Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ฝากไปบอกเขาที!!!!! #สทศ #สอท #มหาวิทยาลัย #admission

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
มาว่ากันด้วยเรื่อง ที่นั่ง admission ของประเทศไทย
ที่จริงก็มีมานานมากแล้ว การรับเด็กจากส่วนกลางเพื่อเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย
Onet Anet ประมาณนั้น
แต่พอมายุคนี้ ถึงกับงง gat pat ,รับตรง ,ฯลฯ
มีรับตรงเพิ่มเยอะมากจน admisssion แทบไม่เหลือที่นั่ง!

การรับตรงขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัย และแต่ละปีการศึกษา
ว่าด้วยโครงการนั้นนั้น โครงการนี้นี้ เพื่อเพิ่มสิ่งนั้น เพื่อเพิ่มสิ่งนี้
แต่มหาวิทยาลัยลืมคำนึงถึงเด็ก
ที่เข้าไปแล้วค้นพบว่าตนเองไม่ชอบไม่เหมาะกับตนเอง
ไม่อยากเรียนและอีกหลายเหตุผล
ก็ซิ่ว หรือรีไทน์ หรือดรอปกันระนาว
ก็เป็นปัญหาต่อการรับเข้าในปีถัดๆไปอีก เหมือนดองไว้แล้วดองไว้อีก
มันกระทบต่อระบบการศึกษาของประเทศในระยะยาว
ผู้ใหญ่ในวงการศึกษาควรหาทางให้เด็กค้นพบตัวตนของตนเอง
ก่อนจะเลือกคณะเรียน ถ้าเด็กค้นพบตัวตนที่แท้จริงแล้ว ก็จะเรียนอย่างมีความสุขได้
ลองคิดดูครับถ้าเด็กได้เรียนในคณะที่เป็นตัวตนของตนเอง
ยังไงแล้วก็ไม่มีทางที่จะซิ่วออกแน่นอน ยกเว้นเด็กมีปัญหาค่าใช้จ่าย หรือ ปัญหาอื่นๆอีกจิปาถะ
แต่อย่างน้อยแรงจูงใจก็สร้างมาจากตัวเองครับ แรงผลัดดันตัวเองก็มีมากกว่า
การเรียนแบบจำใจเพราะติดคณะที่ไม่ชอบแน่นอน

ในปีนี้ admission คะแนนgat pat เด็กม.6 เเนวโน้มลด เหมือนจะดีนะครับ
แต่ถ้าเด็กซิ่วมามากก็เตรียมตัวเปิดที่นั่งเพิ่มได้เลย ไม่งั้นจำนวนเด็กซิ่วก็เพิ่มขึ้นอีกแน่นอน
แต่ละมหาวิทยาลัยสาขาไหนคนขาดแคลน ก็เปิดรับเพิ่มจากปีเดิมเป็น 200 คนสิ่ครับ
รับรองได้ผลดีเลย ประเทศไทยในอนาคตจะได้มีบุคคลากร ด้านนั้นด้านนี้เพียงพอ
กับความต้องการของประชากร เช่น อาชีพที่ฮิต ก็แพทย์ ผมเห็นว่าขาดแคลนผลิตเท่าไหร่ก็ไม่พอ
แล้วทำไมไม่เปิดใน admission ครับ? เพราะความถนัดแพทย์หรอครับ?
ก็ให้คณะสอบแยกต่างหากก็ได้ ไม่เห็นต้องมีแค่สนาม กสพท เลย
เพิ่มการรับให้หลากหลายช่องทางเลยสิครับ ไหนๆก็ขาดแคลนแล้ว ทำไมการรับเข้าถึงไม่ค่อยมีที่นั่ง?
ทีรับตรงยังเปิดกันได้? มหาวิทยาลัยรับเด็กเข้ามาต่างวิธี แต่สุดท้ายก็เรียนเหมือนกันอยู่ดี
อย่างแพทย์ครับ รับปีละ 500 คน ก็น่าจะผลิตได้มากขึ้น แล้วจะได้ไม่ต้องบ่นว่าขาดแคลน
คนนั่งรอหมอเต็มโรงพยาบาล ก็ยังจะผลิตแค่ 200กว่าคนต่อปี หรืออย่างเก่งก็300คนต่อปี
อันนี้คิดแค่หนึ่งมหาวิทยาลัย ถ้าทั่วประเทศก็ยังไม่พอก็ควรจะหันมาจัดการกันใหม่
ถ้าบอกว่าครูไม่พอจะสอนหมอ ก็เลยรับเด็กได้น้อย อันนี้ก็ต้องเป็นประเด็นที่มาพิจารณากันต่อ
ว่าทำไมครูไม่พอ ก็รับสมัครครูของหมอเพิ่มสิครับ วางแผนงานไว้ยังไงก็ยังไม่พอจริง
ก็ต้องหาต้นเหตุกันต่อไป รัฐบาลก็มีจุดประสงค์จะแก้ที่การศึกษา แต่การadmission ก็ยังจำนวนรับน้อย
อย่างนี้อนาคตอย่ามองเลยว่าคนพอไหม มองปัจจุบันที่นั่ง admission ก่อนดีกว่า

ปีนี้้จำนวนรับadmission 59หวังว่าจะเพิ่มขึ้น หากไม่เป็นเช่นนั้นเด็กม.6แพ้เด็กซิ่วเต็ม
อาจจะได้เห็นคณะในบางมหาวิทยาลัยมีเด็กซิ่วมากกว่า20คน

ทางแก้ไขการศึกษาหวังว่าจะดีขึ้น ผมในฐานะคนไทยคนหนึ่งไม่ได้วิเศษวิโสอะไร
ใครก็อยากให้ประเทศตัวเองดีขึ้น ฝากให้ผู้ใหญ่ในวงการศึกษาไทยพิจารณาเรื่อง
การเพิ่มจำนวนที่นั่งรอบ admission 59 ด้วยครับ

ที่สำคัญมีไม่กี่คนที่ซิ่วแล้วไปทำงานในวงการศึกษาไทย
มันก็เป็นธรรมดาครับที่ผู้ใหญ่ไม่เคยซิ่วไม่เข้าใจถึงพฤติกรรมของเด็กซิ่ว
ผมไม่ได้พาดพิงใคร เพียงอยากให้วงการศึกษาพัฒนาไปในทางที่ดีครับ

สุดท้ายนี้ขอบคุณมากสำหรับคนที่เข้ามาอ่าน
ผมหวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์บ้าง ในมุมมองของคนรากหญ้าอย่างผม
มันไม่สำคัญหรอกครับว่าสิ่งที่คุณกำลังจะทำผลลัพธ์ออกมาแบบไหน
เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เป็นเรื่องของอนาคต

สอท สทศ มหาวิทยาลัย เด็กอยู่ในตัวเลขที่พวกคุณจะเลือกเขาเข้าไปปั้นครับ
ปั้นออกมาดี มหาวิทยาลัยได้ชื่อเสียง ได้บุคคลากรที่มีคุณภาพ
อย่าลืมครับคะแนนกับเงินเดือนคนละเรื่องกัน อยากให้สังคมไทยได้แยกแยะครับ
คะแนนเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เด็กใช้ยื่นเพื่อเข้าไปเรียน เหมือนจุดเริ่มต้นความฝัน
แต่สุดท้ายแล้ว ฝันนั้นจะถูกสานต่อด้วยตัวเขาเอง


จบการพิมพ์เรื่องที่นั่ง admission ไว้เพียงเท่านี้ครับ

แสดงความคิดเห็น

>

35 ความคิดเห็น

maxpig 18 เม.ย. 59 เวลา 14:53 น. 1

เรื่องกำลังผลิตแพทย์นะครับ  ไม่ใช่อยากจะเพิ่มก็เพิ่มครับ มีอีกหลายปัจจัยที่ไม่ได้พูดถึง เงินอุดหนุนต่อ​หัว​ เด็กที่มีความรู้จริงๆ​ แค่ความยากเรียนคงไม่พอนะครับ

3
ตอบแม็กซ์ 18 เม.ย. 59 เวลา 15:57 น. 1-1

แล้วนักการเมืองโกงกันเป็นสิบล้าน ร้อยล้าน สู้เอาเงินประเทศมาพัฒนาบุคคลไม่กี่ล้านบาทคงไม่ยากมั้ง ว้าว

0
อัดศดรง 18 เม.ย. 59 เวลา 16:39 น. 1-2

ยากตรงที่มันไม่มีเงินพอไง ต่อให้ไม่โกงเลยก็ไม่พอ มีทางเดียวคือเสกทองขึ้นมาสัก20เหมือง งบประมาณแผ่นดินปัจจุบัน กธ.ศษ. ก็ได้เยอะสุดแล้ว แต่แค่เงินเดือนครูก็หมดไปเกือบหมดแล้ว ครูก็ยังสร้างอีกหนี้อีกล้านๆบาท ประมาณสี่แสนคน ดังนั้นอัดเงินแค่ไหนก็ไม่พอ

0
นิจสุดา 18 เม.ย. 59 เวลา 15:52 น. 3

อยากให้มันเป็นแบบนี้จริงจังเลย เครียดมากคิดมากจนปวดหัวแล้วปวดหัวอีก ขอให้คะแนนลด ขอให้เข้าคณะที่อยากเรียนได้จริงๆ

0
'KanTLovE 18 เม.ย. 59 เวลา 15:57 น. 4

เหตุผลสำคัญเลยที่แพทย์ไม่อยู่ในระบบแอดกลางเพราะมันต้องใช้คะแนน GATPAT ซึ่งปัญหามันอยู่ที่ PAT1 ครับ ชื่อนี้รู้กันว่าระดับความยากขนาดคนที่ได้มากกว่าครึ่งมีไม่ถึง 5% อีกอย่างคือมันต้องใช้เกรดนี่ล่ะครับ บางร.ร.กดเกรด แต่บางร.ร.ปล่อยเกรด ระบบการคำนวณเกรดขึ้นอยู่กับครูผู้สอน ไม่ใช่ข้อสอบส่วนกลาง มันเลยเป็นเหตุผลทำให้เด็กที่ถูกเลือกเข้าไปไม่มีคุณภาพ (บางส่วน) บางทีแค่เก่งเลขเก่งอิ้งมากๆบวกกับเกรดดีก็อาจจะติดแล้วครับ

4
พัชรี 18 เม.ย. 59 เวลา 18:31 น. 4-2

อ่าวคนเรียนหมอ เกรดเฉลี่ยม.ปลาย
เท่าไหร่ก็ได้หรอ? นี่พึ่งรู้ตกใจ

0
The-WorLd 18 เม.ย. 59 เวลา 20:03 น. 4-3

ถึง 4-2 เฉพาะแพทย์เท่านั้น!! ไม่จำกัด "แผนการเรียน" ไม่จำกัด "เกรด" แค่คุณผ่านเกณฑ์ กสพท. ได้คณะแพทย์ทุกที่พร้อมอ้าแขนรับครับ :D
แต่น่าเสียดายที่คนผ่านเข้าไปได้นั้นมีไม่มาก

0
ชะชะชะชะชะชะชิ 18 เม.ย. 59 เวลา 15:57 น. 5

แอดมิชชันที่จริงเหลือที่นั่งเยอะมาก แต่คนเขาเลือกคณะยอดนิยมในมหาลัยทีฺ่ฮิตกันครับ เลยไปแออัดอยู่ตรงนั้น
ปล. คณะในมหาลัยที่ผมใฝ่ฝันก็เป็นที่หมายตาของเด็กซิ่วนะเออ น่าเศร้ามาก

0
The-WorLd 18 เม.ย. 59 เวลา 16:01 น. 6

เรื่องการรับเพิ่ม รับไม่ได้ในบางสาขาเพราะ มีอุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนการสอนมีอย่างจำกัด และราคาแพงมาก รวมถึงบุคลากรไม่เพียงพอ หากรับเพิ่มจะไม่ได้คุณภาพ การค้นพบตัวเองอยู่ที่เด็กด้วย เราว่าถ้าจะปรับควรปรับคุณภาพการศึกษาให้ไดัมาตรฐาน รวมถึงข้อสอบให้ตรงกับจุดประสงค์เพื่อลดความเลื่อมล้ำทางการศึกษา ถ้าข้อสอบมาตรฐานก็จะไม่มีปัญหาความยากง่ายของข้อสอบที่ต่างกันแต่ละปี หรือถ้าจะให้ดีบังคับใช้คะแนนปีต่อปีไปเลยดีกว่า

1
GRACE|ScarLett 19 เม.ย. 59 เวลา 11:35 น. 6-1

เห็นด้วยครับ (คุ้นๆ อ้าาา ว่าที่เภสัชมหิดลนี่ 555)

0
JBL05 18 เม.ย. 59 เวลา 16:37 น. 7

ตอนนี้ก็เครียดมากเลยนะคะ ที่เรียนจะมีมั้ยเพราะคะแนนสอบน้อยมากแต่ละคณะบางมหา'ลัยกำหนดคะแนนไว้สูงมาก เปอร์เซนต์การติดก็น้อยยย T^T

0
mynameissudarat 18 เม.ย. 59 เวลา 16:44 น. 8

เป็นเด็กเตรียมแอดมิชชั่นคนนึงที่เครียดมากเหมือนกัน ต้องต่อสู้ทั้งข้อสอบ ความเครียด.เหนื่อยล้า ท้อแท้ อะไรต่อมิอะไร บลาๆ ยังต้องมาสู้กับทั้งเด็กแอดปีเดียวกัน แล้วยังพวกพี่เด็กซิ่วอีก แล้วโอกาสที่จะได้มาก็น้อยแสนน้อย แทบจะไม่เหลือ % ให้เลย #แทบอยากจะถามว่าสังเวียนนี้มีที่ให้หนูยืนตรงไหนได้บ้าง เศร้าจัง

1
Belmel 18 เม.ย. 59 เวลา 17:38 น. 9

จขกท.พูดได้ตรงใจเรามากเลยค่ะ  
แต่เสียงเล็กๆของเราคงไปไม่ถึง
เราเด็ก59 ที่ดูคะแนนแล้วอาจจะเป็นว่าที่เด็ก60 แล้วก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะสิ้นสุดการซิ่ว เพราะเราก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วอยากเป็นอะไร 
การศึกษาของประเทศไทยไม่ได้เปิดโอกาสให้เด็กค้นหาตัวเองอย่างจริงจัง
วันๆก็สั่งแต่การบ้าน รายงาน สารพัดอย่าง 
เราไม่รู้ว่าโรงเรียนอื่นเป็นเหมือนกันมั้ย
ครูแนะแนวซึ่งควรมีบทบาทในการให้เด็กค้นหาตัวเอง 
แต่กลับไม่ได้ให้คำแนะนำอย่างจริงจัง
อย่างมากเขาก็ปริ๊นแบบทดสอบในเน็ตเอามาให้เราทำ  ซึ่งมันไม่ได้ช่วยอะไร 
บางคนมีการมาไซโคอีกว่า อย่าเรียนเลยคณะนี้ เอาเลยคณะนั้น
ซึ่งเราว่าเขาไม่ควร ครูแนะแนวมีหน้าที่แค่แนะนำ ไม่ใช่ช่วยตัดสินใจ

2
เบื่อสุดๆ 19 เม.ย. 59 เวลา 09:57 น. 9-2

จริงครูแนะแนว ไม่รู้จบหรือเรียนมายังไงไม่รู้อะไรสักอย่าง มีใครมั้งที่รู้ลึกรู้จริง เอะอะก็หมอ วิศวะ เดิมๆซ้ำๆ ทุกปี รร.ใครมีครูแนะแนวดีๆยินดีด้วยนะ

0
เด็กซิ่วที่โดนซิ่วเหมือน 18 เม.ย. 59 เวลา 18:03 น. 10

ทำไงได้ ก็ระบบมันเปนอย่างนี้ เรี่องเด็กซิ่วคงไม่เกี่ยวนะเพาะเด็กซิ่วก็โดนเด็กซิ่วปีก่อนๆ โน้น มาเหมือนกัน ต้องไปโทษระบบ น่าสงสารปะเทศไทย

1
ปวดตับ 18 เม.ย. 59 เวลา 18:13 น. 11

นั่นสิ่ แล้วทำไมไม่ให้เด็กซิ่วใช้คะแนนที่สอบรอบเดียวกันปีเดียวกันละ จะได้แฟร์ๆ เกณฑ์โอเน้ตเอามาตั้งไว้ว่าควรจบชั้นม.6หรือไม่ ถ้าหากไม่ผ่านตามที่กำหนดก็เรียนซัมเมอร์ซ้ำ แล้วไม่ควรเอามาเกี่ยวในแอด เพราะข้อสอบแต่ละปีไม่เหมือนกัน เกรด ก็อย่างที่รู้ ทำอะไรเห็นใจเด็กบ้างเหอะ ปล.ความเห็นส่วนตัว ผิดอะไรขอโทษด้วยพูดไม่ออก

2
งุงุงิงิ 18 เม.ย. 59 เวลา 18:35 น. 11-1

ข้อสอบแต่ละปีนี่... ต่างกันมากเกินไปจริงๆ
ถ้าไม่เชื่อย้อนดูข้อสอบตั้งแต่ปี38มาได้เลยครับ
พัฒนาอย่างกับไปโอลิมปิกวิชาการทั้งประเทศเยี่ยม

0
ปวดตับ 18 เม.ย. 59 เวลา 19:33 น. 11-2

เข้าไปเดายังได้เยอะกว่าเลย พูดจริง เบื่อการศึกษาไทยจริงๆ ถ้าจะเปลี่ยนเพื่อเป็น5ช้อยเดายากกว่าเดิม เราว่าคุณลองเปลี่ยนให้ข้อสอบมันวัดคุณภาพเด็กได้ไม่ดีกว่าหรอ ยากได้ แต่ไม่เกินหลักสูตร แฟร์ดี

0
เด็กซิ่วที่โดนซิ่วเหมือน 18 เม.ย. 59 เวลา 18:20 น. 12

แล้วน้องจะทำยังไงกับ เด็ก55 มาแย่งเด็ก 56 เด็ก56 มาแย่งเด็ก 57 เด็ก57มาเเย่งเด็ก58 คิดถึงพวกเขาบ้าง ข้อสอบก็ไม่เหมือนกัน น้องคงหลงปะเด็นนะ ต้องขจัดปัญหาที่ต้นเหตุ คือคนกำหนดนโยบาย เด็กตาดำๆเขาไม่รู้เรี่องเขาก็ทำตามระบบก็เท่านั้น

1
เด็กซิ่ว58 18 เม.ย. 59 เวลา 21:12 น. 13

จะว่าเด็กซิ่วได้เปรียบคงถูกไม่หมดหรอกครับ จะว่าคะแนนปี59ได้น้อยกว่าปี58ก็ถูกแต่ถูกไม่หมดครับลองดูคะแนนดีๆปี59 คะแนนgat pat1 เฉลี่ยสูงกว่าที่ผ่านๆมาค่อนข้างพอตัวเลย จะว่าเด็กซิ่วได้เปรียบมาแย่งที่เรียนคงไม่ถูก ประมาณพูดได้ไม่เต็มปาก แต่ละปีมักจะมีปัญหาทุกๆปีครับ

2
ชะชะชะชะชะชะชิ 18 เม.ย. 59 เวลา 21:15 น. 13-1

เด็กซิ่วสอบทุกรอบ รู้แนว แถม ได้อ่านหนังสือเต็มเวลาครับ ดังนั้น ถ้าเฉลี่ยได้สูง เด็กซิ่วก็จะสูงตามไปด้วย

0
เบื่อข้ออ้าง 19 เม.ย. 59 เวลา 09:46 น. 13-2

ได้เปรียบสุดๆเลยต่างหากครับ pat 1 ที่ว่าเฉลี่ยสูงขึ้นก็ไม่มาก ยิ่งดูช่วงคะแนนจะเห็นอะไรๆมากขึ้น
แล้วที่เหมือนโกงสุดก็pat 2 เนี่ยแหละ รอบ 2 ปี 58 เหมือนแจกคะแนน ขอสักทีเถอะครับ รู้แก่ใจว่าได้เปรียบก็เลิกหาข้ออ้างได้ละ อยู่เงียบๆไปเถอะ

0
sky blue 18 เม.ย. 59 เวลา 21:24 น. 14

กลัวพวกพี่ที่ซิ่วมาจังเลยค่ะ คะแนนเราก็น้อยแข่งกับเพื่อนปีเดียวกันก็กลุ้มมากแล้ว  ยังมาเจอเด็กซิ่วที่คะแนนสูงๆอีก

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

ฝึกเองก่อน 19 เม.ย. 59 เวลา 09:50 น. 15-1

พูดถึงแกทไทย เพื่อนผมไม่เรียนแต่ได้เต็ม ก็มีเป็นสิบๆครับ เค้าฝึกเองอ่านเองกันทั้งนั้น แล้ววิชานี้วัดความคิดความอ่านได้จริงๆครับ

0
Gat ไทยง่ายนิดเดียว 19 เม.ย. 59 เวลา 10:58 น. 15-2

ผมไม่ได้เรียนพิเศษเลยนะ แต่แกทไทยเต็มทุกรอบ ถ้าสนใจจิงๆ มีสอนฟรีในเน็ตเยอะมาก ไม่ขวนขวายเอง พอได้น้อยแล้วมาโอดครวน โทษนู้นโทษนี้

0
narkin2540 19 เม.ย. 59 เวลา 18:10 น. 15-3

ประทานโทษ! ไม่ได้มาโทษนู้นโทษนี้ ถ้ามันอยากสอบวัดความรู้จริงๆทำไมไม่เอาแต่โออน็ตอย่างเดียวเอาอันนี้ไม่เห็นจะมีประโยชน์

ถามหน่อยสิจะเรียนกฎหมายมันจะได้ใช้หรือไม่

0
elfheak 18 เม.ย. 59 เวลา 23:55 น. 16

ครูแนะแนวควรเปิดโอกาสให้เด็กค้นหาตัวเอง เราเป็นคนนึงที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรแต่ชอบบ่นกับพ่อว่าอยากขายของ อยากได้เงินเองมาใช้มาอยากรบกวนเงินพ่อแม่ พ่อแกเลยแนะนำให้เรียนการตลาดเราก็เออออไปแต่ไม่รู้ว่าชอบไหม อีกอย่างคะแนนน้อย ไม่รู้จะติดแอดที่อยากได้หรือเปล่า 

0
กลัวๆ 19 เม.ย. 59 เวลา 01:03 น. 17

ไม่ต้องไปโทษเรื่องที่นั่งอย่างเดียวหรอกครับ เพราะปัญหาทุกอย่างมันเริ่มต้นมาจากระบบการศึกษาไทย ถ้าแก้ไขให้ได้มาตรฐานกว่านี้ ทุกอย่างก็จะโอกว่านี้ล้านเท่าพันเท่า !!!

0
สวยและรวยมาก 19 เม.ย. 59 เวลา 02:34 น. 18

พี่เป็นเด้ก 58 คนนึงที่มีความคิดจะซิ่ว สิ่งแรกที่อยากจะบอกน้องๆเลยคือ สาเหตุที่พวกพี่ซิ่วกันไม่ใช่แค่เพราะคณะที่เรียนไม่ใช่ตัวเอง มันมีหลายปัจจัย เช่น ไกลบ้าน ค่าใช้จ่ายมหาลัยนี้เยอะแยะเมื่อรวมค่ากินค่าใช้ต่างๆ เป็นต้น ซึ่งหลายคนพออ่านถึงตรงนี้อาจจะตั้งคำถามว่า "ถ้าไกลบ้านแล้วจะเลือกมาเรียนทำไม" หรือ "ค่าใช้จ่ายเยอะแล้วไปทำไม" ถ้าจะหาคำตอบของคำถามเหล่านี้ เราต้องมองย้อนกลับไปตั้งแต่จุดเริ่มต้นของค่านิยมคนไทยว่าถ้าสอบติดละจะเชิดหน้าชูตาพ่อแม่ ทำให้พ่อแม่ชื่นใจที่มีที่เรียนพอเอาตัวรอดแล้วค่อยจัดการต่อกับปัญหาทีหลัง ซึ่งค่านิยมแบบนี้แหละที่ทำให้เกิดเด้กซิ่วเยอะ เรียนอะไรก็ได้ขอติดไว้ก่อนใช่ไม่ใช่ค่อยว่ากัน เพราะเหตุที่เด็กถูกตั้งความหวังไว้จากสังคมว่าต้องติดมหาลัยนี้นู้นนั่น ซึ่งนี่ยังไม่รวมเหตุผลด้านอื่นๆ เช่น สีของมหาลัย, ค่านิยมของสังคมเกี่ยวกับการศึกษา หรืออะไรก็แล้ว เพราะเหตุเหล่านี้จึงทำให้เกิดเด้กซิ่ว หลายๆคนอาจจะว่ามันเกี่ยวอะไรกัน พี่จะยกตัวอย่างให้ดู สมมุติพี่แอดไม่ติด สิ่งแรกที่จะตามมาคือความคาดหวังของพ่อแม่ต้องพังทลายลงและหลังจากนั้นก็ถูกสังคมมองว่าลูกบ้านนี้ไม่เก่ง สู้คนอื่นเขาไม่ได้ และคนที่รับผลกระทบเหล่านี้ด่านแรกก็คือพ่อแม่ต่อจากพ่อแม่ก็คือพี่ ถ้าสมมุติสังคมมองว่าเด็กที่แอดไม่ติดเป็นเด็กที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาที่เพียงพอไม่ใช่มองว่าโง่ สู้คนอื่นไม่ได้ มันคงไม่เกิดการซิ่วค่ะ แต่ถ้าจะเปลี่ยนค่านิยมแบบนี้พี่ว่าน้องคงต้องเกิดอีกหลายชาติเลยแหละ เพราะค่านิยมคนเรามันไม่ได้เปลี่ยนกันได้ง่ายๆเพียงปีสิบปีหรือยี่สิบปี

4
เบื่อThailand 19 เม.ย. 59 เวลา 09:54 น. 18-2

ไม่ว่าอะไรหรอกครับ เรื่องซิ่วมันเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ที่ไม่ชอบคือรู้อยู่แก่ใจว่าได้เปรียบ แต่ไม่ยอมรับต่างหาก ไม่ได้พูดถึง คห.18 นะ พูดถึงพวกกระทู้เด็กซิ่วเก่าๆ

0
พลอย 19 เม.ย. 59 เวลา 11:47 น. 18-3

เห็นด้วยมาก พวกญาติกับเพื่อนของพ่อแม่ ถามจนท่านไปไม่เป็นเลย เราเองก็ทุกข์ทั้งรู้สึกผิดทั้งสงสารพ่แม่ รู้สึกผิดกับน้องๆที่เรามาซิ่วแข่งอีก หวังว่าคงมีคนเข้าใจบ้าง มันจุกจริงๆนะ

0
สวยและรวยมาก 20 เม.ย. 59 เวลา 00:22 น. 18-4

18-2 เราก็ค่อนข้างเห็นด้วยนะที่เด็กซิ่วค่อนข้างได้เปรียบ แต่มันก็มีข้อเสียเปรียบนิดนึงนะ เช่นการปั่นคะแนนให้สูงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งสิ่งที่เด้กซิ่วสามารถทำได้มีแค่การติดรับบตรงและปั่นคะแนนในสนามสอบ GAT-PAT มันก็ค่อนข้างยากเพราะ บางคนก็ติดรับตรงแล้วก็เทโอเน็ตเกรด สั้นๆ "งัว"

18-3 เราก็อยากซิ่วนะ แต่ที่บ้านไม่ให้ซิ่ว กลัวแอดไปละเขาไม่ยอมเราก็ไม่อยากให้ที่นั่งตรงนั้นมันเสียไปฟรีๆด้วยแหละ เศร้าจัง

0
Yeonkook 19 เม.ย. 59 เวลา 11:11 น. 19

ปีนี้ ที่นั่ง จุฬา และ มธ. ลดลง บางคณะ จริงค่ะ
ส่วนตัวคิดว่า มันไม่ได้ปิดโอกาสเด็ก 59 อย่างเราๆ มีโอกาสลุ้นได้
แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะเข้าคณะอื่น มหาวิทยาลัยอื่นไม่ได้
บางที คุณภาพ มันไม่ได้อยู่ที่มหาวิทยาลัย แต่มันอยู่ที่ตัวเราเองค่ะ สำคัญที่สุด
ถ้าเราสอบไม่ติด จริงๆ เราควรโทษตัวเองค่ะ ที่พยายามไม่พอเยี่ยม

0