Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

"รักแรก"มันแยกยาก!!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่


                                                                                   

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

Maaya 8 ต.ค. 58 เวลา 16:08 น. 1

รักแรกของเรานะคะ อาจจะดูแก่แดดไปหน่อยแต่เราได้รู้จักกับรักแรกตอนเราอยู่ชั้นป.4 
ตอนนั้นเราก็เป็นเพียงเด็กประถมธรรมดาๆคนหนึ่ง หน้าตาก็ไม่ได้น่ารักหรือเรียนเก่งอะไร 
เราได้ที่นั่งริมหน้าต่างห้องซึ่งห้องเรียนเราอยู่ชั้นล่างสุดของอาคารเรียน 
     อยู่มาวันหนึ่งมีงานนิทรรศการวิทยาศาสตร์จัดขึ้นที่หอประชุม เราและเพื่อนผู้หญิงอีกสองคนก็ไปเข้าร่วมชมงาน ในขณะที่เรากำลังเดินอยู่กับเพื่อนก็เดินไปชนกับพี่ผู้ชายคนหนึ่ง(อาจจะเหมือนฉากในนิยาย แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงนะ) เราก็เงยหน้าไปมองคนที่ชนและพูดว่า" ขอโทษค่ะ" พี่คนนั้นก็ไม่พูดอะไร เอาแต่ยิ้มๆกับกลุ่มเพื่อนพี่เขา
    หลังจากวันนั้น ตอนช่วงพักเราก็นั่งวาดรูปเล่นอยู่ที่โต๊ะของเรา แล้วจู่ๆก็มีผู้ชายคนนึงโผล่หน้ามาตรงหน้าต่างที่เรานั่งอยู่และยิ้มให้เรา เราก็ตกใจและลุกขึ้นวิ่งหนีไป หลังจากเหตุการณ์นั้น ทำให้เราได้รู้ว่า" ผู้ชายที่โผล่หน้าแกล้งเราตรงหน้าต่างคือรุ่นพี่ป.6 ที่เราเดินชนเมื่อวันงานวิทยาศาสตร์
    ต่อมา 
เพื่อนผู้หญิงในห้องเราคนหนึ่งที่รู้จักพี่คนนั้นมาพูดกับเราว่า "พี่ P (นามสมมุติ) ชอบเธอนะ" เราก็ตอบเพื่อนกลับไปว่า " พี่ P ชอบ J (เพื่อนเรา) หรือเปล่า เพราะ J น่ารักกว่าเราอีกนะ" 
    หลังจากที่เราได้ยินเพื่อนพูดแบบนั้น เราก็คอยแต่สังเกตพี่คนนั้นตลอด จากที่เคยอยู่โรงเรียนเดียวกันมาตั้งนานไม่เคยเห็นหน้าพี่ P ก็เจอพี่ P ตลอด ส่วนพี่ P ก็จะคอยยิ้มให้และชอบมาโผล่ที่หน้าต่างบ่อยๆ จนเราเริ่มรู้สึกหวั่นไหวและรู้สึกชอบ 
   ปล. ยังไม่จบนะคะ เรื่องค่อนข้างยาว ไว้จะมาเขียนต่อนะคะ

4
ploy_nicha 11 ต.ค. 58 เวลา 19:13 น. 1-1

ยินดีรับฟังค่า เราก็เคยเจอรุ่นพี่แบบนี้ค่ะ แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้บอกความจริงไปจนสุดท้ายพี่เขาก็ไปมีแฟน เราเลยตัดใจแล้วมองหาคนใหม่555

0
Maaya 12 ต.ค. 58 เวลา 16:09 น. 1-2

ค่ะ แต่ของเราเรื่องราวมันไม่ได้เป็นแบบของเจ้าของกระทู้นะสิ
หลังจากนั้น เราก็ได้ยินและเห็นตัวตนของพี่เขาว่าเป็นคนค่อนข้างเจ้าชู้ ชอบมองสาวที่ขาวๆ น่ารักๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับเรา เราเลยเผื่อใจค่ะและไม่ได้บอกความรู้สึกกับพี่คนนั้น
ต่อมา พี่ P ก็จบการศึกษาไปค่ะ ไปเรียนต่อโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ แต่ความรู้สึกของเราก็ยังไม่เปลี่ยนนะคะ ยังรู้สึกชอบพี่คนนั้นอยู่ จนกระทั่งเราอยู่ป.6 พี่ P ก็กลับมาที่โรงเรียนและมาขอเบอร์โทรศัพท์เราจากเพื่อน (เพื่อนคนนั้นก็มาบอกเราว่าให้เบอร์โทรกับพี่Pไปแล้ว) และเราก็โทรคุยกับพี่ P ตลอดทุกวันค่ะ เราเองก็รู้สึกชอบความรู้สึกนั้นนะคะที่ได้คุยกัน
แต่พอเราใกล้จบป.6 จู่ๆเราก็คิดขึ้นมาว่า อีกหน่อยจะต้องไปเรียนต่อโรงเรียนเดียวกับพี่ P แล้ว ถ้าเกิดว่าพี่เขากลับไปมีแฟนอยู่โรงเรียนมัธยมอยู่แล้วละ เราเลยรู้สึกกลัวและคิดว่าควรจะจบความสัมพันธ์แบบนี้ลงซะ
เย็นวันหนึ่งพี่ P โทรมาตามปกติ เราเลยตัดสินใจพูดโกหกพี่เขาไปว่า "เรามีคนที่ชอบคนใหม่แล้วนะ" พี่เขาพูดแค่ว่า "หรอ" แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยนั่นเป็นครั้งแรกที่เราหักอกคนอื่น
จนเราไปเจอพี่ P ที่โรงเรียนมัธยมอีกครั้ง เราจำได้ว่า ครั้งแรกที่เราเจอหน้าพี่เขา เราใจเต้นแรงเหมือนจะระเบิด เราเองก็สงสัยว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้นและเป็นทุกครั้งที่เจอหน้าพี่ P ด้วย เราก็ยังคงแอบมองพี่เขาตลอด แต่ก็ไม่ได้คิดจะเริ่มต้นใหม่หรอกนะ
แต่ครั้งนึงที่บังเอิญว่าสมัครไปอยู่ชมรมเดียวกันกับพี่ P มีเหตุการณ์นึงที่เราจำได้ว่า ตอนนั้นเป็นช่วงเลิกชมรม แล้วคนในชมรมก็เยอะมากด้วยเลยเดินเบียดๆกันออกไป แล้วเรารู้สึกเหมือนมีคนจับมือเราแบบแน่นมาก เราไม่รู้ว่าใครจับมือเรา เราก็เลยพยายามขัดขืนและสะบัดมือให้หลุดจากมือใครก็ไม่รู้ที่มาจับเรา แต่พอเราหันไปข้างหลังเรากลับตกใจว่า เป็นพี่ P ยืนอยู่(เราเลยแอบคิดว่า เป็นพี่ P หรือเปล่าที่พยายามจับมือรั้งเราเอาไว้)
แต่สุดท้าย เราสองคนก็ไม่ได้คุยกันหรือทักทายกัน จนกระทั่งพี่เขาจบการศึกษาและไปเรียนต่อที่อื่น
ปล. การที่เราหักอกพี่ในตอนนั้น ทำให้เราได้รับกรรมตามสนองภายหลัง (เราคิดว่านะ) ถ้าอยากฟังเราก็เล่าให้ฟังได้ 555

0
Maaya 13 ต.ค. 58 เวลา 18:10 น. 1-4

ได้ค่ะ เรื่องราวต่อจากที่พี่คนนั้นจบการศึกษาไปแล้วนะคะ จากที่เคยมองแต่พี่คนนั้นตลอดเมื่อไม่มีคนให้มองแล้ว เราเลยหันมาอยู่กับตัวเองมากขึ้นและเริ่มสนิทกับเพื่อนใหม่ๆในชั้นมัธยมต้นมากขึ้น
จนเราเริ่มแอบมีความรู้สึกดีๆให้กับเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่ง เขาชื่อ A เป็นคนที่หน้าตาก็โอเคนะ เรียนอยู่ในระดับปานกลาง(เราอยู่ห้อง King ระดับปานกลางคือวัดจากคนภายในห้องนะ ) เขาเล่นกีฬาเก่งมากกว่า ทั้งบาสเกตบอล ฟุตบอล และก็อยู่ชมรมดนตรีเป่าแซกโซโฟน ตอนแรกเราก็ไม่ได้ชอบเขาหรอกแต่โดนเพื่อนล้อ เลยหวั่นไหวกับการล้อของเพื่อน ทั้งๆที่เราก็เคยโดนล้อกับเพื่อนผู้ชายคนอื่นในห้องนะ แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไร
มีเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่เขาทำให้เราหวั่นไหว จนเราแอบเอาเรื่องราวเหล่านั้นไปแต่งนิยาย(แต่ใช้ชื่อสมมุติ) เพื่อนในกลุ่มเราเท่านั้นที่เราเอาให้อ่าน เรารู้ตัวว่าเราชอบเขามากแต่เราก็ไม่ได้บอกความรู้สึกหรอกค่ะ เพราะเราไม่ใช่คนขาวน่ารักตามสเปคของเขา(แพ้คนขาวอีกตามเคย) แต่เราก็มีความสุขที่ได้แอบชอบไปวันๆนะคะ
จนใกล้จะจบม.3 ความสุขของการแอบชอบก็สิ้นสุดลง เช้าของวันพุธ(จำได้ดี) เพื่อนสนิทเราบอกเราว่า A มีแฟนแล้วนะเป็นรุ่นน้องม.1 ตอนนั้นเราอึ้งมากและก็ทำอะไรไม่ถูก วันทั้งวันเอาแต่เดินเหม่อ และไม่อยากจะมองหน้า A อีก จนเราทนไม่ไหวเผลอร้องไห้ออกมา เพื่อนเราก็ถามว่าเราเป็นอะไรรึเปล่า เราเลยไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง
วันต่อมา เราเดินสวนกับ Aที่เดินมากับแฟน เราก็ยิ้มแหยๆ น้องคนนั้นก็ยิ้มมาให้เรา แล้วเราก็ยืนมองสองคนนั้นเดินไปด้วยกัน และคิดว่า เขาสองคนก็เหมาะสมกันดีนะ รุ่นน้องคนนั้นทั้งขาวและหน้าตาน่ารักมาก เราอกหักค่ะตั้งแต่ยังไม่ได้บอกความรู้สึกด้วยซ้ำ แต่เราก็ยังตัดใจไม่ได้นะยังแอบเป็นห่วงเขาอยู่
เราจำได้ว่าตอนนั้นแข่งบาสเกตบอลระหว่างชั้นเรียนเดียวกัน ห้องเราก็แข่งได้ที่หนึ่งเพราะมีแต่นักกีฬาบาสอยู่ครบทีม ตอนนั้นแข่งกันโหดมากเพราะแข่งยาวติดต่อกัน พวกเราเพื่อนร่วมห้องเลยไปนั่งเชียร์จนจบเกม เราแอบเห็นมือของA มีแผลถลอกเต็มไปหมด เพราะเล่นบาส อยู่ๆน้ำตาเราก็ไหลออกมาค่ะ เพราะสงสาร แต่แล้วแฟนของA ก็เดินเข้ามาและพูดอะไรกันนี่แหละแล้วA ก็ยิ้มให้แฟน
พอเราเห็นแบบนั้น เราเลยคิดได้ว่า ควรจะพอได้แล้วนะเขามีคนคอยห่วงใยอยู่แล้ว
หลังจากนั้นเราก็พยายามตัดใจและมองหาเป้าหมายใหม่เพื่อลืม A แต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรแค่กรี๊ดไปวันๆ จนจบม.3 เราขึ้นม.ปลายและเรายังคงเรียนต่อที่เดียวกับA แต่อยู่คนละสาย พอขึ้นม.ปลายเราเลยตั้งใจจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ จะพยายามยิ้มให้เยอะๆ เพราะเราถูกเพื่อนว่าเป็นเสือยิ้มยาก คนเลยไม่กล้าเข้าใกล้
ชีวิตม.ปลายก็สนุกนะคะ แต่แค่ไม่คุ้นกับเพื่อนใหม่ มีแอบคิดถึงเพื่อนตอนม.ต้นแต่เราก็ต้องเดินหน้าต่อไป เราเลยค่อยๆทำใจได้จริงๆ ไม่คิดมากกว่าเพื่อนกับA อีก เรามารู้ทีหลังว่า A เองก็รู้ว่านิยายที่เราแต่งนั้นคือ A นั่นหมายความว่า เขารู้มาโดยตลอดว่าเราชอบเขาแต่เขาก็ไม่พูดอะไร แสดงว่าเขาก็ไม่ได้คิดเกินเพื่อนกับเรา เราเลยคิดว่า ดีแล้วที่เราไม่ได้บอกชอบเขาไป
ปล.1 ไม่รู้ทำไมเรารู้สึกว่าความรู้สึกชอบA ของเรามันลืมยากกว่าที่เรามีให้พี่ P เสียอีก
ปล.2 นิยายที่แต่งตอนนั้นสุดท้ายก็ไม่ได้แต่งต่อจนจบแล้วเราก็เอามันไปฝังดิน

0