Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

Let me in Thailand ชายคนเเรกที่ได้ไปพลิกชีวิตที่เกาหลี

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่


มีใครเป็นเเฟนรายการ Let me in Thailand ศัลยกรรมพลิกชีวิต บ้างยกมือขึ้น!




เมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา กับ รายการ Let me in Thailand ตอนที่ 8 กับหัวข้อ...




"ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าผิดรูป"


จากผู้สมัครมากมาย ทางรายการก็ได้คัดเลือกเหลือเพียง 2 คนเท่านั้น

ได้เเก่...




คุณเจษ ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าผิดรูป ที่มีปัญหาคางยื่น ฟันไม่สบกัน ทำให้โดนเพื่อนล้อ เขาจึงลาออกจากโรงเรียนมาทำงานตั้งเเต่อายุ 17 เเต่ที่ไหนได้ ยิ่งพอมาทำงาน กลับยิ่งโดนล้อหนักกว่าเก่าซะอีก เขาจึงตัดสินใจลาออกจากที่ทำงานนั้นอีกครั้ง จนได้มาเจอกับแฟนของเขา เเละมีครอบครัวด้วยกัน



คุณเจษตั้งใจจะเก็บเงินทำศัลยกรรมอยู่เเล้ว เเต่พอมีครอบครัว เขาจึงใช้เงินเก็บเหล่านั้นเอาไว้เลี้ยงดูลูก เเละล้มเลิกความตั้งใจดังกล่าวไป (โห ตอนดูนี่น้ำตาคลอ T^T)



เพราะฟันที่ไม่สบกัน ทำให้เขามักกัดกระพุ้งเเก้มอยู่บ่อยๆ เวลากินข้าว เเต่ความดราม่าชวนเรียกน้ำตามันไม่ได้อยู่ตรงจุดนั้น นอกจากนี้ เวลาเขาไปไหนมาไหน ก็มักจะมีคนมองด้วยสายตาแปลกๆ เสมอ ทำให้คุณเจษไม่ค่อยกล้าที่จะไปรับ-ส่งลูกไปโรงเรียน เพราะกลัวว่าลูกจะอาย (ดูไปก็น้ำตาคลอ) เเถมยังให้เขาไม่กล้าที่จะถ่ายรูปกับครอบครัว เรียกได้ว่า รูปถ่ายแบบพร้อมหน้าพร้อมตานี่แทบจะหาไม่ได้กันเลยทีเดียว


กับชายหนุ่มอีกคนที่ผ่านเข้ารอบมาพร้อมๆ กัน



คุณเเบงค์ ผู้มีอาชีพเป็นนักดนตรี ซึ่งมองเผินๆ เขาอาจจะดูไม่ผิดปกติอะไร



เเต่เขามักจะถูกเพื่อนล้อว่าคางยื่นเหมือนพ่อมด ให้ไปตัดคางออกซะ นั่นก็เป็นเพราะปัญหาของฟันที่สบกันไม่ได้ทั้งปาก ทำให้ใบหน้ามีลักษณะยื่นคล้ายกล้วย



ไม่เพียงเท่านั้น ปัญหานี้ทำให้เขาพูดไม่ชัด เวลากินข้าวก็มักจะถูกล้อว่าเหมือนคนเเก่ ทำให้เขารู้สึกอยากเก็บตัว เจ็บปากเวลาเป่าเครื่องดนตรี ทั้งที่เขาชื่นชอบในการเล่นดนตรีมาก คุณเเบงค์เองก็คิดจะทำศัลยกรรม เเต่ไม่มีค่าใช้จ่ายนั่นเอง


เเล้วทีนี้ ใครนะ ที่จะถูกเลือกให้ไปพลิกชีวิตที่ประเทศเกาหลี




จะเป็น คุณเเบงค์ หรือ คุณเจษ กันเเน่


เเล้ว Let me in Thailand คนที่ 8 ซึ่งเป็นผู้ชายคนเเรกที่จะได้ไปพลิกชีวิตที่ประเทศเกาหลีก็คือ...



คุณเจษ นั่นเองค่ะ



ซึ่งคุณหมอก็บอกว่า คุณเจษมีปัญหาที่ขากรรไกร ซึ่งต้องปรับขากรรไกรบน-ล่างให้สมดุล เพื่อให้ฟันกลับมาสบกันตามปกติ ส่วนดวงตาที่เศร้าหมอง ก็ต้องเเก้เปลือกตาให้ดูโตขึ้น เเละเปลี่ยนรูปหน้าเกือบทั้งหมด


เเละเมื่อเดินทางมาถึงประเทศเกาหลี คุณหมอก็ยอมรับเลยว่า เคสของคุณเจษนั้น เป็นเคสที่มีความเสี่ยงมาก



เเต่คุณเจษก็ยังคงยืนกรานว่า มาถึงที่นี่เเล้ว เขาจะต้องดูดีกลับไปให้ได้



หลังจากที่คุณเจษเลือกรูปของพี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์ เเละ มาริโอ้ เมาเร่อ ให้คุณหมอดู คุณหมอก็นิ่งไปสักพัก เเล้วตอบกลับมาแบบขำๆ ว่า "หมอจะพยายามให้เต็มที่ครับ" (อันนี้ฮาจริง)



การผ่าตัดใช้เวลาร่วม 7 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว

หลังจากผ่าตัดเสร็จ คุณเจษต้องพักฟื้นอยู่ที่ประเทศเกาหลีเป็นเวลากว่า 70 วัน


เเละพอครบกำหนด เขาก็เดินทางกลับมายังประเทศไทย เเละได้พี่ม้าช่วยปรับเปลี่ยนบุคลิกให้



จะเป็นยังไงกันนะ...



อึ้ง! ตอนเราดู เรายังอึ้งเลย



ไม่ใช่เเค่เราเท่านั้น คนในห้องส่งเองก็คงอึ้งกว่าเราหลายเท่า

แบบ... ใช่คนเดียวกันเเน่เหรอ ทำไมเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ขุ่นพระ!!



ขนาดคุณ-ังเอ่ยปากเลยว่าภูมิใจม๊ากกกก (ยังขำตอนยื่นรูปพี่ติ๊กกับมาริโอ้ไม่หาย)



ดูจากลิสต์รายการศัลยกรรมของคุณเจษเเล้ว ก็ไม่ใช่น้อยๆ เลย เเต่ก็คุ้มค่ากับความหล่อที่ได้มานะ!


คุณเจษที่ไม่ได้พบกับครอบครัวมาเป็นเวลากว่า 3 เดือน ก็ได้พบกับครอบครัวอีกครั้ง

ตอนนี้ อย่าว่าเเต่คนในห้องส่งร้องไห้เลย เราดูอยู่หน้าคอม เราก็น้ำตาคลอเหมือนกัน



โหย... น้ำตาไหล เขาคงรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่จริงๆ



กว่าจะมาถึงวันนนี้ เราก็ไม่รู้ว่าเขาเจอกันอะไรมาบ้าง เขาพบเจอสายตาแบบไหนจากคนรอบข้างบ้าง เเต่ก็ดีใจกับคุณเจษด้วยนะคะ ที่ในที่สุดก็จะกลับมายิ้มได้อีกครั้ง เเละจะได้มีรูปถ่ายพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวสักที



(น้ำตาจะไหล)



ส่วนคุณเเบงค์ ที่ไม่ได้ถูกคัดเลือกให้ไปพลิกชีวิตที่ประเทศเกาหลีนั้น



ทางโรงพยาบาลพระรามเก้า ก็ยินดีจะเป็นผู้พลิกชีวิตให้กับเขาเเทนค่ะ



ตอนคุณจุ๋ยมาบอกนี่ เราดีใจเเทนเลยนะ คุณเเบงค์จะได้ทำในส่งที่เขารักได้อย่างเต็มที่สักที



หลังจากที่คุณเเบงค์ใช้เวลาพักฟื้นกว่า 3 เดือน เขาก็พร้อมที่จะเผยโฉมหน้าใหม่เเล้ว



อาจจะดูไม่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเท่าไหร่ เเต่เราเชื่อว่า การพลิกชีวิตของคุณเเบงค์โดยโรงพยาบาลพระรามเก้าในครั้งนี้ จะช่วยให้คุณเเบงค์มีความมั่นใจในการใช้ชีวิตได้มากขึ้นกว่าเดิมเเน่นอน



ดีใจกับคุณเเบงค์เเละครอบครัวด้วยนะคะ หลังจากนี้ก็ขอให้ใช้ชีวิตกับส่งที่รักให้เต็มที่ โดยไม่ต้องเเคร์สายตาแปลกๆ ที่มองมาอีกเเล้ว


สมัยนี้การทำศัลยกรรมได้กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเเล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อเสริมบุคลิก สร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น เด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่ควรทำศัลยกรรมความงามนะคะ

สุดท้ายนี้ ก็ดีใจกับคุณเจษเเละคุณเเบงค์อีกครั้งค่ะ


แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

wowo 10 มี.ค. 59 เวลา 11:49 น. 2

หมอฮวังงงงงงงงงงงงงงง ชอบเคสเจษมากกของโรงพยาบาลไอดี
หมอหล่อสุดดดดดดดดดด ฮืออออออ
#บอกเค้าไปว่าฉันรักเค้า

รักเลย

0