Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ฝากคอมเม้น นิยายเรื่อง my love กำเนิดรัก ปาฏิการิย์

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

เป็นเรื่องราวความรักที่บริสุทธ์ของ คนสองคน อยากไ้ด้คอมเม้นมาปรับปรุง
http://my.dek-d.com/kitsanak1985/writer/view.php?id=1398650

รถแท็กซี่กำลังแล่นไปตามถนนจุดหมายปลายทางยังคงเป็นร้านเบเกอรี่ ย่านอนุสาวรีย์ หลังจากผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ-พี่ปกรณ์กับพี่ณวัชร ยังนอนหลับสลบสลัยอยู่บนเตียงไม่ตื่น วันนี้ยังไม่ถึงวันที่นัดกับมิ้มไว้หรอกครับ รู้สึกช่วงนี้มีเรื่องเข้ามาในหัวจนทำให้อยากระบายออกซะบ้าง เลยว่าจะแอบไปเซอร์ไพร -มิ้มซะหน่อย...ผมชี้มือบอกให้รถจอดแล้วเดินตามฟุตบาท...จนมาถึงหน้าร้านที่มีกระจกใสบานใหญ่มองเห็นเด็กหนุ่มใส่เสื้อสีดำผูกผ้ากันเปื้อน รุ่นราวคราวเดียวกับผมกำลังก้มหน้า ก้นโด่งเช็ดโต๊ะอยู่ในร้าน  ผมเปิดประตูกระจกเข้าไป
“กริ๊ง...”(เสียงกระดิ่งประตูดัง)
“สวัสดีครับ..ร้านเปิด สิบโมงครับ”เด็กหนุ่มเสื้อดำบอกผมก่อนหันมา...
“งั้น..กูกลับล่ะ”วรรณตอบพร้อมยืนยิ้มอยู่หน้าประตู
“อ้าว..-วรรณ..ใครจุดธูปเรียก-มาว่ะ.ไหนดูดิ...เออ...ตัวจริงด้วยเว้ยเฮ้ย..”มิ้มเรียกผมเสียงดังจนพนักงานในร้านคนอื่นหันมอง พร้อมเดินเข้ามาจับตัวผมพลิกไปมา เหมือนว่า ผมจะเป็นตัวปลอมซะอย่างนั้น ก่อนจะถามด้วยคำถามที่ผมฟังแล้ว อยากจะเอาระเบิดมาปาร้านมันจริงๆครับ..ไม่ต้องคงต้องขายมันแล้วเค้ก
“ผัว-ไม่มาด้วยเหรอว่ะ..แอบหนีผัวมาเที่ยวอีกแล้วละสิ..ดูหน้าซิหงิกเชียวทะเลาะกันมาหรอ..”มิ้มเย้าแหย่..ผมอยากจะบอกว่าที่หน้าหงิก ก็เพราะว่ามันกวนตีนผมนั่นละ
“พรุ่งนี้-อย่าลืมอ่านข่าวหนังสือพิมพ์นะ.ข่าวกู”วรรณเอ่ย
“ข่าวอะไร”
“ไหม้วอด ระเบิดร้านเค้กกลางกรุง ดาราหนุ่มแค้นใจเพื่อนกวนตีน” วรรณพูดน้ำเสียงราบเรียบพลางทำสีหน้าจริงจัง..มิ้มได้แต่ยิ้มกว้างมองที่เพื่อน
“ที่-อุตสาห์ถ่อมาถึงนี้ แค่จะมาระเบิดร้านเค้กกูนี่นะ..โห่..แหย่เล่นนิดหน่อยทำเป็นงอล..”มิ้มพูดพร้อมเอาผ้าเช็ดที่มือ เดินวนกลับเข้าไปในเคาเตอร์ด้านใน ทำให้ผมต้องเดินตามหลังมันเข้าไป ..
“เดินตามมาทำไม..ไปนั่งที่โต๊ะรอเลย  คุณซุปตา ” มิ้มพูดจบ ชี้มือไปที่โต๊ะ มุมในสุดพร้อมเอ่ยถาม “กินน้ำอะไร”
“เอา..น้ำส้ม..” ผมตอบไปเดี๋ยว-มิ้มก็ยัดเหยียดน้ำอื่นให้ผมกินอู่ดี ไม่รู้จะถามเพื่อ?..เพราะผมต้องเป็นหนูทดลองกินน้ำแปลกๆที่มันคิดค้นตลอด
“เป็นนางเอกรึไง-อะ..กินชาดอกงิ้วบาน ดีกว่าอันนี้สูตรใหม่ล่าสุด น้ำส้มมันแพง ไปนั่งรอเลย..เดี๋ยวไปเสริฟพร้อมเค้ก”
ก็ยังที่เห็นมัน อือออ ห่อหมก ของมันอยู่คนเดียว มันอยากจะทำอะไร พอใจอันไหน มันก็ทำ “..ตามสบายที่นี่บ้าน-นิ...”ผมบ่นกับตัวเอง พักหนึ่ง หลังจากมันทำอะไรขุกขิก..อยู่ที่เครื่องชงชาของมันครู่หนึ่ง ก็ถือถาดเอาเค้กกับ ชาดอกงิ้วบาน ของมันมาเสริฟ..วางบนโต๊ะ เป็น เค้กสตอเบอรี่ น่ากินเชียว  แต่...-ชาดอกงิ้วบาน ผมยังไม่แน่ใจเห็นสีแดงแป๊ด
“นี่..มันชาดอกงิ้ว..หรือน้ำกระเจี๊ยบแน่ว่ะเนี่ย..สีเหมือนกันเลย”
“พูดซะ..ของกูเสียราคาหมด-วรรณ..ลองกินก่อนค่อยติได้ป่าววะ”ผมกระดกชามันดื่ม กลิ่นหอมๆลอยเตะเข้าจมูกดีแถมรสชาติแตกต่างกับสีภายนอกช่างกลมกล่อม ยิ่งกินกับเค้กสตอเบอรี่เข้ากันเป็นที่สุด...ถือว่าผมให้ผ่าน
“รสชาติเป็นไง” มิ้มจ้องวรรณตั้งตารอคำตอบ
“งั้นๆ...ดีกว่าน้ำประปานิดนึง”วรรณตอบพลางกระดกชาดื่มต่ออีกหลายอึก..
“อย่ามาปากแข็ง ...นั้นไง..กระดกจนหมดแก้วเลย..ตกลงผ่านไม่ผ่าน” มิ้มคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้
“ผ่าน...แต่กูว่าชื่อ ดอกงิ้วบานมันฟังทะแม่งๆวะเหมือน เพลงลูกทุ่ง หมอลำ ดอกฝ้ายบาน อะไรพวกนั้น..มันไม่ค่อยเหมือนของกินเท่าไรวะ” วรรรณวิจารณ์ซึ่งดูเหมือนมิ้มก็จะเห็นด้วย มิ้มมองผมอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม.
“ตกลง มีเรื่องอะไรวะ วรรณ มาหากูแต่เช้าเลย แล้วไม่โทรมาบอกก่อน”
“ก็นิดหน่อยอะ” วรรรณตอบพร้อมก้มหน้าลงเล็กน้อย
“ตกลง-ทะเลาะกับผัวมาจริงๆเหรอวะ” มิ้มแกล้งกวนเมื่อเห็นวรรณเริ่มเหม่อลอย
“เออ..กูว่า.ต้องเอาระเบิดมาปาร้าน-จริงๆซะแล้ววะ” วรรณเงยหน้าขึ้นพูดเสียงเรียบ ส่วนมิ้มเอาแต่ฉีกยิ้ม...หน้าระรื่น
“55++ กูล้อเล่น...ตกลงเรื่องไร”
“ช่วงนี้ ..กู..งงๆ..ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเลยวะ คือเมื่อคืนกูกินเหล้าเมา..รู้ตัวอีกทีก็นอนอยู่บนเตียง กับพี่ปกรณ์” ผมเริ่มเล่าเหตุการณ์แต่เหมือน-มิ้มจะตั้งใจฟังราวกับเป็นเรื่องของตัวเอง ตาไม่กระพริบเลย
“แล้วไงต่อ เขาปล้ำ-...”
“ทะลึ่งนะ-เนี่ย..เขาแค่กอดกู..ตอนแรกกูนึกว่าพี่เขาหลับ เขากลับลืมตาขึ้น.แล้วเขาก็พูดกะกูว่า อย่าดื้อ อยู่นิ่งๆ”
“แล้ว-..ทำไง -นิ่งมั้ย” มิ้มถามต่อ
“เออ..กูก็นิ่งดิ เขากอดกูแน่นขนาดนั้นจะดิ้นไปไหนได้..” วรรณพูดพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มแดงเล็กน้อย
“ห้ะ!!..-ไม่ขัดขืนด้วย..++!!”มิ้มใช้มือท้าวโต๊ะยืนพูดเสียงดัง จนพนักงานในร้านหันมองมาที่ ผมกับมัน
“เบาๆ..ดิ อย่าดังซิวะ  ” วรรณชูนิ้วชี้ ติดปาก พร้อมให้มิ้มค่อยๆนั่งลงที่เก้าอี้
“แล้ว-ก็ยอมนอนในอ้อมอก..เขา..ให้เขากอด!!..ว่างั้นเถอะ”
“อึม..”วรรณพยักหน้า..ตอนนี้เหมือนหน้าจะแดงหนักกว่าชาของมิ้มเสียอีก
“โอ้ยๆ..ตายห่าละเพื่อนกู...ตายแน่ๆเลย เห็นเงียบๆฟาดเรียบนะเนี่ย ไวไฟจริงๆ” มิ้มพูดพร้อมท่าทางล้อเลียน
“เออ..ตายอย่างเขียด..มียาพาราม้ะขอสักสองเม็ด แก้เครียดวะ..ที่กูทำแบบนั้นลงไป มันผิดหรือเปล่าวะ”วรรณมองหน้ามิ้มแล้วถาม
“ผิด.. มากด้วย” มิ้มพยักหน้าก่อนพูดต่อ” -เป็นผู้ชายพี่เขาก็เป็นผู้ชายมันเป็นไปไม่ได้หรอก..” มิ้มชี้มือมาที่วรรณพลางทำหน้า..สงสัยลังเล เริ่มไม่มั่นใจในความแมนของเพื่อน. “หรือว่า...-...ไม่ใช่ผู้ชายแล้ว..ไหนให้กูลองจับซิ -ยังอยู่รึป่าวเนี่ย..”มิ้มพยามเอื้อมมือมาจับที่เป้ากางเกงของผม ผมเลยต้องรีบใช้มือปัดป้องสุดชีวิต..เผลอเป็นไม่ได้มือมันไวจริงๆ
“เฮ้ยๆ..-มิ้ม ไม่ต้องมาจับของกู ของ-ก็มี..-เอามือออกไปไกลๆเลย..กูยังเป็นผู้ชายอยู่เว้ย เพียงแต่...สิ่งที่กูทำลงไปเมื่อคืน..เลยทำให้กูเริ่มไม่มั่นใจตัวเองเหมือนกันวะ ...แล้วที่ถูกควรทำแบบไหนดีวะ”หลังจากผมพูดประโยคนี้ออกไป ท่าทีของมิ้มดูขรึมและจริงจัง มิ้มมองหน้าผมพร้อมเอามือข้างหนึ่งมาตบที่ไหล่ผมเบาๆ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ - ลองฟังความรู้สึกตัวเอง  ถามหัวใจ-ก่อน...ว่ามันพูดว่ายังไง..อย่าคิดอะไรให้มาก..ปล่อยให้เวลามันบอกเองดีกว่า..เอางี้ ถ้าพี่เขาคิดอะไรแบบนั้นกับ-จริงๆ วันนี้เขาต้องมาตาม-ที่ร้านกู..แล้วตกลง..-แอบชอบพี่เขาจริงๆหรอเนี่ย
“เปล่า ไม่ได้ชอบซักหน่อย..-พูดเองเออเองต่างหาก”วรรณทำเสียงเบา ก่อนรีบหันหลบสายตาของมิ้มที่จ้องมองเจ้าตัวอยู่
“จะปากแข็งได้สักกี่น้ำ กูจะคอยดู ”มิ้มทำตาโต ใส่ผม
“ความจริง มีเรื่องอื่นอยากให้ช่วย..ช่วยสอนกูทำเค้กหน่อย” วรรณหันมองมิ้ม เปลี่ยนสีหน้าท่าทางมาเป็นการขอร้องวิงวอน
“-จะหัดทำไปทำไม ไปเปิดร้านแข่งกับกูรึไง
“บ้า..กูจะทำให้พี่เขา เป็นของขวัญวันเกิด”
“ห้ะ!...-ว่าไงนะ” มิ้มทำท่าทางตกใจก่อนพูดต่อ “เพื่อนกู..สงสัยอาการหนัก ความรัก บังหูตาบอดหมดละ”มิ้มบ่นพึมพำก่อนชวนผมไปหลังร้านหัดทำขนมเค้ก...
ว่าแต่-พี่ตัวดีไม่รู้ป่านนี้ตื่นหรือยัง..กำลังทำอะไรอยู่นะ...วรรณคิดในใจพร้อมเดินตามหลังมิ้มไปห้องทำขนม
“ปกรณ์...-กรณ์ตื่น..วรรณหายไปไหนไม่รู้..-กรณ์”ณวัชรเขย่าปกรณ์ที่กำลังนอนฝันหวานอยู่บนเตียงนุ่มๆ ดูเหมือนปกรณ์คงอดนอนเลยหลับได้ขนาดนี้
“คนดีของผมกอดหน่อย”ปกรณ์ยังคงหลับตาพยายามคว้าตัวณวัชรเข้ามากอด
“กูไม่ใช่คนดีของ-..ตื่น-ฟาย..” ปกรณ์ค่อยๆลืมตาขึ้นพลางมองไปรอบๆใช้สองมือขยี้ตาก่อนเอ่ยถามณวัชร
“อ่าว..คนดีกูหาย..วรรณอะ-วัชร..”
“เออ..คนดี-หาย..กูหาจนทั่วแล้ว...-โทรหามันดิ..”
“-ลองดูในตู้เย็นรึยัง มันแอบไปนอนในนั้นป่าว” ปกรณ์แกล้งพูดกวนแล้วจึงลุกขึ้นเดินไปหยิบโทรศัพท์กดโทร...
ตรึด...ตรึด....(-เหม่ง)
“ครับ”
“อยู่ไหน..ออกไปไหนทำไมไม่บอกห้ะ..-เหม่ง”ปกรณ์ตะโกนเสียงดังตามเคยจน มิ้มต้องถอยโทรศัพท์ออกห่างหู
“ออ..ไม่ใช่วรรณครับ..ตอนนี้วรรณไม่ว่างรับโทรศัพท์  มีอะไรบอกผมได้ครับเดี๋ยวจะบอกมันให้..”มิ้มพูดเพราะตอนนี้วรรณกำลังขะมักเขม้นตีแป้งขนมอยู่อีกห้อง..
“แล้วนายเป็นใคร มารับโทรศัพท์วรรณได้ไง..บอกมาดิ”ปกรณ์ถามกับอาการโมโหนิดหน่อย
“มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน..ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไรเหมือนกัน”มิ้มแกล้งยั่วประสาทปกรณ์ แต่ก็เหมือนว่าจะได้ผลดีซะด้วย..
“ห้ะ..ว่าไงนะ..พูดยังงี้อยากตายเหรอ...-เหม่งอยู่ไหน..ไปตามมันมาคุย..เดี๋ยวนี้”ปกรณ์ตะโกนด้วยอารมณ์โมโห..จนณวัชรต้องเดินเข้ามาแย่งโทรศัพท์จากมือปกรณ์ไปคุยแทน..
“เอามานี่..กูคุยเอง.. -ไปล้างหน้าก่อนไป เอาแต่ว้ากๆใส่เขาจะคุยกันรู้เรื่องมั้ย” ณวัชรจับโทรศัพท์แนบหู.พร้อมเดินออกไปคุยอีกห้อง..
“ผมณวัชร..ตอนนี้วรรณอยู่ที่ไหนครับ พอดีว่าพวกเรากำลังเป็นห่วง”
“ไม่ต้องห่วงครับ..ผมเป็นเพื่อนวรรณเอง ตอนนี้วรรณเครียดๆนิดหน่อยเลยแวะมานั่งเล่นบ้านผมน่ะครับ”มิ้มตอบ
หลังจากนั้นก็คุยรายละเอียดกันอีกนิดหน่อย จนรู้ว่าอยู่ร้านเค้กย่านอนุสาวรีย์ ณวัชรวางโทรศัพท์พร้อมเดินกลับเข้าไปหาเจ้าตัวดีที่ตอนนี้พยามแอบฟังณวัชรคุยโทรศัพท์อยู่หลังประตูพักใหญ่แล้ว..
“มานี้เลย...-ตัวดี..”ณวัชรลากปกรณ์มานั่งที่โซฟาห้องรับแขก
“ทำไม..ลากกูมานั่งนี่ทำไมเนี่ย” ณวัชรจ้องหน้าปกรณ์เขม่งก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“กูถาม-จริงๆ..-ไปทำอะไรน้องมัน..ถึงเครียดจนต้องหนีไปหาเพื่อน...”
“เปล่า..กู..กู..ก็ไม่ไดทำอะไรนิ..”ปกรณ์ปฏิเสธเสียงเรียบ
“กูไม่ได้หลับ..ตอนที่-...ทำอะไรน้องมัน ..แค่กูไม่ได้ลืมตามาดู”ณวัชรยังคงคาดคั้นความจริงจากปกรณ์
“กูก็แค่..กอด..เฉยๆ” ปกรณ์พูดทำตาปริบๆเหมือนรู้ว่าตัวเองผิดเต็มประตู
“กอด...แล้วทำไรอีก..พูดเดี๋ยวนี้..” ณวัชรกดดัน
“แค่..กอดแล้วมาแนบ อก ลูบหัวพูดอะไรนิดนิดหน่อย” ปกรณ์ยังคงพูดน้ำเสียงแบบรู้สึกผิด..
“-นิดหน่อยของ-..พูดว่าไงบอกกูดิ” ณวัชรยืนกอดอกแน่นเดินมาประชิดตัวปกรณ์....เจ้าตัวดีเงยหน้าขึ้นพลางพูดตอบกลับด้วยเสียงอู้อี้
“อยู่นิ่งๆ..อย่าดื้อนะ..” หลังจากได้ยินโยคนี้ณวัชรก็หมดความอดทน ง้างมือเบิร์ดกะโหลกปกรณ์ทันควัน
“อยู่นิ่งๆ....(ผั๊ว)”
“โอ้ย..กูเจ็บ..”
“อย่าดื้อนะ...(ผั๊ว)
“โอ้ย...”
“มากอดแนบ อก....ขออีกที(ผั๊ว)”
“โอ้ย...เจ็บ..กูรู้แล้ว ว่ากูผิด..เดี๋ยวกูไปขอโทษน้องมันละกัน พอใจยัง” ปกรณ์ยอมรับผิดโดยดี พลางเอามือลูบหัวที่ณวัชรเบิร์ดกระโหลกไปสามที
“เอาอีกซักที..ดีม๊ะ..ทีกูแตะตัวน้องมัน นิดหน่อยก็ไม่ได้ แค่เฉียดไปใกล้ทำห่วงกางโว้ยวาย..ที่ตัวเอง...กอดแนบชิดจนจะสิงเข้าไปในร่างกันอยู่แล้ว...ณวัชรเทศซะยาวปกรณ์ได้แต่นั่งฟัง
“ตอบกูมาตรงๆเหอะ..-ชอบวรรณใช่มะ -ปกรณ์”ปกรณ์นั่งนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนหันมาตอบ
“กู...ก็ยังไม่แน่ใจ...แต่กูมีความสุขทุกครั้งเวลาได้อยู่ใกล้เขา มันเรียกว่า รักได้เปล่าวะ” ปกรณ์ตอบพลางหันมองณวัชรก่อนพูดต่อ..
“-อย่าบอกเรื่องนี้ให้ ใครรู้นะ-วัชร ถือว่ากูขอร้อง”
“เออ..รู้ละ กูไม่บอกใครหรอก...ถ้าเกิด-ชอบเขาจริงอะ..ก็บอกให้เขารู้ซะ..”ณวัชรตบไหล่ปกรณ์เบาๆก่อนลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป..
ผมกำลังขับรถเบนซ์สีขาวเพื่อไปตาม-เหม่งร้านเค้กย่านอนุสาวรีย์ตามที่-วัชรบอก...นึกแล้วมันก็ฉุนขึ้นมาเลยครับ มันแอบไปหาผู้ชายที่ไหนไม่รู้ ดูท่าทางไม่น่าไว้ใจ..-วัชรบอกว่าผมคิดมากไป..แต่ถ้าถามความรู้สึกของหัวใจ..มันต้องตายกันไปข้างนึงละวันนี้..ผมเร่งเครื่องเพิ่มความเร็วแล่นฉิวบนทางด่วน..แต่ก็รู้สึกว่ามันยังช้าไป..-เรื่องที่ทำให้คนอื่นเป็นห่วง คืองานถนัด-เหม่งเลยละครับ.ผมอยากจะมอบโล่ทองคำให้มันจริงๆ. ผมลงทางด่วนเลี้ยวขวาขับเลยรถไฟฟ้ามานิดหน่อย เลี้ยวเข้าซอยมา..ข้างร้านมีที่ให้จอดรถของพนักงาน..ผมเลยไปจอดตรงนั้นไม่ได้ขอใครตามเคย..ก็คนมันรีบเขาคงเข้าใจ...หลังจากจอดรถเสร็จ ผมเปิดประตูเข้าไปในร้านเห็นแต่พนักงาน..แล้ว-เหม่ง..มันไปซ้อนตรงไหนอีก..
“สวัสดีค่ะ..รับอะไรดีคะ เชิญนั่งก่อน..ค่ะ” พนักงานกล่าวพร้อมเชิญผมไปนั่งโต๊ะ..
“อ่อ..เปล่าครับผม มาหา..วรรณ น่ะครับ”
“ออ..ค่ะ น้องวรรณหรอคะ..เดี๋ยวไปตามให้นะ  .”พนักงานพูดจบก็เดินหายไปหลังร้าน พักหนึ่งเจ้าตัวดีก็โผล่มา..กับสภาพที่เนื้อตัวม่อมแมม.ผมเดินตรงเข้าไปหา..แต่จะพูดอะไรดี..พอเห็นหน้ามันก็รู้สึกตัวหนักๆ ขาแขนมันแข็งซะดื้อๆ ลืมคำพูดดีๆที่จะเตรียมมาขอโทษไปหมด
“ไปฟัดกับหมามาหรอ..ตัวเลอะเชียว..”ปกรณ์เอ่ยพลางมองวรรณตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ไม่ใช่หมา -มิ้มต่างหาก..พี่ปกรณ์มาหาผมมีธุระอะไรด่วนป่าวครับ” วรรณตอบพลางปัดแป้งที่เลอะเนื้อตัวอยู่
“ด่วนสิ เราหายไปทั้งคน พี่เป็นห่วงเรารู้มั้ย อย่าไปไหนคนเดี๋ยวอีกละ พี่บัวก็กำชับไว้แล้ว ดื้อจริงนะเรา..แป้งขนมเปื้อนหน้าหมดแล้ว มาพี่เช็ดให้” ปกรณ์พูดพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา
พี่ปกรณ์หยิบผ้าในกระเป๋าเสื้อตัวเองออกมา ใช้มือข้างหนึ่งจับที่หัวไหล่แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าผมเบาๆ ผมได้แต่ยื่นนิ่งมองที่พี่ปกรณ์..กับหัวใจที่เต้นแรงเวลาที่มองตาของพี่เขา ทุกครั้งที่เขาใช้ตาคมๆจ้องมาข้างในดวงตาของผม ราวกับกำลังจะกลืนกินผมไปทั้งตัว ทำไมเวลาแบบนี้มันรู้สึกดีจังเลยนะ ตอนนี้คนในร้านมองที่เราสองคนกันใหญ่รวมถึง แฟนคลับที่จำได้เริ่มแอบถ่ายรูปเราสองคน แต่พี่ปกรณ์ยังเช็ดหน้าผมโดยไม่สนใจสายตาของคนที่อยู่รอบตัว..
“แอบมาหวานกันตรงนี้เอง นึกว่าหายไปไหน”เสียงมิ้มแอบแซวพวกเรา มันกำลังเดินออกมาจากประตูห้องทำขนม
“พี่ปกรณ์ นี้ มิ้มครับ เพื่อนสนิทผมเอง..” ผมแนะนำมิ้มให้พี่ปกรณ์รู้จัก 
“สวัสดีครับ พี่” มิ้มพูดพร้อมยกมือไหว้
“อึม..หวัดดี.. ขอบใจที่ดูแล-เหม่งให้..แต่พี่ต้องขอตัวมันกลับแล้วละ ปะ..”พี่ปกรณ์พูดเสร็จก็ใช้มือคว้าแขนวรรณเดินจูงออกไป มิ้มได้แต่ยืนยิ้ม โบกมือ บ๊ายบาย ตะโกนตามหลังผมมา
“พักผ่อนบ้างละ ขอให้ได้ขอให้โดนนะ..” วรรณได้แต่ชี้หน้ามิ้ม...เหมือนสื่อความหมายว่าฝากไว้ก่อนเถอะ
บรรดาแฟนคลับมาจากไหนทำไมเร็วสายฟ้าแลบขนานนี้ ผมกับพี่ปกรณ์ฉีกยิ้มกว้างฝ่าแฟนคลับจนมาถึงรถ -มิ้มเดินตามมาเอากระเป๋าที่ผมลืมมาให้..
“อย่าเกเรกับพี่เขาละ -วรรณ..บายนะ”มิ้มมาส่งเราที่รถอีกรอบ
“เดี๋ยว จะมาใช้บริการใหม่..อย่าลืมที่ตกลงกันไว้นะ” วรรณตอบ มิ้มชูมือส่งสัญญาณ โอเค ก่อนปกรณ์ขับรถออกมาจากร้าน...

แสดงความคิดเห็น

>