Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

คิดไงกับคนสอบหมอ 2 รอบไม่ติด แถมยังซิ่วอยู่บ้าน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เพื่อนที่โรงเรียน เพื่อนบ้าน ญาติ ต่างก็รู้ว่าเราซิ่วอยู่บ้าน แถมเพื่อนบ้านยังพูดแกมหยอกแบบไม่รักษาน้ำใจก่อนผลออกอีกว่า จะติดมั้ย สงสัยคงต้องสอบอีกรอบที่สามล่ะมั้ง แล้วพอไม่ติดจริง ๆ ก็คงต้องทำใจ แต่ไม่อยากไปเจอใคร อายไปหมด ถ้าเป็นคุณ คุณจะรู้สึกยังไงกับคนที่สอบสองรอบแล้วไม่ติด จะว่าโง่มากมั้ย แต่มันก็คงจริง

#ซิ่วหมออยู่บ้าน #ซิ่วไม่ติด

แสดงความคิดเห็น

>

35 ความคิดเห็น

beebee 8 ก.พ. 59 เวลา 01:07 น. 1

ไม่โง่หรอกค่ะ คุณอาจจะแค่ยังเตรียมตัวไม่พอหรือเตรียมตัวผิดวิธี อาจจะลองไปเรียนพิเศษเปลี่ยนดูบ้างค่ะ สู้ๆนะคะ เราก็ซิ่ว

0
เปรตในหมู่ปราชญ์ 8 ก.พ. 59 เวลา 01:18 น. 2

อายทำไมครับ?? ถึงจะยังสอบไม่ติดแต่ตั้งใจแน่วแน่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ดีกว่าพวกที่ได้ที่เรียนแล้วใช้ชีวิตเหลวไหลในสังคมมหาลัย ไม่ตั้งใจเรียน เที่ยวกลางคืน กินเหล้าเมา เกรดตก ผลาญตังผู้ปกครองไปวันๆ คิดว่าแบบไหนมันน่าอายกว่ากันครับ

0
uักo่าuuิยาย 8 ก.พ. 59 เวลา 01:25 น. 3

คล้ายๆกันเลยยยย จขกท คะแนนขึ้นมั้ยคะ ถ้สมีบางวิชาขึ้น แล้วอยากเป็นหมอจริงๆ ซิ่วต่อก้ยังได้เลอออออ

เรา เด็ก 58 ปีที่แล้วแอดติดคณะที่สัญลักษณ์ Rx มหาลัยอันดับ2ค่ะ (อันดับ1ก้มั่นใจว่าคะแนนถึง ตั้งแต่ยังไม่ประกาศ แต่ตั้งใจไม่เลือก ความชอบส่วนตัวเนอะ) ส่วนทันตะ เราคะแนนถึงรับตรงมอตจวที่ไม่ร่วมกับ กสพท แต่ญาติเราหลายคนจบแต่ทันตะมออันดับ1(สีชมพู) เค้าแนะนำให้ไม่เอา เราก้เลยไม่สมัคร แต่พอประกาศผล คะแนนเราถึง

กลับมาเรื่อง คณะที่เราเรียนนะคะ เราเรียนไปเดือนนึงแล้วออกมาอนส แต่ก้ยังขกอยู่ เราให้คะแนนความพยายาม ปีที่แล้ว 3/10 ปีนี้ 4.5/10 ผลออกมา คะแนนความถนัดลงฮวบ แต่ 7 วิชาขึ้นนิดหน่อย เราตัดสินใจซิ่วต่อค่ะ แล้วเราจะไม่ไปเรียนเลยปีนี้  

2
จขกท 8 ก.พ. 59 เวลา 01:32 น. 3-1

คะแนนเพิ่มครับ แต่ไม่ถึง 60 เลือกต่ำสุดก็ แพทย์ มข.แล้ว ยังไงปีนี้คงต้องเรียนก่อน ส่วนเรื่องจะซิ่วคิดว่าคงต้องซิ่วอีกแน่นอน

0
uักo่าuuิยาย 8 ก.พ. 59 เวลา 17:12 น. 3-2

เราว่าซิ่วไปเรียนไปแล้วติด ยากมากกกกกก กิจกรรมเยอะค่ะ ไม่ทำก้เห็นแก่ตัว กินแรงเพื่อน ทำก้เสียเวลา เราทำนะคะ แต่ตอนไปมอแทบไม่ได้อนสเลยยย กลับมาอยู่บ้านได้อ่านน้อยแต่ก้ยังเยอะกว่า แต่บางคนสามารถเอาที่เรียน ไป apply ใช้ในการสอบได้ จขกท อาจจะเป็นแบบนั้นก้ได้เนอะ ^-^

0
คนร่วมอุดมการณ์ 8 ก.พ. 59 เวลา 01:46 น. 4

เป็นเรื่องธรรมดาเนอะเจ้ากระทู้จะคิดมาก แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้เนอะว่าเราไม่ติด ฉะนั้นก็คงต้องให้เวลากับใจที่ต้องทำให้แข็งแกร่งขึ้นมา
คนจะมองเราไม่ว่าประสบผลยังไงก็เรื่องของเค้าเนอะ แต่ถ้าวันนึงจขกท.ได้พยายามและซิ่วสำเร็จ สิ่งเหล่านี้จะหายไปเอง
มีคนแบบจขกท.เยอะมากที่ผมเจอมา บางคนเรียนมา 3 ปีซิ่วออกมาแล้วมาสอบไม่ติดอีก หรือซิ่วมา 4-5 ปีแล้ว อยุ่บ้านมาก่อน
ก็มีเยอะแยะไปครับ เป็นกำลังใจให้จขกท.เนอะ ถ้ายังได้ซิ่วต่อก็เป็นกำลังใจให้ เริ่มเตรียมตัวในวันที่ทำใจได้และปีหน้ามาเป็นเด็กที่ซิ่วหมอสำเร็จ
.

โชคดีครับ :)
จากเด็กซิ่ว 2 ปี(สอบ 3 รอบแล้ว)

2
สู้ต่อไป 8 ก.พ. 59 เวลา 08:44 น. 5

ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง ถ้าคุณจะซิ่วรอบ3มันก็คือสิทธิ์ของคุณ อนาคตมันเป็นของคุณคนเดียว คุณจะเลือกแบบไหนมันก็เป็นสิทธิ์ของคุณ อย่าให้ใครมาทำให้คุณไขว้เขว อย่าไปใส่ใจกับคำพูดต่างๆนาๆ สู้ๆนะ เด็กซิ่วเหมือนกัน^^

0
Shalnark T Diabolus 8 ก.พ. 59 เวลา 08:47 น. 6

ถ้าไม่ได้ตั้งเป้าเพราะใจรักก็เลิกเถอะเปลืองเวลา แต่ถ้ามั่นใจว่าใจรักแน่นอนก็ทำต่อไป จบ - -

0
ขอโทษตัวเองพ่อแม่ 8 ก.พ. 59 เวลา 10:24 น. 7

เราเป็นคนนึงนะ. ถึงคะแนนจะผ่านเกณฑ์แต่รู้ว่าคงไม่ติด. 50 กว่า% เอง. แต่ก็ถือว่าเราพยายามแล้วนะเพราะปี58 เราได้แค่ 34%เอง เข้าใจความรู้สึก. สู้ๆนะ อยากรู้จังว่ามีกี่คนที่ซิ่วอยู่บ้านแล้วยังไม่ติด กสพท สมองเราคงไม่ถึงที่จะเรียนทันตะแล้วละ เศร้าจัง

0
Crazyman 8 ก.พ. 59 เวลา 10:50 น. 8

ผมซิ่วมาเยอะกว่าคุณครับ ตอนนี้คะแนนรวมก็ 64 กว่าๆลุ้น มข ยุ และผมก็เข้าใจความรุ้สึกคุณ เอาเป็นว่า ความรู้สึกที่คุณเป็นยุ ผมได้รับมันมาเยอะกว่านั้นแน่นอน ไม่ต้องไปสนใจใครนะครับ เคยได้ยินคำนี้มั้ยครับ นัตถิ โลเก อนินทิโต ไม่มีใครในโลกที่ไม่ถุกนินทาหรอก และมันต้องมีสักปีแหละที่คุณพร้อมที่สุด และผมเชื่อว่าคะแนนคุณก้จะออกมาดีด้วย เอาใหม่อีกรอบนะครับ คุมตัวเองให้ยุ จัดตารางดีๆ อย่าตึงเกินไป หรือหย่อนเกินไป ขอให้ปีหน้าเป็นปีสุดท้ายของคุณนะครับ เอาใจช่วยครับสู้สู้

1
44444444444 8 ก.พ. 59 เวลา 11:46 น. 9

อย่าไปคิดแบบนั้นสิ
เราเองก็เหมือนกัน เด็ก57ซิ่วอยู่บ้าน
ปีนี้ก็ยังไม่ถึงทันตะ
เคยคิดยอมแพ้หลายครั้งเหมือนกัน
แต่ที่เราทำมามันก็ไม่มีสูญเปล่าหรอกนะ
อย่างน้อยก็ถึงคณะดีๆอยู่บ้างแหละน่าๆๆ

2
C3PO 8 ก.พ. 59 เวลา 11:57 น. 10

Michael Oliver

หนังสือที่พี่อ่านทั้ง 7 วิชา
*** Math ***
1. หนังสือของพี่ณัฐ อุดมพาณิชย์ 5 เล่ม - 25 พศ , หัวใจคณิตศาสตร์ PAT1 , Syntax , Crack , Vaccine
2. Hi Speed maths ของอาจารย์ คณิต มงคลพิทักษ์สุข 2 เล่ม
3. แบบทดสอบ 9 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 ของอาจารย์ กานดา ลือสุทธิวิบูลย์
*** Phy ***
1. ขนมหวาน ทุกเล่ม
2. ตะลุยโจทย์เทพฟิสิกส์ พิชิตข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย ของอาจารย์ รัชพล ธนาภากรรัตนกุล
3. ฟิสิกส์ 15 พศ ของอาจารย์ จักรินทร์ วรรณโพธิ์กลาง
4. ติดหมอ FUKU YU
5. young & freedman university physics 13th (ใช้อ่านเสริมอ้างอิงตำราหลัก)
*** Chem ***
1. ครูกุ๊ก ทุกเล่ม
2. เคมี 15 พศ ของอาจารย์ สำราญ พฤกษ์สุนทร
3. Chem raymond chang 10th (ใช้อ่านเสริมอ้างอิงตำราหลัก)
*** Bio ***
1. พี่เตนท์
2. เล่มปู
3. อ่านขาด ชีววิทยา
4. ชีวะ ระยะประชิด
5. ชีวะ 15 พศ ของอาจารย์ ประสงค์ หลำสะอาด
6. Bio campbell 10th (ใช้อ่านเสริมอ้างอิงตำราหลัก)
*** Eng ***
1. AX25 , AX grammar , AX Vocab
2. หนังสือของอาจารย์ ศุภวัฒน์ พุกเจริญ ทุกเล่ม
3. ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์(แนะนำเกมส์แนวRPG) และ อ่านบทความที่about.com
*** สังคม ***
1. พี่บอล
2. หาอ่านอะไรไปเรื่อยเปื่อยตาม wikipedia
*** ภาษาไทย ***
ไม่ได้อ่านอะไรเลย (ไม่แนะนำให้ทำตามพี่)
*** ความถนัดแพทย์ ***
1. พาร์ทเชื่อมโยง - AJ Klui ดีที่สุดแล้ว , GAT อาจารย์ ยู เล่มที่มีนกยูงตัวเล็กตรงหัวมุม
2. พาร์ท IQ - แนะวิธีคิด พิชิตข้อสอบ กสพท มั่นใจเต็ม 100 ของคุณหมอ นักเขียน เล่มนี้อ่านแค่พาร์ทIQพอ , กินบุญเก่า
3. พาร์ท จริยธรรม - ใช้ใจ ไม่เฟค
วิธีการเตรียมตัว
การเตรียมตัวของพี่ ก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่อ่านๆไปอย่างตั้งใจ ทำให้เป็นระบบ มีสมาธิ ช่วงแรกๆพี่อ่านวันละ 10-12 ชั่วโมง (ตื่น6โมงเช้ารีบกินข้าวอาบน้ำให้เสร็จก่อน7โมงหลังจากนั้นก็อ่านยาว) วันละ3วิชา เฉลี่ยวิชาละ 4 ชั่วโมง พัก10นาทีทุกๆชั่วโมง (แบ่งเป็นช่วงเช้า 4 ชั่วโมง พักกินข้าวเที่ยง 30นาที ช่วงบ่ายอีก 4 ชั่วโมง 6โมงเย็นรีบกินข้าวอาบน้ำ 1ทุ่มอ่านต่อ วิชาสุดท้ายของวันจะเป็นภาษาอังกฤษ สังคม หรือ ความถนัดแพทย์ สลับๆกันไป 4ทุ่มเข้านอน บางคืนก็5ทุ่ม เฉลี่ยๆ พี่จะนอนตอน4ทุ่มครึ่ง จะจับคู่วิชาไหนคู่กับอะไร ข้อนี้แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคนนะ หลักๆคือใช้สูตร เช้า4/บ่าย4/ดึก2-4 เช้ากับบ่าย จะเป็น4วิชาหลัก คณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ สลับคู่กันไป ระบบนี้อาจจะทำให้คิดถึงพ่อแม่สักหน่อย เพราะ น้องจะรู้สึกว่าอยู่บ้านเดียวกัน แต่ทำไมไม่มีเวลาได้คุยกับใครเลย เหนื่อยหน่อยนะ แต่คุ้ม ช่วงแรกๆ พี่คุยกับพ่อแม่ ผ่านการแปะPost it ที่ประตูอยู่บ่อยๆ) แต่ช่วง2-3เดือนที่ใกล้สอบ พี่อ่านเหลือวันละ4-5ชั่วโมง พี่ไม่รู้จะเรียกอาการนี้ว่ายังไงนะ พี่ขอใช้คำว่า อิ่มข้อสอบ เพราะช่วงก่อนหน้านี้ แต่ละวัน ใช้เวลาอ่านแบบเต็มวัน ทุกวัน ไม่ไปไหนหรือทำอะไรเลย ทำโจทย์มันซ้ำๆ อ่านซ้ำๆ จนจำเนื้อหาจำรูปแบบโจทย์ได้หมด จับคอนเซปมันได้ จะทำอะไรก็เลยดูไวไปหมด เลยไม่ต้องใช้เวลาอ่านนานเป็นวันแบบช่วงแรกๆ เวลาทำโจทย์ พี่จะฝึกจับเวลาทุกครั้ง วิชาสามัญส่วนใหญ่ใช้เวลาสอบ 1.30 ชั่วโมง เวลาพี่ฝึก พี่จะลบเวลาออกไป 15 นาที คือต้องทำโจทย์ให้ครบในเวลา 1.15 ชั่วโมง คิดเป็นนาทีคือ 75 นาที ยกตัวอย่างนะ เช่น ข้อสอบ คณิตศาสตร์ มี 30 ข้อ พี่ก็จะเอา 75/30 ตกข้อละประมาณ 2นาทีครึ่ง จากเวลาปกติตกข้อละ 3 นาที เวลาทำโจทย์คณิตศาสตร์ จะหนังสือเล่มไหนก็ตาม เวลาที่ใช้ต่อข้อ ต้องไม่เกิน2นาทีครึ่ง สมมติโจทย์เก่าที่ทำมี 18 ข้อ เวลาที่ใช้ก็จะต้องไม่เกิน 18*2.5 = 45 นาที พอเข้าใจกันใช่ไหมคับ หลักการของพี่ก็ประมาณนี้ วิชาสามัญเป็นสปีดเทส พี่ให้ความสำคัญกับเรื่องเวลามากๆ ข้อสอบวิชาสามัญไม่ยากเท่าPAT แต่เวลาที่บีบคั้น มันทำให้วิชาสามัญดูยาก ถ้าพื้นฐานความรู้ไม่ดี และ ยังมาเจอเวลาในการทำข้อสอบที่มีน้อยอีก จบเลย pointของวิชาสามัญคือ ต้องการวัดว่าเด็กมีความเข้าใจในพื้นฐานวิชาความรู้นั้นๆจริงไหม โดยมีเวลาเป็นตัวบีบกดดัน ถ้าวิชาสามัญให้เวลาทำข้อสอบมากกว่านี้ พี่เชื่อว่าไม่ได้แตกต่างไปจากOnetมากนักหรอก เวลาฝึกทำโจทย์ รวมถึงตอนทำข้อสอบจริง ข้อไหนที่พี่ไม่ได้ พี่จะข้ามไปก่อนทันที ป้องกันสมองBlank การจมอยู่กับข้อที่ทำไม่ได้ มีผลทำให้สมองของเราเกิดอาการสับสน ย้ำคิดย้ำทำ จะพาลทำข้อต่อๆไปไม่ได้ด้วย จากข้อสอบง่ายๆ จะกลายเป็นข้อสอบยากทันที
ตัวช่วยในการอ่านหนังสือ
มันสำคัญมากๆเลยนะสำหรับพี่ แล้วคิดว่าถ้าติดจริงๆ คงได้ใช้แน่ๆ นั่นคือพวกยาวิตามินบำรุงสมอง ใช้สมองเยอะๆมันก็เครียดนะ ต้องอาศัยตัวช่วย
1. วิตามิน B ห้ามขาดเลย จะยี่ห้อไหนแล้วแต่น้องๆเลย พี่ไม่อยากพูดยี่ห้อที่พี่กิน เดี๋ยวมันตจะดูโฆษณาเกินไป
2. เครื่องดื่มขวดส้มๆผสมโสมยี่ห้อดังที่โฆษณาในทีวี(ขอไม่พูดชื่อยี่ห้อ) ทุกเช้าวันละขวด
3. เครื่องดื่มขวดเล็กๆน้ำเชื่อมๆหวานๆตามสโลแกนที่ว่าดื่ม..แล้วไปนอนซะ(ขอไม่พูดชื่อยี่ห้อ) ทุกวันก่อนนอน
4. ตลอดทั้งวันดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ
เวลาท้อ หรือเหนื่อย จะทำยังไง?
เวลาพี่ท้อหรือเหนื่อย พี่จะนึกถึงพ่อกับแม่ แล้วจินตนาการถึงวันที่พี่สอบไม่ติดเห็นภาพพ่อแม่นั่งร้องไห้ แค่นี้พี่ก็หายท้อเลย จากเหนื่อยๆอยู่ ไฟมันก็มาเอง ฮึดสู้อีกครั้ง หลักการของพี่ก็มีเท่านี้จริงๆ
4 อันดับพี่เลือกอะไรบ้าง?
จุฬา ศิริราช รามา มช
พี่ได้คะแนนเท่าไรบ้าง?
พี่ขอไม่พูดตรงนี้นะคับ พี่คิดว่ามันค่อนข้างละเอียดอ่อน พี่เห็นกระแสรอบก่อน ตอนความถนัดแพทย์และGAT PATแล้ว พี่กลัว
พี่มีเฟสหลักไหม?
มีแน่นอนคับ 555 แต่ขอไม่เปิดเผยนะคับ พี่อาย 555
สุดท้ายนี้ พี่ขอฝากไว้สั้นๆ พี่ทำได้ น้องก็ทำได้ เรามี1สมอง2มือเท่ากัน พยายามคิดให้เยอะแต่ลงมือทำให้เยอะกว่า คิดแล้วไม่ลงมือทำมันก็เท่านั้น อย่ามัวแต่นั่งฝันหวาน ไม่มีเทพเทวดาที่ไหนจะมาประทานพรให้น้องได้คะแนนดีๆโดยไม่เหนื่อยก่อนหรอกคับ มันอยู่ที่ตัวน้องเองทั้งนั้น action=reactionเสมอ(ยกเว้นเรื่องความรัก) อยากเป็นหมอ คำว่า"อยาก"ของน้อง มันตัวโตพอจริงๆอย่างปากน้องพูดหรือเปล่า พูดแล้วต้องทำให้ได้ พูดให้น้อย คิดให้เยอะๆ ลงมือทำให้เยอะยิ่งกว่า แล้วน้องจะสำเร็จ นึกถึงหน้าพ่อหน้าแม่ที่เต็มไปด้วยคาบน้ำตาเข้าไว้ ถ้าไม่อยากให้ภาพที่พวกน้องนึกถึงเกิดขึ้นจริง ก็ขยัน พยายามเข้า อย่าท้อ สู้ๆคับ
ส่วนน้องๆที่กำลังจะขึ้นม.6 ให้เริ่มเตรียมตัวตั้งแต่วันนี้เลย ยังทันนะ พยายามเข้าไว้ แบ่งเวลาให้เป็น คนที่สอบติดหมอเขาก็มีงานและการบ้านเท่าๆน้องนี่แหละ บางคนทำกิจกรรมเยอะอีก เรื่องนี้ไม่ควรเอามาเป็นข้ออ้างว่าไม่มีเวลาอ่านหนังสือนะ แบ่งเวลาให้เป็น 10-15นาทีที่หมดไปกับการนั่งเมาส์กับเพื่อนในห้องระหว่างรออาจารย์เปลี่ยนคาบวิชา เอาเวลานั้นมานั่งทำโจทย์ดีกว่า ด้วยเวลาเท่านี้ มันอาจจะเป็นประโยชน์กับตัวน้องเองในอนาคตโดยที่น้องไม่ทันรู้ตัวก็ได้ ฝากไว้เท่านี้แหละคับ สู้ๆคับ
มีอะไรเพิ่มเติม ถามได้คับ

เอามาให้อ่านเป็นกำลังใจครับ บทความของคุณMichael Oliver ในกลุ่มติวสอบกสพท.และ7วิชาสามัญ
https://www.facebook.com/groups/141251332913916/permalink/172533609785688/
ขออนุญาตด้วยครับ
0
1111 8 ก.พ. 59 เวลา 14:04 น. 11

เราเด็กแอด 57 เราก้อเข้าเรียนเทคนิคการแพทย์ 1 เทอมแล้วซิ่วอยู่บ้านนะ ตั้งใจมากๆแต่คะแนนออกมาก้อยังได้ 58% ไม่ถึง ทันตะมช. อยู่ดีคงต้องแอดเรียนเภสัชในปีนี้แล้วล่ะ เบื่อคนถาม สงสารพ่อแม่ ปล.คะแนนเรา gat 250 pat 2 159 คิดว่าเรามีโอกาสที่น่าติดเภสัชได้รึเปล่า

1
เฮ้ออ 8 ก.พ. 59 เวลา 14:08 น. 12

อายก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น หรือขอไปเรียนรามไปพลางๆ คือไม่ต้องเข้าเรียนด้วยไง เราก็เตรียมสอบได้ด้วย
ถ้าตั้งใจแล้ว รออีกปีก็ไม่เห็นช้าเกินไป ใครพูดอะไรก็ช่างเค้า เราทำได้ เราก็ได้เป้นหมอ ส่วนเขาก็คงไม่ได้เป็นอะไรที่มากขึ้นหริอน้อยลงไปกว่าเป็นแค่ญาติเราแบบนี้ พ่อแม่เราไม่ว่า แล้วจะไปสนใจอะไร ห่วงพ่อแม่เราโน้น ไม่ต้องสนใจญาติ

0
อิสรีย์ มั่คั่ง 8 ก.พ. 59 เวลา 17:57 น. 13

อย่าได้แคร์ค่ะ..ลมปากที่ไม่สร้างสรรค์ อนาคตเรา..ชีวิตเราเราเลือกเองนะคะ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่นค่ะ ลูกชายพี่ก็สอบ3ครั้งจึงได้หมอ ไม่ต้องท้อไม่ต้องอายค่ะเราไม่ได้ทำอะไรผิด พวกที่พูดจาพร่อยๆสิคะสมควรอายสู้สู้

0
55555 8 ก.พ. 59 เวลา 17:59 น. 14

หนูในปีเดียวนะคะ ไม่ติดหมอ 5สนามแล้ว สอบทุกเดือน เหนื่อยแต่ไม่ยอมแพ้ อย่ายอมแพ้นะคะ

0
เทพนักจีบ 8 ก.พ. 59 เวลา 18:08 น. 15

กระผมจบพลศึกษา กศ.บ. ตอนนี้อายุ25 เพิ่งออกจากงานมาสอบแพทย์ เพราะตามเสียงของหัวใจต้องทำตามฝัน แถมไม่ติดด้วย ขาดไป14 คะแนนถึงได้ลุ้น ปีหน้าเอาใหม่ครับ ผมว่าผมยังจะสู้ต่อเลยคุณก็พยายามนะครับ ผมน่าอายมากกว่าคุณอีก แต่เพราะดินแดนแห่งความฝัน เป็นแดนอันศักดิ์สิทธิ์  ผมอาจอ่านหนังสือน้อยเกินไป 5 เดือน เอง -- และอ่านน้อยแค่ 6 ชั่วโมง คงต้องทุ่มให้มันมากกว่านี้อีก โชดดีนะครับกระผมก็จะพยายาม

1
สู้ๆนาจา 10 ก.พ. 59 เวลา 17:56 น. 15-1

สู้ๆต่อนะครับ มีคนนึงอายุ31ปี กำลังจะขึ้นปี1หมอ ในปีการศึกษาหน้า ขอให้ได้ดั่งใจหวังครับ

0
เด็ก 57 8 ก.พ. 59 เวลา 18:25 น. 16

จขกท เป็น dek57 ใช่มั้ย
เราก็เหมือนกัน ปีนี้ไม่ได้ แต่จะสู้ต่อไป
ปีนี้ต้องเลือกแอดสักคณะแล้วอ่านนสต่อ
เป็นกำลังใจให้นะ สู้ๆ
ปล. ใครเป็น dek57 ที่ซิ่วแล้วยังไม่ติดบ้าง
แสดงความคิดเห็นหน่อยนะ อยากคุยด้วย

2
เดกชิ่ววว57 8 ก.พ. 59 เวลา 20:37 น. 16-1

เราเด็ก57เองแหละ ตอนนี้อยู่บ้าน
อยากเข้าทันตะ
ปีนี้เราได้53กว่าเปอร์เอง
ยิ่งสอบคะแนนก็ยิ่งต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
แม่เลยไล่ไปเรียนได้แล้วสักที่นึง
เดะเราจะไปเรียนสายสุขภาพนี่แหละ
แล้วสอบอีกรอบดู ไม่ได้ก็พอละ
เริ่มแก่แล้ว กว่าจะเรียนจบอีก
เพื่อนก็จะทยอยมีลูกมีเต้ากันหมดละอะ

เยี่ยม

0
จขกท 9 ก.พ. 59 เวลา 10:17 น. 16-2

เราเป็นเด็ก ม.6 ปี 57 ครับ สอบหมอตอน ม.ค.58 ผมไม่ทราบว่ารุ่นจะเรียกตาม ม.6 หรือ ปี 1 เหมือนกัน

0
Flourish 8 ก.พ. 59 เวลา 18:39 น. 17

เราว่าคนไทยชอบให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าระหว่างทาง จริงๆก็คือการที่มีความพยายามก็เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมแล้ว การใจแข็งเลือกมาอ่านนสอยู่บ้านหนึ่งปีก็ยอ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม การที่อ่านสอยู่บ้านก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไร เราได้พัฒนาตัวเอง ได้ฝึกฝน ทักษะที่ได้ก็ไม่เปลืาประโยชน์หรอกค่ะ ได้ใช้ ได้ต่อยอดแน่นอน
ยังไงก็ตามเราก็ต้องประเมินตัวเองด้วยว่าเราทำได้แค่ไหน ถ้าคิดว่าทำยังไม่เต็มที่ก็ลองพยายามอีกซักครั้งก็ได้ แต่ถ้าเต็มที่แล้วก็ไม่ต้องเสียดายหรอกค่ะ บางทีมันอาจจะไม่เหมาะกับเราจริงๆ อาจจะมีที่อื่นที่เหมาะกับเรามากกว่าก็ได้ใครจะรู้ ลองมองมุมอื่นลองเผื่อทางเลือกไว้ให้ชีวิตตัวเองหลายๆทางถ้าเราพอมองเห็นทางเราก็จะไม่ทุกข์มาก
ยังไงก็สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

0
Blue 8 ก.พ. 59 เวลา 20:04 น. 18

มันไม่ใช่สิ่งน่าอายหรอก เพียงแต่ลองย้อนถามตัวเองดูว่าพ่อกับแม่หรือผู้ปกครองสามารถเลี้ยงดูเราได้จนกว่าเราจะสอบติดหมอได้หรือไม่หากสอบไม่ติดในรอบถัดไป (อันนี้ไม่ได้แช่งหรือตัดทอนกำลังใจ แต่เราก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าจะติดแน่นอน)

ลองมองอะไรหลายๆ มุม อย่ายึดติดว่าชีวิตนี้ฉันจะต้องเป็นหมอให้ได้ บางครั้งอาจมีอะไรเหมาะสำหรับเรามากกว่าการเป็นหมอก็ได้ ลองทบทวนและมองหลายๆ มุมครับ คำตอบนี้อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ดูสวยงามนัก แต่ยึดติดที่ความเป็นจริงเป็นหลัก เพราะการที่เราหยุดอยู่บ้านนั่นแปลว่าเราเสียเวลา เสียโอกาส เสียเงิน ผลาญทรัพยากรทางการเงินและสิ่งต่างๆ ของพ่อแม่

สุดท้ายนี้พี่ตอบในฐานะที่เคยเป็นเด็กซิ่วมาก่อน แถมไม่ประสบความสำเร็จในการซิ่ว ผิดหวัง ไม่ได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองอยากเรียน แต่พี่ก็มองชีวิตตัวเองว่ามันมีอีกตั้งหลายอย่างที่ถนัดและเหมาะกับเรา โชคดีครับ

ปล.ขออนุญาตเรียกพี่เพราะแน่ใจว่าน่าจะแก่กว่าเพราะตุลาคมนี้จะรับปริญญาแล้ว (เรียนในสิ่งที่ไม่ชอบอยู่ จนจะจบแล้ว)

0
Paparin 8 ก.พ. 59 เวลา 20:51 น. 19

เราก็เหมือน จขกท.เลยค่ะ
เราซิ่วอยู่บ้านเลยค่ะ แต่เป้าหมายเราคือทันตะค่ะ
แถมสอบก็ไม่ติด
กสพท.แม้รวมแล้วจะเพิ่มแต่มันก็ไม่ได้อยู่ดีค่ะ
T_T
คือหยุดมาขนาดนี้แต่มันไม่ได้ จขกท.คิดเหมือนเรามั้ย?
มันอารมณ์ประมาณเนี่ย บอกไม่ถูกแต่คิดว่าคงรู้สึกคล้ายๆกัน

ถ้าขนาดนี้แล้วไม่ติดเลยเราก็คงอายๆอยู่ แต่มันก็คือความจริงค่ะ เราขยันไม่พอ เราอดทนไม่ได้ เราจัดการไม่ดี
ตัวเราเองอ่ะ ที่ทำให้เป็นอย่างนี้ แม้มันคือความจริง แต่ก็ปวดใจเนะ รู้สึกแย่555

แต่ว่าปีนี้มันก็ให้อะไรเรามากนะ
เรารู้จักตัวเองมากขึ้น เรารู้ว่าเรามันแย่ตรงไหน ได้เจอสิ่งต่างๆมากมาย อย่างน้อยเราก็ไม่เสียดายเวลา1ปีนี้ค่ะ
(แต่หยุดแบบนี้เล่นเอารู้สึกจะเป็นบ้าเลยอ่ะ=_=;)
หลังจากนี้เราจะไม่เป็นแบบนี้ จะค่อยๆแก้ ค่อยๆพัฒนากันไป

สุดท้ายปีนี้อาจจะต้องทำใจ คงต้องยอมรับหลายๆอย่างอ่ะเนอะ

2
Mindmintss 9 ก.พ. 59 เวลา 08:28 น. 19-1

เทอเป็นเหมือนเราเลยย. ใช่เด็ก58ป่าวเนี่ย. เราก็ซิ่วอยู่บ้าน อยากเรียนทันตะเหมือนกัน. คะแนนเราก็สูงขึ้น. แต่มันก็ไม่ถึงที่จะยื่น ฮื่อ. เม้นท์ข้างบนจะทำยังไงต่อไปอ่า. ยื่นรับตรงหรือรอแอด. จะลองสอบใหม่ปีหน้าป้ะ. เราจะสอบใหม่อะแต่ก็เรียนไปก่อน. สู้ๆเศร้าจัง

0
จขกท 9 ก.พ. 59 เวลา 10:30 น. 19-2

ใช่ครับ ตอนสอบครั้งแรก เพื่อนกลุ่มเราได้คะแนนกันตั้ง 70 บางคนเกือบ 80 มีเราเป็นส่วนน้อยที่ได้ไม่ถึง 55 คะแนนและได้น้อยสุดในกลุ่ม เรารู้สึกเสียใจมาก พอจะสอบอีกครั้งก็คิดว่าอยากทำให้ได้แบบเพื่อนบ้าง ก็เลยขอเอกสารที่เพื่อนเคยไปเรียนพิเศษมาอ่าน คิดว่าอย่างน้อยน่าจะติดซักขอนแก่น แต่สุดท้ายมันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด คงเพราะเราเตรียมตัวไม่ดีพอ คงต้องยอมรับผลและสายตาจากคนรู้จักที่จะมองเรา

0
mint 8 ก.พ. 59 เวลา 22:10 น. 20

เราก็ซิ่วหมอนะ ปีแรกเรียนไปซิ่วไปปีที่สองลาออกมาอ่านหนังสืออยู่บ้าน เราเข้าใจนะว่ากดดัน เพราะเราเจอมากะตัว แต่เราคิดเสมออะว่าคนที่เขาส่งเราเรียน คนที่เราต้องแคร์ก็คือพ่อกับแม่ คนพวกนั้นเขาไม่ได้มาอยู่สถานการณ์เดียวกับเราเขาไม่เข้าใจหรอก ก็เป็นกำลังใจให้จขกทต่อไปนะ ลองมานั่งทบทวนดูว่าเราพลาดตรงไหน วิธีการอ่านหนังสือของเรามันถูกต้องไหม
สู้ต่อไปนะ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้นน้า ประโยคนี้มันใช้ได้จริงๆ สู้ต่อไปนะคะ สู้สู้

0