Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[บ่นยาว] ฝากถึงพ่อแม่พี่น้องที่อยากให้ลูกหลานสอบหมอ!!!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่


สวัสดี เราเป็นเด็ก 59 นะ สายศิลป์ วันนี้จะมาเล่าปัญหาของเด็ก 59 เพื่อนเราที่เรียนสายวิทย์ หลังจากจบสนามสอบเก้าวิชาสามัญ ผมว่าทุกคนคงพอจะรู้คะแนนคร่าวๆของตัวเองแล้วใช่ไหมครับ? คือผมเชื่อว่ามันไม่มีใครหรอกที่ไม่รู้คะแนนตัวเอง คงไม่ได้รู้เป๊ะๆ แต่ยังไงก็ต้องพอรู้ใช่มะว่าได้เท่าไหร่ อะไรยังไง พอจะรู้ชะตากรรมตัวเองแบบหยาบๆนะครับ
เพื่อนเราจะสอบหมอครับ มันโดนที่บ้านบังคับ คือพี่ชายสอบไม่ติดเลยมาบังคับมันแทน ความถนัดมันได้ประมาณ 17% มั้งนะ(ตามที่นางบอก) คือออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้รู้ระบบการรับตรงของพวกหมอมากนะครับ แต่เพื่อนมันก็สมัครเกือบทุกอย่างที่สมัครได้อ่ะ แต่ยังไม่ติดเลยสักที่ สมัครพยาบาลก็เฟล คือสภาพจิตใจเพื่อนเรามันท้ออ่ะ มันเครียดจนไม่อยากอ่านหนังสือต่อ นี้ก็พยายามติววิชาที่เราถนัดให้(คือมันจะชอบมาติวแลกกันกับเราเพราะเราอ่อนอิงค์ ฮ่าๆ)
เข้าใจอารมณ์ไหมว่าคนไม่ได้อยากเป็นหมอ แต่ต้องสอบต้องเรียนเพราะพ่อแม่อยากให้เรียน มันกดดัน มันท้อแท้นะ จนกระทั้งสอบเก้าวิชาเสร็จนั้นแหละก็หายไปแปป ก่อนมันจะโทร.มาร้องกับเราว่ามันทำสอบไม่ค่อยได้ มันเครียด แล้วก็ทะเลาะกับที่บ้านหนักมาก คือมันเหมือนระเบิดอ่ะ เก็บกดแล้วก็ตู้มมม มันพยายามบอกพ่อกับแม่ว่ามันไม่ไหวนะ มันอยากยอมแพ้แล้ว อยากทำอยากเรียนสิ่งที่มันรัก
มันพยายามแล้วครับ อ่านหนังสือหนักพอๆกัน แต่ลูกธนูที่ขาดแรงจูงใจมันก็ยากที่จะพุ่งไปถึงเป้าหมาย เราเองก็พยายามปลอบมันว่าอาจจะไม่ได้แย่ขนาดนั้นก็ได้คะแนนอาจจะออกมาโอเคกว่าที่คิด ก็ปลอบกันไป
ประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆมันก็โทร.มาหาเรา บอกเราว่ามันอยู่ใต้หอเราแล้ว (ผมเป็นเด็กหอครับ เช่าหอใกล้รร.อยู่) คือเข้าใจฟีลมะว่ามันร้องแบบวัวตายความล้ม เหมือนสามีนางหนีไปงั้นแหละ นี้ก็ปลอบใจจนนางสงบลงได้ นางก็บอกว่ายังไม่อยากกลับบ้าน ไล่ยังไงก็ไม่กลับ สุดท้ายก็ปล่อยให้นางหลับนั้นแหละแล้วเราลงไปนอนร้านเกมแทนพร้อมหาของแถมให้มันนิดหน่อย (ผมเป็นเกย์นะ แต่แบบ แค่มันเข้าหอผมก็ดูไม่ดีแล้วใช่ไหมล่ะ? เพราะงั้นก็เซฟๆให้มันหน่อยอะไรแบบนี้) ผมก็นอนไป ประมาณตีห้าพระเดินบิณฑบาตรก็ลุกไปใส่บาตรแปปแล้วก็ขึ้นห้องไปปลุก ยัดมันลงแท็กซี่แล้วส่งตีกลับบ้าน ผมไม่ได้อยากไล่เพื่อนนะ แต่ไม่อยากให้มันหนีปัญหา
ตอนนี้ยังติดต่อไม่ได้ครับ แต่มันยังไม่ใช่mainหลักของเรื่องครับ ผมสอนมันไปเยอะเมื่อคืน นี้รอฟังข่าว///อย่าเพิ่งอยากตบผมนะ หนูกลัวววว -____-
ผมแค่อยากจะบอกพ่อแม่พี่น้องผู้ปกครองทุกคนว่า
"อย่าบังคับให้ใครทำตามความฝัน'ของคุณ'อีกเลยครับ"
เรารู้นะ พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกได้ดี
แต่ก่อนจะหยิบยื่นอะไรให้ ถามเขาก่อนไหมครับ?
ลูก...ยังไงก็คนครับ เขามีเลือดเนื้อ มีความรู้สึกเหมือนคุณนะครับ
หรือคุณลืมไปแล้วว่าคุณไม่ได้อยู่กับเขาไปตลอดชีวิต
คุณจะให้เขาทนอยู่กับสิ่งที่ไม่ชอบไปตลอดชีวิตเลยเหรอครับ? ยิ่งหมอหรืออาชีพทางการแพทย์ที่หนักหนาและมีปัญหาภายในระบบกันเยอะแยะขนาดนี้ คุณว่าเขาจะทนไปได้ตลอดจริงๆเหรอครับ
อาชีพที่ใช่มันก็เหมือนกับคนรัก
ไม่ใช่ทนๆอยู่กันไปแล้วมันจะรักกันได้นะครับเห้ยยย
จริงอยู่ว่ามันไม่มีใครเพอร์เฟคและไม่มีอาชีพอะไรที่มันจะไม่เหนื่อยไม่หนักหรอกครับ
แต่ถ้าจะเหนื่อย จะหนัก จะทุกข์ จะสุข
ก็ขอให้เขาได้อยู่กับคนที่เขารักหรืออาชีพที่เขาอยากจะทำหรอกครับ
ไม่ใช่ใครก็ได้/ไม่ใช่อาชีพอะไรก็ได้ !!!
นี้ยังไม่พูดถึงว่าหมอเรียนหนักชิบหายวายวอดแบบวัวตายควายล้มฮิปโปเป็นลมจรเข้เป็นหมั้นนะ แต่ผมก็เสียวไส้นะเว้ยย ถ้าในอนาคตผมต้องไปรักษากับหมอที่ทำงานไปแค่วันๆเพราะโดนบังคับให้เป็นเนี้ย (เคยมีแฟนเป็นนศ.พ ถ้าไม่ถึกจริงอยู่ยากครับสายนี้...จะโดนตบไหมถ้าบอกๆว่า-ที่สอบๆไปเนี้ยจิ้บๆมาก ถ้าเทียบกับสิ่งที่จะเรียนในอนาคตถ้าติดหมอ - -)

ต่อด้านล่าง ทำไมเดียวนี้เด็กดีเขียนอะไรยาวๆไม่ได้แล้วนะ - -

แสดงความคิดเห็น

24 ความคิดเห็น

Alonlan 28 ธ.ค. 58 เวลา 21:03 น. 1
โอเคต่อ .....กลับมาฝั่งก่อน เรากลับมาซีเรียสกันอีกนิดดดด ฮาาา (เรามีพลังในการพายเรือสูง กรุณาเรียกเรากลับฝั่งเป็นระยะๆ ถถถถถถ)
ที่นี้มาด้านตัวเด็กเองบ้าง
เห้ยยยย ขอหยาบนิดๆนะครับ
พวก-ครับ ถามก่อน นี้ชีวิตใคร ?
ชีวิตเรา ถูกไหม ?
ไม่ได้สอนให้ต่อต้าน แต่สอนให้คิดให้เป็น หัดรู้จักพูด คิด พิจารณา แล้วกล้าที่จะยืนยันในสิ่งที่ตัวเองเลือกหน่อยครับ !!!
มันไม่มีใครรู้จักตัวเราดีเท่าตัวเราเองหรอกนะ
ถ้ามันเป็นสิ่งที่คุณรักมันจริงๆ คุณอยากอยู่กับมันจริงๆ
คุณต้องกล้าที่จะลุกขึ้นมาครับ
ทำให้พ่อแม่คุณเห็น ว่าสิ่งที่คุณเลือกก็ไม่ใช่เส้นทางที่เลวร้าย หาข้อมูลมาแล้วเอามาพูดดีๆ เอาให้เขารู้ เขาเห็น ว่าเรารู้จริง รู้แจ้ง เราวางแผนเป็น เราลิขิตอนาคตตัวเองได้ด้วยมือของเรา อย่าลืมว่าคนที่ต้องรับผิดชอบผลของการกระทำที่จะเกิดขึ้นในชีวิตของคุณก็คือตัวคุณเอง พ่อแม่ไม่ได้อยู่กับคุณตลอดไป คนที่พึ่งพาได้มากที่สุดก็มีแค่ตัวเองเท่านั้น !!!
สุดท้าย ท้ายที่สุด อยากให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันให้มากขึ้นครับ
พ่อกับแม่ ...รักลูกได้ครับ แต่อย่ารักเกินรัก จนทำลายเขาแบบไม่รู้ตัว ต้นไม้แต่ล่ะต้นแต่ล่ะพันธ์ต้องการปุ๋ยและน้ำต่างกันครับ...
ลูกเองครับ ...รักพ่อแม่ให้มากๆ แต่อย่าลืมว่า 'ความสุข' ของตัวเองคืออะไร จงทำสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้อง แน่วแน่และศรัทธาในสิ่งที่ตัวเองเลือกครับ ชีวิตเรา เราต้องก้าวด้วยตัวเอง เดินตามรอยเท้าคนอื่นไปไกลสุดก็แค่ตามหลังเจ้าของรอยเท้านั้น
จงสร้างรอยเท้าของตัวเองขึ้นมาครับ
ทำให้ทุกคนรู้ ว่าเส้นทางที่คุณเลือก มันก็ไม่ใช่เส้นทางที่พาไปสู่หายนะ บางที่เส้นทางมันก็ไม่ได้สวยหรูหรอก แต่แม่มแล้วไงอ่ะ
จะดีจะร้ายยังไงเราก็เลือกเองป่ะ?
วันนี้ก็มาบ่นแค่นี้ล่ะครับ ถ้าติดต่อนางได้เมื่อไหร่จะมารายงานความคืบหน้าให้ฟัง เราแค่พยายามหาข้อมูลคณะกับแนวทางอาชีพให้มันเท่านั้นแหละ ช่วยเท่าที่เราจะช่วยได้ ก็ได้แต่หวังว่าพ่อแม่มันจะเปิดใจรับฟังบ้าง....
เฮ้ออ ไปอ่านหนังสือแล้วครับ เจอกันใหม่สำหรับกระทู้หน้า(ถ้ามีเรื่องจะบ่นอีกนะ ถถถถถถถถถถถถถถถ)
2
shiromi-kuromi 1 ม.ค. 59 เวลา 21:04 น. 1-1

ท่านเป็นเกย์
กรี๊ดดดดดดดค่ะพอดีเราเป็นสาววายค่ะ
เดี๊ยวๆเข้าฝั่งแปป
เราก็เป็นน่ะตอนม.1อ่ะพ่อแม่บอกว่าเข้าสายวิทย์-คณิต(ปัจจุบันม.2เจ้าค่ะ)เราก็เถียงว่าไม่เข้าๆแม่ก็บอกให้เข้าพ่อก็สนัลสนุนเราเลยระเบิดแล้วบอกว่ามันเหนื่อยและไม่ใช่สายที่ต้องการสุดท้ายไม่คุยกับครอบครัวแต่เดี๊ยวนี่พวกท่านเข้าใจแล้วเลยให้เราเข้าสายไรก็อิๆ
เป็นกำลังใจให้เพื่อนพี่นะ
ปล.แอบตกใจที่พี่เป็นเกย์นี่ถ้าเป็นเพื่อนหนูนะยุให้ลักหลับไปแล้วคิๆ
ปล.บายค่ะ!!
Yaoiจงเจริญ

0
ดูโง่ๆ 21 ก.พ. 59 เวลา 16:09 น. 1-2

พวกผิดเพศ วิตปริต นี่เอง กะแล้วจิตใจถึงไม่ปกติ พ่อแม่ไปไหนหรอ ให้พาไปหาหมอเชคสภาพจิตหน่อย จิตวิปราศ สติฟั่นเฟือนล่ะมั้ง ใครจะสอบหมอไม่รู้ แต่คุณนี่อย่าว่าแต่สอบเลย ไปเชคสมองเถอะว่าปกติดีหรือเปล่า ถามหน่อยเถอะปกติปะเนี่ย จิตใจปกติปะน่ะ สติดีป่าวคุณ

0
hello 28 ธ.ค. 58 เวลา 22:47 น. 2

Same เลย คือ พ่อเราอยากให้ไปสายพวกเเพทย์ เภสัช ทันตะ จากเก้าวิชาที่ผ่านมารู้เเล่วว่าคือไม่ได้ คือตอนนี้เราเล็งงานไว้อันนึงเเต่ยังไม่บอกพ่อเเต่ก็พูดเปรยๆคณะไว้ว่าอยากเรียนขณะนี้ ทันทีที่พูดเท่านั้นเเหละ พ่อนี่บอกเลยว่าไม่อยากให้เรียรอันนี้ คืองานมันก็มีหลากหลายป้ะ ไม่ใช้ว่าทำงานอื่นเเล้วจะไม่ประสบความสำเร็จ คือใช่เราเคยอยากเป็นหมอเป็นได้ก็ดีมีงานทำมั่นคงเเต่ในเมื่อมันไม่ได้ ก็เเบบ.....พอเหอะทำไมต้องมีค่านิยมเเบบนี้ไม่เข้าใจ

0
Keep fighting 28 ธ.ค. 58 เวลา 23:18 น. 3

สอบแพทย์มันเป็นอะไรที่เ-้ยมมากกกกกกกก
ถ้าไม่ไหวจริงก็อย่าฝืนเลยครับ
มันจะทรมาณมากๆไปอีกตลอดชีวิตเลย
"เพลียกับค่านิยมของคนไทย"
ที่ว่า คนเรียนหมอเก่งนะ รวยนะ ไรเงี้ย อวยวัวตายควายล้ม
แล้วขนาดคนที่อยากเป็น แต่สอบไม่ได้ยังเยอะมากเลย
ถ้าคนไม่อยากเป็นยิ่งไปใหญ่
อาชีพอื่นมีอีกเยอะนะครับ ทำตามความชอบของเราดีกว่าเนอะ ต้องลองให้เพื่อนคุยเปิดใจกับพ่อแม่ดูเลย
บอกพ่อแม่ว่าเราจะเลือกเดินบนทางของเรา
แล้วจะพิสูจน์ให้พ่อแม่เห็นเอง ว่าที่เราเลือกเนี่ยมันเจ๋ง
(ขอบอกเลยว่า ชีวิตจริงเนี่ย ขอแค่มีงานทำเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้มันก็เป็นอะไรที่ดีสุดๆแล้วครับ จริงไหม??)

0
jojoeee 28 ธ.ค. 58 เวลา 23:33 น. 4
อยากให้พ่อแม่ของเพื่อนน้องได้ดูคลิปนี้
แล้วจะเลิกบังคับเลย

แม่ให้ลูกอ่านหนังสืออย่างหนัก เพื่อให้สอบได้
แล้วจะให้รางวัลคือให้ลูกทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ.....




1
NoiRLady 31 ธ.ค. 58 เวลา 17:16 น. 4-1

เราเปิดให้แม่ดูแล้ว ไม่ได้เข้าใจขึ้นเลย แถมว่าด้วย ว่าลูกทำไม่ถูก ละก็สวดยาวเลยค่าา บอกเสียเวลาดู เห้อม..

0
แตงโมมนวีร์ 29 ธ.ค. 58 เวลา 07:55 น. 5

คือต้องเข้าใจก่อนว่า พ่อแม่ทุกคนจะคิดว่าลูกเป็นเด็กเสมอ แม้ว่าลูกจะมีงานมีการเป็นหลักเป็นแหล่งมีสามีภรรยา มีลูกไปแล้วก็ตาม ก็ยังคิดว่าลูกยังเป็นเด็กสำหรับตัวเองเสมอ หรือบางคนอาจจะคิดว่าลูกก็แค่ทรัพย์สมบัติหรือติ่ที่ออกมาจากตัวเอง ยังไงก็ต้องฟังฉัน หรือว่าบางท่านอาจจะคิดว่า ฉันมีประสบการณ์มาก่อนเกิดมาก่อน อะไรดีสำหรับเธอฉันรู้ ฉันอยากให้เธอรับสิ่งที่ฉันคิดว่าดีไปซะ ก็เลยยัดเยียดให้ซะเลย โดยลืมไปว่าจริงๆแล้วมันเหมาะกับลูกจรองไหม? เพราะลูกก็มีชีวิตจิตใจ แล้วที่ได้รู้มามันก็ไม่จริงเสมอไปสำหรับยุคสมัยกและเวลาที่เปลี่ยนไป หรือว่าในสังคมความคิดต่างๆ....ก็ไม่เหมือน คนแต่ละยุคก็ไม่เหือนกัน ความคิดอ่านไม่เหมือนกัน อาชีพ การเงิน หน้าที่ก็ไม่เหมือน อาชีพใหม่ๆเกิดขึ้นมาก็มากมาย
ใครมีปัญหาอะไรกับคุณพ่อคุณแม่ ก็ลองพยายามคุยกันดีดี เขียนเหตุผลใส่กระดาษเป็นข้อๆไปเลยครับ ข้อดีมีอะไรบ้าง ข้อเสียมีอะไรบ้าง คุยกันด้วยปากเปล่าไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจ ก็เขียนใส่กระดาษไปเลย ดูหนักแน่นเชื่อถือกว่า ไม่ก็พิมพ์เป็นเอกสารแล้วปริ๊นท์ออกมาเลย แล้วลงชื่อกำกับลายมือชื่อหรือลายเซ็นต์ไว้ ผมว่าพ่อแม่น่าจะเปิดใจมากขึ้นครับ แล้วค่อยๆพูดค่อยๆจากันดีดี รอเวลาให้อารมณ์ของทั้งพ่อแม่ และลูกเย็นลงก่อน และให้พูดด้วยน้ำเสีงนุ่มนวล สุขุม เยือกเย็น ใจเย็นด้วยเหตุผล การพูดด้วยเหตุผลเนี่ยเป็นการแสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่ในตัวเองและความมีวุฒิภาวะของคนเป็นลูกนะครับ พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ใจเย็นๆ ยิ่งใครมีพ่อแม่อารมณ์ร้อน หรือวุฒิภาวะน้อยกว่า ลูกยิ่งต้องใจเย็น ยิ่งตต้องมีวุฒิภาวะมากกว่า สูงกว่าพ่อแม่ ให้ดูว่าเราเย็นได้มากกว่า มีเหตุผลมากกว่า สุขุมมากกว่า แต่ถ้าใครมีพ่อแม่ดี มีเหตุผล รับฟังปัญหา รับฟังเหตุผล คุยกันดีดีได้ มีวุฒิภาวะอยู่แล้วก็โชคดีไปเป็นผลบุญ(วิบากที่เป็นบุญเก่ามาตามสอง)
ไม่ว่าใครอยากไปสอบหมอใหม่ เพราะคิดว่าครั้งนี้คงไม่ติดแน่ แต่เพราะหัวใจร่ำร้องอยากช่วยเหลือคนอื่น และคิดว่ามันเป็นชีวิตจริงๆที่เราอยากเป็น หรือว่าใครไม่อยากเป็นหมอ แต่โดนพ่อแม่บังคับก็ใช้วิธีเดียวกันครับ หรือใครมีปัญหาอื่นๆ อะไรก็ตาม ก็ลองเอาไปใช้ดู ผมพูดจริงนะครับ พิมพ์ใส่กระดาษแล้วเอามาคุยกัน เอาความรู้ที่ได้เรียนมามาใช่บ้าง ต้องลองใช้วิธีนี้

0
Lucky Anuluck 29 ธ.ค. 58 เวลา 08:10 น. 6

ผมเคยทำงานที่คณะแพทย์มา 8 ปี เจอปัญหาเด็กไม่อยากเรียนแต่พ่อแม่บังคับทุกปี 
จะเห็นได้ชัดว่าเหตุผลที่น้องๆเลือกเรียนแพทย์ มีเหตุผลหลักๆแค่ 2 เหตุผล
1. อยากเป็นหมอ
2. พ่อแม่ (คนอื่น) อยากให้เป็นหมอ

ถ้าผมเป็นกรรมการสอบสัมภาษณ์แล้วจับได้ว่าเด็กคนนี้เป็นข้อ 2 นะผมจะกาไม่ปล่อยให้ผ่านเลย สงสารเด็ก ถึงตอนสัมภาษณ์ส่วนใหญ่จะตอบว่าอยากเป็นหมอเองทุกคนอยู่แล้ว แต่จะมาออกอาการตอนเรียนปี 2 ปี 3 เจอวิชาหลักเข้าไป ไม่ใช่เรียนสบายๆ เรียนโครตหนัก ยิ่งขึ้นชั้นคลินิกไม่ต้องพูดถึง เวลาจะนอนแทบไม่มีเลย -ความที่ไม่ชอบยิ่งเก็บกดมันก็จะยิ่งทำให้สุขภาพจิตเสีย ตอนน้องสอบหมอได้ พ่อแม่ก็ฟินแค่โมเม้นนั้น คุยอวดใครได้ว่าลูกชั้นติดหมอนะโน่นนี่ แต่คนที่ชีวิตพังก็ไม่ใช่ใครตัวเด็กเองนี่ล่ะ ปล่อยเค้าไปทำตามที่น้องเค้าอยากจะทำเถอะครับ เรียนอะไรจบอะไรมาถ้าตั้งใจและมีความสุขในสิ่งที่ทำ มันก็ประสบความสำเร็จได้ทั้งนั้น
บางครั้งความหวังดี มันก็ไม่ใช่ว่าจะดีสำหรับลูกเสมอไป

0
jojoe 29 ธ.ค. 58 เวลา 11:13 น. 7

ผมก็เข้าใจพ่อแม่ที่อยากให้ลูกได้ดี แต่ไม่เคยถามเลยว่าลูกตัวเองไปทางด้านไหน ก็คงเหมือนบังคับปลาให้บีนเหมือนนกแหละคับ
ถ้าเคยดูละครเรื่อง บัลลังเมฆ บทลูกชายคนเล็กสุด ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด

0
คนเจ้าคารม 29 ธ.ค. 58 เวลา 21:29 น. 9

ถ้าอธิบายดีๆ เราเชื่อว่าพ่อแม่เขาต้องฟังแน่นอนค่ะ เราก็เป็นเหมือนกัน แต่เรากล้าพูดว่าเราชอบอะไรและคณะนั้นมีดีอะไรจนพ่อแม่เราเปิดใจปล่อยให้เราเรียนในสิ่งที่ชอบแล้ว สู้ๆนะคะ

0
สตางค์ 30 ธ.ค. 58 เวลา 00:52 น. 10

เห็นใจเพื่อนน้องมากค่ะ
พี่ว่าต้องกลับไปคุยกันกับครอบครัวเค้าหละ

ถ้าได้กลับไปคุย พี่ฝากข้อความถึงเค้านะคะ จากประสบการณ์ของนศ.พ.ปี 5 คนนึง

1.หมอไม่ได้รวยค่ะ ที่ดูเค้ารวย คือส่วนใหญ่เค้ารวยมาก่อนหน้านั้นอยุแล้ว ชีวิตหมอ มีแต่พอมีกิน ไม่อดแน่ 'แต่ไม่รวยยย'
: อย่าคิดบังคับให้ลูกเรียนเพราะอยากรวยเลยค่ะ จะรวยก้ 35 ปีขึ้นนู่น กว่าจะเรียนจบก็ 25 แล้ว เรียนต่ออีก 4-5 ปี คิดเอาแล้วกัน จะเอาเวลาไหนมาสร้างเนื้อสร้างตัว

2.สอบเข้าคือสิ่งที่ง่ายที่สุดของการจะเรียนหมอค่ะ หลังจากนั้นไม่ต้อวพูดถึงเลย ยิ่งขึ้นคลีนิกดูแลคนไข้นี่ สอบแม่มทุกเดือน การสอบมีทั้งปฏิบัติ เคส กา เขียน ตายกันไปข้าง

3.อาชีพนี้ เก่งไม่พอ ต้องเอาใจมาด้วย คิดดูว่าคนเราจะทนอดหลับอดนอนได้นานเท่าใหร่ สำหรับหมอ 36 ชม.ถ้าอยู่เวร
วันหยุดก้ไม่มี ราวคนไข้ตอนเช้าทุกวัน ปีใหม่นี้ พี่ก็อยู่เวร 30 , 1,2,3 รวด บ้านช่องไม่ได้กลับ

4.สุขภาพจิตแย่ เห็นคนไข้ตายไปต่อหน้าต่อตาทั้งที่รักษาเต็มที่แล้ว เห็นคนตายทุกวัน คิดว่าจะรู้สึกยังไง ไม่มีทางชินหรอกจะบอกให้

ปล.พี่ก็มีค.สุขอยู่นะ แต่ก็สุขๆทุกข์ปนกันไป เลือกทางนี้แล้ว ต้องไปให้สุดทาง

0
ปีนี้ต้องติด 30 ธ.ค. 58 เวลา 02:40 น. 11

กระทู้นี้ตรงใจมากอ่ะ เราก็กำลังทะเลาะกับพ่ออยู่เลย ประเด็นคือเราเรียนค่อนข้างดี (แต่เรียนชีวะห่วยมาก) เราเคยบิ๊วตัวเองให้อยากเรียนหมอนะ เพราะเรารักพ่อแม่อ่ะ แต่ทำไม่ได้จริงๆ
พอ ไม่สนใครละ เราจะไม่เรียนหมอ เราจะทำสิ่งที่เราชอบจริงๆ

0
แตงโม 30 ธ.ค. 58 เวลา 06:36 น. 12

พออ่านมาถึงตรงที่ว่า
""นี้ยังไม่พูดถึงว่าหมอเรียนหนักชิบหายวายวอดแบบวัวตายควายล้มฮิปโปเป็นลมจรเข้เป็นหมั้นนะ""

ผมนี่ฮาลั่นห้องเลย ก๊ากแตก คิดได้ไง???? จนถึงตอนนี้ นึกทีไรนั่งก๊ากอยู่คนเดียว ไม่รู้คนอื่นเห็นผมขำคนเดียวแล้วจะคิดยังไง? แต่ผมก็ไม่สนหรอกครับ

คิดได้ยังไงอ่า???

"ชิบหายวายวอดแบบ วัวตายควายล้ม ฮิปโปเป็นลมจระเข้เป็นหมัน" อย่างฮา ความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศ ใช้สมองซีกไหนครับเนี่ย? น่าจะไปเรียนอะไรที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์นะครับ แต่ผมว่าทุกอาชีกก็ใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้ทั้งนั้นแหละ อยู่ที่ว่าเราจะหยิบออกมาใช้เป็นหรือเปล่า?

0
หนูN 30 ธ.ค. 58 เวลา 23:07 น. 13

คือสลับกันเลยนะ เราอยากเป็นหมอนะ แต่แม่ไม่ให้ (แม่เรารู้ว่า Dark Side ของหมอคืออะไร เราก็เช่นกัน)

0
CTCU 31 ธ.ค. 58 เวลา 00:59 น. 14

เป็นคนเดียวกับในข่าวนี้หนิคุณอะ 
http://drama-addict.com/2010/05/08/เอ็นท์ติดแบบฟลุ๊คๆจขกท/

http://drama-addict.com/2010/05/09/ล่าหมอกำมะลอแฉเบาะแสอ้/

10

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของ

แตงโม 31 ธ.ค. 58 เวลา 22:54 น. 14-4

เข้าใจผิดแล้วครับ ไม่ใช่แล้วครับ..อันนั้นใครก็ไม่รู้..ของผมต้องกระทู้นี้ครับ...
คำถามที่ต้องการคำตอบ
ได้ยินมาว่างบประมาณที่ใช้ในการจัดงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ได้ใช้งบกว่าปีละ 100,000,000 บาท หรือ 100 กว่าล้านบาท จริงหรือ? หากจริงแล้วเงินไปไหนหมด ได้ยินจากอาจารย์คณะเภสัชศาสตร์มาว่างบประมาณที่นำมาทำสนามหญ้าที่ Park@Siam ลงมากว่า 100 ล้านบาทเช่นกันจริงหรือ? หากว่าจริงแล้วเงินที่ลงไปจริงเท่าไร?กันแน่ เงินส่วนต่างหายไปไหนหมด ได้ยินจากอาจารย์อาวุโสที่เคยทำงานให้แก่สมาคมนิสิตเก่าบอกว่าเคยมีการจัดโครงการหล่อพระ ของสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯแล้วเรี่ยไรเงินเสร็จแล้วก็ไม่ได้ทำ กลายเป็นคดีความทุกวันนี้ยังไม่จบ จริงๆหรือ? แล้วจริงหรือที่อาจารย์บอกว่าสำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแทนที่จะขายหนังสือคุณภาพดีราคาถูก แต่กลับขายหนังสือแพงแล้วแทนที่กำไรจะเอาไปบำรุงจุฬาฯหรือเข้าสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯแต่ผู้บริหารกลับนำกำไรส่วนต่างนั้นเข้ากระเป๋าตัวเอง แล้วจริงหรือไม่ที่เสื้องานบอลประเพณีที่ขายแต่ละปีแล้วได้กำไร ถูกคนบางคนหรือบางกลุ่มนำผลกำไรจากการขายไปเข้ากระเป๋าตัวเอง แทนที่จะนำไปบำรุงหรือพัฒนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหรือเอาเข้าสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ จริงหรือไม่ที่มีคนบางคนจบวิศวะ จุฬาฯมา แล้วมาบริหารสมาคมนิสิตเก่า แทนที่จะใช้ปริญญาทำงานหาเงิน แต่กลับเข้ามาบริหารในสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อเอาเงินจากสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ
ทำไมหลังจากที่ผมวิจารย์เรื่องงบประมาณที่มาใช้บำรุงห้องสมุด เอาเฉพาะแค่ค่าซื้อลิขสิทธิ์ในการเข้าไปฐานข้อมูลการวิจัยของต่างประเทศเฉพาะคณะผมเป็นเงินกว่า 3 ล้านบาทต่อปี ไม่รวมค่าซื้อหนังสือตำราต่างๆ แล้ววันต่อมามีหน่วยงานข้างนอกมาตรวจสอบห้องสมุด พร้อมกับอาจารย์ พรชัย เข้ามาหาผมแล้วมาบอกให้ผมเอา ปริญญาแค่ วิทยาศาสตร์บัณฑิต แล้วให้ออกไปจากคณะซะทั้งๆที่ผมยืนยันว่าผมทำได้และผมขอแค่โอกาสพิสูจน์ตัวเอง แต่อาจารย์กลับบอกว่าหากผมเรียนต่อไป ผมสอบใบประกอบวิชาชีพไม่ผ่านหรอก ผมก็เลยบอกว่างั้นขอดูผลการเรียนปฏิบัติการก่อน แต่หลังจากนั้นพบว่าอาจารย์ไม่ตรวจงานให้และกำหนดกฎเกณฑ์ใหม่ว่าหากลายเซ็นขาดไปแม้แต่ลายเซ็นเดียวจะพิจารณาให้ F แล้วผมก็ได้ F จริงๆ ถ้าไม่มีอะไรทำไม?ต้องร้อนตัวขนาดนั้น ทำไมอาจารย์บางคนที่เห็นเขาโกงกันในคณะแล้วไปขวางเขาหมดถึงถูกอาจารย์ที่พยายามจะเอาเงินคณะเหล่านั้นเกลียด ทำไมอาจารย์บางคนถึงร่วมมือกับอาจารย์อีกบางคนตั้งหลักสูตรขึ้นมาแล้วเรียกเงินจากคณะไปตั้งมากมายเกินความสมเหตุสมผล ทำไมอาจารย์คนเดิมนั้นอีกแหละเรียกค่าสอนชั่วโมงเล็คเชอร์ชั่วโมงละ 5,000-6,000 บาท แล้วคณบดีกลับไฟเขียวอนุมัติ ทั้งๆที่มีอาจารย์ที่ใจซื่อมือสะอาดพยายามคัดค้านแล้ว แล้วทำไมต้องพากันไปเขม่นอาจารย์คนนั้นอีก ซึ่งแน่นอนแหล่งข้อมูลที่ผมได้ยินมามีความน่าเชื่อถือค่อนข้างมาก คนเราทำอะไรไปแล้วน่าจะรู้อยู่แก่ใจตนเอง จริงไหมครับ? แล้วทำไม? ท่านอธิการบดีถึงได้เงียบไปเป็นเดือนหลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนไปแล้วครับ

ขอความเมตตาจากชาวจุฬาฯได้โปรดให้ความเป็นธรรมแก่ผมด้วย
เรื่อง ขอความเป็นธรรมในการตัดเกรดวิชา 3208304 OPER LAB II (ปฏิบัติการทันตกรรมหัตถการ ของภาควิชาทันตกรรมหัตถการ) และการพิจารณาให้ขึ้นคลินิก
(ผมยอมเสียเวลามา 3 ปีแล้วครับ ช่วยผมด้วยครับก่อนผมจะถูกไล่ออก หมอคนหนึ่งก็รักษาคนไข้ได้มากมายในปีเดียวนะครับท่าน)
หมายเหตุ วิชา 3208302 OPER LAB I (Operative Dentistry Laboratory 1) เรียนในเทอม 1
เป็นการหัดกรออุดอะมัลกัม จะใช้แบบจำลองฟันหรือ Dentoform ซึ่งมีฟันพลาสติกที่มีน๊อตยึดอยู่ แล้วเอาแบบจำลองฟัน(Dentoform) ไปประกอบกับเสาและโครงสร้างที่ทำให้เกิดลักษณะคล้ายศีรษะคนได้ แต่Dentoform สามารถถูกถอดออกมาทำข้างนอกได้
ส่วนวิชา 3208304 OPER LAB II (Operative Dentistry Laboratory 2)เรียนในเทอม 2 เกี่ยวกับการอุดคอมโพสิต วัสดุสีเหมือนฟัน ซึ่งจะใช้ฟันจริงๆที่ถูกถอนแล้ว โดยนิสิตจะต้องหาขวดโหลใส่ฟอร์มาลินไปขอตามโรงพยาบาลและคลินิก มาใส่ใน Dentoform แทนฟันพลาสติก
เนื่องจากข้าพเจ้าได้เกรด F ในรายวิชา 3208304 OPER LAB II เป็นครั้งที่ 3 แล้วซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่ามีความไม่ชอบมาพากลหลายเรื่อง แต่ข้าพเจ้าขอเล่าเรื่องอื่นๆก่อนว่า ก่อนหน้านั้นเคยมีเรื่องกันในคณะ โดยที่ข้าพเจ้าบอกให้อาจารย์เปลี่ยนข้อสอบ ทำให้ข้อสอบไม่ตรงกับโพยข้อสอบเก่า ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าการเปลี่ยนข้อสอบจะทำให้ได้ความรู้มากขึ้น อาจเป็นความรู้ที่อยู่ในเอกสารประกอบการสอน หรือในการสอนบรรยายในห้อง ซึ่งนิสิตบางคนอาจจะไม่ได้เข้าเรียนเพราะเห็นว่าแค่อ่านโพยก็ทำข้อสอบได้ และได้ A กับ B+ ด้วย ต่างจากคนที่ไม่มีโพย แต่เข้าห้องเรียนฟังเลคเชอร์และอ่านหนังสือไปก็อาจจะได้น้อยกว่านั้น แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับที่ข้าพเจ้าเห็นว่า ความรู้ในโพยมันไม่มากพอที่จะดูแลคนไข้หรือรักษาคนไข้ได้ เท่ากับการได้อ่านหนังสือและเข้าฟังบรรยายด้วย ซึ่งความคิดข้าพเจ้าอาจจะผิดหรือถูกก็ได้ แต่เมื่ออาจารย์เปลี่ยนข้อสอบแล้วมีเพื่อนมาถาม และข้าพเจ้าไม่ชอบการโกหก ข้าพเจ้าก็บอกไปตามตรงว่าข้าพเจ้าเป็นคนไปบอกอาจารย์เอง ทำให้เพื่อนในรุ่นปีการศึกษา 53 ของจุฬาฯ หรือ 72 ของคณะประมาณครึ่งหนึ่งไม่พอใจและเกลียดข้าพเจ้า และต่อมาข้าพเจ้าก็โดนหาเรื่องชกต่อยอยู่หลายครั้งหลังจากนั้น แต่ข้าพเจ้าก็อดทน ไม่ยอมมีเรื่อง และโดนขู่ทำร้ายนอกคณะด้วยว่ากลับหอน่ะระวังตัวด้วยนะ เขาเป็นลูกคนรวย ได้เงินใช้สัปดาห์ละ 5 หมื่น และชอบพาเพื่อนในกลุ่มไปเที่ยวกลางคืน แต่ข้าพเจ้าก็พยายามอดทน เรื่องอาจารย์เปลี่ยนข้อสอบเกิดขึ้นเมื่อปี 2554 แต่ก็ส่งผลระยะยาวมาตลอด และอาจารย์บางคนก็ไม่พอใจข้าพเจ้าด้วย ต่อมาเมื่อข้าพเจ้าขึ้นปี 3 ในปี 2555 ช่วงนั้นข้าพเจ้ากำลังมีปัญหาชีวิตหลายเรื่อง สภาพจิตใจย่ำแย่มาก ทำให้ข้าพเจ้าสอบตกหลายวิชา และข้าพเจ้าก็สอบตกวิชา และมีวิชา 3208302 OPER LAB I ซึ่งเป็นวิชาหัดกรอฟันอุดฟันในหุ่น ซึ่งข้าพเจ้าก็ได้เห็นหลายๆคน กรอฟันพลาสติกนอกปากหุ่นนอกเวลาวิชาเรียน ตอนที่อาจารย์ไม่อยู่ เมื่อมาถึงช่วงที่อุดอะมัลกัม หรือขัดอะมัลกัม ก็ยังมีคนที่ทำนอกปากหุ่นหรือจ้างคลินิกข้างนอกทำให้ ซึ่งข้าพเจ้าก็รับรู้มาอย่างนั้น จึงโพสต์ในเฟซบุ๊คว่า ทำกันอย่างนี้ ผ่านไปได้ขึ้นคลินิกไปก็ไปหัดทดลองฝีมือในคนไข้หรือ? เห็นคนไข้เป็นหนูลองยาหรืออย่างไร? กลายเป็นว่าความหวังดีของผมเป็นการวิจารณ์ภาควิชานี้ไปในทางเสียหายโดยที่เจตนาข้าพเจ้าไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น แต่ข้าพเจ้าเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนส่วนรวมและวิชาชีพเท่านั้น แต่ข้าพเจ้าก็ยอมตกวิชานี้ เมื่อเห็นว่าทำตามที่อาจารย์สอนแล้วทำงานไม่ทันไม่ได้ใช้วิธีเหล่านั้น ซึ่งเป็นผลให้ใน 2 ปีหลังจากนั้นมีการเปลี่ยนกฎเกณฑ์ใหม่ว่าห้ามนิสิตกรอฟัน อุดฟันนอกเวลาเรียนปฏิบัติการในปีที่แล้วหรือ 2557 นี้เอง แต่ในปี 2556 ข้าพเจ้าก็สอบตกวิชานี้อีกเนื่องจากทำงานไม่ทันบ้าง อาจารย์ไม่มาบ้าง และในปี 2557 รองคณบดีฝ่ายวิชาการ อ.รศ.ทพ.พรชัย จันศิษย์ยานนทฺ์ มาบอกข้าพเจ้าว่าอย่าเรียนเลย ไปเรียนอย่างอื่นเถอะ พอมาเทอม 2 อาจารย์บอกว่าตกวิชาปฏิบัติการวิชาเดียว จะไม่ขึ้นคลินิกทุกวิชาเลย แล้วเมื่อปลายเทอมอาจารย์เรียกมาคุยอีกว่า ถ้าไม่ผ่านวิชาปฏิบัติการจะไม่ให้ขึ้นคลินิกเลยนะ ผมบอกว่าตกลง อาจารย์บอกว่าผมไม่ได้มาตกลงกับคุณ แต่ผมมาบอกคุณให้รู้ไว้เฉยๆ หลังจากนั้นมีอาจารย์ผศ.ทญ.พนมพร วานิชชานนท์ หัวหน้าภาควิชาทันตกรรมบดเคี้ยว ที่บอกว่าผมผ่านวิชาทันตกรรมบดเคี้ยวแล้วนะ จะให้ขึ้นคลินิก แต่อาจารย์พรชัย กลับบอกว่าตกลงกับผมแล้วว่า ถ้าไม่ผ่านแล็บแม้แต่วิชาเดียว จะไม่ให้ขึ้นคลินิกนะ
สิ่งที่ผมสงสัยหลายเรื่องได้แก่
1.ในภาคเรียนแรกปีการศึกษา 2557 อาจารย์ รศ.ทพ.ดร.ชัยวัฒน์ มณีนุษย์ บอกว่าให้มาตรวจกับผมคนเดียวนะ ผมจะดูแลคุณให้เอง แต่อาจารย์ก็ไม่มาถึงสองสามครั้งครั้งละ 3 ชั่วโมงเท่ากับเวลาผมหายไป 6-9 ชั่วโมง พอให้อท่านอื่น ตรวจอาจารย์ก็บอกว่าไม่ได้หรอก อาจารย์ชัยวัฒน์บอกว่าจะดูเธอคนเดียว ผมก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะพอผมถามว่า ทำซี่อื่นไปก่อนได้ไหม?(ผมมั่นใจว่าทำได้) อาจารย์ก็บอกว่าไม่ได้ ห้ามข้ามขั้นตอน หลังจากนั้นผมก็บอกอาจารย์ชัยวัฒน์ว่าอาจารย์ไม่มา ผมให้ใครตรวจไม่ได้เลย อาจารย์ชัยวัฒน์ถามว่าแล้วทำไมไม่ให้คนอื่นตรวจ ผมตอบว่า ก็อาจารย์บอกว่าให้ตรวจกับอาจารย์คนเดียวห้ามตรวจกับคนอื่น ในขณะที่คนอื่นๆในรุ่นหากมีอาจารย์ไม่มา ก็จะให้คนอื่นตรวจแทน และก็ไม่มีการติดต่อทาง Line ถามกันทั้งๆที่อาจารย์ในภาคก็มี Line ของกันและกันติดต่อกันได้หมด แต่ในขณะที่เทอม 2 ผมทำข้ามขั้นตอน(เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังภายหลัง) แต่กลับต้องรื้อทำใหม่ โดยที่อ.จารุพรรณ ไลน์ไปถามอาจารย์รังสิมา แล้วได้รับคำตอบให้รื้อแล้วทำใหม่ในเทอม 2 และในบางสัปดาห์มีการบอกด้วยซ้ำว่าอาจารย์ชัยวัฒน์เดี๋ยวก็มา ซึ่งผมก็คอยถามหลายครั้งว่าอาจารย์จะมาไหมครับ? แต่ได้รับตอบว่า เดี๋ยวก็มาหลายครั้งตั้งแต่ 9 เช้าไปจนถึง 12 หมดเวลาทำวิชานี้ ซึ่งหลังจากข้าพเจ้าออกมาบริเวณคณะเวลาพักกลางวัน ยังพบท่านอาจารย์ชัยวัฒน์เดินอยู่ในคณะอยู่เลย ข้าพเจ้าจึงยิ่งไม่เข้าใจว่า ทำไม???ท่านอาจารย์ถึงไม่เข้ามาสอนหรือมอบหมายใครไว้เพราะอาจารย์ก็คงอยู่ในคณะตลอด
2.หลังจากนั้น ทำไมหลังจากอาจารย์ชัยวัฒน์กลับมา หลังจากช่วงที่อาจารย์ไม่มาคุม เวลาลงลายมือชื่อหรือเซ็นต์ให้ผ่านตอนท้ายๆเทอมจึงลงวันที่ตลอด ทั้งๆที่ หลายๆครั้งก่อนหน้านี้ อาจารย์ไม่เคยลงวันที่?(แค่สงสัย)
3.เมื่อผมเริ่มทำได้ อาจารย์ชัยวัฒน์ก็พูดขึ้นมาว่าที่ผมมาคุมคุณคนเดียวเนี่ย ผมไม่ได้จะมาขวางคุณหรือบล็อกคุณไม่ให้คุณจบนะ แต่อาจารย์หมอณัทธร พิทยรัตน์เสถียร คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ บอกว่าคุณต้องทำมากกว่าคนอื่นถึงจะได้ เพราะการควบคุมการเคลื่อนไหวแบบละเอียด(Fine Motor)คุณไม่ดีเท่าคนอื่น คุณต้องฝึกมากกว่าคนอื่น แต่ผมก็บอกว่าถึงจะต้องฝึกมากกว่าคนอื่น ผมก็จะทำให้ได้ครับ ผมจะพิสูจน์ให้เห็นว่าผมทำได้ ถึงจะต้องใช้ความพยายามมากก็ตาม และอาจารย์ก็บอกว่าขนาดคนที่ได้ A วิชานี้พอขึ้นคลินิกไป ไปเจอน้ำลายเจออะไรน่าขยะแขยง สกปรกยังยอมไม่จบทันตแพทย์ ไปเอาแค่วิทยาศาสตร์บัณฑิต(วท.บ.)เลย คุณขึ้นไปคุณก็จะทำไม่ได้ แต่ผมก็สงสัยว่าทำไมเวลาที่ผมเริ่มทำได้อยู่ๆอาจารย์ถึงต้องพูดว่า ผมไม่ได้จะมาขวางคุณหรือบล็อกคุณไม่ให้คุณจบนะ
4.เพื่อนในรุ่น 73 ทันตะ หรือนิสิตรหัส 54 (หมายถึงเข้าปี 54) บางคนที่ไม่ชอบหน้าผมเรื่องที่ให้อาจารย์เปลี่ยนข้อสอบมาบอกผมว่า ได้ข่าวมาจากอาจารย์ฝ่ายปกครองนะว่ายังไงยังไง ก็จะไม่ให้ขึ้นคลินิกหรอก ผมก็บอกไปว่าผมจะพิสูจน์ว่าผมทำได้ แต่เขาก็บอกว่าพี่จะรู้สึกยังไงถ้าพี่ทำทุกอย่างผ่านแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขึ้นคลินิกไม่ได้เป็นหมออย่างที่พี่หวังไว้ ผมก็ยังยืนยันว่าจะพยายามพิสูจน์ให้ได้ว่าผมทำได้
5.พอเริ่มภาคเรียนที่ 2 หรือเทอม 2 ก่อนเปิดเทอมผมก็บอกอาจารย์พนมพรว่า อยากให้อาจารย์เปลี่ยนข้อสอบจะได้ไม่ตรงโพย วิชาที่ตรงโพยถึงผมเข้าเรียนและอ่านหนังสือไปก็ได้ C หรือ C+ แต่วิชาที่ไม่ตรงโพยบางวิชาได้ C แต่ก็มี B กับ B+ คนที่ไม่เข้าเรียนแต่อ่านแค่โพยก็ได้ A หรือ B+ มาตั้งแต่ปี 3 รุ่นที่แล้วแล้ว บางทีมันก็รู้สึกท้อ ว่าเราตั้งใจเรียนแต่ทำไมได้แค่นี้ แต่ก็ดีใจ ภูมิใจที่เรามีความรู้ที่ไม่อยู่ในโพยด้วย หลังจากนั้น เมื่อเปิดเทอมเป็นวันพฤหัสบดี ก็มีอาจารย์ท่านหนึ่งมาพูดในห้องว่า ได้รับร้องเรียนมานะว่ามีโพยน่ะ ก็อ่านๆไปเหอะ ไม่ต้องรู้เยอะเลย เนื้อหามันเยอะก็รู้แค่ข้อสอบเก่านั่นแหละก็พอ ข้อสอบออกจนไม่รู้จะออกอะไรแล้ว แล้วพอผมไปถามเกี่ยวกับเรื่องที่อาจารย์สอนหน้าห้อง อาจารย์ก็บอกผมว่า ไปอ่านด้วยนะโพยน่ะ เมื่อก่อนอาจารย์ตั้งใจเรียนแล้วไม่อ่านโพย ได้คะแนนน้อยก็ท้อเหมือนกัน แล้วหลังจากนั้นวันต่อมานิสิตปี 5 รหัส 53 หรือทันตะรุ่น 72 หลายๆคน ไม่ยอมเข้าเรียน และนั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆผมในตอนเช้าพูดกันขึ้นมาว่า ไม่ต้องขึ้นเรียนหรอกขี้เกียจเรียน นั่งตรงนี้แหละดีแล้ว ผมเข้าใจว่าเขาประท้วงเพราะเรื่องที่ผมไปบอกอาจารย์เรื่องโพยเป็นรอบที่สองหลังจากปี 2554 มาประมาณ 3 ปี แต่ผมก็พยายามอธิบายแนวคิดของผมในไลน์(LINE) ว่าทำไมถึงอยากให้อาจารย์เปลี่ยนข้อสอบ ถึงตอนนี้ผมกับอาจารย์ที่พูดท่านนั้นเข้าใจกันแล้วและอาจารย์ก็บอกว่ายินดีให้ผมขึ้นคลินิกภาคทันตกรรมบดเคี้ยว แต่เรื่องไม่ได้จบแค่นั้น เพราะวันจันทร์ต่อมา พอผมขึ้นเรียนตอนบ่ายวิชา 3208304 OPER LAB II อ.ทญ.จารุพรรณ อุ่นสมบัติ บอกว่า “ให้กลับไปคิดช่วงปิดเทอมสองสามเดือนนะว่า พูดไม่รู้เรื่องอย่างเนี้ย จะขึ้นคลินิกได้ไหม?” ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้พูดอะไรกับอาจารย์เลยแล้วก่อนหน้านั้นผมก็แทบจะไม่ได้พูดกับอาจารย์ แต่เข้าใจว่าเรื่องโพยรอบสอบนั้นแพร่ไปทั้งคณะทั้งในหมู่นิสิต และในคณาจารย์ ผ่านนิสิตที่เกลียดผมบางคนและการพูดปากต่อปาก และผ่านสื่อสังคมโซเชียลมีเดียทั้ง LINE,Facebook และอื่นๆ ในสัปดาห์แรก
6.ในปีการศึกษา 2557 ที่ผ่านมานี้ ผมเคยร้องเรียนเรื่อง OPER LAB เกี่ยวกับความซื่อสัตย์ไปว่าทำไมคนที่โกงเอาแบบจำลองฟัน(Dentoform)ออกมาทำนอกปากหุ่นผ่านไปขึ้นคลินิกได้มากมาย บางคนตั้งแต่กรอนอกปาก อุดนอดปาก ขัดนอกปากหุ่น บางคนแค่อุดนอกปากกับขัดนอกปาก คนที่พยายามซื่อสัตย์หน่อยก็ขัดไม่ทัน ต้องมาขัดนอกปากหุ่นอย่างเดียว แต่เขาก็ซื่อสัตย์พอที่จะกล้าบอกผมตรงๆว่าเขาก็ขัดนอกปากนะ เท่าที่ผมเห็นเกือบทุกคนทั้งหมดก็ผ่านมาได้ด้วยวิธีนี้ทั้งนั้นไม่มากก็น้อย แล้วทำไมคนที่พยายามทำอย่างตรงไปตรงมาอย่างผมถึงไม่ไปไหนสักที นี่ก็ปีที่ 3 แล้ว(บางคนอาจมองว่าคนซื่อสัตย์คือคนโง่ที่เอาตัวรอดไม่เป็น ใครก็ตามที่ซื่อสัตย์จะต้องเอาตัวไม่รอด และอาจจะถูกหัวเราะเยาะภายหลังประมาณว่า บอกแล้วไงไม่เชื่อหรอ? เพราะคนซื่อสัตย์ถูกลอยแพแล้ว ใครก็ตามที่เอาตามความถูกต้องเมื่อเอาตัวไม่รอด ก็ไม่มีใครช่วยเหลืออยู่ดี ต้องอยู่โดดเดี่ยว ต่อสู้เอตัวรอดเอง) หลังจากร้องเรียนไป ก็คงมีการผ่านที่ประชุม ประมาณว่าในเมื่อมีคนยังงานไม่เสร็จหลายคน แทนที่จะให้ F ก็ให้ติด I=Incomplete ไว้ก่อน แล้วเรียกมาแก้งาน แต่เนื่องจากผมงานช้า ติดหลายงาน และเวลาผมหายไปหลายชั่วโมง ที่อ.ชัยวัฒน์ไม่มา จึงทำให้ต้องลากเวลามาถึงในสัปดาห์แรก หลังจากต้องมาแก้ I กับน้องๆในช่วงปิดเทอม พอมาถึงเทอม 2 อาจารย์ชัยวัฒน์ก็แก้กฎเกณฑ์การตัดเกรดใหม่ในประมวลรายวิชา ในวิชา 3208304 OPER LAB II เรียนในเทอม 2 ถ้าหากลายเซ็นอาจารย์ขาดไปช่องเดียวให้พิจารณา F เลย โดยไม่มีการช่วยเหลือหรือให้ติด I เหมือนในเทอมที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นผมก็ยังไม่รู้เรื่องนี้(ในเทอมนี้อาจารย์รังสิมา สกุลณะมรรคา เป็นคนคุมผมส่วนใหญ่ มีบ้างที่อาจารย์จารุพรรณคุม)เกี่ยวกับการอุดคอมโพสิต วัสดุสีเหมือนฟัน ผมต้องทำงานของเทอมแรก คืออุดอะมัลกัมซี่สุดท้ายในคาบแรก ในขณะที่คาบแรกคนอื่นเลือกฟันแท้ไปแทนฟันพลาสติกใน Dentoform ผมยังต้องมาสอบอุดอะมัลกัมต่อ ทำให้เสียเวลาไปคาบหนึ่ง หลังจากนั้นมีอยู่ครั้งหนึ่งผมกรอฟันโดยที่ยังไม่วาดรูปร่างในกระดาษให้อาจารย์ดู อาจารย์บอกว่าให้เปลี่ยนซี่ฟันใหม่ ทำให้ผมต้องเสียเวลาเปลี่ยนซี่ฟันใหม่ วาดรูป และกรอใหม่ และหลังจากนั้น ก็มีคาบที่อาจารย์รังสิมาไม่มา และอาจารย์จารุพรรณ อุ่นสมบัติ มาคุมผมแทน ช่วงนั้นเริ่มอุดกันแล้ว พอผมอุดเสร็จผมก็ขัดไปเลย ซึ่งเทอมนี้ต่างจากเทอมที่แล้วตรงที่อะมัลกัมต้องรอ 24 ชั่วโมงให้แข็งตัวเต็มที่ถึงขัดได้ ดังนั้นจึงต้องอุดเสร็จทุกซี่ก่อนแล้วจึงเริ่มขัดในสัปดาห์หลังจากที่อุดซี่สุดท้ายเสร็จ แต่คอมโพสิตเรซิ่นฉายแสงให้แข็งเสร็จแล้วขัดได้เลย ผมจึงอุดแล้วขัดเลย แต่อาจารย์จารุพรรณบอกว่าให้ตรวจอุดหรือตรวจขัด ผมบอกว่าขัด อาจารย์ก็ตรวจให้แค่ช่องขัด แล้วอ.จารุพรรณ ก็ส่ง Line ไปหาอาจารย์รังสิมา อาจารย์รังสิมาบอกว่าให้ริ้อแล้วอุดใหม่(อย่างที่กล่าวไปในตอนแรก) อันนี้ผมก็ยอมรับว่ามีส่วนผิด แต่อาจารย์ไม่เคยบอกว่าอุดแล้วให้อาจารย์ตรวจก่อนแล้วจึงขัดแล้วให้ตรวจอีกครั้ง ผมไปถามน้องปี 4 เขาก็บอกว่าขึ้นคลินิกไปอุดให้คนไข้ก็ไม่ได้ให้อาจารย์ตรวจก่อนเหมือนกัน แต่ขัดเลย แต่อาจารย์ให้ผ่านไปเพราะถือเป็นครั้งแรก(แต่ไม่ทราบว่าเป็นอาจารย์ท่านไหน) แต่ที่ผมสงสัยที่สุดคือในคาบเรียนสุดท้ายอาจารย์รังสิมา ออกจากห้องเรียนก่อนเวลาจะหมด 15 นาที แล้วบอกผมว่าอุดไปเลย แต่พอผมอุดเสร็จอาจารย์ก็ไม่กลับมา ไปถามอาจารย์ท่านอื่นก็ได้รับคำตอบว่า เดี๋ยวอาจารย์ก็มามั้ง เพราะหลายๆครั้งอาจารย์อาจมีออกไปบ้างแต่ก็กลับเข้ามา แต่อาจารย์ก็ไม่กลับมา จนกระทั่งวันต่อมาเอาใบตรวจงานไปให้อาจารย์รังสิมาเซ็นต์ในช่องที่ขาดไปช่องหนึ่ง อาจารย์บอกว่าเซ็นต์ให้ไม่ได้เพราะไม่เห็นตอนเธอทำงาน(จะเห็นได้ไงครับ?ก็อาจารย์ออกไปก่อนเวลา) แล้วผมก็ถามว่า แล้วผมจะต้องทำไงครับ? จะติด F ไหม? อาจารย์บอกว่ามีประมวลรายวิชาไหม? ผมก็เอามาให้อาจารย์ดู อาจารย์บอกว่าไม่ใช่ฉบับนี้ นี่มันฉบับเก่า มีฉบับใหม่ไหม? แล้วอาจารย์ก็ไปให้เจ้าหน้าที่ธุรการของภาควิชาปริ๊นท์มาให้ แล้วก็ให้อ่านฏำใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในเทอมนี้โดยอาจารย์ชัยวัฒน์ว่า ถ้าหากลายเซ็นต์ของอาจารย์ไม่ครบแม้แต่ช่องเดียวจะพิจารณาให้ F ทันที ซึ่งผมก็บอกว่าผมเพิ่งเห็น เพิ่งรู้ ผมยังไม่ได้ใบนี้ อาจารย์ก็บอกว่าฝากกุมโชคหัวหน้าชั้นปีที่ 3 (ทันตะรุ่น 74 หรือจุฬาฯรหัส 55)ไปตั้งนานแล้ว ผมก็บอกว่าผมไม่รู้ ส่วนใหญ่ตอนนี้ผมอยู่กับปี 4 ผมก็ถามอาจารย์ว่าแล้วผมจะได้ F ไหม? คำตอบคือไม่รู้เดี๋ยวต้องประชุมกันก่อน แต่มาถึงตอนนี้ผมรู้แล้วว่าได้ F จริงๆเป็นรอบที่ 3 ปีที่ 3 ที่ผมต้องทนอยู่ปี 3 โดยที่ผมไม่มีสิทธิ์จะขึ้นคลินิก
7.ผมผ่านวิชาที่ทันตกรรมบดเคี้ยวแล้วทั้งวิชาบรรยาย และวิชาปฏิบัติการ(แล็บ:LAB)อาจารย์พนมพรที่เป็นอาจารย์ที่ซื่อสัตย์และเสียสละอย่างมากเพื่อคนไข้ เพื่อลูกศิษย์ เพื่อผู้ป่วยและคณะ ขยันและอดทนอย่างยากที่จะหาผู้ใดมาเทียบเป็นหนึ่งในอาจารย์ที่ผมรักและเทิดทูนมาก อาจารย์ได้ทุ่มเทเพื่อคณะอย่างหักโหมและเหน็ดเหนื่อยมาก เป็นหัวหน้าภาควิชาบดเคี้ยว อาจารย์บอกว่าให้ผมขึ้นคลินิกของภาคบดเคี้ยวก็ได้ อาจารย์พนมพรและอาจารย์ในภาคพร้อมจะให้ขึ้น และจะยอมดูแลเป็นพิเศษให้ แต่อาจารย์พรชัย จันศิษย์ยานนทฺ์ บอกว่าอาจารย์ตกลงกับผมแล้วว่า ถ้าไม่ผ่านแล็บจะไม่ให้ขึ้นคลินิกเลย แต่อาจารย์คงลืมไปแล้วว่า อาจารย์เป็นคนบอกผมตั้งแต่เทอมแรก และในเทอม 2 อาจารย์เป็นคนเรียกผมมาคุย เรียกมาย้ำว่า ถ้าไม่ผ่านแล็บจะไม่ให้ขึ้นคลินิกเลยนะ ผมบอกตกลงครับเพราะผมมั่นใจว่าผมทำได้แน่(ซึ่งถ้าอาจารย์รังสิมาไม่ออกจากห้องก่อนเวลา ผมก็อาจจะผ่านวิชาแล็บ ปฏิบัติการทันตกรรมหัตถการ 2 และได้ขึ้นคลินิกไปแล้ว) แต่ตอนนี้ปรากฏว่าผมตกหรือ F ในวิชา OPER LAB II อาจารย์พรชัยจึงเอาคำนี้มาอ้าง ถ้าอาจารย์ไม่ต้องการบล็อกหรือขวางผมจริง ทำไมอาจารย์พรชัยทำอย่างนี้ และการเรียกผมมาย้ำเรื่องนี้ในปลายเทอม 2 ที่ผ่านมาเมื่อไม่นานมานี้ เหมือนกับเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง(แต่ข้าพเจ้าอาจจะคิดไปเองก็ได้)
8.คือในคณะแพทยศาสตร์กับ คณะทันตแพทยศาสตร์ มีกฎเกณฑ์อยู่ว่า ถ้าหากใครเรียนไม่ไหวหรือรู้ตัวว่าเรียนแล้วไม่ชอบ หากเรียนได้ครบหน่วยการเรียนที่กำหนดคือปี 4 ในรายวิชาบังคับที่กำหนดผ่านหมด ก็สามารถเอาแค่ปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต หรือ วท.บ. เทียบเท่าจบคณะวิทยาศาสตร์แล้วเอาไปเรียนต่อปริญญาโทได้ หรือทำงานอย่างอื่นได้แต่ก็ยากเพราะไม่ใช่วิทยาศาสตร์เฉพาะทางอะไรเลย อาจารย์ท่านหนึ่งที่เป็นอาจารย์ที่ดูแลฝ่ายทะเบียน(คืออาจารย์ไพบูลย์ เตชะเลิศไพศาล) นานมาแล้ว ผมเคยถามอาจารย์ว่า อาจารย์ครับอาจารย์ไม่เปลี่ยนข้อสอบ(ออกตรงโพย) ทำไมไม่บอกผม? ผมจะได้อ่าน ผมกำลังจะเข้าลิฟท์ อาจารย์บอกว่าจะไปไหน? ผมบอก จะไปส่งอาจารย์ อาจารย์บอกว่า ไม่ต้องเลย ออกไป ออกไป... เมื่อวานนี้วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม 2558 ขณะที่ผมโทรไปถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายทำเบียนเรื่องเกรดว่าผมได้ F หรอครับ? แล้ววิชาปฏิบัติการทันตกรรมหัตถการ 2 เนี่ย มันก็อยู่ในหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิตใช่ไหม? พี่เขาก็ตอบว่าใช่ ถ้าอย่างนั้นผมจะเอาแค่ วท.บ. ยังเอาไม่ได้เลย อาจารย์ไพบูลย์ที่กำลังเซ็นต์ใบเกรดอยู่ ข้างๆก็พูดเสียงเข้ามาในโทรศัพท์ อาจารย์ไพบูลย์ บอกว่า “บอกไปว่าอาจารย์บอกว่าให้ไปลาออกซะ”
9.อาจารย์รศ.ทญ.ดร. สุคนธา เจริญวิทย์ ซึ่งเป็นรองคณบดีฝ่ายกิจการนิสิตในเทอม 2 อาจารย์พยายามจะมาพูดให้ผมเอา วท.บ. ไปหาเรียนต่อโท แต่ผมก็พยายามบอกว่า ผมจะพยายามพิสูจน์ว่าผมทำได้ จะพยายามเป็นหมอที่ดีให้ได้ แต่อาจารย์ก็พยายามพูด หลังจากนั้นมาอีกหลายวันหรือหลายสัปดาห์เมื่อฝีมือการกรอฟันอุดฟันและทำแล็บของผมกำลังไปได้ดีอาจารย์บอกว่า เรื่องฝีมือไม่ห่วงแล้ว ตอนนี้ห่วงเรื่องเดียวเรื่องการตัดสินใจ มีคนบอกว่าผมตัดสินใจไม่ได้ ตัดสินใจไม่เป็น ผมนึกขึ้นได้ ว่าตอนนั้นผมก็แค่ถามอาจารย์จารุพรรณว่า จะให้อุดตรงคอฟันก่อน (Class V) หรือ บนด้านบดเคี้ยว Class II อีกซี่ก่อน อาจารย์บอกว่าแค่นี้ตัดสินใจไม่ได้หรอ? จะขึ้นคลินิกได้ไหม?(แต่คืออาจารย์ครับในหุ่นกับในคนไข้ไม่เหมือนกันนะครับ ในหุ่นคือตามตารางงาน จะอุดซี่ไหนก่อนก็ได้ แต่ในคนไข้ต้องดูตามความร้ายแรกของการผุและความเร่งด่วนในการรักษา) ถ้าผมตัดสินใจได้ทุกอย่างเหมือนอาจารย์ที่มีประสบการณ์ผมคงไม่ต้องมาเรียนเป็นนิสิตผมคงเป็นอาจารย์ไปแล้ว แต่นี่อาจารย์เหมือนกับไม่อยากสอน แต่เหมือนกับบอกว่าทำไม่ได้ก็ออกไปอย่ามาเรียนเลย อาจารย์ที่มีความเมตตากรุณาต่อลูกศิษย์คงไม่ทำอย่างนี้หรอกครับ จริงๆอาจารย์สุคนธา ผมเชื่อว่าเป็นคนดีนะครับ แต่เหมือนกับอาจารย์ฟังจากคนอื่นมาอีกที แล้วก็เชื่อ และตัดสินไปแล้วเพราะยังไงเสียงนิสิตอย่างผมก็เบากว่าอาจารย์มาก หรือไม่อาจารย์สุคนธาก็คงกลัวจะมีปัญหากับคนในคณะหรือกลัวอำนาจของใครบางคนมากกว่า(ก็อาจจะเป็นได้ หรือผมอาจจะคิดไปเอง) อาจารย์ สุคนธา บอกว่า อย่าให้ถึงกับต้องให้เขาออกใบรับรองแพทย์ว่าเธอทำไม่ได้ แล้วจะต้องบังคับให้เธอออกเลย แล้ววันต่อๆมาเจอกันอีกครั้ง อาจารย์ก็บอกว่า ถ้าไม่งั้นก็คงต้องให้เธออยู่ถึง 12 ปีครบกำหนดการเรียนมากที่สุด แล้วก็ให้เธออกไปโดยที่ไม่ได้อะไรเลย หรือ เธอจะเลือกเอาแค่ วิทยาศาสตร์บัณฑิตในตอนนี้ที่ยังมีโอกาสอยู่ แต่ผมก็ยืนยันว่าผมเชื่อว่าผมเป็นหมอที่ดีได้แน่นอน ผมยืนยันไปแบบนั้น และผมบอกว่าผมจะพยายามพิสูจน์ให้อาจารย์ดู จนกระทั่งมาวันนี้ ผมติด F
10.สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมมั่นใจว่าผมจะทำคนไข้ได้ยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ ในวิชา PEDIA DENT LAB จะต้องกรอฟันพลาสติกและอุดฟันใน Dentoform ที่ออกแบบมาเป็นขนาดของปากเด็ก ซึ่งต้องกรอฟันน้ำนมสองซี่ที่มีด้านติดกันโพรงละซี่โดยโพรงฟันที่กรอทั้งสองอยู่ติดกัน เรียกว่า การอุดอะมัลกัม Class II Back-toBack มีน้องหลายคนที่ได้ขึ้นคลินิกแล้วกรอเสียจนต้องเปลี่ยนฟัน แต่ผมกรอเสร็จโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนฟัน นอกจากนั้นในการอุด เมื่อเอาไปส่งพี่เจ้าหน้าที่ที่รับส่งงาน พี่เขาบอกผมว่าเห็นอย่างนี้ ฝีมือไม่ธรรมดานะเนี่ย ทำให้ผมสัมผัสได้ว่า ความซื่อสัตย์และสิ่งที่ผมเสียสละเวลาและเงินของพ่อและน้าผม เพื่อทำคนไข้ให้ดีที่สุดไม่สูญเปล่า น้องบางคนอุดแล้วแตก แต่ผมอุดครั้งเดียวไม่แตกและแต่งได้กายวิภาคฟันค่อนข้างจะดีทีเดียว ซึ่งผมอยากทำให้เห็นเพื่อพิสูจน์ว่าผมทำได้
11.ทำไมคนที่โกงผ่านไปทำคนไข้ได้จนจบไปแล้ว หลายคนจบไปแล้วเขาสงสารผมเขาก็มาแนะนำว่า ให้เพื่อนช่วยทำให้สิแล้วเอาไปส่ง เขาจบมาได้ก็ด้วยวิธีนี้ ผมก็บอกเขาว่าขอบคุณ แต่ผมก็ทำทุกอย่างด้วยตัวเองจนผ่านมาได้ทั้งหมด จนบางคนเข้ามาคุยด้วยชมว่านายเก่งอ่ะ ทำทุกอย่างด้วยตัวเองจนผ่านมาได้หมด เราจบมาได้ก็เพราะเพื่อนๆช่วยทำ แต่อาจารย์กลับมองว่า ผมช้าเกินไป ฝีมือไม่ดี เรียนไม่ได้หรอก ทำไม่ได้หรอก จะให้ออกท่าเดียว ผมว่ามันไม่ยุติธรรมเลย และผมยอมรับไม่ได้

0
แตงโม 31 ธ.ค. 58 เวลา 22:57 น. 14-5

ไม่จริงครับ ของผมกระทู้นี้...

คำถามที่ต้องการคำตอบ
ได้ยินมาว่างบประมาณที่ใช้ในการจัดงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ได้ใช้งบกว่าปีละ 100,000,000 บาท หรือ 100 กว่าล้านบาท จริงหรือ? หากจริงแล้วเงินไปไหนหมด ได้ยินจากอาจารย์คณะเภสัชศาสตร์มาว่างบประมาณที่นำมาทำสนามหญ้าที่ Park@Siam ลงมากว่า 100 ล้านบาทเช่นกันจริงหรือ? หากว่าจริงแล้วเงินที่ลงไปจริงเท่าไร?กันแน่ เงินส่วนต่างหายไปไหนหมด ได้ยินจากอาจารย์อาวุโสที่เคยทำงานให้แก่สมาคมนิสิตเก่าบอกว่าเคยมีการจัดโครงการหล่อพระ ของสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯแล้วเรี่ยไรเงินเสร็จแล้วก็ไม่ได้ทำ กลายเป็นคดีความทุกวันนี้ยังไม่จบ จริงๆหรือ? แล้วจริงหรือที่อาจารย์บอกว่าสำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแทนที่จะขายหนังสือคุณภาพดีราคาถูก แต่กลับขายหนังสือแพงแล้วแทนที่กำไรจะเอาไปบำรุงจุฬาฯหรือเข้าสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯแต่ผู้บริหารกลับนำกำไรส่วนต่างนั้นเข้ากระเป๋าตัวเอง แล้วจริงหรือไม่ที่เสื้องานบอลประเพณีที่ขายแต่ละปีแล้วได้กำไร ถูกคนบางคนหรือบางกลุ่มนำผลกำไรจากการขายไปเข้ากระเป๋าตัวเอง แทนที่จะนำไปบำรุงหรือพัฒนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหรือเอาเข้าสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ จริงหรือไม่ที่มีคนบางคนจบวิศวะ จุฬาฯมา แล้วมาบริหารสมาคมนิสิตเก่า แทนที่จะใช้ปริญญาทำงานหาเงิน แต่กลับเข้ามาบริหารในสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อเอาเงินจากสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ
ทำไมหลังจากที่ผมวิจารย์เรื่องงบประมาณที่มาใช้บำรุงห้องสมุด เอาเฉพาะแค่ค่าซื้อลิขสิทธิ์ในการเข้าไปฐานข้อมูลการวิจัยของต่างประเทศเฉพาะคณะผมเป็นเงินกว่า 3 ล้านบาทต่อปี ไม่รวมค่าซื้อหนังสือตำราต่างๆ แล้ววันต่อมามีหน่วยงานข้างนอกมาตรวจสอบห้องสมุด พร้อมกับอาจารย์ พรชัย เข้ามาหาผมแล้วมาบอกให้ผมเอา ปริญญาแค่ วิทยาศาสตร์บัณฑิต แล้วให้ออกไปจากคณะซะทั้งๆที่ผมยืนยันว่าผมทำได้และผมขอแค่โอกาสพิสูจน์ตัวเอง แต่อาจารย์กลับบอกว่าหากผมเรียนต่อไป ผมสอบใบประกอบวิชาชีพไม่ผ่านหรอก ผมก็เลยบอกว่างั้นขอดูผลการเรียนปฏิบัติการก่อน แต่หลังจากนั้นพบว่าอาจารย์ไม่ตรวจงานให้และกำหนดกฎเกณฑ์ใหม่ว่าหากลายเซ็นขาดไปแม้แต่ลายเซ็นเดียวจะพิจารณาให้ F แล้วผมก็ได้ F จริงๆ ถ้าไม่มีอะไรทำไม?ต้องร้อนตัวขนาดนั้น ทำไมอาจารย์บางคนที่เห็นเขาโกงกันในคณะแล้วไปขวางเขาหมดถึงถูกอาจารย์ที่พยายามจะเอาเงินคณะเหล่านั้นเกลียด ทำไมอาจารย์บางคนถึงร่วมมือกับอาจารย์อีกบางคนตั้งหลักสูตรขึ้นมาแล้วเรียกเงินจากคณะไปตั้งมากมายเกินความสมเหตุสมผล ทำไมอาจารย์คนเดิมนั้นอีกแหละเรียกค่าสอนชั่วโมงเล็คเชอร์ชั่วโมงละ 5,000-6,000 บาท แล้วคณบดีกลับไฟเขียวอนุมัติ ทั้งๆที่มีอาจารย์ที่ใจซื่อมือสะอาดพยายามคัดค้านแล้ว แล้วทำไมต้องพากันไปเขม่นอาจารย์คนนั้นอีก ซึ่งแน่นอนแหล่งข้อมูลที่ผมได้ยินมามีความน่าเชื่อถือค่อนข้างมาก คนเราทำอะไรไปแล้วน่าจะรู้อยู่แก่ใจตนเอง จริงไหมครับ? แล้วทำไม? ท่านอธิการบดีถึงได้เงียบไปเป็นเดือนหลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนไปแล้วครับ

0
แตงโม 31 ธ.ค. 58 เวลา 22:58 น. 14-6

ขอความเมตตาจากชาวจุฬาฯได้โปรดให้ความเป็นธรรมแก่ผมด้วย
เรื่อง ขอความเป็นธรรมในการตัดเกรดวิชา 3208304 OPER LAB II (ปฏิบัติการทันตกรรมหัตถการ ของภาควิชาทันตกรรมหัตถการ) และการพิจารณาให้ขึ้นคลินิก
(ผมยอมเสียเวลามา 3 ปีแล้วครับ ช่วยผมด้วยครับก่อนผมจะถูกไล่ออก หมอคนหนึ่งก็รักษาคนไข้ได้มากมายในปีเดียวนะครับท่าน)
หมายเหตุ วิชา 3208302 OPER LAB I (Operative Dentistry Laboratory 1) เรียนในเทอม 1
เป็นการหัดกรออุดอะมัลกัม จะใช้แบบจำลองฟันหรือ Dentoform ซึ่งมีฟันพลาสติกที่มีน๊อตยึดอยู่ แล้วเอาแบบจำลองฟัน(Dentoform) ไปประกอบกับเสาและโครงสร้างที่ทำให้เกิดลักษณะคล้ายศีรษะคนได้ แต่Dentoform สามารถถูกถอดออกมาทำข้างนอกได้
ส่วนวิชา 3208304 OPER LAB II (Operative Dentistry Laboratory 2)เรียนในเทอม 2 เกี่ยวกับการอุดคอมโพสิต วัสดุสีเหมือนฟัน ซึ่งจะใช้ฟันจริงๆที่ถูกถอนแล้ว โดยนิสิตจะต้องหาขวดโหลใส่ฟอร์มาลินไปขอตามโรงพยาบาลและคลินิก มาใส่ใน Dentoform แทนฟันพลาสติก
เนื่องจากข้าพเจ้าได้เกรด F ในรายวิชา 3208304 OPER LAB II เป็นครั้งที่ 3 แล้วซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่ามีความไม่ชอบมาพากลหลายเรื่อง แต่ข้าพเจ้าขอเล่าเรื่องอื่นๆก่อนว่า ก่อนหน้านั้นเคยมีเรื่องกันในคณะ โดยที่ข้าพเจ้าบอกให้อาจารย์เปลี่ยนข้อสอบ ทำให้ข้อสอบไม่ตรงกับโพยข้อสอบเก่า ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าการเปลี่ยนข้อสอบจะทำให้ได้ความรู้มากขึ้น อาจเป็นความรู้ที่อยู่ในเอกสารประกอบการสอน หรือในการสอนบรรยายในห้อง ซึ่งนิสิตบางคนอาจจะไม่ได้เข้าเรียนเพราะเห็นว่าแค่อ่านโพยก็ทำข้อสอบได้ และได้ A กับ B+ ด้วย ต่างจากคนที่ไม่มีโพย แต่เข้าห้องเรียนฟังเลคเชอร์และอ่านหนังสือไปก็อาจจะได้น้อยกว่านั้น แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับที่ข้าพเจ้าเห็นว่า ความรู้ในโพยมันไม่มากพอที่จะดูแลคนไข้หรือรักษาคนไข้ได้ เท่ากับการได้อ่านหนังสือและเข้าฟังบรรยายด้วย ซึ่งความคิดข้าพเจ้าอาจจะผิดหรือถูกก็ได้ แต่เมื่ออาจารย์เปลี่ยนข้อสอบแล้วมีเพื่อนมาถาม และข้าพเจ้าไม่ชอบการโกหก ข้าพเจ้าก็บอกไปตามตรงว่าข้าพเจ้าเป็นคนไปบอกอาจารย์เอง ทำให้เพื่อนในรุ่นปีการศึกษา 53 ของจุฬาฯ หรือ 72 ของคณะประมาณครึ่งหนึ่งไม่พอใจและเกลียดข้าพเจ้า และต่อมาข้าพเจ้าก็โดนหาเรื่องชกต่อยอยู่หลายครั้งหลังจากนั้น แต่ข้าพเจ้าก็อดทน ไม่ยอมมีเรื่อง และโดนขู่ทำร้ายนอกคณะด้วยว่ากลับหอน่ะระวังตัวด้วยนะ เขาเป็นลูกคนรวย ได้เงินใช้สัปดาห์ละ 5 หมื่น และชอบพาเพื่อนในกลุ่มไปเที่ยวกลางคืน แต่ข้าพเจ้าก็พยายามอดทน เรื่องอาจารย์เปลี่ยนข้อสอบเกิดขึ้นเมื่อปี 2554 แต่ก็ส่งผลระยะยาวมาตลอด และอาจารย์บางคนก็ไม่พอใจข้าพเจ้าด้วย ต่อมาเมื่อข้าพเจ้าขึ้นปี 3 ในปี 2555 ช่วงนั้นข้าพเจ้ากำลังมีปัญหาชีวิตหลายเรื่อง สภาพจิตใจย่ำแย่มาก ทำให้ข้าพเจ้าสอบตกหลายวิชา และข้าพเจ้าก็สอบตกวิชา และมีวิชา 3208302 OPER LAB I ซึ่งเป็นวิชาหัดกรอฟันอุดฟันในหุ่น ซึ่งข้าพเจ้าก็ได้เห็นหลายๆคน กรอฟันพลาสติกนอกปากหุ่นนอกเวลาวิชาเรียน ตอนที่อาจารย์ไม่อยู่ เมื่อมาถึงช่วงที่อุดอะมัลกัม หรือขัดอะมัลกัม ก็ยังมีคนที่ทำนอกปากหุ่นหรือจ้างคลินิกข้างนอกทำให้ ซึ่งข้าพเจ้าก็รับรู้มาอย่างนั้น จึงโพสต์ในเฟซบุ๊คว่า ทำกันอย่างนี้ ผ่านไปได้ขึ้นคลินิกไปก็ไปหัดทดลองฝีมือในคนไข้หรือ? เห็นคนไข้เป็นหนูลองยาหรืออย่างไร? กลายเป็นว่าความหวังดีของผมเป็นการวิจารณ์ภาควิชานี้ไปในทางเสียหายโดยที่เจตนาข้าพเจ้าไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น แต่ข้าพเจ้าเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนส่วนรวมและวิชาชีพเท่านั้น แต่ข้าพเจ้าก็ยอมตกวิชานี้ เมื่อเห็นว่าทำตามที่อาจารย์สอนแล้วทำงานไม่ทันไม่ได้ใช้วิธีเหล่านั้น ซึ่งเป็นผลให้ใน 2 ปีหลังจากนั้นมีการเปลี่ยนกฎเกณฑ์ใหม่ว่าห้ามนิสิตกรอฟัน อุดฟันนอกเวลาเรียนปฏิบัติการในปีที่แล้วหรือ 2557 นี้เอง แต่ในปี 2556 ข้าพเจ้าก็สอบตกวิชานี้อีกเนื่องจากทำงานไม่ทันบ้าง อาจารย์ไม่มาบ้าง และในปี 2557 รองคณบดีฝ่ายวิชาการ อ.รศ.ทพ.พรชัย จันศิษย์ยานนทฺ์ มาบอกข้าพเจ้าว่าอย่าเรียนเลย ไปเรียนอย่างอื่นเถอะ พอมาเทอม 2 อาจารย์บอกว่าตกวิชาปฏิบัติการวิชาเดียว จะไม่ขึ้นคลินิกทุกวิชาเลย แล้วเมื่อปลายเทอมอาจารย์เรียกมาคุยอีกว่า ถ้าไม่ผ่านวิชาปฏิบัติการจะไม่ให้ขึ้นคลินิกเลยนะ ผมบอกว่าตกลง อาจารย์บอกว่าผมไม่ได้มาตกลงกับคุณ แต่ผมมาบอกคุณให้รู้ไว้เฉยๆ หลังจากนั้นมีอาจารย์ผศ.ทญ.พนมพร วานิชชานนท์ หัวหน้าภาควิชาทันตกรรมบดเคี้ยว ที่บอกว่าผมผ่านวิชาทันตกรรมบดเคี้ยวแล้วนะ จะให้ขึ้นคลินิก แต่อาจารย์พรชัย กลับบอกว่าตกลงกับผมแล้วว่า ถ้าไม่ผ่านแล็บแม้แต่วิชาเดียว จะไม่ให้ขึ้นคลินิกนะ
สิ่งที่ผมสงสัยหลายเรื่องได้แก่
1.ในภาคเรียนแรกปีการศึกษา 2557 อาจารย์ รศ.ทพ.ดร.ชัยวัฒน์ มณีนุษย์ บอกว่าให้มาตรวจกับผมคนเดียวนะ ผมจะดูแลคุณให้เอง แต่อาจารย์ก็ไม่มาถึงสองสามครั้งครั้งละ 3 ชั่วโมงเท่ากับเวลาผมหายไป 6-9 ชั่วโมง พอให้อท่านอื่น ตรวจอาจารย์ก็บอกว่าไม่ได้หรอก อาจารย์ชัยวัฒน์บอกว่าจะดูเธอคนเดียว ผมก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะพอผมถามว่า ทำซี่อื่นไปก่อนได้ไหม?(ผมมั่นใจว่าทำได้) อาจารย์ก็บอกว่าไม่ได้ ห้ามข้ามขั้นตอน หลังจากนั้นผมก็บอกอาจารย์ชัยวัฒน์ว่าอาจารย์ไม่มา ผมให้ใครตรวจไม่ได้เลย อาจารย์ชัยวัฒน์ถามว่าแล้วทำไมไม่ให้คนอื่นตรวจ ผมตอบว่า ก็อาจารย์บอกว่าให้ตรวจกับอาจารย์คนเดียวห้ามตรวจกับคนอื่น ในขณะที่คนอื่นๆในรุ่นหากมีอาจารย์ไม่มา ก็จะให้คนอื่นตรวจแทน และก็ไม่มีการติดต่อทาง Line ถามกันทั้งๆที่อาจารย์ในภาคก็มี Line ของกันและกันติดต่อกันได้หมด แต่ในขณะที่เทอม 2 ผมทำข้ามขั้นตอน(เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังภายหลัง) แต่กลับต้องรื้อทำใหม่ โดยที่อ.จารุพรรณ ไลน์ไปถามอาจารย์รังสิมา แล้วได้รับคำตอบให้รื้อแล้วทำใหม่ในเทอม 2 และในบางสัปดาห์มีการบอกด้วยซ้ำว่าอาจารย์ชัยวัฒน์เดี๋ยวก็มา ซึ่งผมก็คอยถามหลายครั้งว่าอาจารย์จะมาไหมครับ? แต่ได้รับตอบว่า เดี๋ยวก็มาหลายครั้งตั้งแต่ 9 เช้าไปจนถึง 12 หมดเวลาทำวิชานี้ ซึ่งหลังจากข้าพเจ้าออกมาบริเวณคณะเวลาพักกลางวัน ยังพบท่านอาจารย์ชัยวัฒน์เดินอยู่ในคณะอยู่เลย ข้าพเจ้าจึงยิ่งไม่เข้าใจว่า ทำไม???ท่านอาจารย์ถึงไม่เข้ามาสอนหรือมอบหมายใครไว้เพราะอาจารย์ก็คงอยู่ในคณะตลอด
2.หลังจากนั้น ทำไมหลังจากอาจารย์ชัยวัฒน์กลับมา หลังจากช่วงที่อาจารย์ไม่มาคุม เวลาลงลายมือชื่อหรือเซ็นต์ให้ผ่านตอนท้ายๆเทอมจึงลงวันที่ตลอด ทั้งๆที่ หลายๆครั้งก่อนหน้านี้ อาจารย์ไม่เคยลงวันที่?(แค่สงสัย)
3.เมื่อผมเริ่มทำได้ อาจารย์ชัยวัฒน์ก็พูดขึ้นมาว่าที่ผมมาคุมคุณคนเดียวเนี่ย ผมไม่ได้จะมาขวางคุณหรือบล็อกคุณไม่ให้คุณจบนะ แต่อาจารย์หมอณัทธร พิทยรัตน์เสถียร คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ บอกว่าคุณต้องทำมากกว่าคนอื่นถึงจะได้ เพราะการควบคุมการเคลื่อนไหวแบบละเอียด(Fine Motor)คุณไม่ดีเท่าคนอื่น คุณต้องฝึกมากกว่าคนอื่น แต่ผมก็บอกว่าถึงจะต้องฝึกมากกว่าคนอื่น ผมก็จะทำให้ได้ครับ ผมจะพิสูจน์ให้เห็นว่าผมทำได้ ถึงจะต้องใช้ความพยายามมากก็ตาม และอาจารย์ก็บอกว่าขนาดคนที่ได้ A วิชานี้พอขึ้นคลินิกไป ไปเจอน้ำลายเจออะไรน่าขยะแขยง สกปรกยังยอมไม่จบทันตแพทย์ ไปเอาแค่วิทยาศาสตร์บัณฑิต(วท.บ.)เลย คุณขึ้นไปคุณก็จะทำไม่ได้ แต่ผมก็สงสัยว่าทำไมเวลาที่ผมเริ่มทำได้อยู่ๆอาจารย์ถึงต้องพูดว่า ผมไม่ได้จะมาขวางคุณหรือบล็อกคุณไม่ให้คุณจบนะ
4.เพื่อนในรุ่น 73 ทันตะ หรือนิสิตรหัส 54 (หมายถึงเข้าปี 54) บางคนที่ไม่ชอบหน้าผมเรื่องที่ให้อาจารย์เปลี่ยนข้อสอบมาบอกผมว่า ได้ข่าวมาจากอาจารย์ฝ่ายปกครองนะว่ายังไงยังไง ก็จะไม่ให้ขึ้นคลินิกหรอก ผมก็บอกไปว่าผมจะพิสูจน์ว่าผมทำได้ แต่เขาก็บอกว่าพี่จะรู้สึกยังไงถ้าพี่ทำทุกอย่างผ่านแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขึ้นคลินิกไม่ได้เป็นหมออย่างที่พี่หวังไว้ ผมก็ยังยืนยันว่าจะพยายามพิสูจน์ให้ได้ว่าผมทำได้
5.พอเริ่มภาคเรียนที่ 2 หรือเทอม 2 ก่อนเปิดเทอมผมก็บอกอาจารย์พนมพรว่า อยากให้อาจารย์เปลี่ยนข้อสอบจะได้ไม่ตรงโพย วิชาที่ตรงโพยถึงผมเข้าเรียนและอ่านหนังสือไปก็ได้ C หรือ C+ แต่วิชาที่ไม่ตรงโพยบางวิชาได้ C แต่ก็มี B กับ B+ คนที่ไม่เข้าเรียนแต่อ่านแค่โพยก็ได้ A หรือ B+ มาตั้งแต่ปี 3 รุ่นที่แล้วแล้ว บางทีมันก็รู้สึกท้อ ว่าเราตั้งใจเรียนแต่ทำไมได้แค่นี้ แต่ก็ดีใจ ภูมิใจที่เรามีความรู้ที่ไม่อยู่ในโพยด้วย หลังจากนั้น เมื่อเปิดเทอมเป็นวันพฤหัสบดี ก็มีอาจารย์ท่านหนึ่งมาพูดในห้องว่า ได้รับร้องเรียนมานะว่ามีโพยน่ะ ก็อ่านๆไปเหอะ ไม่ต้องรู้เยอะเลย เนื้อหามันเยอะก็รู้แค่ข้อสอบเก่านั่นแหละก็พอ ข้อสอบออกจนไม่รู้จะออกอะไรแล้ว แล้วพอผมไปถามเกี่ยวกับเรื่องที่อาจารย์สอนหน้าห้อง อาจารย์ก็บอกผมว่า ไปอ่านด้วยนะโพยน่ะ เมื่อก่อนอาจารย์ตั้งใจเรียนแล้วไม่อ่านโพย ได้คะแนนน้อยก็ท้อเหมือนกัน แล้วหลังจากนั้นวันต่อมานิสิตปี 5 รหัส 53 หรือทันตะรุ่น 72 หลายๆคน ไม่ยอมเข้าเรียน และนั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆผมในตอนเช้าพูดกันขึ้นมาว่า ไม่ต้องขึ้นเรียนหรอกขี้เกียจเรียน นั่งตรงนี้แหละดีแล้ว ผมเข้าใจว่าเขาประท้วงเพราะเรื่องที่ผมไปบอกอาจารย์เรื่องโพยเป็นรอบที่สองหลังจากปี 2554 มาประมาณ 3 ปี แต่ผมก็พยายามอธิบายแนวคิดของผมในไลน์(LINE) ว่าทำไมถึงอยากให้อาจารย์เปลี่ยนข้อสอบ ถึงตอนนี้ผมกับอาจารย์ที่พูดท่านนั้นเข้าใจกันแล้วและอาจารย์ก็บอกว่ายินดีให้ผมขึ้นคลินิกภาคทันตกรรมบดเคี้ยว แต่เรื่องไม่ได้จบแค่นั้น เพราะวันจันทร์ต่อมา พอผมขึ้นเรียนตอนบ่ายวิชา 3208304 OPER LAB II อ.ทญ.จารุพรรณ อุ่นสมบัติ บอกว่า “ให้กลับไปคิดช่วงปิดเทอมสองสามเดือนนะว่า พูดไม่รู้เรื่องอย่างเนี้ย จะขึ้นคลินิกได้ไหม?” ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้พูดอะไรกับอาจารย์เลยแล้วก่อนหน้านั้นผมก็แทบจะไม่ได้พูดกับอาจารย์ แต่เข้าใจว่าเรื่องโพยรอบสอบนั้นแพร่ไปทั้งคณะทั้งในหมู่นิสิต และในคณาจารย์ ผ่านนิสิตที่เกลียดผมบางคนและการพูดปากต่อปาก และผ่านสื่อสังคมโซเชียลมีเดียทั้ง LINE,Facebook และอื่นๆ ในสัปดาห์แรก
6.ในปีการศึกษา 2557 ที่ผ่านมานี้ ผมเคยร้องเรียนเรื่อง OPER LAB เกี่ยวกับความซื่อสัตย์ไปว่าทำไมคนที่โกงเอาแบบจำลองฟัน(Dentoform)ออกมาทำนอกปากหุ่นผ่านไปขึ้นคลินิกได้มากมาย บางคนตั้งแต่กรอนอกปาก อุดนอดปาก ขัดนอกปากหุ่น บางคนแค่อุดนอกปากกับขัดนอกปาก คนที่พยายามซื่อสัตย์หน่อยก็ขัดไม่ทัน ต้องมาขัดนอกปากหุ่นอย่างเดียว แต่เขาก็ซื่อสัตย์พอที่จะกล้าบอกผมตรงๆว่าเขาก็ขัดนอกปากนะ เท่าที่ผมเห็นเกือบทุกคนทั้งหมดก็ผ่านมาได้ด้วยวิธีนี้ทั้งนั้นไม่มากก็น้อย แล้วทำไมคนที่พยายามทำอย่างตรงไปตรงมาอย่างผมถึงไม่ไปไหนสักที นี่ก็ปีที่ 3 แล้ว(บางคนอาจมองว่าคนซื่อสัตย์คือคนโง่ที่เอาตัวรอดไม่เป็น ใครก็ตามที่ซื่อสัตย์จะต้องเอาตัวไม่รอด และอาจจะถูกหัวเราะเยาะภายหลังประมาณว่า บอกแล้วไงไม่เชื่อหรอ? เพราะคนซื่อสัตย์ถูกลอยแพแล้ว ใครก็ตามที่เอาตามความถูกต้องเมื่อเอาตัวไม่รอด ก็ไม่มีใครช่วยเหลืออยู่ดี ต้องอยู่โดดเดี่ยว ต่อสู้เอตัวรอดเอง) หลังจากร้องเรียนไป ก็คงมีการผ่านที่ประชุม ประมาณว่าในเมื่อมีคนยังงานไม่เสร็จหลายคน แทนที่จะให้ F ก็ให้ติด I=Incomplete ไว้ก่อน แล้วเรียกมาแก้งาน แต่เนื่องจากผมงานช้า ติดหลายงาน และเวลาผมหายไปหลายชั่วโมง ที่อ.ชัยวัฒน์ไม่มา จึงทำให้ต้องลากเวลามาถึงในสัปดาห์แรก หลังจากต้องมาแก้ I กับน้องๆในช่วงปิดเทอม พอมาถึงเทอม 2 อาจารย์ชัยวัฒน์ก็แก้กฎเกณฑ์การตัดเกรดใหม่ในประมวลรายวิชา ในวิชา 3208304 OPER LAB II เรียนในเทอม 2 ถ้าหากลายเซ็นอาจารย์ขาดไปช่องเดียวให้พิจารณา F เลย โดยไม่มีการช่วยเหลือหรือให้ติด I เหมือนในเทอมที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นผมก็ยังไม่รู้เรื่องนี้(ในเทอมนี้อาจารย์รังสิมา สกุลณะมรรคา เป็นคนคุมผมส่วนใหญ่ มีบ้างที่อาจารย์จารุพรรณคุม)เกี่ยวกับการอุดคอมโพสิต วัสดุสีเหมือนฟัน ผมต้องทำงานของเทอมแรก คืออุดอะมัลกัมซี่สุดท้ายในคาบแรก ในขณะที่คาบแรกคนอื่นเลือกฟันแท้ไปแทนฟันพลาสติกใน Dentoform ผมยังต้องมาสอบอุดอะมัลกัมต่อ ทำให้เสียเวลาไปคาบหนึ่ง หลังจากนั้นมีอยู่ครั้งหนึ่งผมกรอฟันโดยที่ยังไม่วาดรูปร่างในกระดาษให้อาจารย์ดู อาจารย์บอกว่าให้เปลี่ยนซี่ฟันใหม่ ทำให้ผมต้องเสียเวลาเปลี่ยนซี่ฟันใหม่ วาดรูป และกรอใหม่ และหลังจากนั้น ก็มีคาบที่อาจารย์รังสิมาไม่มา และอาจารย์จารุพรรณ อุ่นสมบัติ มาคุมผมแทน ช่วงนั้นเริ่มอุดกันแล้ว พอผมอุดเสร็จผมก็ขัดไปเลย ซึ่งเทอมนี้ต่างจากเทอมที่แล้วตรงที่อะมัลกัมต้องรอ 24 ชั่วโมงให้แข็งตัวเต็มที่ถึงขัดได้ ดังนั้นจึงต้องอุดเสร็จทุกซี่ก่อนแล้วจึงเริ่มขัดในสัปดาห์หลังจากที่อุดซี่สุดท้ายเสร็จ แต่คอมโพสิตเรซิ่นฉายแสงให้แข็งเสร็จแล้วขัดได้เลย ผมจึงอุดแล้วขัดเลย แต่อาจารย์จารุพรรณบอกว่าให้ตรวจอุดหรือตรวจขัด ผมบอกว่าขัด อาจารย์ก็ตรวจให้แค่ช่องขัด แล้วอ.จารุพรรณ ก็ส่ง Line ไปหาอาจารย์รังสิมา อาจารย์รังสิมาบอกว่าให้ริ้อแล้วอุดใหม่(อย่างที่กล่าวไปในตอนแรก) อันนี้ผมก็ยอมรับว่ามีส่วนผิด แต่อาจารย์ไม่เคยบอกว่าอุดแล้วให้อาจารย์ตรวจก่อนแล้วจึงขัดแล้วให้ตรวจอีกครั้ง ผมไปถามน้องปี 4 เขาก็บอกว่าขึ้นคลินิกไปอุดให้คนไข้ก็ไม่ได้ให้อาจารย์ตรวจก่อนเหมือนกัน แต่ขัดเลย แต่อาจารย์ให้ผ่านไปเพราะถือเป็นครั้งแรก(แต่ไม่ทราบว่าเป็นอาจารย์ท่านไหน) แต่ที่ผมสงสัยที่สุดคือในคาบเรียนสุดท้ายอาจารย์รังสิมา ออกจากห้องเรียนก่อนเวลาจะหมด 15 นาที แล้วบอกผมว่าอุดไปเลย แต่พอผมอุดเสร็จอาจารย์ก็ไม่กลับมา ไปถามอาจารย์ท่านอื่นก็ได้รับคำตอบว่า เดี๋ยวอาจารย์ก็มามั้ง เพราะหลายๆครั้งอาจารย์อาจมีออกไปบ้างแต่ก็กลับเข้ามา แต่อาจารย์ก็ไม่กลับมา จนกระทั่งวันต่อมาเอาใบตรวจงานไปให้อาจารย์รังสิมาเซ็นต์ในช่องที่ขาดไปช่องหนึ่ง อาจารย์บอกว่าเซ็นต์ให้ไม่ได้เพราะไม่เห็นตอนเธอทำงาน(จะเห็นได้ไงครับ?ก็อาจารย์ออกไปก่อนเวลา) แล้วผมก็ถามว่า แล้วผมจะต้องทำไงครับ? จะติด F ไหม? อาจารย์บอกว่ามีประมวลรายวิชาไหม? ผมก็เอามาให้อาจารย์ดู อาจารย์บอกว่าไม่ใช่ฉบับนี้ นี่มันฉบับเก่า มีฉบับใหม่ไหม? แล้วอาจารย์ก็ไปให้เจ้าหน้าที่ธุรการของภาควิชาปริ๊นท์มาให้ แล้วก็ให้อ่านฏำใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในเทอมนี้โดยอาจารย์ชัยวัฒน์ว่า ถ้าหากลายเซ็นต์ของอาจารย์ไม่ครบแม้แต่ช่องเดียวจะพิจารณาให้ F ทันที ซึ่งผมก็บอกว่าผมเพิ่งเห็น เพิ่งรู้ ผมยังไม่ได้ใบนี้ อาจารย์ก็บอกว่าฝากกุมโชคหัวหน้าชั้นปีที่ 3 (ทันตะรุ่น 74 หรือจุฬาฯรหัส 55)ไปตั้งนานแล้ว ผมก็บอกว่าผมไม่รู้ ส่วนใหญ่ตอนนี้ผมอยู่กับปี 4 ผมก็ถามอาจารย์ว่าแล้วผมจะได้ F ไหม? คำตอบคือไม่รู้เดี๋ยวต้องประชุมกันก่อน แต่มาถึงตอนนี้ผมรู้แล้วว่าได้ F จริงๆเป็นรอบที่ 3 ปีที่ 3 ที่ผมต้องทนอยู่ปี 3 โดยที่ผมไม่มีสิทธิ์จะขึ้นคลินิก
7.ผมผ่านวิชาที่ทันตกรรมบดเคี้ยวแล้วทั้งวิชาบรรยาย และวิชาปฏิบัติการ(แล็บ:LAB)อาจารย์พนมพรที่เป็นอาจารย์ที่ซื่อสัตย์และเสียสละอย่างมากเพื่อคนไข้ เพื่อลูกศิษย์ เพื่อผู้ป่วยและคณะ ขยันและอดทนอย่างยากที่จะหาผู้ใดมาเทียบเป็นหนึ่งในอาจารย์ที่ผมรักและเทิดทูนมาก อาจารย์ได้ทุ่มเทเพื่อคณะอย่างหักโหมและเหน็ดเหนื่อยมาก เป็นหัวหน้าภาควิชาบดเคี้ยว อาจารย์บอกว่าให้ผมขึ้นคลินิกของภาคบดเคี้ยวก็ได้ อาจารย์พนมพรและอาจารย์ในภาคพร้อมจะให้ขึ้น และจะยอมดูแลเป็นพิเศษให้ แต่อาจารย์พรชัย จันศิษย์ยานนทฺ์ บอกว่าอาจารย์ตกลงกับผมแล้วว่า ถ้าไม่ผ่านแล็บจะไม่ให้ขึ้นคลินิกเลย แต่อาจารย์คงลืมไปแล้วว่า อาจารย์เป็นคนบอกผมตั้งแต่เทอมแรก และในเทอม 2 อาจารย์เป็นคนเรียกผมมาคุย เรียกมาย้ำว่า ถ้าไม่ผ่านแล็บจะไม่ให้ขึ้นคลินิกเลยนะ ผมบอกตกลงครับเพราะผมมั่นใจว่าผมทำได้แน่(ซึ่งถ้าอาจารย์รังสิมาไม่ออกจากห้องก่อนเวลา ผมก็อาจจะผ่านวิชาแล็บ ปฏิบัติการทันตกรรมหัตถการ 2 และได้ขึ้นคลินิกไปแล้ว) แต่ตอนนี้ปรากฏว่าผมตกหรือ F ในวิชา OPER LAB II อาจารย์พรชัยจึงเอาคำนี้มาอ้าง ถ้าอาจารย์ไม่ต้องการบล็อกหรือขวางผมจริง ทำไมอาจารย์พรชัยทำอย่างนี้ และการเรียกผมมาย้ำเรื่องนี้ในปลายเทอม 2 ที่ผ่านมาเมื่อไม่นานมานี้ เหมือนกับเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง(แต่ข้าพเจ้าอาจจะคิดไปเองก็ได้)

0
แตงโม 31 ธ.ค. 58 เวลา 22:58 น. 14-7

8.คือในคณะแพทยศาสตร์กับ คณะทันตแพทยศาสตร์ มีกฎเกณฑ์อยู่ว่า ถ้าหากใครเรียนไม่ไหวหรือรู้ตัวว่าเรียนแล้วไม่ชอบ หากเรียนได้ครบหน่วยการเรียนที่กำหนดคือปี 4 ในรายวิชาบังคับที่กำหนดผ่านหมด ก็สามารถเอาแค่ปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต หรือ วท.บ. เทียบเท่าจบคณะวิทยาศาสตร์แล้วเอาไปเรียนต่อปริญญาโทได้ หรือทำงานอย่างอื่นได้แต่ก็ยากเพราะไม่ใช่วิทยาศาสตร์เฉพาะทางอะไรเลย อาจารย์ท่านหนึ่งที่เป็นอาจารย์ที่ดูแลฝ่ายทะเบียน(คืออาจารย์ไพบูลย์ เตชะเลิศไพศาล) นานมาแล้ว ผมเคยถามอาจารย์ว่า อาจารย์ครับอาจารย์ไม่เปลี่ยนข้อสอบ(ออกตรงโพย) ทำไมไม่บอกผม? ผมจะได้อ่าน ผมกำลังจะเข้าลิฟท์ อาจารย์บอกว่าจะไปไหน? ผมบอก จะไปส่งอาจารย์ อาจารย์บอกว่า ไม่ต้องเลย ออกไป ออกไป... เมื่อวานนี้วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม 2558 ขณะที่ผมโทรไปถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายทำเบียนเรื่องเกรดว่าผมได้ F หรอครับ? แล้ววิชาปฏิบัติการทันตกรรมหัตถการ 2 เนี่ย มันก็อยู่ในหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิตใช่ไหม? พี่เขาก็ตอบว่าใช่ ถ้าอย่างนั้นผมจะเอาแค่ วท.บ. ยังเอาไม่ได้เลย อาจารย์ไพบูลย์ที่กำลังเซ็นต์ใบเกรดอยู่ ข้างๆก็พูดเสียงเข้ามาในโทรศัพท์ อาจารย์ไพบูลย์ บอกว่า “บอกไปว่าอาจารย์บอกว่าให้ไปลาออกซะ”
9.อาจารย์รศ.ทญ.ดร. สุคนธา เจริญวิทย์ ซึ่งเป็นรองคณบดีฝ่ายกิจการนิสิตในเทอม 2 อาจารย์พยายามจะมาพูดให้ผมเอา วท.บ. ไปหาเรียนต่อโท แต่ผมก็พยายามบอกว่า ผมจะพยายามพิสูจน์ว่าผมทำได้ จะพยายามเป็นหมอที่ดีให้ได้ แต่อาจารย์ก็พยายามพูด หลังจากนั้นมาอีกหลายวันหรือหลายสัปดาห์เมื่อฝีมือการกรอฟันอุดฟันและทำแล็บของผมกำลังไปได้ดีอาจารย์บอกว่า เรื่องฝีมือไม่ห่วงแล้ว ตอนนี้ห่วงเรื่องเดียวเรื่องการตัดสินใจ มีคนบอกว่าผมตัดสินใจไม่ได้ ตัดสินใจไม่เป็น ผมนึกขึ้นได้ ว่าตอนนั้นผมก็แค่ถามอาจารย์จารุพรรณว่า จะให้อุดตรงคอฟันก่อน (Class V) หรือ บนด้านบดเคี้ยว Class II อีกซี่ก่อน อาจารย์บอกว่าแค่นี้ตัดสินใจไม่ได้หรอ? จะขึ้นคลินิกได้ไหม?(แต่คืออาจารย์ครับในหุ่นกับในคนไข้ไม่เหมือนกันนะครับ ในหุ่นคือตามตารางงาน จะอุดซี่ไหนก่อนก็ได้ แต่ในคนไข้ต้องดูตามความร้ายแรกของการผุและความเร่งด่วนในการรักษา) ถ้าผมตัดสินใจได้ทุกอย่างเหมือนอาจารย์ที่มีประสบการณ์ผมคงไม่ต้องมาเรียนเป็นนิสิตผมคงเป็นอาจารย์ไปแล้ว แต่นี่อาจารย์เหมือนกับไม่อยากสอน แต่เหมือนกับบอกว่าทำไม่ได้ก็ออกไปอย่ามาเรียนเลย อาจารย์ที่มีความเมตตากรุณาต่อลูกศิษย์คงไม่ทำอย่างนี้หรอกครับ จริงๆอาจารย์สุคนธา ผมเชื่อว่าเป็นคนดีนะครับ แต่เหมือนกับอาจารย์ฟังจากคนอื่นมาอีกที แล้วก็เชื่อ และตัดสินไปแล้วเพราะยังไงเสียงนิสิตอย่างผมก็เบากว่าอาจารย์มาก หรือไม่อาจารย์สุคนธาก็คงกลัวจะมีปัญหากับคนในคณะหรือกลัวอำนาจของใครบางคนมากกว่า(ก็อาจจะเป็นได้ หรือผมอาจจะคิดไปเอง) อาจารย์ สุคนธา บอกว่า อย่าให้ถึงกับต้องให้เขาออกใบรับรองแพทย์ว่าเธอทำไม่ได้ แล้วจะต้องบังคับให้เธอออกเลย แล้ววันต่อๆมาเจอกันอีกครั้ง อาจารย์ก็บอกว่า ถ้าไม่งั้นก็คงต้องให้เธออยู่ถึง 12 ปีครบกำหนดการเรียนมากที่สุด แล้วก็ให้เธออกไปโดยที่ไม่ได้อะไรเลย หรือ เธอจะเลือกเอาแค่ วิทยาศาสตร์บัณฑิตในตอนนี้ที่ยังมีโอกาสอยู่ แต่ผมก็ยืนยันว่าผมเชื่อว่าผมเป็นหมอที่ดีได้แน่นอน ผมยืนยันไปแบบนั้น และผมบอกว่าผมจะพยายามพิสูจน์ให้อาจารย์ดู จนกระทั่งมาวันนี้ ผมติด F
10.สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมมั่นใจว่าผมจะทำคนไข้ได้ยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ ในวิชา PEDIA DENT LAB จะต้องกรอฟันพลาสติกและอุดฟันใน Dentoform ที่ออกแบบมาเป็นขนาดของปากเด็ก ซึ่งต้องกรอฟันน้ำนมสองซี่ที่มีด้านติดกันโพรงละซี่โดยโพรงฟันที่กรอทั้งสองอยู่ติดกัน เรียกว่า การอุดอะมัลกัม Class II Back-toBack มีน้องหลายคนที่ได้ขึ้นคลินิกแล้วกรอเสียจนต้องเปลี่ยนฟัน แต่ผมกรอเสร็จโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนฟัน นอกจากนั้นในการอุด เมื่อเอาไปส่งพี่เจ้าหน้าที่ที่รับส่งงาน พี่เขาบอกผมว่าเห็นอย่างนี้ ฝีมือไม่ธรรมดานะเนี่ย ทำให้ผมสัมผัสได้ว่า ความซื่อสัตย์และสิ่งที่ผมเสียสละเวลาและเงินของพ่อและน้าผม เพื่อทำคนไข้ให้ดีที่สุดไม่สูญเปล่า น้องบางคนอุดแล้วแตก แต่ผมอุดครั้งเดียวไม่แตกและแต่งได้กายวิภาคฟันค่อนข้างจะดีทีเดียว ซึ่งผมอยากทำให้เห็นเพื่อพิสูจน์ว่าผมทำได้
11.ทำไมคนที่โกงผ่านไปทำคนไข้ได้จนจบไปแล้ว หลายคนจบไปแล้วเขาสงสารผมเขาก็มาแนะนำว่า ให้เพื่อนช่วยทำให้สิแล้วเอาไปส่ง เขาจบมาได้ก็ด้วยวิธีนี้ ผมก็บอกเขาว่าขอบคุณ แต่ผมก็ทำทุกอย่างด้วยตัวเองจนผ่านมาได้ทั้งหมด จนบางคนเข้ามาคุยด้วยชมว่านายเก่งอ่ะ ทำทุกอย่างด้วยตัวเองจนผ่านมาได้หมด เราจบมาได้ก็เพราะเพื่อนๆช่วยทำ แต่อาจารย์กลับมองว่า ผมช้าเกินไป ฝีมือไม่ดี เรียนไม่ได้หรอก ทำไม่ได้หรอก จะให้ออกท่าเดียว ผมว่ามันไม่ยุติธรรมเลย และผมยอมรับไม่ได้
12.ถ้าเกรดผมต่ำลงเรื่อยๆมาจนถึงต่ำกว่าสองเมื่อไรก็คือ ผมจะโดนรีไทร์ไล่ออกตอนนี้เกรดผมแค่ 2.20 ในเทอมนี้และคาดว่าจะต่ำลงกว่านี้ครับ ถ้าอาจารย์ยังให้ผมตกแล็บต่อไปเรื่อยๆ ขอความเป็นธรรมด้วยครับ
ตากับยายผมลำบากมามากแล้วหวังพึ่งพาหลานคนนี้ พ่อผมก็จะเกษียณแล้วอาจจะส่งผมไม่ไหวอีกต่อไป ผมไม่รู้จะพึ่งพาใครแล้วครับ นอกจากใช้วิธีนี้
ทั้งหมดนี้ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ครับ แต่ผมพร้อมรับการสอบสวน ไต่สวนและนอกจากสอบสวนทีละฝ่ายเพื่อหาข้อมูลแล้ว สามารถสอบสวนต่อหน้าทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือบิดเบือนข้อมูล แต่ระวังเรื่องว่าหลังจากสอบสวนจะมองหน้ากันไม่ติดและอาจจะโดนหาเรื่องให้เรียนไม่จบอีกก็เป็นได้
ส่วนวิธีแก้ผมขอเสนอ 2 ทาง
1.ขอให้ผมได้ย้ายโอนหน่วยการเรียนไปยังมหาวิทยาลัยมหิดล ให้ผมได้ไปขึ้นคลินิกที่นั่น ผมพร้อมรับการทดสอบทุกรูปแบบทั้งการปฏิบัติ การสอบข้อเขียนหรือข้อสอบตัวเลือก กระผมขอแค่โอกาสในการพิสูจน์ตัวเองว่าผมสามารถเป็นหมอที่ดีได้ ถ้าหากว่าผู้บริหารบางท่านหรืออาจารย์บางท่านต้องการให้ผมไปจากที่นี่(ไม่แน่ใจว่าผมคิดไปเองไหม? แต่ก็สงสัยอยู่) ผมก็พร้อมจะไปครับ แต่ผมขอแค่โอกาส
2.ขอความคุ้มครองให้อาจารย์บางท่าน ที่ผมเชื่อมั่นและศรัทธาว่าอาจารย์เป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต เป็นห่วงคนไข้ มีคุณธรรม ความเสียสละ เก่งกล้าและมีความสามารถสูงได้คุมผม โดยไม่ต้องกลัวว่า อาจารย์ในภาควิชาจะเขม่นหรืออคติ เรื่องที่มาช่วยเหลือผม หรือว่ามาคุมผมให้ผมผ่านขึ้นคลินิกไปได้ ซึ่งหากไม่ใช้อาจารย์ในที่นี้ ทันตแพทยสภาสามารถส่งอาจารย์ให้มาเป็นอาจารย์พิเศษที่คณะได้ โดยจัดหามาประเมินแล้วให้มารวมคะแนนตัดเกรดผมร่วมกับนิสิตคนอื่น แต่ผมขออนุญาตทราบชื่อ นามสกุลล่วงหน้า
อาจารย์ที่ผมเคารพ เทิดทูน เชื่อมั่นและศรัทธาในการคุมผมขึ้นคลินิกมีดังนี้
ภาควิชาทันตกรรมหัตถการ (Department of Operative Dentistry)
1.ผศ.ทพ.ฉันทวัฒน์ สุทธิบุณยพันธ์ 2.ผศ.ทญ.มุรธา พานิช
3. อ.ทญ.ดร.สมสินี พิมพ์ขาวขำ 4.รศ.ทพ.ดร. วีระ เลิศจิราการ
6.รศ.ทญ.ปิยาณี พาณิชย์วิสัย
7.ผศ.ทพ.ดร.ไพโรจน์ หลินสุวนนท์ 8.ผศ.ทญ.ดร.ชุติมา ระติสุนทร
โดย 4 ท่านแรกเป็นอาจารย์ที่ผมเทิดทูน เคารพนับถือ และเชื่อมั่นศรัทธามาก
ภาควิชาทันตกรรมประดิษฐ์ ส่วนใหญ่ไม่น่ามีปัญหาครับ แต่ถ้าหากเป็นไปได้ผมขอ

0
แตงโม 31 ธ.ค. 58 เวลา 22:58 น. 14-8

1.อ ทญ ศิริพร อรุณประดิษฐ์กุล 2.อ ทญ ปราณปรียา ใจธีรภาพกุล
3.ผศ ทพ วิเชฏฐ์ จินดาวณิค 4.ผศ สรรพัชญ์ นามะโน
5.อ ทพ ดร วิริทธิ์พล ศรีมณีพงศ์ 6.อ ทญ ดร ใจแจ่ม สุวรรณเวลา
ผมรักเคารพเทิดทูนอาจารย์ทั้ง 6 ท่านมากครับ
ภาควิชาปริทันตวิทยา
1.ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ทันตแพทย์ขจร กังสดาลพิภพ
2.อาจารย์ ทันตแพทย์หญิง ดร.จันทรกร แจ่มไพบูลย์
3.ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ทันตแพทย์หญิงศานุตม์ มังกรกาญจน์
4.รศ.ทพ.ดร. กิตติ ต. รุ่งเรือง
5.รองศาสตราจารย์ ทันตแพทย์หญิง ดร.กนกวรรณ นิสภกุลธร
6.ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ทันตแพทย์หญิงอรวรรณ จรัสกุลางกูร
7.อาจารย์ ทันตแพทย์อรรถวุฒิ เลิศพิมลชัย
ผมรักเคารพเทิดทูนอาจารย์เหล่านี้ครับ แต่ 4 ท่านแรกจะเคารพรัก นับถือ เชื่อมั่นศรัทธามาก
ภาควิชาศัลยศาสตร์
1.ผศ.ทพ.กิติ ศิริวัฒน์ 2.ผศ.ทญ.ดร.เกศกัญญา สัพพะเลข
3.อ.ทญ.สุณิสา โรจนวิภาต 4.ผศ.ทพ.นพ.สุทธิชัย นรนิตชัยกุล
5.อ.ทพ.ขนิษฐ์ ธเนศวร 6.ผศ.ทพ.ดร.อาทิพันธุ์ พิมพ์ขาวขำ
ภาควิชาทันตกรรมจัดฟัน 1.ผศ.ทญ. กรพินท์ มหาทุมะรัตน์ 2.ผศ.ทญ. นิรมล ชำนาญนิธิอรรถ
3.อ.ทพ.ดร. ชิษณุ แจ้่งศิริพันธ์ 4.รศ.ทญ. จินตนา ศิริชุมพันธ์
ภาควิชารังสีวิทยา
ผมไม่น่ามีปัญหากับท่านอาจารย์ภาครังสีทุกท่านครับ ถึงบางท่านจะดุแต่ผมสัมผัสได้ถึงความจริงใจ เมตตากรุณาที่มีให้ลูกศิษย์เสมอ
แต่ที่ผมรัก เคารพนับถือ เทิดทูนมากมาก คือ
1.อ.ทญ. อรอนงค์ ศิลโกเศศศักดิ์
2.อ.ทญ.ดร. วรรณาภรณ์ ชื่นชมพูนุท
3.อ.ทพ. พลกฤษณ์ ศิลป์พิทักษ์สกุล
ภาควิชาทันตกรรมสำหรับเด็ก
ไม่น่าจะมีปัญหากับอาจารย์ทุกท่านครับ แต่ถ้าหากเป็นไปได้ อาจารย์ที่เคารพนับถือ เชื่อถือศรัทธามาก
1.ผศ.ทญ.ดร. บุษยรัตน์ สันติวงศ์
2.อ.ทญ.ดร. วรรณกร ศรีอาจ
3.อ.วัชราภรณ์ ทัศจันทน์(อดีตคณบดี)
ภาควิชาเวชศาสตร์ช่องปาก
ไม่น่าจะมีปัญหากับอาจารย์ทุกท่านครับ ผมรักเคารพ เชื่อถือในอาจารย์ภาคนี้ครับ เหมือนกับภาควิชารังสี และโดยเฉพาะ อ.ทพ.นพ.ธิติพงษ์ พฤกษศรีสกุล อ.ทพ.ดร.ชาญวิทย์ ประพิณจำรูญ ศ.ทญ.กอบกาญจน์ ทองประสม อ.ทพ.ดร.สุกิจ ภัทรมาลัย
ภาควิชาทันตกรรมบดเคี้ยว
อาจารย์ในภาควิชานี้ ส่วนใหญ่คาดว่าไม่มีปัญหา แต่อาจารย์ 2 ท่านนี้คือ
1.ผศ.ทญ.พนมพร วานิชชานนท์ 2.ผศ.ทญ.วันทนี มุทิรางกูร
อาจารย์ทั้งสองท่านคอยพร่ำสอนลูกศิษย์ให้รู้จักความซื่อสัตย์ เสียสละ ความเมตตากรุณาเห็นอกเห็นใจผู้อื่น คุณธรรม ความกตัญญู ความถูกต้องโดยไม่เกรงกลัวคำวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ใดทั้งสิ้น เป็นผู้ที่มีจิตวิญญาณความเป็นครูผู้ให้อย่างสูงยิ่ง เป็นผู้ที่ควรเทิดทูนเอาไว้เหนือเกล้า เหนือหัวของผมผู้เป็นลูกศิษย์
และเมื่ออาจารย์พนมพร เป็นหัวหน้าภาค อาจารย์ทำงานอย่างหนักหน่วง อย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยของตนเองเลย อดหลับอดนอน ทำงานจนดึกดื่นมาก และตื่นแต่เช้ามืดมาแจกจ่ายงานและตรวจสอบงาน และพยายามปรับรูปแบบการเรียนการสอนเพื่อช่วยเหลือนิสิตที่อ่อนในงานฝีมือ ทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกศิษย์ได้ดี ยอมเสียสละเวลาช่วงปิดเทอมที่ไปพักผ่อนเตรียมงานสอนลูกศิษย์ทุดคนให้หัดงานฝีมือในช่วงปิดเทอมก่อนเริ่มเปิดเรียนจริงทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยมีใครทำมาก่อน อาจารย์ริเริ่มสิ่งดีดีหลายอย่างโดยไม่เคยเห็นแก่หน้า ไม่เห็นเห็นลาภ ยศ สรรเสริญ ใครจะด่าก็ช่าง แต่อาจารย์ยึดมั่นในความถูกต้องดีงามและเห็นประโยชน์ของผู้อื่นมาก่อนตนเองเสมอ ผมอยากกราบบูชาอาจารย์ด้วยหัวใจ ซึ่งผู้ที่เสียสละเพื่อลูกศิษย์และทำงานเพื่อส่วนรวมอย่างไม่เห็นแก่หน้า ไม่เอาผลงาน ปิดทองหลังพระ อาจารย์บอกว่ามีในหลวงเป็นบุคคลต้นแบบของอาจารย์ นอกจากอาจารย์พนมพรที่ทำงานอย่างหนักโดยไม่เน้นผลงาน ไม่เอาหน้า แต่ทำเพื่อส่วนรวมโดยไม่หวังผลจนเป็นที่ประจักษ์เด่นชัดแล้วก็มี
อ.ทญ.ศิริพร อรุณประดิษฐ์กุล ที่ทำงานหนักมาเพื่อพัฒนาส่วนรวมและคณะ เพื่อลูกศิษย์และงานของอาจารย์คุณภาพสูงมากทุกอย่าง เห็นถึงความปราณีต แต่ก็แลกมาด้วยความเหนื่อยยากอย่างมาก แต่ก็ไม่เคยเห็นอาจารย์ต้องการได้หน้าเลย อาจารย์ปลูกฝังให้ลูกศิษย์มีคุณธรรม ความซื่อสัตย์และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น อาจารย์ทำเป็นตัวอย่าง และ อ.ทญ.ดร. เกศกาญจน์ เกศวยุธ ที่ทุ่มเทเพื่อคณะเพื่อลูกศิษย์ อย่างมากอีกท่านหนึ่งเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของท่านอาจารย์ทุกท่านเหล่านั้นที่จะอบรมพร่ำสอนผม และคุมผมเมื่อผมขึ้นคลินิกไปรักษาคนไข้
ทั้งนี้ผมได้ส่งเรื่องไปยังทันตแพทยสภา ท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาแล้วครับ
อนึ่ง เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ข้าพเจ้าได้เผื่อใจไว้แล้วว่าบางเรื่องข้าพเจ้าอาจจะเข้าใจถูกต้องหรือเข้าใจผิดก็เป็นได้ ข้าพเจ้าจึงพยายามแสดงความเห็นให้น้อยที่สุดและ พยายามบอกเล่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้มากที่สุด แต่ข้าพเจ้าแค่ขอความเป็นธรรมเพียงเท่านั้น แต่ผู้ที่จะมาเป็นพยานให้แก่ข้าพเจ้าคงจะหาได้ยาก เพราะแม้แต่อ.เกศกาญจน์ ยังไม่กล้ามาเป็นพยานให้เลย ทั้งๆที่อาจารย์อยู่ในเหตุการณ์ อาจารย์บอกจำอะไรไม่ค่อยได้ แต่ผมไม่เชื่อครับ คงเป็นเพราะอาจารย์กลัวอยู่ในคณะไม่ได้เพราะจะมีอาจารย์คนอื่นเกลียด รวมถึงไม่อยากมีปัญหากับผู้บริหารและอาจารย์ผู้ใหญ่ที่ต้องการกำจัดผมออกไป แม้ผมเรียนจบไปแล้วแต่อาจารย์จะต้องอยู่ในคณะต่อไป คงต้องอยู่อย่างลำบากเป็นแน่
ผมโทรศัพท์ติดต่อกับอาจารย์ ถามว่าอาจารย์ครับ อาจารย์มาสอนในคาบสุดท้ายใช่ไหมครับ? อาจารย์ตอบว่า ใช่ ผมบอกว่า ผมอยากให้มีคนเป็นพยานให้ครับ อ.เกศกาญจน์ตอบว่า อาจารย์จำอะไรไม่ค่อยได้
แม้แต่อ.พนมพรตอนนี้ก็โดนเขม่นมากแล้ว โปรดช่วยเหลือด้วยครับ
และข้าพเจ้าก็ยังไม่ใช่คนดี เพียงแต่พยายามจะทำในสิ่งที่ดีและถูกต้องเท่าที่สติปัญญาและกำลัง(พละ)อันน้อยนิดของข้าพเจ้าพอจะทำได้บ้างเท่านั้น
3.ถ้าหากข้าพเจ้าขอไปสอบกสพท. หรือโครงการพิเศษ(แต่ข้าพเจ้าไม่มีภูมิลำเนาในเขตพื้นที่ของโครงการพิเศษทุกโครงการ) เข้าคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล หรือคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยใหม่ ถ้าหากติดข้าพเจ้าขอโอนหน่วยกิตหน่วยการเรียนเฉพาะปี 1 ที่เรียนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์พื้นฐานไป จะทำให้จบภายใน 5 ปี หากเป็นไปได้ เนื่องจาก ตา ยายข้าพเจ้าไม่ได้ทำงานอะไรไม่มีรายได้ และบิดาของข้าพเจ้าก็ใกล้จะเกษียณอายุแล้ว ในอีกไม่กี่ปี คงไม่สามารถส่งข้าพเจ้าให้เรียนได้ ตามที่บิดาข้าพเจ้าบอก และ หากจบเร็วขึ้นหนึ่งปี ข้าพเจ้าจะออกไปช่วยเหลือผู่ป่วยได้อีกจำนวนมากในหนึ่งปี และหากทำงานไปด้วยก็ไม่ทราบว่าจะมีเงินพอสำหรับค่าใช้จ่ายที่จะศึกษาเล่าเรียน หรือมีเวลาพอจะศึกษาเล่าเรียนหรือไม่ แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของท่าน และถ้าหากสอบไม่ติดก็คงไม่ได้ทำตามที่กล่าวมา ซึ่งก็คงแล้วแต่บุญวาสนา แล้วแต่กรรมที่ทำมาทั้งในอดีตและในปัจจุบัน
เนื่องจากข้าพเจ้าได้ทราบว่า บิดาข้าพเจ้าใกล้จะเกษียณอายุราชการแล้วภายในอีกประมาณ 3-4 ปี และต้องรับภาระในการช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลดูแลย่าของข้าพเจ้า ซึ่งเคยป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองแตกต้องรับการผ่าตัดก้อนเลือดในสมองและต้องนำสมองออกบางส่วน ทำให้เป็นอัมพาตครึ่งตัวขยับไม่ได้ พูดไม่ได้ และต้องจ้างคนดูแลเดือนละ 15,000 บาท ซึ่งย่าของข้าพเจ้าอยู่ที่โรงพยาบาลดำเนินสะดวกขณะนี้ ประกอบกับป้าของข้าพเจ้า ชื่อป้าตุ๊ก เป็นพี่สาวแท้ๆของบิดาข้าพเจ้าซึ่งกำลังจะเกษียณอายุราชการในปีหน้า ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้อีกต่อไป และบิดาข้าพเจ้าก็ยังมีหนี้ที่ใช้ไม่หมดที่เคยกู้สหกรณ์ออมทรัพย์มา ประมาณ 1,200,000 บาท ซึ่งถ้าหากยังส่งเสียข้าพเจ้าเรียนต่อไป พ่อบอกว่าจะไม่สามารถชำระหนี้ก้อนนี้ได้ทันตอนเกษียณ ซึ่งรายจ่ายที่เป็นที่มาของหนี้ก้อนนี้ของบิดาข้าพเจ้า ส่วนหนึ่งมาจากตอนที่มารดาของข้าพเจ้าป่วยเป็นมะเร็งเต้านมตั้งแต่ข้าพเจ้ายังอยู่เนอสเซอรี่ และต้องตัดเต้านมทิ้งไป และหมอบอกว่า ถ้าอีก 5 ปีไม่กลับมาเป็นอีกถือว่าหายขาด สอบผ่าน แต่เมื่อข้าพเจ้ากำลังขึ้นป.1 แม่ไปตรวจอีก ข้าพเจ้าจำได้ว่า แม่ของข้าพเจ้าบอกว่า หมอบอกว่า อยากกินอะไรก็กิน อยากทำอะไรก็ทำ หมอว่าไม่น่าอยู่ได้เกินอีก 3 เดือน แต่มารดาของข้าพเจ้าก็อยู่มาได้อีกเกือบ 10 ปีแล้วจากไปตอนปิดเทอมของข้าพเจ้าตอนม.4 แต่แม่ข้าพเจ้าเป็นคนชอบช่วยเหลือคนอื่น เป็นคนขี้สงสารคน เห็นใครลำบากก็ช่วยเหลือเขาไปทั่ว จนพ่อบอกว่า เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด แล้วก็ชอบว่าแม่ว่าเป็น เตี้ยอุ้มค่อม ชอบไปช่วยเหลือคนอื่นจนตัวเองเดือดร้อน โดนเขาโกงไปบ้างก็มี แต่ข้าพเจ้าก็ได้ซึมซับส่วนนี้ของแม่มา และผมเองก็รักแม่มาก แต่ตอนนี้ข้าพเจ้าคงไม่สามารถไปช่วยเหลือใครได้อีก เพราะแม้แต่ผมเองก็ยังเอาตัวไม่รอด และไม่น่าจะรอดด้วยครับ
อาจารย์พนมพรบอกว่า “จารย์ฟังเค้าเล่ามากกว่า เค้าถามว่าได้เคยอ่านจม ป่ะ ก้อบอกว่าไม่เคย เคยแต่ฟังเธอเล่าคร่าวๆเรื่องของเธอ ถ้าไม่มีการเช็คงาน อาจารย์ก้อคงผิดด้วย ถ้าตั้งกฎพิเศษเพื่อเธอก้อคงไม่ถูกด้วย”
ผมถามว่า “กฎพิเศษว่าอะไรครับ? เรื่องเลือกอาจารย์น่ะหรอครับ? ถ้าไม่เลือกก็ได้ แต่ถ้าอาจารย์ไม่ถูก...ผมก็คงต้องร้องเรียนไปเรื่อยๆ จริงๆกฎพิเศษไม่ต้องหรอก...แต่ความช่วยเหลือพิเศษไม่ผิดนี่.... อย่างคนพอการก็ต้องลิฟต์คนพิการหรือห้องน้ำคนพิการ.... อย่างผมมีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหวละเอียด ควรได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษ ถ้าจะให้ทุกคนเท่ากันหมดแบบไม่มีประโยชน์ไม่มีเหตุผลงั้น คลอดลูกออกมาก็ให้ทำงานหากินเองเลย ไม่ต้องเลี้ยงดูไม่ต้องส่งเรียน... คนจนกับคนรวยก็ช่วยเหลือเท่ากัน ไม่ต้องช่วยเหลือคนจนมากเป็นพิเศษ ให้ทุนการศึกษาคนราวยเท่ากับคนจนไปเลยไหม? โดยส่วนตัวผมเห็นว่า ไม่ใช่นะครับ...ว่ากฎพิเศษหรือความช่วยเหลือพิเศษจะผิดเสมอไป ความยุติธรรม ความเป็นธรรม ไม่ใช่การทำให้ทุกคนเท่าเทียมกันหมด แต่คือ การจัดสรรผลประโยชน์ให้ส่วนรวมทุกคนได้ประโยชน์สูงสุด ผู้ด้อยโอกาส ด้อยความสามารถ หรือผู้รายได้น้อย รัฐหรือผู้บริหาร หรือหัวหน้าองค์กรณ์ควรให้ความช่วยเหลือประคับประคองมากกว่าผู้ที่มีโอกาสสูงกว่า ผู้ที่มีประสิทธิภาพทางร่างกายสูงกว่าหรือผู้ที่สบายอยู่แล้ว... การได้รับความช่วยเหลือถือเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของผู้ด้อยโอกาสและผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยความสามารถ หรือประสิทธิภาพทางร่างกายด้อยกว่า เมื่อความเป็นธรรมเกิดขึ้น ก็จะทำให้เกิดประโยชน์สุขแก่คนในสังคมทั้งหมด สังคมก็จะสงบสุข เจริญรุ่งเรืองขึ้นได้ ไม่ใช่แค่ผม แต่ผมอยากให้คนที่ เหมือนผม ได้รับโอกาสนั้นด้วยหากต่อไปจะมีใครที่เป็นเหมือนผมเข้ามาในคณะนี้ คิดดูนะครับอาจารย์ คนที่เข้าทันตะม.ขอนแก่น และทันตะ ม.นเรศวร คนที่เป็นคล้ายๆผมก็มี แต่เขาสามารถจบได้ แต่คนที่เข้าจุฬาฯอาจารย์กลับพยายามทำไม่ให้จบ กระผมไม่ทราบว่า หมายความว่าอย่างไรครับ?”

0
แตงโม 31 ธ.ค. 58 เวลา 22:59 น. 14-9

อาจารย์พนมพรว่า”ได้ถามรองคณดี เค้าก้อบอกว่าต้องมีการสอบสวนแน่นอน แต่อาทิตย์ที่แล้วคณบดีไม่ว่างเลย เห็นว่าต้องเตือนอีก”
ผมมาคิดดูแล้ว ผมว่าเขาไม่คุยกับผมหรอกครับ เพราะว่าในจดหมายร้องเรียนบอกไว้ชัดเจนว่าขอให้นำผมไปสอบสวนและทดสอบให้เต็มที่ผมพร้อมรับการสอบสวนและทดสอบทุกอย่างอย่างเต็มที่ แต่จนป่านนี้ยังเงียบอยู่เลยครับ ผมว่าเขาใส่เกียร์ว่างแล้วหรือเปล่าครับ? หรือผมอาจจะคิดไปเองผมเห็นว่าควรดูในกล้อวงจรปิดเพิ่มเติมเพื่อจะได้ทราบเวลาที่ผมทำงานวิชา OPER LAB II จริงด้วยครับ
ว่ากันตามจริงแล้ว ผมเห็นว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่ผมเห็นว่าไม่สมควรที่จุฬาฯอันเป็นสถาบันอันทรงเกียรติซึ่งสถาปนาด้วยเงินของพระมหากษัตริย์ และพัฒนาต่อมาด้วยภาษีจากความยากลำบากของประชาชนจะทำกับประชาชนผู้ยากจนอย่างนี้ ตัวอย่างเช่น อ.เกศกาญจน์ เคยเล่าให้ฟังว่ามีผู้ป่วยท่านหนึ่งไปหาหมอฟันมา 2-3 คนแล้ว หมอบอกว่าทำไม่ได้หรอกมันยาก ต้องส่งต่อ ประมาณนี้ จนมาเจอกับอ.เกศกาญจน์ อาจารย์ก็ทำให้ อาจารย์ก็เอามาสอนนิสิตว่า ที่จริงไม่ใช่ว่าทำไม่ได้นะนั่นน่ะ เพียงแต่ต้องใช้เวลามากและได้เงินน้อยแค่นั้นเองแล้วไปโกหกว่า ทำไม่ได้ต้องส่งต่อ พูดอะไรคนไข้ก็เชื่อนะจ๊ะเพราะคนไข้เห็นว่าเราเป็นหมอ อาจารย์ก็สอนคุณธรรมให้ลูกศิษย์แล้วก็มีอาจารย์ภาคจัดฟัน(อักษรชื่อย่อ ศ.)บางคนบอกว่า
บางคนพอสอนเรื่องการเจริญเติบโตของกระดูกขากรรไกรแล้วก็ไม่ตั้งใจเรียน พอจบไปเรียนคอร์สสั้นๆแล้วก็มาจัดฟันเลย แล้วไปจัดฟันเลย ซึ่งคนไข้เป็นเด็กวัยรุ่นซึ่งกระดูกกำลังโตเร็วมาก แล้วก็ไม่ดู Growth(การเจริญเติบโต)ของกระดูกให้ดี พอจัดไปจากเดิมฟันสบอยู่ดีดี ฟันก็ไม่สบกันเหมือนเดิม คนไข้ก็จะฟ้องหมอ แล้วก็มาแก้กับอาจารย์ภาคทันตกรรมจัดฟันคนนั้น อาจารย์บอกว่าถ้าจะฟ้องหมอคนนั้นอาจารย์จะไม่แก้ให้นะ ถ้าจะให้อาจารย์แก้ให้ก็ต้องไม่ฟ้องหมอคนนั้น อันนี้ผมรู้สึกขัดกับมโนธรรมลึกๆของผม แต่ก็พยายามเข้าใจว่า เออ ไม่ฟ้องก็ดี จะได้ไม่ต้องจองเวรกัน แต่มาคราวหลังอาจารย์บอกว่า เคยส่งคนไข้จัดฟันไปถอนฟัน แล้วก็ถอนผิดซี่ แต่เราก็ไม่บอกคนไข้ (ก็คงช่วยกันปกปิดสินะครับ) และอาจจะมีเรื่องอื่นๆอีกที่ผมจำไม่ได้แล้ว หรือลืมไปแล้ว แต่ผมมาคิดดูก็รู้สึกหดหู่ว่า นี่หรือ? นิสิตจุฬาฯ นี่หรือบัณฑิตจุฬาฯที่ประชาชนพากันยกย่องในพระปรมาภิไธยของรัชกาลที่ 5 และพากันให้เกียรติจุฬาฯว่าผลิตคนดีคนเก่งให้กับสังคมและประเทศชาติ? มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้ตกต่ำถึงเพียงนี้ แม้แต่ความซื่อสัตย์ของประชาชนยังไม่มีเลย แล้วต่อไปจุฬาฯจะเป็นอย่างไร?
***หมายเหตุเพิ่มเติม***
1.เมื่อประมาณปลายภาคเรียน ของปีการศึกษา 2556 มีคนมาบอกว่า พี่พี่มี่คนเดินตามรอยพี่แล้วล่ะ... แล้วเขาก็ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ได้เกิดเหตุการณ์หนึ่งเกี่ยวกับน้องเอมี่ ทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ รุ่น 74 รหัส 55 เข้าเรียนจุฬาฯ ปี 2555 คือ น้องเอมี่เห็นเพื่อนในรุ่นกำลังทำตามประเพณีที่สืบทอดกันมา ตั้งแต่รุ่นไหนไม่ทราบได้ คือจะมีการสอบแล็บกริ๊งที่จะมีการนำฟันจำลองวางไว้บนโต๊ะ หลายๆจุด จุดละข้อ แล้วถามว่าฟันซี่นี้คือซี่ไหน? ฟันอะไร ขึ้นประมาณอายุเท่าไร?เป็นต้น แล้วในกระดาษจะมีจำนวนข้อเท่ากันทุกคน แต่ละคนจะเริ่มที่ข้อไม่เหมือนกัน แต่เมื่อวนครบแล้วจะตอบได้ครบทุกข้อเหมือนกัน ซึ่งในตอนนั้นจะใช้ข้อสอบแบบตัวเลือก เขาจึงนัดแนะกันในห้องว่าใครเก่งสัก 1-2 คนจะให้เป็นคนใบ้คำตอบให้ โดยการหมุนฟัน โดยถ้ามี 4 ตัวเลือก แต่ละทิศที่วางฟันจะเป็นตัวแทนของคำตอบที่ถูกต้องที่บอกเพื่อน เช่น ก. วางฟันตรงๆ ข.วางฟันหันไปทางขวา เป็นต้น หลังจากกริ่งดังก็จะมีการเปลี่ยนตำแหน่ง คนหลังที่เดินตามมาที่ข้อนั้นจะรู้ว่าตอบอะไร แล้วจะต้องวางไว้ให้อยู่แหน่งเดิมเพื่อให้คนต่อไปที่วนมาคนต่อไปอีกตอบข้อนั้นตอบได้ แล้วเวลาเสียงกริ่งดัง ก็เปลี่ยนข้อ ไปเรื่อยๆ พอน้องเอมี่ไปบอกอาจารย์ภาคทันตกรรมบดเคี้ยว(ที่สอนและสอบวิชานี้)บางคน อาจารย์เปลี่ยนข้อสอบเป็นข้อเขียน ทำให้น้องเอมี่ถูกคนในรุ่นนั้นหลายคนเกลียด ทั้งๆที่น้องเอมี่พยายามอธิบายว่าเราต้องทำเองเพื่อให้เรามีความรู้ แต่ก็ยังถูกเพื่อนเกลียด จนน้องเอมี่แอบไปนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว พอน้องคนนึงมาบอกผม ผมก็รีบไปบอกอาจารย์พนมพร อาจารย์ธนภูมิ อาจารย์เกศกาญจน์ อาจารย์ในภาคทันตกรรมบดเคี้ยวบางคนจึงพยายามอธิบาย สอนเรื่องคุณธรรมจริยธรรม หลังจากนั้น คนในรุ่นก็เข้าใจกันมากขึ้น ผมก็ถามน้องคนที่มาบอกผม ว่ารู้ได้ไง เขาบอกว่าเพื่อนผมมาเล่าเรื่องน้องเอมี่ให้ผมฟัง เขาบอกว่ายังมีอะไรในคณะอีกเยอะที่อาจารย์ไม่รู้ เขาก็บอกเดี๋ยวพี่แตงโม(นายมนวีร์)รู้ก็เอาไปบอกอาจารย์หรอก คนทันตะรุ่น 72 รหัส 53 บางคนก็บอกว่า ก็อย่าไปให้มันรู้สิ ซึ่งผมก็ไม่รู้จริงๆเพราะผมก็ไม่เคยรับรู้มาก่อนว่ามีเรื่องแบบนี้ในคณะ ปัจจุบันน้องที่มาบอกผม คนนี้ได้ออกจากคณะนี้ไปแล้ว ซึ่งในคณะเคยมีกรณีถอนฟันเด็กผิดซี่ไปถอนฟันแท้ แทนที่จะเป็นฟันน้ำนมจนมีเรื่องฟ้องร้องคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ อาจเกิดจากการขาดความรู้ในเรื่องอายุการขึ้นของฟันจากการโกงข้อสอบช่วยเหลือกันแบบผิดๆแบบนี้หรือไม่ ข้าพเจ้าไม่แน่ใจ แต่จบโดยที่คณะยอมให้ปักรากเทียมฟรี
2.ล่าสุดวันนี้ 25 พ.ค.58ผมได้ถามพี่หน่อง สุริยะ แล้วว่า Dentoform ของผมที่ทำงานแล็บ ภาคโอเปอร์(ทันตกรรมหัตถการ Operative Dentistry)ยังอยู่ไหมครับ? พี่หน่องบอกว่า อาจารย์ชัยวัฒน์ เอาไปแล้ว ผมถามว่า เอาไปไหนครับ? เอาไปตั้งแต่เมื่อไรครับ? พี่หน่องตอบ อาจารย์ชัยวัฒน์เอาไปตรวจที่บ้าน เอาไปตั้งแต่ 2 อาทิตย์ที่แล้ว(คงเป็นช่วงสอบปลายภาค) ผมถามว่าเอาไปหมดเลยหรอครับ? เอาของใครไปบ้าง? เอาของไปคนเดียวใช่ไหมครับ? พี่หน่องตอบว่าใช่ ผมบอกว่า หา? เอาของผมไปตรวจที่บ้านคนเดียวหรอ พี่หน่องตอบว่า ใช่ ผมก็เลยไม่เหลือหลักฐานเอามายืนยันแล้ว เพราะเมื่อก่อนผมไม่เคยคิดว่าอาจารย์จะทำอย่างนี้กับผม ผมเชื่ออาจารย์เกศกาญจน์มาตลอด ที่อาจารย์บอกว่า อาจารย์ทุกคนรักและหวังดีต่อลูกศิษย์ อยากให้ลูกศิษย์ได้ดี ผมไม่เคยเอะใจเรื่องนี้มาก่อนเลยว่า มีอาจารย์บางคนต้องการกำจัดผมออกไปจากคณะ ไม่เคยเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมกับเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย ผมมันซื่อเกินไป ซื่อจนบื้อไปเลย โง่ที่เชื่อคนง่าย เลยโดนเขาหลอก แล้วพอมีเหตุการณ์แบบนี้อาจารย์เกศกาญจน์กลับเอาตัวรอดบอกว่าจำอะไรไม่ได้ ทั้งๆที่อาจารย์บอกมาตลอดว่าให้มีความซื่อสัตย์ มีคุณธรรม และรับรองว่าอาจารย์ทุกคนเมตตากรุณา รักและหวังดีต่อลูกศิษย์ แต่ตอนนี้ผมกลับถูกลอยแพให้อยู่คนเดียว ช่วยผมด้วยครับ ผมไม่รู้จะพึ่งใครให้ช่วยเหลือแล้ว พยายามทุกวิถีทางที่ทำได้
ด้วยความเคารพนับถืออย่างสูง


0
CTCU 1 ม.ค. 59 เวลา 03:30 น. 14-10

http://www.t-pageant.com/2011/index.php?/topic/136324-นิสิตทันตะจุฬาฯ-จะโดนรีไทร์-โ/

นี้ไง

0
นางสาวโหด กระโดดเชือดคอ 31 ธ.ค. 58 เวลา 17:15 น. 15

มันเป็นเรื่องเกียรติ์ยศ ชื่อเสียง คำสรรเสริญเยินยอ ของเหล่าผู้ใหญ่

พวกเขาไม่สนหรอกว่า เรียนลำบาก กี่ปีจบ จบมาทำงานลำบาก ดราม่าหมอมากขึ้นทุกวัน

0
Sandysussi 31 ธ.ค. 58 เวลา 19:43 น. 16

เป็นแม่คนหนึ่งที่ไม่ได้อยากให้ลูกเป็นหมอเพราะรู้้ว่าหนักมากสอบคือการเริ่มต้น แต่ลูกมาขอเรียนหมอตอนม1.และไม่เคยเปลี่ยนใจจนถึงบัดนี้. ตอนนี้พึ่งสอบวิชาสามัญเสร็จรอลุ้นอย่างเดียว ที่อยากให้ได้คือสงสารลูกอ่านหนังสือหนีกมากตีสามตีสี่ทุกวันกลัวลูกผิดหวัง แต่ถ้าไม่ได้ก็โล่งอกรู้ว่าลูกไม่ต้องเหนื่อยแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอะไรที่ลูกทำแล้วมีความสุขคนเป็นแม่พร่อมที่จะสนับสนุค่ะ. คุยกันสำคัญที่สุดมีอะไรขอให้คุยกันนะคะะคะ

0
แตงโม 31 ธ.ค. 58 เวลา 23:03 น. 18

เข้าใจผิดแล้วครับ ไม่ใช่แล้วครับ..อันนั้นใครก็ไม่รู้..ของผมต้องกระทู้นี้ครับ...
คำถามที่ต้องการคำตอบ
ได้ยินมาว่างบประมาณที่ใช้ในการจัดงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ได้ใช้งบกว่าปีละ 100,000,000 บาท หรือ 100 กว่าล้านบาท จริงหรือ? หากจริงแล้วเงินไปไหนหมด ได้ยินจากอาจารย์คณะเภสัชศาสตร์มาว่างบประมาณที่นำมาทำสนามหญ้าที่ Park@Siam ลงมากว่า 100 ล้านบาทเช่นกันจริงหรือ? หากว่าจริงแล้วเงินที่ลงไปจริงเท่าไร?กันแน่ เงินส่วนต่างหายไปไหนหมด ได้ยินจากอาจารย์อาวุโสที่เคยทำงานให้แก่สมาคมนิสิตเก่าบอกว่าเคยมีการจัดโครงการหล่อพระ ของสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯแล้วเรี่ยไรเงินเสร็จแล้วก็ไม่ได้ทำ กลายเป็นคดีความทุกวันนี้ยังไม่จบ จริงๆหรือ? แล้วจริงหรือที่อาจารย์บอกว่าสำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแทนที่จะขายหนังสือคุณภาพดีราคาถูก แต่กลับขายหนังสือแพงแล้วแทนที่กำไรจะเอาไปบำรุงจุฬาฯหรือเข้าสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯแต่ผู้บริหารกลับนำกำไรส่วนต่างนั้นเข้ากระเป๋าตัวเอง แล้วจริงหรือไม่ที่เสื้องานบอลประเพณีที่ขายแต่ละปีแล้วได้กำไร ถูกคนบางคนหรือบางกลุ่มนำผลกำไรจากการขายไปเข้ากระเป๋าตัวเอง แทนที่จะนำไปบำรุงหรือพัฒนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหรือเอาเข้าสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ จริงหรือไม่ที่มีคนบางคนจบวิศวะ จุฬาฯมา แล้วมาบริหารสมาคมนิสิตเก่า แทนที่จะใช้ปริญญาทำงานหาเงิน แต่กลับเข้ามาบริหารในสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อเอาเงินจากสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ
ทำไมหลังจากที่ผมวิจารย์เรื่องงบประมาณที่มาใช้บำรุงห้องสมุด เอาเฉพาะแค่ค่าซื้อลิขสิทธิ์ในการเข้าไปฐานข้อมูลการวิจัยของต่างประเทศเฉพาะคณะผมเป็นเงินกว่า 3 ล้านบาทต่อปี ไม่รวมค่าซื้อหนังสือตำราต่างๆ แล้ววันต่อมามีหน่วยงานข้างนอกมาตรวจสอบห้องสมุด พร้อมกับอาจารย์ พรชัย เข้ามาหาผมแล้วมาบอกให้ผมเอา ปริญญาแค่ วิทยาศาสตร์บัณฑิต แล้วให้ออกไปจากคณะซะทั้งๆที่ผมยืนยันว่าผมทำได้และผมขอแค่โอกาสพิสูจน์ตัวเอง แต่อาจารย์กลับบอกว่าหากผมเรียนต่อไป ผมสอบใบประกอบวิชาชีพไม่ผ่านหรอก ผมก็เลยบอกว่างั้นขอดูผลการเรียนปฏิบัติการก่อน แต่หลังจากนั้นพบว่าอาจารย์ไม่ตรวจงานให้และกำหนดกฎเกณฑ์ใหม่ว่าหากลายเซ็นขาดไปแม้แต่ลายเซ็นเดียวจะพิจารณาให้ F แล้วผมก็ได้ F จริงๆ ถ้าไม่มีอะไรทำไม?ต้องร้อนตัวขนาดนั้น ทำไมอาจารย์บางคนที่เห็นเขาโกงกันในคณะแล้วไปขวางเขาหมดถึงถูกอาจารย์ที่พยายามจะเอาเงินคณะเหล่านั้นเกลียด ทำไมอาจารย์บางคนถึงร่วมมือกับอาจารย์อีกบางคนตั้งหลักสูตรขึ้นมาแล้วเรียกเงินจากคณะไปตั้งมากมายเกินความสมเหตุสมผล ทำไมอาจารย์คนเดิมนั้นอีกแหละเรียกค่าสอนชั่วโมงเล็คเชอร์ชั่วโมงละ 5,000-6,000 บาท แล้วคณบดีกลับไฟเขียวอนุมัติ ทั้งๆที่มีอาจารย์ที่ใจซื่อมือสะอาดพยายามคัดค้านแล้ว แล้วทำไมต้องพากันไปเขม่นอาจารย์คนนั้นอีก ซึ่งแน่นอนแหล่งข้อมูลที่ผมได้ยินมามีความน่าเชื่อถือค่อนข้างมาก คนเราทำอะไรไปแล้วน่าจะรู้อยู่แก่ใจตนเอง จริงไหมครับ? แล้วทำไม? ท่านอธิการบดีถึงได้เงียบไปเป็นเดือนหลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนไปแล้วครับ

ขอความเมตตาจากชาวจุฬาฯได้โปรดให้ความเป็นธรรมแก่ผมด้วย
เรื่อง ขอความเป็นธรรมในการตัดเกรดวิชา 3208304 OPER LAB II (ปฏิบัติการทันตกรรมหัตถการ ของภาควิชาทันตกรรมหัตถการ) และการพิจารณาให้ขึ้นคลินิก
(ผมยอมเสียเวลามา 3 ปีแล้วครับ ช่วยผมด้วยครับก่อนผมจะถูกไล่ออก หมอคนหนึ่งก็รักษาคนไข้ได้มากมายในปีเดียวนะครับท่าน)
หมายเหตุ วิชา 3208302 OPER LAB I (Operative Dentistry Laboratory 1) เรียนในเทอม 1
เป็นการหัดกรออุดอะมัลกัม จะใช้แบบจำลองฟันหรือ Dentoform ซึ่งมีฟันพลาสติกที่มีน๊อตยึดอยู่ แล้วเอาแบบจำลองฟัน(Dentoform) ไปประกอบกับเสาและโครงสร้างที่ทำให้เกิดลักษณะคล้ายศีรษะคนได้ แต่Dentoform สามารถถูกถอดออกมาทำข้างนอกได้
ส่วนวิชา 3208304 OPER LAB II (Operative Dentistry Laboratory 2)เรียนในเทอม 2 เกี่ยวกับการอุดคอมโพสิต วัสดุสีเหมือนฟัน ซึ่งจะใช้ฟันจริงๆที่ถูกถอนแล้ว โดยนิสิตจะต้องหาขวดโหลใส่ฟอร์มาลินไปขอตามโรงพยาบาลและคลินิก มาใส่ใน Dentoform แทนฟันพลาสติก
เนื่องจากข้าพเจ้าได้เกรด F ในรายวิชา 3208304 OPER LAB II เป็นครั้งที่ 3 แล้วซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่ามีความไม่ชอบมาพากลหลายเรื่อง แต่ข้าพเจ้าขอเล่าเรื่องอื่นๆก่อนว่า ก่อนหน้านั้นเคยมีเรื่องกันในคณะ โดยที่ข้าพเจ้าบอกให้อาจารย์เปลี่ยนข้อสอบ ทำให้ข้อสอบไม่ตรงกับโพยข้อสอบเก่า ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าการเปลี่ยนข้อสอบจะทำให้ได้ความรู้มากขึ้น อาจเป็นความรู้ที่อยู่ในเอกสารประกอบการสอน หรือในการสอนบรรยายในห้อง ซึ่งนิสิตบางคนอาจจะไม่ได้เข้าเรียนเพราะเห็นว่าแค่อ่านโพยก็ทำข้อสอบได้ และได้ A กับ B+ ด้วย ต่างจากคนที่ไม่มีโพย แต่เข้าห้องเรียนฟังเลคเชอร์และอ่านหนังสือไปก็อาจจะได้น้อยกว่านั้น แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับที่ข้าพเจ้าเห็นว่า ความรู้ในโพยมันไม่มากพอที่จะดูแลคนไข้หรือรักษาคนไข้ได้ เท่ากับการได้อ่านหนังสือและเข้าฟังบรรยายด้วย ซึ่งความคิดข้าพเจ้าอาจจะผิดหรือถูกก็ได้ แต่เมื่ออาจารย์เปลี่ยนข้อสอบแล้วมีเพื่อนมาถาม และข้าพเจ้าไม่ชอบการโกหก ข้าพเจ้าก็บอกไปตามตรงว่าข้าพเจ้าเป็นคนไปบอกอาจารย์เอง ทำให้เพื่อนในรุ่นปีการศึกษา 53 ของจุฬาฯ หรือ 72 ของคณะประมาณครึ่งหนึ่งไม่พอใจและเกลียดข้าพเจ้า และต่อมาข้าพเจ้าก็โดนหาเรื่องชกต่อยอยู่หลายครั้งหลังจากนั้น แต่ข้าพเจ้าก็อดทน ไม่ยอมมีเรื่อง และโดนขู่ทำร้ายนอกคณะด้วยว่ากลับหอน่ะระวังตัวด้วยนะ เขาเป็นลูกคนรวย ได้เงินใช้สัปดาห์ละ 5 หมื่น และชอบพาเพื่อนในกลุ่มไปเที่ยวกลางคืน แต่ข้าพเจ้าก็พยายามอดทน เรื่องอาจารย์เปลี่ยนข้อสอบเกิดขึ้นเมื่อปี 2554 แต่ก็ส่งผลระยะยาวมาตลอด และอาจารย์บางคนก็ไม่พอใจข้าพเจ้าด้วย ต่อมาเมื่อข้าพเจ้าขึ้นปี 3 ในปี 2555 ช่วงนั้นข้าพเจ้ากำลังมีปัญหาชีวิตหลายเรื่อง สภาพจิตใจย่ำแย่มาก ทำให้ข้าพเจ้าสอบตกหลายวิชา และข้าพเจ้าก็สอบตกวิชา และมีวิชา 3208302 OPER LAB I ซึ่งเป็นวิชาหัดกรอฟันอุดฟันในหุ่น ซึ่งข้าพเจ้าก็ได้เห็นหลายๆคน กรอฟันพลาสติกนอกปากหุ่นนอกเวลาวิชาเรียน ตอนที่อาจารย์ไม่อยู่ เมื่อมาถึงช่วงที่อุดอะมัลกัม หรือขัดอะมัลกัม ก็ยังมีคนที่ทำนอกปากหุ่นหรือจ้างคลินิกข้างนอกทำให้ ซึ่งข้าพเจ้าก็รับรู้มาอย่างนั้น จึงโพสต์ในเฟซบุ๊คว่า ทำกันอย่างนี้ ผ่านไปได้ขึ้นคลินิกไปก็ไปหัดทดลองฝีมือในคนไข้หรือ? เห็นคนไข้เป็นหนูลองยาหรืออย่างไร? กลายเป็นว่าความหวังดีของผมเป็นการวิจารณ์ภาควิชานี้ไปในทางเสียหายโดยที่เจตนาข้าพเจ้าไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น แต่ข้าพเจ้าเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนส่วนรวมและวิชาชีพเท่านั้น แต่ข้าพเจ้าก็ยอมตกวิชานี้ เมื่อเห็นว่าทำตามที่อาจารย์สอนแล้วทำงานไม่ทันไม่ได้ใช้วิธีเหล่านั้น ซึ่งเป็นผลให้ใน 2 ปีหลังจากนั้นมีการเปลี่ยนกฎเกณฑ์ใหม่ว่าห้ามนิสิตกรอฟัน อุดฟันนอกเวลาเรียนปฏิบัติการในปีที่แล้วหรือ 2557 นี้เอง แต่ในปี 2556 ข้าพเจ้าก็สอบตกวิชานี้อีกเนื่องจากทำงานไม่ทันบ้าง อาจารย์ไม่มาบ้าง และในปี 2557 รองคณบดีฝ่ายวิชาการ อ.รศ.ทพ.พรชัย จันศิษย์ยานนทฺ์ มาบอกข้าพเจ้าว่าอย่าเรียนเลย ไปเรียนอย่างอื่นเถอะ พอมาเทอม 2 อาจารย์บอกว่าตกวิชาปฏิบัติการวิชาเดียว จะไม่ขึ้นคลินิกทุกวิชาเลย แล้วเมื่อปลายเทอมอาจารย์เรียกมาคุยอีกว่า ถ้าไม่ผ่านวิชาปฏิบัติการจะไม่ให้ขึ้นคลินิกเลยนะ ผมบอกว่าตกลง อาจารย์บอกว่าผมไม่ได้มาตกลงกับคุณ แต่ผมมาบอกคุณให้รู้ไว้เฉยๆ หลังจากนั้นมีอาจารย์ผศ.ทญ.พนมพร วานิชชานนท์ หัวหน้าภาควิชาทันตกรรมบดเคี้ยว ที่บอกว่าผมผ่านวิชาทันตกรรมบดเคี้ยวแล้วนะ จะให้ขึ้นคลินิก แต่อาจารย์พรชัย กลับบอกว่าตกลงกับผมแล้วว่า ถ้าไม่ผ่านแล็บแม้แต่วิชาเดียว จะไม่ให้ขึ้นคลินิกนะ
สิ่งที่ผมสงสัยหลายเรื่องได้แก่
1.ในภาคเรียนแรกปีการศึกษา 2557 อาจารย์ รศ.ทพ.ดร.ชัยวัฒน์ มณีนุษย์ บอกว่าให้มาตรวจกับผมคนเดียวนะ ผมจะดูแลคุณให้เอง แต่อาจารย์ก็ไม่มาถึงสองสามครั้งครั้งละ 3 ชั่วโมงเท่ากับเวลาผมหายไป 6-9 ชั่วโมง พอให้อท่านอื่น ตรวจอาจารย์ก็บอกว่าไม่ได้หรอก อาจารย์ชัยวัฒน์บอกว่าจะดูเธอคนเดียว ผมก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะพอผมถามว่า ทำซี่อื่นไปก่อนได้ไหม?(ผมมั่นใจว่าทำได้) อาจารย์ก็บอกว่าไม่ได้ ห้ามข้ามขั้นตอน หลังจากนั้นผมก็บอกอาจารย์ชัยวัฒน์ว่าอาจารย์ไม่มา ผมให้ใครตรวจไม่ได้เลย อาจารย์ชัยวัฒน์ถามว่าแล้วทำไมไม่ให้คนอื่นตรวจ ผมตอบว่า ก็อาจารย์บอกว่าให้ตรวจกับอาจารย์คนเดียวห้ามตรวจกับคนอื่น ในขณะที่คนอื่นๆในรุ่นหากมีอาจารย์ไม่มา ก็จะให้คนอื่นตรวจแทน และก็ไม่มีการติดต่อทาง Line ถามกันทั้งๆที่อาจารย์ในภาคก็มี Line ของกันและกันติดต่อกันได้หมด แต่ในขณะที่เทอม 2 ผมทำข้ามขั้นตอน(เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังภายหลัง) แต่กลับต้องรื้อทำใหม่ โดยที่อ.จารุพรรณ ไลน์ไปถามอาจารย์รังสิมา แล้วได้รับคำตอบให้รื้อแล้วทำใหม่ในเทอม 2 และในบางสัปดาห์มีการบอกด้วยซ้ำว่าอาจารย์ชัยวัฒน์เดี๋ยวก็มา ซึ่งผมก็คอยถามหลายครั้งว่าอาจารย์จะมาไหมครับ? แต่ได้รับตอบว่า เดี๋ยวก็มาหลายครั้งตั้งแต่ 9 เช้าไปจนถึง 12 หมดเวลาทำวิชานี้ ซึ่งหลังจากข้าพเจ้าออกมาบริเวณคณะเวลาพักกลางวัน ยังพบท่านอาจารย์ชัยวัฒน์เดินอยู่ในคณะอยู่เลย ข้าพเจ้าจึงยิ่งไม่เข้าใจว่า ทำไม???ท่านอาจารย์ถึงไม่เข้ามาสอนหรือมอบหมายใครไว้เพราะอาจารย์ก็คงอยู่ในคณะตลอด
2.หลังจากนั้น ทำไมหลังจากอาจารย์ชัยวัฒน์กลับมา หลังจากช่วงที่อาจารย์ไม่มาคุม เวลาลงลายมือชื่อหรือเซ็นต์ให้ผ่านตอนท้ายๆเทอมจึงลงวันที่ตลอด ทั้งๆที่ หลายๆครั้งก่อนหน้านี้ อาจารย์ไม่เคยลงวันที่?(แค่สงสัย)
3.เมื่อผมเริ่มทำได้ อาจารย์ชัยวัฒน์ก็พูดขึ้นมาว่าที่ผมมาคุมคุณคนเดียวเนี่ย ผมไม่ได้จะมาขวางคุณหรือบล็อกคุณไม่ให้คุณจบนะ แต่อาจารย์หมอณัทธร พิทยรัตน์เสถียร คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ บอกว่าคุณต้องทำมากกว่าคนอื่นถึงจะได้ เพราะการควบคุมการเคลื่อนไหวแบบละเอียด(Fine Motor)คุณไม่ดีเท่าคนอื่น คุณต้องฝึกมากกว่าคนอื่น แต่ผมก็บอกว่าถึงจะต้องฝึกมากกว่าคนอื่น ผมก็จะทำให้ได้ครับ ผมจะพิสูจน์ให้เห็นว่าผมทำได้ ถึงจะต้องใช้ความพยายามมากก็ตาม และอาจารย์ก็บอกว่าขนาดคนที่ได้ A วิชานี้พอขึ้นคลินิกไป ไปเจอน้ำลายเจออะไรน่าขยะแขยง สกปรกยังยอมไม่จบทันตแพทย์ ไปเอาแค่วิทยาศาสตร์บัณฑิต(วท.บ.)เลย คุณขึ้นไปคุณก็จะทำไม่ได้ แต่ผมก็สงสัยว่าทำไมเวลาที่ผมเริ่มทำได้อยู่ๆอาจารย์ถึงต้องพูดว่า ผมไม่ได้จะมาขวางคุณหรือบล็อกคุณไม่ให้คุณจบนะ
4.เพื่อนในรุ่น 73 ทันตะ หรือนิสิตรหัส 54 (หมายถึงเข้าปี 54) บางคนที่ไม่ชอบหน้าผมเรื่องที่ให้อาจารย์เปลี่ยนข้อสอบมาบอกผมว่า ได้ข่าวมาจากอาจารย์ฝ่ายปกครองนะว่ายังไงยังไง ก็จะไม่ให้ขึ้นคลินิกหรอก ผมก็บอกไปว่าผมจะพิสูจน์ว่าผมทำได้ แต่เขาก็บอกว่าพี่จะรู้สึกยังไงถ้าพี่ทำทุกอย่างผ่านแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขึ้นคลินิกไม่ได้เป็นหมออย่างที่พี่หวังไว้ ผมก็ยังยืนยันว่าจะพยายามพิสูจน์ให้ได้ว่าผมทำได้
5.พอเริ่มภาคเรียนที่ 2 หรือเทอม 2 ก่อนเปิดเทอมผมก็บอกอาจารย์พนมพรว่า อยากให้อาจารย์เปลี่ยนข้อสอบจะได้ไม่ตรงโพย วิชาที่ตรงโพยถึงผมเข้าเรียนและอ่านหนังสือไปก็ได้ C หรือ C+ แต่วิชาที่ไม่ตรงโพยบางวิชาได้ C แต่ก็มี B กับ B+ คนที่ไม่เข้าเรียนแต่อ่านแค่โพยก็ได้ A หรือ B+ มาตั้งแต่ปี 3 รุ่นที่แล้วแล้ว บางทีมันก็รู้สึกท้อ ว่าเราตั้งใจเรียนแต่ทำไมได้แค่นี้ แต่ก็ดีใจ ภูมิใจที่เรามีความรู้ที่ไม่อยู่ในโพยด้วย หลังจากนั้น เมื่อเปิดเทอมเป็นวันพฤหัสบดี ก็มีอาจารย์ท่านหนึ่งมาพูดในห้องว่า ได้รับร้องเรียนมานะว่ามีโพยน่ะ ก็อ่านๆไปเหอะ ไม่ต้องรู้เยอะเลย เนื้อหามันเยอะก็รู้แค่ข้อสอบเก่านั่นแหละก็พอ ข้อสอบออกจนไม่รู้จะออกอะไรแล้ว แล้วพอผมไปถามเกี่ยวกับเรื่องที่อาจารย์สอนหน้าห้อง อาจารย์ก็บอกผมว่า ไปอ่านด้วยนะโพยน่ะ เมื่อก่อนอาจารย์ตั้งใจเรียนแล้วไม่อ่านโพย ได้คะแนนน้อยก็ท้อเหมือนกัน แล้วหลังจากนั้นวันต่อมานิสิตปี 5 รหัส 53 หรือทันตะรุ่น 72 หลายๆคน ไม่ยอมเข้าเรียน และนั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆผมในตอนเช้าพูดกันขึ้นมาว่า ไม่ต้องขึ้นเรียนหรอกขี้เกียจเรียน นั่งตรงนี้แหละดีแล้ว ผมเข้าใจว่าเขาประท้วงเพราะเรื่องที่ผมไปบอกอาจารย์เรื่องโพยเป็นรอบที่สองหลังจากปี 2554 มาประมาณ 3 ปี แต่ผมก็พยายามอธิบายแนวคิดของผมในไลน์(LINE) ว่าทำไมถึงอยากให้อาจารย์เปลี่ยนข้อสอบ ถึงตอนนี้ผมกับอาจารย์ที่พูดท่านนั้นเข้าใจกันแล้วและอาจารย์ก็บอกว่ายินดีให้ผมขึ้นคลินิกภาคทันตกรรมบดเคี้ยว แต่เรื่องไม่ได้จบแค่นั้น เพราะวันจันทร์ต่อมา พอผมขึ้นเรียนตอนบ่ายวิชา 3208304 OPER LAB II อ.ทญ.จารุพรรณ อุ่นสมบัติ บอกว่า “ให้กลับไปคิดช่วงปิดเทอมสองสามเดือนนะว่า พูดไม่รู้เรื่องอย่างเนี้ย จะขึ้นคลินิกได้ไหม?” ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้พูดอะไรกับอาจารย์เลยแล้วก่อนหน้านั้นผมก็แทบจะไม่ได้พูดกับอาจารย์ แต่เข้าใจว่าเรื่องโพยรอบสอบนั้นแพร่ไปทั้งคณะทั้งในหมู่นิสิต และในคณาจารย์ ผ่านนิสิตที่เกลียดผมบางคนและการพูดปากต่อปาก และผ่านสื่อสังคมโซเชียลมีเดียทั้ง LINE,Facebook และอื่นๆ ในสัปดาห์แรก
6.ในปีการศึกษา 2557 ที่ผ่านมานี้ ผมเคยร้องเรียนเรื่อง OPER LAB เกี่ยวกับความซื่อสัตย์ไปว่าทำไมคนที่โกงเอาแบบจำลองฟัน(Dentoform)ออกมาทำนอกปากหุ่นผ่านไปขึ้นคลินิกได้มากมาย บางคนตั้งแต่กรอนอกปาก อุดนอดปาก ขัดนอกปากหุ่น บางคนแค่อุดนอกปากกับขัดนอกปาก คนที่พยายามซื่อสัตย์หน่อยก็ขัดไม่ทัน ต้องมาขัดนอกปากหุ่นอย่างเดียว แต่เขาก็ซื่อสัตย์พอที่จะกล้าบอกผมตรงๆว่าเขาก็ขัดนอกปากนะ เท่าที่ผมเห็นเกือบทุกคนทั้งหมดก็ผ่านมาได้ด้วยวิธีนี้ทั้งนั้นไม่มากก็น้อย แล้วทำไมคนที่พยายามทำอย่างตรงไปตรงมาอย่างผมถึงไม่ไปไหนสักที นี่ก็ปีที่ 3 แล้ว(บางคนอาจมองว่าคนซื่อสัตย์คือคนโง่ที่เอาตัวรอดไม่เป็น ใครก็ตามที่ซื่อสัตย์จะต้องเอาตัวไม่รอด และอาจจะถูกหัวเราะเยาะภายหลังประมาณว่า บอกแล้วไงไม่เชื่อหรอ? เพราะคนซื่อสัตย์ถูกลอยแพแล้ว ใครก็ตามที่เอาตามความถูกต้องเมื่อเอาตัวไม่รอด ก็ไม่มีใครช่วยเหลืออยู่ดี ต้องอยู่โดดเดี่ยว ต่อสู้เอตัวรอดเอง) หลังจากร้องเรียนไป ก็คงมีการผ่านที่ประชุม ประมาณว่าในเมื่อมีคนยังงานไม่เสร็จหลายคน แทนที่จะให้ F ก็ให้ติด I=Incomplete ไว้ก่อน แล้วเรียกมาแก้งาน แต่เนื่องจากผมงานช้า ติดหลายงาน และเวลาผมหายไปหลายชั่วโมง ที่อ.ชัยวัฒน์ไม่มา จึงทำให้ต้องลากเวลามาถึงในสัปดาห์แรก หลังจากต้องมาแก้ I กับน้องๆในช่วงปิดเทอม พอมาถึงเทอม 2 อาจารย์ชัยวัฒน์ก็แก้กฎเกณฑ์การตัดเกรดใหม่ในประมวลรายวิชา ในวิชา 3208304 OPER LAB II เรียนในเทอม 2 ถ้าหากลายเซ็นอาจารย์ขาดไปช่องเดียวให้พิจารณา F เลย โดยไม่มีการช่วยเหลือหรือให้ติด I เหมือนในเทอมที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นผมก็ยังไม่รู้เรื่องนี้(ในเทอมนี้อาจารย์รังสิมา สกุลณะมรรคา เป็นคนคุมผมส่วนใหญ่ มีบ้างที่อาจารย์จารุพรรณคุม)เกี่ยวกับการอุดคอมโพสิต วัสดุสีเหมือนฟัน ผมต้องทำงานของเทอมแรก คืออุดอะมัลกัมซี่สุดท้ายในคาบแรก ในขณะที่คาบแรกคนอื่นเลือกฟันแท้ไปแทนฟันพลาสติกใน Dentoform ผมยังต้องมาสอบอุดอะมัลกัมต่อ ทำให้เสียเวลาไปคาบหนึ่ง หลังจากนั้นมีอยู่ครั้งหนึ่งผมกรอฟันโดยที่ยังไม่วาดรูปร่างในกระดาษให้อาจารย์ดู อาจารย์บอกว่าให้เปลี่ยนซี่ฟันใหม่ ทำให้ผมต้องเสียเวลาเปลี่ยนซี่ฟันใหม่ วาดรูป และกรอใหม่ และหลังจากนั้น ก็มีคาบที่อาจารย์รังสิมาไม่มา และอาจารย์จารุพรรณ อุ่นสมบัติ มาคุมผมแทน ช่วงนั้นเริ่มอุดกันแล้ว พอผมอุดเสร็จผมก็ขัดไปเลย ซึ่งเทอมนี้ต่างจากเทอมที่แล้วตรงที่อะมัลกัมต้องรอ 24 ชั่วโมงให้แข็งตัวเต็มที่ถึงขัดได้ ดังนั้นจึงต้องอุดเสร็จทุกซี่ก่อนแล้วจึงเริ่มขัดในสัปดาห์หลังจากที่อุดซี่สุดท้ายเสร็จ แต่คอมโพสิตเรซิ่นฉายแสงให้แข็งเสร็จแล้วขัดได้เลย ผมจึงอุดแล้วขัดเลย แต่อาจารย์จารุพรรณบอกว่าให้ตรวจอุดหรือตรวจขัด ผมบอกว่าขัด อาจารย์ก็ตรวจให้แค่ช่องขัด แล้วอ.จารุพรรณ ก็ส่ง Line ไปหาอาจารย์รังสิมา อาจารย์รังสิมาบอกว่าให้ริ้อแล้วอุดใหม่(อย่างที่กล่าวไปในตอนแรก) อันนี้ผมก็ยอมรับว่ามีส่วนผิด แต่อาจารย์ไม่เคยบอกว่าอุดแล้วให้อาจารย์ตรวจก่อนแล้วจึงขัดแล้วให้ตรวจอีกครั้ง ผมไปถามน้องปี 4 เขาก็บอกว่าขึ้นคลินิกไปอุดให้คนไข้ก็ไม่ได้ให้อาจารย์ตรวจก่อนเหมือนกัน แต่ขัดเลย แต่อาจารย์ให้ผ่านไปเพราะถือเป็นครั้งแรก(แต่ไม่ทราบว่าเป็นอาจารย์ท่านไหน) แต่ที่ผมสงสัยที่สุดคือในคาบเรียนสุดท้ายอาจารย์รังสิมา ออกจากห้องเรียนก่อนเวลาจะหมด 15 นาที แล้วบอกผมว่าอุดไปเลย แต่พอผมอุดเสร็จอาจารย์ก็ไม่กลับมา ไปถามอาจารย์ท่านอื่นก็ได้รับคำตอบว่า เดี๋ยวอาจารย์ก็มามั้ง เพราะหลายๆครั้งอาจารย์อาจมีออกไปบ้างแต่ก็กลับเข้ามา แต่อาจารย์ก็ไม่กลับมา จนกระทั่งวันต่อมาเอาใบตรวจงานไปให้อาจารย์รังสิมาเซ็นต์ในช่องที่ขาดไปช่องหนึ่ง อาจารย์บอกว่าเซ็นต์ให้ไม่ได้เพราะไม่เห็นตอนเธอทำงาน(จะเห็นได้ไงครับ?ก็อาจารย์ออกไปก่อนเวลา) แล้วผมก็ถามว่า แล้วผมจะต้องทำไงครับ? จะติด F ไหม? อาจารย์บอกว่ามีประมวลรายวิชาไหม? ผมก็เอามาให้อาจารย์ดู อาจารย์บอกว่าไม่ใช่ฉบับนี้ นี่มันฉบับเก่า มีฉบับใหม่ไหม? แล้วอาจารย์ก็ไปให้เจ้าหน้าที่ธุรการของภาควิชาปริ๊นท์มาให้ แล้วก็ให้อ่านฏำใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในเทอมนี้โดยอาจารย์ชัยวัฒน์ว่า ถ้าหากลายเซ็นต์ของอาจารย์ไม่ครบแม้แต่ช่องเดียวจะพิจารณาให้ F ทันที ซึ่งผมก็บอกว่าผมเพิ่งเห็น เพิ่งรู้ ผมยังไม่ได้ใบนี้ อาจารย์ก็บอกว่าฝากกุมโชคหัวหน้าชั้นปีที่ 3 (ทันตะรุ่น 74 หรือจุฬาฯรหัส 55)ไปตั้งนานแล้ว ผมก็บอกว่าผมไม่รู้ ส่วนใหญ่ตอนนี้ผมอยู่กับปี 4 ผมก็ถามอาจารย์ว่าแล้วผมจะได้ F ไหม? คำตอบคือไม่รู้เดี๋ยวต้องประชุมกันก่อน แต่มาถึงตอนนี้ผมรู้แล้วว่าได้ F จริงๆเป็นรอบที่ 3 ปีที่ 3 ที่ผมต้องทนอยู่ปี 3 โดยที่ผมไม่มีสิทธิ์จะขึ้นคลินิก
7.ผมผ่านวิชาที่ทันตกรรมบดเคี้ยวแล้วทั้งวิชาบรรยาย และวิชาปฏิบัติการ(แล็บ:LAB)อาจารย์พนมพรที่เป็นอาจารย์ที่ซื่อสัตย์และเสียสละอย่างมากเพื่อคนไข้ เพื่อลูกศิษย์ เพื่อผู้ป่วยและคณะ ขยันและอดทนอย่างยากที่จะหาผู้ใดมาเทียบเป็นหนึ่งในอาจารย์ที่ผมรักและเทิดทูนมาก อาจารย์ได้ทุ่มเทเพื่อคณะอย่างหักโหมและเหน็ดเหนื่อยมาก เป็นหัวหน้าภาควิชาบดเคี้ยว อาจารย์บอกว่าให้ผมขึ้นคลินิกของภาคบดเคี้ยวก็ได้ อาจารย์พนมพรและอาจารย์ในภาคพร้อมจะให้ขึ้น และจะยอมดูแลเป็นพิเศษให้ แต่อาจารย์พรชัย จันศิษย์ยานนทฺ์ บอกว่าอาจารย์ตกลงกับผมแล้วว่า ถ้าไม่ผ่านแล็บจะไม่ให้ขึ้นคลินิกเลย แต่อาจารย์คงลืมไปแล้วว่า อาจารย์เป็นคนบอกผมตั้งแต่เทอมแรก และในเทอม 2 อาจารย์เป็นคนเรียกผมมาคุย เรียกมาย้ำว่า ถ้าไม่ผ่านแล็บจะไม่ให้ขึ้นคลินิกเลยนะ ผมบอกตกลงครับเพราะผมมั่นใจว่าผมทำได้แน่(ซึ่งถ้าอาจารย์รังสิมาไม่ออกจากห้องก่อนเวลา ผมก็อาจจะผ่านวิชาแล็บ ปฏิบัติการทันตกรรมหัตถการ 2 และได้ขึ้นคลินิกไปแล้ว) แต่ตอนนี้ปรากฏว่าผมตกหรือ F ในวิชา OPER LAB II อาจารย์พรชัยจึงเอาคำนี้มาอ้าง ถ้าอาจารย์ไม่ต้องการบล็อกหรือขวางผมจริง ทำไมอาจารย์พรชัยทำอย่างนี้ และการเรียกผมมาย้ำเรื่องนี้ในปลายเทอม 2 ที่ผ่านมาเมื่อไม่นานมานี้ เหมือนกับเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง(แต่ข้าพเจ้าอาจจะคิดไปเองก็ได้)
8.คือในคณะแพทยศาสตร์กับ คณะทันตแพทยศาสตร์ มีกฎเกณฑ์อยู่ว่า ถ้าหากใครเรียนไม่ไหวหรือรู้ตัวว่าเรียนแล้วไม่ชอบ หากเรียนได้ครบหน่วยการเรียนที่กำหนดคือปี 4 ในรายวิชาบังคับที่กำหนดผ่านหมด ก็สามารถเอาแค่ปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต หรือ วท.บ. เทียบเท่าจบคณะวิทยาศาสตร์แล้วเอาไปเรียนต่อปริญญาโทได้ หรือทำงานอย่างอื่นได้แต่ก็ยากเพราะไม่ใช่วิทยาศาสตร์เฉพาะทางอะไรเลย อาจารย์ท่านหนึ่งที่เป็นอาจารย์ที่ดูแลฝ่ายทะเบียน(คืออาจารย์ไพบูลย์ เตชะเลิศไพศาล) นานมาแล้ว ผมเคยถามอาจารย์ว่า อาจารย์ครับอาจารย์ไม่เปลี่ยนข้อสอบ(ออกตรงโพย) ทำไมไม่บอกผม? ผมจะได้อ่าน ผมกำลังจะเข้าลิฟท์ อาจารย์บอกว่าจะไปไหน? ผมบอก จะไปส่งอาจารย์ อาจารย์บอกว่า ไม่ต้องเลย ออกไป ออกไป... เมื่อวานนี้วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม 2558 ขณะที่ผมโทรไปถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายทำเบียนเรื่องเกรดว่าผมได้ F หรอครับ? แล้ววิชาปฏิบัติการทันตกรรมหัตถการ 2 เนี่ย มันก็อยู่ในหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิตใช่ไหม? พี่เขาก็ตอบว่าใช่ ถ้าอย่างนั้นผมจะเอาแค่ วท.บ. ยังเอาไม่ได้เลย อาจารย์ไพบูลย์ที่กำลังเซ็นต์ใบเกรดอยู่ ข้างๆก็พูดเสียงเข้ามาในโทรศัพท์ อาจารย์ไพบูลย์ บอกว่า “บอกไปว่าอาจารย์บอกว่าให้ไปลาออกซะ”
9.อาจารย์รศ.ทญ.ดร. สุคนธา เจริญวิทย์ ซึ่งเป็นรองคณบดีฝ่ายกิจการนิสิตในเทอม 2 อาจารย์พยายามจะมาพูดให้ผมเอา วท.บ. ไปหาเรียนต่อโท แต่ผมก็พยายามบอกว่า ผมจะพยายามพิสูจน์ว่าผมทำได้ จะพยายามเป็นหมอที่ดีให้ได้ แต่อาจารย์ก็พยายามพูด หลังจากนั้นมาอีกหลายวันหรือหลายสัปดาห์เมื่อฝีมือการกรอฟันอุดฟันและทำแล็บของผมกำลังไปได้ดีอาจารย์บอกว่า เรื่องฝีมือไม่ห่วงแล้ว ตอนนี้ห่วงเรื่องเดียวเรื่องการตัดสินใจ มีคนบอกว่าผมตัดสินใจไม่ได้ ตัดสินใจไม่เป็น ผมนึกขึ้นได้ ว่าตอนนั้นผมก็แค่ถามอาจารย์จารุพรรณว่า จะให้อุดตรงคอฟันก่อน (Class V) หรือ บนด้านบดเคี้ยว Class II อีกซี่ก่อน อาจารย์บอกว่าแค่นี้ตัดสินใจไม่ได้หรอ? จะขึ้นคลินิกได้ไหม?(แต่คืออาจารย์ครับในหุ่นกับในคนไข้ไม่เหมือนกันนะครับ ในหุ่นคือตามตารางงาน จะอุดซี่ไหนก่อนก็ได้ แต่ในคนไข้ต้องดูตามความร้ายแรกของการผุและความเร่งด่วนในการรักษา) ถ้าผมตัดสินใจได้ทุกอย่างเหมือนอาจารย์ที่มีประสบการณ์ผมคงไม่ต้องมาเรียนเป็นนิสิตผมคงเป็นอาจารย์ไปแล้ว แต่นี่อาจารย์เหมือนกับไม่อยากสอน แต่เหมือนกับบอกว่าทำไม่ได้ก็ออกไปอย่ามาเรียนเลย อาจารย์ที่มีความเมตตากรุณาต่อลูกศิษย์คงไม่ทำอย่างนี้หรอกครับ จริงๆอาจารย์สุคนธา ผมเชื่อว่าเป็นคนดีนะครับ แต่เหมือนกับอาจารย์ฟังจากคนอื่นมาอีกที แล้วก็เชื่อ และตัดสินไปแล้วเพราะยังไงเสียงนิสิตอย่างผมก็เบากว่าอาจารย์มาก หรือไม่อาจารย์สุคนธาก็คงกลัวจะมีปัญหากับคนในคณะหรือกลัวอำนาจของใครบางคนมากกว่า(ก็อาจจะเป็นได้ หรือผมอาจจะคิดไปเอง) อาจารย์ สุคนธา บอกว่า อย่าให้ถึงกับต้องให้เขาออกใบรับรองแพทย์ว่าเธอทำไม่ได้ แล้วจะต้องบังคับให้เธอออกเลย แล้ววันต่อๆมาเจอกันอีกครั้ง อาจารย์ก็บอกว่า ถ้าไม่งั้นก็คงต้องให้เธออยู่ถึง 12 ปีครบกำหนดการเรียนมากที่สุด แล้วก็ให้เธออกไปโดยที่ไม่ได้อะไรเลย หรือ เธอจะเลือกเอาแค่ วิทยาศาสตร์บัณฑิตในตอนนี้ที่ยังมีโอกาสอยู่ แต่ผมก็ยืนยันว่าผมเชื่อว่าผมเป็นหมอที่ดีได้แน่นอน ผมยืนยันไปแบบนั้น และผมบอกว่าผมจะพยายามพิสูจน์ให้อาจารย์ดู จนกระทั่งมาวันนี้ ผมติด F
10.สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมมั่นใจว่าผมจะทำคนไข้ได้ยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ ในวิชา PEDIA DENT LAB จะต้องกรอฟันพลาสติกและอุดฟันใน Dentoform ที่ออกแบบมาเป็นขนาดของปากเด็ก ซึ่งต้องกรอฟันน้ำนมสองซี่ที่มีด้านติดกันโพรงละซี่โดยโพรงฟันที่กรอทั้งสองอยู่ติดกัน เรียกว่า การอุดอะมัลกัม Class II Back-toBack มีน้องหลายคนที่ได้ขึ้นคลินิกแล้วกรอเสียจนต้องเปลี่ยนฟัน แต่ผมกรอเสร็จโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนฟัน นอกจากนั้นในการอุด เมื่อเอาไปส่งพี่เจ้าหน้าที่ที่รับส่งงาน พี่เขาบอกผมว่าเห็นอย่างนี้ ฝีมือไม่ธรรมดานะเนี่ย ทำให้ผมสัมผัสได้ว่า ความซื่อสัตย์และสิ่งที่ผมเสียสละเวลาและเงินของพ่อและน้าผม เพื่อทำคนไข้ให้ดีที่สุดไม่สูญเปล่า น้องบางคนอุดแล้วแตก แต่ผมอุดครั้งเดียวไม่แตกและแต่งได้กายวิภาคฟันค่อนข้างจะดีทีเดียว ซึ่งผมอยากทำให้เห็นเพื่อพิสูจน์ว่าผมทำได้
11.ทำไมคนที่โกงผ่านไปทำคนไข้ได้จนจบไปแล้ว หลายคนจบไปแล้วเขาสงสารผมเขาก็มาแนะนำว่า ให้เพื่อนช่วยทำให้สิแล้วเอาไปส่ง เขาจบมาได้ก็ด้วยวิธีนี้ ผมก็บอกเขาว่าขอบคุณ แต่ผมก็ทำทุกอย่างด้วยตัวเองจนผ่านมาได้ทั้งหมด จนบางคนเข้ามาคุยด้วยชมว่านายเก่งอ่ะ ทำทุกอย่างด้วยตัวเองจนผ่านมาได้หมด เราจบมาได้ก็เพราะเพื่อนๆช่วยทำ แต่อาจารย์กลับมองว่า ผมช้าเกินไป ฝีมือไม่ดี เรียนไม่ได้หรอก ทำไม่ได้หรอก จะให้ออกท่าเดียว ผมว่ามันไม่ยุติธรรมเลย และผมยอมรับไม่ได้

0
แตงโม 31 ธ.ค. 58 เวลา 23:07 น. 19

8.คือในคณะแพทยศาสตร์กับ คณะทันตแพทยศาสตร์ มีกฎเกณฑ์อยู่ว่า ถ้าหากใครเรียนไม่ไหวหรือรู้ตัวว่าเรียนแล้วไม่ชอบ หากเรียนได้ครบหน่วยการเรียนที่กำหนดคือปี 4 ในรายวิชาบังคับที่กำหนดผ่านหมด ก็สามารถเอาแค่ปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต หรือ วท.บ. เทียบเท่าจบคณะวิทยาศาสตร์แล้วเอาไปเรียนต่อปริญญาโทได้ หรือทำงานอย่างอื่นได้แต่ก็ยากเพราะไม่ใช่วิทยาศาสตร์เฉพาะทางอะไรเลย อาจารย์ท่านหนึ่งที่เป็นอาจารย์ที่ดูแลฝ่ายทะเบียน(คืออาจารย์ไพบูลย์ เตชะเลิศไพศาล) นานมาแล้ว ผมเคยถามอาจารย์ว่า อาจารย์ครับอาจารย์ไม่เปลี่ยนข้อสอบ(ออกตรงโพย) ทำไมไม่บอกผม? ผมจะได้อ่าน ผมกำลังจะเข้าลิฟท์ อาจารย์บอกว่าจะไปไหน? ผมบอก จะไปส่งอาจารย์ อาจารย์บอกว่า ไม่ต้องเลย ออกไป ออกไป... เมื่อวานนี้วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม 2558 ขณะที่ผมโทรไปถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายทำเบียนเรื่องเกรดว่าผมได้ F หรอครับ? แล้ววิชาปฏิบัติการทันตกรรมหัตถการ 2 เนี่ย มันก็อยู่ในหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิตใช่ไหม? พี่เขาก็ตอบว่าใช่ ถ้าอย่างนั้นผมจะเอาแค่ วท.บ. ยังเอาไม่ได้เลย อาจารย์ไพบูลย์ที่กำลังเซ็นต์ใบเกรดอยู่ ข้างๆก็พูดเสียงเข้ามาในโทรศัพท์ อาจารย์ไพบูลย์ บอกว่า “บอกไปว่าอาจารย์บอกว่าให้ไปลาออกซะ”
9.อาจารย์รศ.ทญ.ดร. สุคนธา เจริญวิทย์ ซึ่งเป็นรองคณบดีฝ่ายกิจการนิสิตในเทอม 2 อาจารย์พยายามจะมาพูดให้ผมเอา วท.บ. ไปหาเรียนต่อโท แต่ผมก็พยายามบอกว่า ผมจะพยายามพิสูจน์ว่าผมทำได้ จะพยายามเป็นหมอที่ดีให้ได้ แต่อาจารย์ก็พยายามพูด หลังจากนั้นมาอีกหลายวันหรือหลายสัปดาห์เมื่อฝีมือการกรอฟันอุดฟันและทำแล็บของผมกำลังไปได้ดีอาจารย์บอกว่า เรื่องฝีมือไม่ห่วงแล้ว ตอนนี้ห่วงเรื่องเดียวเรื่องการตัดสินใจ มีคนบอกว่าผมตัดสินใจไม่ได้ ตัดสินใจไม่เป็น ผมนึกขึ้นได้ ว่าตอนนั้นผมก็แค่ถามอาจารย์จารุพรรณว่า จะให้อุดตรงคอฟันก่อน (Class V) หรือ บนด้านบดเคี้ยว Class II อีกซี่ก่อน อาจารย์บอกว่าแค่นี้ตัดสินใจไม่ได้หรอ? จะขึ้นคลินิกได้ไหม?(แต่คืออาจารย์ครับในหุ่นกับในคนไข้ไม่เหมือนกันนะครับ ในหุ่นคือตามตารางงาน จะอุดซี่ไหนก่อนก็ได้ แต่ในคนไข้ต้องดูตามความร้ายแรกของการผุและความเร่งด่วนในการรักษา) ถ้าผมตัดสินใจได้ทุกอย่างเหมือนอาจารย์ที่มีประสบการณ์ผมคงไม่ต้องมาเรียนเป็นนิสิตผมคงเป็นอาจารย์ไปแล้ว แต่นี่อาจารย์เหมือนกับไม่อยากสอน แต่เหมือนกับบอกว่าทำไม่ได้ก็ออกไปอย่ามาเรียนเลย อาจารย์ที่มีความเมตตากรุณาต่อลูกศิษย์คงไม่ทำอย่างนี้หรอกครับ จริงๆอาจารย์สุคนธา ผมเชื่อว่าเป็นคนดีนะครับ แต่เหมือนกับอาจารย์ฟังจากคนอื่นมาอีกที แล้วก็เชื่อ และตัดสินไปแล้วเพราะยังไงเสียงนิสิตอย่างผมก็เบากว่าอาจารย์มาก หรือไม่อาจารย์สุคนธาก็คงกลัวจะมีปัญหากับคนในคณะหรือกลัวอำนาจของใครบางคนมากกว่า(ก็อาจจะเป็นได้ หรือผมอาจจะคิดไปเอง) อาจารย์ สุคนธา บอกว่า อย่าให้ถึงกับต้องให้เขาออกใบรับรองแพทย์ว่าเธอทำไม่ได้ แล้วจะต้องบังคับให้เธอออกเลย แล้ววันต่อๆมาเจอกันอีกครั้ง อาจารย์ก็บอกว่า ถ้าไม่งั้นก็คงต้องให้เธออยู่ถึง 12 ปีครบกำหนดการเรียนมากที่สุด แล้วก็ให้เธออกไปโดยที่ไม่ได้อะไรเลย หรือ เธอจะเลือกเอาแค่ วิทยาศาสตร์บัณฑิตในตอนนี้ที่ยังมีโอกาสอยู่ แต่ผมก็ยืนยันว่าผมเชื่อว่าผมเป็นหมอที่ดีได้แน่นอน ผมยืนยันไปแบบนั้น และผมบอกว่าผมจะพยายามพิสูจน์ให้อาจารย์ดู จนกระทั่งมาวันนี้ ผมติด F
10.สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมมั่นใจว่าผมจะทำคนไข้ได้ยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ ในวิชา PEDIA DENT LAB จะต้องกรอฟันพลาสติกและอุดฟันใน Dentoform ที่ออกแบบมาเป็นขนาดของปากเด็ก ซึ่งต้องกรอฟันน้ำนมสองซี่ที่มีด้านติดกันโพรงละซี่โดยโพรงฟันที่กรอทั้งสองอยู่ติดกัน เรียกว่า การอุดอะมัลกัม Class II Back-toBack มีน้องหลายคนที่ได้ขึ้นคลินิกแล้วกรอเสียจนต้องเปลี่ยนฟัน แต่ผมกรอเสร็จโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนฟัน นอกจากนั้นในการอุด เมื่อเอาไปส่งพี่เจ้าหน้าที่ที่รับส่งงาน พี่เขาบอกผมว่าเห็นอย่างนี้ ฝีมือไม่ธรรมดานะเนี่ย ทำให้ผมสัมผัสได้ว่า ความซื่อสัตย์และสิ่งที่ผมเสียสละเวลาและเงินของพ่อและน้าผม เพื่อทำคนไข้ให้ดีที่สุดไม่สูญเปล่า น้องบางคนอุดแล้วแตก แต่ผมอุดครั้งเดียวไม่แตกและแต่งได้กายวิภาคฟันค่อนข้างจะดีทีเดียว ซึ่งผมอยากทำให้เห็นเพื่อพิสูจน์ว่าผมทำได้
11.ทำไมคนที่โกงผ่านไปทำคนไข้ได้จนจบไปแล้ว หลายคนจบไปแล้วเขาสงสารผมเขาก็มาแนะนำว่า ให้เพื่อนช่วยทำให้สิแล้วเอาไปส่ง เขาจบมาได้ก็ด้วยวิธีนี้ ผมก็บอกเขาว่าขอบคุณ แต่ผมก็ทำทุกอย่างด้วยตัวเองจนผ่านมาได้ทั้งหมด จนบางคนเข้ามาคุยด้วยชมว่านายเก่งอ่ะ ทำทุกอย่างด้วยตัวเองจนผ่านมาได้หมด เราจบมาได้ก็เพราะเพื่อนๆช่วยทำ แต่อาจารย์กลับมองว่า ผมช้าเกินไป ฝีมือไม่ดี เรียนไม่ได้หรอก ทำไม่ได้หรอก จะให้ออกท่าเดียว ผมว่ามันไม่ยุติธรรมเลย และผมยอมรับไม่ได้
12.ถ้าเกรดผมต่ำลงเรื่อยๆมาจนถึงต่ำกว่าสองเมื่อไรก็คือ ผมจะโดนรีไทร์ไล่ออกตอนนี้เกรดผมแค่ 2.20 ในเทอมนี้และคาดว่าจะต่ำลงกว่านี้ครับ ถ้าอาจารย์ยังให้ผมตกแล็บต่อไปเรื่อยๆ ขอความเป็นธรรมด้วยครับ
ตากับยายผมลำบากมามากแล้วหวังพึ่งพาหลานคนนี้ พ่อผมก็จะเกษียณแล้วอาจจะส่งผมไม่ไหวอีกต่อไป ผมไม่รู้จะพึ่งพาใครแล้วครับ นอกจากใช้วิธีนี้
ทั้งหมดนี้ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ครับ แต่ผมพร้อมรับการสอบสวน ไต่สวนและนอกจากสอบสวนทีละฝ่ายเพื่อหาข้อมูลแล้ว สามารถสอบสวนต่อหน้าทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือบิดเบือนข้อมูล แต่ระวังเรื่องว่าหลังจากสอบสวนจะมองหน้ากันไม่ติดและอาจจะโดนหาเรื่องให้เรียนไม่จบอีกก็เป็นได้
ส่วนวิธีแก้ผมขอเสนอ 2 ทาง
1.ขอให้ผมได้ย้ายโอนหน่วยการเรียนไปยังมหาวิทยาลัยมหิดล ให้ผมได้ไปขึ้นคลินิกที่นั่น ผมพร้อมรับการทดสอบทุกรูปแบบทั้งการปฏิบัติ การสอบข้อเขียนหรือข้อสอบตัวเลือก กระผมขอแค่โอกาสในการพิสูจน์ตัวเองว่าผมสามารถเป็นหมอที่ดีได้ ถ้าหากว่าผู้บริหารบางท่านหรืออาจารย์บางท่านต้องการให้ผมไปจากที่นี่(ไม่แน่ใจว่าผมคิดไปเองไหม? แต่ก็สงสัยอยู่) ผมก็พร้อมจะไปครับ แต่ผมขอแค่โอกาส
2.ขอความคุ้มครองให้อาจารย์บางท่าน ที่ผมเชื่อมั่นและศรัทธาว่าอาจารย์เป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต เป็นห่วงคนไข้ มีคุณธรรม ความเสียสละ เก่งกล้าและมีความสามารถสูงได้คุมผม โดยไม่ต้องกลัวว่า อาจารย์ในภาควิชาจะเขม่นหรืออคติ เรื่องที่มาช่วยเหลือผม หรือว่ามาคุมผมให้ผมผ่านขึ้นคลินิกไปได้ ซึ่งหากไม่ใช้อาจารย์ในที่นี้ ทันตแพทยสภาสามารถส่งอาจารย์ให้มาเป็นอาจารย์พิเศษที่คณะได้ โดยจัดหามาประเมินแล้วให้มารวมคะแนนตัดเกรดผมร่วมกับนิสิตคนอื่น แต่ผมขออนุญาตทราบชื่อ นามสกุลล่วงหน้า
อาจารย์ที่ผมเคารพ เทิดทูน เชื่อมั่นและศรัทธาในการคุมผมขึ้นคลินิกมีดังนี้
ภาควิชาทันตกรรมหัตถการ (Department of Operative Dentistry)
1.ผศ.ทพ.ฉันทวัฒน์ สุทธิบุณยพันธ์ 2.ผศ.ทญ.มุรธา พานิช
3. อ.ทญ.ดร.สมสินี พิมพ์ขาวขำ 4.รศ.ทพ.ดร. วีระ เลิศจิราการ
6.รศ.ทญ.ปิยาณี พาณิชย์วิสัย
7.ผศ.ทพ.ดร.ไพโรจน์ หลินสุวนนท์ 8.ผศ.ทญ.ดร.ชุติมา ระติสุนทร
โดย 4 ท่านแรกเป็นอาจารย์ที่ผมเทิดทูน เคารพนับถือ และเชื่อมั่นศรัทธามาก
ภาควิชาทันตกรรมประดิษฐ์ ส่วนใหญ่ไม่น่ามีปัญหาครับ แต่ถ้าหากเป็นไปได้ผมขอ

1.อ ทญ ศิริพร อรุณประดิษฐ์กุล 2.อ ทญ ปราณปรียา ใจธีรภาพกุล
3.ผศ ทพ วิเชฏฐ์ จินดาวณิค 4.ผศ สรรพัชญ์ นามะโน
5.อ ทพ ดร วิริทธิ์พล ศรีมณีพงศ์ 6.อ ทญ ดร ใจแจ่ม สุวรรณเวลา
ผมรักเคารพเทิดทูนอาจารย์ทั้ง 6 ท่านมากครับ
ภาควิชาปริทันตวิทยา
1.ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ทันตแพทย์ขจร กังสดาลพิภพ
2.อาจารย์ ทันตแพทย์หญิง ดร.จันทรกร แจ่มไพบูลย์
3.ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ทันตแพทย์หญิงศานุตม์ มังกรกาญจน์
4.รศ.ทพ.ดร. กิตติ ต. รุ่งเรือง
5.รองศาสตราจารย์ ทันตแพทย์หญิง ดร.กนกวรรณ นิสภกุลธร
6.ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ทันตแพทย์หญิงอรวรรณ จรัสกุลางกูร
7.อาจารย์ ทันตแพทย์อรรถวุฒิ เลิศพิมลชัย
ผมรักเคารพเทิดทูนอาจารย์เหล่านี้ครับ แต่ 4 ท่านแรกจะเคารพรัก นับถือ เชื่อมั่นศรัทธามาก
ภาควิชาศัลยศาสตร์
1.ผศ.ทพ.กิติ ศิริวัฒน์ 2.ผศ.ทญ.ดร.เกศกัญญา สัพพะเลข
3.อ.ทญ.สุณิสา โรจนวิภาต 4.ผศ.ทพ.นพ.สุทธิชัย นรนิตชัยกุล
5.อ.ทพ.ขนิษฐ์ ธเนศวร 6.ผศ.ทพ.ดร.อาทิพันธุ์ พิมพ์ขาวขำ
ภาควิชาทันตกรรมจัดฟัน 1.ผศ.ทญ. กรพินท์ มหาทุมะรัตน์ 2.ผศ.ทญ. นิรมล ชำนาญนิธิอรรถ
3.อ.ทพ.ดร. ชิษณุ แจ้่งศิริพันธ์ 4.รศ.ทญ. จินตนา ศิริชุมพันธ์
ภาควิชารังสีวิทยา
ผมไม่น่ามีปัญหากับท่านอาจารย์ภาครังสีทุกท่านครับ ถึงบางท่านจะดุแต่ผมสัมผัสได้ถึงความจริงใจ เมตตากรุณาที่มีให้ลูกศิษย์เสมอ
แต่ที่ผมรัก เคารพนับถือ เทิดทูนมากมาก คือ
1.อ.ทญ. อรอนงค์ ศิลโกเศศศักดิ์
2.อ.ทญ.ดร. วรรณาภรณ์ ชื่นชมพูนุท
3.อ.ทพ. พลกฤษณ์ ศิลป์พิทักษ์สกุล
ภาควิชาทันตกรรมสำหรับเด็ก
ไม่น่าจะมีปัญหากับอาจารย์ทุกท่านครับ แต่ถ้าหากเป็นไปได้ อาจารย์ที่เคารพนับถือ เชื่อถือศรัทธามาก
1.ผศ.ทญ.ดร. บุษยรัตน์ สันติวงศ์
2.อ.ทญ.ดร. วรรณกร ศรีอาจ
3.อ.วัชราภรณ์ ทัศจันทน์(อดีตคณบดี)
ภาควิชาเวชศาสตร์ช่องปาก
ไม่น่าจะมีปัญหากับอาจารย์ทุกท่านครับ ผมรักเคารพ เชื่อถือในอาจารย์ภาคนี้ครับ เหมือนกับภาควิชารังสี และโดยเฉพาะ อ.ทพ.นพ.ธิติพงษ์ พฤกษศรีสกุล อ.ทพ.ดร.ชาญวิทย์ ประพิณจำรูญ ศ.ทญ.กอบกาญจน์ ทองประสม อ.ทพ.ดร.สุกิจ ภัทรมาลัย
ภาควิชาทันตกรรมบดเคี้ยว
อาจารย์ในภาควิชานี้ ส่วนใหญ่คาดว่าไม่มีปัญหา แต่อาจารย์ 2 ท่านนี้คือ
1.ผศ.ทญ.พนมพร วานิชชานนท์ 2.ผศ.ทญ.วันทนี มุทิรางกูร
อาจารย์ทั้งสองท่านคอยพร่ำสอนลูกศิษย์ให้รู้จักความซื่อสัตย์ เสียสละ ความเมตตากรุณาเห็นอกเห็นใจผู้อื่น คุณธรรม ความกตัญญู ความถูกต้องโดยไม่เกรงกลัวคำวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ใดทั้งสิ้น เป็นผู้ที่มีจิตวิญญาณความเป็นครูผู้ให้อย่างสูงยิ่ง เป็นผู้ที่ควรเทิดทูนเอาไว้เหนือเกล้า เหนือหัวของผมผู้เป็นลูกศิษย์
และเมื่ออาจารย์พนมพร เป็นหัวหน้าภาค อาจารย์ทำงานอย่างหนักหน่วง อย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยของตนเองเลย อดหลับอดนอน ทำงานจนดึกดื่นมาก และตื่นแต่เช้ามืดมาแจกจ่ายงานและตรวจสอบงาน และพยายามปรับรูปแบบการเรียนการสอนเพื่อช่วยเหลือนิสิตที่อ่อนในงานฝีมือ ทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกศิษย์ได้ดี ยอมเสียสละเวลาช่วงปิดเทอมที่ไปพักผ่อนเตรียมงานสอนลูกศิษย์ทุดคนให้หัดงานฝีมือในช่วงปิดเทอมก่อนเริ่มเปิดเรียนจริงทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยมีใครทำมาก่อน อาจารย์ริเริ่มสิ่งดีดีหลายอย่างโดยไม่เคยเห็นแก่หน้า ไม่เห็นเห็นลาภ ยศ สรรเสริญ ใครจะด่าก็ช่าง แต่อาจารย์ยึดมั่นในความถูกต้องดีงามและเห็นประโยชน์ของผู้อื่นมาก่อนตนเองเสมอ ผมอยากกราบบูชาอาจารย์ด้วยหัวใจ ซึ่งผู้ที่เสียสละเพื่อลูกศิษย์และทำงานเพื่อส่วนรวมอย่างไม่เห็นแก่หน้า ไม่เอาผลงาน ปิดทองหลังพระ อาจารย์บอกว่ามีในหลวงเป็นบุคคลต้นแบบของอาจารย์ นอกจากอาจารย์พนมพรที่ทำงานอย่างหนักโดยไม่เน้นผลงาน ไม่เอาหน้า แต่ทำเพื่อส่วนรวมโดยไม่หวังผลจนเป็นที่ประจักษ์เด่นชัดแล้วก็มี
อ.ทญ.ศิริพร อรุณประดิษฐ์กุล ที่ทำงานหนักมาเพื่อพัฒนาส่วนรวมและคณะ เพื่อลูกศิษย์และงานของอาจารย์คุณภาพสูงมากทุกอย่าง เห็นถึงความปราณีต แต่ก็แลกมาด้วยความเหนื่อยยากอย่างมาก แต่ก็ไม่เคยเห็นอาจารย์ต้องการได้หน้าเลย อาจารย์ปลูกฝังให้ลูกศิษย์มีคุณธรรม ความซื่อสัตย์และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น อาจารย์ทำเป็นตัวอย่าง และ อ.ทญ.ดร. เกศกาญจน์ เกศวยุธ ที่ทุ่มเทเพื่อคณะเพื่อลูกศิษย์ อย่างมากอีกท่านหนึ่งเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของท่านอาจารย์ทุกท่านเหล่านั้นที่จะอบรมพร่ำสอนผม และคุมผมเมื่อผมขึ้นคลินิกไปรักษาคนไข้
ทั้งนี้ผมได้ส่งเรื่องไปยังทันตแพทยสภา ท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาแล้วครับ
อนึ่ง เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ข้าพเจ้าได้เผื่อใจไว้แล้วว่าบางเรื่องข้าพเจ้าอาจจะเข้าใจถูกต้องหรือเข้าใจผิดก็เป็นได้ ข้าพเจ้าจึงพยายามแสดงความเห็นให้น้อยที่สุดและ พยายามบอกเล่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้มากที่สุด แต่ข้าพเจ้าแค่ขอความเป็นธรรมเพียงเท่านั้น แต่ผู้ที่จะมาเป็นพยานให้แก่ข้าพเจ้าคงจะหาได้ยาก เพราะแม้แต่อ.เกศกาญจน์ ยังไม่กล้ามาเป็นพยานให้เลย ทั้งๆที่อาจารย์อยู่ในเหตุการณ์ อาจารย์บอกจำอะไรไม่ค่อยได้ แต่ผมไม่เชื่อครับ คงเป็นเพราะอาจารย์กลัวอยู่ในคณะไม่ได้เพราะจะมีอาจารย์คนอื่นเกลียด รวมถึงไม่อยากมีปัญหากับผู้บริหารและอาจารย์ผู้ใหญ่ที่ต้องการกำจัดผมออกไป แม้ผมเรียนจบไปแล้วแต่อาจารย์จะต้องอยู่ในคณะต่อไป คงต้องอยู่อย่างลำบากเป็นแน่
ผมโทรศัพท์ติดต่อกับอาจารย์ ถามว่าอาจารย์ครับ อาจารย์มาสอนในคาบสุดท้ายใช่ไหมครับ? อาจารย์ตอบว่า ใช่ ผมบอกว่า ผมอยากให้มีคนเป็นพยานให้ครับ อ.เกศกาญจน์ตอบว่า อาจารย์จำอะไรไม่ค่อยได้
แม้แต่อ.พนมพรตอนนี้ก็โดนเขม่นมากแล้ว โปรดช่วยเหลือด้วยครับ
และข้าพเจ้าก็ยังไม่ใช่คนดี เพียงแต่พยายามจะทำในสิ่งที่ดีและถูกต้องเท่าที่สติปัญญาและกำลัง(พละ)อันน้อยนิดของข้าพเจ้าพอจะทำได้บ้างเท่านั้น
3.ถ้าหากข้าพเจ้าขอไปสอบกสพท. หรือโครงการพิเศษ(แต่ข้าพเจ้าไม่มีภูมิลำเนาในเขตพื้นที่ของโครงการพิเศษทุกโครงการ) เข้าคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล หรือคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยใหม่ ถ้าหากติดข้าพเจ้าขอโอนหน่วยกิตหน่วยการเรียนเฉพาะปี 1 ที่เรียนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์พื้นฐานไป จะทำให้จบภายใน 5 ปี หากเป็นไปได้ เนื่องจาก ตา ยายข้าพเจ้าไม่ได้ทำงานอะไรไม่มีรายได้ และบิดาของข้าพเจ้าก็ใกล้จะเกษียณอายุแล้ว ในอีกไม่กี่ปี คงไม่สามารถส่งข้าพเจ้าให้เรียนได้ ตามที่บิดาข้าพเจ้าบอก และ หากจบเร็วขึ้นหนึ่งปี ข้าพเจ้าจะออกไปช่วยเหลือผู่ป่วยได้อีกจำนวนมากในหนึ่งปี และหากทำงานไปด้วยก็ไม่ทราบว่าจะมีเงินพอสำหรับค่าใช้จ่ายที่จะศึกษาเล่าเรียน หรือมีเวลาพอจะศึกษาเล่าเรียนหรือไม่ แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของท่าน และถ้าหากสอบไม่ติดก็คงไม่ได้ทำตามที่กล่าวมา ซึ่งก็คงแล้วแต่บุญวาสนา แล้วแต่กรรมที่ทำมาทั้งในอดีตและในปัจจุบัน
เนื่องจากข้าพเจ้าได้ทราบว่า บิดาข้าพเจ้าใกล้จะเกษียณอายุราชการแล้วภายในอีกประมาณ 3-4 ปี และต้องรับภาระในการช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลดูแลย่าของข้าพเจ้า ซึ่งเคยป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองแตกต้องรับการผ่าตัดก้อนเลือดในสมองและต้องนำสมองออกบางส่วน ทำให้เป็นอัมพาตครึ่งตัวขยับไม่ได้ พูดไม่ได้ และต้องจ้างคนดูแลเดือนละ 15,000 บาท ซึ่งย่าของข้าพเจ้าอยู่ที่โรงพยาบาลดำเนินสะดวกขณะนี้ ประกอบกับป้าของข้าพเจ้า ชื่อป้าตุ๊ก เป็นพี่สาวแท้ๆของบิดาข้าพเจ้าซึ่งกำลังจะเกษียณอายุราชการในปีหน้า ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้อีกต่อไป และบิดาข้าพเจ้าก็ยังมีหนี้ที่ใช้ไม่หมดที่เคยกู้สหกรณ์ออมทรัพย์มา ประมาณ 1,200,000 บาท ซึ่งถ้าหากยังส่งเสียข้าพเจ้าเรียนต่อไป พ่อบอกว่าจะไม่สามารถชำระหนี้ก้อนนี้ได้ทันตอนเกษียณ ซึ่งรายจ่ายที่เป็นที่มาของหนี้ก้อนนี้ของบิดาข้าพเจ้า ส่วนหนึ่งมาจากตอนที่มารดาของข้าพเจ้าป่วยเป็นมะเร็งเต้านมตั้งแต่ข้าพเจ้ายังอยู่เนอสเซอรี่ และต้องตัดเต้านมทิ้งไป และหมอบอกว่า ถ้าอีก 5 ปีไม่กลับมาเป็นอีกถือว่าหายขาด สอบผ่าน แต่เมื่อข้าพเจ้ากำลังขึ้นป.1 แม่ไปตรวจอีก ข้าพเจ้าจำได้ว่า แม่ของข้าพเจ้าบอกว่า หมอบอกว่า อยากกินอะไรก็กิน อยากทำอะไรก็ทำ หมอว่าไม่น่าอยู่ได้เกินอีก 3 เดือน แต่มารดาของข้าพเจ้าก็อยู่มาได้อีกเกือบ 10 ปีแล้วจากไปตอนปิดเทอมของข้าพเจ้าตอนม.4 แต่แม่ข้าพเจ้าเป็นคนชอบช่วยเหลือคนอื่น เป็นคนขี้สงสารคน เห็นใครลำบากก็ช่วยเหลือเขาไปทั่ว จนพ่อบอกว่า เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด แล้วก็ชอบว่าแม่ว่าเป็น เตี้ยอุ้มค่อม ชอบไปช่วยเหลือคนอื่นจนตัวเองเดือดร้อน โดนเขาโกงไปบ้างก็มี แต่ข้าพเจ้าก็ได้ซึมซับส่วนนี้ของแม่มา และผมเองก็รักแม่มาก แต่ตอนนี้ข้าพเจ้าคงไม่สามารถไปช่วยเหลือใครได้อีก เพราะแม้แต่ผมเองก็ยังเอาตัวไม่รอด และไม่น่าจะรอดด้วยครับ
อาจารย์พนมพรบอกว่า “จารย์ฟังเค้าเล่ามากกว่า เค้าถามว่าได้เคยอ่านจม ป่ะ ก้อบอกว่าไม่เคย เคยแต่ฟังเธอเล่าคร่าวๆเรื่องของเธอ ถ้าไม่มีการเช็คงาน อาจารย์ก้อคงผิดด้วย ถ้าตั้งกฎพิเศษเพื่อเธอก้อคงไม่ถูกด้วย”
ผมถามว่า “กฎพิเศษว่าอะไรครับ? เรื่องเลือกอาจารย์น่ะหรอครับ? ถ้าไม่เลือกก็ได้ แต่ถ้าอาจารย์ไม่ถูก...ผมก็คงต้องร้องเรียนไปเรื่อยๆ จริงๆกฎพิเศษไม่ต้องหรอก...แต่ความช่วยเหลือพิเศษไม่ผิดนี่.... อย่างคนพอการก็ต้องลิฟต์คนพิการหรือห้องน้ำคนพิการ.... อย่างผมมีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหวละเอียด ควรได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษ ถ้าจะให้ทุกคนเท่ากันหมดแบบไม่มีประโยชน์ไม่มีเหตุผลงั้น คลอดลูกออกมาก็ให้ทำงานหากินเองเลย ไม่ต้องเลี้ยงดูไม่ต้องส่งเรียน... คนจนกับคนรวยก็ช่วยเหลือเท่ากัน ไม่ต้องช่วยเหลือคนจนมากเป็นพิเศษ ให้ทุนการศึกษาคนราวยเท่ากับคนจนไปเลยไหม? โดยส่วนตัวผมเห็นว่า ไม่ใช่นะครับ...ว่ากฎพิเศษหรือความช่วยเหลือพิเศษจะผิดเสมอไป ความยุติธรรม ความเป็นธรรม ไม่ใช่การทำให้ทุกคนเท่าเทียมกันหมด แต่คือ การจัดสรรผลประโยชน์ให้ส่วนรวมทุกคนได้ประโยชน์สูงสุด ผู้ด้อยโอกาส ด้อยความสามารถ หรือผู้รายได้น้อย รัฐหรือผู้บริหาร หรือหัวหน้าองค์กรณ์ควรให้ความช่วยเหลือประคับประคองมากกว่าผู้ที่มีโอกาสสูงกว่า ผู้ที่มีประสิทธิภาพทางร่างกายสูงกว่าหรือผู้ที่สบายอยู่แล้ว... การได้รับความช่วยเหลือถือเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของผู้ด้อยโอกาสและผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยความสามารถ หรือประสิทธิภาพทางร่างกายด้อยกว่า เมื่อความเป็นธรรมเกิดขึ้น ก็จะทำให้เกิดประโยชน์สุขแก่คนในสังคมทั้งหมด สังคมก็จะสงบสุข เจริญรุ่งเรืองขึ้นได้ ไม่ใช่แค่ผม แต่ผมอยากให้คนที่ เหมือนผม ได้รับโอกาสนั้นด้วยหากต่อไปจะมีใครที่เป็นเหมือนผมเข้ามาในคณะนี้ คิดดูนะครับอาจารย์ คนที่เข้าทันตะม.ขอนแก่น และทันตะ ม.นเรศวร คนที่เป็นคล้ายๆผมก็มี แต่เขาสามารถจบได้ แต่คนที่เข้าจุฬาฯอาจารย์กลับพยายามทำไม่ให้จบ กระผมไม่ทราบว่า หมายความว่าอย่างไรครับ?”

0
แตงโม 31 ธ.ค. 58 เวลา 23:09 น. 20

อาจารย์พนมพรว่า”ได้ถามรองคณดี เค้าก้อบอกว่าต้องมีการสอบสวนแน่นอน แต่อาทิตย์ที่แล้วคณบดีไม่ว่างเลย เห็นว่าต้องเตือนอีก”
ผมมาคิดดูแล้ว ผมว่าเขาไม่คุยกับผมหรอกครับ เพราะว่าในจดหมายร้องเรียนบอกไว้ชัดเจนว่าขอให้นำผมไปสอบสวนและทดสอบให้เต็มที่ผมพร้อมรับการสอบสวนและทดสอบทุกอย่างอย่างเต็มที่ แต่จนป่านนี้ยังเงียบอยู่เลยครับ ผมว่าเขาใส่เกียร์ว่างแล้วหรือเปล่าครับ? หรือผมอาจจะคิดไปเองผมเห็นว่าควรดูในกล้อวงจรปิดเพิ่มเติมเพื่อจะได้ทราบเวลาที่ผมทำงานวิชา OPER LAB II จริงด้วยครับ
ว่ากันตามจริงแล้ว ผมเห็นว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่ผมเห็นว่าไม่สมควรที่จุฬาฯอันเป็นสถาบันอันทรงเกียรติซึ่งสถาปนาด้วยเงินของพระมหากษัตริย์ และพัฒนาต่อมาด้วยภาษีจากความยากลำบากของประชาชนจะทำกับประชาชนผู้ยากจนอย่างนี้ ตัวอย่างเช่น อ.เกศกาญจน์ เคยเล่าให้ฟังว่ามีผู้ป่วยท่านหนึ่งไปหาหมอฟันมา 2-3 คนแล้ว หมอบอกว่าทำไม่ได้หรอกมันยาก ต้องส่งต่อ ประมาณนี้ จนมาเจอกับอ.เกศกาญจน์ อาจารย์ก็ทำให้ อาจารย์ก็เอามาสอนนิสิตว่า ที่จริงไม่ใช่ว่าทำไม่ได้นะนั่นน่ะ เพียงแต่ต้องใช้เวลามากและได้เงินน้อยแค่นั้นเองแล้วไปโกหกว่า ทำไม่ได้ต้องส่งต่อ พูดอะไรคนไข้ก็เชื่อนะจ๊ะเพราะคนไข้เห็นว่าเราเป็นหมอ อาจารย์ก็สอนคุณธรรมให้ลูกศิษย์แล้วก็มีอาจารย์ภาคจัดฟัน(อักษรชื่อย่อ ศ.)บางคนบอกว่า
บางคนพอสอนเรื่องการเจริญเติบโตของกระดูกขากรรไกรแล้วก็ไม่ตั้งใจเรียน พอจบไปเรียนคอร์สสั้นๆแล้วก็มาจัดฟันเลย แล้วไปจัดฟันเลย ซึ่งคนไข้เป็นเด็กวัยรุ่นซึ่งกระดูกกำลังโตเร็วมาก แล้วก็ไม่ดู Growth(การเจริญเติบโต)ของกระดูกให้ดี พอจัดไปจากเดิมฟันสบอยู่ดีดี ฟันก็ไม่สบกันเหมือนเดิม คนไข้ก็จะฟ้องหมอ แล้วก็มาแก้กับอาจารย์ภาคทันตกรรมจัดฟันคนนั้น อาจารย์บอกว่าถ้าจะฟ้องหมอคนนั้นอาจารย์จะไม่แก้ให้นะ ถ้าจะให้อาจารย์แก้ให้ก็ต้องไม่ฟ้องหมอคนนั้น อันนี้ผมรู้สึกขัดกับมโนธรรมลึกๆของผม แต่ก็พยายามเข้าใจว่า เออ ไม่ฟ้องก็ดี จะได้ไม่ต้องจองเวรกัน แต่มาคราวหลังอาจารย์บอกว่า เคยส่งคนไข้จัดฟันไปถอนฟัน แล้วก็ถอนผิดซี่ แต่เราก็ไม่บอกคนไข้ (ก็คงช่วยกันปกปิดสินะครับ) และอาจจะมีเรื่องอื่นๆอีกที่ผมจำไม่ได้แล้ว หรือลืมไปแล้ว แต่ผมมาคิดดูก็รู้สึกหดหู่ว่า นี่หรือ? นิสิตจุฬาฯ นี่หรือบัณฑิตจุฬาฯที่ประชาชนพากันยกย่องในพระปรมาภิไธยของรัชกาลที่ 5 และพากันให้เกียรติจุฬาฯว่าผลิตคนดีคนเก่งให้กับสังคมและประเทศชาติ? มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้ตกต่ำถึงเพียงนี้ แม้แต่ความซื่อสัตย์ของประชาชนยังไม่มีเลย แล้วต่อไปจุฬาฯจะเป็นอย่างไร?
***หมายเหตุเพิ่มเติม***
1.เมื่อประมาณปลายภาคเรียน ของปีการศึกษา 2556 มีคนมาบอกว่า พี่พี่มี่คนเดินตามรอยพี่แล้วล่ะ... แล้วเขาก็ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ได้เกิดเหตุการณ์หนึ่งเกี่ยวกับน้องเอมี่ ทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ รุ่น 74 รหัส 55 เข้าเรียนจุฬาฯ ปี 2555 คือ น้องเอมี่เห็นเพื่อนในรุ่นกำลังทำตามประเพณีที่สืบทอดกันมา ตั้งแต่รุ่นไหนไม่ทราบได้ คือจะมีการสอบแล็บกริ๊งที่จะมีการนำฟันจำลองวางไว้บนโต๊ะ หลายๆจุด จุดละข้อ แล้วถามว่าฟันซี่นี้คือซี่ไหน? ฟันอะไร ขึ้นประมาณอายุเท่าไร?เป็นต้น แล้วในกระดาษจะมีจำนวนข้อเท่ากันทุกคน แต่ละคนจะเริ่มที่ข้อไม่เหมือนกัน แต่เมื่อวนครบแล้วจะตอบได้ครบทุกข้อเหมือนกัน ซึ่งในตอนนั้นจะใช้ข้อสอบแบบตัวเลือก เขาจึงนัดแนะกันในห้องว่าใครเก่งสัก 1-2 คนจะให้เป็นคนใบ้คำตอบให้ โดยการหมุนฟัน โดยถ้ามี 4 ตัวเลือก แต่ละทิศที่วางฟันจะเป็นตัวแทนของคำตอบที่ถูกต้องที่บอกเพื่อน เช่น ก. วางฟันตรงๆ ข.วางฟันหันไปทางขวา เป็นต้น หลังจากกริ่งดังก็จะมีการเปลี่ยนตำแหน่ง คนหลังที่เดินตามมาที่ข้อนั้นจะรู้ว่าตอบอะไร แล้วจะต้องวางไว้ให้อยู่แหน่งเดิมเพื่อให้คนต่อไปที่วนมาคนต่อไปอีกตอบข้อนั้นตอบได้ แล้วเวลาเสียงกริ่งดัง ก็เปลี่ยนข้อ ไปเรื่อยๆ พอน้องเอมี่ไปบอกอาจารย์ภาคทันตกรรมบดเคี้ยว(ที่สอนและสอบวิชานี้)บางคน อาจารย์เปลี่ยนข้อสอบเป็นข้อเขียน ทำให้น้องเอมี่ถูกคนในรุ่นนั้นหลายคนเกลียด ทั้งๆที่น้องเอมี่พยายามอธิบายว่าเราต้องทำเองเพื่อให้เรามีความรู้ แต่ก็ยังถูกเพื่อนเกลียด จนน้องเอมี่แอบไปนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว พอน้องคนนึงมาบอกผม ผมก็รีบไปบอกอาจารย์พนมพร อาจารย์ธนภูมิ อาจารย์เกศกาญจน์ อาจารย์ในภาคทันตกรรมบดเคี้ยวบางคนจึงพยายามอธิบาย สอนเรื่องคุณธรรมจริยธรรม หลังจากนั้น คนในรุ่นก็เข้าใจกันมากขึ้น ผมก็ถามน้องคนที่มาบอกผม ว่ารู้ได้ไง เขาบอกว่าเพื่อนผมมาเล่าเรื่องน้องเอมี่ให้ผมฟัง เขาบอกว่ายังมีอะไรในคณะอีกเยอะที่อาจารย์ไม่รู้ เขาก็บอกเดี๋ยวพี่แตงโม(นายมนวีร์)รู้ก็เอาไปบอกอาจารย์หรอก คนทันตะรุ่น 72 รหัส 53 บางคนก็บอกว่า ก็อย่าไปให้มันรู้สิ ซึ่งผมก็ไม่รู้จริงๆเพราะผมก็ไม่เคยรับรู้มาก่อนว่ามีเรื่องแบบนี้ในคณะ ปัจจุบันน้องที่มาบอกผม คนนี้ได้ออกจากคณะนี้ไปแล้ว ซึ่งในคณะเคยมีกรณีถอนฟันเด็กผิดซี่ไปถอนฟันแท้ แทนที่จะเป็นฟันน้ำนมจนมีเรื่องฟ้องร้องคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ อาจเกิดจากการขาดความรู้ในเรื่องอายุการขึ้นของฟันจากการโกงข้อสอบช่วยเหลือกันแบบผิดๆแบบนี้หรือไม่ ข้าพเจ้าไม่แน่ใจ แต่จบโดยที่คณะยอมให้ปักรากเทียมฟรี
2.ล่าสุดวันนี้ 25 พ.ค.58ผมได้ถามพี่หน่อง สุริยะ แล้วว่า Dentoform ของผมที่ทำงานแล็บ ภาคโอเปอร์(ทันตกรรมหัตถการ Operative Dentistry)ยังอยู่ไหมครับ? พี่หน่องบอกว่า อาจารย์ชัยวัฒน์ เอาไปแล้ว ผมถามว่า เอาไปไหนครับ? เอาไปตั้งแต่เมื่อไรครับ? พี่หน่องตอบ อาจารย์ชัยวัฒน์เอาไปตรวจที่บ้าน เอาไปตั้งแต่ 2 อาทิตย์ที่แล้ว(คงเป็นช่วงสอบปลายภาค) ผมถามว่าเอาไปหมดเลยหรอครับ? เอาของใครไปบ้าง? เอาของไปคนเดียวใช่ไหมครับ? พี่หน่องตอบว่าใช่ ผมบอกว่า หา? เอาของผมไปตรวจที่บ้านคนเดียวหรอ พี่หน่องตอบว่า ใช่ ผมก็เลยไม่เหลือหลักฐานเอามายืนยันแล้ว เพราะเมื่อก่อนผมไม่เคยคิดว่าอาจารย์จะทำอย่างนี้กับผม ผมเชื่ออาจารย์เกศกาญจน์มาตลอด ที่อาจารย์บอกว่า อาจารย์ทุกคนรักและหวังดีต่อลูกศิษย์ อยากให้ลูกศิษย์ได้ดี ผมไม่เคยเอะใจเรื่องนี้มาก่อนเลยว่า มีอาจารย์บางคนต้องการกำจัดผมออกไปจากคณะ ไม่เคยเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมกับเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย ผมมันซื่อเกินไป ซื่อจนบื้อไปเลย โง่ที่เชื่อคนง่าย เลยโดนเขาหลอก แล้วพอมีเหตุการณ์แบบนี้อาจารย์เกศกาญจน์กลับเอาตัวรอดบอกว่าจำอะไรไม่ได้ ทั้งๆที่อาจารย์บอกมาตลอดว่าให้มีความซื่อสัตย์ มีคุณธรรม และรับรองว่าอาจารย์ทุกคนเมตตากรุณา รักและหวังดีต่อลูกศิษย์ แต่ตอนนี้ผมกลับถูกลอยแพให้อยู่คนเดียว ช่วยผมด้วยครับ ผมไม่รู้จะพึ่งใครให้ช่วยเหลือแล้ว พยายามทุกวิถีทางที่ทำได้
ด้วยความเคารพนับถืออย่างสูง

1
CTCU 1 ม.ค. 59 เวลา 03:29 น. 20-1

http://www.t-pageant.com/2011/index.php?/topic/136324-นิสิตทันตะจุฬาฯ-จะโดนรีไทร์-โ/

0