Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รุ่นพี่แวะมาแนะแนวAdmission’59 #เอกภาษาญี่ปุ่นคณะศิลปศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

タマサート大学教養学部日本語学科へようこそ

           สวัสดีน้องๆทุกคนและยินดีต้อนรับเด็กแอดมิดชั่น 59 ทุกคนนะคะ คะแนนแกทรอบสองก็ออกมาให้ตื่นเต้นกันแล้ว เป็นยังไงบ้างคะน้องๆ ตอนนี้คะแนนพร้อมหมดแล้ว แล้วน้องๆละคะพร้อมสำหรับการแอดมิดชั่นหรือยัง? ^^ วันนี้พวกพี่ๆ จากเอกภาษาญี่ปุ่น คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปี58 ก็มีข้อมูลสุดลึกจากวงในเกี่ยวกับเอกของเรามาเล่าให้น้องๆฟัง ไหนใครอยากเข้าที่นี้บ้างคะ ขอเสียงหน่อยเร็ว ! เอาหล่ะ มาเริ่มกันเลย!

แนะนำภาควิชาภาษาญี่ปุ่น

         มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นสถาบันอุดมศึกษาแห่งแรกในประเทศไทยที่เปิดสอนภาษาญี่ปุ่น เริ่มเปิดสอนเป็นครั้งแรกในคณะศิลปศาสตร์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1965  ในระยะแรกได้รับสนับสนุนจากกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่นทั้งในด้านผู้สอน ตำรา ตลอดจนพจนานุกรมสำหรับอาจารย์และนักศึกษา ต่อมาได้รับการสนับสนุนจาก เจแปนฟาวน์เดชั่น(The Japan Foundation)

ข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตร
        หลักสูตรวิชาเอกของภาควิชาภาษาญี่ปุ่นนอกจากจะฝึกฝนให้นักศึกษามีทักษะและความชำนาญด้านภาษาญี่ปุ่นแล้ว ยังให้ความรู้พื้นฐานด้านวัฒนธรรม วรรณคดี และภาษาศาสตร์เพื่อให้มีความรอบรู้เกี่ยวกับญี่ปุ่น รวมทั้งส่งเสริมให้สามารถนำทักษะภาษาญี่ปุ่นไปปฏิบัติได้จริงในสายอาชีพต่าง ๆ อาทิการสอนภาษาญี่ปุ่น การท่องเที่ยว
การแปล การล่าม เป็นต้น โดยแบ่งรายวิชาที่ศึกษาเป็นหมวดต่าง ๆ ดังนี้
1)หมวดทักษะภาษาญี่ปุ่น ฟัง พูด อ่าน เขียน
2)
 หมวดญี่ปุ่นศึกษา เช่น สังคมและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ญี่ปุ่นปัจจุบัน ฯลฯ
3) หมวดวรรณคดีญี่ปุ่น เช่น ประวัติวรรณคดีญี่ปุ่น เรื่องสั้นญี่ปุ่น ฯลฯ
4) หมวดภาษาและการสอนภาษาญี่ปุ่น เช่น การสอนภาษาญี่ปุ่น ฯลฯ
5) หมวดภาษาญี่ปุ่นเพื่ออาชีพ เช่น การแปล การแปลแบบล่าม ภาษาญี่ปุ่นธุรกิจ  ภาษาญี่ปุ่นเพื่อการท่องเที่ยวฯลฯ

(*หมายเหตุ บางวิชาอาจไม่เปิดในบางปี ขึ้นอยู่กับจำนวนอาจารย์และผู้เรียน ติดตามได้ที่เฟสบุ๊คภาคฯ *)

วิดีโอแนะนำภาควิชาภาษาญี่ปุ่น
จากพี่บีมเซ็นเซย์ รุ่นพี่เอกภาษาญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปี50    ค่ะ เยยยยย้ 
ปล.ไปติดตามเพจของพี่บีมได้นะคะ ได้ทั้งความรู้เรื่องภาษาและวัฒนธรรม แน่นอนมากๆ! BeamSensei 

วิธีการเข้าศึกษา

เนื้อหาในกระทู้นี้เป็นวิธีการเข้าศึกษาสำหรับปี 2559 น้า สำหรับปีปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนระบบ ให้ติดตามที่กระทู้นี้เลยจ้า
http://www.dek-d.com/board/view/3809385

V
V
ต่อด้านล่างจ้า 

แสดงความคิดเห็น

>

32 ความคิดเห็น

2K239 12 เม.ย. 59 เวลา 14:59 น. 1

ต่อค่ะ ^^
3.เด็กโครงการต่างๆ เช่น จิตอาสาฯ ช้างฯ จะรับเข้าเอกญี่ปุ่นอีกไม่เกิน5คนค่ะ จะมี2กรณี

       กรณีแรกถ้าน้องทีผ่านการเข้ามาแบบโครงการโดยมีคะแนนแพทญี่ปุ่นน้องจะต้องไปสอบP.T.ค่ะ (รายละเอียดเกี่ยวกับสอบP.T.จะอยู่ด้านล่าง) แล้วต้องทำคะแนนให้ได้มากกว่าคะแนนต่ำสุดของเด็กแอดยื่นแพทญี่ปุ่นค่ะ ถ้าทำไม่ถึงก็หมดสิทธิ์ค่ะ ต้องไปเอกอื่น
      
 กับกรณีที่สอง คือ ไม่มีคะแนนแพทญี่ปุ่น และอยู่ในกฎเหล็ก
3ข้อ ของเอกรวม น้องก็ต้องไปเรียนกับเพื่อนๆที่เป็นเด็กเอกรวม แล้วทำคะแนนให้อยู่ใน 25 คนแรกค่ะ


การสอบ PT 
สำหรับน้องๆที่แอดมิชชั่นเข้ามาโดยยื่น PATญี่ปุ่น จะต้องสอบ PT ด้วยนะ!


สังคมคณะ และเอก

 สังคมคณะศิลปศาสตร์ เป็นคณะที่มีจำนวนนักศึกษามากที่สุดในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อีกทั้งเป็นคณะที่ไม่มีระบบโซตัสในการรับน้อง ไม่ต้องเข้าห้องเชียร์เพื่อเอารุ่น แต่จะมีเป็นกิจกรรมของโต๊ะ**(ซึ่งไม่เป็นการบังคับแต่อย่างใด) เนื่องจากมีนักศึกษาจำนวนมากอาจทำให้นักศึกษารู้จักกันไม่ทั่วถึง จึงเป็นที่มาของ โต๊ะ** โต๊ะในที่นี้คืออารมณ์คล้ายๆแบ่งเป็นบ้านๆ เหมือนในแฮร์รี่พ็อตเตอร์ ที่ศิลปศาสตร์จะมีอยู่ 6 โต๊ะ ซึ่งจำนวนโต๊ะทั้ง6นั้นมาจากสถานที่ต่างๆของคณะ ได้แก่ 1.ลายสือ 2.ปากจอว์ 3.น้ำพุ 4.ลานโพ 5.จิ้งหน่อง 6.สวนศิลป์ ในการจัดแบ่งโต๊ะนั้นเริ่มแบ่งโต๊ะตอนน้องๆมาวันแรกพบ ในโต๊ะจะมีเพื่อนๆมาจากหลายๆเอกมารวมกันและจะทำกิจกรรมด้วยกันไปจนวันที่น้องๆจบ(ถ้าหากว่าน้องไม่ออกจากโต๊ะซะก่อน55>>ขึ้นอยู่กับตัวน้องเองว่าชอบหรือเปล่า อันนี้ไม่ได้บังคับเช่นกัน แต่การมีเพื่อนโต๊ะถือว่าได้มีสังคมไปอีกแบบหนึ่งนอกเหนือจากการเพื่อนในเอก ประสบการณ์พีคๆเยอะเลยแหละจะบอกให้ อิๆ)

    มาดูของเอกเรากันบ้างดีกว่า อิอิ เอกเราเป็นเอกที่อบอุ่นมากกกทั้งเพื่อน รุ่นพี่และเซนเซค่อนข้างจะสนิทกัน รุ่นพี่ก็น่ารักๆทั้งนั้น มีอะไรก็ปรึกษาได้ตลอดเลยทั้งเรื่องเรียน เรื่องความรักหรือเรื่องส่วนตัว เซนเซคนญี่ปุ่นและอาจารย์ไทยแต่ละท่านก็น่ารักมากๆค่ะ แถมเก่งมากๆด้วย  ส่วนเพื่อนๆก็มีหลายแบบค่ะ มีตั้งแต่ป่วยๆคนปกติจนเกินคนปกติ 55555 หรือพวกเดินดินธรรมดาไปจนเทพเลย นอกจากนี้ยังมีเพื่อนเป็นสายๆ สายเล่นกล้าม  สายโอตาคุ ไปจนถึงสายย่อก็มีค่ะน้องๆ 55555555 แต่เพื่อนๆก็เก่งกันมากเลย ทำให้เรามีความรู้สึกอยากเก่งขึ้นไปอีก รวมไปถึงชื่อเสียงของเอกเราที่ว่ากันว่าควิซกันทุกสัปดาห์ มันคือเรื่องจริงค่ะ!!! อ่านหนังสือกันไม่หยุดหย่อน เหนื่อยมากแต่ก็ถือว่าเป็นการกระตุ้นตัวเอง ฝึกให้เราอ่านหนังสือขยันๆไปด้วย 

(สำหรับวีรกรรม ประสบการณ์หรือข้อมูลวงใน พี่ๆจากปี58 จะมาคอมเมนท์นะจ๊ะ เรื่องเม้าท์เยอะ!บอกเลย ติดตามกันได้เรื่อยๆที่เมนท์ด้านล่างจากพวกพี่ได้เลย)


การเรียนการสอน   เนื้อหา  การสอบ 
 ส่วนนี้ก็จะเป็นสาสน์จากพี่ๆเอกภาษาญี่ปุ่นทั้งครึ่งแรก(ยื่นแพทญี่ปุ่น)และครึ่งหลัง(อดีตเอกรวมตอนนี้ได้กลายเป็นเด็กเอกญี่ปุ่นเต็มตัว)ฝากถึงน้องๆเรื่องการเรียนการสอน เนื้อหา การสอบในเอกเราค่ะ มาดูกันเลยยยยยย

สารจาก พี่ๆ ที่ยื่นPATญี่ปุ่นเข้ามาค่ะ

"      สำหรับน้องๆที่เข้ามาในครึ่งแรก มาถึงน้องๆก็จะได้เรียนวิชาอันปวดหัวคือ JP246 ซึ่งเป็นวิชาการฟัง เนื้อหาประมาณ N3 ในช่วงปิดเทอมนี้ น้องๆต้องไปบริหารหูของน้องๆ ฟิตเตรียมพร้อมสำหรับวิชานี้กันเลยนะคะ น้องๆอาจจะตกใจว่าทำไมยากขนาดนี้เพราะส่วนใหญ่ที่เราเรียนม.ปลายมาก็ได้แต่ฝึกสกิลการอ่านกับการเขียน น้องๆหลายคนอาจกระอักเลือดแบบพวกพี่หลายคนได้ แถมยังควิซทุกสัปดาห์ รวมไปถึงการฮัปเปียวหน้าชั้นเรียนบ่อยๆ ซึ่งตอนแรกน้องๆอาจจะคิดว่ามันหนักมาก น้องๆอาจจะรู้สึกเหนื่อยจากการที่เราต้องทำควิซ ทำการบ้าน แต่งฮัปเปียว อ่านหนังสือบ่อยๆหรือแม้แต่เหนื่อยใจที่เรารู้สึกว่าทำไมคะแนนเราต้อยต่ำขนาดนี้เมื่อเทียบกับเพื่อน 
แต่พี่อยากบอกน้องๆว่า บันไดก้าวแรกมักยากเสมอแต่ถ้าน้องๆอดทนผ่านบันไดก้าวแรกไปแล้ว บันไดก้าวต่อๆไปน้องก็ผ่านมันมาได้ค่ะ และสิ่งนี้เองก็จะหล่อหลอมให้น้องสตรองขึ้นเป็นเท่าตัว เวลาผ่านไปสักพักน้องจะรู้สึกว่าน้องเก่งขึ้น ขยันขึ้น และในที่สุดเราก็ปรับตัวได้เองค่ะ เพื่อนๆในเอกของเราก็น่ารักมากๆค่ะหลายๆคนเก่งแต่ก็ไม่ห่วงความรู้กันเลย มีอะไรก็เอามาแชร์กันตลอด ถึงจะบอกว่ามีคนเก่งเต็มไปหมดแต่จริงๆแล้วเราก็ไม่ได้แข่งกันเรียนนะคะ เราช่วยเหลือกันมากกว่า ถ้าไม่เข้าใจเนื้อตรงไหนก็เพื่อนๆก็พร้อมที่จะอธิบายหรือถามอาจารย์ให้ เพื่อนๆนอกจากจะเก่งแล้วยังใจดีอีก^^อาจารย์หลายท่านก็มีความรู้ความสามารถอย่างดี แถมยังแปลหนังสือภาษาญี่ปุ่นอีกหลายท่านด้วย พวกเราอยู่กันแบบครอบครัวค่ะ รู้สึกอบอุ่น มีอะไรเราก็บอกกันได้ปรึกษากันได้ตลอด เวลาที่มีกิจกรรมชวนไปตีแบด เล่นกีฬา เราก็มักจะชวนกันไปทำเกือบทั้งเอก บางทีอาจารย์หรือเซนเซก็มาแจมด้วย! นอกจากความรู้ที่น้องจะได้รับจากที่นี่แล้วน้องจะยังได้ประสบการณ์และความทรงจำดีๆจากคนรอบข้างด้วยนะคะ สำหรับสนามแอดมิดชั่นปี59 นี้พี่ก็อยากจะฝากให้น้องๆสู้ๆอดทนนิดเดียวนะคะ แล้วก็ขอให้น้องๆโชคดี แล้วเจอกันในวันเปิดภาคเรียนใหม่นะคะ ^^"

มาดูสารจากพี่ๆที่เริ่มเรียนที่ธรรมศาสตร์กันบ้าง เย่

 " พี่ก็อยากจะบอกน้องๆทุกคนที่อยากเข้าเอกญี่ปุ่นว่า ขอให้สู้ๆและพยายามทุกคนนะคะ ผลลัพธ์ที่ได้จากการเรียน สำหรับพี่มันเกินคำว่าคุ้มค่าจริงๆ ≧∇≦  พี่เชื่อว่าถ้าน้องๆมีความแน่วแน่และตั้งใจอยากที่จะเรียนเอกญี่ปุ่นจริงๆ น้องๆก็จะต้องประสบความสำเร็จและได้เข้ามาอยู่กับพวกพี่ๆและเพื่อนๆครึ่งแรกอย่างแน่นอน ^-^ อย่าแข่งกับคนอื่น แต่ขอให้แข่งกับตัวเองเป็นพอนะคะ ผลการเรียนและสิ่งที่ได้รับจะเป็นยังไงขึ้นอยู่กับตัวเองว่าเราขยัน จัดตารางชีวิตได้ และตั้งใจแค่ไหนเท่านั้นเอง เรียนญี่ปุ่นท้อได้แต่อย่าหยุดสู้นะ ไม่มีสิ่งไหนจะได้มาง่ายๆนะเด้อ เครียด สงสัย หรือมีอะไรอยากสอบถามก็ปรึกษาพี่ๆได้เลย ซู่ๆซ่าๆน๊า ว่าที่รุ่นน้องที่น่ารักทุกคน <3

ปล. ไม่ต้องกังวลว่าไม่มีพื้นฐานและจะตามเพื่อนไม่ทัน เรียนไม่เข้าใจ เพราะอาจารย์ยินดีตอบมากๆ ถ้าสงสัยจะรอถามหลังเลิกเรียนหรือว่าส่งอีเมล์ไปถามก็ได้จ้า แล้วก็สำหรับพี่นะ พี่ก็แทบเป็นศูนย์มาเลยอ่ะ แต่ก็เรียนทัน เข้าใจ รู้เรื่อง เพราะอาจารย์สอนดีมากกก ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป มีควิซเยอะและการบ้านตลอด ซึ่งควรทำเอง เพราะเราจะได้ทบทวนตลอด แล้วการควิซคือการที่ให้เราเตรียมพร้อมเสมอ มันสำคัญมากๆกับการเรียนภาษา เพราะถ้าเราไม่ใช้เมื่อไหร่ มันก็จะเริ่มงงๆ หลงลืมทันที 5555 เอาล่ะ >< ไม่ต้องกังวลเนอะ พกมาแค่ใจที่อยากจะเรียนมาก็พอ พี่เชื่อว่าน้องๆทำได้แน่นอนนนนน!!"

ทุนการศึกษาและทุนเรียนต่อต่างประเทศ
       ทุนการศึกษา คือ ทุนที่ผู้ใหญ่ใจดี(ส่วนใหญ่เป็นบริษัทญี่ปุ่นใหญ่ๆในไทย) มอบให้นักศึกษานำไปใช้ประโยชน์ในการเรียน มักจะให้นักศึกษาที่เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ จำนวนเงินจะให้เป็นปี ปีละ 15,000-40,000 บาท แล้วแต่บริษัท ยกตัวอย่างเช่น
Bank of Mitsubishi UFJ
Mitsubishi Lease
Dr.Machida
ฯลฯ
แต่เอาเป็นว่ามีโอกาสได้ทุนแต่ละทุนมาก เพราะมีหลากหลายให้เลือกสมัครเลยค่ะ
        ทุนเรียนต่อต่างประเทศ ส่วนใหญ่นักศึกษาที่จะได้ทุนนี้จะต้องเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3-4  ประเภททุนมีใหญ่ๆสองประเภทได้แก่ 1. ทุนวิเทศสัมพันธ์ คือทุนที่ทางมหาวิทยาลัยติดต่อกับมหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะได้ทุนเป็นค่าเล่าเรียน ซึ่งต้องออกเองเพิ่มบางส่วนและ 2.ทุนของรัฐบาลญี่ปุ่น  เรียกสั้นๆว่า ทุนมง (Monbukagakusho) การแข่งขันทุนนี้สูงมาก ต้องสอบชิงทุนกับคนทั่วประเทศ แต่ถ้าได้ก็คุ้มมาก เพราะฟรีทุกอย่าง อีกทั้งพอเรียนจบมาก็มีเครดิตที่ดีๆในการสมัครงานอีกด้วย



จบมาทำอะไรได้บ้าง
       สาย อาชีพของบัณฑิตเอกญี่ปุ่นมีเยอะมากๆ เราก็สามารถเลือกได้ตามความถนัด ความชอบ หรือเงินเดือนสวัสดิการ (ขึ้นกับการตัดสินใจของแต่ละคน) ซึ่งส่วนใหญ่ที่พบเห็นบ่อยๆก็จะเป็น งานล่าม/นักแปล เลขา/นักประสานงาน ไกด์นำเที่ยว แอร์โฮสเตรส ทำธุรกิจส่วนตัว หรือเรียนต่อ.โท เอก เพื่อมาเป็นอาจารย์ก็ได้จ้า

V
V

ต่ออีกนิด จะจบแล้ว ><

0
2K239 12 เม.ย. 59 เวลา 14:59 น. 2
  เอกญี่ปุ่น มธ.มีอะไรดี? จากพี่ๆ58  
     1. เอกญี่ปุ่นมธ.มีดี..ที่อาจารย์ การเรียนเอกภาษาญี่ปุ่น ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีอาจารย์ที่มีความรู้และมีชื่อเสียงหลายท่านมากๆค่ะ เช่น
          อาจารย์วีรวรรณ วชิรดิลก  ผู้แปลและเขียนหนังสือความรู้ภาษาญี่ปุ่นหลายเล่มเลยค่ะ เช่น 500 รูปประโยค ภาษาญี่ปุ่น N1-N3,กุญแจสู่ 200 รูปประโยค ภาษาญี่ปุ่นชั้นต้นและกลาง,สีสันภาษาญี่ปุ่น,พูดจาภาษา(คน)ญี่ปุ่น ฯลฯ
          
อาจารย์สุณีย์รัตน์ เนียรเจริญสุข ผู้แปล โครงสร้างภาษาญี่ปุ่น ฯลฯ
          อาจารย์ ปิยะนุช วิริเยนะวัตร์ ผู้แปล TRY! เตรียมสอบวัดระดับ JLPT N1 +MP3,เตรียมสอบวัดระดับ N4 คำศัพท์ ฯลฯ
          
อาจารย์ ทัศนีย์ เมธาพิสิฐ ผู้เขียน เก่ง คันจิ อย่างมีเทคนิค,แบบเรียน akiko to tomodachiฯลฯ
          
อาจารย์ สมเกียรติ เชวงกิจวณิช ผู้แปล รู้ทันคันจิ : Build Up Your KANJI SENSE,เตรียมสอบวัดระดับ N2 คันจิ,หัวข้อเด็ดพิชิตไวยากรณ์ญี่ปุ่นชั้นกลาง  ฯลฯ
และยังมีท่านอื่นๆอีกค่ะที่มีผลงานมากมายแต่กล่าวในกระทู้ไม่หมดจริงๆค่ะ ดังนั้นก็ไม่ต้องกังวลเลยว่าถ้ามาเรียนจะได้ภาษาญี่ปุ่นไม่แน่น บอกเลยว่าแน่นคุณภาพคับแก้วแน่นอนค่ะ
     2.เอกญี่ปุ่นมธ.มีดี..
ที่ของดีราคาถูก! และเนื่องจากการที่เอกเรามีอาจารย์เขียนและแปลหนังสือมากมายบางครั้งอาจารย์จะถามและรวบรวมรายชื่อนักศึกษาที่สนใจและอยากได้หนังสือเกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่นต่างๆ ทำให้นักศึกษาเอกภาษาญี่ปุ่นสามารถได้ซื้อหนังสือแต่ละเล่มในราคาถูก แถมอาจารย์บางท่านก็ชอบเอามาแจกเป็นรางวัลด้วย (แต่ก็อย่าลืมช่วยอุดหนุนอาจารย์ด้วยนะคะ 55)
     3. .เอกญี่ปุ่นมธ.มีดี..เป็น
ที่ภาควิชาน่าร๊ากกกที่สุดในสามโลก ภาควิชาภาษาญี่ปุ่น มธ. เป็นภาคที่ดูแลเทคแคร์นักศึกษาเอกญี่ปุ่นดีมากค่ะ ขนาดว่าหลังเลิกคลาสเกือบทุกครั้งมักจะมีใบคอมเม้นต์ว่าเรียนแต่ละครั้งเราเข้าใจหรือไม่อย่างไร หรืออยากจะระบายอะไรให้อาจารย์ฟังก็ทำได้ค่ะ 5555 อาจารย์รับฟังคอมเม้นต์ของนักศึกษาตลอด ตอนเรียนจบวิชาของแต่ละเทอมก็จะมีแบบประเมินค่ะให้นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็นเพื่อให้รุ่นน้องได้เรียนสิ่งที่ครบกว่าดีกว่าแบบนี้เลยนะคะ 555555 อาจารย์บางท่านก็ง้อนักเรียนแล้วง้ออีกค่ะว่าน้องๆอยากจะเรียนแบบไหนอยากได้หลักสูตรหรือเนื้อหาเพิ่มเติมตรงไหน ให้รีเควสบอกได้เลย! น่ารักมากๆค่ะ เลิฟเลย
     4. .เอกญี่ปุ่นมธ.มีดี. 
ควิซวนไปค่ะ! เรียกได้ว่าเป็นเอกที่สตรองไม่แพ้ติช่า
The Face Thailand ss2 จริงๆเลยค่ะ กับการสอบทุกอาทิตย์ ฮัปเปียวกันเข้าไป บางอาทิตย์ก็สอบติดต่อกัน 3-4วันเลยก็มี น้องๆอาจจะงงว่านี่มันดีตรงไหนเนี่ย! ดีแน่นอนค่ะ เพราะน้องๆจะได้ซึมซัมความขยันแบบคนญี่ปุ่น ซึ่งน้องๆจะต้องอ่านหนังสือตลอดเวลา ทำให้เราเก่งขึ้นและมีความกระตือรือร้นพร้อมสอบทุกสถานการณ์ ต่อให้พูดว่า อาทิตย์หน้าสอบกลางภาค เดือนหน้าปลายภาคแล้วอ่ะ น้องๆก็จะไม่หวั่นค่ะ เพราะน้องๆจะเจ็บและชินไปเอง เพราะควิซวนไปของเราจะทำให้เรื่องสอบกลายเป็นเรื่องในชีวิตประจำวันของน้องๆไปเองค่ะ.... 
      5. .เอกญี่ปุ่นมธ.มีดี..ที่กิจกรรม เอกเรามีกิจกรรมให้พัฒนาทักษะภาษาญี่ปุ่นตลอดๆเวลาค่ะ เช่น ในปีปีนึงจะมีโครงการนร.แลกเปลี่ยนจากญี่ปุ่นเป็นบัดดี้ หรือโครงการไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่จังหวัดอิวาเตะ ณ ประเทศญี่ปุ่น ที่เปิดโอกาสให้น้องๆปี1ด้วย ส่วนค่าไปถูกมากกกกกกกกกกกกกเลยค่ะ หาที่ไหนไม่ได้แล้วน้า... แถมวิชาพวกสังคมญี่ปุ่นก็จะได้เรียนวัฒนธรรมญี่ปุ่นเช่น พิธีชงชา อีกด้วย! เรียกได้ว่านอกจากจบไปแบบมีความรู้เกร๋ๆแล้ว น้องๆอาจจะได้กลายเป็นโกโบริหรืออังศุมาลินกันเลยทีเดียว อิอิ


----------------------------------------------------------------------

 อยากรู้จักภาควิชาภาษาญี่ปุ่นมากกว่านี้ คลิกเลย!!!(กรุณาเข้าเว็บไซต์ในคอมเนอะ ในเว็บภาคมีมัลติมีเดียต่างๆที่ใช้แฟลชค่า ถ้าใช้คอมเปิดจะฟรุ้งฟริ้งมากๆอิอิ) เลือกปุ่มสำหรับนร.ที่สนใจค่ะ และแอด favoriteไว้เลยนะคะน้องๆ
เว็บไซด์ภาคภาษาญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รูปโฉมใหม่เต็มรูปแบบ!!!! 

ภาควิชาภาษาญี่ปุ่น คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
25 ข้อ ที่ควรรู้สำหรับน้องๆที่จะเข้าเอกญี่ปุ่นคณะศิลปศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 
รีวิวPat7.3 เอกภาษาญี่ปุ่น มธ.ปี58ค่ะ ได้ประโยชน์สุดๆ
-------------------------------------------------------------------

พิเศษตบท้ายกระทู้..น้องๆกดติดตามกระทู้กันไว้นะคะ พี่เอกภาษาญี่ปุ่นมธ.58 ครึ่งแรกครึ่งหลัง จะทยอยมาเผาเอ้ย แชร์ประสบการณ์ความรู้สึกทีผ่านมา กดติดตามกันได้เลย!
      ถ้าหากมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับการรับเข้าศึกษา การเรียน การสอน หรืออะไรต่างๆนานา โพสท์ถามได้ข้างล่างเลยจ้า พี่จะรอตอบน้องๆทุกคน สู้ๆนะ ส่งกำลังใจให้เด็กแอด59ทุกคนค่า
                                               จาก พี่ๆ เอกภาษาญี่ปุ่น มธ.58



ฝากกระทู้เพื่อนบ้านค่ะ 
คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 
เอกจิตวิทยา
เอกภาษาอังกฤษ
อกภาษารัสเซีย

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

มีข้อความหยาบคาย ใช้ภาษาไม่เหมาะสม

ชานมใส่ขิง 12 เม.ย. 59 เวลา 16:51 น. 5

หวัดดีจ้าน้องๆ ทุกคน พี่เป็น1ในครึ่งแรกนะคะ อยากแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับการเรียนฟังพูดภาษาญี่ปุ่นของที่นี่เน๊อะ^^ อย่างแรกเลย อย่างที่พี่ๆบอกไว้ด้านบนว่าเอกเราจะมีการสอบย่อยและการพรีเซ้นต์(=ฮัปเปียว ซึ่งพี่เรียกสั้นๆว่า ฮัป)ทั้งภายในกลุ่มย่อยและหน้าชั้นเรียนบ่อยมากๆ ในส่วนของการพูด ตอนแรกที่พี่เข้ามาใหม่ๆก็ค่อนข้างกังวลนะ5555 เพราะว่าไม่ถนัดพูดเลย แต่พอเรียน(JP246)แล้วมันโอเคมาก การพูด(ที่พี่โคต-รไม่ถนัด)ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พี่คิดว่าส่วนหนึ่งมาจากบรรยายกาศภายในห้องด้วยค่ะ เพราะก่อนจะฮัปหน้าห้องใหญ่ เราจะฮัปกันในกลุ่มย่อยประมาณ4คน ซึ่งเพื่อนก็เป็นเพื่อนที่เรารู้จักกัน สนิทกันอยู่แล้ว มันเลยไม่ค่อยเครียดหรือตื่นเต้น แถมสนุกด้วย เวลาเราพูดผิดเพื่อนเขาก็จะคอยแก้ให้ แม้วันไหนที่พี่เตรียมตัวมาไม่ค่อยดี เพื่อนก็โอเค แถมให้กำลังใจ เลยทำให้พี่รู้สึกมีกำลังใจในการเรียนเพิ่มขึ้น มีความมั่นใจมากขึ้น ตอนแรกๆ อาจจะยังตื่นเต้น กดดัน แต่เดี๋ยวสักพักจะชินไปเองค่ะ ในส่วนของการฟัง เราจะควิซฟังบ่อยมาก ตรงนี้ก็ทำให้การฟังของพี่ดีขึ้นนะคะจากที่ก๊อกแก๊กไก่กา(บวกกับพลังซีรี่ย์ด้วยอิอิ) ทั้งนี้ทั้งนั้นส่วนตัวพี่คิดว่าวิชาที่เรียนทำให้สตรองขึ้นก็จริง แต่การพูดฟังขึ้นอยู่กับการฝึกฝน การจะเก่งขึ้นเพียงเพราะเรียนแค่ในคาบเรียนคงเป็นไปไม่ได้ค่ะต้องพยายามเองด้วย

ส่วนไวยากรณ์ที่พี่เรียน ส่วนตัวแล้วพี่ชอบวิธีการสอนของอาจารย์มาก ที่จะสอนรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ที่ทำให้การใช้ภาษาของเราไม่ธรรมชาติ ทำให้เราเข้าใจวิธีการใช้ เข้าใจว่าเวลาใช้ feeling มันเป็นงี้นะ อะไรทำนองนี้ การอธิบายของอาจารย์ก็ดีมากทำให้เข้าใจเนื้อหามากขึ้น ส่วนเรื่องสังคม สำหรับพี่ มันโอเคนะ อยู่แล้วรู้สึก Family ไรเบอร์นี้5555555555555 ทำกิจกรรมร่วมกันบ่อยมาก เอออ มันดีน่ะ มาเป็นครอบครัวเดียวกันนะ J

เจอกันจ้า


ปล.พี่ปี3 บอกว่า น้องๆคนไหนอยากเข้า ไม่ต้องคิดมากค่ะ แค่สวยก็เข้าได้แล้วเอกนี้
55555555555555555555555555555

0
Beauty▪Monster 12 เม.ย. 59 เวลา 17:07 น. 6

สวัสดีค่าาาพี่เป็นเด็กเอกญี่ปุ่นครึ่งหลังหรือกลุ่มผู้ไม่มีพื้นฐานนั่นเอง...>O<''

อยากจะบอกกับน้องๆ ที่สนใจจภาษาญี่ปุ่น แต่ไม่มีพื้นฐานหรือไม่ได้สอบแพทญี่ปุ่นและไม่รู้จะเรียนที่ไหนดี ขอบอกเลยว่าที่ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ของเรา "ไม่มีพื้นฐานก็เรียนเอกญี่ปุ่นได้"จ้าา!! แต่! มีกฏเหล็กอยู่ 3 ข้อที่จะต้องทำตาม ซึ่งน้องๆสามารถเลื่อนขึ้นไปดูได้ทางด้านบนกระทู้เนอะ.. 

 

โอเค! วันนี้ก็จะมาขอเล่าประสบการณ์กว่าจะมาเป็น"เด็กเอกญี่ปุ่น:"จากคนไม่มีพื้นฐานให้ได้อ่านนกัน..

+ตอนเรียน ม.ปลาย พี่เรียนสายศิลป์-จีน แต่ด้วยความที่เรารู้สึกไม่โอเคกับประสบการณ์จากการเจอพฤติกรรมของคนจีนที่ทำใส่เราเราเลยต้องเท ! [บอกลาภาษาจีนไป] 555
พอจะรู้ตัวว่าอยากเรียนภาษาญี่ปุ่นก็เข้ามานั่งอ่านกระทู้ไรแบบนี้แหละ555แล้วก็ตัดสินใจเลือกแอดมาที่ มธ.

*ตัดมาตอนสอบเข้าเอกรวมมาได้*

+ปี1 เทอม 1 เราต้องลงเรียนวิชา JP171 ซึ่งเป็นตัวบังคับที่จะต้องทำเกรดให้ได้ B ขึ้นไปจึงจะมีสิทธิ์ยื่นเข้าเอก

+ลงเรียนเสร็จแล้ว ก็จะได้เรียนทั้งกับอาจารย์ชาวไทย-ญี่ปุ่น 6 ชม.ต่อสัปดาห์แบ่งเป็นอ.ไทย 3 อ.ญี่ปุ่น 3

+ในส่วนของอาจารย์ไทยนั้นจะเน้น ไวยากรณ์ คำศัพท์ การอ่าน +ในส่วนของอาจารย์ญี่ปุ่นนั้นจะเน้น คันจิ ฟัง พูด การเขียน

*ซึ่งคนที่จะเข้าเอกนั้น ควรจำตัวอักษรฮิระกะนะ คาตะกะนะ มาก่อนเลยยให้ได้ จำแม่นยิ่งดีเพราะจะเรียนไปได้เร็วมากๆ*

+การเรียนการสอนนั้น อาจารย์ชาวไทยจะสอนไวยากรณ์รูปประโยคต่างๆรวมไปถึงคำศัพท์และชอบเรียกให้อ่านบทสนทนาที่เป็นตัวอย่างในหนังสือที่ละคนๆซึ่งควรจำตัวอักษรให้ได้เลยตรงนี้!.ใครอ่านไม่ได้ก็จะติดๆขัดๆอายเพื่อนนะ555บางทีก็เรียกให้แต่งประโยคสดๆจากรูปประโยคที่เรียนมา แล้วก็จะให้ฝึกแปลด้วย

*ข้อแนะนำคือ: ควรอ่านไปล่วงหน้าก่อนเรียน1วันเพื่อความเข้าใจและมั่นใจเวลาอาจารย์ถาม อิอิ 

+ส่วนของอาจารย์ชาวญี่ปุ่นจะมีให้คัดคันจิ ให้ฟังบทสนทนา ละก็จะให้พูดตามถามตอบในห้อง สนุกมากๆ ชอบมีเกมส์มาให้เล่น จับคู่จับกลุ่มกับเพื่อนสนทนาด้วยและก็เอาไวยากรณ์ที่เรียนกับอาจารย์ไทยนั่นแหละมาใช้

+ในส่วนของการบ้านและควิซนั้นนน หึหึ!! เป็นอะไรอภิมหึมามหาเยอะะมากกก การบ้านวิชา JP171 รู้สึกจะเยอะสุดๆแล้วเนื่องจากเป็นวิชาพื้นฐาน อาจารย์นี่ก็จะให้คัด!ๆๆๆๆ ประโยคต่างๆฝึกแปล ฝึกเขียนเต็มไปหมด แต่มันก็ช่วยให้เราจำดีนะจะได้ไม่ลืมว่าตัวนี้เขียนยังไง! อ่อแล้วก็มีการบ้านฟังด้วยซึ่งอาจารย์จะแจกไฟล์ให้ไปฟังและตอบลงในการบ้านมาส่ง +ส่วนควิซนั้นนเทอมนึงมีประมาณ 11 ครั้งงสอบอ่านอีก 2 ครั้ง โหววววว! เรียกได้ว่าอาทิตย์เว้นอาทิตย์กันเลยค่ะ บางอาทิตย์นี่ติดกันต้องแบ่งเวลาดีๆเพราะมีอิวิชา TU ตัวบังคับมหาลัยมาให้เรียนด้วยในปี1 TT แล้วปี1 ก็เป็นปีที่กิจกรรมเยอะมากๆเลยเพราะฉะนั้นต้องแบ่งเวลาดีๆ

+อัตราการแข่งขันเข้าเอก : นี่สิน่ากลัวสุดๆ ตอนเข้ามาครั้งแรกเราจะพยายามมองหาเพื่อนล่ะ ว่ามีคนอยากเข้ากี่คนเกินโควต้าที่รับไหมม แต่คือโชคร้ายค่ะ มันจะเกินทุกๆปีส่วนใหญ่ใครคะแนนน้อยก็จะหลุด! ฮือออออออออ ปกติเค้าจะรับจากครึ่งแรกที่ยื่นแพทญี่ปุ่น 25คนและครึ่งหลังอีก 25 คน แต่ปีพี่โชคดีหน่อยที่เอกญี่ปุ่นมีคนสละสิทธิ์4คนจากการยื่นแพทญี่ปุ่นเข้ามาทำให้รับจากเอกรวมเพิ่ม จาก25 มาเป็น 30 คนแน่ะ! เพิ่มโอกาสให้คนอยากเข้าอีกตั้ง 5 ที่ เชื่อว่าถ้าคนไหนตั้งใจก็จะเข้าได้แน่นอนน จากประสบการณ์เรียนวิชา JP171 จะมีคนอยู่ 2 ประเภทที่จะเข้าเอกคือ 1.อยากเข้าเอกญี่ปุ่นเลยยตั้งใจแน่วแน่ 2.ยังลังเลในการเลือกเอกอยู่ ปกติจะมีการไซโคเกิดขึ้น5555555 บอกให้เพื่อนไปเอกนั้นก้ดีนะเอกนี้ดีกว่า  แต่พวกที่จะเข้าเอกแน่ๆอะ ส่วนใหญ่จะทำคะแนนและเรียนได้ดีมากๆๆๆคะแนนสูงมากกก ส่วนคนที่ยังลังเลนั้นคะแนนก็จะดรอปๆไป ดังนั้นถ้าใครอยากเข้าจริงๆควรตั้งใจมากๆ ขยันมากๆรีบปรับตัวให้ทัน เพราะมันจะมีวิชาอื่นเข้ามาอัดด้วยไม่ใช่ว่าจะเรียนแต่วิชาญี่ปุ่นอย่างเดียวในปีแรกเทอมแรก 

+พอเรียนจบเทอมแรกเกรดก็จะออกกันมาแล้วก็ต้องลุ้นนว่าจะได้เข้าเอกหรือไม่ รุ่นพี่มีคนอยากเข้าเอกประมาณ 34 คนซึ่งมันเกินจำนวนรับมามากๆแล้ว แต่ก็ได้ A จากJP171ให้มาอุ่นใจจไว้ก่อนนยื่นเข้าเอก แต่พอสอบถามเกรดจากเพื่อนๆถึงได้รู้ว่าคนที่เข้าเอกนั้นมีคนได้ Aประมาณ 17 คนแล้ว B+อีกเกือบ 10 คนซึ่งเป็นอะไรที่ช็อคมากกกทำไมเพื่อนๆโหดกันอย่างงเง้!! หลังจากขึ้นเทอม 2 นั้นพี่ก็ยื่นเข้าเอกแล้วก็ได้เป็นเอกญี่ปุ่นมาจนถึงตอนนี้555555 ซึ่งรู้สึกเทอมที่ผ่านมามันไม่ได้ยากและก็ง่ายขนาดนั้น ถ้าน้องจะเข้าแล้วไม่เคยเรียนมาก่อนจริงๆน้องเข้ามามันจะทำให้ปรับตัวได้เองมั้งง555 ถ้าตั้งใจพยายามพอยังไงก็ทำได้ ไม่เข้าใจก็ปรึกษาถามอาจารย์ได้ อาจารย์ใจดีทุกคนเลยเก่งๆทั้งนั้น

*โอเค! เขียนยาวมากแล้ว555 จริงๆอยากรีวิววิชาบังคับมหาลัย TU100 101 102 ไรนั่นต่อด้วย ที่โดงดังจากการสุ่มเกรดบ้าง วิชาลำไยบ้าง5555 ซึ่งปีนี้มันเปลี่ยนหลักสูตรก็อยากให้น้องได้รู้กันแต่ตอนนี้ขอไปปั่นงานอิวิชาบังคับมหาลัยที่ว่าก่อน55555 .ใครมีคำถามอะไรก็ทิ้งไว้เนอะเด๋วมาตอบ ไม่ก็จะมีพี่ๆคนอื่นมาตอบอีกที บรั้ยยยยยยย!

แอดมาเอกญี่ปุ่นกันน!!

6
2K239 12 เม.ย. 59 เวลา 19:20 น. 6-1

ไม่คิดเลยว่า JP171 จะดุเดือดเลือดพล่านกันขนาดนี้ 5555
ช็อค

0
AmaiJang_wan 14 เม.ย. 59 เวลา 14:22 น. 6-2

พี่ใช่แพทไหนยื่นเหรอค่ะ ? หรือว่าตามที่เราลงเอกรวมที่มี จีน บาหลี อังกฤษ คือหนูค่อนข้างงงกับการยื่นนะค่ะ
ถ้าหนูจะรบกวนขอไอดีไลน์พี่ได้หรือเปล่าค่ะ ขอบคุณค่ะ
เศร้าจัง

0
Beauty▪Monster 14 เม.ย. 59 เวลา 14:58 น. 6-3

ถ้าไม่มีพื้นฐานยื่นแพทไหนก็ได้ค่าา ระหว่าง PAT1 กับ PAT7 PAT7นั้นยื่นได้ทุกภาษาเลย ยกเว้น ญี่ปุ่น คือคนไม่มีพื้นฐานห้ามสอบแพทญี่ปุ่นเลยอ่าจ้าา ถ้ามีข้อสงสัยแอดไลน์มาถามได้น้าา
ID: gunz.kuntinun

0
BloodDrop 25 มิ.ย. 59 เวลา 17:21 น. 6-5

ตอนอยู่เอกรวม หยูยังงงๆอยู่ว่า เราจะเรียนเกี่ยวกับอะไร ซึ่ง ที่จขกท.มีรูปมาให้ดู อันนั้นคือเลือกหนึ่งในนั้นไปแล้วเราก็เรียนในปี 1 หรือ เราเลือกหนึ่งในนั้นแล้วเราจำเป็นต้องมีคะแนนสอบของวิชาที่เราเลือกก่อนถึงจะเข้าไปเรียนได้ #หนูเข้าใจว่าถ้าเป็นเอกรวมเราต้องไปเลือกเรียนญี่ปุ่น 1 ไว้เพื่อใช้เข้าเอกตอนปี 2#หนูเข้าใจถูกมั้ย....#พี่เข้าใจหนูไหมคะ 555555งงจัง

0
Beauty▪Monster 25 มิ.ย. 59 เวลา 22:33 น. 6-6

ใช่ค่ะ น้องเข้าใจถูกแล้วว คือมีเอกในใจแล้วคือเลือกเอกแล้วเราต้องลงเรียนเพื่อนสอบให้ได้คะแนนเข้าเอกได้จ้าาาา

0
ประกันชั้นสาม 12 เม.ย. 59 เวลา 20:17 น. 7

สวัสดีครับ
พี่เป็นนักศึกษาเอกภาษาญี่ปุ่นครึ่งแรกรหัส 58 ครับ
ก่อนอื่นก็ขอแสดงความยินดีกับน้องๆ ที่ผ่านพ้นวิกฤติการณ์แกทแพทและยังอยู่รอดจนถึงตอนนี้ครับ
ตัวพี่เองเป็นเด็กสายวิทย์ครับ แต่พี่บอกลาวิทย์-คณิตไปตั้งแต่ ม.2 และหันหน้าเข้าสู่ภาษาญี่ปุ่นเมื่อตอนปิดเทอมเล็ก ม.5 เองครับ
พี่เคยมีความกังวลว่า เช้าไปแล้วจะสู้พวกเด็กศิลป์ญี่ปุ้นด้วยมั้ย จะคุยกับเค้ารู้เรื่องรึเปล่า
เพราะพี่เองรู้ตัวดีว่าพื้นฐานภาษาญีปุ่นพี่อ่อนแอมากๆ ทักษะฟังพูดพี่ไม่ได้เลย ย้ำครับ ว่าไม่ได้เลย
พี่ไม่เคยไปญี่ปุ่น ไม่เคยคุยกับคนญี่ปุ่น ไม่เคยได้ใช้ทักษะภาษาญี่ปุ่นเลย ที่ผ่านเข้ามาได้ก็เป็นเพราะการอ่านอย่างเดียวเลย
คะแนนแพทพี่ก็น้อยสุดแล้วครับ พี่ได้ 228 เกินเกณฑ์ขั้นต่ำมาแค่ข้อเดียวเท่านั้น
แต่พี่ก็ตัดสินใจมาเข้าที่นี่ครับ และพี่ก็คิดว่า พี่ตัดสินใจไม่ผิด
ที่นี่ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้พี่รักการเรียนภาษาญี่ปุ่นมากขึ้น
เราเรียนอย่างเข้มข้น แต่เราไม่ได้เรียนเพื่อแข่งขัน เราต่างช่วยเหลือกัน ไม่มีใครที่หวงวิชา
ทุกคนเก่งจริงครับ เก่งมาก พี่ยอมรับเลย มีกระทั่งคนที่ได้ N2 ตั้งแต่เปิดเทอมอาทิตย์แรก (พี่เค้าไปสอบตอนรอบแรก แล้วประกาศผลช่วงนั้นพอดี)
ยิ่งการพูดทุกคนทำได้ดีมาก พูดมีจังหวะ เป็นธรรมชาติ ในขณะที่พี่พูดแล้วคนอื่นบอกว่าเหมือนกำลังสวดมนต์ (ฮา)
แต่นั่นแหละครับ มันจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เราได้ฝึกฝน ได้พยายามมากขึ้น เพื่อให้ทันเพื่อนๆ
แรกๆ ก็ยากแหละครับ แต่เมื่อผ่านไปจนถึงจุดๆ นึงแล้ว เราจะรู้ตัวเองครับ ว่าเราเก่งขึ้น
ขอให้เราจำคำนี้ไว้ครับ เราไม่ได้แข่งกับใคร เราแข่งกับตัวเอง คำๆนี้ใช้ได้ไปตลอดชีวิตครับ
พี่บอกเลยครับว่าเอกนี้คะแนนเฉลี่ยควิซสูงมาก เต็ม 45 มีนอยู่ที่ 40 คนได้เต็มก็มีเยอะ
พี่เองก็เป็นคนฉุดมีนเป็นประจำ ถามว่าท้อมั้ย มันก็ท้อแหละครับ
แต่อย่างที่บอกว่าเรามาเรียนเพื่อเอาความรู้ ที่ทำได้คือการพยายามให้มากขึ้นกว่าเดิมครับ
อาจารย์หัวหน้าภาควิชาเคยบอกกับพี่ครับว่า
"นักศึกษาเอกญี่ปุ่นต้องสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจ เพราะ 4 ปีต่อจากนี้จะเป็นชีวิตที่ทรหดและโหดร้าย"
ที่กล่าวมาไม่ได้ขู่ให้กลัวนะครับ แค่อยากให้เตรียมใจไว้ก่อน
ไม่ต้องห่วงครับ น้องๆยังมีเวลาปรับตัว ก่อนที่น้องจะเจ็บและชินไปเอง

ในส่วนของสังคมนั้น ต้องยอมรับครับว่าที่นี่ผู้หญิงเป็นใหญ่ ไม่ว่าจะแขน ขา ทุกส่วนล้วนใหญ่กว่าผู้ชายครับ (ฮา)
คณะนี้เป็นที่รู้กันครับว่าผู้หญิงเยอะ ซึ่งปีนี้ผู้ชายที่หลุดเข้ามาในเอกเราก็มีแค่ 2 คนครับ
พี่เองก็อยู่โรงเรียนชายล้วนมาก่อน แรกๆ อาจจะทำตัวไม่ถูกบ้าง แต่เดี๋ยวก็ชินครับ
ผู้หญิงเอกนี้เรียบร้อยและเป็นมิตรกว่าที่คิดไว้มากครับ ทุกคนช่วยเหลือกัน ไม่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแต่อย่างใด
เป็นกลุ่มที่รักกันเหนียวแน่นดี เวลาไปไหนก็ไปด้วยกัน ไม่เคยทิ้งกัน ทำให้ไม่รู้สึกเหงาเลยครับ

ก็คงฝากไว้เท่านี้ อยากให้น้องๆ ลองเก็บไปคิดดูนะครับ เชื่อเถอะครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน ^^

4
2K239 12 เม.ย. 59 เวลา 20:27 น. 7-1

"ต้องยอมรับครับว่าที่นี่ผู้หญิงเป็นใหญ่ ไม่ว่าจะแขน ขา ทุกส่วนล้วนใหญ่กว่าผู้ชายครับ (ฮา)"
เราแคปไว้แล้ว
เปิดมาตายแน่

0
wwww 14 เม.ย. 59 เวลา 15:14 น. 7-2

เป็นเด็กสายวิทย์คณิตเหมือนกันเลยค่ะ ได้แพทเท่าพี่เลย คะแนนแอดก็ยังติดลบปี 58 อยู่ ที่มาถึงจุดนี้ได้เพราะอ่านอย่างเดียวเหมือนกันค่ะ ไม่เคยฟัง ไม่เคยพูดเลยจริงๆ แล้วตอนพี่สอบ PT พาทฟังนี่มีปัญหาไหมคะ หนูยังไม่รู้คะแนนปีนี้จะมากน้อยแค่ไหน แต่ยังไงก็จะยังไม่ถอดใจค่ะ ^^

0
ประกันชั้นสอง 14 เม.ย. 59 เวลา 16:02 น. 7-3

PT ถ้าเตรียมตัวมานิดนึงพี่ว่าก็ไม่มีปัญหานะ พาร์ทฟังมันจะมี 2 ชุด เป็นชุดยากกับชุดง่าย
ชุดง่ายก็พอเก็บได้ ชุดยากนี่ก็นรกแตกกันเลยทีเดียว เพื่อนพี่บ่นกันทุกคน
แต่ว่าพวกพี่ก็ผ่านกันทุกคนนะ มันไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น
เรื่องคะแนนแอด ถ้าดูจากปีที่ผ่านๆมา ถือว่าคะแนนเหวี่ยงพอสมควร ปีที่แล้วคะแนนขึ้นมา 1358 แน่ะ
พี่ว่ามันคุ้มค่าที่จะเสี่ยง ดีกว่ามานั่งเสียใจที่ไม่ได้ยื่นนะ
ช่วงที่ปิดเทอมก็พยายามอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ เก็บ N3 ไปเลยก็ดี มีประโยชน์แน่นอน
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะ ^^

0
wwww 14 เม.ย. 59 เวลา 17:52 น. 7-4

ขอบคุณพี่มากๆเลยค่ะ อ่านละชัวร์ว่าไม่ถอดใจแน่ค่ะ หนูได้แต่หวังให้มันเหวี่ยงลง TT

0
Tatto 12 เม.ย. 59 เวลา 21:34 น. 9

สวัสดีค่ะน้องๆ^^ พี่เป็นเอกญี่ปุ่นครึ่งแรกน้า เรื่องวิธีการเข้าน้องๆคงได้อ่านกันแล้ว ไม่ต้องเครียดกันมากนะคะพี่เป็นกำลังใจให้น้าคอมเมนท์นี้ พี่จะแชร์เกี่ยวกับความเป็นอยู่ในเอกนี้แล้วกัน

หลังจากที่พี่สอบติดที่นี่ สิ่งที่พี่กังวลต่อมานอกจากเรื่องเรียนคือจะเข้ากับเพื่อนได้ไหม จะมีเพื่อนไหม แล้วรุ่นพี่ล่ะจะเป็นยังไง กังวลไปหมด และพี่ไม่ใช่คนชอบการ์ตูนญี่ปุ่น ดาราญี่ปุ่น คือพี่ชอบซีรีย์ฝรั่ง ดูหนัง ฟังเพลงที่ไม่ใช่ญี่ปุ่น ดังนั้นพี่แอบกังวลนิดหน่อย แต่ตั้งแต่วันที่ได้เจอเพื่อนๆและพี่ปี2ในเอกวันแรกคือวันสัมภาษณ์ ก็รู้สึกได้เลยว่าที่นี่ค่อที่ของเรา เพื่อนๆทุกคนในเอกน่ารักและตลกมากๆ เวลาเรียนที่จริงมันควรจะเครียด แต่เพราะเพื่อนๆและเซนเซย์ในเอกนี้รับมุกเก่งมาก ทำให้การเรียนสนุกสนาน ถ้ามีเรื่องอะไร หรือมีกิจกรรม ทุกคนก็จะช่วยกันเสมอ แต่ไม่ใช่แค่เพื่อนในเอกที่ดี แต่รุ่นพี่และอาจารย์ก็ดีมากๆและฮามากๆเหมือนกัน พี่พูดได้เต็มปากเลย ว่าเอกภาษาญี่ปุ่น คณะศิลปศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เป็นเหมือนครอบครัวๆหนึ่ง ที่ใส่ใจ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน คอยให้คำแนะนำ ไม่ทิ้งกันเลย จุดนี้เป็นจุดที่พี่คิดว่าเป็นจุดเด่นของที่นี่เลย อบอุ่นมาก ใครเข้ามาที่นี่วางใจได้เลยค่ะ^^ เอกนี้เป็นเอกการตลก เอกแบดมินตัน เอกร้องเพลง ฯลฯ 5555

การเรียนของเอกนี้เรียกว่าเรียนไปเรื่อยๆ แต่ซึมเข้าหัว การมีควิซคันจิ ควิซไวยากรณ์ ควิซการฟังทุกสัปดาห์ มันทำให้เราได้ทวนหนังสือไปในตัว พอตอนสอบกลางภาคหรือปลายภาค เราก็ไม่ต้องมานั่งอ่านหลายรอบให้เสียเวลา แต่ไม่ใช่ว่าพอมีควิซบ่อยๆแล้วจะไม่มีเวลาทำอย่างอื่น เพราะอยู่ที่การจัดเวลา พี่ๆในเอกหลายคนเข้าชมรมที่ตัวเองอยากเข้า พี่เองก็เช่นกัน มันอยู่ที่การแบ่งเวลาทั้งนั้นเนอะ

และการควิซคือการทดสอบสิ่งที่เราเรียนไปว่าเราเข้าใจมากน้อยแค่ไหน ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องเครียดกับมันมาก และการสอบทุกครั้งคือการวัดผลของตัวเอง ไม่ต้องเทียบกับใครเนอะ ไม่งั้นเครียดตาย ฮ่าๆๆๆ (ใครทำควิซเต็มจะได้สติกเกอร์น่ารักๆจากเซนเซย์ มันดูเด็กน้อยมาก แต่เอาจริงๆ สติกเกอร์มันน่ารักมากกกกก55555)

สุดท้ายนี้พี่อยากฝากน้องๆว่า หลังจากคะแนนออกแล้ว เหลือยื่นแอดรอผลกันเนอะ เอาเวลาปิดเทอมที่ยาวนานจนลืมไปเลยว่าเคยเรียนหนังสือ ไปพัฒนาตัวเองกันเนอะ ไปเที่ยว ไปเรียนอะไรเพิ่มเติม ทำงานพิเศษ หรือทำในสิ่งที่อยากทำ เพราะพอน้องๆเข้าสู่ชีวิตมหาลัยอาจต้องโฟกัสกับการเรียนอย่างหนัก เพราะมันยากและงานเยอะ 555

พี่เชื่อว่า เราจะทำในสิ่งที่เราชอบได้ดีที่สุด ถ้าน้องชอบภาษาญี่ปุ่น อยากเรียนภาษาญี่ปุ่น ไม่ว่าน้องๆจะติดที่ไหนก็ตาม อาจเป็นที่นี่หรือที่อื่นก็ตาม ขอให้น้องๆยอมรับในผลของมันเพราะเราทำดีที่สุดของเราแล้ว และมุ่งหน้าต่อไป แล้วเราจะเห็นผลของความพยายามนั้นเอง (ใครที่อยากเข้าที่นี่ แต่ไม่ติดปีนี้ การซิ่ว เป็นเรื่องปกติ เพื่อนในเอกอายุไม่ได้เท่ากันเลย5555)

ขอให้พยายามให้ดีที่สุด ดีกว่าเสียใจทีหลังที่ไม่ได้พยายาม สู้ๆนะ
ขอโทษที่เขียนยาวและไม่มีสาระ

(ใครอยากถามใรเพิ่มเติม พิมพ์ในกระทู้นี้หรือติดต่อพี่หรือพี่คนอื่นๆได้ในทวิตเตอร์ได้เลย ใส่ช่องค้นหาว่าเอกญี่ปุ่น มธ. เดี๋ยวก็เจอพวกพี่เอง ถามได้หมดเลยไม่ต้องกลัว 55555555)

จบค่ะ

0
Beauty▪Monster 12 เม.ย. 59 เวลา 22:05 น. 10-1

อาจารย์ชอบแนะนำให้เรียนโทภาษาอังกฤษเพราะได้ใช้ในการทำงาน แล้วเวลาลงเรียนไม่ชนกับวิชาเอก 5555 แต่รุ่นพี่ชอบแนะนำให้ไปลง โท พวกบริหาร บัญชี การตลาดไรงี้ไว้ทำงานกับบริษัทญี่ปุ่นง่าา

0
Tatto 12 เม.ย. 59 เวลา 22:11 น. 10-2

โทเสรีจ้า เพราะพี่อยากเรียนหลายอย่าง ซึ่งเรียนอะไรก็ได้ถ้าเวลาลงเรียนไม่ชนกับวิชาเอกนะ

0
iamdiamante 12 เม.ย. 59 เวลา 23:42 น. 10-3

พี่อยากโทสเปนจ้าาาา // คือมันโทได้หลายอย่างมากกก โทในคณะ นอกคณะ หรือน้องจะโทยำๆ(พี่หมายถึงเลือกเรียนหลายๆวิชาจากหลายๆคณะ แต่จะมีเงื่อนไขนิดหน่อยว่าห้ามเกิน 4 คณะ) น้องโทได้หมดเลยตามความสนใจจ้ะ #นี่คือข้อดีมากๆของที่นี่แหละ กดLIKE

0
พี่กอล์ฟ 13 เม.ย. 59 เวลา 12:52 น. 10-5

พี่ลองลงเรียนวิชาจิตวิทยา แล้วก็พบว่าสนุกดี
เลยจะเรียนวิชาโทจิตวิทยาครับ

0
Yui-FC 14 เม.ย. 59 เวลา 08:41 น. 10-7

โทอังกฤษก็น่าสนใจจ ด้านเศรษฐศาสตร์ก็น่าสนใจจจ

ต้องรอติดก่อนสินะครับ ทำไมแอดมิชชั่นช่างยาวไกล เศร้าจัง

0
--inuyasha-- 12 เม.ย. 59 เวลา 22:22 น. 11
(อยากเขียนอันนี้มากกว่าเขียนรายงานปปมากกก)

สวัสดีจ้าวววว  เราเป็นเด็กเอกญี่แรกรหัส58เด้อ เริ่มเรียนญี่ปุ่นตอนม.ปลาย(สายศิลป์ญี่) เป็นเด็กไม่ค่อยขวนขวาย รู้สึกเสียดายเวลา น่าจะพยายามเรียนด้วยตัวเองมากกว่านี้๕๕๕(บอกไมฟระ) ตอนแรกอยากพิมพ์หลายอย่างมาก พอจะเม้นจริงๆแล้วเรียงไม่ถูกเลย  เอาเป็นว่าเราจะพิมพ์เรื่องที่เราอยากรู้เมื่อตอนเราเป็นเด็กแอดปี58แล้วกันนะ  ทั้งหมดเป็นมุมมองกับความคิดเห็นของเรานะ ไม่ได้ถามใคร๕๕๕๕

-          สังคม > เอกญี่ปุ่น    ทีแรกรู้สึกว่าพื้นฐานความรู้ก็พอๆกันนะจากการกำหนดแพท ผลพีที  พอเริ่มเรียนถึงได้รู้ว่าเพื่อนในเอกเก่งมาก ไม่ค่อยพลาดกันเลย ค่าเฉลียเวลาสอบเลยสูงแปลกๆ  ทำให้รู้สึกกดดันบ้าง   เป็นการกดดันโดยตัวเองอ่ะ เขาทำได้เราน่าจะทำได้บ้าง๕๕๕  ไม่ใช่จากอาจารย์หรือเพื่อนๆแต่อย่างใด  อาจารย์คอยให้คำปรึกษา คอยถามตลอดว่ามีอะไรที่ไม่เข้าใจหรือเปล่า  สอบเป็นอย่างไร ฯลฯ  เพื่อนก็ช่วยกันติว  ช่วยกันเตือน ตรวจสอบซึ่งกันและกันประมาณนั้น รุ่นพี่ก็ปรึกษาได้ เขาผ่านมาก่อนเราเลยรู้สึกว่าอะไรที่เราเจอพี่เขาเคยเจอมาแล้ว เราก็น่าจะเจิดจรัสแบบพี่เขาได้๕๕๕๕  สำหรับเราแล้วสิ่งแบบนี้แหละช่วยให้เราพัฒนาขึ้นได้  ไม่จำเป็นต้องไปเครียดอะไรให้มากมาย มีอะไรก็พูดกับเพื่อนตรงๆ สงสัยอะไรก็ถามๆตอบๆกันไป ไม่ได้รู้สึกเป็นคู่แข่ง การเรียนมันเลยมีกำลังใจขึ้นอ่ะ    ส่วนเพื่อนครึ่งหลังเรายังไม่ได้เรียนด้วยกัน ไม่ค่อยรู้จักกันเท่าไหร่  แต่ความเป็นเอกญี่ปุ่นความรู้สึกมันก็ประมาณนี้แหละ  ใช้เวลากันไป

ปล. เราเข้ามาแบบไม่รู้จักเพื่อนในเอกก่อนแอดเข้ามาเลยยยยย  เปล่าเปลี่ยวและโคตรเหงา  จะร้องไห้  เวลามันทำให้ทุกอย่างดีขึ้นจริงๆนะ ดีใจที่เจอกัน  ใครที่อยากเรียนแต่ไม่มีเพื่อนเลือกเหมือนกันไม่ต้องกลัวนะ  เราไม่ได้เริ่มนับหนึ่งพร้อมกันและเรานับมันไปด้วยกันก็โอเคแล้ว

Ø  นอกเอก  ลาก่อนค่ะ เราเป็นหลืบไม่ค่อยรู้จักใคร นอกจากเพื่อนโรงเรียนเก่าและเพื่อนTU10000000ล้านแปดตัว  แยกกับเพื่อนไปเจอคนอื่นๆบ้างก็ได้รู้อะไรแปลกๆดี  เห็นข้อดีข้อเสียคนอื่นเอามาปรับใช้ได้ ก็มีประโยชน์ดี๕๕๕๕๕
การเรียน(จริงๆจะเขียนอันแรกไปๆมาๆเนื้อเรื่องมันกลายเป็นเรื่องเพื่อน) >  ญี่ปุ่น  เรียน  ควิซ  งานย่อย  งานใหญ่ เราว่ามันคอนเซ็ปต์เด็กเรียนภาษาญีปุ่นตามโรงเรียน เรียนจบแล้วก็ควิซ  กระตุ้นให้ทบทวนที่เรียนไป เนื้อหาในควิซก็คือที่เรียนไปแล้ว ไม่ค่อยเกิน (เกินก็คือความรู้เก่าที่เอามาเปรียบเทียบนิดๆหน่อยๆ) ถ้าอ่านมาแล้วก็ตอนทำมีสติก็เต็มที่แล้ว ควิซฟังฝึกฝนสติ การจำ และไหวพริบ๕๕๕๕ บางทีฟังออกแต่ลืมก็มี  ทำให้รู้จักจดและเข้ากระบวนการอ่ะ  อธิบายไม่ถูก๕๕๕๕๕   -งานหรือการบ้าน ถ้าเป็นวิชาไวยากรณ์ก็เป็นแบบฝึกหัดทบทวน คัดคันจิ ฝึกฟังแล้วตอบคำถาม ถ้าเป็นฟังพูดก็จะเป็นเขียนบทพูดจากนั้นเอาไปรายงานในกลุ่มหรือหน้าห้อง  แสดงบทบาทสมมติตามสถานการณ์ในบทเรียนเช่น เรื่องขออนุญาตไรงี้(เราชอบมากตั้งแต่ม.ปลายแล้วสนุกดี)  -เวลาเรียน  เซนเซย์ตั้งใจสอนมากกกกกกกก  เตรียมการดีมาก รับรู้ได้ถึงพลัง  ส่งผลให้เราต้องตั้งใจเรียน๕๕๕๕ ไม่เล่นโทรศัพท์ ไม่คุยเรื่อยเปื่อย ให้ความสนใจกับกิจกรรมในคลาส ทุกอย่างที่ทำไม่ใช่คะแนน  แต่ทุกอย่างคือการฝึกฝน ชอบมากๆที่เซนเซย์คอยบอกจุดที่ให้ระวังเวลาเขียนคัดจิตัวนี้ จุดที่เรามักผิดพลาด คลาสฟังพูดเซนเซย์ก็หาเรื่องที่เราสนใจ คุยเรื่องสนุกๆ  พยายามให้เราพูด 

สรุปการเรียนญี่ปุ่นที่นี่ ที่เราเจอคือ  เรียนรู้เรื่องใหม่ๆไปพร้อมกับตั้งคำถาม  แก้ไขเรื่องที่ผิดพลาด ฝึกฝน  ถึก

Ø  เรียนวิชาอื่นๆ  เบื่อวิชาบังคับของม.  แต่ไม่ต้องคิดอะไรสุดแล้วไม่มีผลประโยชน์หรือโทษกับชีวิต ส่วนวิชาเลือกอื่นๆน่าสนใจมีเยอะมากกกก สนใจอะไรก็ว่างก็เรียนได้  เราชอบ

เป็นกำลังใจให้ทุกๆคนนะคะ มันเหนื่อยมันท้อ  แต่มันก็จะเหนื่อยต่อไปแบบมีจุดหมายค่ะ๕๕๕๕๕๕

1
พ่อๆลูกตัวร้อน 12 เม.ย. 59 เวลา 22:33 น. 12

เรื่องนี้เราอยากเขียนเพราะปีที่แล้วเราต้องการที่พึ่งมาก ต้องการคนที่มาพูดโน้มน้าว พลิกกูเกิ้ลหาคนแชร์ประสบการณ์
ระบบการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย เราเพิ่งมาเข้าใจมันแบบถูกต้องก็ตอนม.6นี่แหละ ต้องเจอเองจริงๆ สิ่งที่เราไม่รู้เราก็จะกลัวมัน ตอนแรกเราจะไม่แอดฯเราอยากติดรับตรง ไม่อยากกังวล กลัวไม่ติด ซึ่งเราก็ติดรับตรงในคณะม.ที่เราอยากเรียนตั้งแต่แรก กับคณะเรียนเหมือนๆกันม.ค่านิยมของผู้ใหญ่ มันเป็นการตัดสินใจทียากมาก ยิ่งเอาความรู้สึกของคนอื่นมาเกี่ยวข้อง ไม่ติดตรงหรอถึงรอแอด? ชื่อเสียงนู่นนี่ จนกลบความรู้สึกของตัวเอง ทำให้คำตอบที่ตัวเองก็รู้อยู่แล้ว ตอบออกมายากมากๆ + เราเป็นคนทิฐิสูง ยึดมั่นอุดมการณ์ เลยรู้สึกว่าได้ที่ต้องการแล้วทำไมไม่เอา กลัวคนอื่นจะมองว่ากลับคำ กลัวเสียใจทีหลัง สุดท้ายแล้วเราก็ต้องกลับมามองความต้องการตัวเองใหม่ อยากเรียนอะไร อยากเรียนด้วยความรู้สึกแบบไหน คะแนนที่ทำเต็มที่แล้วพาเราผ่านความกลัวอะไรได้บ้าง น่าลุ้น เสี่ยงดู ได้แน่นอน ค่อยๆคิดทีละทางเลือกว่า ถ้าเลือกอันนี้แล้วผิดพลาดจะทำอย่างไร ไม่ผิดพลาดแน่นอน พลาดก็เอาใหม่ปีหน้า เราว่าตัดความรู้สึกคนอื่นออกไป อย่าเอาคำว่าเสียดายกับกลัวมาเป็นเหตุผลในการเลือกเรียนอะไร มันหนักไม่พอกับการเรียน4-5ปี
สู้สู้
ถามได้นะเราสวย สู้ๆนะ

0
ถังจังซั๋ง(-3-) 12 เม.ย. 59 เวลา 22:52 น. 13

สวัสดีค่ะน้องๆ admission 59 ทุกคน
พี่เป็นเด็กเอกญี่ปุ่น 58 ครึ่งแรกน้า
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า พี่เป็นเด็กซิ่วค่ะ555 จากคณะอักษรแห่งหนึ่งแถวสามย่าน
ในส่วนของบรรยากาศการเรียน อาจารย์ ก็มีเพื่อนๆ ได้อธิบายไปบางส่วนแล้วเนอะ

ดังนั้น ในฐานะที่พี่มีประสบการณ์เรียนทั้งสองที่ พี่ขออธิบายความแตกต่างระหว่างอักษรกับศิลปศาสตร์นะ เผื่อมีน้องๆ ที่ยังลังเลกัน (^^)
เริ่มจาก คณะอักษรแถวสามย่าน
- สังคมดีมาก เพื่อน พี่ น่ารัก เรียบร้อย และเก่งกันมากกก
- เนื้อหาวิชาการจัดเต็มมากๆ ทั้งวิชาบังคับ เช่น การใช้เหตุผล การใช้ภาษาไทย ซึ่งพี่คิดว่ามีประโยชน์มากๆ และวิชาเลือก ซึ่งพี่เลือกญี่ปุ่นไปนะ เพราะเป็นตัวบังคับที่จะต้องใช้เข้าเอกตอนปี 2 ไวยากรณ์และคันจิแน่นมากก อาจารย์เป้ะเว่อร์ (ทำให้พี่เครียดมากเพราะพื้นฐานของพี่ไม่ดีเอง พอมาเจออะไรหนักๆ เลยตามไม่ทัน TT แต่ถ้าน้องๆ มีพื้นฐานภาษาญี่ปุทนดีในระดับนึง พี่ว่าที่นี่เหมาะกับน้องมาก ๆ)
- อาหารอร่อย โดยเฉพาะข้าวเหนียวไก่ ;3
- ไปไหนสะดวกมาก เพราะอยู่กลางเมือง มีรถไฟฟ้า (แต่ค่าครองชีพค่อนข้างแพงนะ)

มาที่ ศิลปศาสตร์ เอกญี่ มธกันบ้าง ^-^
- เริ่มที่ เพื่อนๆ น่ารักกันมากก เป็นกันเองสุดๆ (ทำให้พี่ไม่รู้สึกว่าตัวเองแก่เท่าไหร่ 5555) และเก่งกันมากเช่นกัน ส่วนพี่ๆ ก็น่ารักคอยช่วยเหลือตลอด พี่เลยรู้สึกว่าเอกนี้อบอุ่นมากๆ
- วิชาบังคับเรียนเนื้อหากว้าง(มาก) ไม่เจาะจงเท่าอักษร ส่วนใหญ่เป็นแนวสังคม ส่วนวิชาเอกก็จัดเต็มไม่แพ้กัน ควิซบ่อยมาก(ๆล้านตัว) แต่ที่นี่จะเน้นการฟังพูดมากกว่า ทำให้พี่ที่เคยฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เลย มีโอกาสพัฒนาตัวเองมากขึ้น ^-^ (แต่คะแนนพี่ก็ไม่ได้ดีขึ้นด้วยเลย5555)
- แดดร้อนมากกกกกกก ร่มเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก (-.-^)
- ของกินเยอะมาก มีตลาดนัดมาทุกอาทิตย์ ค่าครองชีพไม่แพงเท่าอยู่ในเมือง

สำหรับตัวพี่ พี่คิดว่าเอกญี่ที่ มธ ตรงใจพี่มากกว่า เพราะยังพอมีเวลาให้ปรับตัวกับเนื้อหาและควิซ (ก่อนจะเจ็บและชินไปเอง5555)
แต่อย่างที่บอกไปว่าทั้ง 2 ที่มีวิชาการและสังคมที่ดีเหมือนกัน ถ้าน้องๆ มีคณะในดวงใจ อยากเข้าคณะไหน ขอให้น้องๆ เลือกคณะนั้น และมีความสุขกับการเรียนนะคะ

ทีนี้น้องๆ พอจะเห็นภาพคร่าวๆ กันมั้ยคะ ^-^ ถ้ามีอะไรสงสัยถามพี่ได้ตลอดเลยนะ
ยินดีตอบเสมอจ้าาา

8
ถังจังง 14 เม.ย. 59 เวลา 17:43 น. 13-2

เพราะพี่พื้นฐานญี่ปุ่นไม่แน่นอ่ะจ้า พอเรียนแล้วเลยรู้สึกว่าตามเพื่อนไม่ทัน และก้ไม่ได้เอกแน่ๆ อ่ะ (การแข่งขันสูงมาก)
แถมพี่ไม่อยากเรียนเอกอื่นด้วย เลยซิ่วซะเลย555
เยี่ยม

0
Imcrazier 16 เม.ย. 59 เวลา 21:21 น. 13-3

อยากเรียนศิลปศาสตร์เอกญี่ปุ่นมากเลยค่ะ แต่ถ้าได้เรียนก็ต้องไปลุ้นเป็นครึ่งหลังอยู่ดี เพราะไม่ได้ยื่นแพทญี่555 แล้วตอนนี้ก็ติดอักษรแล้วอ่าค่ะ เลยลังเลว่าจะยืนยันดีไหม กลัวเรียนไม่ไหวจังเลยT^T

0
เพื่อนคู่คิด 16 เม.ย. 59 เวลา 22:17 น. 13-4

อยู่ที่ว่าน้องอยากเรียนอะไรมากกว่ากันครับ
ถ้าน้องอยากเรียนเอกญี่ปุ่น น้องเรียนอักษรที่สามย่านไม่ได้อยู่แล้ว
เพราะที่นั้นเอกญี่ปุ่นเค้ารับแค่คนที่ยื่นแพทญี่ปุ่นเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เข้าเอก
หรือถ้าน้องอยากเรียนเป็นวิชาโทก็อีกเรื่องนึง
ลองศึกษาข้อมูลดีๆนะครับ ^^

0
Imcrazier 17 เม.ย. 59 เวลา 10:38 น. 13-5

เรียนวิชาโทก็ต้องใช้แพทญี่ปุ่นเหมือนกันค่ะ ตึงโปะ55555555 คือถ้าเรียนอักษรก็บ๊ายบายญี่ปุ่นไปเลย แล้วค่อยว่ากันใหม่ แต่ก็กลัวเรียนไม่ทันเพื่อนอ่าค่ะ ทั้งในวิชาและภาษาอื่นๆTT

0
มิตรคู่ตัว 17 เม.ย. 59 เวลา 10:58 น. 13-6

งั้นน้องต้องรีบตัดสินใจแล้วครับว่าน้องอยากเรียนอะไรมากที่สุด
เพราะอักษรเป็นคณะที่กว้างมาก แล้วก็แข่งขันสูงมากเช่นกัน ถ้าน้องยังไม่มีเป้าหมาย พี่ว่าน่าจะลำบาก
พี่ว่าปิดเทอมเป็นเวลามากพอให้น้องได้คิด ได้ตัดสินใจนะ
ถ้าเริ่มอ่านญี่ปุ่นในตอนนี้ พี่ว่ายังไงก็ไม่พลาดได้เอกญี่ปุ่น มธ ของเราหรอก ;)

อันนี้ไม่ได้โฆษณาเอกนะ แต่อยากให้น้องกลับไปคิดทบทวนจริงๆ ว่าสิ่งที่น้องต้องการคืออะไร ไม่อยากให้ตัดสินใจพลาด ไม่เลือกที่นี่ไม่เป็นไร ถ้าน้องเลือกสิ่งที่ใช่สำหรับน้องจริงๆ พี่จะดีใจกว่า ;)

0
แพรวอ้วน 17 เม.ย. 59 เวลา 12:05 น. 13-7

พี่อยากให้น้องลองไปหาหนังสือสอนภาษาญี่ปุ่นมาสักเล่มนึง อาจจะเป็นมินนะ โนะ นิฮงโกะก็ได้
แล้วลองศึกษาด้วยตัวเองดูสักครึ่งเล่ม
เพื่อที่จะได้รู้ว่าภาษาญี่ปุ่นมีลักษณะแบบไหน แล้วเราชอบภาษาที่มีลักษณะแบบนี้ไหม
เพราะภาษาญี่ปุ่นมีความแตกต่างจากภาษาอังกฤษ
คนไม่เก่งภาษาอังกฤษแต่ได้ดีกับภาษาญี่ปุ่นมีอยู่เยอะนะครับ

ถ้าลองอ่านด้วยตัวเอง แล้วรู้สึกว่าเรารู้สึกมีความสุขกับการเรียนภาษานี้
พี่ก็ยินดีต้อนรับครับ :)

0
Beauty▪Monster 13 เม.ย. 59 เวลา 03:02 น. 14-3

ขอให้ติดดนะคะ สู้ๆ อยากให้ในเอกมีผู้ชายยเข้ามาบ้างง555555555

0
2K239 13 เม.ย. 59 เวลา 08:51 น. 14-4

ได้ข่าวว่าปีนี้คะแนน O-net ลด
ยังไงก็อย่าเพิ่งยอมแพ้นะ เยี่ยม

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

♥ BAMz -w- 13 เม.ย. 59 เวลา 00:24 น. 16
สวัสดีจ้า เราเป็นหนึ่งในครึ่งแรกของ #dek58 นะ เขินจัง
จะแวะมาเล่าว่า เราไม่เคยผิดหวังที่เลือกที่นี่เลย ขอแค่ชอบภาษาญี่ปุ่นแล้วพร้อมที่จะไฝว์กับมันไปอีกสี่ปี (หรือถ้าไปแลกเปลี่ยนก็5ปี) เราก็จะเรียนที่นี่ได้อย่างมีความสุขแล้วล่ะ จริงๆนะ >< (ยกเว้นวิชาบังคับของมหาลัยเนอะ 555)
งั้นจะเล่าต่อแล้วนะ หนึ่งสองซั่ม!
>วิชาที่เรียน
ทุกวิชาเนี่ย ช่วยฝึกให้เรามีทักษะรอบด้านเลย ฟังพูดอ่านเขียนมาหมด ครบมาก โดยเฉพาะวิชาฟังพูดที่มีฮัปเปียวอันบ่อยถี่ ทำให้เราคุ้นชินกับกับการพูดภาษาญี่ปุ่นมากขึ้นได้ในหนึ่งเทอม 555 แต่พอมาเรียนฟังพูดตัวที่สองสนุกกว่าเดิมอีก ได้ทำละครด้วยนะ! ถ้าขึ้นปีสูงขึ้นไปก็จะได้เรียนวิชาที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม วรรณคดี วิชาล่าม วิชาแปล และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งเนื้อหาที่เรียนเป็นเรื่องที่มีประโยชน์และสามารถนำได้นำไปใช้จริงทั้งนั้น ดีจังเลย อิอิ
ส่วนอาจารย์ขอบอกเลยว่าขั้นเทพ แต่ละท่านมีเทคนิคการสอนเฉพาะตัว เป็นกันเอง สงสัยอะไรก็ถามได้หมด ทำให้เราบรรลุลึกซึ้งเลย ที่สำคัญคืออาจารย์ทุกท่านเอาใจใส่พวกเรามาก อยากให้เราถามเยอะๆ กลัวเราไม่เข้าใจ 555 สัมผัสได้ถึงความรักค่ะ<3 แล้วก็เซนเซชาวจิ๊ปุ่งคือน่ารักมากกกกกกกกกกก ขอสมัครเป็นแฟนคลับ เป็นกันเองแล้วก็ใจดีมาก ทำให้เรากล้าพูดและเรียนอย่างสบายใจ สนุกทุกคาบเลย (ρ゚∩゚)♡♡
>สังคม
เพื่อนๆทุกคนแสนจะแฮปปี้ดี๊ด๊าเฮฮาบ้าบอดั่งเมากัญชา 555 แต่พอมีปัญหาก็อยู่ข้างเราเสมอเลย อย่างเช่นตอนเราเดินชนป้าย เพื่อนยังอุตส่าห์พาไปห้องพยาบาลที่อยู่ไกลโพ้น 555 ซาบซึ้ง ;-; 
อีกอย่าง เอกนี้มีเพื่อนติ่งเยอะ เม้าท์มอยอย่างเพลิดเพลิน ไม่ว่าจะสายไอดอล สายดารา สายอนิเมะ สายเกมออนไลน์ สายเฮลท์ตี้ สายเที่ยว หรือแม้แต่สายแด-กก็ไม่น้อยหน้านะคะ 555 พี่ๆก็น่ารักกกกกกก เป็นกันเองมากๆๆๆๆๆ เป็นสังคมที่อบอุ่นยิ่งกว่าแสงแดดเมืองไทยในเดือนเมษาอีกค่ะ
>ของกิน
เรื่องกินเรื่องใหญ่เนอะ 555 คอนเฟิร์มเลยว่าของกินรอบมอเราอร่อยทั้งนั้น ของหวานของคาวมีครบ แถมยังมีตลาดนัดอินเตอร์โซนทุกวันจันทร์กับพฤหัส เป็นแรงใจให้เราต่อสู้กับการบ้านและควิซที่ได้ผลมากค่ะ
>อีเว้นท์สุดพิเศษ
อันนี้เพิ่งนึกออก 555 ประมาณเดือนสองเดือนก่อน เอกเราก็มีงานที่ให้นักเรียนแลกเปลี่ยนจากญี่ปุ่นและเวียดนามมาพบปะนักเรียนไทย ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีมากในการส่องหนุ่ม /หือ แต่ไม่ใช่แค่นั้น เรายังได้ใช้ภาษาที่เราเรียนมาสร้างมิตรภาพอันดีงาม 555 ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวใหม่ๆ แล้วก็มีกิจกรรมให้ทำหลายอย่างเลย สนุกมากกกกกกก
สุดท้ายนี้. น้องๆที่อยากเข้าที่นี่และกำลังลังเลอยู่ อยากให้ลองยื่นคะแนนมาก่อน อย่าเพิ่งท้อใจนะ ถึงแม้สุดท้ายผลอาจจะไม่เป็นอย่างที่หวัง แต่ก็คุ้มค่าที่อย่างน้อยเราได้พยายามอย่างเต็มที่แล้วเนอะ เป็นกำลังใจให้จ้า ><
0
iamdiamante 13 เม.ย. 59 เวลา 00:36 น. 17
ฮัลโหลลลลลลเด็กๆ(ถึงน้องจะเป็นเด็กซิ่วก็ตามที 555) พี่เป็นเด็กครึ่งหลังจ้าาา พี่จะรีวิวเกี่ยวกับความกังวลใจก่อนเข้าและวิธีพิชิตเอกนี้ >< (เข้าได้แล้วจะพูดอะไรก็ได้ :P)
ส่วนใครอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับวิชา JP171 ตัวบันไดไต่สู่เอกสำหรับครึ่งหลัง ขอให้ย้อนกลับไปอ่านที่ คห.6 นะ พี่จะบอกว่าพี่เค้าครบถ้วน ชัดลึกจริงๆค่ะ #อ่านแล้วยังตกใจอยู่ว่ารอดมาได้ไง -*-

เอาล่ะ!! หายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติแล้วมาอ่านคอมเม้นย๊าววววยาวประหนึ่งมหากาพย์มหาภารตะนี้กันเถอะ ><

ความกังวลใจของพี่ (และพี่เชื่อว่าน้องๆที่ไม่มีพื้นเลยยยยหรือมีแต่น้อยนิดก็ตามหลายๆคนกำลังกังวล) ก็คือชั้นจะอยู่รอดและเข้าเอกได้ยังไงในสังคมที่ทุกคนนิ่งคือหลับ พอขยับก็ควิซ #เดี๋ยวๆ คือเพื่อนๆจะไปเร็วจนน้องๆงง 55555 เมื่อกี้ทุกคนยังไม่ค่อยรู้อะไรกันอยู่เลย ทำไมเผลอแป๊ปเดียว คะแนนควิซเต็มบ้าง เกือบเต็มบ้างอย่างนั้นล่ะคะ T^T  ดังนั้นการเอาตัวรอดของพี่คือการตั้งใจเรียนในห้องค่ะ แม้น้องจะง่วงมากแค่ไหนจากการดูละครหรืออ่านนิยายเมื่อคืนก็ตาม น้องต้องเบิ่งตาค่ะ ต้องขยายรูม่านตาไว้เพื่อรับรู้ทุกแกรมม่าที่อาจารย์สอน มีลูกอมติดกระเป๋าไว้บ้างก็จะช่วยได้ค่ะ

สำหรับช่วงมีควิซหรือสอบมิดเทอม ไฟนอล สิ่งหนึ่งที่พี่ไม่ค่อยจะทำ(แทบไม่ทำตอนมัธยม) แต่ตอนนี้ต้องทำคือ 'อ่านหนังสือ' ค่ะ น้องจะไม่สามารถนั่งดูละครสวยๆ มโนถึงพระเอกแล้วแกรมม่า ศัพท์ คันจิ สำนวน หรืออะไรก็ตามต่างๆนานาจะลอยเข้ามาในมโนสำนึกได้ ดังนั้นควรจะท่องศัพท์ คัดคันจิ และทวนแกรมม่าบ้างค่ะ อย่างน้อยๆคืนก่อนสอบก็ยังดี (พี่เกรท อาเล็ก เฮียบอยรอแป๊ปปปป) ส่วนตัวพี่นั้นพี่ก็ทำมันพร้อมๆกันไปเลยค่ะ ตาก็ดูละครไป มือก็คัดไป ก็สนุกดีน้าาา แต่ต้องระวังว่ามันจะเพลินจนเก็บไม่ครบทุกอย่างที่ต้องสอบน่ะสิ >< แหะแหะ

ทั้งนี้ทั้งนั้นพี่จะบอกว่าถ้าน้องไม่มีพื้นเลยยยยย เช่น พี่ เป็นต้น ก็ไม่ต้องตื่นเต้นค่ะ แค่หัดเขียนตัวอักษรมาบ้าง อย่างน้อยก็พื้นฐานอ่ะเนอะ แล้วก็ดูการ์ตูนไม่ก็ซีรี่ย์บ้างก็จะช่วยได้ค่ะ น้องๆจะเก็บคำง่ายๆได้ แล้วก็จะรู้สึกสนุกกับการเรียนมากขึ้น จะบอกว่าพี่ที่ไม่รู้อะไรเลย งงๆ ยังผ่านมาได้ น้องๆที่มีความตั้งใจก็ทำได้แน่นอนค่ะ ที่เอกของเรามีอาจารย์ที่เก่งมากกก เชี่ยวมากกก ใจดีมากกก และเพื่อนๆก็น่ารัก (เพื่อนพี่เป็นคนแนะนำแหละว่าให้ไปดูซีรี่ย์ เพราะพี่ไปบ่นว่าทำไมฟังไม่ทัน งงแรงกับการบ้าน ซึ่งตอนนี้ก็กำลังพยายามอยู่อ่ะน่ะ T^T) เพราะงั้นเรื่องความรู้ สังคมไม่ต้องห่วงเลย ห่วงชีวิตน้องเถอะ #โทษๆ >///<

มาถึงช่วงเวลาสำคัญคือ วิธีพิชิตเอกญี่ปุ่น (survivor มีไม่มาก ถ้าไม่อยากทำฝันเละคามือก็ต้องอดทนนะคะ) 

กฎเหล็กในการฟันฝ่าให้ได้เอกคือ ต้องสู้ ต้องขยัน ต้องแข่งกับตัวเอง
1. ต้องสู้
การคัดเลือกจะใช้คะแนนจากวิชา JP171 ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับภาษาญี่ปุ่นตัวแรก มีการเก็บคะแนนในรูปแบบของการบ้าน(นิดหน่อย) ควิซ และสอบมิดเทอมกับไฟนอล  ในแต่ละปีจะมีเกณฑ์ว่ารับครึ่งหลัง 25 คน คือการเอาคะแนนนักศึกษาที่จะยื่นเข้าเอกญี่ปุ่นมาเรียงคะแนน JP171 เทียบกัน ฉะนั้น 25 คนแรกที่มีคะแนนสูงที่สุดก็จะเป็น survivorไปสู้ต่อ ส่วนที่เหลือก็ต้องลากกระเป๋าออกจากบ้านไป T^T  (ปล. ในแต่ละปีอาจจะมีการพิจารณารับเพิ่ม เช่น กรณีที่คะแนนลำดับที่ 25 มีคนได้เท่ากันมากกว่า 1 คน) ถ้าเทียบเป็นเกรด คนที่ได้ A จะเซฟสุดในการได้เข้าเอก  B+ โอกาสสูง ส่วน B นี่จะเริ่มลุ้นๆล้ะ

2. ต้องขยัน
อย่างที่บอกไปคือการบ้าน ควิซ สอบ ต้องเก็บให้ครบ ต้องขยันทบทวนตลอด เพราะจะไปค่อนข้างเร็ว ทั้งศัพท์ทั้งไวยากรณ์ทั้งคันจิ จะเก็บอย่างรวดเร็วในแต่ละบท โดยปกติจะเรียน 1 บทต่อสัปดาห์ ถ้าเรียนๆทิ้งๆ จะลืมหมด บทใหม่ก็มา บทเก่าก็ลืม สอบก็ต้องสอบ พี่พูดได้คำเดียวเลยว่า “หายนะ

3. ต้องแข่งกับตัวเอง
แน่นอนว่าการแข่งขันจะต้องเกิดขึ้น แต่การมาเรียนด้วยความรู้สึกที่ว่าต้องเก่งกว่า ต้องให้ได้คะแนนมากกว่า ต้องได้เข้าเอก ต้องชนะเพื่อน มันคงเป็นความรู้สึกที่แย่มากๆในการเข้าเรียน เพราะเราแข่งกับคนอื่นตลอดเวลา  แต่ถ้าเราเปลี่ยนมาเป็นการแข่งกับตัวเอง ครั้งนี้ได้คะแนนเท่านี้ คราวหน้าต้องดีกว่า ครั้งนี้จำคันจิไม่ค่อยได้ ครั้งหน้าต้องแม่นมากขึ้น ชีวิตน้องจะแฮปปี้แล้วก็มีเพื่อนดีๆในมหาวิทยาลัยได้ (มันไม่ได้แย่เหมือนคำร่ำลือไปทั้งหมดหรอกนะคะ) ถ้าเราไม่อิจฉาคนอื่น ใจก็จะไม่ทุกข์ เรียนก็มีความสุข ชีวิตดีจะตาย เนอะๆ
^^


สุดท้ายนี้พี่จะฝากว่าทุกคนมีฝัน แต่มีไม่กี่คนที่ทำฝันให้เป็นจริงได้ ดังนั้นถ้าไม่อยากแพ้(ตัวเอง) ห้ามรอ ห้ามท้อ ห้ามคิดว่าทำไม่ได้  เราอาจจะเริ่มช้า (อย่างพี่ก็เรียนสายวิทย์มา แม้จะสนใจญี่ปุ่นบ้าง แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาพลีชีพเพื่อเข้าเอกขนาดนี้) แต่เราเริ่มได้ และมันก็ไม่มีอะไรที่สายหรือแย่เกินไป
 

สุดท้ายของสุดท้ายจริงๆ ฝากถึงเด็กวิทย์ทุกคนที่กำลังลังเล พี่ก็เคยลังเลมากกกกก เภสัชก็อยากเป็น ญี่ปุ่นก็อยากไป แต่มันต้องชั่งน้ำหนักให้ได้ว่าเรารักอะไรจริงๆกันแน่ พี่ถามตัวเองทุกวันทุกคืน(ยิ่งปิดเทอม ยิ่งจะแอด มันยิ่งเครียด เพราะต้องหาคำตอบให้ได้) เรื่องอนาคตไม่ขำเลย แล้วพี่ตัดสินใจได้จากความคิดที่ว่าถ้าพี่จะไปเป็นเภสัชเพราะใจรักอยู่แค่เคมี(เกลียดฟิสิกส์อ่ะ T^T) พี่จะเป็นเภสัชที่ดีที่สุดและผลิตยากู้โลกได้ยังไง (ตอนนั้นจริงจังมากว่าจะผลิตยาสู้เอดส์ 5555) พี่เลยมาสายภาษาที่พี่ก็รักมากไม่แพ้กัน แม้ไม่เคยเรียนมาแต่พี่ก็ตั้งใจว่าถ้ามาทางนี้พี่จะสู้!! คงไม่เก่งที่สุด แต่อย่างน้อยเราก็ได้รับผิดชอบฝันของเด็กคนนั้นที่อยากไปญี่ปุ่น อยากอ่านภาษาญี่ปุ่นออก (เด็กน้อยมั๊ยล่ะะะ) ไม่ต้องลังเลนะคะถ้าจะเปลี่ยนใจ มันไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการเรียนจบแล้วเพิ่งคิดได้ว่า ... นี่ชั้นไม่ได้อยากเป็น ไม่ได้อยากทำงานสายนี้ซักหน่อย แต่เสียดายสายวิทย์ 3 ปีนั้น -0- 


#สายวิทย์และสายศิลป์แตกต่าง สอนอะไรพี่เยอะมาก พี่ค่อนข้างลำบากในช่วงแรก เพราะมันมีบางอย่างที่เราถูกฝึกมาไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างๆ วิทย์คือผลการทดลองสามารถคลาดเคลื่อนได้บ้างตามโอกาสและความใจดีของครูผู้สอน 5555 หรือเราจะมีวิธีการคิดที่ลึกลับซับซ้อน งานเหตุผลต้องมา ความรู้สึกตัดออกไป แต่ศิลป์คือผิดนิดนึงคือผิดเลยและอดคะแนนค่ะ เช่น การเขียน か แล้วไม่มีขีดแต้ม หรือการขยับองศาตัวอักษรผิดเทือกๆนั้น หรือการที่ใช้เซ้นส์มากกว่า เหมือนเวลาเราจะพูด จะใช้คำ เราจะไม่ใช้แค่หลักการในตำรา แต่ต้องปรับให้เข้ากับสถานการณ์ พูดกับผู้มีอาวุโส พูดกับเพื่อน หรือการเลือกใช้คำก็จะเลือกตามความเหมาะสม เป็นเรื่องของความรู้สึกล้วนๆ T^T ซึ่งพอเรียนๆไปน้องๆก็จะเริ่มจับทางได้ แล้วพอศาสตร์และศิลป์มันมามิกซ์(เยี่ยงการปั่นน้ำผลไม้ #ห้ะะะ)กันได้ น้องจะกลายเป็นคนที่มีทั้งเหตุผลและมีเซ้นส์ในการทำงานหรืออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งมันจะเริ่ดมากกกกกก ><  

##คิดให้ได้ว่าเราอยากเห็นทั้งชีวิตของเราอยู่ในสถานที่แบบไหนและทำอะไร 
  ขอให้ทุกคนโชคดีกับทางที่เลือกเดินค่าาาา ^^

0
2K239 13 เม.ย. 59 เวลา 09:55 น. 18

สวัสดี
เราเป็นเด็กแอด ยื่น PATญี่ปุ่น มาจากสายศิลป-ญี่ปุ่นโดยตรง 
จริงๆกระทู้ของพี่ๆปีที่แล้วมันครบ ครบมากกกกกกกก อยู่แล้ว งั้นเราขอเพิ่มเติมส่วนที่เราเคยอยากรู้แล้วกัน สำหรับน้องๆ ทั้งเด็กแอด 59 60 61 62 ... 
 
1.เตรียมตัวสอบ PAT ยังไง
-ทำข้อสอบเก่า วนไปเรื่อยๆ หลายๆ ชุด หาโหลดได้ทั่วไป หรือจะไปหาซื้อเอาที่ร้านหนังสือ (เล่มสีฟ้าๆ มีแค่2พศ.)มาทำ เราทำตั้งแต่คะแนนไม่ถึงครึ่ง จนมันขยับมาขึ้นเรื่อยๆ
-เรียนพิเศษ เราเรียนกับอาจารย์ที่เคยสอนอยู่ที่โรงเรียนอยู่แล้ว แต่เดี๋ยวนี้ก็มีสถาบันสอนพิเศษเยอะแยะให้เลือก (แต่ถ้าใครขยันอ่านเอง ตั้งใจเรียนในห้อง ข้อนี้ก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่)

2.เรียนภาษาญี่ปุ่นไปทำอะไรได้
พอเข้ามา ได้สัมผัสกับอะไรหลายๆ อย่าง ก็ได้รู้ว่าของอย่างงี้มันพลิกแพลงได้นะ เราจะไปสายตรง (ล่าม แปล) หรือประยุกต์เอา (เลขา บริษัทนี่นั่นฯ) มันก็ได้หมด

3.ที่นี่หัวรุนแรงจริงไหม
อันนี้เป็นคำถามของผู้ปกครองเราเอง แต่เข้ามาแล้วมันก็ไม่มีอะไร เอ้อ มันจะไปมีอะไรได้เล่า

4.อยู่หอ เป็นยังไง
เราเป็นเด็กหอนอก หอนอกมันก็มีทั้งแพงทั้งถูกปนๆกันไป ความสะดวกก็แลกมาด้วยราคา และเราสามารถเลือกเมทเองได้ หรือจะอยู่คนเดียวก็ได้ แต่เรามีเมท และเมทน่ารักมาก 
ส่วนหอใน เราก็เข้าไปเยี่ยมเยือนบ่อยๆ พบว่าสภาพไม่ได้แย่อย่างที่คิด แถมอยู่ในม. มาเรียนสะดวก ราคาไม่แพงด้วย แต่หอในนี้ถ้าเราไม่เลือกเมท(และนัดกับเมทไว้ก่อน)เราก็จะได้เมทแบบสุ่ม ซึ่งนั่นมันขึ้นกับดวงล้วนๆ ว่าจะได้แบบไหน เข้ากันได้หรือเปล่า

5.ค่าครองชีพ 
ข้าวในม.ราคาไม่แพงมาก 25-50 บาท ส่วนรอบๆ ม.ก็จะขึ้นมาหน่อยประมาณ 40+

6.เรียนที่ท่าพระจันทร์หรือรังสิต
ศิลปศาสตร์ส่วนใหญ่เรียนที่รังสิตนี่แหละ ท่าพระจันทร์เราจะได้ไปแค่ไม่กี่ครั้ง เช่น วันแรกพบ ฯ

7.ถ้าไปกลับ การเดินทางมายังไงได้บ้าง
เราก็บ้านอยู่กทม.เคยคิดจะไปกลับเหมือนกัน (แต่มีก่อสร้างbtsพอดี รถติดแทบบ้า ก็เลยอยู่หอแทน) การเดินทางก็มีหลายอย่าง เช่น
-รถตู้มาจากอนุสาวรีย์ ถึง มธ.รังสิต ในราคา 32 บาท ขึ้นได้ใต้ bts เสาวรีย์ หัวมุมที่มี 7-11
-รถตู้มาจากจตุจักร ถึง มธ.รังสิต ในราคา 30 บาท ขึ้นได้หลัง mrt บริเวณทางออกกรมการของส่งทางบก
-รถตู้มาจากฟิวเจอร์ฯรังสิต ถึง มธ.รังสิต ในราคา 15 บาท ขึ้นได้ที่ท่ารถตู้ข้างฟิว
-รถเมล์ก็ได้ รถเมล์ที่เข้ามาในมหาลัยเลยจะมีสาย 510 29(บางคัน) วิ่งผ่านตรงไหนบ้าง >> องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
-รถไฟก็มาได้ เป็นรถไฟสายอีสาน ลงสถานีเชียงราก (แล้วนั่ง 2 แถวต่อมาลงประตูเชียงราก 9 บาท) หรือสถานี ม.ธรรมศาสตร์ (ก็น่าจะได้มั้ง) ตรวจเวลาเดินรถ >> รฟท.
เห็นมั้ยที่นี่ไม่บ้านนอกสักหน่อย 

8.การเรียนภาษาญี่ปุ่น
(ขึ้นไปอ่านข้างบนได้เลย ครบแล้ว)

9.วิชาโทคืออะไร
วิชาโทก็เหมือนวิชารองของเรา (ไม่ใช่ปริญญาโทนะ  เคยมีน้องเข้าใจอย่างนั้น มันไม่ใชชชช่) เช่นวิชาเอก(วิชาหลัก)คือญี่ปุ่น วิชาโท เราจะเลือกอะไรก็ได้ แต่อาจารย์เรามักจะแนะนำโทภาษาอังกฤษ การเรียนวิชาโทที่นี่ก็คือค่อยๆเก็บหน่วยกิตไปเรื่อยๆ ให้ครบ แล้วเราก็จะได้วิชาโทนั้นมาครอบครองในใบจบ

1
iamdiamante 13 เม.ย. 59 เวลา 14:44 น. 18-1

ช่ายยยยๆ ไม่บ้านนอกซะหน่อยเนอะ >< ขอเพิ่มเติมการเดินทางนะคะ

น้องสามารถไปกินซูชิวังหลังได้ง่ายๆ แค่นั่งรถตู้จากใน ม.เนี่ยแหละ (มธ.รังสิต-มธ.ท่าพระจันทร์) 40 บาท จากนั้นก็เดินไปนิดนึง ขึ้นเรือที่ท่าท่าพระจันทร์ (หลังตึกศิลปศาสตร์ที่ ทพจ. ใกล้ๆศูนย์หนังสือ) 3 บาท มันจะข้ามฟากไปวังหลัง วันไหนพี่เปลี่ยวก็ไปกินแล้วกลับจ้ะ 55555 หรือน้องสามารถนั่งเรือ เดิน ขึ้นรถเมล์ เที่ยวละแวกสนามหลวงได้หมด ช่วงสอบก็จัดทริปไหว้พระเก้าวัดได้นะเออ #ดีมากจีจี

ใครอยากไปช้อปปิ้งที่เจเจ ก็นั่งรถตู้ได้จากใน ม. เหมือนกัน 30 บาทจ้า หรืออยากจะไป ตจว. ใกล้ๆรอบ กทม. ไรงี้ (อารมณ์ one day trip) ก็นั่งรถตู้ไปอนุสฯแบบที่พี่เค้าบอกแล้วก็ต่อรถตู้ที่นั่งเลย มีจังหวัดให้เลือกเยอะมากกกกก 5555555 // มันไม่กันดาร และน้องๆจะมีความสุขมากกกก ยิ่งถ้าเป็นน้องที่มาจาก ตจว. หาเวลาเที่ยวบ้าง จะเพิ่มพูนประสบการณ์ใหม่ๆเยอะเลยจ้า เยี่ยม

0
=น้ำปั่น= 13 เม.ย. 59 เวลา 10:07 น. 19

อยากติดมากเลยค่ะ แต่คะแนนมันติดลบตั้ง 800
ปี58 คะแนนเฟ้อมาก หนูเลยไม่ถึง เครียดมากเลยค่ะเศร้าจัง คะแนน 21,9xx เศร้าแปป

5
ชานมใส่ขิง 14 เม.ย. 59 เวลา 19:48 น. 19-4

แนวโน้มพี่คงบอกไม่ได้ค่ะ
"แต่ถ้าน้องอยากเข้าจริงๆ" พี่แนะนำให้ยื่นค่ะ
ถ้าน้องไม่ยื่นถือว่าโอกาสจะกลายเป็น 0 นะคะ

0
eveee 13 เม.ย. 59 เวลา 16:59 น. 20

คะแนนติดลบ 2025 ค่ะ
หมดสิทธิ์ ชัวๆเลยสอนะ
อ่านรีวิวพี่ๆแล้วน้ำตาไหลพราก
#คนไม่มีสิทธิ์...

3
Eveee 13 เม.ย. 59 เวลา 18:30 น. 20-2

Impossibleeeeee
อย่าค่ะ อย่าให้ความหวัง5555555

0
พี่กอล์ฟ 14 เม.ย. 59 เวลา 08:26 น. 20-3

ถ้าไม่ยื่นเลย โอกาสติดจะเป็นศูนย์ทันที
แต่ถ้ายื่น ถึงโอกาสจะมีแค่ 40-50% แต่ยังไงก็ยังมีโอกาสอยู่
พี่ขอให้น้องอยู่ใน 40% นั้นก็แล้วกันครับ :)

ดังนั้นยื่นเถอะน้าาาาาาาา พลีสสสสสสสสสสสส
เยี่ยม

0