Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

แนะนำ 7 หนังเงิบ โคตรหักมุม !!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
Hello เพื่อน ๆ ชาวเด็กดี อันนี้เป็นกระทู้ที่ 3 ของเราแล้ว ขอบคุณสำหรับการอ่านและติดตาม 2 กระทู้ที่ผ่านมาค่า
(กราบแบบเบญจางคประดิษฐ์) 

สำหรับเพื่อน ๆ ที่เป็นคอหนังเหมือนเราแล้วละก็ เวลาที่ดูหนังเคยคิดหรือเดาตอนจบของหนังแต่ละเรื่องที่ดูกันไหม ? เราว่าเป็นเกือบทุกคนแหละ และส่วนมากบางเรื่องมักจะมีสูตรสำเร็จของมัน แต่! ก็จะมีบางเรื่องที่ ตอนจบเป็นแบบทำเราเงิบและแบบ
เอ่า !! เฮ้ย !! ทำไมเป็นแบบนี้อ่ะ !?! 

นี่แหละวันนี้ เราจะมานำเสนอ 7 หนังเงิบ โคตรหักมุม!! ลองให้เพื่อน ๆ ได้เดาตอนจบของหนังแต่ละเรื่องกันเล่น ๆ 
ปล. เราขออย่างเดียว อย่าสปอยล์ตอนจบเด็ดขาด เสียอรรถรสกันพอดีนะจ๊ะ :P 

เราขอเริ่มจากเรื่องที่ 7 กันเลยแล้วกันนะคะ


7. The Boy (2016) 
ระดับความเงิบ = 2.5 ดาว 

(Trailer: https://www.youtube.com/watch?v=SC6pJ21Mn8E )
 ว่ากันด้วยเรื่องของตุ๊กตาผีสิง (รึเปล่า) กันก่อนเลยดีกว่า The Boy เป็นภาพยนตร์สยองขวัญ- ไซโค (Psychological horror) สัญชาติ อังกฤษ – จีน และ แคนาดา เป็นเรื่องของ ครอบครัวเก่าแก่ครอบครัวหนึ่ง ประกาศรับสมัครพี่เลี้ยงเด็กจนวันหนึ่ง นางเอกของเรา เกรต้า ได้ถูกรับเลือกให้เป็นพี่เลี้ยงเด็ก ซึ่งครอบครัวนี้ตั้งรกรากปักฐานของบ้านอยู่ในดงป่าใหญ่ที่ห่างไกลชุมชน ตอนแรกเกรต้าก็เข้าใจว่าจะให้มาดูแลเด็กน้อย เบบี๊ น่ารัก แต่แล้วไม่เป็นไปอย่างที่คิด ครอบครัวนี้กลับให้เธอมาดูแลตุ๊กตาดินเผา (แค่ตั้งไว้เฉย ๆ ก็น่ากลัวแล้ว ดูได้จากรูปด้านล่าง) ที่มีชื่อว่า บาล์ม (ชื่อออกแนวน่ารักกุ๊งกิ๊งเชียว) ซึ่งในการเลี้ยงดูตุ๊กตาหนูน้อยบาล์มนั้นจะ มีฎอยู่ 10 ข้อในการเลี้ยงดู และที่สำคัญห้ามละทิ้งข้อใดข้อหนึ่งเป็นเด็ดขาด วันเวลาผ่านไป เกรต้าก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงต้องมานั่งดูแลตุ๊กตาที่มีน่าตาน่ารักซะเหลือเกินตัวนี้ด้วย (ประชด!) แต่แล้ววันหนึ่ง เกรต้าก็เจอเหตุการณ์แปลกๆ ชวนหน้าขนลุก ขึ้นเรื่อยๆ และตั้งแต่นั้นมา เกรต้าก็เริ่มเลี้ยงดูตุ๊กตาหนูบาล์มอย่างตั้งอกตั้งใจ 


(Source: http://gruesome.decadesofhorror.com/wp-content/uploads/sites/6/2016/01/Gruesome-Banner-TheBoy-Review-820x410.jpg )  


เราเล่ามาจนถึงตอนนี้ เพื่อน ๆ อาจจะคิดว่า เอ้! ก็ไม่ได้มีอะไรผิดแปลกไปจาก พล็อตเรื่องของตุ๊กตาผีทั่วไปใช่ไหม แต่ ! เดี๋ยวค่ะคุณขา !! มันมีอะไรมากกว่านั้น ในช่วงเวลาที่เกรต้าอยู่บ้านหลังนี้ เกรต้าแอบมีความรักครั้งใหม่กับพ่อหนุ่มคนส่งของ (หุ่นแซ่บเฟ่อร์) และเพราะความรักในครั้งนี้แหละ ความจริงทุกอย่างถูกเปิดเผยค่า เอาตรง ๆ กับความรู้สึกเลยนะ ตอนไปดูหนังเรื่องนี้ ถ้าพูดถึงเนื้อเรื่องไม่ค่อยมีอะไรน่ากลัวเลย แต่ Sound Effect ต่าง ๆ ชาวน่าลุ้นไปหมด และที่สำคัญตอนจบพาเงิบทุกราย 



6. แฝด (2009)
ระดับความเงิบ = 3 ดาว

เราขอส่งหนังผีสัญชาติไทย เรื่องนี้เข้าประกวดด้วยอีกเรื่อง เนื่องจาก ตอนจบเงิบพอกัน "แฝด" หนังผีสร้างชื่อ ของค่าย GTH (ตอนนี้เปลี่ยนเป็น GDH 559เรียบร้อยแล้ว) ที่นำแสดงโดยนักแสดงหญิงมากความสามารถอย่าง มาช่า เป็นเรื่องราวของ พิม ผู้หญิงที่ดูเหมือนเพียบพร้อมในทุก ๆ อย่าง ทั้งหน้าที่การงาน ชีวิต ครอบครัว เธอแต่งงานและย้ายไปอยู่เกาหลีกับสามีของเธอ ที่ชื่อว่า วี แต่แล้ววันหนึ่ง พิมได้รับโทรศัพท์จากทางโรงพยาบาลว่าแม่ป่วยหนักมาก พิมและวีจึงตัดสินใจกลับมาอยู่ไทยเพื่อดูอาการแม่ แต่แล้ววันเวลาก็เหมือนหวนคืน ทุกท่วงความทรงจำที่พิมเคยสัมผัส ล้วนวนกลับเข้ามาอีกครั้ง พิมได้กลับไปพักอยู่ที่บ้านเดิมที่พิมเกิด และในช่วงที่พิมอยู่ที่บ้านนั้น พิมเกิดภาพหลอนเห็นฝาแฝดของตัวเอง พลอย ที่ตายไปแล้ว นานวันเริ่มหนักขึ้นทุกที วี ซึ่งเป็นห่วงอาการนี้ของพิม จึงตัดสินใจปรึกษาเพื่อนชื่อ ดนัย เป็นหมอจิตแพทย์ ดนัยเริ่มสอบถามเรื่องราวในอดีตของพิมและพลอย เธอจึงเล่าว่า เธอกับพลอยตอนเด็ก ๆ เป็นฝาแฝดที่ตัวติดกัน และวันหนึ่งทั้งสองทะเลาะกัน จึงเป็นเหตุที่ทำให้ต้องผ่าตัดแยกกัน และทำให้พลอยตาย ดนัยจึงเข้าใจว่า พิมเครียดจากความรู้สึกผิดในอดีตจึงเกิดภาพหลอน 



(Source: http://sv6.postjung.com/picpost/data/160/160075-24-1340.jpg )


เล่าจากตรงนี้ดูเหมือนจะยังไม่มีอะไร แต่ ! (เล่าต่อ) อาการภาพหลอนของพิมก็ยังหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้พิมป่วยและเข้าโรงพยาบาล แต่ในขณะที่เข้าโรงพยาบาลนั้น พิมไม่รู้เลยว่า วีพยายามตามหาความจริงในเรื่องนี้ และวีก็ได้รู้ความจริงที่ไม่คาดคิดจากปากของแม่พิมซึ่งเป็นเหมือนลมหายใจสุดท้าย อย่าว่าแต่วีรู้ความจริงเลย พอเรารู้ความจริงเราก็อึ้งไปเล็กน้อยเหมือนกันนะ เหมือนมันพลิกล็อคไปหมด เอาเป็นว่า หนังผีเรื่องนี้ น่าดูและน่าติดตามตลอดทั้งเรื่องเลยจริง ๆ

ปล. หนังผีเรื่องนี้ดีจริง ดีจนต่างชาติขอซื้อลิขสิทธิ์ ไปทำต่อด้วยน่ะเอ่อออ

 


ต่อ Comment ด้านล่างกันเลย

แสดงความคิดเห็น

>

50 ความคิดเห็น

Chutamas T 7 มี.ค. 59 เวลา 12:27 น. 1
5. Orphan (2009) 
ระดับความเงิบ = 3 ดาว 

(Trailer: https://www.youtube.com/watch?v=WgxVIB2WuHU )


ขอบอกก่อนเลยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องโปรดปรานของเราอีก 1 เรื่องในบรรดาหนังเงิบแนวจิตวิทยา - สยองขวัญ Orphan ว่าด้วยเรื่องของ ครอบครัวโคลแมน เป็นครอบครัวที่อบอุ่น (แต่แอบมีเบื้องหลังเล็กน้อย) เคท คุณแม่ลูก 2 ที่ดูเหมือนว่าชีวิตเธอยังขาดอะไรไป เธอจึงต้องการสิ่งที่มาเติมเต็มในชีวิตของเธอ นั้นก็คือลูกสาวอีกคน เคทและสามีของเธอ จอห์น จึงตัดสินใจรับเด็กบุญธรรมคนหนึ่งมาเลี้ยง เด็กคนนี้เป็นเด็กหญิงหน้าตาน่ารักจุ๋มจิ๋ม เธอชอบแต่งตัวคล้ายเจ้าหญิง ใส่ชุดกระโปรงยาว มีผ้าลูกไม้ เธอรักการวาดรูป และเป็นเด็กฉลาดเรียนรู้ได้ไว (อาจจะไวมากกว่าเด็กคนอื่นๆ) เธอมีชื่อว่า เอสเธอร์ หลังจากที่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ไม่นาน ช่วงแรก ๆ ก็ดูเหมือนจะเข้ากับคนในบ้านได้ดีโดยเฉพาะกับ แม็คซ์ น้องสาวคนสุดท้อง ที่มีปัญหาทางด้านการฟังจากอุบัติเหตุตอนเด็กอีกทั้งทำให้พูดไม่ได้เพราะอาการช็อค แต่แล้วเวลาผ่านไป เริ่มมีเรื่องราวแปลก ๆ เกิดขึ้นในบ้านของครอบครัวโคลแมน ไม่ว่าจะเป็นการเกิดอุบัติเหตุของเด็กข้างบ้าน การตายของแม่ชีผู้เป็นคุณครูในโรงเรียนเด็กกำพร้า ลูก ๆ ทั้ง 2 คนเกือบโดนอุบัติเหตุที่ไม่ทราบสาเหตุอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทุก ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เอสเธอร์มักอยู่ในเหตุการณ์นั้นเสมอ 


(Source: http://43vapp2ojjm1f6pyd32k2szp.wpengine.netdna-cdn.com/wp-content/uploads/2015/10/04_orphan__blu-ray.jpg ) 


(ใครที่ดูแล้วห้ามสปอยล์เชียวนะ) เราเล่ามาจนถึงตอนนี้ เพื่อนๆ หลายๆ คนคงคิดว่า เฮ้ย! เอสเธอร์ นางอาจจะเป็นเด็กโรคจิต เก็บกดจากปมในอดีตรึเปล่า (ซึ่งดูจากหน้าตาน่ารักของเธอแล้วไม่น่าจะมีอะไร) แต่มันไม่ใช่เลยค่า เพราะตอนแรกเราก็คิดแบบนี้ แต่หลังจากที่ เคท เริ่มสงสัยในเหตุการณ์อุบัติเหตุต่าง ๆ และพฤติกรรมที่เกินเด็กของเอสเธอร์ ทำให้เธอเริ่มขุดคุ้ยหาที่มาที่ไปของเอสเธอร์ไป ๆ ว่า เธอก็ได้รู้ว่า เอสเธอร์ไม่ได้ย้ายมาจาก โรงเรียนเลี้ยงเด็กกำพร้าทั่วไป แต่เธอย้ายมา(หรือหลบหนี) จาก โรงพยาบาลจิตเวชที่ใหญ่ที่สุดที่ขึ้นชื่อเรื่องผู้ป่วยที่อยู่ในขั้นรุนแรง และยังไม่พอ …… เธอยังงงงงง (ไปดูต่อกันเอาค่า ) สปอยล์แล้วจะหมด Mood ในการดูกันพอดี เอาเป็นว่า อย่าหลงเชื่อในน่าตาน่ารักของสาวน้อย เอสเธอร์คนนี้เป็นพอ  




4. Drag Me to Hell (2009) 
ระดับความเงิบ = 3.5 ดาว

(Trailer: https://www.youtube.com/watch?v=BUZTybLlWKI)
Drag Me to Hell กระชากลงหลุม เราละชอบชื่อไทยของหนังเรื่องนี้จริงๆ หนังเรื่องนี้ดูผิวเผยจาก Trailer ก็คิดว่าเป็นหนังผีทั่วไปนั้นแหละ ก็ใช่! มันก็คือหนังผีทั่วไป แต่เราดูและเราไม่กลัวกลับขำแทน ฮ่า ๆ ว่าด้วยเรื่องของ คริสติน พนักงานธนาคารสาว ต้องการจะเลื่อนขั้นขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้จัดการ แต่ก็อย่างว่า การแข่งขันค่อนข้างสูง เธอจึงขยันทำผลงานให้โดดเด่น แต่แล้ววันหนึ่ง มีหญิงชราคนหนึ่ง เข้ามาขอพบเธอเพื่อให้เธอช่วยอนุมัติการผ่อนผันค่าผ่อนส่งบ้านให้ ในขณะนั้นเองเธอลังเลระหว่างความเป็นมนุษย์ด้วยกัน กับ ตำแหน่งหน้าที่การงานของเธอ และแล้วเธอจึงเลือกความเจริญในหน้าที่การงานแทน เธอปฏิเสธการผ่อนผันค่าผ่อนส่งบ้าน จึงทำให้หญิงชราคนนั้นโกรธแค้นเธอมาก และในคืนนั้นเอง หญิงชราได้แอบทำร้ายเธอแต่ที่แปลกคือในขณะที่คริสติน และ หญิงชรากำลังต่อสู้กันอยู่ หญิงชราได้ดึงกระดุมเสื้อของเธอออกมาพร้อมกับท่องมนต์อะไรสักอย่าง และ พูดคำส่งท้ายได้อย่างน่ากลัวทีเดียว ตั้งแต่นั้นมาชีวิตของคริสตินก็เริ่มเปลี่ยนไป มีแต่เรื่องวุ่นวายและไม่ดีเข้ามาในชีวิต 


(Source: http://www.nerdist.com/wp-content/uploads/2014/03/Drag-Me-to-Hell-horror-movies-8500366-1280-884.jpg ) 


แต่แล้วเหมือนฟ้าดลใจให้เธอเจอกับหมอผีที่มีชื่อเสียง เธอแนะนำให้คริสติน ส่งคืนของต้องสาปนั้นให้กับไปอยู่ที่ตัวผู้สาป ภายใน 3 วันไม่อย่างนั้น เธอจะต้องตาย เมื่อคริสตินรู้อย่างนั้นจึงทำทุกวิถีทางที่จะคืนกระดุมที่หญิงชราคนนั้นได้สาปเอาไว้ และแล้วก็คืนสำเร็จ เพื่อน ๆ คง งง ว่า แล้วมันเงิบยังไง ก็เรื่องราวต่อจากนี้ไม่ถึง 15 นาทีนี้แหละที่มันเงิบ เงิบยังไงหน่ะเหรอ?? บอกไม่ได้หรอกต้องลองดูเอาเอง เราพูดได้เลยว่า หนังผีเรื่องนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แอบตลก(ร้าย) ด้วยซ้ำไป 


ต่อ Comment ด้านล่างได้เลยค่ะ 

0
Chutamas T 7 มี.ค. 59 เวลา 13:17 น. 2
3. The Mist (2007) 
ระดับความเงิบ = 4 ดาว
(Trailer: https://www.youtube.com/watch?v=LhCKXJNGzN8 )


The Mist ภาพยนตร์ Sci-Fi horror ที่สร้างมาจากนิยายที่ใช้ชื่อเดียวกันโดยนักเขียนชื่อดังแนว Sci – Fi horror สตีเฟน คิง (นักเขียนคนโปรดของเราเลย) The Mist เป็นเรื่องราวของบ้านเมืองเราในปัจจุบันที่ต้องการหาความจริง พิสูจน์ความจริงตามแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ ที่ว่าโลกเรามีเรื่องโลกอื่นๆ ที่เราไม่รู้จัก มิติอื่น ๆ ว่ามันจะมีจริงหรือไม่ จึงทำให้เมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งเต็มไปด้วยหมอกปริศนา และ ภายใต้หมอกนั้นเต็มไปด้วย สัตว์ประหลาดที่เราไม่รู้จัก และ มันพร้อมจะฉีกเราเป็นชิ้น ๆ  



(Source: http://media.theiapolis.com/d4/hU0/i1VQF/k4/l1WBL/w1HC/thomas-jane-david-drayton-and-laurie-holden.jpg ) 


ต้องขอบอกเลยว่าหนังเรื่องนี้ เป็น 1 ในหนังโดนใจตลอดกาลของเรา เพราะมันไม่ใช่แค่หนังที่ให้ความระทึกขวัญตื่นเต้นเพียงอย่างเดียว แต่มันยังบอกถึงจิตใจของมนุษย์ในด้านความเห็นแก่ตัว การดำเนินชีวิตเพื่อความอยู่รอด และ สิ่งที่มนุษย์ในปัจจุบันเป็นเมื่อเวลาเจอเรื่องคับขัน ได้เป็นอย่างดี และความเงิบมันอยู่ตรงฉากสุดท้าย ที่พระเอกของเราและพักพวกอีก 3 คน กำลังจะหลบหนีจากซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ที่เป็นเหมือนที่กบดาน ของคนในเมือง เพื่อออกตามหาคนมาช่วย แต่ในขณะที่พระเอกของเรากำลังขับรถไปเรื่อย ๆ นั้น จู่ ๆ รถเกิดดับ ความหวังสุดท้ายของพระเอกก็เหมือนดับสูญไปด้วย และหลังจากนั้นก็เงิบเลย 


คำเตือน : คนที่ชอบดูหนังแนวจบ Happy ending สวยงามตามท้องเรื่อง เราแนะนำอย่าดูหนังเรื่องนี้ เพราะนอกจากคุณจะเงิบแล้วคุณอาจจะไม่เข้าใจกับการกระทำของพระเอกเราไปอีกนาน



ต่อมาเรามาที่ รองชนะเลิศ อันดับ 1 กันบ้าง
2. The Six sense (1999) 
ระดับความเงิบ = 4.5 ดาว 
(Trailer: https://www.youtube.com/watch?v=Jnpe0OuGAOY )



เราบอกได้เลยว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังผีฉบับคลาสสิกที่ยอดเยี่ยมเลยก็ว่าได้ ไม่ได้ใช้เทคนิค 3D 4D หรือ Sound Effect ที่น่ากลัวแต่อย่างใด แต่เน้นความระทึกขวัญฉบับเนิบ ๆ ชวนให้เราคอยลุ้นและติดตามไปเองมากกว่า 

The Six Sense ว่าด้วยเรื่อง มัลคอม จิตแพทย์เด็กชื่อดัง ที่มีความคิดว่า เขาจะทำการรักษาเด็กชายตัวน้อยคนหนึ่งที่ชื่อว่า โคล โคลเป็นเด็กที่ไม่สุงสิงกับใคร ชอบเก็บตัว บางครั้งก็มีอาการหวาดกลัว และหลบซ่อนตัวในที่ใดที่หนึ่งที่เขารู้สึกว่าปลอดภัย (ส่วนมากจะเป็นโบสถ์)  มัลคอมพยายามศึกษาเขา ตั้งแต่พยายามดูอยู่ห่าง ๆ และ ใกล้ชิดโคลไปเรื่อย ๆ จนวันหนึ่ง โคลได้บอกความลับอย่างหนึ่งให้กับมัลคอม ว่า เขาสามารถมองเห็นคนตาย (ผี) ได้ เขามองเห็นในทุก ๆ ที่ และพูดคุยกับมันได้ 


(Source: http://wheresthejump.com/wp-content/uploads/2015/06/the-sixth-sense-1.jpg) 


เราว่าใครหลาย ๆ คนคงดูหนังเรื่องนี้ไปบ้างแล้ว และเชื่อว่าก็คงสตั๊นไม่แพ้กับเราเท่าไร บอกก่อนเลยว่าหนังเรื่องนี้ดีงามพระราม 8 ตรงที่ว่าเป็นหนังหักมุมที่เล่นด้วยการให้การเล่าเรื่องแบบ Flashback (คือการเล่าเรื่องจากอดีตมาปัจจุบัน) ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ความเงิบมันอยู่ตรงที่พอ คุณหมอมัลคอมรู้ความจริง และเริ่มช่วยเหลือหนูโคลนั้น เลยทำให้คุณหมอรู้ความจริงบางอย่างที่สำคัญด้วยเช่นกัน 

ต่อที่ Comment ด้านล่างเลยค่า 
0
Chutamas T 7 มี.ค. 59 เวลา 13:25 น. 3
และเราก็มาถึง อันดับ 1 ของเรากันบ้าง (มีใครคิดเรื่องอะไรในใจกันไหม ? )
1. Gone Girl ( 2014) 
ระดับความเงิบ = 5 ดาว 

(Trailer: https://www.youtube.com/watch?v=2-_-1nJf8Vg )


Gone Girl เป็นหนังที่เราถือว่า โคตรเงิบ เพราะ เราเดาทางของหนังเรื่องนี้ไม่ถูกเลยสักนิด พอเดา ๆ ต้องใช้แน่ ๆ ก็เอ่า ไม่วะ! ไม่ใช่! พอเดาอีก ก็ไม่ใช่อีก สุดยอดจริง ๆ โดยเฉพาะตอนจบนี้ เจ็บแสบสุด ๆ และทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนัง จิตวิทยาที่เราเลิฟมาก ๆ อีกหนึ่งเรื่อง 


Gone Girl ภาพยนตร์แนว Mystery Psychological Thriller (สืบสวนจิตวิทยาระทึกขวัญ)  ที่สร้างจากนักเขียนชื่อดังนามว่า Gillian Flynn (ผลงาน Gone Girl / Dark Place)  เรื่องราวของ 2 สามี ภรรยา ที่ชื่อว่านิค และ เอมี่ นิคได้แต่งงานกับเอมี่ คนดังจากหนังสือนิยาย เรื่อง “Amazing Amy” โดยพ่อแม่เธอเขียนอ้างอิงจากไดอารี่ของเอมี่ในวัยเยาว์ เลยทำให้ใครหลาย ๆ คนเข้าใจว่าเธอเป็นเหมือนผู้หญิงเพอร์เฟ็คและเพียบพร้อมไปซะทุกอย่าง แต่แล้วในวันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันครบรอบแต่งงาน นิคซึ่งออกไปข้างนอกบ้านและกลับเข้ามาในบ้านพร้อมกลับเห็นสภาพห้องนั่งเล่นที่รกเละเทะ ห้องครัวที่เหมือนมีคราบเลือดกระเด็น พร้อมกับภรรยาของเธอที่หายตัวไป ทิ้งไว้เพียงปริศนาที่เหมือนเกมส์หาสมบัติเพื่อให้ นิค ค้นหาตัวเธอ ที่กำลังเล่นซ่อนหาอยู่เท่านั้น 

(Source: http://cdn3.whatculture.com/wp-content/uploads/2014/10/Gone-Girl-Rosamund-Pike-Amy.jpg



หนังเรื่องนี้เป็นหนังแนวจิตวิทยาที่เราปลาบปลื้มสุด ๆ ขนาดที่ว่า พอดูหนังจบและอยากรู้ฟีลของนิยายเลยไปซื้อนิยายมาอ่านเลยค่า คือจะอธิบายยังไงดีอ่ะ หนังส่วนใหญ่มักเงิบตอนจบ แต่หนังเรื่องนี้ เงิบทุก Scene ที่มีอยู่ ในแต่ละฉากที่ดำเนินเรื่องไป มันถ่ายทอดความรู้สึกของพระเอกออกมาได้อย่างดี ทำให้เราเหมือนเป็นพระเอกที่ออกตามหาภรรยา มีเพียงเบาะแสคำใบ้ปริศนาเท่านั้น และ ตอนสุดท้ายที่ พีคมากกกก เอาแบบนั่งอ้าปากค้าง และได้แต่อุทานว่า “เฮ้ย ! เอาแบบนี้เลยหรอ” หรือไม่ก็ “โหวววว สุดยอดอ่ะ !” เลยทีเดียว ไม่เพียงแค่นั้นหนังเรื่องนี้ยังแอบบอกเหตุผลในทุก ๆ การประทำของเอมี่ ว่าเพราะอะไรเธอทุกทำแบบนี้ไว้ในเรื่องอีกด้วย  


เอาหมดแล้ว เป็นยังไงกันบ้าง มีใครคิดเรื่องเดียวกับเราบ้างไหม ?
หากใครมีเรื่องอะไรแนะนำ หรือ นำเสนอก็มา Share กันได้เลย
 

หรืออยากจะพูดคุยเรื่องหนังก็ Comment ด้านล่างได้เลยค่ะ Inbox กันมาก็ได้นะจ๊ะ



สุดท้ายนี้ขอบคุณอ่านกันนะคะ



เจอกันใหม่กระทู้หน้าค่ะ บ๊ายบายย :) 


0
miwb2uty 9 มี.ค. 59 เวลา 19:57 น. 4-2

ช่ายๆ คือเรื่องนี้คือแบบ เอิ่มมมม ชอบๆๆ ฮ่าๆๆๆ

0
Lady-Victoria 17 เม.ย. 59 เวลา 03:38 น. 4-4

4-3 orphan ไม่น่ากลัวเลย ไม่มีผี ไม่มีปีศาจ แต่มี.....

0
Chutamas T 7 มี.ค. 59 เวลา 20:17 น. 5-1

นั่นสิ่ ๆ เราเลยให้เรื่องนี้แค่ 3 ดาวเท่านั้นเอง ^^

0
Natchakan Tawee 7 มี.ค. 59 เวลา 20:15 น. 6
Gone Girl ก็เงิบใช้ได้ แต่นะผมว่า memeto ของ Christopher Nolan น่าจะเงิบกว่านี่อีก ตอนจบตบหน้าได้แบบสุดๆอารมณ์ช็อคประมาณ the mist เลย แต่เราว่าสะเทือนใจและนานกว่ามาก

อีกเรื่องโคตรหักมุมต้อง

The Usual Suspects (1995)

หนังหักมุมระดับตำนาน ที่ตัวบทถูกเขียนไว้ได้ฉลาดและน่าทึ่งมาก ว่าด้วยเรื่องของ อาชญากร 4 คน ที่บังเอิญมาพบเจอกันและทำงานร่วมกัน จนพวกเขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบุคคลลึกลับนาม Keyser Soze

แนะนำว่าอย่าดูพากย์ไทย ยุคนั้นเทคโนโลยียังไม่เจริญมาก อาจจะเสียความอิน
1
Ciuffi_. 7 มี.ค. 59 เวลา 20:16 น. 7

คือ ยังไม่ดูทุกเรื่อง ยกเว้น เด็กนรก(Orphan นั่นแหละ) แบบว่า ตอนที่เฉลยนี่แบบ เฮ้ยยย เฮ้ยย เฮ้ยยยย!!! จริงหรอวะ เฮ้ยย แบบบ ฮะะ ไรวะ แบบ...พีคว่ะ อืม พีคค แล้วเพื่อนมาเล่าเรื่อง The Boy ต่อ พีค...แต่พีคน้อยกว่า Orphan หรือเพราะว่าเรายังไม่ดูก็เป็นได้... ค่ะ #คหสต #ใครดูเรื่องไหนว่าพีคสุดมาเล่ากัน 

1
Chutamas T 7 มี.ค. 59 เวลา 20:21 น. 7-1

แนะนำให้ตามตาม Level ของความเงิบไล่ไปเรื่อย ๆ ค่า ><

0
ชื่นชม จขกท 7 มี.ค. 59 เวลา 20:19 น. 8

จขกท เขียนเก่งนะ แถมสปอยเบาๆได้น่ารักด้วย 55555
ตืดตรงคำผิดที่ผิดแบบไม่น่าให้อภัยนี่แหละ ช่วยแก้ไขแล้วจะน่ารักมากๆเลย

1
Chutamas T 7 มี.ค. 59 เวลา 20:20 น. 8-1
รักเลย อู๊ยย ขอบคุณมาก ๆ เลยค่า จะรีบหาคำผิดและแก้ไข เดี๋ยวนี้เลยค่าา
0
Chutamas T 7 มี.ค. 59 เวลา 20:58 น. 9-1

แก้ไขพล็อตเรื่อง และ เพิ่มเติมเรียบร้อยแล้วค่า ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ เยี่ยม

0
คะไม้เอก 7 มี.ค. 59 เวลา 20:20 น. 10

เคยดูแฝดกับorphan แฝดค่อยข้างที่จะลืมเนื้อเรื่องไปแล้ว แต่ orphan แบบจำได้แม่นเลยค่า คือก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ แบบสุดๆอะ อิเด็กนี่มัน... ชอบมากจนต้องแนะนำให้เพื่อนดู!!
ส่วนเรื่องอื่นๆจะหาเวลาดูนะคะ ขอบคุณที่มาแนะนำค่า

1
Chutamas T 7 มี.ค. 59 เวลา 20:59 น. 11-1

แนะนำให้ลองดูเรื่อง Gone girl เลยค่า ไม่น่ากลัวเลย ^^

0
Chutamas T 7 มี.ค. 59 เวลา 20:59 น. 12-1

ของเราตอนที่อ่านหนังสือยังไม่อินเท่าดูหนัง บอกเลยว่า ดูจบแล้ว ?? เต็มหัวไปหมด ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ เศร้าจัง

0
THANA 8 มี.ค. 59 เวลา 10:07 น. 12-2

ตอนจบเป็นงี้ครับ คือมีคนด่ากันเยอะมากเรื่องพระเอกทำไมต้องยอมแพ้ ยิงคนอื่นๆ ตาย ... คือเอาง่ายๆ สภาพตอนนั้นมันสิ้นหวังแล้ว ยิ่งหนีออกมา ปรากฏว่าเจอสัตว์ประหลาดวิจิตรพิศดารเกินจินตนาการกว่าที่อยู่ในร้านมาก แถมน้ำมันก็หมด ขับมาไกล ไม่มีน้ำ อาหาร .. อาวุธก็ไม่มีทางพอที่จะต่อกรกับสัตว์พวกนั้นได้เลย สภาพบรรยากาศมันสะท้อนให้เห็นว่าโลกมัน "จบสิ้นแล้ว" --- ทางเดียวที่เหลือคือ ยังไงก็ไม่รอด และประเด็นก็คือ ในเมื่อไม่รอดอยู่แล้วจะเลือกตายแบบไหน ??

ตายแบบถูกสัตว์ฉีกเป็นชิ้นๆ
ตายแบบโดนกินทั้งเป็น
หรือตายแบบมีแมงมุมมาไข่ในตัวแล้วออกลูกในท้องกินเครื่องในจนหมด
หรือว่าจะตายแบบ--- ยิงโป้งเดียว ทุกอย่างจบ โดยไม่รู้สึกคือเข้าใจอ่ะ ถ้าเอาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์นั้น แถมคนสำคัญเช่น เมีย ก็ตายไปแล้ว
คนทุกคนไม่มีใครอยากตาย แต่ที่กลัวมากกว่าคือ ไม่มีใครอยากตายอย่างทรมาน ...

แล้วก็มีคนให้ข้อคิดว่า หนังเรื่องนี้สอนให้ "รู้จักรอ" --- จริงๆ ผมอยากบอกว่า ในสถานการณ์แบบนี้ อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ จริงถ้าสังเกตุในหนังดีดีเหมือนเขาจงใจให้เราเห็นว่าในโลกเหมือนโดนปกคลุมไปด้วยหมอกหมดเเล้วอ่ะครับ

0
namsuphan 7 มี.ค. 59 เวลา 20:31 น. 13
เราเป็นคนหนึ่งที่กลัวหนังแนวๆนี้มากๆอะ   แต่ชอบดู  กลัวแต่ดูจนจบและเงิบ 555+
 The Mist  เราชอบเรื่องนี้น่ะ  มันสนุกดี
 แต่เราว่ามันไม่เงิบเท่าเรื่อง 
  Drag Me to Hell  น่ะ  เรื่องนี้เราลุ้น และกลัว พอตอนสุดท้ายเท่านั้นแหละ หึหึหึ   อเมซิ่ง 
1
Chutamas T 7 มี.ค. 59 เวลา 22:34 น. 13-1

Drag me to hell นี่ดูแล้วขำ ไม่รู้ว่าจะสงสารหรือขำนางเอกดี ตลกจัง

0
คนชอบดูหนังหักมุม 7 มี.ค. 59 เวลา 20:40 น. 15

กำลังจะบอกว่าเรื่องThe Usual Suspects เรื่องนี้นร่เรายอมใจจริงๆ หักมุมได้แบบเงิบมากตอนจบนี่คือแบบถึงกับสบถออกมา55555555555555 เราแนะนำอีกๆเรื่อง


shutter island

เป็นแบบตำรวจสองคนไปสืบสวนในโรงพยาบาลบ้าที่อยู่บนเกาะอะ สนุกดีตอนจบหักมุมแบบ โอ้วว(แต่เราว่าหักมุมมันยังไม่หักหน้าเท่าThe Usual Suspects)

2
Calara. 17 เม.ย. 59 เวลา 21:27 น. 15-2

Shuttet Islandคือหักมุมมากจริง ตอนเฉลยแล้วเรานั่งคิดอยู่เลยว่าพระเอกโดนหลอกรึเปล่า พอตอนจบถึงได้อ๋อ555555

0
puplb 7 มี.ค. 59 เวลา 20:50 น. 17

ดูหมดแล้วทุกเรื่อง ชอบทุกเรื่องด้วย ส่วนตัวเงิบThe mistที่สุด
พอถึงตอนสุดท้ายปุ้บความรู้สึกคือ "....wtfหนังเ-ี้ยไรเนี้ยยยยยยยยยยยยยยย!!!"
#ไม่ได้ตั้งใจจะหยาบแต่มันfeelนี้จริงๆ5555

3
Chutamas T 7 มี.ค. 59 เวลา 22:35 น. 17-1

เราเข้าใจนะ เพราะเราก็ได้แต่สงบนิ่งและไม่เข้าใจพระเอกเลยจริง ๆ เศร้าจัง

0
puplb 8 มี.ค. 59 เวลา 16:48 น. 17-2

คงไม่อยากให้คนอื่นทรมานมั้ง5555 โถ ชีวิต มันเงิบแบบขำๆนะ555555

0
อินนนนน 17 เม.ย. 59 เวลา 13:32 น. 17-3

ไม่ได้ผิดที่พระเอกเลยยย เพราะพระเอกยอมตาแบบทรมาน(ให้สัตว์ประหลาดกิน)แต่.....................................!!!!!!!!เห้ยยยทหารรรรรร มาช้าไปแปปเดีวเองงงงงWTF!!!!!

0
Charlienna 7 มี.ค. 59 เวลา 20:55 น. 18

ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้ด้วยนะ
the boy in the striped pyjamas
ทั้งหักมุมทั้งหดหู่ #คหสต นะคะใครดูแล้วบ้าง

3
Chutamas T 7 มี.ค. 59 เวลา 21:01 น. 18-1

เรื่องนี้ตอนแรกเราคิดว่าเหมือนจะหักมุม นิด ๆ แต่เหมือนเราพอเดาทางออกแบบเบา ๆ เลยไม่ได้เอาลงมาด้วยค่า แต่ขอบคุณที่แนะนำมานะคะ รักเลย

0
IndyGirl151 8 มี.ค. 59 เวลา 11:22 น. 18-2

เรื่องนี้เป็นหนังในดวงใจเราเลย คือมันดีมาก ชอบตัวละครเด็กสองคนมาก เด็กยิวนี่เเค่เห็นหน้าก็จะร้องไห้ละ ส่วนเด็กอีกคนเล่นถึงบทมาก ชอบบ
ตอนเเรกเห็นโปสเตอร์หนัง นึกว่าเรื่องจะน่ารักใสๆ พอดูจริงๆ โอ้ววววว ข้านี่หดหู่ไปนานเลยT T

ถ้าถามว่าหักมุมมั้ย ไม่ค่อยนะสำหรับเรา คือรู้อยู่เเล้วล่ะว่าหนังเเนวนี้ต้องมีคนตาย เเต่มันพีคตรงที่คนตายมันเป็นสองคนไม่ใช่คนเดียว ฮรือออ

ถ้าชอบหนังเเนวนี้ เเนะนำ Life is beautiful ค่ะ ดีมากเหมือนกัน

0
Charlienna 8 มี.ค. 59 เวลา 16:28 น. 18-3

ใช่ค่ะ คือหักมุมมั้ย(ก็ใช่) แต่ก็ไม่เท่าไหร่ เพราะแค่เห็นว่าถูกพาให้ไปยังห้องหนึ่งนี่เรารู้เลย รมแก๊สแน่ เพราะเคยอ่านเกี่ยวกับค่ายกักกันมา แต่มันมาพีคที่ว่าเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แถมเป็นลูกชายของทหารไรนั่นน่ะ (ยศไรไม่รู้จำไม่ได้ TT เพราะดูนานแล้ว 5555) มันทำให้ใจหดหู่มาก ไปหลายวันด้วย 55555

Life is beautiful อยู่ในลิสต์ของเราเหมือนกันค่ะ แต่ก็ไม่ได้ดูสักที เดี๋ยวต้องหาดูซะละ 555

0
Mycap 7 มี.ค. 59 เวลา 21:23 น. 19

เกลียดตอนจบเรื่องThe Mist มาก หลังจากดูจบนี่หดหู่มาก ไม่เข้าใจทำไมหักมุมได้ทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้ แต่โดยรวมคือสนุกแต่ตอนจบก็นะ..เยี่ยม

1
Chutamas T 7 มี.ค. 59 เวลา 22:36 น. 20-1

เรื่องนี้เราเฉย ๆ แหะ ขอโทษด้วยน่าตัวเอง อมยิ้ม

0