Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[ขอความช่วยเหลือ] บทบรรยายดูเยอะเกินไป แต่อ่านไม่รู้เรื่อง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีทุกท่านที่แวะเข้ามาในบอร์ดแห่งนี้ ปกติแล้วเจ้าของกระทู้ใช้การบรรยายแบบสรรพนามบุรุษที่หนึ่ง แต่ล่าสุดเพิ่งจะปรับเปลี่ยนมุมมองการบรรยาย เพราะต้องให้รายละเอียดเหตุการณ์ในสิ่งที่ตัวเอกไม่เห็น
ตอนนี้เจ้าของกระทู้มีปัญหาเรื่องการลงรายละเอียดบรรยายที่ดูจะเยอะ แต่โดยรวมแล้วเหมือนจะอ่านไม่รู้เรื่อง
ใครพอจะมีตัวอย่างบทความดีๆ ที่บรรยายกระชับจับใจ อ่านแล้วเข้ใจง่ายมาแนะนำบ้างมั้ยคะ
ส่วนในช่องสปอยด้านล่างคือ เนื้อหาที่เป็นปัญหาของเจ้าของกระทู้ค่ะ
ยกมาทั้งบทเลยทีเดียว

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความ

“ไม่เคยคิดเลยว่า เขา’ จะยังไม่ตาย”

สุ้มเสียงเรียบเฉยเปรยขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด แสงจันทร์สาดส่องจากฟากฟ้าไกลเผยให้เห็นเสี้ยวหน้าหนึ่งของบุรุษคนแรกผู้มีท่าทางนิ่งเฉยราวรูปปั้น เส้นผมซึ่งปรกลงมาเกือบค่อนหน้าทำให้ไม่อาจรับรู้ได้ว่าชายผู้นี้กำลังแสดงสีหน้าแบบไหน หากอนุมานจากริมฝีปากที่ดูเรียบเฉยอาจตีความได้ว่าเขาไม่รู้สึกรู้สาอะไรนัก

เขามักยืนกอดอก จับจองพื้นที่เพียงมุมหนึ่งเล็กๆ เพื่อรับฟังการสนทนาและแสดงทีท่าตามแต่ที่สมควร แม้ว่าห้องสี่เหลี่ยมที่ยืนอยู่ตอนนี้จะมีขนาดกว้างขวาง เต็มไปด้วยสิ่งซึ่งประดับประดาและเครื่องเรือนหรูหราเต็มห้องก็ตาม แต่เขาก็ยังปรารถนาเพียงความสงบเงียบเล็กๆ เพียงเท่านั้น นานๆ ทีจะแสดงความคิดเห็นออกไป เช่นครั้งนี้กับประโยคก่อนหน้า...

“กลิ่นไอของคนคนนั้นทำให้ฉันรู้สึกได้เสมอ”

เสียงของใครคนเดิมดังขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าเรียบเฉยนั้นเบนขึ้นเล็กน้อยเพื่อสังเกตสถานการณ์ทุกอย่างโดยรอบ

ทว่ามีเพียงสองสิ่งซึ่งสะดุดตาคืออีกสองผู้ร่วมชะตากรรมซึ่งนั่งอยู่กันคนละฟากฝั่งตรงหน้าเขา เป็นสองบุรุษผู้มีลักษณะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ชายซึ่งอยู่ตรงด้านขวากำลังนั่งเอนหลังลงบนพนักพิงแล้วยกขาพาดตัก ดีดนิ้วมือเล่นเพื่อจุดดวงอัคคีขนาดเล็กขึ้นมาแล้วดับลง ไม่ต่างอะไรกับการเปิดปิดฝาครอบไฟแช็ก มันเป็นกริยาที่แสดงลักษณะของการครุ่นคิดบางอย่าง แม้ดวงลูกไฟจะดูสว่างเจิดจ้า แต่ผิวขาวๆ ของซึ่งสะท้อนแสงจันทร์แลดูผุดผ่องเจิดจรัสเกินกว่านั้น

ชายผู้สังเกตการณ์หรี่ตามองคนตรงหน้าโดยไร้ซึ่งความรู้สึก ก่อนที่จะตัดสินใจเบนใบหน้าไปอีกทิศทางหนึ่งซึ่งอยู่ไกลจากที่ที่เขายืนอยู่มากที่สุดเลยก็ว่าได้ เขาจงใจลอบมองอีกหนึ่งบุรุษตรงด้านซ้ายด้วยอาการนิ่งเฉย หรืออาจเรียกได้ว่าสำรวมตัวตนน่าจะเหมาะสมกว่า

บุรุษตรงด้านซ้ายที่สายตาเผชิญคือผู้เป็นเจ้าของกลิ่นไอที่ดูสุขุมน่าเกรงขาม แผ่นหลังตั้งตรงสง่างามไร้การไหวติงหรือเอนอ่อน แม้จะนั่งอยู่บนเก้าอี้ซึ่งมีพนักพิง หากแต่ชายผู้นี้กลับไม่ปรารถนาซึ่งความสุขสบายดังกล่าว สายตาจ้องมองไปข้างหน้าดั่งมีเป้าหมายชัดเจนในขณะที่นั่งอยู่ตรงใจกลางบริเวณห้องกว้างโดยไร้ซุ่มเสียง ราวกับกำลังครุ่นคิดถึงสถานการณ์บางอย่างโดยใช้สมาธิขั้นสูง

ผู้เฝ้ามองสถานการณ์ดังกล่าวจึงเลือกที่จะเบนหน้าออกไปมองแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาตามเดิม

แต่แล้วเสียงหนึ่งก็เอ่ยขึ้นหลังจากที่ทั่วทั้งห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบเชียบ มันจึงเป็นเสียงเดียวที่ดังกังวานอยู่ภายใต้ค่ำคืนอันเงียบสงัดเช่นนี้

“ผู้รักสงบอย่างนาย... จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอของอสรพิษร้ายก่อนใครเพื่อนย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก”

สิ้นแสงของเปลวไฟจากปลายนิ้วมือซึ่งดับลง คำวิเคราะห์ก็ถูกเอ่ยขึ้นก่อนที่จะตามด้วยเสียงผิวปากเป็นจังหวะสูงต่ำ จากที่เคยนั่งเอนหลังพิงพนักก็เปลี่ยนมาเป็นท่าทางบิดขี้เกียจก่อนที่จะลุกขึ้นนั่ง พาดสองศอกลงบนตักแล้วเบนหน้าสลับซ้ายขวา เพื่อรอปฏิกิริยาตอบรับจากเพื่อนร่วมสถานการณ์เดียวกัน

ทว่าไร้คำพูดใดๆ ที่ตอบกลับมาจากร่างสูงซึ่งยืนอยู่ ประโยคถัดไปจึงจงใจพูดกับอีกคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างเสียแทน

“ไม่ใช่สิ! นายต่างหากที่จับสัมผัสของ เขา’ ได้เป็นคนแรก”

ไม่พูดเปล่าแต่ดันยื่นนิ้วชี้ไปสะกิด พร้อมส่งสายตาคมไม่ต่างจากพญาเหยี่ยวเบนสบดวงหน้าเรียบนิ่งซึ่งนั่งอยู่ด้านข้าง ซึ่งได้ผล... ดวงตาดุดันคมคายจ้องมองกลับมาทันที และนั่นหมายถึงเขาต้องรีบลดนิ้วลง ก่อนที่จะนำฝ่ามือมาสมานกันแล้วดัดเล่นแก้เก้อ

ทุกครั้งที่ได้สบนัยน์ตาคมดุจพญาราชสีห์ ไม่มีใครที่จะไม่กริ่งเกรงหรือหวาดกลัว ชายผู้เป็นเจ้าของเปลวไฟในตัวตนก็เช่นกัน แม้จะไม่เคยรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ ไม่เคยรู้สึกว่าถูกข่ม แต่ก็ไม่ปรารถนาจะต่อกรด้วยความรู้สึกกริ่งเกรงบางอย่าง

ทว่าขณะนี้มีเรื่องสำคัญที่ต้องเผชิญยิ่งกว่า เจ้าของสองนัยน์ตาคมซึ่งนั่งอยู่ข้างกันจึงสบมองกันอีกครั้ง ราวกับต้องการสื่อสารบางอย่างให้แก่กันและกันโดยไม่มีใครล่วงรู้

แต่ไม่นาน... หนึ่งในนั้นก็หลบตาแล้วเอนหลังลงพนักพิงตามเดิม จ้องมองประกายไฟจากปลายนิ้วของตนซึ่งเป็นคนก่อ ดวงไฟที่ดับลงก็ถูกจุดขึ้นใหม่อีกครั้งพร้อมกับเสียงผิวปาก เรียกร้องให้ชายผู้เอนหลังพิงกำแพงด้วยอาการสงบก้าวเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา

ชายผู้ที่กำลังเดินก้าวเข้ามา... จากที่เคยยืนกอดอกอยู่เฉยๆ แล้วจ้องมองแสงจันทร์ จนบัดนี้เขาก็ยังคงมีอาการนิ่งเฉยอยู่อย่างนั้น เพียงแต่เปลี่ยนท่าทางมาล้วงกระเป๋าแบบนิ่งๆ เสียแทน

“ตอนนั้นที่เธอจะล้ม” บทวิเคราะห์ของผู้มาใหม่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมกับจังหวะที่ก้าว “ฉันเผลอคว้าข้อมือเธอแรง แต่เธอกลับไม่เป็นอะไรเลย”

“ใช่และแปลกมาก...” อีกเสียงหนึ่งจากชายซึ่งนั่งอยู่เสริมขึ้น หลังจากที่เขาหยุดผิวปากได้ไม่นานนัก “ปกติสัมผัสของฉัน ร้อยทั้งร้อยสาวๆ จะระทวย แต่เธอกลับเหมือนหวาดกลัว และแสดงทีท่าเป็นปรปักษ์ ทำอย่างกับว่ามันออกมาตามสัญชาติญาณของสัตว์สองชนิดซึ่งไม่ถูกกัน ซึ่งในขณะที่ฉันเป็นตัวฉัน แล้วเธอคนนั้นล่ะ... เป็นอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะ เขา’ ทำให้เธอเปลี่ยน”

“นั่นหมายถึง... เขาพ่ายแพ้ให้กับสัญชาติญาณของตัวเอง” ชายซึ่งยืนอยู่แสดงคำพูดเห็นด้วย ก่อนที่จะรอฟังคำสนทนาถัดไปจากชายตรงหน้าซึ่งกำลังนั่งเอนหลังพิงพนัก

“แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขั้นนี้” ประโยคดังกล่าวจบลงพร้อมกับเปลวไฟที่ค่อยๆ มอดดับ ชายผู้พิงพนักหยัดตัวขึ้นนั่งพร้อมกับส่งนิ้วเรียวยาวคว้าสิ่งซึ่งวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้ามาถือไว้

มันคือหนังสือพิมพ์ที่พาดหัวข่าวตัวใหญ่ถึงเหตุการณ์อำมหิตที่เกิดขึ้นกับสอง โจรชั่ว’ ผู้ก่อคดีอุกฉกรรจ์ รายละเอียดในนั้นกล่าวขวัญถึงผู้ก่อเหตุฆาตกรรมเหนือมนุษย์ ภายใต้กองเลือดสีแดงฉานหากแต่ไร้ซึ่งการต่อสู้ใดๆ อย่างน่าประหลาด

“เรายังมั่นใจไม่ได้” มันเป็นประโยคของชายผู้ซึ่งนั่งเงียบมาตลอด ก่อนที่จะเบนนัยน์ตาคมดุจราชสีห์มองสบอีกสองผู้ร่วมชะตา บทสนทนาก่อนหน้ามีอันต้องหยุดนิ่ง ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย ยกเว้นผู้ที่อยู่ภายใต้ท่วงท่าอันสุขุมน่าเกรงขาม

 “ฉันว่าเราไม่ควรเชื่อในสิ่งที่ใครบางคนบอกเล่า ไม่ควรเชื่อในสิ่งที่ฟังตามๆ กันมา และถึงแม้จะเห็นด้วยตาเราก็ต้องรออนุมานจากอะไรหลายอย่างจนกว่าจะแน่ใจ”

สายตามุ่งมั่นดั่งพญาราชสีห์สบมองสองร่างสูงที่นั่งและยืนอยู่สลับกัน เมื่อไม่เห็นว่ามีใครคัดค้านจึงเอ่ยประโยคถัดไปอย่างช้าๆ แต่ชัดถ้อยชัดคำก้องกังวาน

“เราต้องพิสูจน์ หรืออย่างน้อยเราก็ต้องทำให้เขาออกมาจากที่ซ่อนด้วยตนเองเสียก่อน”

เสียงคมเข้มดังขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีใครคิดขัด ก่อนที่คำพูดสุดท้ายจะถูกกล่าวออกมาดั่งคำประกาศิตที่ไม่ว่าใครต้องเชื่อฟัง ยิ่งกว่าคำสั่งหรือการชักนำให้คล้อยตาม แต่นั่นคือการใช้เหตุผลในการสื่อสาร ทว่าทุกคำที่ออกมาจากปากเขา ผู้ฟังล้วนน้อมรับเสมอราวกับเกรงใจ ไม่สิ... มันยิ่งใหญ่กว่านั้น

“ฉันมีเรื่องบางอย่างให้พวกนายทำ”

ประกายตาคู่คมเข้มสะท้อนถึงอะไรบางอย่างในนั้น ทันทีที่ผู้ฟังทั้งสองได้สบซึ่งนัยน์ตา พวกเขาก็พยักหน้าให้กันก่อนที่จะใครคนหนึ่งในนั้นจะแปรสภาพตนเองเป็นอะไรที่แตกต่างออกไปจากความเป็นมนุษย์

ชายที่เคยนั่งพิงพนักเริ่มหยัดกายแล้วยืนขึ้น พร้อมกับกางปีกทั้งสองข้างออกมาแทนที่แขนและสยายออกจนสุด ไม่นานนักมันก็หดเล็กลงตามใจนึกหลังจากที่ถูกสะบัดขึ้นลงเพียงไม่กี่ครั้ง ไม่ต่างจากเจ้าของเรือนร่างสูงโปร่งงามสง่าที่บัดนี้กลายสภาพเป็นเพียงนกตัวหนึ่งซึ่งมีสีขนอันดำขลับ สีผิวพรรณแตกต่างจากตอนเป็นมนุษย์ธรรมดาโดยสิ้นเชิง หากแต่พู่ระหงที่พลิ้วไหวยามต้องลม และจะงอยปากรวมทั่งกรงเล็บแกร่ง ล้วนบ่งบอกว่า เขา’ ไม่ใช่อะไรดาษดื่นที่เป็นดั่งสัตว์ธรรมดาทั่วไป

โดยเฉพาะไอร้อนที่แผ่ออกมา... แม้ว่าจะถูกควบคุมโดยผู้เป็นเจ้าของ ดวงตาสีเหลืองทองดั่งประกายแก้วคู่คมที่มีประกายแห่งอัคคีล้อมกรอบอยู่ในนั้น

และชั่วพริบตาเรือนร่างของนกไฟก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าที่มีสีดำสนิทเฉกเช่นตัวตน ราตรีกาลกว้างใหญ่โดยรอบโอบรัด กลมกลืนไปกับผืนฟ้าที่ไร้ซึ่งขอบจำกัด เพื่อมุ่งสู่ทิศทางที่ปรารถนาจะไป...

“ส่วนฉันคงไม่เหมาะ” ชายผู้ซึ่งยืนนิ่งดั่งรูปปั้นมาตลอดเปรยเสียงเรียบ ยักไหล่เบาๆ เหมือนไม่รู้สึกอะไรมากนัก “สำหรับเมืองใหญ่แบบนี้ผู้คนคงแตกตื่น”

“นายก็มีวิธีของนาย... ฉันรู้”

จบประโยคที่อีกฝ่ายตอบรับ สองมือซึ่งเคยล้วงกระเป๋าก็เกาะเข้ากับขอบหน้าต่างบานใกล้ พริบตาดังกล่าวร่างสูงที่เคยยืนหยัดก็อันตรธานหายไปจากที่ตรงนั้น ก่อนที่จะบังเกิดเสียงร่วงหล่นของอะไรบางอย่างดังขึ้นเบื้องล่าง ราวกับว่าเขาจงใจกระโดดลงไปโดยไม่ลังเล

ไม่นานทุกอย่างก็ถูกความเงียบเข้าปกคลุมจนสงัด เหลือเพียงสายตาคู่คมดุจราชสีห์ที่ยังคงอยู่ภายใต้ห้องกว้างใหญ่ซึ่งถูกราตรีกาลโอบรัด ทว่าสิ่งที่โดดเด่นไม่เหมือนเก่าคือรอยยิ้มบางอันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้ชี้นำ ซึ่งนานๆ ครั้งและน้อยคนนักที่จะได้เห็น

ริมฝีปากได้รูปขยับพูดกับตนเองอย่างแผ่วเบา

“แล้วเจอกันแน่... บาซิลิสก์”

 


แสดงความคิดเห็น

10 ความคิดเห็น

Change Dream 7 ต.ค. 58 เวลา 13:04 น. 1

“ไม่เคยคิดเลยว่า เขา’ จะยังไม่ตาย”

สุ้มเสียงเรียบเฉยเปรยขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด แสงจันทร์สาดส่องจากฟากฟ้าไกลเผยให้เห็นเสี้ยวหน้าหนึ่งของบุรุษคนแรกผู้มีท่าทางนิ่งเฉยราวรูปปั้น เส้นผมซึ่งปรกลงมาเกือบค่อนหน้าทำให้ไม่อาจรับรู้ได้ว่าชายผู้นี้กำลังแสดงสีหน้าแบบไหน หากอนุมานจากริมฝีปากที่ดูเรียบเฉยอาจตีความได้ว่าเขาไม่รู้สึกรู้สาอะไรนัก

เขามักยืนกอดอก จับจองพื้นที่เพียงมุมหนึ่งเล็กๆ เพื่อรับฟังการสนทนาและแสดงทีท่าตามแต่ที่สมควร แม้ว่าห้องสี่เหลี่ยมที่ยืนอยู่ตอนนี้จะมีขนาดกว้างขวาง เต็มไปด้วยสิ่งซึ่งประดับประดาและเครื่องเรือนหรูหราเต็มห้องก็ตาม แต่เขาก็ยังปรารถนาเพียงความสงบเงียบเล็กๆ เพียงเท่านั้น นานๆ ทีจะแสดงความคิดเห็นออกไป เช่นครั้งนี้กับประโยคก่อนหน้า...

“กลิ่นไอของคนคนนั้นทำให้ฉันรู้สึกได้เสมอ”

เสียงของใครคนเดิมดังขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าเรียบเฉยนั้นเบนขึ้นเล็กน้อยเพื่อสังเกตสถานการณ์ทุกอย่างโดยรอบ

ทว่ามีเพียงสองสิ่งซึ่งสะดุดตาคืออีกสองผู้ร่วมชะตากรรมซึ่งนั่งอยู่กันคนละฟากฝั่งตรงหน้าเขา เป็นสองบุรุษผู้มีลักษณะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ชายซึ่งอยู่ตรงด้านขวากำลังนั่งเอนหลังลงบนพนักพิงแล้วยกขาพาดตัก ดีดนิ้วมือเล่นเพื่อจุดดวงอัคคีขนาดเล็กขึ้นมาแล้วดับลง ไม่ต่างอะไรกับการเปิดปิดฝาครอบไฟแช็ก มันเป็นกริยาที่แสดงลักษณะของการครุ่นคิดบางอย่าง แม้ดวงลูกไฟจะดูสว่างเจิดจ้า แต่ผิวขาวๆ ของซึ่งสะท้อนแสงจันทร์แลดูผุดผ่องเจิดจรัสเกินกว่านั้น

ชายผู้สังเกตการณ์หรี่ตามองคนตรงหน้าโดยไร้ซึ่งความรู้สึก ก่อนที่จะตัดสินใจเบนใบหน้าไปอีกทิศทางหนึ่งซึ่งอยู่ไกลจากที่ที่เขายืนอยู่มากที่สุดเลยก็ว่าได้ เขาจงใจลอบมองอีกหนึ่งบุรุษบุรุษตรงด้านซ้ายที่สายตาเผชิญคือผู้เป็นเจ้าของกลิ่นไอที่ดูสุขุมน่าเกรงขาม แผ่นหลังตั้งตรงสง่างามไร้การไหวติงหรือเอนอ่อน แม้จะนั่งอยู่บนเก้าอี้ซึ่งมีพนักพิง หากแต่ชายผู้นี้กลับไม่ปรารถนาซึ่งความสุขสบายดังกล่าว สายตาจ้องมองไปข้างหน้าดั่งมีเป้าหมายชัดเจนในขณะที่นั่งอยู่ตรงใจกลางบริเวณห้องกว้างโดยไร้ซุ่มเสียง ราวกับกำลังครุ่นคิดถึงสถานการณ์บางอย่างโดยใช้สมาธิขั้นสูง

อ่านง่ายขึ้นมั้งนะ ปรกติถ้าบทบรรยายมันเยอะๆเราใช้วิธี เว้นบรรทัดให้เวลาอ่านมันเว้นช่วงพักหายใจนิดนึง ก่อนจะ ดำเนินเรื่องต่อ แต่ถ้า เป็นเนื้อเรื่องที่กำลังต่อกันก็ไม่ต้องเว้นประมาณนี้จ้า
1
ASR. 7 ต.ค. 58 เวลา 13:10 น. 1-1

เทคนิดนนี้น่าสนใจมากค่ะ มันดูโดเคและอ่านง่ายขึ้นนะ อย่างน้อยก็เหมือนได้พักหายใจก่อนที่จะอ่านบรรทัดต่อๆ ไป
เทียบกับตอนแรกที่ติดกันเป็นพรืดแล้วมันดีขึ้นเยอะเลยค่ะ ><

0
cute-ghost 7 ต.ค. 58 เวลา 13:21 น. 2

 สำหรับเราบรรนายค่อนข้างโอเคนะคะ แต่อาจจะเป็นอย่างที่เจ้าของกระทู้บอก.  น่าจะเป็นการใช้คำเปลือง 
เช่นสิ้นแสงของเปลวไฟจากปลายนิ้วมือซึ่งดับลง คำวิเคราะห์ก็ถูกเอ่ยขึ้น

เราคิดว่าวลีที่ขีดเส้นใต้ไว้ไม่ต้องมีก็ได้ เพราะผู้อ่านทราบว่าไฟดับลงตรง สิ้นแสง แล้ว

ลองอ่านแล้วปรับๆดูนะคะ  ตรงไหนเลี่ยงใช้คำเปลืองได้ควรเลี่ยงไม่งั้นอาจจะรู้สึกหน่วงๆเวลาอ่านค่ะ  ลักษณะการบรรยายเราว่าเข้าที่แล้วที่เหลือก็คงเป็นเรื่องที่ว่ามาข้างต้น

อีกอันนึงคือลองหาอ่านคำศัพท์เยอะๆเวลาพิมพ์จะได้กระชับได้ใจความค่ะ

หวังว่าจะช่วยได้น้า TT


1
ASR. 7 ต.ค. 58 เวลา 13:25 น. 2-1

จริงด้วยค่ะ มันลบออกได้ ><
ไปแก้ไขในต้นฉบับแล้วค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะเลยสำหรับคำแนะนำ

ช่วยได้ดีมากเลยค่ะ <3

0
ASR. 7 ต.ค. 58 เวลา 13:30 น. 3-1

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ไปแอดไว้อ่านเรียบร้อยแล้ว ดูจะมีเรื่องให้ศึกษาเยอะเลย ><

0
Quantum 7 ต.ค. 58 เวลา 14:39 น. 4

อย่าว่ากันนะ ถ้าผมจะบอกว่า ใช้คำฟุ่มเฟือยมากครับ

คือหนึ่งประโยคมันประกอบด้วย ประธาน กริยา กรรม เช่น ฉันกินข้าว เขาไปโรงเรียน ทีนี้เราลองมาดูประโยคในนิยายของจขกท.นะครับ

สายตามุ่งมั่นดั่งพญาราชสีห์สบมองสองร่างสูงที่นั่งและยืนสลับกัน

สายตามุ่งมั่นดั่งพญาราชสีห์ = ประธาน
สบมอง = กริยา
สองร่างสูง = กรรม
ที่นั่งและยืนสลับกัน = ขยายกรรม

สังเกตว่าประโยคนี้มันยาวและเวิ่นเพราะประธานของประโยคครับ กว่าจะอ่านได้ใจความผมคงเบื่อพอดี กว่าจะรู้ว่าตัวละครมันทำอะไร ผมต้องรับรู้สายตามุ่งมั่นดั่งพญาราชสีห์ก่อน กริยามีนิดเดียว (ซึ่งทำถูกแล้วครับ) พอจะจบประโยคต้องมาเจอกับกรรมที่ขยายแล้วขยายอีก แล้วคิดดูคุณทำแบบนี้แทบทุกประโยค มันเลยกลายเป็นความฟุ่มเฟือยแบบอินฟินิตี้ คือถ้าคนอ่านแยกประธาน กริยา กรรมในประโยคออก มันก็ไม่งงหรอกครับ แต่ถ้าเขาแยกไม่ออก ก็มีอันต้องงงกันบ้าง

วิธีแก้

ผมอยากให้คุณโฟกัสให้ถูกจุดก่อน พูดแบบคุณเป่ยหนิงก็คือ POV (Point of View) ของคุณยังไม่ดี (ขออภัยคุณเป่ยหนิงที่แอบล้อเลียน 555) พอใช้มุมมองพระเจ้า คุณก็โฟกัสโน่นนี่ไปเรื่อย โดยเน้นบรรยายเจาะไปที่กายภาพของตัวละครแต่ละคน เราจะได้เห็นสายตาดุจราชสีห์ ใบหน้าคมคาย ร่างสูง คนเล่นไฟแช็ก คนยืน คนนั่ง แต่ผมไม่รู้ว่าเขาประชุมกันที่ไหน ประชุมกันกี่คน เห็นแสงจันทร์สาดส่องลงมาด้วย ทำไมเขาไม่เปิดไฟ หรือเขาประชุมกันในที่มืด?

เพราะงั้นผมอยากให้คุณเพิ่มการบรรยายฉาก ไม่ต้องละเอียดมากก็ได้ เอาแค่พอให้รู้ว่าตัวละครอยู่ที่ไหน กำลังทำอะไร แล้วลดการบรรยายกายภาพที่แสนจะฟุ่มเฟือยของตัวละครลง (ลดลงเยอะๆ เลยยิ่งดีครับ) เน้นแอคชั่นและการสื่อความคิดของตัวละครให้มากขึ้น คือที่อ่านมาเนี่ย ผมไม่รู้ว่าพวกเขาคุยกันเรื่องอะไรนะ เหมือนตัวละครจะพ่นคำพูดออกมาให้ดูเท่เฉยๆ

บรรยายให้มันง่ายเข้าไว้ครับ อย่าใช้คำว่า "ที่" เยอะ พยายามใช้คำสั้นๆ กระชับ แต่ได้ใจความ อย่าใช้ศัพท์สูง อย่าประดิดประดอยคำมากจนเกินไป เอาให้มันสวยงามแบบพอดีๆ และก็สู้ๆ ครับ เป็นกำลังใจให้ อย่าเพิ่งเลิกเขียนนะครับ เพราะผมวิจารณ์ให้ใคร คนนั้นเลิกเขียนทุกที ฮาา

2
ASR. 7 ต.ค. 58 เวลา 15:01 น. 4-2

ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ รู้เลยว่ามันเยอะไปจริงๆ
นี่แหละที่ต้องการ ตรงๆ แบบนี้ ชอบมากค่ะ และไม้เลิกเขียนแน่นอน แต่ต้องยิ่งเขียนต่อไปให้ดีขึ้นค่ะ ^^
ดีใจที่มีผู้ให้คำแนะนำที่สร้างสรรค์ รู้สึกดีมากกว่าค่ะ ที่จริงเคยเจอมาหนักกว่านี้ แต่อันนั้น จขกท. ทราบดีว่าจงใจใช้อคติค่ะ
แต่อันนี้ไม่ใช่ คุณชี้แนะ จขกท. ได้ตรงจุดทีเดียว พอจะเห็นข้อบกพร่องได้เด่นชัดขึ้นม่กเลยล่ะค่ะ
ต้องขอบคุณอีกครั้งนะคะสำหรับความรู้และคำชี้แนะในครั้งนี้

0
Moji [นางฟ้า] 7 ต.ค. 58 เวลา 14:53 น. 5
ขอพูดตรงๆ เลยนะคะ = ="
จขกท.มีปัญหาอย่างรุนแรงในการเลือกใช้คำค่ะ บรรยายเยอะแต่เนื้อไม่ค่อยมี เพราะใช้คำฟุ่มเฟือยซ้ำซ้อน และอีกอย่างที่ต้องเข้าใจก็คือ ภาษาบรรยายสวยไม่ได้หมายถึงการขนคำมาเทรวมกันในย่อหน้าหนึ่ง ในประโยคหนึ่ง แต่อ่านแล้วรื่นไหลไม่สะดุด เลือกคำง่ายๆมาใช้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ศัพท์อลังการ หรือพ่วงคำสร้อยต่อท้าย เพราะจะทำให้การบรรยายมันยืดยาวแบบเปล่าประโยชน์ค่ะ   

และที่โมเห็นชัดๆ เลยก็มีอยู่ 4 จุดค่ะ

1.ศัพท์หรูเกินไป
คือจริงๆ ก็ใช้ได้นะ แต่บ่อยๆมันก็ไม่ค่อยดี มันดูประดิษฐ์เกินไป ออกเวอร์นิดๆ พอเลี่ยนหน่อยๆ อ่านแล้วมันฝืนธรรมชาติมากไปค่ะ ลองปรับลงให้น้อยกว่านี้สักครึ่งหนึ่งก็น่าจะดี 


2.ใช้คำซ้ำซ้อน ฟุ่มเฟือย
เยอะมากกกกก หลายประโยคกระชับได้ แต่เพราะใช้คำได้ซ้ำซ้อนฟุ่มเฟือยการบรรยายถึงได้ยาวยืดและพางง จขกท.ต้องปรับการบรรยายใหม่ ลดคำสร้อยทั้งหลายลง เช่น

สุ้มเสียงเรียบเฉยเปรยขึ้น
เป็น เสียงเรียบเอ่ยขึ้น

แสงจันทร์สาดส่องจากฟากฟ้าไกลเผยให้เห็นเสี้ยวหน้าหนึ่งของบุรุษคนแรก เป็น แสงจันทร์จากท้องฟ้าเผยให้เห็นเสี้ยวหน้าของบุรุษคนแรก 

เต็มไปด้วยสิ่งซึ่งประดับประดาและเครื่องเรือนหรูหราเต็มห้องก็ตาม เป็น เต็มไปด้วยเครื่องเรือนหรูหรา

แผ่นหลังตั้งตรงสง่างามไร้การไหวติงหรือเอนอ่อน เป็น แผ่นหลังเหยียดตรงและเต็มไปด้วยความสง่างาม 


3.การใช้สรรพนามกล่าวถึงถึงตัวละคร (POV)
ถ้าเลือกจะเปิดตัวละครพร้อมกันเยอะๆ แบบนี้ แนะนำว่าให้กล่าวชื่อไปเลย หรือไม่ก็หาเอกลักษณ์ที่เด่นมากๆ กว่านี้ค่ะ ไม่ใช่ชายคนนั้น บุรุษคนนี้ ชายด้านช้าย ชายด้านขวา (หรือที่บางคนเขาประชดว่า การเขียนบรรยายแบบสีลูกนัยน์ตาตีกัน) แบบนี้คนอ่านมึนค่ะ ตกลงใครเป็นใครมีกี่คน ทำอะไรบ้าง อ่านแล้วไม่เข้าใจ คนเขียนเองก็มึนด้วย 


ส่วนจุดที่ 4 คือโมอ่านแล้วไม่เข้าใจว่าคุณกำลังจะโฟกัสอะไร กำลังเล่าอะไรให้ฟัง มันคลุมเครือไปหมดจนดูไม่ออก เพราะเท่าที่อ่าน จขกท.เอาแต่เน้นบรรยายกายภาพภายนอกตัวละมากกว่าเนื้อเรื่องด้านอื่น อ่านแล้วเลยงงค่ะ ว่าบทนี้สื่ออะไรกันแน่

เท่าที่โมเห็น 4 จุดนี้เป็นเหตุที่ทำให้จขกท.เขียนบรรยายยาว รายละเอียดเอยะโดยไม่จำเป็น และทำให้อ่านแล้วงงค่ะ ยังไงลองค่อยๆ นำไปปรับดูนะคะ 
3
ASR. 7 ต.ค. 58 เวลา 15:07 น. 5-1

อ่า... >///<
ฟินนาเล่อย่างรุนแรง นี่คือคสามเห็นชัดเป๊ะแบบที่ต้องการ ตรงจุด มีตัวอย่าง
ต้องขอกล่าวคำขอบคุณจริงๆ จากใจเลยค่ะ ปริ่ม TT
แค่ทนอ่านมาได้ขนาดนี้ถือว่าเป็นโชคดีของ จขกท. แล้ว
ยังช่วยแนะนำประโยคใหม่ที่ดีกว่าให้อีก ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
ตอนนี้ จขกท. ได้ทำการหาาบทความมาอ่านเสริม และพยายามใช้คำแนะนำของคุณมาปรับแก้ไข
ดีใจมากค่ะที่สละเวลามาช่วยแนะนำให้
ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ <3

0
Moji [นางฟ้า] 7 ต.ค. 58 เวลา 15:14 น. 5-2

ตอนแรกโมอ่านไม่จบค่ะ แต่เปลี่ยนใจ ตั้งสมาธิอย่างแน่วแน่แล้วอ่านจบจน แต่ก็ยังเหมือนเดิมค่ะ คืออ่านแล้วงง ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่จขกท.ต้องการสื่อ

สู้ๆ ต่อไปค่ะ เป็นกำลังใจให้ ^^

0
ASR. 7 ต.ค. 58 เวลา 15:21 น. 5-3

ฮา... >< ใจจริงไม้ได้ต้องการสื่ออะไร นอกจากบุคลิก นิสัย ท่าทาง โดยไม่เน้นคำพูด
แตสรุปคือ่มันเยอะเกินไป ซ้ำยังไม่ชัดเจน ฝีมือไม่ถึงจึงคุมบทไม่อยู่ค่ะ TT

ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ <3

0
Death With Love 7 ต.ค. 58 เวลา 14:58 น. 6

เริ่มต้นมาผมชอบนะครับ เพราะเป็นคนชอบอ่านลักษณะบรรยายยาวๆ
แต่อ่านได้อีกไม่กี่บรรทัดเริ่มเอียน รู้สึกคำฟุ่มเฟือยมากและเรื่องไม่ไปไหนสักที
บางจุดก็บรรยายซ้ำซ้อน พอขยายแต่ละอย่างมากๆ ทั้งประธาน กรรม กิริยา กลายเป็นเยอะจนลืมประโยค

ลดการบรรยายลงสัก 30-40% ที่ไม่จำเป็น สำนวนก็จะสวยดีครับ
ศัพท์แสง วลีขึ้นต้น ลงท้ายประโยคมีมากจริงๆ // อิจฉา (ฮา)

1
ASR. 7 ต.ค. 58 เวลา 15:15 น. 6-1

ขอบคุณจริงๆ ค่ะ <3
ตอนนี้ทราบอย่างเข้าใจเลยว่าประโยคมันเวิ่นเพราะขยายหลายอย่างเยอะไป
ซ้ำศ้อนมากๆ จนไม่ไปไหน TT

จะพยายามปรับลดลงหนักๆ สักสี่สิบเปอร์เซ็นต์อย่างที่แนะนำนะคะ ><
ขอบคุณที่ช่วยชี้แนะมากๆ ค่ะ

0
SilverPlus 7 ต.ค. 58 เวลา 15:21 น. 7

ต้องลดระดับคำลงครับ 

ถ้าฝีมือการเขียนยังไม่ถึง การเขียนด้วยคำหรูๆต่อเนื่องหลายๆคำอาจทำให้คนอ่านเอียนได้

ถ้าไม่ได้ตั้งแง่ไว้ว่าจะต้องเขียนด้วยศัพท์แบบนี้ ก็ให้ลดมาใช้คำปกติธรรมดา ไม่ต้องขยายให้ดูเท่ ดูล้ำเลิศ แค่ให้คนอ่านรู้ว่า ตัวละครทำอะไร อยู่ที่ไหน กับใคร เน้นการเคลื่อนที่ของตัวละคร เน้นการขยับของตัวละครก็พอ

แต่ถ้าเจ้าของกระทู้เขียนแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็ได้ครับ แต่ต้องใช้ความอดทนนิดนึงนะ(กว่ามันจะเข้าร่องเข้ารอย) และต้องพยายามกลับมาแก้สำนวนตัวเองบ่อยๆ อย่าเขียนแล้วปล่อยเลยตามเลย เพราะคำที่เราใช้มันมี "ลีลา" เยอะกว่าคำปกติ ต้องคอยดูมันดีๆ ไม่งั้นทำให้ประโยคพังไปเลย(คนอ่านอ่านแล้วงง) 

ผมชอบแบบนี้นะ ได้เห็นคำยากๆหลายคำ ยิ่งอ่านยิ่งเพิ่มคลังศัพย์ให้ตัวเอง ฝึกเรื่อยๆครับ แนวทางการเขียนไม่ได้ผิดอะไร ผิดแค่ประสบการณ์ของเราที่ยังน้อยอยู่แค่นั้นเอง

ส่วนขั้นตอนการแก้ประโยค หรือการเขียนที่ถูกต้อง ก็ตามความเห็นบนๆเลยครับ

1
ASR. 7 ต.ค. 58 เวลา 15:30 น. 7-1

ขอบคุณมากๆ นะคะ
ยอมรับจากใจเลยค่ะ ว่าฝีมือน้อยและอ่อนประสบการณ์มาก จึงไม่ทราบว่าจุดไหนคือพอดี คือกระชับ
มัยเยอะมากจริงๆ ค่ะ อ่านไปแล้วดูจะเอียนมากๆ TT จะพยายามปรับใช้คำให้เหมาะสมมากขึ้นนะคะ
ที่จริงก็ไม่ทราบเลยว่าคำที่ใช้มันระดับไหน แต่ก็เผลอบรรยายตามคำที่คิดจนมันมากเกินไป
ยอมรับจากใจว่ามันต้องแก้ไขจริงๆจะพยายามนำคำแนะนำมาปรับใช้แน่นอนค่ะ
ขอบคุณมากๆ เลยนะคะสำหรับการแนะนำค่ะ

0
libbyScorpion 7 ต.ค. 58 เวลา 17:32 น. 8

นั่งอ่านอยู่พักนึง...ตกลงมีผู้ชายอยู่ในห้องกี่คนอ่ะคะ?? 5555555
คือเริ่มสับสนเล็กน้อย มีคนแรก(ยืน) คนซ้าย(นั่งหลังตรง) คนขวา(นั่งจุดไฟ) คนที่เหมือนราชสีห์ ...สรุป4คนเนาะ...ใช่ป่าวคะ?
.
เรียกแทนด้วยจุดเด่นของแต่ละคนก็ได้ค่ะถ้ายังไม่อยากเปิดเผยชื่อ
นายผมแดง  พ่อหนุ่มร่างโปร่ง ชายชุดดำ บุรุษนัยน์ตาดุ ฯลฯ มีให้เลือกเยอะเลย 55555
.
แก้แล้วมาเรียกด้วยนะคะ จะตามไปอ่านนนนนนน~~~ กรู๊วววว~

1
ASR. 7 ต.ค. 58 เวลา 17:39 น. 8-1

แก้ไว้แต่ยังไม่เอาลงค่ะ
ที่จริงมีสามคนค่ะ ยืนหนึ่งคน นั่งสองคน
มันงงจริงๆ แหละค่ะ
จะเอาคำแนะนำไปปรับแก้ไขนะคะ ขอบคุณสำหรับความเห็นค่ะ <3

0
sora_no_iro 8 ต.ค. 58 เวลา 05:37 น. 9

คนอื่นพูดปัญหาอื่นไปหมดแล้ว เราขอพูดปัญหาแรก ๆ ที่เห็นในย่อหน้าแรก ๆ แล้วกันนะคะ >///< (ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะคะ อย่าโกรธกันเลยนะ) 

คุณเจ้าของกระทู้ระบุตัวตนของคนในฉากนี้ไม่ชัดเจนค่ะ ทำให้อ่านแล้วงง (ถ้าเจอคนอ่านแบบเรา เจอย่อหน้าแรกงง เราก็ไม่อ่านต่อแล้วค่ะ ^///^) ปัญหานี้แก้ง่าย ๆ โดยการใส่ชื่อตัวละครไปเลย แล้วกำหนด POV ไว้ที่คน ๆ เดียวในฉาก จะช่วยลดความสับสนลงได้มากค่ะ

เวลาเขียนบทสนทนา "............" ต้องเขียนให้ชัดเจนว่าใครเป็นพูดกันแน่ อย่างย่อหน้าแรก ขึ้นต้นมา เราก็งง ๆ นิดหน่อยว่าใครเป็นคนพูด จินตนาการไม่ออก มันมัว ๆ เหมือนมีหมอกบาง ๆ บัง จะจินตนาการว่าเป็นชายผู้เรียบเฉยพูดก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจ เพราะชายผู้เรียบเฉยเขาทำปากเรียบเฉยอยู่ แปลว่า เขาไม่ได้กำลังพูดอยู่แน่ ๆ เพราะถ้าพูดปากก็ต้องขยับสิ จริงไหมคะ ^^ (คำพูดมีพลัง ดังนั้น ต้องใช้ให้ถูกความหมาย ^^) 

สำหรับการเขียนนิยายแล้ว ความชัดเจนดีกว่าความคลุมเครือค่ะ ^^ (เราก็โดนมาเยอะเหมือนกันเรื่องเขียนไม่รู้เรื่อง ก็ต้องพยายามปรับแก้กันไป ;w;)

1
ASR. 8 ต.ค. 58 เวลา 13:51 น. 9-1

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ การขึ้นต้นด้วยบทพูดโดดๆ มันชวนให้สับสนจริงๆ ฮาาา
ย้อนแย้งกับริมฝีปากเรียบเฉยอีก

จขกท. มีปัญหากับการบรรยายมุมมองเชิงนี้จริงๆ ค่ะ ตอนนี้พยายามแก้แล้วหลายรอบ แต่ไม่ลงตัว
จะนำคำแนะนำนี้ไปปรับใช้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ <3

0
Miss.Espresso2 9 ต.ค. 58 เวลา 19:20 น. 10

ขอโทษจริงๆ ที่เห็นกระทู้นี้ช้าไป

หลายๆ ความเห็นนั้นเป็นอย่างที่เราพยายามจะบอกคุณค่ะ

บอกในหน้านิยายอยู่คนเดียวก็รู้สึกเหมือนเป็นคนบ้ามากๆเลย เพราะไหนจะแฟนๆ ของคุณอีก และไม่รู้ว่าจะดูอวดภูมิไปไหมด้วย เหมือนเรานั้นเจือกมากๆ เลย 

แต่ในที่สุดคุณก็ได้ความกระจ่างแล้วค่ะ

คำซ้ำซ้อนและนักอ่านมีอายุหลากหลาย อาจจะไม่สามารถสื่อถึงพวกเขาได้ค่ะ ถ้าคุณเขียนมาให้คนอื่นอ่านก็ต้องเขียนให้คนอื่นอ่านเข้าใจค่ะ

เรายอมรับในความสามารถของคุณจริงๆ คุณค่อนข้างคิดละเอียดและสื่อออกมาได้ละเอียด แต่มันเป็นอะไรที่เยอะเกินไปค่ะ

ต่อไปนี้เราก็คงจะไม่เม้นต์อะไรในทำนองนี้กับนิยายของคุณแล้วค่ะ

รอติดตามตอนต่อไปค่ะ

1
ASR. 9 ต.ค. 58 เวลา 21:02 น. 10-1

ขอบคุณมากนะคะที่พยายามช่วยชี้แนะข้อบกพร่อง กำลังพยายามปรับปรุงอยู่ค่ะ และพยายามเปลี่ยนแปลงจากความเคยชินที่เคยเป็น
เป็นคำเสนอแนะที่ดีมากค่ะ ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาอะไร เพราะไม่ใช่คำปรามาสเชิงอคติเหมือนกับที่เคยเจอจากสถานการณ์อื่นๆ ค่ะ
ในเรื่องของบทบรรยาย ภาษา และบริบทจะพยายามปรับเปลี่ยนตามความสามารถนะคะ แต่อาจไร้ฝีมือไม่ถึงขั้นมีความสามารถมากพอ ไม่อาจทราบได้ว่าจะดีพอแค่ไหน แต่จะพยายามต่อไปค่ะ และยังคงเปิดกว้างสำหรับความเห็นที่สร้างสรรค์เสมอ
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ :)

0