Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เล่าชีวิตสถาปนิกในอเมริกาที่ถูกเลิกจ้าง มีเวลา 45 วันในการหางานใหม่กับเงินก้อนสุดท้าย!!

ตั้งกระทู้ใหม่




สวัสดีค่ะน้องๆ พี่ชื่อพี่จอมนะคะ จบจากสถาปัตย์ จุฬาฯ ตอนนี้มาทำงานเป็นสถาปนิกอยู่ที่อเมริกา เคยเขียนเล่าไปแล้วสองกระทู้


จากเด็กเรียนไม่เก่ง บ้านไม่รวย จนมาเป็นสถาปนิกที่อเมริกา (ไม่ง่ายเลย...)

เล่าชีวิตเริ่มทำงาน จนถึงวันที่ถูกเลิกจ้าง
http://www.dek-d.com/board/view/3629908/


จากกระทู้ก่อน เล่าค้างไว้จนถึงตอนที่ถูกเลิกจ้าง วันนี้จะมาเล่าต่อแล้ว...


ความเดิมตอนที่แล้ว พี่ได้ไปทำงานเป็นสถาปนิกที่อเมริกา ทำไปทำมาถูก เลย์ออฟ เพราะเศรษฐกิจอเมริกาไม่ดี หลายบริษัทลดพนักงานออก บริษัทพี่ก็ด้วย แน่นอนว่าต้องหางานใหม่


เนื่องจากว่าพี่เนี่ย เป็นคนไทยไปทำงานในอเมริกาใช่ป่ะ ไปทำงานต้องใช้วีซ่าไง แล้วพอเค้าไม่จ้างเราต่อ เรามีเวลาแค่ 45 วันในการหาผู้ว่าจ้างงานใหม่ ถ้าไม่ได้ก็ต้องออกนอกประเทศ… คือ!!! มีเวลาหางาน ทำตามฝันอะไรก็ตามแค่ 45 วัน!!! แก..แค่ฝันก็เรื่องนึง นี่...มีเวลาคว้าฝันให้แค่ 45 วันเท่านั้น!?  ชีวิต หรือ Reality Show?


ลองคิดดู ไม่ใช่แค่บริษัทเรา แต่ทั่วอเมริกา..ลดคนแบบเดียวกัน มีออฟฟิสสถาปัตย์ใหญ่มาก ในชิคาโก้ตอนนั้น ปลดคนรวดเดียว 150 คนในหนึ่งวัน..ทุกที่ ทุกวันในประเทศอเมริกาวันนั้น ปีนั้น มีแต่lay-off รายวัน ไม่จ้างคนใหม่ แค่สามารถคงอยู่ในบริษัทต่อไปได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าหางานได้ในจังหวะนี้...มีแค่สิ่งที่คนเค้าเรียกว่า ปาฏิหารย์…


ปีนั้น หลายคนเข้าใจตรงกันว่าคนโดน lay-off เป็นเรื่องปกติ แต่คนที่หางานใหม่ได้.. คือ ปาฏิหารย์  แต่ ปาฏิหารย์ .. พี่ว่า..เป็นคำที่ ส่วนตัวเลยนะ คือ “บั่นทอนกำลังใจ” เพราะเราทำอะไรได้วะ? ต้องรอมันมาเหรอ? ให้รอโชค? คือ ไม่มีไง.... และรอไม่ได้ไง 45 วัน Countdown แล้ว! อยากได้อะไร .. ทำ! 

เรามาอเมริกา 3 ปีมานี้ ไม่ได้อยู่เปล่าๆ เราสร้างงานดีดี ลับฝีมือเราตั้งเยอะ มันน่าจะช่วยให้เราไปหาที่ใหม่ได้ล่ะ ต้องลอง ไม่ลองไม่รู้! พี่ตัดสินใจว่า จะลุยต่อ!! 45 วันนี่แหละ



Countdown 45 วัน สร้างปาฏิหารย์ด้วยตัวเอง

45 วันนี้ไม่ใช่แค่วันหางานใหม่ แต่เป็นวันที่ต้องหาทิศทางใหม่ โดยที่เงินที่ได้มาก็ค่อยๆหมดไป ไม่มีเงินเดือนแล้ววววว (ปกติ เดือนชนเดือนไงแก... แล้วหลักๆคือ ต้องส่งเงินกลับไปให้แม่ทุกเดือน) มีแต่ก้อนสุดท้ายนี้ ที่จะใช้ทุกวัน และจะค่อยๆหมดไป  จังหวะแรก คือ เอาก้อนนี้แบ่งเก็บไว้ใช้ส่งให้แม่ก่อนเลย แล้วที่เหลือ หวังว่าจะหางานได้ทัน ไม่งั้นที่บ้านลำบากแน่ เพราะตอนนั้นพี่คนเดียวจริงๆเป็นเสาหลักของบ้าน เราต้องดูแลเค้า ความเครียดที่สุด มาจากตรงนี้มากกว่า 

และอีกส่วนนึง เงินก้อนสุดท้าย ก็ใช้มันลงทุน “โอกาส” บินไปทั่วอเมริกา ตั้งแต่แคลิฟอร์เนียยันบอสตัน ยอม ยอมเสียเงินไปสัมภาษณ์หลายที่ เพราะถือว่าเป็นการลงทุน ด้วยแค่เหตุผลเดียวว่า ยังมีโอกาสให้พยายาม ก็อยากจะพยายามจนนาทีสุดท้าย จนวันที่ไม่มีโอกาสแล้วจริงๆ


ช่วงแรกส่งไปหลายทีมาก บ้างก็ตอบ.. บ้างก็ไม่ตอบ ความหวังริบหรี่มาก พยายามติดต่อคนที่รู้จักเพิ่มเติม สอบถามสถานการณ์ ทุกที่ก็แทบไม่อยากจะรับ แค่พอร์ตฟอลิโอยังไม่เปิดก็มีเลย มันเป็นจังหวะที่ ความฝันกับความจริงดูเหวี่ยงต่างกันสุดขั้วเหมือนไม่มีทางเจอกันได้เลย

แต่เพราะหลังชนฝานี่แหละ ไม่มีอะไรจะเสียแล้วเว้ย! พี่เลย "ฝันมันให้สุด" 


พี่ส่งไปบริษัทที่อยู่สูงสุดบนหิ้ง ที่มิอาจเอื้อม ยิ่งกว่าที่ไปทำมา ที่พี่ได้ยินชื่อตั้งแต่เรียน นั่นคือ "Sasaki Associates inc” แต่เพราะด้วยความมีชี่อเสียงระดับโลกของเค้า.. พี่ไม่คิดว่าเราจะเอื้อมถึง 




ตอนนั้นปรึกษารุ่นพี่หลายคน จนได้มีโอกาสรู้จักพี่คนไทย ที่พี่เค้าเคยทำงาน Sasaki Associates Inc (แต่ออกมาเปิดของตัวเองที่บอสตันแล้ว) พี่เค้าบอกให้ส่งดู จะแนะนำกับคนในนั้น อย่างน้อยให้เค้า"ดู"งานเรา เพราะทางบริษัทเค้าอาจจะสนใจก็ได้ 
แค่เค้าสละเวลา ให้โอกาสยอม "ดู" ก็สุดยอดแล้ว ในภาวะเศรษฐกิจที่พอร์ตฟอลิโอโดนโยนทิ้งง่าย ๆ อีเมลไม่ได้รับการตอบกลับ และการโดนปฏิเสธตั้งแต่แม่งยังไม่หันมาดูชื่อเรา ขอแค่โอกาสเหลือบสายตามา"ดู"นี่แหละค่ะ ขอเท่านี้ จะทำให้ดีที่สุด!! 


เพราะเหตุนี้พอร์ตฟอลิโอของพี่เลยต้องทำให้ดีที่สุด ต้องกล้าด่าตัวเอง ว่าอันเก่าแม่งห่วย แม่งไม่ดียังไง ดีพอไหม ผลักจนได้...เวอชั่น “ส่ง Sasaki" (สำหรับใครที่สงสัยว่าอร์ตฟอลิโอที่ดี ควรจะเป็นยังไง อ่านอันนี้เลยค่ะ https://dreamaction.co/tag/portfolio/ )


ส่ง ไปแล้ว เหลือเวลาอีกไม่กี่อาทิตย์ ระหว่างนั้นก็สมัครที่อื่นต่อ ด้วยเลเวลเดียวกับที่ส่งไป Sasaki น่ะแหละ ทีนี้ได้รับการติดต่อมาจากบริษัท ในลองแองเจลิสแห่งนึง เค้าอยากให้บินไป ดูตัว สัมภาษณ์ พี่ก็ไป แต่ปกติเนี่ยออฟฟิศเค้าจะออกค่าเดินทางให้นะ เป็นเรื่องควรทำ แต่ในยุคนั้นไม่มีใครออกให้ อยากมาบินมาด้วยเงินคุณเองนะ 


เอาวะ! ซี้อโอกาส เงินทองไม่ตาย หาใหม่ได้ (แต่อาจจะใช้หนี้จนตาย..) แต่โอกาสตรงหน้าที่วันนี้มีได้เท่านั้น ไม่ได้มาอีก มันเป็นโอกาสวันนี้ ลงทุน! ไป!! ไปสัมภาษณ์ เค้าชอบเรามาก ตกลงรับเราวันนั้นเลย แต่รับแบบสายโหด คือ...เงินเดือนน้อย คือ เค้าบอกว่าจะให้เงินเดือนเราเท่าที่อยู่ที่เก่า ทีนี้ทำไงล่ะ LA นะค่าครองชีพคนละเรื่องกับยูทาห์ที่เคยอยู่นะจ๊ะ..

เค้าบอก.. “จะเอาหรือไม่เอา เศรษฐกิจแบบนี้ จ้างงานก็ดีแล้วนะ..” 


โห.. พูดงี้เลยเหรอเฮีย ว่าที่นายจ้างมาทรงนี้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มงานกัน ชั้นกลายเป็นทาสแน่ ..ทรงดูไม่สวยเท่าไหร่ ไม่มีทางเลือก.... คงต้องเอามัง... ตกลงใจ เอาวะ..


แต่แล้ว Sasaki ก็ส่งอีเมลกลับมาว่า บินมาเจอกันได้!!!! ทันพอดี 
กรี๊ด!!!!!! บินสิคะรออะไร! 





ไปถึง Sasaki Associates ได้พบกับ การสัมภาษณ์ที่ยาวนานที่สุดในชีวิต มันคือ…. 3 ชั่วโมง!! มันนานจริงๆ  รวมคนสัมภาษณ์เป็น Principal 3 คน กับ Senior Associate อีก 1 คน ง่ายๆคือ คนตัดสินใจทั้งหมดน่ะแหละ  ตอนสัมภาษณ์รู้สึกเลยว่า ต้องดึงเอาทุกสิ่งที่ดีในตัวเราออกมาให้เค้าเห็น ที่ตั้งใจทำงานฝึกมือมาตลอด 3 ปีไม่มีขาด เอามาเล่าวันนี้แหละ ถ้าไม่ทำเต็มที่อย่างนั้นคงไม่มีความมั่นใจ และที่ดีใจคือ ถามตอบได้หมด ไม่มีอะไรเสียใจแล้ว ไม่ได้ก็คือไม่ได้

“ตอนก่อนกลับเค้าก็ถามว่า ต้องการคำตอบวันไหน?” ไม่อยากจะบอก...คือ จะหมดเวลาแล้ว.. อีก 4 วันจะวันที่ 45 จ้า…อืมมมม… ยิ้มหวานพร้อมบอกว่า “Tomorrow Please” คือไม่มีเวลาแล้วจ้าาาาาาาา 

วันต่อมาบ่ายๆ Principal โทรมาบอกว่า “ยินดีด้วย รอทำงานกับคุณอยู่นะ”
เรานี่กรี๊ดในใจ แบบดีใจมากกกกกก ขอบคุณเค้ามากมาก ที่ให้โอกาสแม้ในเวลาที่สายอาชีพลำบาก  เค้าบอกว่า “เราต้อนรับคนที่มีความสามารถเสมอ” โอ้ยยยยยยยย ซึ้ง น้ำตาจะไหล


โคตรจะหนังแอคชั่น ถ้าเป็นแข่งบาสเกตบอลนี่คือ Buzzer Beat ชัดๆ 
เพราะอีก 3 วันที่เหลือคือต้องให้ทนายทำเรื่องเตรียมเอกสาร ต่ออายุวีซ่าจ้าาาาา โหโคตรจะมันส์ ชีวิตชั้นจะต้องลุ้นอะไรนักหนาวะเนี่ย โชคดีไป สุดท้าย ทัน! สุดท้ายก็ได้สิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำได้ ฝันที่ต้องใช้ความบ้าและความกล้าที่จะลองวิ่งเข้าหามัน ที่พี่ไม่รู้หรอก.. ว่าจะทำได้ไหม แต่รู้แค่ “ต้องลอง และต้องทำให้สุดตัว” 

พอผ่านมาได้ พี่คิดว่า พี่โชคดีที่เจอเรื่องนี้ ตอนที่ยัง “เด็ก” ทำให้สร้างภูมิต้านทาน หรือวัคซีนชีวิตตัวใหม่ ที่ทำให้เรามีประสบการณ์ในการล้มแต่เนิ่นๆ ต่อไปถ้าต้องล้มอีกครั้ง อย่างน้อยก็เคยเจอมาก่อนครั้งหนึ่ง ครั้งนี้โชคดีที่สุดท้ายเราผ่านมันไปได้ แต่ทำให้เรารู้ว่า เราจะประมาทไม่ได้เลย 

ต้องพัฒนาตัวเองเสมอ! อย่าได้ชะล่าใจ โชคดีที่ไม่เคยหยุดพยายาม พัฒนาตัวเองเสมอตั้งแต่วันแรกที่มาอเมริกา ทำให้วันที่ลำบากที่สุด โดยไม่ทันตั้งตัว ยังมีทุนความรู้และฝีมือที่ติดตัว ทำให้เราเอาตัวรอดผ่านวิกฤตไปได้

เงินทองได้มา ใช้..ก็หมดไป แต่ฝีมือที่ลงแรง ลงพลัง แลกกับเหงื่อไป มันไม่หายไปไหน มันอยู่กับเราไปตลอด ยิ่งใช้ยิ่งเก่ง และช่วยเราในวันที่ลำบากอย่างที่เราคาดไม่ถึง




พอได้เริ่มงานกับ Sasaki Associates Inc ก็ได้ทำโปรเจคใหญ่ยักษ์ อลังการ แต่การแข่งขันและการ Survival ในบริษัทสูงมาก คือ ต้องขยันจริงๆฮะ แต่งานก็ดีมากเช่นกัน 
งานที่ได้ทำที่ Sasaki เป็นงานแบบ Once in a lifetime คือคงหางานแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว จริงๆ เช่นงานนี้ เป็นงานวางวิสัยทัศน์การพัฒนาเมืองและพื้นที่ริมทะเลสาปเดดซีที่ประเทศ จอร์แดน ที่พื้นที่ยาวตลอดเดดซีไป 40 กิโลเมตร คือ ออกหลายเมืองว่าเค้าควรจะพัฒนาพื้นที่ในประเทศเค้ายังไง คือ งานช้าง ใหญ่มากมาก งานนี้พอทำเสร็จก็ได้รางวัลสุดยอดในสายอาชีพหลายรางวัลมาก เช่น National Honor Award in Regional and Urban Design (ของ American Institute of Architects) Honor Award: Analysis and Planning Category (ของ American Society of Landscape Architects)
ลองไปดูได้ที่นี่ค่ะ ถ้าเลื่อนไปข้างล่างจะเห็นชื่อพี่ด้วย อิอิ
http://www.archdaily.com/185096/a-vision-plan-for-the-dead-sea-sasaki-associates


กว่าจะได้งานดีดีแบบนี้ ก็แลกมาด้วยพลังอันมหาศาลยิ่งกว่าเดิม มาออฟฟิสนี้งานดี แล้วก็งานหนักกว่าเดิม แถมเพิ่มเติมคือการแข่งขัน และการเมืองก็สูงอีกด้วย แต่ทำให้ประสบการณ์ที่พี่ได้จากที่ทำงานที่สอง ในอเมริกาของพี่ เป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากก้าวแรกอีกมากเลยค่ะ

นี่คือเรื่องราวการผจญภัยของพี่ ในอเมริกา ที่กว่าจะมาได้ก็ย๊ากกยาก พอมาแล้วก็ไม่ได้มีอะไรง่ายอีก แต่มาเจอของยากกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำ เพราะตอนจะมา มันคือเดินหาฝันเดินช้าๆ ขอให้ถึง แต่ตอนมาอเมริกา -จังหวะนี้มันเป็นเหมือนหนังแอคชั่น อารมณ์ “วิ่งสู้ฟัด” ที่ต้องแข่งกับเวลา และแรงกดดัน ในวันที่ไม่มีอะไรแน่นอน 


ฟ้าให้โจทย์ใหม่พี่มา เหมือนกับฟ้าเค้ารู้ว่า.. “แกเคยเจอมาแล้ว แกจะผ่านไปได้” ดังนั้น หากน้องๆเจอปัญหา หรืออุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ขอให้ตั้งสติให้ดี อย่าท้อ อย่ากลัว อย่าลังเล และมุ่งมั่นทำในสิ่งที่เชื่อค่ะ หากวันนี้ไม่มีอุปสรรค ก็อย่าชะล่าใจ แต่ใช้ทุกวันให้คุ้มค่า เพราะโอกาสที่เราได้ในวันนี้ คือโอกาสที่มีแค่ในวันนี้เท่านั้น


พี่ไม่ใช่คนเก่ง พี่บอกตั้งแต่ตอนที่ 1 แล้ว แต่ว่าพี่ยอมรับว่าพี่ขยัน พี่พยายาม และพี่มีลูกบ้าเยอะ คือ ถึกว่างั้นแหละ และนี่อาจจะเป็นข้อดีที่ทำให้พี่ผ่านพ้นมาได้  พี่ว่าปาฏิหารย์มันไม่มีตัวตน เพราะมันไม่เคยเดินมาหาเราเอง แต่เราต่างหากที่ต้องสร้างมันขึ้นมาด้วยมือเราเอง 
ปาฏิหารย์ มันคือปรากฏการณ์ของความมหัศจรรย์ ความสำเร็จ ที่เกิดในวันที่คาดไม่ถึง แต่ปาฏิหารย์ มันเกิดได้จากการที่สร้างมัน  มันแลกมาจากความพยายามค่ะ ไม่ใช่การรอคอยโชคชะตา 
พี่หวังว่า เรื่องราวของพี่จะช่วยเป็นตัวอย่าง เป็นกำลังใจ ให้น้องๆและเพื่อนๆได้บ้างนะคะ ไม่จำเป็นต้องมาเป็นเหมือนพี่หรอก แต่เป็นสิ่งที่น้องต้องการ สู้เพื่อมัน และอย่าท้อถอย แม้ว่ามันจะยาก แต่ถ้าเราไม่ล้มเลิกก่อน มันจะไม่มีทางล้มเหลวค่ะ อย่าหยุดพยายาม อย่าเลิกเรียนรู้ เพราะชีวิตคือการเดินทาง
ถ้าสนใจอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับการแนวคิดในการตามฝัน การเผชิญอุปสรรค เตรียมตัวหางาน สมัครงาน ทำงานในสายอาชีพนี้ก็ไปอ่านบล็อคของพี่ได้ที่ https://dreamaction.co/ ค่ะ จะมีอัพเดทเรื่อยๆเลย หรือสงสัยก็อีเมลมาถามกันได้ที่ jom@dreamaction.co ค่ะ

ปล: สำหรับคนที่เคยถามให้ลิส คำศัพท์เกี่ยวกับสถาปัตยกรรม พี่ทำไว้ที่นี่แล้วนะคะ https://dreamaction.co/first-50-architecture-vocabulary/

แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

Desinger 27 เม.ย. 59 เวลา 01:41 น. 1

ยินดีด้วยครับที่ได้งานใหม่ได้ทันก่อนวีซ่าหมด ไม่งั่นมีหวังถูกส่งกลับไทยแหง่ คนไทยที่ทำงานในอเมริกาบ.ดังๆ ทั่งIT ทั่ง design มีเยอะมากๆเป้นพันได้ ถ้ามีคอนเนคชั่นบ้างแบบคุณมันก็ช่วยให้เข้าไปได้ไม่ยากเกินไป แต่แนะนำให้หาคอนเนคชั่นกับเอเจนซี่ไว้เยอะครับ ถ้าเราอยากเปลียนงานพวกนี้จะช่วยหาไห้เราทันที เพราะได้ค่าคอมถ้าเราได้งาน

0
fah98 28 เม.ย. 59 เวลา 00:57 น. 2

ชอบคำคมของพี่จอมมากๆ หนูติดตามพี่ตลอดจ้า พี่ส่งความรู้มาทางE-mail เยอะมากเลยย

1
jGal 28 เม.ย. 59 เวลา 08:13 น. 2-1

ขอบคุณมากมากเลยค่าา ที่ติดตาม ดีใจที่ชอบนะคะ
เย้ เย้เยี่ยม

0
oak-tree 28 เม.ย. 59 เวลา 10:52 น. 3

โหหหหหห อ่านแล้วทั้งลุ้นทั้งขนลุก พี่สุดยอดมากๆเลยค่ะ มาถึงจุดนี้ทั้งๆที่อายุยังน้อย    มีแผนเรียนต่อเพิ่มเติมไหมคะ

2
jGal 29 เม.ย. 59 เวลา 12:37 น. 3-1

ขอบคุณค่า 555
เรื่องเรียน..มีคิดไว้ค่ะ อยากเรียนมาก แต่ยังไม่มีตังค่ะ ที่ที่อยากเรียนมันแพง 555
สักวัน อันนี้เป็นฝันที่แปะไว้ก่อน ยังต้องใช้เวลา หาจังหวะก่อนจ้าตกใจ

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

ynss 5 พ.ค. 59 เวลา 14:20 น. 5

อ่านแล้วตื่นเต้น5555555 ดีใจด้วยนะคะหฯุอยากเป็นแบบพี่บ้าง พี่มีความขยันมากมากกกก

0
Gleamimg Littlebird 17 ก.ย. 59 เวลา 13:41 น. 6

ไม่รู้ว่าควรเรียกว่าอะไรนะพี่หรือน้าดี พี่ละกันนะคะ:) ขอชื่นชมความขยันของพี่ก่อนเลย เราอยากจะขยันๆแบบพี่บ้าง เราคิดว่าเรายังพยายามไม่เพียงพอ ยังมุ่งมั่นไม่พอ ยังตั้งใจไม่พอ เราเลยหกล้มระหว่างเดินทางไปตามความฝัน โคตรเจ็บเลยพี่ แต่ตอนนี้แผลเริ่มดีแล้วล่ะ แล้วก็กำลังคิดที่จะลุกขึ้นเริ่มเดินต่อไป และหวังว่ามันจะถึงสักวัน กลายเป็นว่ามาบ่นให้พี่ฟังสะงั้น แต่หนูอยากบอกว่าพี่เป็นไอดอลด้านเดินตามฝันของหนูอีกคนเลยนะคะ:) ขอให้พี่โชคดีและมีความสุขให้สมกับความขยันและความพยายามของพี่ค่ะ:)

0