Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[ระบาย+ขอคำแนะนำ] รร.กดเกรดมากไป เครียด ท้อ อยากดรอป-ย้าย

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

[ระบาย+ขอคำแนะนำ] รร.กดเกรดมากไป เครียด ท้อ อยากดรอปหรือย้าย
**ใครที่อ่านแล้วรู้ว่าเราอยู่โรงเรียนอะไร และกล่าวถึงใคร ขอความกรุณาจริงๆค่ะ ขอให้เงียบไว้ไม่เผยแพร่นะคะ

 

สวัสดีค่ะ ขอแนะนำตัวคร่าวๆก่อนนะคะ

เราอายุ 15 ปี เกิดต้นปี 43 ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ม.4 (ขออนุญาตไม่บอกชื่อรร.ที่เรียนอยู่เนาะ) สายวิทย์-คณิต แผนปกติ

ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ โรงเรียนที่เรียนอยู่ตอนนี้ค่อนข้างกดเกรด ได้คะแนนยากมาก การบ้านใหญ่ๆเยอะ ทั้งวิชาหลักของสายและวิชาอื่นๆ(ที่ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับสาย) สังคมและพฤติกรรมการเรียนการสอนของครู ยิ่งทำให้เกรดไม่ดีเท่าที่ควร จากที่ประเมินตัวเองเกรดเทอมนี้ไม่น่ารอด และความคิดตอนนี้คืออยากดรอปเรียนม.4 ทำเกรดใหม่อีกรอบที่ “โรงเรียนใหม่” ค่ะ




เหตุผลที่ทำให้เลือกที่จะดรอปเรียนคือ 1. บางคนอาจจะคิดว่าเกรดเทอมนี้ไม่ดีหรอ “เทอมหน้าเอาใหม่สิ” เราขอบอกเลยว่าเราไม่คิดว่ามันจะดีขึ้นหรอกในระดับม.ปลายแบบนี้ เพราะในชั้นที่สูงขึ้น มันยากขึ้นแน่นอน และที่สำคัญม.ปลายค่อนข้างเป็นการเรียนแบบต่อเนื่อง คือนำเรื่องจากเทอมก่อนมาต่อยอดเป็นเรื่องใหม่ต่อๆไป เราจึงคิดว่าถ้าไม่เข้าใจเทอมก่อนแล้วเราจะเข้าใจเรื่องของเทอมใหม่ได้ยังไง (ล่าสุดทำข้อสอบเคมีเรื่องสมการเคมีผิด เพราะไม่เข้าใจเรื่องตารางธาตุจากเทอมที่แล้ว)



2. “เทอมหน้าเอาใหม่” เราจะไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไร และยากขึ้นอีกต่างหาก แต่การดรอปเรียนซ้ำเราคิดว่ามันเหมือนกับการที่ เล่นเกมเดิมอีกครั้ง เราจะรู้ว่าต้องเจอกับอะไรทำให้มีโอกาสทำอะไรๆสำเร็จมากกว่า



3. “รุ่นพี่เขาก็เรียนมาเหมือนเรา เขายังทำได้ ผ่านมาได้เลย” ตัวเราก็คือตัวเรา ไม่อยากเปรียบเทียบกับใครค่ะ รุ่นพี่ไม่ใช่เราและเราไม่ใช่รุ่นพี่เหล่านั้น เพราะฉะนั้นเราคิดว่า เราประเมินตัวเองก็พอ ไม่เอารุ่นพี่เป็นที่ตั้ง มันเหมือนกับการ wanna be อยู่กลายๆ สนแค่ตัวเราก็พอ ไม่ไหวก็คือไม่ไหว จะไปทำตามรุ่นพี่ทำไมกัน?



4. คุยกับพ่อแม่แล้ว ท่านตอบกลับมาแนวไม่ห้าม แค่ถามว่าทำไมและจะต้องทำยังไง จะไปต่อที่ไหน



5. โชคดีที่เกิดเผื่อปีอยู่แล้ว เกิด 43 ยังอยู่ม.4 ถ้าดรอป 1 ปี ไม่น่าเสียหายมาก แค่เสียค่าเทอมฟรีไปปีนึง อีกอย่างคือเพิ่งแค่เริ่มต้น ถ้ากลับไปเริ่มต้นใหม่ดีๆ คงยังทัน

 

เหตุผลที่อยากย้ายโรงเรียนด้วยคือ 1. อยากย้ายมานานแล้ว ที่จริงเรียนที่นี่มาตั้งแต่ม.ต้นเห็นปัญหาของโรงเรียนนี้หลายอย่างค่ะ ตอนนั้นได้โควต้าเรียนต่อ ม.4 ที่เดิม เลยตัดสินใจไม่ไปสอบที่อื่นเพราะคิดว่าคงไม่มีอะไรแย่ขนาดนั้น แต่ตอนนี้เข้าขั้นวิกฤตแล้วค่ะ ชีวิตบัดซบมากไม่ไหวแล้ว 55555555555555555



2. กดเกรดเกินไป โดยที่เด็กไม่ได้อะไร การสอบทั้งมิดเทอม-ไฟนอล หรือแม้แต่เก็บคะแนนย่อย ค่อนข้างโหดร้ายค่ะ ยิ่งมิดเทอม-ไฟนอลโหดตรงที่แทบไม่รู้แนวข้อสอบที่แน่นอน และข้อสอบที่ออกมาส่วนใหญ่ไม่อยู่ในตำราเรียน บางทีก็ออกไปไกลโผ้นมาก หรือบางอย่างเป็นสิ่งที่ไม่เคยพูดในห้องเรียน บางคนอาจจะมองว่า “ปกติป่ะ คิดมาก โวยวายอะไรนัก” แต่สำหรับเรา ไม่ มันไม่ค่อยเป็นเรื่องที่ถูกมองว่าปกติ การสอบคือการประเมินผลสัมฤทธิ์ที่เด็กสามารถเรียนรู้ได้ในแต่ละเรื่องที่ “ผู้สอน สอนมา” ถ้าการสอบ ประเมินไม่ตรงกับสิ่งที่เด็กถูกให้ศึกษามามันจะมีประโยนช์อะไร



3. พฤติกรรมของครูบางคน แต่ก็หลายคน ใครก็บอกว่า “เรื่องปกติ มันมีทุกโรงเรียนอยู่แล้วป่ะ ยอมรับเถอะ” เราพยายามยอมรับและมองข้ามแต่สำหรับตอนนี้เกือบจบปีการศึกษาแล้ว เราว่าแย่ ไม่ไหวแล้ว และบางทีปีหน้าอาจจะเจอกันอีก ต้องประสาทรับประทานตายแน่ๆ (จะเล่าในหัวข้อต่อไปอย่างละเอียดทีละคน)




เรื่องราวสุดกดดันและไร้สาระที่เจอมาในหนึ่งปีการศึกษาที่ผ่านมา 1. ครูวิชาคณิตเสริม เทอมแรกไม่มีปัญหาอะไรมาก ครูดีมากและมากที่สุด แกเข้าใจเด็กและเข้าใจปัญหาการศึกษาไทยดีมากๆ แต่เทอมสองแกดันย้ายไปทำงานฝ่ายธุรการ ทำให้ผลที่เกิดคือ ห้องเราขาดครูสอนวิชาคณิตเสริม การแก้ไขปัญหาที่โดนคือ ในหนึ่งสัปดาห์จะมีเรียนคณิตเสริม 4 วันคือ จันทร์ อังคาร พุธ ศุกร์ โดยส่งครูมาสอน “สองคนสลับกัน” จนกว่าครูที่ย้ายมาจะมาถึง แต่ปวดหัวสุดคือการสลับกันสอน ครู1 เข้าคาบวันจันทร์และเจอกันอีกทีวันศุกร์ ครู2   เข้าวันอังคารพุธ ที่สำคัญคือครูสองท่านนี้มีสไตล์การสอนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ดีที่ทั้งสองท่านสอนดีทั้งคู่เข้าใจง่ายพอสมควร แต่ยังไงก็ปวดหัวสับสนอยู่ดี ถึงเวลาที่ครูคนใหม่มา เหมือนจะดีค่ะ แต่ไม่ ขอโทษด้วนะคะที่ต้องวิพากษ์วิจารณ์ครู แต่ครูท่านนี้ที่มาใหม่ มีวิธีการสอนที่ค่อนข้างแย่ ไปถามเด็กเก่งๆของห้องเขาก็บอกเรียนไม่รู้เรื่องเหมือนกันค่ะ ถามไม่ได้เรียนจากที่อื่นมาคือคงสอบไม่ผ่าน



2. ครูวิชาคอมพิวเตอร์ แกดูเป็นคนสมัยใหม่ค่ะ ยังสาวๆอยู่ แกเป็นครูที่เน้นการใช้ภาษาอังกฤษมาก มากจนเป็นปัญหาการเรียนของนักเรียนหลายคน เริ่มตั้งแต่เทอมแรกเป็นทฤษฎีทั้งหมด แกก็สอบเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดนั่นแหละค่ะ สอบก็เช่นกัน และเป็นข้อเขียนทั้งหมด เทอมสองเป็นเรื่องการใช้โปรแกรม Flash แกก็ยังสอนเป็นภาษาอังกฤษไม่เปลี่ยนแปลง แต่หลังๆเริ่มสอนไม่ทันแกเลยสอนเป็นภาษาไทยและพูดเร็วมาก (…) และงานไฟนอลคือ ทำคล้ายๆอนิเมชั่นด้วยโปรแกรม Flash ห้องอื่นส่วนใหญ่จะให้ทำเป็นชิ้นงานแล้วส่งในเวลา 2 อาทิตย์(ก็น้อยอยู่ดีสำหรับคนที่ไม่เคยใช้เลย) แต่ห้องเราเนื่องจากเขาสอนไม่ทันและใกล้ไฟนอลแล้ว กลัวเราทำกันไม่ทันค่ะ แก้ปัญหาโดยการสั่งสอบเป็นคู่ เตรียมวัตถุดิบเตรียมเพลงมาก่อนได้(แต่ต้องให้ครูตรวจไฟล์ก่อนด้วย) แล้วเอามาทำในคาบ คือ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ให้เขียน story board สดลงกระดาษของครู(แต่ก็คิดเตรียมมาก่อนได้อยู่แล้ว)และงานที่ทำออกมาจะต้องตรงกันด้วย ซึ่งสาเหตุที่ครูสอนไม่ทันเพราะเราเป็นคาบเช้าค่ะ คาบแรกเลย แกมักจะไม่อยู่ เข้าช้าประมาณหนึ่งคาบกว่าๆอยู่บ่อยๆ แถมเป็นวันศุกร์ด้วย ก็นะ



3. ครูวิชาชีวะ จะพูดถึงวิธีการสอนของท่านนะคะ ที่เป็นปัญหามากๆเลยคือ วิชานี้จะนั่งกันเป็นโต๊ะกลุ่มค่ะ แกจะเปิดวิดีโอที่โหลดจากยูทูปทั่วไปนี่แหละค่ะ ให้ดู แล้วก็บอกว่า เดี๋ยวจะให้สรุปนะว่าได้อะไรบ้าง (...) บางทีก็เอาตำราเก่ามาให้กลุ่มละหนึ่งเล่มแล้วบอกว่า ให้ช่วยกันศึกษาในกลุ่มนะแล้วครูจะเดินไปถามตามโต๊ะ/ให้ออกมาสรุปให้เพื่อนฟังหน้าห้อง (...) แค่นี้ค่ะ แค่นี้เลย ไม่มีเพิ่มเติม จบค่ะหนึ่งคาบชีววิทยาหมดไปกับการดูเองอ่านเองสรุปให้ฟังกันเอง ซึ่งครูก็ไม่พูดอะไรมาหรอกค่ะ มีแค่นี้จริงๆ แต่บางทีแกก็ถามนะคะเช่น ระบบนี้สำคัญไหม? ส่วนนี้สำคัญไหม? ระบบในร่างกายทำงานสัมพันธ์กันใช่ไหม? มันมหัศจรรย์มากเลยเนาะ ถามแค่นี้ไม่ได้เจาะลึกแต่อย่างใด แต่ในข้อสอบนี่ประหนึ่งนักเรียนจบแพทย์มา กินจุดตลอดปีการศึกษาแล้วค่ะ



4. ครูวิชาโครงงาน ท่านนี้จะพูดถึงนิสัยของเขาที่ทำให้นักเรียนเครียดกันไปหมดนะคะ คือ ต้องบอกก่อนว่าวิชาโครงงานนี้ ไม่มีสอบ ไม่มีเก็บคะแนนย่อย นำเสนอครั้งเดียวก่อนสอบไฟนอลกับกรรมการ (ซึ่งเป็นครูใหญ่ๆของหมวด) ครั้งเดียวนั่นคือ เกรดของวิชานี้เลย หน่วยกิต 1.0 ค่ะ โหดร้าย ซึ่งเท่ากับว่าครูผู้สอนไม่ได้มีหน้าที่ให้คะแนนค่ะ ตัวครูท่านนี้เองบอกว่า อยากให้เด็กได้เกรดดีๆอยู่แล้ว ครูจะช่วยหนูทุกทางเท่าที่จะช่วยได้ และต้องเอาโครงงานที่หนูทำมาให้ครูดูบ่อยๆด้วย แต่รู้หมือไร่? ครูไม่เคยอยู่ให้พวกหนูเลยอร่า แล้วครูก็มาบ่นพวกหนูอร่า ว่าไม่ยอมเอาโครงงานมาปรึกษาครู พวกหนูเศร้าอร่า (ขอโทษที่วิบัติค่ะ) ทีนี้จะให้ทำยังไง ได้ปรึกษาแต่ละทีก็ไร้ประโยนช์แต่เพิ่มปัญหา คือสั่งให้แก้ตรงนี้เพิ่มอันนั้น ไปเพิ่มมาๆๆ โดยที่ไม่(คง)นึกดูเลยว่า ถ้าแก้อันนี้ ถ้าเพิ่มแบบนี้ สิ่งนี้สิ่งนั้น มันจะยากสำหรับเด็กรึเปล่า มันจะซับซ้อนแค่ไหนสำหรับเด็กม.4 หรือการแก้ไขส่วนนี้มันต้องแก้ยังไง ยากไหม มันต้องโล๊ะอะไรออกก่อนรึเปล่า พูดง่ายๆคือ (เหมือนจะ)ไม่ดูสปีริดของเด็ก ลิมิตของเด็ก ไม่แคร์ความรู้และความสามารถเด็กระดับนี้เลย ขอยกตัวอย่างตัวอย่างงานของเพื่อนกลุ่นนึงให้เห็นภาพ ที่จริงหัวข้อนี้(ขออนุญาตไม่กล่าว)มันไปซ้ำกับเพื่อนอีกห้อง แต่เขาเสร็จแล้ว ทำPowerPointได้แล้ว เตรียมนำเสนอแล้ว แต่เพื่อนเรานี่ไปได้ไม่ถึงไหนเลย เพราะเวลาจะไปปรึกษาครู Ep.1 ไม่อยู่ ไม่มา ไม่ว่าง หายตัว - Ep.2 ไม่ใช่ ไม่ใช่อะ ไม่ได้ ไม่ ไม่ - Ep.3 หนูต้องไปทำแบบนี้มา (ไล่ ไม่ได้คุย) กลุ่มเรายังโชคดีมากที่มีโอกาสได้คุยบ้าง แต่ก็ล้มลุกคลุกคลานพอกัน อืมค่ะ



5. ครูวิชาสังคม ท่านนี้เป็นหัวหน้าหมวดค่ะ อายุค่อนข้างมากแล้ว และแกดูเป็นคนหัวโบราณ จะเล่าถึงนิสัยและการสอนของเขาค่ะ วิธีการสอนคือทำPowerPointมาเปิดให้จดตามแล้วแกก็พูดไปเรื่อยๆค่ะ แต่ชื่นชมแกตรงที่ทำเองและเวลาบรรยายจะไม่ใช่แนวแบบอ่านตามสไลต์เฉยๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีปัญหาตรงคำพูดแกอยู่ดี ชอบพูดแซะ แซะได้ตลอดเวลาและทุกเรื่อง บางทีคำพูดก็เกินเหตุและเสียดสีเด็กเกินไป เช่น บางทีที่อาจจะเป็นเรื่องทั่วไปที่ควร(รึเปล่า)แต่เราไม่รู้กันทั้งห้องแกจะว่าว่า “เรื่องแค่นี้ทำไมไม่รู้ จะไปสอบที่ไหนได้คะ จะไปทำอะไรกิน” บอกเลยว่าเรื่องที่เราตอบไม่ได้คือพวกชื่อคนที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่างๆที่ย่อยยิบมาก เรื่องนี้อาจจะเป็นความรู้สึกส่วนตัว แต่บอกเลยแล้วกันค่ะว่าเป็นความรู้สึกที่นักเรียนรู้สึกตรงกันแทบทุกคน หรือแม้แต่ครูบางคนยังไม่ถูกด้วยเลย พูดถึงสิ่งที่เป็นปัญหาจริงๆ คือ เวลาที่เรียนหน้าที่พลมืองยิ่งเรื่องเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง ครูมักจะพูดจาเสียดสีและไม่เป็นกลางอยู่บ่อยๆ อีกอย่างนึงคือ เวลาออกข้อสอบ แกออกคนเดียวค่ะ ไม่รู้ว่ายังไงนะ แต่ครูอีกท่านที่สอนชั้นเดียวกันด้วย(ไม่ถูกกันซะเท่าไหร่)บอกมาว่า ครูไม่ได้ออกข้อสอบเลย เราเลยคิดว่า อ้าวแล้วเพื่อนห้องอื่นทำไงล่ะ? อืมอีกทีค่ะ ขอยกตัวอย่างเกี่ยวกับการว่าติเด็กนักเรียนหนึ่งเรื่องค่ะ เป็นเรื่องของเพื่อนสนิทเราเอง ครูสั่งทำงานหลังทัศนะศึกษา ทำอะไรก็ได้ ทำเป็นกลุ่มกี่คนก็ได้ไม่มากเกิน เพื่อนเราทำ 5 คน ส่งงานไปแล้วงานหาย แต่ครูบอกกลับมาว่า “ให้ทำแค่นี้ทำไมทำ ไม่ส่ง แล้วมาโวยวายว่าเกรดไม่ดี ไม่รู้ล่ะ ไม่มีที่ครู อยากได้คะแนนก็ทำมาใหม่” โอเคกลับไปทำมาส่งใหม่ งานดีงานทำมือกระดาษดีภาพชัด ติดที่หัวข้อไม่ครบ ครูตอบกลับมาว่า “ทำงานแบบนี้จะเอาสักกี่คะแนน ทำแบบนี้เด็กอนุบาลก็ทำได้” ตอนนั้นเงิบกันทั้งห้องเพราะงานมองไกลยังว่าสวยเลย ไม่อวยนะพูดจริงๆ คือสงสัยว่าประเมินงานเด็กต่ำไปไหม และยังบอกอีกด้วยว่า “เก็บไว้ให้ผู้ปกครองเธอดู จะได้ไม่ต้องสงสัยเวลาเห็นเกรด” แล้วรู้หมือไร่? ผู้ปกครองนี่แหละนั่งช่วยลูกทำจนดึกดื่น อืมจนไม่รู้จะอืมยังไงแล้ว



6. ปัญหานโยบายและการบริหารหลายประการที่ขอไม่พูดดีกว่าค่ะ

 

มีอีกมากมาย ในแต่ละข้อก็ยังมีเบื้องลึกทั้งความจริงที่เกิดขึ้นและความรู้สึกที่อยากตอบโต้อีกเยอะจริงๆ และครูอีกหลายคนที่เราเคยเจอแต่ตอนนี้โชคดีไม่เจออีก แต่แค่นี้ก็ยาวมากๆแล้ว กลัวไม่มีคนอ่าน 55555555555555555 แต่เราเข้าใจดีนะว่าคนที่ดีๆก็มีหลายคน แต่ที่ไม่ดีก็ไม่น้อยค่ะ


 

ที่เราจะขอคำแนะนำคือ ช่วยแนะนำโรงเรียนที่ไม่กดเกรดเกินไป แต่เรื่องกฏระเบียบไม่มีปัญหาค่ะเพราะปกติไม่ใช่นักเรียนเกเรอยู่แล้ว ขอคำแนะนำคืออยากให้เล่าข้อมูลทั่วไปด้วย เช่น บรรยากาศ สังคม การเรียน ธรรมเนียมและกฏระเบียบทั่วไป ค่าเทอม ฯลฯ **ถ้าเป็นโรงเรียนเอกชนและโรงเรียนคาทอลิกจะดีมากๆเลยค่ะ ถ้าโรงเรียนอื่นก็ได้นะแนะนำให้ได้ทุกอย่างเลยค่ะ ในเขตภาคตะวันออกหรือกรุงเทพ**

 

ปล.1 ย้ำอีกครั้ง ใครที่อ่านแล้วรู้ว่าเราอยู่โรงเรียนอะไร และกล่าวถึงใคร ขอความกรุณาจริงๆค่ะ ขอให้เงียบไว้ไม่เผยแพร่นะคะ
ปล.2 ด่าได้แต่อย่าแรง เป็นคนอ่อนไหว
ปล.3 ไม่เอาก่อกวนไม่ดราม่านะ เป็นคนจริงจัง
ปล.4 ขณะพิมพ์อยู่ในภาวะเครียดและติดลบ

 

ขอบคุณมากค่ะ

ขอบคุณคนที่อ่านจนจบด้วยนะคะ TT
ถ้าพิมพ์ผิด หรือผิดพลาดลบลู่ประการใดขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยค่ะ

แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

ParkHyun00 13 ก.พ. 59 เวลา 20:42 น. 1

อย่าเพิ่งรีบเครียดเลยน้อง ร.รพี่ก็กดเกรดเหมือนกัน เกรดพี่ออกมาก็น้อยนิดมากมาย เเต่ทำไงได้ ในเมื่อเรเลือกที่จะเดินเเล้วพี่ก็อยากเดินต่อไป ตอนนี้พี่จะจบ ม.6ละ เกรดน้อยๆของพี่ ทำพี่พลาดมหาลัยไปหลายที่เลยนะ 
.
ถ้าน้องไม่กลัวเสียเวลาก็ดรอปไปก็ได้นะ เเต่พี่ว่าน้องลองถามใจตัวเองดูอีกที ดีกว่า
.
อยากเป็นอะไร 
-ที่ว่าเกรดน้อยนี่ ได้เกรดเท่าไหร่
เรียนเเล้วรู้สึกว่าไปไหวมั้ย 
ชอบวิทย์ คณิต จริงหรือเปล่า 
ลองๆถาม ตัวเองดูนะน้องนะ 

1
HBeI 13 ก.พ. 59 เวลา 20:54 น. 1-1

คิดมานานมากแล้วค่ะ ปัญหากดเกรดที่จริงมันเล็กน้อย แต่ปัญหาใหญ่คือสังคม ครูพูดจาเสียดสีลามมาพ่อแม่เด็กก็มีด้วย อาจจะเป็นเพราะเจอทีเดียวหลายคนด้วยเลยรู้สึกไม่ไหวมากๆ แต่ก็ขอบคุณนะคะ

ตั้งใจ

0
Lord_Zo 13 ก.พ. 59 เวลา 22:21 น. 2

บางทีก็ไม่รู้จะไปต่อไหนดี เพราะที่ไหนๆก็รู้สึกว่าจะเหมือนกัน - -
ทั้งครู ข้อสอบ จนตอนนี้มีความหวังเดียวคือ เรียนที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ไทย!!!!!! หรือไม่ก็ อินเตอร์ไปเลย เอาที่ฝรั่งสอน เบื่อมนุษย์ครูไทย ชั่วโมงหนึ่งเล่าปนะสบการ์ณชีวิต แล้ว 5 นาทีสอน พอถึงเวลาก็ เร่งๆๆๆๆๆ 'เร็วซี่ พวกเธอ ถ้าคะแนนไม่มีจะมาโทษครูไม่ได้นะ' เฮ้อออออ

0
1671549 14 ก.พ. 59 เวลา 10:04 น. 3

เอ้าาา เพื่อนกันนี่หน่า เราม.4อายุ16วันนี้แหละ แต่โรงเรียนเราปล่อยอ่ะ เด็กมีเรื่องกันบ่อย ครูบางคนก็งี่เง่า สังคมห่วยเถื่อนเนื่องจากไม่ได้อยู่ในเมืองมากนัก ผอ.ก็โกงเงิน การสอนไม่ดีเท่าไหร่เพื่อนเราก็มีออกไปแล้วบ้าง แล้วอีกอย่างนะเราเป็นเด็กวิทย์ที่ตกคณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ เราอยากดรอปเหมือนกันว่าจะแอบพ่อแม่ไปสอบที่กรุงเทพ ถ้าสอบติดแล้วได้เรียนนะเราสัญญาว่าจะทำเกรดให้ได้ไม่ต่ำกว่า3.5 

0
foxz 14 ก.พ. 59 เวลา 15:25 น. 4

อืมมมม เราก็โรงเรียนเดียวกับเเกเลย เข้าใจๆอีกนิดคิดว่าจะไปล่าออกละ55555รักเลย

1

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

Isariyaname 14 ก.พ. 59 เวลา 22:39 น. 5

รร.เดียวกันเลย สังคมเรียนคนเดียวกันเลย โครงงานเราจะรอดไหมน้า=.,=  เราเข้าใจแกเว้ยยยยย

0
Noname 14 ก.พ. 59 เวลา 23:39 น. 6

อ้าว รร.เดียวกันเลยรุ่นเดียวกันด้วยแต่เราอยู่สายภาษา เอาจริงเราก็อยากย้ายนะ อยากไปตปท.เลย แต่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ สู้ๆนะ เราเองก็โครตเบื่อ แต่ไม่รู้จะไปที่ไหน

0