Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ในปัจจุบันการใช้บุญสร้างความสำเร็จ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ในปัจจุบันการใช้บุญสร้างความสำเร็จ
พวกเราชาวพุทธแต่ละคนล้วนเคยทำบุญให้ทานมาแล้วทั้งสิ้น ทั้งในชาตินี้และในชาติก่อนถ้าจะนับบุญก็คงจะใหญ่เท่าภูเขาเลากา หรือเท่าก้อนโลก แต่ไม่รู้จักใช้บุญของตนเองให้เกิดประโยชน์ในปัจจุบันชาติ จึงต้องรอตายแล้วจึงไปรับบุญในสรวงสวรรค์ คนทำบุญจึงชอบบ่นว่าทำแต่บุญไม่เห็นได้ดีสักที ที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาไม่เคยให้บุญแก่เทวดาที่รักษาตัวเอง ไม่เคยให้เจ้ากรรมนายเวรที่ตามจ้องกันอยู่ ไม่เคยให้เทวดาและญาติทิพย์ที่อาศัยอยู่ในเขตบ้านเขตเรือน ไม่เคยให้เทวดาที่รักษาเจ้านายของตัว เทวดาเหล่านั้นบางองค์อาจมีบุญน้อยมีฤทธิ์น้อย จึงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเราได้มาก แต่ถ้าเขาได้รับบุญจากเราบ่อยๆ เขาจะกลายเป็นเทวดาที่มีฤทธิ์อำนาจ สามารถช่วยเหลือให้เราประสบความสำเร็จได้ดั่งใจหมาย บางคนอ้างว่าทำบุญทุกครั้งก็กรวดน้ำให้เทวดาและเจ้ากรรมนายเวรทุกครั้งก็ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลง โปรดเข้าใจว่าท่านให้ไม่เป็นเขาจึงไม่ได้รับเช่นให้ไม่เจาะจงหรือแสงบุญหมดแล้วจึงมากรวดน้ำให้เขาก็ไม่ได้รับ
เมื่อกำลังให้ของแก่ใครไม่ว่าจะถวายของแก่พระสงฆ์ ให้ของแก่ พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ มิตร แม้เอาข้าวให้หมากิน เอาอาหารโยนให้ปลากิน เอาเศษอาหารโปรยให้มดกินย่อมเกิดกระแสบุญขึ้นเป็นแสงเรืองรอง แผ่ออกจากตัวผู้กำลังให้ เพียงไม่กี่วินาทีแสงนี้จะพุ่งหายขึ้นไปเบื้องบนแล้วสะสมเป็นกองบุญของผู้ให้อยู่บนเทวโลก ดังนั้นขณะให้ของแก่ใครจึงควรอธิษฐานจิต คิดทันทีว่า “บุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาตัวข้า” หรือ “บุญนี้จงเป็นของเจ้ากรรมนายเวรของข้า” หรือ “บุญนี้จงเป็นของเทวดา –ภูติ-ผี-ปีศาจ-เปรต-ครุฑ-นาค-ยักษ์-ที่อาศัยอยู่ในเรือกสวนไร่นาหรือเคหะสถานบ้านเรือนของข้า จงเป็นของเทวดาผู้รักษาบิดา มารดาของข้า เป็นต้น ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการแก้ไขในจุดไหน เช่น
บุตรของเราเกเรเหลือเกิน ชอบสร้างแต่ความเดือดร้อน สั่งสอนไม่ฟัง แบบนี้ต้องให้เทวดาผู้รักษาตัวเขาเป็นผู้ขนาบตักเตือน วิธีที่เทวดาตักเตือนนั้นท่านจะสั่งการไปที่ความรู้สึกนึกคิดจิตใจของเขา ถ้าเทวดาประจำตัวเขาเป็นมิจฉาทิฏฐิ เมื่อได้รับบุญบ่อยๆ เทวดารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเองมีชีวิตที่สุขสบายขึ้น มีฤทธิ์อำนาจขึ้นเขาจะทราบได้เองว่าสิ่งที่เขาได้รับนั้นมาจากไหน เมื่อเราอุทิศบุญให้ท่านก็อธิษฐานว่า “เมื่อเทวดาได้รับบุญแล้วขอให้มีความสุข มีกินมีใช้ มีเสื้อผ้าที่อยู่อาศัย และขอให้อบรมตักเตือนลูกของข้าให้เป็นคนดีด้วย” ดังนี้ไม่นานหรอกจะเกิดกรณีพิศดารขึ้นกับบุตรเกเรคนนั้นจนต้องเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นคนดีแน่นอน
สามีหรือภรรยา คู่ครองของตนเป็นที่น่าเอือมระอาเหลือเกิน อยากให้คู่ครองดี รักเรา ละเลิกความประพฤติชั่วเหลวไหล ก็ให้ทำแบบเดียวกันกับที่ให้บุญแก่เทวดาที่รักษาบุตร
กิจการการค้าของท่านล้มเหลวหรือซบเซา เมื่อท่านทำบุญทุกครั้งควรอุทิศให้เทวดาประจำตัวของท่านและเทวดาที่ดูแลกิจการการค้าด้วยพร้อมกันไป แล้วอธิษฐานว่า “เทวดารับบุญของเราแล้วโปรดช่วยเหลือกิจการค้าธุรกิจของเราให้ประสบความสำเร็จด้วยเถิด ถ้าร่ำรวยขึ้นจะทำบุญให้ท่านยิ่งๆขึ้นไปอีก” จะใช้คำเรียกตนเองว่าข้าว่าเรา ก็ได้ทั้งนั้น
ร้านค้าขาย จะเป็นร้านอะไรก็แล้วแต่ เมื่อทำบุญก็ให้อุทิศแก่เทวดาที่รักษาร้านค้านั้นด้วย แล้วบอกว่า “เทวดาเมื่อได้รับบุญแล้วโปรดเรียกลูกค้ามาอุดหนุนให้มากๆด้วย”
การอุทิศบุญไม่ต้องพูด ไม่ต้องกรวดน้ำ ให้ใช้การคิด ต้องรีบคิดทันที อย่าชักช้าเพราะแสงบุญที่เกิดขึ้นจะดำรงอยู่ไม่กี่วินาทีแล้วจะหายไปอยู่สวรรค์ ถ้าฝึกบ่อยๆเราจะชำนาญในการคิดเพราะมีกระแสแรงกว่าพูดออกจากปาก เวลาหย่อนก้อนข้าวลงในบาตรให้คิดส่งบุญทันทีและคิดให้ชัดเจนอย่าลางเลือน ให้ของแก่ใครเมื่อของหลุดจากมือเราก็ให้คิดทันทีอย่าช้า
การรักษาโรคภัยที่เกิดกับตัวเราสืบเนื่องมาจากนายเวรผู้เคียดแค้นชิงชังกระทำทั้งสิ้น พระพุทธเจ้าตรัสว่าผู้ฆ่าสัตว์ย่อมอายุสั้น ผู้เบียดเบียนสัตว์ย่อมสุขภาพไม่ดี ดังนั้นการรักษาต้องส่งบุญไปให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยนั้นๆและให้เทวดาผู้รักษาตัวเราในขณะเดียวกันโปรดอธิษฐานว่า “หมอใดยาใดที่สามารถรักษาอาการนี้ให้หายขาดได้ ขอให้เทวดาจงนำหมอนั้นมารักษาตัวเรา เจ้ากรรมนายเวรได้รับบุญของเราแล้ว จงอโหสิกรรมให้เราด้วย ถ้าเราหายเราจะทำบุญให้แก่ท่านยิ่งๆ ขึ้นไป” การอธิษฐานเบิกบุญเก่าอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่รบกวน ควรทำวันละหลายๆครั้งจนเขาพอใจอาการป่วยของเราจะหายเร็วขึ้น
วิธีการให้บุญเจ้ากรรมนายเวร ควรทำดังนี้เป็นตัวอย่าง เช่น คนป่วยมะเร็งจุดไหน เมื่อส่งบุญให้คิดว่า “บุญนี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยตรง....พวกเชื้อมะเร็ง เมื่อได้รับบุญแล้วขอให้เจ้ามีชีวิตที่ดีขึ้นมีภพภูมิที่สูงขึ้น จงหลุดจากภาวะชีวิตขั้นต่ำเดี๋ยวนี้ เมื่อเราหายแล้วเราจะทำบุญให้แก่พวกเจ้า ส่งชีวิตให้พวกเจ้าให้สูงขึ้นเรื่อยๆ พวกเจ้าจงเลิกจองเวรจองกรรมในเราเสียที ตั้งแต่นี้เราจะตั้งตนอยู่ในศีลในธรรม เลิกการเบียดเบียนเข่นฆ่าชีวิตสัตว์อื่นขอส่งบุญที่เกิดจากการรักษาศีลแก่เจ้าด้วย
ผู้มีอาชีพเกี่ยวเนื่องกับการฆ่าหรือเบียดเบียนสัตว์อื่นคนเหล่านี้ต้องสร้างบาปกรรมทุกวันๆ จึงก่อความเคียดแค้นชิงชังให้แก่สัตว์ที่ถูกฆ่าอยู่ทุกวี่ทุกวัน เขาก็พยายามจองล้างจองผลาญ แต่ในขณะที่บุญเก่าของผู้นั้นยังมีอยู่เจ้ากรรมนายเวรก็ทำอะไรไม่ได้ แต่หากว่านายเวรได้ช่องทางเมื่อไรวิญญาณสัตว์ที่เคียดแค้นเหล่านั้น(นายเวร)จะตามมาทวงและให้ร้ายทันที ดังนั้นต้องพยายามไถ่ถอนกรรมของตัวด้วยการทำบุญแล้วอุทิศให้วิญญาณสัตว์ที่ตัวเองทำบ่อยๆ ส่ง บ่อยๆ เอาเนื้อสัตว์ที่เราขายนั้นทำอาหารถวายพระหรือเลี้ยงผู้อื่น อธิษฐานว่า “บุญนี้ให้สัตว์ทั้งหลายที่เราได้ฆ่าหรือผู้อื่นฆ่าเพราะคำสั่งเราเหล่าสัตว์เหล่าใดได้รับบุญแล้ว ขอให้มีแต่ความสุข ความเจริญ มีชีวิตวิญญาณที่ดีขึ้น จงหลุดพ้นจากกรรมเวรที่ตนเองสร้างไว้ จงมีภพภูมิที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นเทวบุตร เทวดาในสรวงสวรรค์ เมื่อได้รับบุญแล้วจงอโหสิกรรมให้เราด้วย
คาถาบริกรรมและปฏิบัติเพื่อปลดหนี้ต่อเจ้ากรรมนายเวร ตั้งแต่อดีตชาติ
เนื่องเพราะเราทุกๆคน เคยมีหนี้สิน(หนี้กรรม)มาตั้งแต่อดีตทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา พอมาในชาตินี้จึงปรากฏว่าเกือบทุกคนที่ต้องเสียเงินทอง เสียทรัพย์สินไปโดยไม่ได้กลับคืนมา เช่น มีผู้มาขอยืมเงินไปแล้วไม่เอามาคืน โดนลักทรัพย์ โดนอุบัติเหตุในทรัพย์สินทุกชนิดเสียหายบางคนขายของโดยสินเชื่อแล้วยังไม่ได้เงิน บางคนโดนโกงแชร์ ฯลฯ เป็นต้น และเกือบทุกคน ๆ ทำบุญ ทำทาน ถวายพระมากมายแต่ไม่เคยคิดที่จะนำเงินที่มีมาใช้หนี้เก่าที่ติดค้างมาตั้งแต่อดีตชาติ เจ้ากรรมหนี้ จึงมาทวงคืนตามเวลาและจังหวะที่เหมาะสมของเขา จึงเกิดเรื่องขึ้นว่า ทำไมเราเป็นคนถือศีลทำทานแล้ว ยังมีเหตุการณ์โกงหนี้สินเกิดขึ้นไม่เว้นเลย
ฉะนั้น เพื่อเป็นการปลดหนี้กรรมและอโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรดังกล่าวเสียแต่บัดนี้ เพื่อความเป็นมงคลแก่ตนเอง ครอบครัวและสกุล จึงขอให้ท่านบริกรรม-ปฏิบัติดังนี้
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3จบ)
ท่านเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่ข้าพเจ้า (นาย,นาง.................................................)ได้ติดหนี้ท่านเท่าใด เวลาใด ตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ทั้งโดยเจตนาและโดยไม่เจตนา ข้าพเจ้าขอปวรนาว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าพเจ้าจะขอทยอยใช้หนี้คืนให้ทุกบาททุกสตางค์ จนกว่าจะหมด และขออโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า เพื่อความสุขความเจริญของข้าพเจ้าและครอบครัวด้วยเทอญ (นั่งบริกรรมโดยถือเหรียญ 1 บาทไว้ในมือ –เสร็จแล้วเอาเหรียญหย่อนใส่กระปุกหรือถ้วยไว้ทุกๆวันจนครบ 4 เดือน แล้วเอาเหรียญทั้งหมดไปทำบุญทำทาน ห้ามนำไปใช้ซื้อของกลับมาใช้) ให้ทำตอนเช้าก่อนที่จะใช้เงินต่างๆในทุกวัน



ค้นพบ “หนังสืออินตก-เทพทำนาย” โดยย่อ
หนังสือใบลานสี ได้ถูกตกมาในวัดแห่งหนึ่ง ในจังหวัดอัตตะบือ(ประเทศลาว) ข้าพเจ้าได้รับรู้จากพระอาจารย์ผู้ทรงศีลอันหนึ่งเผยแผ่ให้เลยเถิดความศรัทธาเสียสละทรัพย์พิมพ์แจกจ่ายมายังพี่น้องชาวพุทธทั้งหลาย เพื่อเป็นกุศล และเพื่อพิจารณาญาณด้วยตนเองถึงเหตุการณ์มหันตภัยของโลกยุคโลกาภิวัตน์ ซึ่งจะบังเกิดขึ้นตามพุทธทำนายไว้ดังนี้
โลชังชม โทโพโส อินโตกรุณา
พระอินทร์ พรหม ยมราช ได้สั่งไว้ว่า ถ้าบุคคลใดได้รู้แล้ว จงรีบบอกให้คนอื่นฟังหรือพิมพ์แจกตามกำลังศรัทธา จะเกิดมหากุศลช่วยให้ท่านได้หลุดพ้นจากมหันตภัยพิบัติทั้งปวง ถ้าบุคคลจะลงมาเกิดพร้อมทั้งหนังสือใบลานฉบับนี้ ถ้าใครไม่มีไว้ในบ้านเรือนจะมีภูตผีปีศาจเข้ามาทำลายอย่างแน่แท้
ในปีจอถึงปีกุล เมื่อเดือนหงายจะมีงูพิษอยู่บนศรีษะฉกกักให้ถึงตาย และผู้คนทั้งหลายจะเกิดความเดือดร้อนหลายประการ
ทุกข์ยากอ้อน ย้อนศึกสงครามบ่แล้ว
ทุกข์ยากอ้อน ย้อนน้ำและไฟ
ทุกข์ยากอ้อน ย้อนบ่มีไผสิเบิงไผ
ทุกข์ยากอ้อน ย้อนอึดข้าวปลาอาหาร
ทุกข์ยากอ้อน ย้อนผัว-บ่เห็นหน้ากัน
ทุกข์ยากอ้อน ย้อนมีคนตายตามทุ่งนา
ทุกข์ยากอ้อน ย้อนบ่มีผู้เฒ่า
ทุกข์ยากอ้อน ย้อนไปต่างประเทศบ่อสะดวก
ทุกข์ยากอ้อน ย้อนนอนบ่หลับ
ในปีจอนี้ ในเมืองจันทร์จะมีฤๅษีองค์ทองคำสิกขาลาเพศออกมาเป็นพ่อค้าในปีจอขึ้น 8 ค่ำ ห้ามบ่ให้ตักน้ำอาบ น้ำกิน ตามห้วยหนองคลองบึงหลังพระอาทิตย์ตกดิน(ก่อนค่ำ) พระยายมราชจะนำเอายาพิษพ่นใส่โลกมนุษย์
ในปีจอ เมืองกรุงเทพ จะแตกพังทลายตอนเวลาไก่ขัน พระแก้วมรกต หัวเชียงเมี้ยงข้าวเม็ดใหญ่จะกลับสู่เวียงจันทร์ นี่คือ พระคาถาขององค์อินทร์ พรหม ยมราช ได้เขียนไว้ในใบลาน จงเก็บรักษาไว้ให้ดีเพื่อช่วยหลุดพ้นจากภัยพิบัติได้ในยามเกิดเหตุการณ์มหันตภัย พระคาถาขียนไว้ว่า
ปะโต เมตัง ประระชีมินัง สุคะโต จุติ จิตตะ เมตตะ นินะมัง สุคะโต จุติ พระคาถาบทนี้เขียนลงใบลาน แผ่นทองหรือแผ่นผ้าก็ดี ติดไว้ที่ประตูบ้านหรือในรถหรือโพกศรีษะ ยามเกิดเหตุการณ์จะช่วยให้หลุดพ้นจากภัยอันตราย
ในการละเวลานี้ เทพเจ้าเหล่าเทวดาผผู้รักษาคุ้มครองโลกได้กราบทูลต่อพระอินทร์ว่ามนุษย์โลกทำบุญเพียง 3 ส่วน และทำบาปกรรมถึง 7 ส่วน เมื่อเป็นเช่นนี้องค์อินทร์จะสั่งลงโทษมนุษย์ผู้ใจบาป ถึง 7 ข้อ นับตั้งแต่ปีจอ ถึงปีกุน ดังนี้
1.จะให้เกิดพายุลมแรง แผ่นดินไหว
2.จะให้เกิดอัคคีภัย
3.จะให้เกิดอุทกภัย
4.จะเกิดฟ้าผ่า
5.จะเกิดร้อนเกินไป หนาวเกินไป
6.จะเกิดสารพิษต่างๆ
7.จะเกิดกาฬโรคต่างๆ
8.จะเกิดข้าวยากหมากแพง
9.จะเกิดฆาตพยาบาทเบียดเบียนกันเอง
มหันตภัย 9 อย่างนี้ จะหลุดพ้นได้เฉพาะผู้มีบุญ คนที่ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น รู้แล้วจงบอกต่อกันไปให้รับทำความดีมากๆ ถ้าเลยปีจอ ปีกุนไปแล้ว ทุกคนพร้อมทั้งลูกหลานจะได้รับความสุขกายสบายใจทุกคน ให้ทุกคนเคร่งครัดในศีล 5
นอกจากหนังสืออินตก ที่ได้กล่าวมาแล้วยังมีพระผู้ทรงศีลอีกองค์หนึ่ง ได้พบเห็นคำสอนที่จารึกไว้ในแผ่นศิลาที่พึ่งพบในภูเขาแห่งหนึ่งที่พระพุทธเจ้าได้เดินธุดงค์วิปัสสนากรรมฐานผ่านไป พระผู้ทรงศีลกล่าวว่าพี่น้องทั้งหลายถ้าไม่เชื่อก็สุดแล้วแต่ดวงจิต เพราะถึงเวลาแล้วที่สวรรค์จะไม่มีความลับ ถ้าท่านเชื่อก็เป็นกุศลรู้เพียงเท่านี้ข้าพเจ้าจึงขอบอกเล่าสู่ท่านฟังตามคำกล่าวของพระผู้ทรงศีลรูปนี้ว่า ในแผ่นศิลาได้เขียนไว้โดยพระมหากัสสะปะว่า ในปีระกา ปีจอ ปีกุล เดือน 7-8 จะเกิดเหตุการณ์ร้ายตามถนนหนทาง ในเดือน 9-10 คนใจบาปจะถูกล้างผลาญให้หมดไป มีบ้านแต่ไม่มีคนอยู่ มีข้าวแต่ไม่มีคนกิน มีทางแต่ไม่มีคนเดิน
สุดท้าย พระผู้ทรงศีลได้กล่าวย้ำถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหนังสืออินทร์ตกเพิ่มเติมว่า ถ้าท่านผู้เคารพบูชาหรือบนว่าจะบอกแก่ผู้อื่นหรือพิมพ์แจกจ่ายให้สาธุชนทั้งหลายได้รับรู้แล้วท่านปรารถนาสิ่งใดจะได้สมใจนึก จะปราศจากภัยพิบัติทั้งปวงตลอดไป ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
พระพุทธเจ้าทำนาย
ออกจากศิลาจารีกในมหาวิหารเจตมาหเชตะวัน ณ สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย โดยคณะทูตไทยที่ไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อปี พ.ศ.2485 ตามคำแปลเป็นภาษาไทยว่าดังนี้
สาธุ อะระหังตา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระเมตตากรุณาสรรพสัตว์ทั่วโลก ที่เกิดมาแล้วลำบากทั่วหน้า ทุกชาติ ทุกศาสนาตามธรรมชาติ เมื่ออาตมาเข้านิพพานไปแล้วครบห้าพันปีเป็นที่สุด โลกจะหมุนไปใกล้จะถึงจำนวนที่ตถาคตทำนายไว้สองพันห้าร้อยปี มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติเสียครั้งหนึ่งในระยะ 30 ปี สิ่งที่สาธุชนไม่เคยเจอะจะได้เห็น ไม่เคยพบจะได้พบ ยักษ์หินที่ถูกสาปให้หลับกลับตื่นขึ้นมาอาละวาดยิ่งนัก ใกล้กับ พ.ศ.2550 ยิ่งทวีกันใหญ่ขึ้นทุกทิวาราตรี มนุษย์นอกศาสนาจะรบราฆ่าฟันกันจนถึงเลือดนองเต็มพื้นดิน พื้นน้ำจะลุกลามเผามนุษย์ไม่ขาดระยะ ต่างฝ่ายต่างทำลายเหมือนยักษ์กระหายเลือด แผ่นดินจะเป็นเปลวไฟจะตายไปอย่างละครึ่งหนึ่งจึงจะเลิกล้ม ต่างฝ่ายต่างหมดกำลังด้วยกันตามวิสัยยักษ์ร้ายนอกศาสนาซึ่งถือกำเนิดจากป่าอำมหิต ส่วนพุทธศาสนิกชนผู้ทำแต่บุญเดินตามทางตถาคตสามารถระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านใดได้บูชาพระโพธิสัตว์ ผ้ากาวสวพัตร์ ก็จะรับภัยพิบัติเบาบางแต่หนีภัยธรรมชาติไม่พ้น ไฟจะลุกลามมาทางทิศตะวันออกไหว้วัดวาอารามสมณะชีพราหมณ์ จะอดอยากยากเข็น ลูกไฟจะตกจากฟ้าเหล็กกล้าจะผุดจากน้ำ สงครามจะเกิดทั่วทิศ พระยานาคจะพ่นพิษเป็นเพลิง ทหารจะเป็นเจ้า ข้าวสารจะขาดแคลนทุกแคว้นจะอดอยาก พลูหมากจะหมดเปลือง สีเหลืองจะชนะ พระยังอยู่คู่เมืองอีกต่อไป สีขาวจะแพ้ภัยในที่สุด ครุฑจะบินกลับฐาน คนจะกลับบำรุงพระพุทธเจ้าว่า ดังนี้ ชา ตะ มะ สะ ละ วา พรุพุทธชินลิตนี้ท่านให้เขียนใส่กระดาษ หรือผ้าขาวติดไว้หน้าบ้าน หรือหัวนอน ดังนี้จะมีอายุยืนยาว จะทันผู้มีบุญชื่อ พระยาธรรมิกราชา เมื่อแรกสถิตอยู่เขตอยุธยา บัดนี้ท่านเสด็จอยู่ลานช้าง(ภาคอีสานในปัจจุบัน) พระธรรมิกราชา
เข้ามาปีกุน เดือน 11 เป็นเที่ยงแท้หนักหนาท่านเสด็จมาในปีระกา แรม 5 ค่ำ มหากษัตริย์มาทางทิศตะวันตก สมณะ-ชีพราหมณ์ตามมาพอประมาณได้ 76,400 รูป ทั่วอาณาจักรสมเด็จพระบรมนักปราชญ์ได้ประกาศคาถาว่า ดังนี้ นะสัจจัง ทะ คะยังมะสำคำปัง คอยดูในปีมะโรง คนจะเดินโก่งโคง คลาน ผู้ใดอยากพบผู้มีบุญ ชื่อ พระยาธรรมิกราชให้ภาวนา ให้หมั่นรักษาศีล สดับรับฟังพระธรรมเทศนาคอยดูปีมะเส็งตลิ่งจะพัง มหาสมุทรจะชอกช้ำ อย่าเที่ยวไปกลางแจ้ง ท่านเข้ามาปีกุน เดือน 8 เป็นเที่ยงแท้ ผู้ใดไม่เชื่อจะรับอันตราย คอยดูในปีจอ คนจะพ้นภัย สะโรนะกา โททายะโม พุทธะตะยะ ภาวนาทุกเช้าค่ำ ผู้นั้นจะมีอายุยืนนานจะได้เห็นพระธรรมมิกราช(พระโพธิสัตย์ศรีอริยเมตไตย)ในปีกุน ท่านจะเข้ามาอีก ถ้าไม่เห็นหนังสือบ้านใดผู้นั้นจะได้รับอันตรายรู้แล้วให้บอกต่อกันด้วย
คำเตือน โลกมนุษย์กำลังจะเข้าสู่กาลียุค จะทำให้เกิดภัยธรรมชาติจาก ดิน น้ำ ลม จะเกิดมหาสงครามโลกครั้งที่สามตามมา มนุษย์จะตายไปกว่าครึ่ง
สำหรับประเทศไทย จะเริ่มเกิดตั้งแต่ปี 2550 คาดว่าจะได้รับภัยทางน้ำแล้วไฟโดยเฉพาะจังหวัดที่ติดชายทะเลและกรุงเทพฯแผ่นดินจะยุบตัว คลื่นน้ำจะพัดเข้าถล่มความสูง 200 เมตร มนุษย์จะล้มตายมากกว่าครึ่งน้ำจะเข้าช่องแคบสระบุรี และด้านตอนล่างของโคราชบางส่วน ภัยพิบัติจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนืองไปเรื่อยๆ สุดท้ายประเทศไทยจะเหลือประชากรประมาณสามสิบเปอร์เซ็น
ส่วนประเทศอื่นทั่วโลกจะเหลือเพียงสิบเปอร์เซ็นเท่านั้น บุคคลที่รอดชีวิตส่วนมากก็สูญเสียสติสัมปชัญญะไม่ปลอดภัยเหมือนเมืองที่นับถือพระพุทธศาสนาเพราะไม่เข้าใจบำเพ็ญฌานภาวนา ฉะนั้นอย่าหลงใหลในทรัพย์สินของตนเองให้มากนักเพราะเมื่อเข้าสู่ยุคศิวิไล เงิน ทอง จะไม่มีค่าเลยเพราะมนุษย์ยุคนั้นวัดกันที่ความดี ศีลธรรม บุญกุศลเท่านั้น ปีมะโรง พ.ศ.2555 ปีมะเส็ง พ.ศ.2556 ปีระกา พ.ศ.2560 พ.ศ.2561 ปีกุน พ.ศ.2562
โปรดใช้วิจารณญาณ
ข้อความจาก ปู่ฤษีมณีรัตน์

แสดงความคิดเห็น

>