนอจะไม่เหมือนกัน) ยกตัวอย่าง หนังสือนำเที่ยวประเทศต่าง ๆ มีคนทำออกมาหลายเวอร์ชั่น หลายรูปแบบ ลองไปเปิดดูว่าเขาสร้างความแตกต่างให้แต่ละเล่มอย่างไร แม้เนื้อหาหลักจะเป็นการนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวเหมือนกัน แต่รายละเอียดปลีกย่อยไม่เหมือนกัน เพราะเป็นคนละคนเขียน

4. คอนเซปซ้ำได้ แต่เนื้อหาสาระหลักต้องไม่ซ้ำ คอนเซป 12 ราศีมีมาตั้งแต่เซนต์เซย่าแล้ว

ส่วนฮอร์โมน ไม่ได้ดู ตอบไม่ได้ครับ

5. ต้องเทียบดูว่าเหมือนกันมากแค่ไหน ถ้าเหมือนทุกคำ เหมือนทุกประโยค ถือว่าลอก ถ้าเหมือนเกือบทุกคำ แต่มีเพิ่ม มีลด มีสลับ ถือว่าดัดแปลง แต่ถ้าไม่ได้มาเป็นฉาก เหมือนแค่ประโยคเดียว ไม่ถือว่าลอกหรอกครับ

สมมตินะครับ คุณกับเพื่อน 50 คน เรียนวิชาการเขียนเรียงความกับครูคนเดียวกัน ครูสอนโดยการให้อ่านหนังสือเล่มเดียวกัน จบภาคเรียน ครูออกข้อสอบให้คุณกับเพื่อนทั้ง 50 คนเขียนเรียงความในหัวข้อเดียวกัน คุณคิดว่า งานทั้ง 50 ชิ้นจะมีวันเหมือนกันได้ไหม ? (ยกเว้นลอกกันนั่นแหละ เหมือนกันแน่) ทั้งที่เรียนจากครูคนเดียวกัน แต่ไม่ได้แปลว่าสำนวน/แนวคิด/วิธีการนำเสนอ จะต้องเหมือนกันเป๊ะราวกับก๊อปปี้กันมา

งานเขียนก็เช่นเดียวกัน แม้มีแรงบันดาลใจเดียวกัน เนื้อหาสาระที่ต้องการนำเสนอเหมือนกัน ชื่นชอบในสำนวนการเขียนของนักเขียนคนเดียวกัน แต่เวลาเขียน เวลานำเสนอ แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน

6. ได้ครับ สำนวนมีความคล้ายคลึงกันได้ (ขอใช้ว่าคล้ายคลึง เพราะอย่างไรก็ไม่มีทางเหมือนกันเป๊ะ 100 % เนื่องด้วยผู้เขียนทุกคนมีทัศนคติ ความคิดอ่าน บุคลิกภาพ ฯลฯ หลายสิ่งหลายอย่างไม่เหมือนกัน ทำให้แต่ละคนมีวิธีการพูด วิธีการคิดไม่เหมือนกัน และสิ่งที่พูด สิ่งที่คิด ก็มักสะท้อนออกมาผ่านงานเขียน ที่เขาว่ากันว่างานเขียนสะท้อนตัวตนผู้เขียนนั่นแหละครับ จริงที่สุด แม้แต่แฝดที่เหมือนกันมาก ๆ ยังคิดไม่เหมือนกันเลย แม้แต่ร่างโคลนนิ่งก็คิดไม่เหมือนกัน แล้วคุณคิดว่า คุณจะสามารถเหมือนนักเขียนคนอื่นได้จริง ๆ หรือในเมื่อใช้คนละสมอง คนละใจ คนละความคิดกัน ? อย่างมากก็ได้แค่คล้ายครับ)

ขอเน้นอีกครั้งว่า คล้ายคลึงได้ แต่ต้องไม่เหมือนเป๊ะทุกคำพูด ทุกประโยค

0
Mckinley 1 ส.ค. 58 เวลา 06:38 น. 5
สั้นๆ ง่ายๆ ไม่ต้องอธิบายยิดยาว
อ่านแล้วเหมือน เรียกว่า ลอก
อ่านแล้วคล้ายแบบพอกำลังอ่านเรื่องนี้ดันไปโยงได้กับอีกเรื่องหนึ่งในบัดดล เรียกว่า ดัดแปลง



0
K.W.E. 1 ส.ค. 58 เวลา 10:32 น. 6

เอาแบบภาพรวม ลอกหรือไม่ก็อยู่ที่ว่าจะถูกจับผิดได้หรือไม่ ล่ะครับ
ถ้าคนอ่าน/ฟัง/ดู ไม่รู้ถึงลอกจริงคนทำก็ลอยตัวไม่รู้ไม่ชี้ไป

ช่วงหลังในพันทิปห้องเฉลิมกรุงนี่แฉกันมาบ่อยเลยกับเพลงที่ไปก็อปมาจากนอก ซึ่งแต่ก่อนตอนไม่รู้เราก็ฟังแล้วคิดว่าสุดยอด ประทับใจ แต่พอมารู้ก็เฟลและตำหนิกันไป


แต่ว่าการตีความการลอกก็มีรูปแบบแตกต่างกันไปอยู่ มันก็เหมือนกับการเล่นเป็นนักสืบนั่นล่ะครับ ว่าจะหยบิบจับมาประกบยังไงให้ผู้กระทำยอมรับ (แต่ถ้ายอมรับเองก็จบแต่เนิ่นๆ)

ส่วนตัวผมแล้วจะดูองค์ประกอบรวมกับบริบทที่ใช้ครับ เพราะงานบางคนมันมีเรื่องของอิทธิพลต้นแบบกับแรงบรรดาลใจมาเกี่ยวข้องด้วย มีเหมือนกันที่เขียนๆไปแล้วเผลอใช้สำนวนหรือลักษณะการเขียนแบบผู้เขียนคนอื่นมา หรือเขียนๆไปแล้วเผลอไปดึงพล็อตเด็ดที่ชอบมาใช้ในเรื่องตัวเอง

แต่ไม่ว่าจะลืมตัวหรือแรงบันดาลใจยังไง ถ้าคิดเรื่องนั้นเองแต่งเอง มันยากครับที่จะไปชนทั้งภาษา และเนื้อเรื่อง อาจมีใกล้เคียงบ้าง แต่ก็ต้องมีจุดต่าง ไม่งั้นแล้วก็ถือว่ามีปัญหาตั้งแต่การคิดโครงเรื่องแต่แรกล่ะ

ที่จริงแล้วเรื่องแบบนี้ผมก็มองว่ามันเป็นอะไรที่คาบเกี่ยวหลายอย่างอยู่นะ คือเจตนาผู้ทำ และความจริงจังของผู้ถูกละเมิด

เราเลยเห็นคำพูดติดปากของหลายคนแพร่หลายไปในเน็ตก็ตั้งแต่ กันบ้างอะไรบ้างแล้ว ตอนนี้ก็มาเป็น เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง เท่าที่ดูส่วนใหญ่จะใช้ในเชิงแซวมากกว่า เอาฮามากกว่า เจ้าของผลงานเลยไม่อะไรมาก แต่ถ้ามีสักคนมาออกผลงานแล้วเครมว่าฉันคือคนคิดคำนี้นะ นั่นล่ะงานเข้าแน่

เพราะเรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน นักเขียนนักแปลหลายคนจึงพยายามเลี่ยงเท่าที่ทำได้ครับ ถ้าพล็อตก็ต้องพยายามนึกให้ฉีกที่สุด ถ้าเกิดยังเหมือนอีก อย่างน้อยก็ไม่เหมือนเป๊ะ หรือทำมาประชันในอีกรูปแบบเลย ฉะนั้นแล้วเราจะเห็นแนวเรื่องหลายแนวที่วางคอนเซฟเดียวกันแต่เนื้อในนอกจากประเด็นหลักต่างกันอย่างสิ้นเชิง

หนังเก่าๆก็เช่น อาร์มาเกดด้อน กับ ดีพอิมแพค ที่ชัดๆเลยว่าอุกกาบาตถล่มโลก แต่ลักษณะอุกกาบาตและวิธีการแก้ปัญหาต่างกัน รวมไปถึงจุดจบด้วย

การ์ตูนญี่ปุ่นเองก็พยายามจะมาเป็นยุคๆ ช่วงหนึ่งๆรู้สึกเหมือนเขาแข่งขันกันยังไงชอบกลมีธีมคล้ายๆกันออกมาไล่เรี่ยกัน อย่าง Wagaya no Oinarisama กับ Kanokon ที่มาคอนเซฟจิ้งจอกเหมือนกัน

ล่าสุดก็สาวเรืออย่าง arpeggio of blue steel ที่นำร่องเอาเรือมาสร้างโมเดลเป็นมนุษย์ แล้วจากนั้นก็มีเกมและอนิเม Kantai Collection ที่ถ้าดูเผินๆมันก็คอนเซฟเดียวกัน แต่ดูยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน มีนักเขียนโดจินหลายคนจับมาประกบกันแล้ว ครอสโอเวอร์กันก็มี ได้อารมณ์ฮาคนละเรื่องเช่นกัน

เพราะฉะนั้นแล้ว ผมว่าผู้ผลิตผลงานต้องมีความตระหนักในตัวเองครับว่างานเราได้แรงบันดาลใจมาจากไหน ต้องยอมรับส่วนนี้ก่อน การลงเครดิตก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือจะทำยังไงพล็อตที่ได้รับมาถึงจะแตกต่างจากของเดิม มีเอกลักษณ์เข้ากับแนวทางเรามากกว่าแนวทางต้นฉบับ และควรจะมองไปถึงพล็อตรองทั้งหลายในเรื่องด้วยว่ามีความเหมือนหรือไม่

คิดวนหลายๆรอบ ถ้างานยังไม่ชัดเจนพอก็อย่าเพิ่งดันผลงานออกมาทั้งแบบนั้นครับ มีโอกาสสูงที่ถูกมองว่าลอก ไม่ว่าเราจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม

ผมเชือว่าผู้อ่านที่ตามผลงานจริงๆ ไม่ได้คิดจับผิดกันมาแต่ต้นหรอกครับ เหมือนบ้างคงหยวนๆ ถ้าจะโดนติงจริงๆคือมันเหมือนมากเกินไป หรือผู้เขียนออกตัวเหนือว่าคิดเองทำเอง อะไรแบบนั้นมากกว่า

แล้วถ้าเกิดสายจับผิด หรือกลุ่มแฟนคลับ หรือผู้ชมชอบเรื่องต้นฉบับมาอ่านจริง ถึงตอนนั้นล่ะยาวแน่ๆ

ฉะนั้นรู้ตัวเอง ปิดช่องโหว่ให้มากที่สุดก่อนสร้างผลงานน่าจะดีสุดครับ

0