"คณะวิทยาศาสตร์" ติดโผเรียนไม่ไหวซิ่วออกเพียบ บางสาขาเหลือคนเดียว!
ตั้งกระทู้ใหม่
ด้าน ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้กล่าวว่า "จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ในปี 2557 พบว่าสถาบันการศึกษาที่เปิดหลักสูตรการสอนในกลุ่มคณะวิทยาศาสตร์ มีจำนวน 139 แห่ง จากจำนวนสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ 169 แห่ง ซึ่งคิดเป็น-ส่วนถึง 82% อีกทั้งจากข้อมูลของ สสวท. ระบุว่าในแต่ละปีสามารถผลิตบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ได้เพียง 8 คน ต่อประชากร 10,000 คน ในขณะที่สังคมยังคงมีความต้องการบุคลากรในด้านนี้สูงกว่า 10% ของจำนวนประชากรไทยในวัยแรงงาน”
จากปัญหาดังกล่าว ล่าสุดทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงเตรียมมอบทุนโควตาวิทยาศาสตร์ 17 จังหวัดภาคเหนือ จะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่กระตุ้นให้เด็กสนใจเรียนวิทยาศาสตร์มากขึ้น โดยจะให้ทุนปีละ 40 ทุน และเป็นทุนการศึกษาต่อเนื่อง หากเด็กเรียนแล้วผลการเรียนเฉลี่ยดีมากตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด พร้อมเปิดให้ทุนศึกษาต่อระดับปริญญาโทในสาขาวิชาที่สนใจด้วย"
ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
www.dailynews.co.th/education/374203
พี่ลาเต้
20 ม.ค. 59 เวลา 14:40 น.
41,782
views
43 ความคิดเห็น
วสาขาอะไรหรอคะที่คนส่วนใหญ่เรียนไม่ไหว
เทคโนโลยีชีวภาพค่ะ
เราเรียนอยู่ค่ะ สาขานี้ ปี3 แล้ว
กว่าจะผ่านไปแต่ละปี พยายามอย่างมากมายมหาศาลค่ะ
เห็นด้วยนะคะที่อยากให้เปิดให้เด็กศิลป์เรียนวิทย์ได้ แต่มันมีเหตุผลบางอย่างที่กระทรวงไม่สามารถทำได้เช่น วิทย์คณิตในตัวที่สายศิลป์เรียน ง่ายกว่าของที่สายวิทย์เรียนมาก ดังนั้นการเปิดให้เด็กที่ไม่ใช่สายวิทย์เรียนวิทยาศาสาตร์ในมหาลัยมันเป็นไปได้ยากที่เด็กจากสายศิลป์จะเรียนได้นะคะ เพราะขนาดเด็กวิทย์เองหลายคนยังถอดใจ ดังนั้นการแค่ชอบอ่านนิยายหรือหนังสือวิทย์แค่นั้นมันไม่พอค่ะ ถ้าอยากเรียนจริงๆลองไปเรียนเสริม ชีวะ ฟิสิกส์ เคมี กับคณิตศาสตร์เพิ่มเติมดูค่ะ
หึๆ เหตุผลแค่นั้นน่ะ ไปไม่รอดหรอก บอกเรย
ถ้าไม่แน่จริงเรียนไม่รอดหรอก จริงๆ พูดในฐานะเด็กวิทย์คนนึง
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เรียนจบ สายอาชีพแล้วมาเรียน คณะวิทยาศาสตร์ บอกตรงๆ ว่าคนมาเรียนเยอะ มากตอนแรกๆ ตอนนี้ผมใกล้จบแล้วรุ่นผม เหลือกันไม่ถึง 30 เลยครับ
ตลกละ ชอบอ่านนิยายวิทย์ สารคดี555555ไม่ได้หรอกน่ะแต่ทำไมไม่เรียนวิดคิดตั้งแต่แรกละ. ฟิชีเค ไปเรียนเสริม. เสริมอะไรทั้งที่ไม่มีพฐ.นี้น่ะ. แต่อยากเรียนก้เรียนไปเหอะเด็กวิทย์ส่วรใหญ่ไม่ค่อยจะเรียนกันหรอก. พูดแบบไม่โลกสวยเลยน่ะ
มอบทุนแค่ภาคเหนือเองหรอค้ะ ภาคอื่นๆก็มีคนอยากเข้าเรียนเหมือนกันนะ
เรียนคนเดียวก็ดีเลยสิ
ก็แล้ว งานอะไร ที่ต้องการคนจบ วิทยาศาสตร์ จริงๆ บ้างล่ะ
แถลงมาแต่ละสาขาเลยดีกว่า คนเรียนจะได้มองเห็นอนาคต ว่าเรียนวิมยาศาสตร์ แล้วไปทำงานที่ไหน (หน่วยงาน บริษัท ราชการ หรือเอกชน) ได้บ้างในสาขาที่ตัวเองเรียน เรื่องแบบนี้มันต้องพอรู้แล้วตั้งแต่เรียนมอปลาย ไม่ใช่ไปรอรู้ตอนเรียนมหาลัย
ถ้าเทียบกับ หมอ เภสัช แล้ว นักฟิสิกส์ คืออะไร นักคณิตศาสตร์ คืออะไร ชื่อมันชัด แต่ตัวอาชีพมันชัดน้อยกว่านะ !!
คือประเด้นนี้แหละ ที่ทำให้สาขาวิทยาศาสตร์รั้งนักศึกาาไว้ไม่อยู่ แม้เด็กจะถนัดหรือไม่ถนัดเรียนก็ตามอะ
ป ล น่าสงสาร นศ ที่เหลือเรียนอยู่คนเดียว สู้ๆ นะ ถึงอนาคตจะงงๆ แต่ถ้าตั้งใจจริง ต้องได้ดีแน่ๆ
จริงมากอะ ปากก็บอกว่าขาดแคลน จบมาจริงตกงานพรึบ(บางสาขา) หรือไม่ก็อนาคตโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงานน้อย ใครมันจะอยากเรียน พูดตรงๆเราก็เคยเรียน ตอนนี้ออกละเข้าเทคนิคการแพทย์ดีกว่า
งานสมัยนี้ ตำแหน่งที่ควรรับผู้เรียนจบคณะวิทยาศาสตร์ ก็ไปรับคณะวิศวกรรมศาสตร์กันหมดแล้วค่ะ เหตุผลเพราะวิศวฯ เขาปึ้กกว่า แน่นกว่า จิตวิทยาการทำงาน พัฒนาสานต่อโครงการโปรเจ็กต์ได้ดีกว่าวิทย์ฯ เยอะมากค่ะ จึงไม่แปลกที่คนเลยไม่อยากเรียนวิทยาศาสตร์ และคนที่เรียนจบคณะวิทยาศาสตร์มาล้วนตกงานจนต้องไปเรียนเพิ่มเป็นครูสอนตามโรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยม น้อยคนที่จะยอมต่อเอกเพื่อสอนในระดับอุดมศึกษาหรือมหาวิทยาลัย
ผมว่าเป็นบางสาขามากกว่าครับที่หางานไม่ค่อยได้ในสายวิทยาศาสตร์นะ ผมเรียนวิทยาการคอมพิวเตอร์ พึ่งจบมายังได้ 2,5000 ครับ ผมทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ ตอนแรกทั้งห้องมีอยู่ 30 กว่าคน ตอนนี้เหลือ 9 คน จบจริงๆ 6 คน เขียนโปรแกรมได้จริงๆ 3 คน หนึ่งในนั้นคือผม ไม่ได้ไปหางานเลยครับ งานวิ่งมาหาเองตั้งกะยังเรียนไม่จบ ผมว่ามันอยู่ที่สาขาที่เรียนด้วยครับ บางสาขาเรียนยากมากๆ แต่ไม่ค่อยมีงานรองรับ
ก็ถึงได้บอกไง ว่าไหนว่ามาซิ สาขาไหนขาดแคลน ขาดแคลนแล้วถ้าไปเรียนจะ ทำมาหากินอะไรได้บ้าง ที่ไหน
ผมนี้ซิ่วมาศิลป์เลยครับ 555 (น่าจะเรียนสายศิลป์ตั้งแต่ม.ปลายละสายวิทย์มันเหนื่อยจริงๆถ้าไม่ชอบ เฮ้ออ)
ขอพูดในฐานะที่เรียนในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ แรกเริ่มเข้ามามีร่วม40คน ไม่พ้นปีค่ะ เหลือ20กว่าๆ แถมรุ่นพี่ยังบอกว่าตอนจบอาจเหลือไม่ถึง10 ตอนแรกคิดว่าโม้ เรียนไปได้สักพัก เออจริงว่ะ ตอนนี้ทั้งห้องจะเหลือแค่หลักสิบละ 555555
เรียนวิทย์คอมเหมือนกันเลยคะปี 1 เข้ามามี 220 กว่า เรียนไปมาไม่ถึง 90 คน
ใช่ครับ เหมือนกันเลยของผมพึ่งจบมา 555+ ตอนแรกมี 2 ห้อง ห้องละ 30 คน ตอนนี้ เหลือแค่ 9 คน รวมกันเป็นห้องเดียว จบจริงๆ 6 คน เขียนโปรแกรมเป็น 3 คน
เพื่อนผมคนหนึ่งเรียนมัธยมสายศิลป์ ตอนเอ็นตรงเลือกสอบแต่ของสายวิทย์ แล้วก่อติดเรียน App math เรียนได้สบายๆ ในขณะเพื่อนๆที่จบสายวิทย์บางคนยังต้องให้ช่วยติวเค้าอีก การเรียนในมหาลัยก่อเสมือนการนับหนึ่งใหม่ หากมีความพยายามแล้วไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ที่ทำไม่ได้เพราะยังไม่เริ่มทำ
จริงแท้แน่นอน!!
คณะวิทย์เข้าง่าย เรียนยาก จบยาก จบออกมาบางสาขาก็เงินเดือนน้อย
หลายคนเข้ามาเรียนเพื่อรอซิ่ว
เราคนนึงที่จะเข้าวิทย์คอม
เจ่งมาครับน้อง น่านับถือ สู้ๆนะครับ พี่พึ่งจบมา ทำงานเงินเดือนเริ่มต้นออกตัวแรงมาก แต่ต้องเขียนโปรแกรมได้นะ 555+
พี่จบจากที่ไหนคะ ?
มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนคริทร์ ครับ เป้นเด็กราชภัฏ 5555
แต่เขียน โปรแกรมได้ ก็เทพ แล้วคะ ส่วนมาก เขียนไม่เป็นกัน
ผมว่ามันไม่มีอะไรดึงดูด นอกจากคนที่อยากเข้ามาจริงๆ ผมเองก็เคยเรียนคณะวิทยาศาสตร์ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เรียนปีเดียวรู้สึกว่าเรียนก็หนักอยู่นะ แต่คิดไปแล้วว่า เรียนก็หนักเหมือนคณะวิศวกรรมศาสตร์ จบมา อนาคตการงานทางโน้นดีกว่า แล้วจะเรียนต่อทำไม ไปทางโน้นดีกว่า ผมเรียนได้เทอมเดียวก็ลาออก ปีถัดไปก็แอดมิดชั่นใหม่เข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์เลยครับ จบมาทำงานได้ 5 ปีละ ก็คิดว่าคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ซิ่วแต่วันนั้น
เรียนคณะวิทย์ตอนแรกมีเพื่อน800กว่าคนตอนนี้2ปีผ่านไปเหลือ600นิดๆ ถ้าจะให้ชัดสักหน่อยภาคเรามีจริงๆตอนปี1 มี54คนตอนนี้หรอ43หายกันไปเร็วมาแล้วแต่ละสาขาก็ไม่ต่างกันเลยTT
นโยบายดี แต่ก็ต้องทำความเข้าใจเด็กด้วยนะ เด็กยุคใหม่ ไม่เหมือนก่อน แค่มอบทุน อาจไม่เพียงพอ แน่ไม่แน่ อาจจะได้ไม่คุ้มเสีย เด็กขอทุนมายังดี แต่เด็กไม่สนใจ แม้จะมีทุน เพราะคิดว่าเรียนหนัก ยาก ลำบากกว่าจะจบ ผมว่าจัดการระบบการถ่ายทอดความรู้ การปลุกฝังจิตสำนึก ปลุกฝังความฝัน อุดมการณ์ น่าจะช่วยได้เยอะนะ แม้จะเป็นเรื่องยากก็เถอะ ทุกวันนี้ ที่เจอกับทั้งตัวเองและรุ่นน้อง คือ เราคิดไม่เป็น ได้แต่ทำตามอย่างเดียว ซึ่งมันไม่ใช่วิทยาศาสตร์เอาซะเลย เด็กวิทย์ไม่ขี้สงสัยเหมือนที่ อาจารย์เคยบอกว่า นักวิทยาศาสตร์ต้องรู้จักสงสัยก่อน เด็กวิทย์ไม่กล้าแสดงออก โดยเฉพาะเรื่องความคิดเห็น เพราะ สังคมบอกว่าผู้อาวุโสทำไรก็ถูกหมด อาบน้ำร้อนมาก่อน แต่ไม่เคยบอกว่าเคยอาบน้ำเย็นมากเท่าเด็กบางคนใหม่ สิ่งที่เราต้องทำคือ ให้เด็กกล้า และให้ผู้ใหญ่ใจกว่า ผมเคยถาม และอาจารย์เคยเถียง(เถียงนะครับ ไม่ใช่ให้เหตุผล) เคยบ่ายเบี่ยง บ้างครั้งก็บอกว่า เอ่อ นั้นซิ มันคืออะไร? ให้นักศึกษาไปหาคำตอบมา "คนที่รู้ทำไมไม่บอกเลย จะได้รู้เลย" ให้ไปหาเราไปไหม ไปบ้างไม่ไปบ้าง ลืมบ้าง จำบ้าง ได้คำตอบบ้างไม่ได้บ้าง แต่นี่ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือ เมื่อคนรู้ ไม่บอก เท่ากับ สูญเสียโอกาสให้ความกระจ่างกับเด็กคนหนึ่ง ปัญหาแก้ได้ ถ้าเรารู้จุด แต่คนรู้จุด คือ เด็ก เข้าหาผู้ใหญ่/คนให้นโยบายยาก แม้มีช่องทาง แต่โอกาสที่คนรู้จุดจะได้ช่องทางนั้น น้อยยิ่งกว่าการพบเพชร ในมหาสมุทรซะอีก ดังนั้น อย่าตกใจ หรือเดือดเนื้อร้อนใจเลย เมื่อมีเรื่องต่างๆเกิดขึ้น ซึ่งเป็นทางลบ เพราะนั่นคือเรื่องปกติครับ แต่หากเป็นทางบวก ก็ควรยินดี เพราะนั่นคือ ปฏิหาริย์ครับ
นึกภาพออกเลยอะ อาจารย์มาสอนแค่คนเดียว หลอนจิต
จบมาทำอะไรได้ มันไม่ชััดเท่าหมอ เภสัท ไง เป็นช่างซ่อมคอม? เปิดร้านเกม?
เข้าใจผิดแล้วครับ ถ้าจะเป็นแค่ช่างคอม หรือเปิดร้านเกมส์ไปเรียนสายอาชีพก็ได้ครับ หรืออาจไม่ต้องเรียนศึกษาเอาเองก็ได้ครับ แต่ วิทยาการคอมพิวเตอร์ หรือ เทคโนโลยีสารสนเทศ มันเป็นอะไรได้มากกว่านั้นหลายเท่านัก 555+ เป็นช่างซ่อมคอม? เปิดร้านเกม? เอาไว้ให้พวกที่เรียนไม่จบ หรือไม่ตั้งใจเรียนแล้วกันครับ เพราะสิ้งที่พวกเค้าทำได้มันมีแค่นั้นจริงๆเลยเรียนไม่จบ คนที่ไม่รู้ก็จะมองภาพออกแค่นั้นว่าเรียนจบมาก็มาทำแค่นี้ 555+ จริงๆ จบมาสายนี้ทำอะไรได้เยอะมาก
.
ใจเย็นไหม ช่างคอม เปิดร้านเกม ต้องเรียนสายอาชีพอย่างเดียวรึ พวกปอตรีเรียนไม่รู้เรื่องเยอะแยะไป อย่าดูถูกสายอาชีพ ช่างคอมปอนๆ ที่จบสายอาชีพ ทำงานตามบ้านน่ะ เหมือนจะนั่งซ่อมคอมน่ะ โปรแกรมเมอร์รับฟรีแลนซ์งานเพียบเหอะ อย่านึกว่าตั้งใจเรียนปอตรีวิทย์คอมได้แล้วอลังกาลดาวล้านดวงกว่ากลุ่มอื่นเสมอไป มันอยู่ที่บุคคล การศึกษาเป็นส่วนหนึ่ง ครั้งหน้าพาดพิงในทิศทางที่สมควรนิดนึง
จบสายอาชีพก็เรียนต่อได้ ไม่ต้องทำงานช่างคอมอย่างเดียว มันอยู่ที่บุคคล
ส่วนวิทย์คอมน่ะ อาจจะแค่ซ่อมคอมอยู่บ้้านก็ได้ ถ้าไม่มีความสามารถจริงๆ
ไอหนูเจ้าของความเห็นคิดหลักน่ะ ไม่รู้แค่บ่นๆ หรือไม่รู้จริงๆ นะ?
ค่านิยมไร้สาระ
เราคนนึงค่ะที่ซิ่วจากคณะวิทย์ จริงๆก็ไม่ใช่ว่ามันเรียนไม่ไหวหรอกค่ะ แต่ว่าเราก็ไม่รู้ว่าจบมาแล้วจะได้ทำงานอะไรนอกจากเป็นครูหรืออาจารย์มหาลัย ไม่รู้สิ เราคิดไม่ออกจริงๆว่ามันจะมีงานอะไรรองรับเราบ้าง เรารู้สึกไม่มีกำลังใจเรียนเลยอ่ะ ว่าจบไปแล้วจะทำอะไรยังไง รู้สึกเคว้งคว้าง พอไปเรียนแล้วมันก็มีแต่ความคิดที่ว่า เราทำไปเพื่ออะไรอ่ะ
วิทยาฯ เป็นคณะที่คนดูถูก ทั้งที่เรียนยากและหนักมากๆ เราเป็นคนหนึ่งที่กำลังเรียนวิทยาศาสตร์อยู่ พอมีคนถามว่าเรียนอะไร บอกว่าวิทยา ก็ทำหน้าดูถูก ผิดกับคณะอื่นๆ เช่น บัญชี ไรงี้
วิทยาเรียนหนักมากเลยนะ (ไม่รู้เป็นทุกที่หรือเปล่า แต่ที่ที่เราเรียน ก็ทำเอาเด็กลาออกไปก่อนจะจบปีไปเป็นจำนวนไม่น้อย)
มีความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับคณะนี้เยอะแยะ
อีกอย่าง วิทยาก็มีตั้งหลากสาขา อยากให้พวกผู้ใหญาเลิกดูถูกเด็กวิทยาด้วย เพราะเด็กวิทยาหลายคนไม่ได้ด้อยคุณภาพเลยนะ
แต่คนวัยทำงานเขาไม่คิดอย่างนั้นค่ะ เขาจะมองว่าวิศวะเลิศเลอกว่า สร้างสรรค์ประยุกต์งานได้มากกว่า ทำให้หน่วยงาน/บริษัทก้าวหน้าได้มากกว่า เขาก็เลยมักจะเขี่ยเด็กวิทย์ทิ้งไปพวกแรก ๆ น่ะค่ะ
ใช่เลย เราอยู่ pure science หัวกะทิเต็มเลย ทั้งสอวนเหรียญทองเงินทองแดงมีหมด เด็กทุนอีก เยอะครับจริงๆ ที่เข้ามีเพราะรักวิทยาศาสตร์จริงๆ แล้ว pure science หลายคนอยากเป็นครูรวมถึงเราด้วยเพราะ pure science ของม.เรามีทุนให้นิสิตไปเราต่อป.โทครุด้วย
เราเป็น #dek59 ค่ะ ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงเลือกคณะ คือโดยส่วนตัวอ่ะ เราคิดว่าวิทยาจบมาก็เป็นครู เราไม่ค่อยเห็นรุ่นพี่ที่รู้จักไปเป็นนักวิจัยต่อเลย ไม่เป็นครูก็ทำงานในโรงงาน มันดูกว้างอ่ะ เราเลยยังไม่มั่นใจว่าจะเลือกคณะนี้ดีมั้ย
ขาดแคลนยังไงหว่า มีงานไหนบ้างที่รองรับคนจบ ป.ตรี pure science?
มันไม่ใช่สาขาอาชีพอย่างหมอ เภสัช วิศวะ บัญชี ที่จบมาปุ๊บ พอจะมีงานมารองรับตามที่เรียนมา
วิทยาก็เรียนยาก แล้วจบมามีแต่ทำงานไม่ตรงสาย
หรืองานด้านวิทยาศาสตร์ในกระทรวงต่างๆหรือบริษัทต่างๆ ก็ต้องเรียนต่อกันจนถึงปริญญาเอกนู่นกว่าจะมีงานชัดเจนและมั่นคง
มันไม่แปลกเลยที่คนจะไม่เลือกที่จะเรียน เพราะกว่าจะได้ทำงานดีๆ กว่าจะได้เงิน มันอาจจะไม่คุ้มค่าเรียนแล้ว
Pure science หลายคนเข้ามาเพราะอยากเป็นครูนะ รวมถึงเราด้วย แล้วอีกหลายๆคนใน pure science ก็หัวกะทิ เหรียญทองสอวน เหรียญเงินก็มีทองแดงด้วย เด็กทุนก็เยอะนะ เราแอดมาก็แอบเขินๆเพราะคนรอบข้างมีแต่ฉลาดๆ เราส่วนนึงไม่อยากให้คิดว่าวิทย์มีแต่เด็กซิ่ว เพราะบางส่วนของ pure science เข้ามาเพราะรักวิทยาศาสตร์จริงๆ
ส่วนใหญ่ที่เข้ามาเรียนในคณะวิทย์จะเป็นเหรียญสลึง เหรียญบาท เหรียญห้าน่ะสิคะ เหรียญทอง เหรียญเงิน ส่วนน้อย
มันก็มีคนที่หัวกะทิเลือกเรียนเพียวไซน์จริงๆ แต่พวกหัวกะทินั่น ลอยรำไง เดี๋ยวก็ได้ทุน ไปเรียนเมืองนอก กลับมาเป็นอาจารย์คณะ หรือนั่งคืนทุนในราชการ พวกนี้ไปรอดในทางวิทย์ที่เขาชอบ แต่พวกที่เหลือล่ะ
นั่นแหละปัญหา
คณะวิทย์ บางครั้งถ้าอยากรู้ว่าจบมาทำงานอะไร ลองเข้าไปอ่านตามเว็บไซต์ภาควิชาดูเนอะ ในนั้นบางมหาลัยจะบอกว่า จบแล้วไปทำไรได้บ้าง พี่เรียนวิทย์อาหารตอนนี้ต่อโทอยู่ ไม่ใช่ว่าอยากเป็นอาจารย์นะ อยากทำงานวิจัยจริงๆ เพื่อนๆ ก็ทำงานโรงงานเช่น อิชิตัน CP ก็มี ทำงานสถาบันอาหารก็มี ทำงานกระทรวงสาธารสุขก็มี ยังไงถ้าสนใจแนะว่าลองเปิดเว็บไซต์ภาควิชาหรือไม่ถามอากู๋ ก่อนเลือกได้จะดีมากๆ จะได้รู้ด้วยว่า ทำงานเป็นยังไง
ถ้าวิทยาศาสตร์ประยุกต์น่ะ งานเพียบอยู่แล้วสิคะ
แต่กับวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์น่ะ ตกงานกันโขเลยค่ะ
เห็นด้วย วิทย์ประยุกต์นั่นแหละละมีงานอยู่ แต่วิทย์เพียวๆ ทั้งหลายที่เข้าไป นี่มืดล้านประการเก้าดวงเลย เอาไว้พักซิ่วกันนั่นแหละวิทยาเนี่ย
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?