ระหว่างครอบครัว VS นิยาย
ตั้งกระทู้ใหม่
แค่ทำงานก็แทบไม่มีเวลาให้กันแล้ว
จะทำยังไงต่อไป...
บางทีก็ควรอยู่ในโลกแห่งความจริง แต่ก็ทิ้งความฝันไม่ได้
จะเลือกอะไร
9 ความคิดเห็น
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่นิยายค่ะ ปัญหาอยู่ที่การแบ่งเวลา
สิ่งที่คุณต้องทำ ไม่ใช่เลือกว่าจะต้องทิ้งอะไร แต่ต้องพยายามจัดการตัวเองให้ดีกว่าเดิม
เวลาที่ต้องใช้กับครอบครัวกับคนรอบตัวก็ต้องใช้ และใช้อย่างมีคุณภาพที่สุด พูดคุย หัวเราะ กอดกัน กินข้าวด้วยกัน ดูทีวีด้วยกัน
เวลาที่ต้องนั่งปั่นนิยายคนเดียวก็ต้องทำอย่างมีคุณภาพที่สุด คนเรามีเรื่องที่ทำไม่เหมือนกัน บางทีคุณอาจมีเวลาปั่นแค่วันละหนึ่งชัวโมง แต่ถ้าเป้นหนึ่งชั่วโมงที่เต็มที่ เตรียมตัวเตรียมพล้อตมาก่อนที่จะนั่งลงเขียน อาจได้มากกว่าวันละสี่ห้าหน้าเอสี่
คนเรามีเวลาจำกัดนะคะ อย่าเอาแต่ไล่ตามความฝัน โดยลืมคนรอบข้าง ลืมคนที่รักคุณ ซึ่งเป้นสมบัติที่มีค่าที่สุด
เพราะถ้าคุณเสียพวกเขาไปวันไหน คุณไล่ตามเขากลับมาเหมือนความฝันคุณไม่ได้นะ
เอวัง
เห็นด้วยครับ มันขึ้นอยู่กับการแบ่งเวลา
เป็นผมถึงจุดที่ต้องเลือก ผมเลือกแม่ครับ
แต่เท่าที่อ่านผมเข้าใจว่าที่เขาให้เลิกเขียนนิยาย คือเลิกแค่ชั่วขณะ แค่ลงมากินข้าวหรือพูดคุยกับเขาบ้าง ไม่ได้ให้เลิกเขียนแบบเลิกเลย
คงต้องถามตัวเองครับว่า ถ้าเราเจียดเวลาให้คนที่เรารักและเขาก็รักเรา ในปริมาณที่พอดี แล้วจะทำให้เราไปไม่ถึงความฝันอย่างนั้นหรือเปล่า
หรือต่อให้เราให้เวลากับคนสำคัญ เราก็ยังมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จอยู่ดี
มองให้ดีก็ไม่มีความจำเป็นต้องเลือก พูดคุยกับเขาบ้างทำความเข้าใจกัน คนที่เป็นห่วงเราจริง ๆ ไม่ได้อยู่ให้เราพูดคุยกับเขาได้ตลอดไปหรอกนะครับ
ผมเพิ่งเริ่มเขียนมาได้เจ็ดเดือนไม่ได้เป็นนักเขียนนิยายอาชีพ
แต่ผมก็ทำงานแล้วเข้าใจถึงความเหนื่อยยากจากการทำงาน
ปกติก็อาศัยบนรถตู้ที่โคลงไปเคลงมาตอนกลับจากที่ทำงานนี่แหละเขียนนิยายเอา
ถึงมึนหัวนิดหน่อยก็ยังเขียนอยู่เรื่อยมา
และก็ไม่ได้คิดจะทิ้งเวลาของครอบครัวก็ยังเฮฮากับแม่และน้อง ๆ อยู่
ผมเชื่อว่าเจ้าของกระทู้จะสามารถประสบความสำเร็จได้โดยไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งครับ พยายามรักษาทั้งสองอย่างไว้ครับเป็นกำลังใจให้
เหมือนไม่ค่อยเห็นคุณในบอร์ดเลยนะคะ ^^
ไม่ค่อยได้เข้ามาในบอร์ดเท่าไหร่ครับ ส่วนใหญ่เข้ามาเพิ่มนิยายแล้วก็แวะดูแค่อันบนไม่กี่อันก็ออกครับ ^^ สบายดีนะครับ
สบายดีค่ะ ^^
ดูแลตัวเองดีดีด้วยนะ อากาศเปลี่ยนแปลง
จากนี้ไปขอไม่แนะนำในฐานะผู้น้อยต่อผู้ใหญ่นะคะ ดิฉันขอพูดในฐานะเพื่อนร่วมโลก
คนเราไม่ได้กลัวตายเพราะมันเจ็บ แต่กลัวพลัดพรากจากทุกสิ่งที่สร้างไว้ กลัวว่าตายแล้วจะไม่เจออะไรเลย ความกลัวเหล่านี้ทำให้ทุกคนยังอยู่. บางครั้งดิฉันจะเห็นคนแก่ๆออกมาเดินหน้าบ้านคนเดียว มือเ-่ยวๆกุมไม้เท้าไว้อย่างนั้น นั่งมองรถสวนไปมาบนถนนจนค่ำ เพราะอะไร? เพราะหญิงแก่คนนั้นขาดสิ่งเติมเต็มชีวิต ทำไมเธอถึงไม่ฆ่าตัวตายไปซะเลย เพราเธอรอมันอยู่
รอฝันของตัวเองกลับมา
ในขณะที่คุณหาความฝันมาเติมเต็มจิตใจ. แม่ของคุณก็รู้สึกว้าเหว่จากสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิต
เวลามันสั้นมากเพราะมนุษย์มีช่วงชีวิตที่จำกัด
จนถึงตอนนี้ดิฉันยังไม่ได้จับปากกามาแต่งนิยายต่อทั้งๆที่ให้กำลังใจคนอื่นไว้มากมาย เพราะดิฉันส่องกระจกเห็นตัวเองกับปากกาหนึ่งเล่ม.
แม่กับพ่อก็อยู่ข้างหลังด้วย พอหลับตาแล้วลืมตามองอีกครั้ง ในกระจกสะท้อนภาพผู้หญิงแก่ๆกำลังถือปากกาอยู่. ใช่ ตัวดิฉันเอง. แต่ในนั้นไม่มีใครยืนอยู่แล้วนอกจากตัวเอง
ความฝันอยู่กับเราได้ตลอดชีวิตนะคุณ แต่สิ่งที่มีชีวิต มีฝันเหมือนกับคุณเค้าไม่ได้อยู่รอคุณตลอดนะ สิ่งที่ฉันพิมพ์อาจจะน่าเบื่อและเหมือนเรื่องสั้น แต่คุณก็รู้นี่ว่าตัวเองควรจะทำอะไร ไปทำซะ
เห็นด้วยกับ คห.1 เลยครับ
ยังไงก็ลองให้คุณแม่ ท่านได้อ่านนิยายของเราบ้างดีไหมครับ
ท่านจะได้เข้าใจเรามากยิ่งขึ้น
ความพยายามของคุณจะแสดงออกมาในนิยายของคุณเองครับ
คุณแม่ ท่านจะได้รับรู้ว่าคุณพยายามมากแค่ไหน
สู้ๆ นะครับ
มันอยู่ที่ตัวคุณนั่นแหละครับ หมดมุ่นมากไป ใช้เวลาไม่ถูก
ต้องแบ่งเวลาให้เป็นนะ ไม่งั้นถึงเราจะประสบความสำเร็จ มันจะมีประโยชน์อะไรเมื่อครอบครัวไม่เป็นครอบครัว การที่เราใส่ใจครอบครัว จะทำให้เราเขียนนิยายได้ดีขึ้น เพราะเราจะเข้าใจความรักของครอบครัวมากขึ้น เข้าใจความรักที่แท้จริงมากขึ้น และอยากให้ใส่ความรักของครอบครัวลงไปในนิยายด้วย เพราะหลายคนหลงลืมความรักของครอบครัวกันเกือบหมดแล้ว คิดถึงแต่ตัวเองเพียงอย่างเดียว การคิดถึงแต่ตัวเอง จะทำให้นิยายของเราขาดมิติที่คิดถึงคนอื่นไปอย่างน่าเสียดาย
การเขียนนิยายไม่จบ ก็อาจแค่ไม่ได้ดั่งใจเรา การเขียนนิยายจบก็ไม่ได้หมายความเราจะได้ตีพิมพ์เสมอไป หรือประสบความสำเร็จได้ในตอนนี้ เราไม่ได้เสียอะไร เรายังคงต้องฝึกฝนต่อไป แต่การละทิ้งครอบครัว เราอาจจะต้องเสียครอบครัวที่เรารักไปนะ ลองคิดถึงใจแม่ในมุมของแม่บ้าง ถ้าเรามีลูกที่ทำตัวอย่างเรา เราจะรู้สึกอย่างไร
ความฝันกับความรักของครอบครัวมันไปด้วยกันได้ แม้เราจะเขียนนิยายจนได้ตีพิมพ์ แต่เบื้องหลังของเรามีคนที่ต้องร้องไห้อยู่ข้างหลัง มันจะเรียกว่า ประสบความสำเร็จได้จริง ๆ หรือ?
อืม... ไม่น่าจะเกี่ยวกับการต้องเลือกอะไรนะครับ อยู่ที่การแบ่งเวลา บริหารจัดการให้เหมาะสม
เขียนเหมือนเดิมก็ได้ แค่แบ่งเวลาให้ครอบครัวบ้าง ตามที่คุณแม่ขอก็ไม่ได้มากไป
ใช้เวลาส่วนตัวมากจนไม่ปฏิสัมพันธ์กับใคร คนรอบข้างย่อมมองว่าหมุกหมุ่น
จขกท.ทำงานแล้วใช่ไหมครับ งั้นขอแนะนำ
ออกจากบ้านครับ หาที่อยู่ของตัวเอง ใช้เวลาทุ่มเทสิ่งที่ฝันไปให้เต็มที่
คุณแม่ไม่เห็น ไม่ได้รับรู้ ก็ไม่เป็นห่วง (แต่คุณก็ต้องพูดคุยทางอื่นอยู่ดี ไม่ว่าจะโทรศัพท์ ไลน์)
แต่ก็ขอเตือนเหมือนคห.อื่นๆ บางอย่างที่สูญเสียไปอาจจะไปแล้วไปเลย
ระหว่างครอบครัวกับความฝัน มันไม่จำเป็นต้องทิ้งสิ่งใดหรอกครับ
ความฝันไม่ใช่รูให้มุดเข้าไปแล้ว จะอยู่ในนั้นตลอดได้นะ อยู่กับความเป็นจริงบ้าง คนที่อยู่แต่ในความใันคือพวกที่สบายเกินไปนั่นแหละ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?