Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

จากเด็กห่วยที่่ลุกมาเปลี่ยนตัวเอง ! Review วางแผนซิ่วสอบติดเตรียมอุดมฯ ได้ใน 6 เดือน !

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่



สวัสดีครับน้อง ๆ พี่ชื่อ พี่ลูกชิ้น กำลังเรียนอยู่ชั้นปี 3 ที่ วิศวฯ จุฬาฯ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ครับ และก่อนที่จะเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัย พี่ก็เป็นนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาครับ

เห็นอย่างนี้แล้วน้อง ๆ ต้องคิดว่าพี่ต้องเรียนเก่งแน่ ๆ เลย แต่ความจริง แม้แต่ปัจจุบัน พี่ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเรียนเก่งอะไร และที่สำคัญคือกว่าพี่จะมาถึงจุดนี้ได้ พี่ก็เคยเป็นแค่ "เด็กห่วย" มาก่อน 

ตอนนั้นพี่เรียนอยู่ชั้น ม.3 ที่โรงเรียนธรรมดา ๆ แห่งหนึ่ง พี่ก็เป็นนักเรียนหลังห้องคนนึงเนี่ยแหละ ไม่ได้ชอบการเรียนสักนี้ดเดียว (ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ชอบ 555) เกรดรวมก็ได้แค่สองกว่า ๆ

ส่วนพี่ชายของพี่ กำลังเรียนอยู่ที่ รร. เตรียมอุดมศึกษา สายวิทย์ประยุกต์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในโรงเรียนที่ดีที่สุดในประเทศไทย ถึงรอบข้างไม่กดดัน พี่ก็อดคิดเปรียบเทียบไม่ได้ ความจริง พี่รู้สึกว่ามันเป็นปมด้อยของพี่เลยทีเดียว ทั้งที่ไม่เคยมีใครในบ้านรู้ ว่าเรารู้สึกแบบนั้น แต่ลึก ๆ แล้ว พี่ก็อยากสอบเข้าสายวิทย์ ติดโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเหมือนกัน

ทว่ามันก็เป็นแค่ความอยากเท่านั้นเอง พี่ไม่ได้นั่งคิดเลย ว่าต้องทำยังไงถึงจะสอบเข้าได้ ผลการเรียนก็ยังห่วย กลับบ้านก็เอาแต่เล่นเกม พี่ปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเหลือแค่สองสัปดาห์ก่อนวันสอบ พี่ก็เพิ่งจะรู้สึกตัว ว่าอยากเข้าเรียนที่นี่จริง ๆ พี่อ่านหนังสืออย่างไร้ทิศทาง ทำข้อสอบเก่าแบบมั่วซั่ว ทบทวนไปก็เดือดตัวเอง "ทำไมกูโง่จังวะ!?" ทั้งพี่ชายของพี่ และคุณพ่อ ก็คงรู้ดีอยู่แล้ว ว่ามันสอบติดก็แย่ละ ฝันเฟื่อง!

ในที่สุดก็ถึงวันสอบ พี่เข้าห้องสอบอย่างไร้ความมั่นใจ พี่เข้าใจคำว่า "เสียใจภายหลัง" มากที่สุดในชีวิต ถึงอย่างนั้น ลึก ๆ พี่ก็เชื่อว่าอาจจะมีปาฏิหาริย์ก็ได้ พอถึงวันประกาศผลสอบ พี่ก็เข้าไปดูผลบนเน็ต ...

พี่ก็สอบไม่ติดครับ

ไม่เห็นมีอะไรน่าแปลกใจสักนิด แต่พี่ก็ยังขบฟัน กำมือแน่น แค้นใจตัวเอง พี่ร้องไห้เลย คิดแต่ว่า

"กูแม่งพลาดละ โง่สัส"

พี่ปล่อยให้เวลาเยียวยาตัวเราไป โดยที่ไม่เคยคิดมองเหตุการณ์ครั้งนี้ในด้านดี ๆ เลย สุดท้ายพี่เรียนต่อที่เดิม ด้วยความรู้สึกเดิม ๆ ที่แย่กว่าเดิมอีก ก็คิดว่า เรียนให้มันจบ ๆ ไปละกัน จนกระทั่งวันหนึ่ง พี่เกิดมีปัญหากับครูท่านหนึ่งขึ้นมา เป็นเรื่องใหญ่อยู่เหมือนกันครับ ถ้าจะเล่ามันก็ดูรุนแรงไปนิดส์ ข้ามซีนนี้ไปน่าจะดีกว่า ฮา เอาเป็นว่า ตอนนั้นพี่คิดว่าคงจะลำบากถ้าอยู่ที่นี่ต่อไป และลึก ๆ เหมือนพี่รู้ตัวเองดีอยู่แล้ว ว่าอยากท้าทายจุดมุ่งหมายของตัวเองอีกครั้ง พี่จึงตัดสินใจลาออกตั้งแต่เทอมแรกไปเลยครับ !

เอาล่ะ คราวนี้พี่มั่นใจกับจุดมุ่งหมายของตัวเองแล้ว พี่ดูปฏิทินก็เห็นว่าเราเหลือเวลา 6 เดือน เด็กเกรดสองกว่า ๆ กับเวลาแค่เนี้ย ฟังดูไม่ได้ง่ายเลยครับ น้องลองคิดดูว่า แค่ท่องสูตรตรีโกณก็ยังไม่ได้ พืชใบเลี้ยงเดี่ยวมีอะไรบ้างก็ไม่รู้ เกลือแกงประกอบจากธาตุอะไรก็ตอบไม่ถูก

แล้วพี่ทำยังไงบ้าง ท้ายที่สุดจึงสอบเข้าได้?

ตอนนั้นพี่นั่งคิดนอนคิด วางแผนใหม่ให้ตัวเอง ตอนนี้พี่ลืมไปหมดละ ว่าตอนนั้นคิดอะไรขึ้นมาบ้าง แต่พี่ย้อนกลับไปตอนนั้น พี่ก็ยังจำได้ดีว่าทำอะไรลงไปบ้าง มันอาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในโลก แต่พี่ก็เชื่อว่า ถ้าน้องเอาไปปฏิบัติตาม น้องก็จะเพิ่มโอกาสสอบเข้าโรงเรียน ม.ปลาย หรือมหาวิทยาลัยให้ตัวเองได้อีกเยอะแน่ ๆ

กระบวนการของพี่ มีทั้งหมด 4 ขั้นตอนครับ เรามาดูเลยดีกว่า ว่าต้องทำอะไรบ้าง



1) เราต้องรู้ ว่าเราอยู่ห่างจากเส้นชัยแค่ไหน


แรกเริ่มสุด พี่เริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง "ทำไมกูสอบไม่ติดล่ะ ?"

พี่จำเป็นต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ พี่รู้ดีว่าปีที่แล้ว พี่สอบได้อันดับเท่าไหร่ ยังห่างจากความจริงแค่ไหน พี่ก็เลยหาข้อสอบเก่าของปีก่อน ๆ มาทำแบบจับเวลา ให้เวลาในการสอบแต่ละวิชาเท่า ๆ กันเหมือนสอบจริง พอตรวจคะแนน พี่ก็เอาคะแนนไปเทียบกับคะแนนต่ำสุดในปีนั้น มาดูว่าคะแนนเราจริง ๆ ยังห่างจากที่ต้องได้อยู่เท่าไหร่ เช่น พี่รู้เลยว่าวิชาวิทย์ของเรายังห่วยมาก ๆ อยู่เลย เค้าต้องได้ 60 กว่ากันถึงจะติด แต่พี่กลับได้แค่ 30 กว่า ๆ เท่านั้น

คำถามต่อมาคือ "จะเพิ่มคะแนนได้ยังไง ?"

น้องเคยเจอมั้ย ข้อสอบบางข้ออ่านแล้วยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคือเรื่องอะไร? คำศัพท์วิทย์บางคำ เห็นแล้วรู้สึกไม่เคยเจอมาก่อน โจทย์เลขบางข้อ แค่สิ่งที่โจทย์ให้มา ก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำไงต่อ ตัวอย่าง เช่นพี่เจอโจทย์เคมีพูดถึง "แคลเซียมคาร์บอเนต" พี่ก็ไม่เข้าใจว่า อ่าว มันคือไรวะ เหมือนแคลเซียมที่อยู่ในกระดูกมั้ย แล้วคาร์บอเนตคืออะไร? มีคาร์บอนหรือเปล่าวะ? ความรู้งู ๆ ปลา ๆ อย่างเนี้ย จะเอาไปทำข้อสอบได้ยังไง !? เพราะอย่างนั้น พี่ก็เลยคิดว่า เราต้องเริ่มใหม่ ด้วยการปูพื้นฐานของเราก่อน
** เรื่องเกณฑ์ของแต่ละปีในตอนนี้ พี่ก็็บอกไม่ได้เหมือนกันครับว่าหาจากไหน เพราะตอนที่พี่สอบติด พี่ถามคะแนนจากเพื่อนของพี่ที่สอบติดตั้งแต่ปีแรกครับ

2) ปูพื้นฐานของตัวเองให้แกร่ง ไม่กลวง



พี่วางแผนว่า จะต้องรื้อฟื้นเนื้อหาทั้งหมดภายใน 4 เดือน พี่ตัดสินใจลงเรียนกวดวิชาเพื่อปูพื้นฐานตัวเองใหม่หมด ทั้งคณิตฯ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ วิทย์อื่น ๆ ภาษาไทย สังคมฯ มีแค่วิชาภาษาอังกฤษที่พี่คิดว่าคะแนนพี่พอใช้ได้ ก็เลยไม่ได้ลง 

พอเรียนเสร็จ พี่ก็เห็นภาพรวมของทุกวิชา ว่ามีเนื้อหาอะไรบ้าง พี่รู้ว่าแต่ละเนื้อหา มีอะไรที่ต้องจำได้ มีสูตรอะไร ตอนนี้พี่ปูพื้นให้สมองพี่เรียบร้อยแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้คือ โจทย์ที่เราเคยมองแล้วงงสนิท ไปต่อไม่เป็น ตอนนี้พี่รู้แล้วว่า โจทย์ข้อนี้กำลังวัดเนื้อหาเรื่องอะไร และพี่เข้าใจความหมายของแต่ละคำบนโจทย์แล้ว

คราวนี้คำว่า "แคลเซียมคาร์บอเนต" สำหรับพี่ มีความหมายขึ้นมาทันที เพราะพี่รู้ว่า มันคือสูตรเคมีของ "หินปูน" เป็นสารประกอบไอออนิก แคลเซียมมีเลขออกซิเดชันเป็น +2 ส่วนคาร์บอเนตเป็น -2 บลา ๆ ๆ เพราะอย่างนั้นแหละครับ พื้นฐานสำคัญมาก ๆ และต่อไปเราก็จะเริ่มมาดูวิธีทำโจทย์กันบ้าง เพราะถ้ามีแค่พื้นฐาน บางครั้งเรารู้ว่าโจทย์กำลังพูดถึงอะไร แต่ทำต่อไม่เป็น ! 

3) ทำโจทย์ ข้อสอบเก่า ไล่ตามหัวข้อ โดยไม่ต้องจับเวลา

พี่ใช้เวลากับตรงนี้อยู่ 1 เดือน พี่หาซื้อข้อสอบเก่าที่มีการแบ่งโจทย์ไว้ตามเนื้อหาแล้ว ที่สำคัญ ทุกข้อต้องมีเฉลยแบบละเอียด สมมติว่าพี่จะทำโจทย์วิชาฟิสิกส์ ซึ่งหัวข้อเยอะแยะเช่น การเคลื่อนที่ แรง งาน ไฟฟ้า บลา ๆ พี่จะเริ่มทำแต่โจทย์เรื่อง "การเคลื่อนที่" เท่านั้นให้หมดก่อน แล้วพอทำครบทุกข้อแล้ว ถึงจะไปต่อเรื่อง "แรง"


ถ้าเป็นวิชาคำนวณ พอเจอโจทย์ปุ๊บ ถึงจะยาก พี่ก็จะไม่ข้าม ค่อย ๆ ลองทำโจทย์นั้นไปเรื่อย ๆ เท่าที่เรามีความรู้ พอลองทำไปจะเจอจุดที่เรา "ตัน" และการทุบกำแพงออกจากทางตันเนี่ยแหละครับ ที่พี่คิดว่าทำให้เกิดการเรียนรู้ที่สุดเลย

จุดสังเกตทางตันคือ เราเริ่มถือดินสออยู่อย่างนั้น โดยที่ไม่ได้เขียนมาสักนาทีสองนาทีแล้ว ถ้าถึงจุดนั้นจงบอกกับตัวเองว่า "โอเค กูทำข้อนี้ไม่เป็น"

พี่จะแง้มดูเฉลยนิดนึงว่า ตรงนี้ต้องทำยังไงต่อ บางทีเราอาจจะลืมสิ่งที่ต้องรู้ หรือมีวิธีทำที่พิเศษกว่าข้ออื่น พี่จะค่อย ๆ ทำตรงจุดนั้นอย่างช้า ๆ ไม่ข้ามขั้นตอน เอาให้แน่ใจว่า ถ้าเจอข้อนี้อีกรอบนึง เราจะทำได้ แต่ถ้าเป็นวิชาที่ใช้ความจำ แล้วเราจำไม่ได้ จะนึกยังไงก็นึกไม่ออก พี่จะเดามั่ว ๆ มีหลักการบ้าง ไม่มีหลักการบ้าง พอเดาเสร็จ พี่ก็จะเลื่อนไปดูเฉลย แล้วถามตัวเองว่า "คุ้น ๆ หรือเปล่า?" ถ้าไม่คุ้น แสดงว่าเราต้องขาดตกอะไรไปสักอย่าง ต้องแก้ไข แต่ถ้าคุ้น ๆ พี่จะเน้นข้อความ แล้วทำให้จำจุดที่พลาดตรงนั้นให้ได้

ผ่านข้อ 3) ไป ก็เท่ากับว่าตอนนี้พี่มีความรู้แล้ว ทำข้อสอบเป็นแล้ว แต่แค่นั้นพี่ก็ว่ายังไม่พอแก่การลุยวันสอบจริง

4) จำลองสถานการณ์จริงในห้องสอบ




1 เดือนสุดท้าย คือการจับเวลาเหมือนทำข้อสอบจริง เพราะหลายวิชา เราติดปัญหาตรงที่ทำไม่ทัน การจับเวลาให้เหมือนจริง และสร้างสิ่งแวดล้อมให้ใกล้เคียงกัน ก็เหมือนเราได้จำลองสถานการณ์นั้นขึ้นมา

สิ่งที่พี่ทำก็คือ พี่จะนำข้อสอบเก่าสักปีนึงทั้งชุด กับกระดาษคำตอบมาถ่ายเอกสารไว้ก่อน แล้วจับเวลาไล่ทำไปทีละวิชา เหมือนสอบจริง ๆ หมดเวลาก็คือจบ วางดินสอ  พอจำลองเสร็จครบทุกวิชา พี่ก็จะมานั่งตรวจเฉลยเอาคะแนนก่อน ตอนนั้นพี่จำได้เลยว่าชุดแรก พี่ก็ยังสอบไม่ติดอยู่ดี ทำได้แค่เกือบ แต่พี่ไม่มานั่งเสียเวลาเศร้า พี่รีบคิดเลยว่า ระหว่างที่สอบเมื่อกี้ มีอะไรบ้างที่เรารู้สึกว่าพลาด แล้วน่าจะแก้ไขได้ 

พี่ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ พอชุดที่สองที่สาม ก็เริ่มจะทำคะแนนได้สอบติดทุกปีแล้วครับ ตอนนั้นพี่ยังไม่อยากเชื่อตัวเอง ว่ามาไกลขนาดนี้แล้ว


"สะใจโว้ย ที่ทำมาตลอดมันเริ่มจะเห็นผลแล้วว่ะ !"

และวันที่พี่เข้าไปที่ห้องสอบเข้าอีกครั้งนึง รวมถึงตอนที่ทำข้อสอบเสร็จแล้วออกมาจากห้องสอบนั้นด้วย พี่มั่นใจ 100% ว่าจะสอบติดเตรียมอุดมฯ อย่างแน่นอน ครั้งนี้พี่ไม่เชื่อปาฏิหาริย์แล้วครับ เพราะพี่รู้ว่า ต่อให้พี่โชคร้ายแค่ไหน พี่ก็จะสอบติดอยู่ดี !

หลังจากสอบเสร็จ แต่ยังไม่ถึงวันประกาศผล พี่ก็โคตรจะตื่นเต้นเลย แต่พี่ขอย้ำ ว่าตอนนั้น พี่มั่นใจ 100% ครับ แถมชัวร์ด้วยว่า จะสอบติดด้วยอันดับกลาง ๆ พอถึงวันประกาศผลสอบ พี่ก็เข้าไปดูผลบนเน็ต ขอเสียงกลองรัวดัง ๆ หน่อยยย !!

พี่สอบติดแล้วครับ !!

มันเป็นครั้งแรก ๆ ในชีวิตของพี่ ที่พี่รู้สึกว่าได้สัมผัสคำว่า "ความสำเร็จ" เลย เป็นความรู้สึกที่เยี่ยมจริง ๆ ครับ

และนี่คือตอนที่พี่สอบเข้าไปได้ใหม่ ๆ เลยครับ



อันนี้ก็เป็นตอนจบ ม.6 (ติดรอบรับตรง เทอมสองไม่เป็นอันเรียน เอาเวลาไปเตะบอลและลดน้ำหนัก 555555)


ถ้าน้องอ่านจนถึงตรงนี้ พี่ว่าน้องน่าจะมองเห็นแล้ว ว่าสิ่งที่พี่ทำ มันคือสิ่งที่น้อง ๆ ทุกคนรู้ดีว่าควรทำ พี่เริ่มต้นตั้งแต่การวางจุดมุ่งหมาย มีการวางแผน และคิดวิธีการ พี่ต้องยึดมั่นในระเบียบวินัย ความตั้งใจ และทัศนคติที่ดี 

น้อง ๆ คนไหนที่คิดว่าตอนนี้เวลามีน้อย ถ้าเราจัดสรรถูกต้อง และมีการประเมินตนเองที่เฉียบคม เราก็เก่งขึ้นได้แบบก้าวกระโดดในเวลาที่จำกัด แม้แต่เดือนเดียว ถ้าลองปรับ-ส่วนจากวิธีของพี่ บวกกับพื้นฐานที่เราพอมีอยู่ โอกาสของเราก็อาจจะเพิ่มขึ้น ถ้าไม่ถึงร้อย อย่างน้อยก็จาก 0 เป็น 70

หลังจากนั้น ชีวิตของพี่ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง พี่เข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาได้สำเร็จ แม้ว่าแต่ละปีพี่จะอยู่ท้ายตารางอยู่แทบทุกปี แต่ท้ายที่สุด พี่ก็ยังใช้แนวทางเดิมทั้งหมด บวกกับการเริ่มเตรียมตัวก่อนเพื่อน ๆ พี่ก็สามารถเข้าเรียนที่ วิศวฯ จุฬาฯ ได้ตั้งแต่รอบรับตรง

มาถึงตอนนี้ พี่แน่ใจแล้วครับว่าการเรียนนั้นเป็นเรื่องของทักษะ และคำว่าทักษะ หมายความว่า มันฝึกได้ ต่อให้เราเรียนไม่เก่ง หรือไม่เคยทำคะแนนดี ๆ ได้มาก่อน ถ้าเราเดินทางถูก และทำทุกอย่างทันเวลา เราก็สามารถคว้าฝันอย่างที่เราต้องการได้


น้อง ๆ คนไหนที่กำลังจะสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา หรือโรงเรียนมัธยมปลายอื่น ๆ หรือจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ตาม พี่ยินดีให้คำปรึกษา และคำแนะนำกับน้อง ๆ อย่างเต็มที่เลยครับ ขอให้น้อง ๆ เข้ามากดไลค์เพจเฟซบุ๊ก "ลูกชิ้น" ที่ลิงค์นี้นะครับ http://facebook.com/HuaLookchin

พี่จะลงบทความในเรื่องแนวคิด และเทคนิคในการเรียนเรื่อย ๆ เลย น่าจะช่วยให้น้อง ๆ เปิดมุมมองใหม่ในชีวิตวัยเรียนได้ครับ

เรื่องราวและประสบการณ์ทั้งหมดของพี่ พี่เชื่อว่ามันมีดีมากกว่าจะเปลี่ยนชีวิตของพี่คนเดียว แต่มันจะเปลี่ยนชีวิตของน้อง ๆ ให้ดีขึ้นได้ด้วย เพราะพี่เชื่อว่าไม่มีใครเรียนเก่งได้ตั้งแต่เกิด แต่เราทุกคนเปลี่ยนตัวเองให้เรียนดีขึ้นได้ครับ ! 
ป.ล. ก่อนหน้านี้ พี่เคยเขียนรีวิวสอบเข้าวิศวฯ จุฬาฯ รอบรับตรงไปแล้ว น้อง ๆ คนไหนสนใจก็คลิกเข้าไปที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ 


แสดงความคิดเห็น

>

29 ความคิดเห็น

พี่ลูกชิ้น 23 ก.พ. 59 เวลา 21:34 น. 1-1

ลองเข้าร้านหนังสือไปหาหนังสือที่มี "รวมข้อสอบจริง และแนวข้อสอบ เข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา" ดูนะครับ สู้สู้

0
ชาuมไข่มุn 23 ก.พ. 59 เวลา 17:22 น. 2

นับถือในตัวพี่จัง

หนูอยู่ม.3 พอดีเลยตอนแรกว่าพยายามจะลองสอบสวนกุหลาบรังสิตแต่พอไปลองโจทย์ยากมากๆหนูก็ท้อเลย ไม่ไปสอบที่ไหนละ ต่อที่เดิม  เพราะถ้าไปก็กลัวสอบไม่ติดแถมร.รหนูไม่มีสอบเด็กเก่าอีก
แต่พี่เป็นคนที่มีความพยายามมากคะนับถือ ถ้าเป็นไปได้หนูก็อยากเป็นแบบพี่นะแต่กลัวไม่มีที่เรียนถ้าสอบไม่ติด
1
พี่ลูกชิ้น 23 ก.พ. 59 เวลา 21:35 น. 2-1

เพราะเรามัวแต่กลัวและกังวลจึงสอบไม่ได้ครับ น้องต้องลองความผิดพลาดในมุมใหม่ แต่เดิมเรามองว่าโจทย์มันยาก ๆ ทำไม่ได้ ก็เลยท้อ ต้องเปลี่ยนไปมองว่า โจทย์ยาก ต้องใช้เวลาฝึกหัดให้เยอะ จึงจะทำได้ครับผม

0
พี่ลูกชิ้น 23 ก.พ. 59 เวลา 21:35 น. 3-1

ลองเข้าร้านหนังสือไปหาหนังสือที่มี "รวมข้อสอบจริง และแนวข้อสอบ เข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา" ดูนะครับ สู้สู้

0
sitkung_skk 23 ก.พ. 59 เวลา 18:55 น. 4

พี่บอกผมช้าไป ฮืออออออ #พึ่งมาอยากเข้าเตรียมตอนปิดเทอม ม.4 ขึ้น ม.5 แต่ตอนนี้อยู่ ม.5 แล้ว
เสียใจ

2
พี่ลูกชิ้น 23 ก.พ. 59 เวลา 21:36 น. 4-1

ลองเอาแผน และวิธีการของพี่ไปปรับใช้กับสอบที่โรงเรียน และสอบเข้ามหาวิทยาลัยดูนะครับ สู้สู้

0
sitkung_skk 12 มี.ค. 59 เวลา 11:09 น. 4-2

ขอบคุณนะครับพี่ ไว้ผมติดทันตะ จุฬา ได้เมื่อไหร่ จะไปหาพี่นะครับ วิธีพี่เอามาปรับใช้ได้จริง
รักเลย

0
Ahakla 23 ก.พ. 59 เวลา 23:53 น. 7

พี่ควรไปตั้งกระทู้พัตนาตัวเองให้ดูดีทำยังไง555555556 รูปม.6 กัยมหาลัยต่างกันเนอะ อิ

1
พิมพา 24 ก.พ. 59 เวลา 10:49 น. 8

หนูรับรู้ถึงความรู้สึกเลยค่ะ ไปสอบเข้า. ม.4โรงเรียนหนึ่งมา. เเย่งการสอบเป็นสองรอบ รอบเเรกหนูติด. หนูทุ่มเทในการอ่านมากคือความรู้สึกตอนนั้นคือ หนูต้องก้าวขาออกจากที่เดิมๆๆๆให้ได้ หาที่ไหม่ประสบการณ์ใหม่ที่โรงเรียนใหม่ คือตอนนั่นอยากออกมา ไปสอบรอบแรกผลออกว่าติด. ติดรอบเเรกเเต่รอบสองได้ตัวสำรอง โอ้ย. คือตอนนั้นนี้เเบบร้องเป็นอาทิตย์. กลับบ้านมาจากโรงเรียนก็มาร้องไห้ที่หน้ากระจกคือเเบบตอนนั้น คิดว่าในหัวของตัวเองมีก้อนหนึ่งไว้หนักๆๆๆๆเเละคิดลบตลอดจนทำให้หนูตาบวมไปโรงเรียน เเละยังมีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่า. คนที่ติด. อยู่นี้เเบบนี้ต่อไป ความฝันที่อยากติดค่ายของ สอวน ของทึงมันน้อยมาก. คือพูดเเบบนี้ยิ่งเสียใจมาก. เวลาค่ะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ตอนนี้ก็คิดกว้างไว้ว่ามันคงไม่มีโรงเรียนหรอที่ดีที่สุดได้เเค่ปลอบใจตัวเอง. ได้เเต่นั่งขอพรไห้เขาเรียกเราให้ถึง. บางครั้งสิ่งที่หนูสอบไม่ติดอาจทำให้หนูรู้ถึงความเจ็บ ความผิดหวังที่พัง. มันอาจทำให้ในวันข้างหน้าหนูแข้มแข็งมากกว่านี้ เศร้าจัง

2
พี่ลูกชิ้น 24 ก.พ. 59 เวลา 22:44 น. 8-1

พี่อยากบอกน้องว่า จนถึงเวลานี้ ความรู้สึกที่ได้รับจากความผิดพลาดครั้งนั้นมา ได้กลายเป็นบทเรียนที่ดีที่สุดในชีวิตของพี่แล้วครับ เพราะทั้งตอนที่ผิดหวัง ก็ทำให้พี่รู้ว่าประมาทแล้วเป็นยังไง และตอนที่พี่เริ่มต้นสู้ใหม่ ก็ทำให้พี่รู้ว่า ถ้าเราตั้งใจ มีทัศนคติ และเตรียมแผนให้พร้อมกับเวลา เป้าหมายของเรา เราทำได้ครับ

0
Fisica Investmen 26 มี.ค. 59 เวลา 06:31 น. 8-2

สู้ๆ ครับน้อง พยายามให้เต็มที่ ถึงมันไม่ได้ แต่เราก็ได้พยายามแล้ว เต็มที่กับมันแล้ว จงภูมิใจในพลังของเรา

จริงๆ สอวน ก็ไม่ใช่ทุกสิ่ง การได้เข้าค่าย สิ่งที่ดี คือการที่เราได้เรียน อะไรลึกๆ จาก อาจารย์ระดับมหาวิทยาลัย ส่วนผลพลอยได้ ที่ขึ้นกับความขยัน ความสามารถเรา ก็คือ การไปแข่งโอ ตปท ได้ทุน มาเรียนต่อ

อนึ่ง อยากจะให้น้อง ลองมองไว้ ว่าเราอยากเรียน คณะ อะไร เราจะได้โฟกัสจุดนั้นๆ
เพราะ
เป้าหมายค่าย โอ จริงๆ คือการ ค้นหานักวิทย์ ซึ่งแน่นอน เราต้อง ไปเรียน จนจบ ป เอก

การจะเรียนให้ถึง ป เอก นั้นไม่ง่าย ต้องใช้พลังเยอะมาก แล้วสิ่งที่สำคัญคือ passion and commitment

ดังนั้น ถ้าเราไม่ได้มี passion ที่จะไปเป็นนักวิทย์ ขนาดนั้น เราก็พยายาม เข้าค่ายโอ เพื่อตักตวงความรู้ ซึ่งก็อาจจะมีประโยชน์ต่อการเรียนต่อไป (ความรู้จาก ค่ายฟิสิกส์ผมใช้ได้ถึง มหาลัย ปี3 เลยนะ)

แต่ถ้าเข้าไม่ได้ เราก็อ่านเอาจากตำราได้ครับ มีวางขาย หรือ ขอเอกสารจากเพื่อนๆ (ถ้า สอวน ฟิสิกส์ หรือ แอสโตร บอกผมได้ )

ปล อยากให้น้องๆ คิดเรื่องอื่น เช่น การวางแผนการเงินส่วนบุคคลบ้างครับ นอกเหนือจากการเรียน
สกิลการใช้ชีวิต เป็นอะไรที่สำคัญ ไม่น้อยกว่า สกิลเรื่องเรียนเลย


0
พี่ลูกชิ้น 24 ก.พ. 59 เวลา 22:44 น. 9-1

ขอบคุณครับผม ในวันนั้นคิดเลยว่า "เอาวะ ถ้าวันนี้ไม่แขนขาดหรือตายเนี่ย สอบติดแน่ !"

0
เอสบี 24 ก.พ. 59 เวลา 13:38 น. 10

มีใครรู้มั้งว่าเรียนอังกฤษยังไงให้เก่ง
  (เราอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ พูดไม่เป็น T_T)
ถ้าใครรู้ช่วยเราทีนะ T_T

4
kornZoal 24 ก.พ. 59 เวลา 18:10 น. 10-1

ทักษะการใช้ภาษาแบ่งเป็น ฟัง พูด อ่าน เขียน
ตอนนั้นพี่เรียนภาษาอยู่ในเกณฑ์ดีครับอยากมาแบ่งปันนะครับ
เริ่มต้นจากลองทำสิ่งที่ทำได้ก่อนครับพี่จะแบ่งตามแต่ละทักษะนะครับ
-การอ่าน
เริ่มจากเราต้องรู้การออกเสียงของแต่ละตัวอักษรก่อนครับ ซึ่งแบ่งเป็น สระ A E I O U เช่น A = เอ,อา เวลาอยู่ในคำเค้าจะไปรวมกับตัวอักษรเช่น B = บ เวลารวมกันจะออกเสียง BA = บ- า = บา ลองจากคำง่าย 3-4ตัวอักษรแล้วค่อยเพิ่มระดับยากขึ้นนะครับ ซึ่งทักษะการอ่านเราจะได้ทักษะถ้าเราเปิด dic เราจะสามารถแปลคำได้ด้วยครับ พอเราสะกดคล่องเราเริ่มท่องศัพท์ก็จะรู้ความหมายครับ
-ฟังและพูด
สองทักษะนี้ทำงานพร้อมกันทำให้เราเข้าใจภาษาได้ง่ายขึ้นครับ แนะนำวิธีที่พี่ใช้นะครับคือ การดูหนังต่างประเทศที่มีซับไทยครับ เอาแบบไม่พากษ์ไทยนะครับ เพราะเราต้องการรู้การออกเสียงคำศัพท์และวิธีการตอบโต้กับคนอื่นครับ (เคล็ดลับคือฟังภาษาที่ต้องการเรียนบ่อยๆและหัดพูดตามครับ ถ้าฟังเพลงก็เป็นเพลงภาษาอังกฤษประมาณนี้ครับ)
-ทักษะการเขียน เน้นการท่องศัพท์และหลักไวยากรณ์ เขียนให้ถูกช่วงเวลา(ยากกว่าภาษาไทยเพราะไทยไม่มีเวลาในไวยากรณ์)
เดี๊ยวมาต่อวิธีทำข้อสอบนะครัช

0
เอสบี 24 ก.พ. 59 เวลา 20:22 น. 10-2

ขอบคุณน่ะค่ะที่ช่วยบอกว่าต้องทำยังไง ^_^
เดี๋ยวหนูจะลองทำตามดู ^_^ ตั้งใจ

0
พี่ลูกชิ้น 24 ก.พ. 59 เวลา 22:45 น. 10-3

ภาษาเป็นของที่ต้องใช้บ่อย และได้รับสารเข้ามาเรื่อย ๆ นะ เดี๋ยวนี้มีคลิปบนยูทูบที่สอนภาษาดี ๆ เพียบเลย ทั้งไทยและเทศ อยากให้น้องลองไปหาดูจ้า รักเลย

0
พี่ลูกชิ้น 24 ก.พ. 59 เวลา 22:45 น. 11-1

ใช้ใบเกรดใบเดียวกับปีที่แล้วได้เลยครับผม ส่วนเอกสารอื่น ๆ รอรายละเอียดจากเว็บไซต์ของโรงเรียนนะครับ

0
พยายาม 24 ก.พ. 59 เวลา 20:34 น. 12

พี่ค่ะแล้วถ้าเป็นมหิดลวิทยานุสรณ์ล่ะค่ะ ??? หนูอยากเข้ามากเลยคือหนูก็การเรียนแบบพี่เนี่ยแหละค่ะ แต่หนูอยากเข้าที่นี่จริงๆ...แต่หนูก็คงต้องเลิกความฝันแบบนี้จริงๆแหละค่ะเพราะว่าหนูขก.เกินไปที่จะไปอยู่ในรร.ที่มีแต่เด็กเรียนและก็คงโง่เกินไปด้วยแถมหนูก็ไม่รู้ว่าตัวเองเก่งอะไรด้วยเผลอๆอาจจะไม่มีอะไรที่หนูเก่งเลยด้วย 555

1
พี่ลูกชิ้น 24 ก.พ. 59 เวลา 22:46 น. 12-1

พี่คิดว่าโรงเรียนมหิดลฯ เค้าไม่รับเด็กซิ่วเลยนะ แต่ความจริงแล้ว ทั้งเตรียมอุดมฯ และทั้งมหิดล ก็ไม่ใช่สถานีสุดท้ายของชีวิตครับ เพราะงั้น ในเมื่ออดีตเปลี่ยนแปลงไม่ได้ พี่ก็อยากให้น้องหาอนาคตที่ดีที่สุดสำหรับเราที่เป็นไปได้นะครับ

0
Timeline 24 ก.พ. 59 เวลา 21:46 น. 13

พี่ค่ะ ถ้าจะซิวอ่ะค่ะ ม.4สอบใหม่อีกครั้ง ต้องลาออกจากโรงเรียนเดิมไหมค่ะ หรือสามารถสอบได้เลยย

1
คุณป้า 25 ก.พ. 59 เวลา 15:45 น. 14

ขอบคุณมากมายสำหรับคำแนะนำ เพื่อนำไปเป็นเครื่องชี้ทางสว่างไสวให้ลูกชาย ม2 ของป้า ที่มัวแต่เรียนชิวๆ ไม่ส่งรายงาน ไม่ทำการบ้าน ชอบมาตามงานทีหลัง ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ที่มาแชร์นะค่ะ มีอะไรรบกวนมาแว๊ะเขียนให้น้องๆได้อ่านกัน เพื่อเป็นต้นแบบนะคะ

1
พี่ลูกชิ้น 26 ก.พ. 59 เวลา 00:29 น. 14-1

หวังว่าจะเป็นประโยชน์แแก่คุณป้า และลูกชายมาก ๆ เลยนะครับ หากมีคำถามหรือต้องการปรึกษาเพิ่มเติม ขอเชิญคุณป้าที่เพจของผมที่แนบไว้ท้ายกระทู้ได้นะครับ ยินดีช่วยเหลือครับผม ตั้งใจ

0
หมาผี 25 ก.พ. 59 เวลา 18:55 น. 15

หูยยย พี่ดีอ่ะ หนูก็คล้ายๆพี่นี้แหละ ตอนแรกสอบไม่ติดเลยเรียนโรงเรียนแถวบ้าน แต่หนูคงไม่ได้ซิ่วไปสอบเหมือนพี่อ่ะ .เสียดายจัง TT . ทุกวันนี้หนูยังอยากเข้าเตรียมอยู่เลย แต่หนูไม่ได้ลาออกมาตั้งแต่เทอมเเรกเหมือนพี่อ่ะ จะซิ่วก็คงไม่ทัน แย่ๆ เอ่อพี่ วิศวะจุฬาเข้ายากมั้ยพี่ หนูก็อยากเข้าวิศวะจุฬาเหมือนกัน ไว้เจอกันนะคะถ้าหนูเข้าได้ ☺

3
พี่ลูกชิ้น 26 ก.พ. 59 เวลา 00:31 น. 15-1

สู้ ๆ นะครับ เส้นทางในชีวิตเรามันมีอีกเยอะเลย เตรียมอุดมฯ ก็ไม่ใช่สถานีสุดท้าย ถ้าเรามองเห็นหนทางดี ๆ ในชีวิตเรา แล้ววางแผนให้พร้อม ก็ประสบความสำเร็จได้ครับ

วิศวฯ จุฬาฯ เข้ายากมั้ย ยากครับ แต่สำหรับพี่ คิดว่าไม่เท่าเตรียมอุดมศึกษานะ ลองอ่านกระทู้รีวิวเข้าวิศวฯ จุฬาฯ ของพี่ดู เผื่อว่าจะช่วยเราได้นะครับ ตั้งใจ

0
หมาผี 26 ก.พ. 59 เวลา 20:49 น. 15-2

ถ้าหนูเข้าได้หนูจะเอาขนมไปเซ่นพี่เลยค่ะ ขอบคุณนะคะ มีกำลังใจอ่านหนังสือขึ้นเยอะเลย เยี่ยม

0
พี่ลูกชิ้น 28 ก.พ. 59 เวลา 20:51 น. 15-3

ไม่ต้องเซ่นก็ได้ แต่ขอให้สอบติดนะครับ มีกำลังใจแล้วอย่าลืมเอาแนวทางไปปฏิบัติตามนะ สู้สู้

0
พี่ลูกชิ้น 28 ก.พ. 59 เวลา 20:50 น. 18-1

พี่ถามคะแนนเพื่อนพี่ที่สอบติดปีก่อนหน้าครับ แต่ส่วนตัวพี่ว่าถ้าทำข้อสอบเก่า ๆ เฉลี่ยได้เกินสัก 55 น่าจะมีโอกาสติดสูงครับ

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

น้อม 1 มี.ค. 59 เวลา 07:31 น. 20

ซิ่ว นี่หมายถึงเข้าไปเรียรเทอม2หรอคะไม่เคยรู้เลยรร.จัดด้วยหรอคะประมาณเดือนไหนต้องทำยังไงบ้างมีคนสอบเยอะไหมคะระบบเขาเป็นอย่างไร

1