Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

(ชวนคุย) เคยเป็นไหม 'โรคขี้อิจฉา' ?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ต้องบอกก่อนว่าพื้นฐานเบ๊บเป็นคนไม่ค่อยอิจฉาใคร ใครได้ดีเราก็ยินดีด้วยถ้าเขาทำมันได้จากฝีมือของเขาจริงๆ

แต่ตอนนี้ปัญหาสำคัญของเบ๊บในการพัฒนางานเขียนและแต่งนิยายให้จบของตนเองคือ 'ความอิจฉา' 

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกนี้มันเกาะกินจิตใจเวลาอ่านงานของคนอื่นที่เขามี 'ผลงานดีๆ' เบ๊บจะชอบมองว่า 'เธอก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันนะ ตรงนั้นก็ผิด ตรงนี้ก็ห่วย' ทั้ง ๆ ที่ความจริงที่เบ๊บรู้สึกอยู่ในใจก็คือ 'ของเขาดีกว่าเราเห็น ๆ'

บางทีเราก็คิดน้อยใจว่าทำไมของเราคนอ่านน้อยจัง ทำไมล่ะ ของเขาพล็อตก็เดิม ๆ ซ้ำ ๆ ของเรานี่สิพล็อตแปลกใหม่ ไม่เหมือนใครแน่นอน...แต่คือในใจลึก ๆ ก็รู้อีกนั่นแหละว่าเพราะอะไร คือเบ๊บลงไปแค่ตอนเดียวค่ะ แล้วก็ไม่ได้ลงอีกเลยจนถึงตอนนี้

หลังจากผ่านไปเดือนกว่า ๆ ความรู้สึกนี้มันบรรเทาลงไปนิดเดียว...นิดเดียวจริง ๆ เบ๊บอ่านนิยายของใครไม่ได้เลยเพราะถ้าอ่านเมื่อไหร่ความอิจฉาจะพุ่งใส่ทันที 

มันทำให้การพัฒนาภายในเดือนกว่า ๆ ของเบ๊บไม่มีเลยค่ะ บางทีก็คิดนะว่า ทำไมไม่เปลี่ยนความอิจฉาเป็นแรงผลักดันล่ะ ไปดูสิว่าเขาผิดพลาดตรงไหน เราผิดพลาดตรงไหน เอามาแก้ไขร่วมกันสิ อะไรประมาณนี้ แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่ 'ความอยากเอาชนะ' ค่ะ เหมือนกับอยากดังกว่าเขา แค่นั้นอ่ะ เหมือนนิยายไม่มีความหมายไปแล้ว แต่เบ๊บก็ยังรักที่จะเขียนอยู่นะคะ

สุดท้ายนี้ก็อยากรู้ว่ามีใครเคยเป็นแบบนี้หรือเป็นอยู่ไหม มีวิธีแก้ยังไงบ้าง เพราะไม่งั้นเบ๊บคงจะไม่มีโอกาสได้อ่านเพื่อพัฒนาอีกแล้ว...เศร้าใจ

ไม่ได้อยากประจานตัวเองหรอกนะคะ แต่อยากหาคนช่วยแก้ปัญหา คอมเมนต์แบบเปิดใจกันไปเลยค่ะ ขอที่อ่านแล้วแบบ จึก! ทำให้ความอิจฉามันมลายหายไปเลยนะ ไม่ว่ากันค่ะ

แสดงความคิดเห็น

>

32 ความคิดเห็น

วิลวี่⊙ω⊙ 3 พ.ค. 59 เวลา 10:08 น. 1

เอาแบบเปิดใจเลยนะ -w-
เราเคยเป็นค่ะ ตอนนั้นคือเลิกเสพงานทุกประเภท แล้วจมกับแค่ในกะลาน้อยๆของตัวเอง ตอนนี้ก็แอบเป็นอยู่นะบางที แค่ไม่เอามาฉุดให้เราเลิกเขียน ซึ่งตรงนี้เราว่าจขกท.แพ้ตั้งแต่เขียนแค่ตอนเดียว แล้วเอาไปเทียบกับคนอื่นเขา ที่อาจจะเขียนมานานกว่า ตั้งใจเขียนมากกว่า พยายามมามากกว่าที่เราเห็น ไม่ก็การตลาดดีกว่า //กระแสก็สำคัญนะ แต่ถ้าเขียนตามความชอบ เราจะมีความสุขมากกว่าถูกมั้ย ถ้าไม่ได้อยากเอาแค่คนอ่านกับยอดวิวอย่างเดียว

เพราะถ้ามัวแต่จมกับความอิจฉา อะไรมันก็ไม่เดินหน้า มัวแต่จมปรักกับเรื่องไร้สาระ คือทำได้แค่มอง แต่ไม่ทำอะไรก็จบแค่ที่มองเขาประสบความสำเร็จกว่าเราไปเรื่อยๆ

อิจฉาได้นะ แต่เอามาเป็นแรงผลักดันเถอะ อย่าจมไปแค่นั้น แล้วจะโดนมองว่าเป็นคนขี้แพ้ชวนตี
คิดว่าอยากดังแบบเขา ก็ทำไมไม่ทำล่ะคะ ออกมาลงมือเลย อย่าเอาแต่คิด ไม่งั้นต่อไปเขาจะไปไกลกว่านี้อีกนะ

1
เ ท พี เ อ น า ส 3 พ.ค. 59 เวลา 11:43 น. 1-1

ได้แต่มองเขาประสบความสำเร็จโดยที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย

เป็นอะไรที่แย่มากเลยค่ะ อารมณ์ประมาณขี้แพ้ชวนตีอย่างที่คุณบอกมาเลย อยากประสบความสำเร็จแบบนั้นบ้าง (ก็ทำสิเบ๊บบบบบ)

โกรธแล้วนะ

0
PunnJD 3 พ.ค. 59 เวลา 10:25 น. 2

ยังไม่ถึงขั้นโรคหรอกมั้ง ความอิจฉาเป็นเรื่องปกติของมนุษย์อะ เราไม่เคยอิจฉาเรื่องนิยายนะ เคยแต่อิจฉาพี่ ๆ ที่เขามีความฝันสอดคล้องกับความต้องการของคนที่บ้าน ที่บ้านก็จะซัพพอร์ตพวกเขาดีกว่าเราที่แหกคอกออกไป (ส่วนหนึ่งที่เขาไม่สามารถซัพพอร์ตเราได้ก็เพราะพวกเขาไม่ถนัดในสิ่งที่เราอยากทำด้วยมั้ง ถึงจะคิดแบบนั้นบางทีก็อดน้อยใจจนถึงขั้นอิจฉาในบางครั้ง แต่ความอิจฉามันก่อให้เกิด passion เล็ก ๆ ว่า "เออ ไม่มีคนซัพพอร์ต เราก็หาวิธีไปตามทางที่เราขีดเองก็ได้ (ฟร่ะ)")

คือเรางง ๆ นิดหน่อย แต่เราเดาว่า จขกท. คงจริงจังกับการแต่งนิยายมากจนเกินไป เลยรู้สึกว่าฉันก็ทำเต็มที่แล้วทำไมมันไม่ประสบความสำเร็จเท่าคนนั้นคนนี้นะ แต่อย่าลืมว่านิยายเป็นหนึ่งในเรื่องของ รสนิยม คนอ่านบางคนเขาชอบพล็อต บางคนชอบภาษา บางคนชอบอื่น ๆ เรื่องที่ จขกท. แต่งอาจจะดี แต่ไม่ตรงใจคนอ่าน แบบ คล้าย ๆ ช่างตัดเย็บเสื้อผ้าฝีมือดีแต่ไม่ต้องรสนิยมคนที่เข้าร้านเขาก็ไม่ซื้อ แต่ถ้าเรามั่นใจว่าของเราดีก็ทำต่อไป สักวันต้องมีคนที่ใช่เข้ามาเห็นผลงาน หรือ บางทีเรื่องที่ จขกท. แต่งมันยังไม่โอเคจริง ๆ แต่ด้วยอีโก้ของคนแต่งทำให้รู้สึกว่ามันดีแล้ว เลิศแล้ว พอมันไม่เป็นที่นิยมอย่างที่คาดก็เลยรู้สึกแย่ ถ้าเป็นกรณีหลังก็ต้องลดอีโก้อาจจะขอให้ใครช่วยดูงาน วิจารณ์งานให้

อืม แนะนำไม่ค่อยจะถูกเหมือนกันแฮะ 555 เราไม่ค่อยถนัดด้านอิจฉา กับ ริษยา สักเท่าไหร่ แต่เคยมีคนบอกว่า "ความอิจฉาทำให้ผู้หญิงสวยงามขึ้น แต่ความริษยาจะทำให้ผู้หญิงเสื่อมถอย" ดังนั้นเราคิดว่าแค่อิจฉาก็ไม่เป็นไรหรอก อย่าถึงขั้นริษยาไปทำร้ายใครเขาที่เราอิจฉาก็แล้วกัน

1
เ ท พี เ อ น า ส 3 พ.ค. 59 เวลา 11:46 น. 2-1

สงสัยเราจะ 'ริษยา' ล่ะมั้งคะ เสื่อมถอยมากมาย:(

พออ่านในเรื่องของอีโก้แล้วก็แอบคิดว่า บางทีอาจจะใช่ เพราะเราชอบคิดว่าเราอ่านมาเยอะ แค่นี้ทำไมจะแต่งไม่ได้ คงเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยจริง ๆ ยังไงถ้านิยายเรามันไม่โอเคจริง ๆ ก็คงต้องเริ่มกันใหม่ ค่ะ

ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำนะคะ

0
P - พุงปลิ้น 3 พ.ค. 59 เวลา 10:25 น. 3

ก็มีบ้างเหมือนกันนะ
แต่ยอมรับความจริงว่า "เราไม่ได้พยายามมาก เราจึงยังไม่สมควรได้รับ"

ผมไม่ค่อยอิจฉานิยายบนเว็บ เพราะมันเป็นเรื่องของดวงด้วย เป็นเรื่องของความนิยมแนวนั้นๆจึงจะอ่านด้วย การเข้าถึงก็ยาก ถ้าไม่ได้อัพถี่ๆ คนเข้าอ่านก็จะน้อย 

และอีกอย่างต้องยอมรับตัวเองให้ได้ว่าเรายังต้องปรับปรุงอีกจะหยุดอยู่กับที่ไม่ได้
การเขียนงานเขียนต้องมีการพัฒนาจะเอาเวลาไปนั่งอิจฉาคนอื่นมันจะเสียเวลาเปล่าๆ 

พยายามอย่าเอานิยายตัวเองไปเทียบกับนิยายออนไลน์มากนัก เพราะกลุ่มนักอ่านบนเว็บเป็นเพียงกลุ่มๆหนึ่งเท่านั้น ถ้าเราหวังว่าอยากจะตีพิมพ์ก็ควรมองคนที่เขาเขียนนิยายได้สำเร็จเป็นหนังสือออกมามากกว่า หรือพวกนิยายที่มีคนนิยมแพร่หลายแบบได้รับการตีพิมพ์ดู แล้วลองดูวิธีการเขียนการบรรยายของเขา แล้วเอามาปรับใช้กับตัวเองดีกว่า

อีกประการ การที่เราเอางานเขียนของเรามาเทียบกับงานเขียนของคนอื่นและแอบดูถูกคนอื่นในใจทั้งๆที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่านิยายเราไม่ได้ดีกว่า ผมบอกเลยว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่อันตราย ไม่ควรทำจนเป็นนิสัย เพราะจะทำให้เราเป็นเหมือนน้ำเต็มแก้ว และอาจทำให้เรากลายเป็นคนที่มีนิสัยไม่ยอมรับคำตำหนิแถมมาด้วย เพราะเหมือนเราชอบคิดว่าเรานี่แหละเก่งแล้ว

1
เ ท พี เ อ น า ส 3 พ.ค. 59 เวลา 11:49 น. 3-1

ใช่ค่ะ พยายามจะคิดว่าเลิกอิจฉาเถอะ มันเสียเวลาพัฒนาฝีมือของเรา แต่พอเวลาไปอ่านของคนอื่นทีไรแล้วมันรู้สึกแบบนี้จริง ๆ แก้ไม่ได้เลยค่ะ

อย่างที่คุณบอกมา เราอ่านนิยายบนเว็บไม่ได้ งั้นเราไปซื้อนิยายเล่มมาอ่านแล้วกัน ปกติก็อ่านที่ได้รับตีพิมพ์ค่ะ แต่ช่วงนี้ขัดสนเพราะยังไม่เปิดเทอม เลยต้องอ่านบนเว็บไปก่อน ส่วนหนึ่งเป็นเวลาอ่านคอมเมนต์แล้วมีแต่คนชมเขาแบบนี้ด้วยมั้งคะเลยเกิดความอิจฉาขึ้นมา

กลัวจริง ๆ ค่ะอาการน้ำเต็วแก้วเนี่ย รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ดีพอ แต่ก็ยังไม่เปิดอะไรเข้ามา คอยอ่านของคนอื่นเพื่อจับผิด แต่ก็ยังไม่รู้จะแก้ยังไงค่ะ คงต้องพยายามกันต่อไป ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ

0
Archetype 3 พ.ค. 59 เวลา 10:29 น. 4

ถ้ารู้ว่าตัวเองห้ามความอิจฉาไม่ได้ ตอนผลิตงาน เลิกอ่านงานคนอื่นสักพักก็ดี
(อย่าบอกนะว่า มือมันเลื่อนไปเปิดอ่านเอง แบบห้ามม่ายยยด้ายยยยย...ย)
แก้ง่ายๆแค่นี้แหละ
จะได้ไม่เสียเวลาแต่งเรื่อง แถมยังเสียเวลาไปอิจฉาคนอื่นอีก

3
เ ท พี เ อ น า ส 3 พ.ค. 59 เวลา 11:51 น. 4-1

ไม่เชิงห้ามไม่ได้ค่ะ แต่บางครั้งเราก็อยากฝึกสำบัดสำนวนเลยชอบไปเปิดอ่านของคนอื่น ซึ่งนั่นเป็นตัวจุดชนวนทำให้้ความอิจฉาเกิดขึ้นค่ะ สุดท้ายก็อ่านต่อไม่ได้ แล้วก็กลับมาแต่งไม่ได้ด้วย

นี่เลิกอ่านของคนอื่นไปสักพักแล้วค่ะ ก็อย่างที่บอกว่ายังแต่งต่อไม่ได้ เหมือนมันค้างคาใจมาก ไม่รู้คาใจอะไรเหมือนกันค่ะ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ

0
Archetype 3 พ.ค. 59 เวลา 13:39 น. 4-2

คุณอาจเอาความรู้สึกอื่นไปปนรึเปล่าฮะ ต้องถามตัวเองดีๆ
ขีเกียจ, ขาดแรงบันดาลใจ, กลัวไม่ประสบความสำเร็จ, กดดันตัวเอง, ตัน
กังวลเรื่องเรียน, ไม่มั่นใจในเรื่องของตัวเอง ฯลฯ

ลงไปตอนเดียว แล้วไปหมกมุ่นกับอะไรที่ไม่มีคำตอบ
ผมว่า ไม่ใช่ความอิจฉาอย่างเดียวแล้วล่ะ น่าจะขาดความมั่นใจ
ถ้าคุณมั่นใจ ในพล๊อตไม่ซ้ำใครในพิภพ คุณก็ไม่ต้องกลัวใครแล้ววว
เขียนออกมาให้โลกได้เห็นโลด ดีกว่ารอไป มีคนชิงเขียนตัดหน้า
(อย่าคิดว่า มนุษย์อีก6000 ล้าน จะคิดไม่ได้แบบคุณนะเอ้อ รีบเข้าๆ)

อนึ่ง อยากศึกษาสำนวน
ผมว่า กำตังค์ ไปซื้อนิยายที่ดังๆ อ่านดีกว่าครับ
( ของไทยนะ ไม่ควรเอาแบบแปล ถ้าอยากดูสำนวน)
น่าจะได้มาตรฐานกว่าในเวปมาก ไม่ต้องสุ่มเสี่ยง เสียเวลา
แถม อิจฉามืออาชีพ ก็พอรับได้ ใช่มั้ยละครับ

0
เ ท พี เ อ น า ส 3 พ.ค. 59 เวลา 13:45 น. 4-3

อ่านบรรทัดสุดท้ายแล้วแอบหัวเราะ ฮ่ะ ๆ

ถ้าถามว่ามั่นใจในเรื่องของตัวเองไหม? ก็มั่นใจนะคะ แต่มันเหมือน...บอกไม่ถูกเหมือนกันค่ะ แต่คิดว่าน่าจะมีหนึ่งในสักข้อที่คุณบอกมา เรื่องพล็อตก็ไม่เชิงมั่นใจว่าแปลกใหม่ขนาดในพิภพ แค่เท่าที่เคยอ่านมายังไม่มีแบบนี้มั้งคะ หรือไม่ก็อ่านมาน้อยเกินไป เพราะอ่านแล้ว 'อิจฉา' เนี่ยแหละ ฮ่ะ ๆ

กำตังค์ไปซื้อนิยายดัง ๆ อ่าน คงจะได้ทำแบบนั้นตอนเปิดเทอมนะ ปิดเทอมทานมาม่าต้มค่ะ :(

แต่ชอบจริง ๆ นะ 'อิจฉามืออาชีพ ก็พอรับได้ ใช่มั้ยล่ะครับ' ...หื้ออออ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ

รักเลย

0
Mckinley 3 พ.ค. 59 เวลา 10:54 น. 5

ถ้ายังมืดมนหนทาง
ก็ลองดูตัวอย่างของลุงก็ได้นะ


เรื่องยาวที่ลุงเขียน จัดว่าเป็นวรรณกรรมผู้ใหญ่แหกกฎที่สุดในเว็บเด็กดีแล้ว
งานเขียนไม่อาจเรียกว่านิยายตามท้องตลาด
ทั้งบรรยากาศเรื่อง วิทีนำเสนอ แปลกแยกกว่านิยายทั้งหมดที่คนในเว็บนี้เขียน

สามปีกว่าๆ เกือบสี่ปีที่เขียน ยอมรับว่าอุปสรรคมีมาก อุปสรรคใหญ่ที่สุดคือ
จะทำไงให้คนยอมรับ คนหมู่มากยังคุ้นเคยกับงานเขียนทั่วไป
กลุ่มน้อยเท่านั้นที่จะมาติดใจงานเขียนของลุง

แต่..

ใช่ว่าไม่มี ลุงอาศัย เขียนสม่ำเสมอ ลงสม่ำเสมอ สามวันลงที สองวันลงที
วันละไม่มาก แต่ให้คนอ่านค้นหาเจอเรื่องราวของลุงเป็นประจำ
มีโอกาสก็เผยแพร่ทางเฟสบุ๊กผ่านกลุ่มรับฝากนิยายบ้างอะไรบ้าง

ที่สำคัญคือ

เขียนให้ไปตลอดรอดฝั่ง เขียนเรื่อยไปอย่าหยุดเด็ดขาด

งานของลุงใช่ว่าเป็นงานที่คนยอมรับง่ายๆ เป็นงานที่ท้าทายใช้พลังใจสูงมากๆ
ล้มไม่ได้แม้ต้องรู้สึกท้อ เพราะเดินทางออกทะเลแล้วต้องไปให้ถึงฝั่ง
จะอยู่กลางมหาสมุทรตรอมใจตายไม่ได้

กว่าลุงจะมีกลุ่มติดตาม มันทรมานใจมาก เคยคิดอยู่ว่า เขียนแบบนี้ทำไม
แต่...
ความตั้งใจแต่แรก วันแรกที่ลงเรื่องยาว เมื่อเกือบสี่ปีก่อน มันบอกย้ำลุงเสมอว่า

ลงไปเถอะ...

เขียนไปเถอะ...

เขียนให้คนจดจำผ่านตาให้มากที่สุด เขียนให้คนอ่านจำเอกลักษณ์งานเราให้มากที่สุด

ยิ่งคนรู้จักเท่าใดยิ่งดีเท่านั้น จะยอมรับ ไม่ยอมรับ อย่าได้แคร์

ผลพวงของคนที่อ่านผ่านตางานของเราย่อมมีดีมากกว่าเสีย
อย่างน้อยหากใครลอกพล็อตไป คนที่จำพล็อตเราได้จะมาบอกข่าวเราเอง

ลงไปเถอะ ลงให้บ่อยๆ ลงต่อเนื่อง
เผยแพร่ในโซเชียลให้มากที่สุด ตามกลุ่มฝากนิยายต่างๆ ให้คนผ่านตามากๆ
มันมีประโยชน์ภายหลังแน่นอน


3
เ ท พี เ อ น า ส 3 พ.ค. 59 เวลา 11:55 น. 5-1

อยากลงอย่างสม่ำเสมอได้เหมือนลุงจังค่ะ แต่ปัญหาคือเบ๊บแต่งต่อไม่ได้ ไม่ทราบสาเหตุอย่างที่ตอบคห.บนไป เหมือนคาใจอะไรสักอย่าง

คาดว่าเรื่องนี้ที่เบ๊บแต่งเป็นเรื่องแรก ก็อยากได้กำลังใจมาก ๆ คงคล้าย ๆ กับของลุงที่แต่งนอกกระแส

สิ่งเดียวที่ทำได้คือสู้ต่อไปสินะคะ ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ

0
Mckinley 3 พ.ค. 59 เวลา 12:35 น. 5-2

ถ้าเรื่องที่เขียนมีการวางแผนมาก่อน วางพล็อตไว้แล้วไม่ว่าในกระดาษ ในหัว ก็จะเขียนออกมาได้ ต่อให้เขียนแย่ก็เขียนออกมาได้ แล้วค่อยเกลาแต่งภาษาทีหลัง
เรื่องที่ลุงเขียน วางพล็อตในหัว ตั้งแต่ปี 1999 ถึง 2012 แล้วเพิ่งตัดสินใจเขียนมื่อวัยแก่ สาเหตุคือกลัวความทรงจำในหัวสูญหายเลยเขียนออกมา

0
เ ท พี เ อ น า ส 3 พ.ค. 59 เวลา 13:07 น. 5-3

วางแผนมาไม่มากค่ะ เขียนแค่ปมหลักปมเดียวกับตอนไคลแม็กซ์ เพราะก่อนหน้านี้เขียนแนวรักแล้วเคยวางโครงเรื่องมาอยา่งดี แต่กลับเขียนต่อไม่ได้เพราะอารมณ์ไม่มี มันเหมือนกับเรารู้ทุกอย่างอยู่แล้วเลยไม่อยากเขียนน่ะค่ะ

คุณลุงวางพล็อตนานมากค่ะ ฮ่า ๆ ยินดีด้วยนะคะที่ในที่สุดก็ได้เขียนออกมา ได้ถ่ายทอดเรื่องราวสนุก ๆ ให้คนอื่นได้อ่าน

0
สุกิต 3 พ.ค. 59 เวลา 12:31 น. 6

น้าเคย ขี้อิจฉา เลยนะ

ไม่ใช่แค่แบบคนทั่วไปด้วย

คือ น้าว่า มันเป็นกันทุกคน แต่จะไม่มาก

ของน้า แต่ก่อนจัดได้ว่ามาก ถึงขนาด

เคยพูด-ดัน ก็เคย ตบหัว คนได้คะแนนสอบดีกว่า ก็เคย


เรียกว่า นิสัยไม่ดีเลยล่ะ

แต่จริง ๆ น้าก็พบสาเหตุแล้วล่ะ

ที่น้าเป็น เพราะน้าไม่มีข้อดี ของตัวเองจริง ๆ


ขณะที่คนอื่น เค้าเจอจุดเด่นตัวเอง

แต่น้าจะเป็นประเภทจับฉ่าย คือ พยายามกับทุกเรื่อง

แต่ไม่ดีเลยสักเรื่อง (และที่ไม่ได้เรื่องเลย คือเรื่อง พละกำลัง)


พอเราเจอคนประสบความสำเร็จ ในเรื่อง

ที่เค้าทำได้ดี แล้วเน้นตรงนั้น น้าก็ทำใจรับไม่ค่อยได้


น้ามาแก้นิสัยตัวเองได้จริง ๆ ก็ตอน

ที่ เพื่อนแนะให้หาอะไรเรียน ตอนอายุ 38 แล้ว

ก่อนหน้านี้ เป็นอย่างนี้เรื่อยเลย ทำให้น้า

ไม่ค่อยมีเพื่อน เพราะพูดไม่เข้าหูเพื่อน


รู้ไหม เวลาที่เรามีอะไรที่เราชอบจริง ๆ ทำอะ

อย่างน้า ก็คือ เรียนคณิตศาสตร์ที่ชอบ

กับ ภาษาคอมพิวเตอร์

น้าเรียน คณิตศาสตร์ ม.ปลาย เมื่อ ปี 56 นี่เอง

เพราะน้าเรียนพาณิชย์ เลยไม่เคยเรียน

น้าเรียนทางอินเตอร์เน็ต แล้วชอบ ภาษาคอม ก็ด้วย

ตั้งแต่นั้นนะ พอน้า มีความชอบตัวเองละ


เรื่องอิจฉาคนอื่น มาลดไปเลยอะ

แล้วเริ่มน้อยกว่า เดิมมาก คือ ตอนพี่ชาย

น้าเสียชีวิต ต.ค. ปีก่อน เพราะตอนนั้น

รู้สึกว่า มันไร้สาระ มาก ๆ เลย ที่เรา

จะมามัวอิจฉา ชีวิตคนมันสั้น อยากทำอะไร

ให้มีความสุข ก็ทำเลยดีกว่า


ตัวเรา ไม่ว่า ตอนอยู่ ตอนตาย ส่วนใหญ่

เราต้องอยู่กับตัวเองอยู่แล้ว ไปเทียบกับคนอื่น

แล้วมันได้อะไร คนที่ประสบความสำเร็จ

ในชีวิต อย่างพี่ชายน้า เค้าเป็นคนเก่ง เรียนดี

ทำงานดี ดูแลชีวิตตัวเอง ก็ดี แม้จะโสด (บ้านน้า

โสดเกือบทั้งบ้านล่ะ) เมื่อถึงเวลา เกือบสุดท้าย

ของชีวิต คนที่เราจะเห็น ก็จะมีอยู่ไม่กี่คน


พี่น้อง พ่อแม่ นางพยาบาล แล้วก็หมอ แค่นั้นเอง

แล้วเรา จะมานั่งคิดทำไม ว่าต้องประสบความสำเร็จ

หรือเปล่า สู้ทำสิ่งที่เราชอบด้วยความรัก ที่จะทำมันดีกว่า


ถ้าตอนนี้ ถามน้าว่าเลิกอิจฉา ได้หรือยัง

ก็คงไม่ทั้งหมด แต่ระดับที่เป็น มันก็ลด ไปมาก ๆ แล้วอะ

เรามีความสามารถ แค่ไหน เรารู้ตัวเองอยู่แล้ว

ถ้าเราจะเก่งขึ้นได้ไหม น้าตอบเลยว่าได้

แต่เราต้องแลกด้วยความพยายาม จริง ๆ มันแค่นั้นเองนะ

ความชื่นชมของคนอื่น อาจจำเป็น

แต่คนเราขาดไม่ได้ คือ ความภูมิใจ ในสิ่งที่เป็น

ถ้าเราไม่ใช่คนเลวอะไร น้าเชื่อว่ามันต้องมี

1
เ ท พี เ อ น า ส 3 พ.ค. 59 เวลา 13:05 น. 6-1

อ่านแล้วซึ้งค่ะ เบ๊บอาจจะยังพยายามไม่มากพอ มาอัพแค่ตอนเดียวแล้วก็หายไปเลย ไม่พยายามเขียนต่อ เพราะอ่านของคนอื่นไม่ได้แล้วก็เลยเขียนต่อไปไม่ได้ ตอนแรกอยากเลิกเขียน อยากเลิกอ่าน อยากหยุดทุกอย่างเลย แต่เรื่องราวในหัวมันเยอะแยะไปหมด รู้สึกอยากถ่ายทอดเลยกลับมาขอคำปรึกษากับคนอื่น ๆ นี่แหละค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ

0
Tatakai Kiyoshi 3 พ.ค. 59 เวลา 13:16 น. 7

เคยเป็นครับ ช่วงนั้นผมไปมองงานของนักเขียนคนอื่นที่มียอกวิวเยอะๆ มีคนติดตามเยอะ มีคอมเม้นต์เยอะๆ แล้วกลับมาดูงานตัวเอง ยอมรับว่าตอนนั้นความรู้สึกว่า แล้วเราจะไปสู้เขาได้ยังไงมันประดังเข้ามา 

แต่พอเรามาดูงานของตัวเอง เฮ้ย ก็ยังมีคนอ่านนี่ ผมก็เลยคิดได้ และก็หันมาจริงจังกับเรื่องการเขียนนิยายมากกว่า ยอดวิวคอมเม้นต์กดติดตามปล่อยให้มันเป็นเรื่องของคนอ่านไปดีกว่า เรามาหันทำงานให้ดีก่อนไหม ผมคิดอย่างนี้นะ 

ผมเคยท้อจนเรื่องเล็กๆ น้อย ๆ (ขอไม่บอกว่าเรื่องอะไร) จนไประบายให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็บอกว่าสู้ๆ คือช่วงนั้นเป็นช่วงที่ท้อที่สุดในการเขียนนิยาย แต่ว่าผมก็หันมองยอดวิวที่ผ่านๆ มา เดี๋ยวสิ ฝีมือเราก็ไม่ได้แย่นิ คนชมก็มีคนติก็มีคละๆ ไป แถมผมทำสิ่งที่ไม่เคยว่าจะทำได้ ผมแต่งนิยายมาไม่เคยแต่งอะไรแล้วยอดวิวทะลุหลักพัน เฮ้ย ดีใจโคตร ผมเน้นคำว่าอัพเป็นอัพ อัพวันไหนอัพวันนั้น สั้นยาวอัพ ถึงผมจะพูดว่าอาจจะไม่มีเวลามาอัพก็เถอะนะครับ

เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้นะครับ สู้ๆนะ 

1
เ ท พี เ อ น า ส 3 พ.ค. 59 เวลา 13:48 น. 7-1

ขอบคุณที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์และให้กำลังใจนะคะ ^^

ประโยคที่ว่า 'เฮ้ย ก็ยังมีคนอ่านนี่' มันทำให้เราคิดอะไรได้ขึ้นมา ฮ่า ๆ อย่างน้อยก็มีคนอ่านแหละเนอะ เรายังทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรเลย แล้วจะหวังมาดังอย่างเขาได้เช่นไรรร (ปาดน้ำตา)

เป็นกำลังใจให้คุณด้วยเช่นกันนะคะ

สู้สู้

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

จินต์ ลี. 3 พ.ค. 59 เวลา 13:56 น. 9

อ่านกระทู้นี้จบแล้วเปิดเฟซไปเจอคนแชร์มาพอดี เลยกลับมาแปะค่ะ อาจเป็นพรหมลิขิต (ฮา)


ที่จริงเราก็อิจฉาคนอื่นเหมือนกัน ;w; 

3
เ ท พี เ อ น า ส 3 พ.ค. 59 เวลา 14:00 น. 9-1

เหมือนตาสว่างเลยค่ะ ฮ่า ๆ

ปล.จับหนังสือหลายรอบมาก อยากได้ แต่ตังค์ไม่มีซื้อค่ะ พอดีแวะไปซื้อของใช้แล้วร้านหนังสืออยู่ข้าง ๆ ฮือ

0
จินต์ ลี. 3 พ.ค. 59 เวลา 16:41 น. 9-2

เป็นกำลังใจให้นะ อยากให้มีความสุข
ไม่ว่าจะคิดอะไร จะทำอะไรก็อยากให้แฮปปี้กับตัวเราเองก่อน > < .

0
ฟอกขาวถมดำ 3 พ.ค. 59 เวลา 14:21 น. 11

ถ้ามีเรื่องที่ผมจะอิจฉาก็มีแค่เรื่องเดียว คือความขยันของคนอื่นครับ /ทำไมตูไม่มีกับเค้าบ้างฟะ!!

เข้าเรื่องๆ ถามสักนิดละกัน จขกท.พอใจในตอนที่ 1 ของตัวเองรึยังครับ? (ผมเคยแต่งไม่ได้สักทีก็เพราะไปพะว้าพะวงกับตอนแรกๆน่ะ)

1
เ ท พี เ อ น า ส 3 พ.ค. 59 เวลา 14:42 น. 11-1

ยังไม่พอใจเท่าที่ไหร่ค่ะ ตอนนี้เลยกำลังรีไรท์อยู่

มันรู้สึกเหมือนยังไม่น่าตื่นเต้นเท่าที่ควร ยังไม่เร้าใจ ยังดึงดูดคนอ่านได้ไม่พอ แบบนี้น่ะค่ะ

0
Octory 3 พ.ค. 59 เวลา 14:22 น. 12

เคยเป็นนะ มันมาเป็นพัก ๆ นาน ๆ ที แต่ไม่ถึงกับเอามาเปรียบเทียบกับผลงานเราอย่างจริงจังจนเป็นทุกข์

วิธีแก้ ไม่ใช่การพยายามไปถามหาว่าทำอย่างไรถึงจะได้เท่าเขา เพราะองค์ประกอบมันมีมากมายแสนแปด

แต่วิธีแก้ที่สุดยอดที่สุดนั่นคือ... "การกลับไปถามตัวเองว่า... แรกเริ่มเราเขียนหนังสือเพราะอะไร เพราะเรามีความสุขที่ได้เขียนใช่ไหม?" นั่นก็เพียงพอแล้วมิใช่หรือ?

1
เ ท พี เ อ น า ส 3 พ.ค. 59 เวลา 14:44 น. 12-1

นั่นสินะคะ

เราเขียนเพราะอยาก่ายทอดเรื่องราว อารมณ์ ความรู้สึกที่เราจินตนาการขึ้น เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้จินตนาการถึงเรื่องที่เขียน มีความสุขที่ได้จรดปลายนิ้วลงบนคีย์บอร์ดแล้วสร้างโลกของตัวเองขึ้นมา

รู้สึกมันบ่อน้ำตาตื้นไงไม่รู้

เยี่ยม

0
SilverPlus 3 พ.ค. 59 เวลา 14:24 น. 13

เปรียบเทียบในเรื่องการดำเนินเรื่อง ฉากต่างๆ การเขียน การบรรยาย ได้อยู่ครับ

แต่ถ้าไปเปรียบเทียบ ยอดวิว พล็อตเรื่อง ผมว่ามันป่วยการนะ นอกจากจะไม่ได้อะไรแล้ว ความคิด อิจฉา ยังดึงเราหลงหลุมอีกต่างหาก

ทางที่ดีนะครับ หาผลงานที่เป็นแม่แบบไว้สักเรื่อง และระหว่างเขียนนิยาย ห้ามอ่านนิยายเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น ให้อ่านแค่เรื่องแม่แบบที่เราเลือกมาเท่านั้น

1
เ ท พี เ อ น า ส 3 พ.ค. 59 เวลา 14:48 น. 13-1

ฮ่า ๆ เราชอบเปรียบเทียบยอดวิวกับพล็อตแล้วก็การบรรยายน่ะค่ะ เวลาเราเริ่มอ่านของคนอื่นเราจะมองเรื่องการบรรยาย ใครบรรยายดีเราก็อยากอ่านต่อ แต่พออ่านไปมาแล้วกลับไปเปรียบเทียบเรื่องพล็อต ยอดวิว คอมเมนต์แทนเสียนี่

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ (คงต้องทำแบบนั้นเพราะอ่านของคนอื่นมากไม่ได้เลยจริง ๆ)

ตลกจัง

0
ScarletWhite 3 พ.ค. 59 เวลา 15:03 น. 14
ส่วนใหญ่จะอิจฉาคนที่เปิดพลอตมาแล้วก็ ... ปัง!!! 

พลอตคลิกคนก็อ่าน คนตามเยอะ บลาๆ แต่เรื่องการเขียนเมื่อเทียบกันแล้วก็อาจไม่ได้ต่างกันมาก ต้องยอมรับว่าของแบบนี้อยู่ที่ความเฮงด้วยค่ะ อีกอย่างทัศนคติของเรากับคนอ่านบางทีมันไปคนละแนว ช่วยไม่ได้ที่ของนักเขียนท่านอื่นจะตรงใจมากกว่า ดูแค่ยอดวิวก็ทำให้เรารู้สึกว่า อืม... ในเมื่อยอดวิวยอดแฟนสู้คนอื่นไม่ได้ ทำไมเราไม่เอาจุดแข็งของเรามาสู้ล่ะ 

แก้ไขด้วยการเลิกดูของคนอื่นโฟกัสแต่ตัวเองก็พอ เพิ่มความใส่ใจ ความขยัน ความตั้งใจ ทั้งหมดนี้ มาเพราะความอิจฉาล้วนๆ ค่ะ คิดแล้วก็ตลกดีนะคะ

ถ้าหากสิ่งที่เราทำอยู่เรียกได้ว่าดีแล้ว ทุกครั้งที่กระทำการครั้งต่อไปควรทำให้มันดีกว่าเดิมค่ะ

ทุกวันนี้มีแฟนที่ตามตลอดสักสิบยี่สิบคนเราก็โอเคแล้ว เราต้องการแฟนคลับที่อ่านงานเรา เพราะเราเขียนได้โอเคจริงๆ มากกว่าค่ะ หลายคนเป็นนักอ่านเงาที่จะเมนต์ทีก็ไม่ได้ใช้เมมเบอร์คอมเมนต์ แต่ใส่ลายเซ็นไว้ให้เราจำได้ กำลังใจชั้นเยี่ยมไม่ได้มาจากจำนวนคนที่เยอะค่ะ แต่มาจากคนที่เห็นคุณค่าในงานของเราเหล่านี้ ^^
3
เ ท พี เ อ น า ส 3 พ.ค. 59 เวลา 15:25 น. 14-1

ความอิจฉาทำได้เยอะ ทั้งในด้านดีและด้านไม่ดี แต่เหมือนของเราจะไปในทางด้านไม่ดีนะคะ ฮ่ะ ๆ เหมือนเราไม่เปิดรับนิยายคนอื่นให้มาพัฒนาตัวเองเลย...เศร้า

ก็จริงนะคะในเรื่องกำลังใจ เพราะฉะนั้นเราจะพยายามให้มากขึ้นค่ะ เผื่อจะมีใครเห็นคุณค่าในงานของเราบ้างง

ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ

รักเลย

0
ScarletWhite 3 พ.ค. 59 เวลา 15:27 น. 14-2

คิดถูกแล้วค่ะ ^^

อย่างหมวดที่เราเขียน เราก็ไม่ค่อยได้เข้าไปอ่านของคนไทยหรอกค่ะ เราอ่านแต่นิยายแปลซะส่วนมาก เพราะว่าจะได้เลิกคิดเปรียบเทียบและอิจฉา บางทีความสำเร็จของแต่ละคนไม่เท่ากันค่ะ เป้าหมายตอนแรกตั้งให้มันเล็กๆ แล้วค่อยขยายใหญ่ขึ้นจะดีกว่าเนาะ ^^

0
เ ท พี เ อ น า ส 3 พ.ค. 59 เวลา 15:33 น. 14-3

งั้นเป้าหมายแรกของเรา รีไรท์บทแรก ให้เสร็จก่อนแล้วกันค่ะ

เล็กสุด ๆ แล้ว ฮ่ะ ๆ
ตลกจัง

0
Vinzerney 3 พ.ค. 59 เวลา 17:59 น. 15

คือเราก็เคยเป็นแบบ จขกท. นะ แบบว่าเราแต่งนิยายด้วยกันกับเพื่อนอีก 3 คน สถานที่ในเรื่องเดียวกัน โรงเรียนในเรื่องเดียวกัน แต่คนละมุมมองของตัวละคร ซึ่งแต่ละคนมีตัวละครของตัวเอง เราก็มีตัวละครของเรา เราและเพื่อนอีก 3 คน จะผลัดกันอ่านเพื่อหาคำผิด เพื่อหาข้อบกพร่องของบทความของเพื่อน เหมือนประมาณช่วยวิจารณ์นั่นแหละค่ะ เราอ่านของเพื่อน แล้วรู้สึกอิจฉาเบาๆ ว่าทำไมของเขาแต่งดีจัง ของคนนั้นก็แต่งดีจัง ภาษาสวยมากก บางครั้งมีกลอนด้วย ความอิจฉาเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำไมของเราไม่ดีแบบของเพื่อนนะ เราไม่มีความสามารถเหรอ? เลยพยายามลอกเลียนแบบสำนวนการเขียนของเพื่อน ฮ่าๆๆๆ(นิสัยไม่ดีไม่ควรเอาเป็นตัวอย่าง) แต่พอแต่งๆไปมันยากมากที่จะเขียนสำนวนแบบคนอื่น เลยลบทิ้งเหลือแต่แนวการเขียนของตัวเอง แล้วรู้สึกไม่อยากแต่งเอามากๆ แต่พอมาลองอ่านย้อนนิยายของตัวเองใหม่ตั้งแต่เริ่ม เลยรู้ว่าเรามีข้อบกพร่องตรงไหน ควรแก้ไขตรงไหน มันถึงจะสนุก ตอนนี้เราเลยไม่อิจฉาใครแล้ว เราชอบแนวการเขียนของตัวเองมาก และไม่อยากเปลี่ยน เห็นบทความอื่นได้คอมเม้นท์เยอะ ได้แฟนคลับเยอะ เราก็ไม่สนใจอะไร แค่ดีใจกับเขาด้วย ตอนนี้ขอแค่แต่งนิยายที่เรารักจะมีคนอ่านหรือไม่มีคนอ่านก็ไม่เป็นไร 
   จขกท. ก็ลองหาข้อบกพร่องของนิยายของตัวเองแล้วปรับแก้ไข มันอาจจะดีขึ้นก็ได้นะคะ เป็นกำลังให้ สู้ๆค่ะ


แต่ไม่รู้ที่เราพล่ามมาทั้งหมดจะช่วยไร จขกท.ได้หรือเปล่า 5555 รู้สึกออกนอกเรื่องไปเยอะ ไม่ว่ากันเนอะ

3
เ ท พี เ อ น า ส 3 พ.ค. 59 เวลา 18:05 น. 15-1

จุดบกพร่องคงมีเยอะประมาณเวิ่นเว้อเลยแหละ แหะ ๆ

แต่ประเด็นสำคัญคือ 'เราไม่รู้จุดบกพร่องของตัวเอง' นี่สิคะ ! ฮือ อย่างเดียวที่รู้คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของสำนวน แต่ยังไงก็จะพยายามแก้ไขในเรื่องี่รู้ไปก่อนแล้วกันนะคะ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและที่มาแชร์ประสบการณ์ค่า อ้อ ขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยนะคะ คุณเองก็สู้ ๆ เช่นกันค่ะ

รักเลย

0
Vinzerney 3 พ.ค. 59 เวลา 18:14 น. 15-2

จุดบกพร่องของ จขกท. อาจะไม่เยอะก็ได้นะคะ ลองอ่านดู ว่าตอนที่เราอ่านเห็นภาพตามที่เราตั้งใจสื่อให้คนอ่านมั้ย อ่านแล้วงงบางจุดมั้ย แบบวกวนไปมาหรือเปล่า อะไรทำนองนั้น คือลองสวมบทเป็นนักอ่าน ไม่ใช่นักเขียน ไม่อคติอะไรทั้งสิ้นกับนิยายที่อ่านและไม่เข้าข้างนิยายตัวเอง ของเรายังดีที่มีเพื่อนคอยอ่านให้แล้วช่วยวิจารณ์ ถ้าไม่ดีก็แก้ใหม่จนเราคิดว่าแล้วค่อยลงให้นักอ่านอ่าน เราอยากให้เขาอ่านในสิ่งที่ดีที่สุดที่เราตั้งใจเขียน ไม่สะดุดกับคำผิดหรือไม่งงกับที่เราเขียน แต่มันก็มีข้อผิดพลาดบ้างแหละค่ะ ค่อยๆแก้ไขไปเรื่อยๆ จขกท. ลองให้เพื่อนที่ชอบนิยายลองอ่านของตัวเองดูสิคะ เพราะคนอ่านจะไม่เข้าข้างเราเหมือนเราอ่านเองแล้วเข้าข้างตัวเอง
ของเรากว่าจะลงได้แต่ละบทนี่แก้ไขอย่างต่ำ 3 รอบ แห่ะๆ

อย่ายอมแพ้นะคะรักเลย

0
เ ท พี เ อ น า ส 3 พ.ค. 59 เวลา 19:10 น. 15-3

เป็นคำแนะนำที่ดีค่ะ เราจะลองให้เพื่อนอ่าน เพราะก่อนหน้านี้แต่งนิยายรักให้เพื่อนอ่านแล้วเพื่อนชอบ ก็หวังว่าเพื่อนจะชอบแนวแฟนตาซีของเรานะคะ ฮ่า ๆ

ขอบคุณทั้งสำหรับกำลังใจและคำแนะนำมาก ๆ เลยนะคะ
รักเลย

0
Whiteflower Ri 3 พ.ค. 59 เวลา 19:01 น. 16

อยากให้มองกลับมาที่ตัวเองก่อนนะ  ถ้าลงแค่ตอนเดียว มันเป็นเรื่องธรรมดามากกกกกกกกก ที่แทบไม่มีคนอ่านค่ะ มันเป็นเช่นนั้นเอง  ต้องลง 7-8 ตอนขึ้นไป ถึงจะมีคนตามอ่านบ้างนะคะ  ของเราเองก็มีคนตามอ่านประมาณ 20 คนเอง ลงถึงตอนที่ 14 แล้ว แต่เป็นคนตั้งเป้าไว้ต่ำเสมอ เพราะรู้ว่า ไม่เก่งเท่าคนอื่นเขา  มีคนอ่าน 10 คนก็พอแล้ว ขอแค่นี้ ฮา... เราลงมาปีหนึ่งเต็ม ๆ แล้วนะ ก็ได้แค่นี้เองอ่ะ

ถามว่า อิจฉามั้ย ก็มีนิดหนึ่ง  แต่ไม่มาก เพราะยอมรับกับความสามารถตัวเองมากกว่า  แต่ก็มีบ้างที่มีคนติดตามอ่านงานเขียนของเราอยู่นะ เราก็งง มีด้วยอ่ะ บางคนมาแอ๊ดเป็นเพื่อน  ก็ถามเขาว่า ทำไมถึงมาแอ๊ดเป็นเพื่อนเราเหรอ  เขาก็บอกว่า ติดตามนิยายเราอยู่นะ  บางคนก็ถามเขาว่า  มาอ่านเรื่องเราได้ไง  (เพราะคิดว่า มันยากที่ใครจะหาเจอ ฮา...)  เขาบอกว่า  ตอนนั้นมันติดท็อปใน 100 เรื่อง ว้าวววว แต่ไม่รู้ว่าติดท็อป 100 อยู่กี่นาที หรือกี่ชั่วโมงนะ ฮา...

หลาย ๆ คนเลยมาบ่นว่าไม่มีคนอ่าน  ก็เพิ่งลงแค่ตอนเดียว  บางคนก็เดือนเดียว  มันต้องลงเป็นปีโน่นนนนนนนนนนนนนนนนนน  และต้องลงหลาย ๆ ตอน  เออ ถ้า 20 ตอนมาบ่น จะไม่ว่าเลยอ่ะ ><

อย่าเพิ่งบ่น  ทำให้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุดก่อน  ถ้าหยุดเขียนก็ไปต่อไม่ได้ ก็เท่านั้นแหละ

4
เ ท พี เ อ น า ส 3 พ.ค. 59 เวลา 19:08 น. 16-1

มันก็จริงค่ะ แต่ตอนที่เกิดอารมณ์อิจฉา ไอเรื่องพวกนี้คิดไม่ได้เลยจริง ๆ ฮ่ะ ๆ ที่สำคัญเรารู้ตัวเองด้วยว่าลงไปแค่ตอนเดียว แถมไม่แต่งต่อ แล้วใครจะมาติดตามไม่ทราบบบบ ... แต่มันห้ามความรู้สึกไม่ได้จริง ๆ นะ

โอเคค่ะ เราจะไม่บ่น เราจะทิ้งความรู้สึกแย่ ๆ นั้นออกแล้วทำต่อไป ทำให้เต็มที่ก่อน เราจะไม่หยุดเขียนค่ะ เพราะเรารักมัน เราใฝ่ฝันในการที่จำทำมันให้สำเร็จ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะที่ช่วยเรียกสติ ฮ่าา..

รักเลย

0
Whiteflower Ri 3 พ.ค. 59 เวลา 19:17 น. 16-2

มีบางคนเขาบอกว่า เขาไม่มีแม้แต่คอมเม้นท์เดียว เขาก็ยังเขียนมาได้ เราว่า เขาสุดยอดมากกก และเขารักการเขียนจริง ๆ นะ บางคนยอดวิวเยอะ มีแฟนคลับแยะ เป็นร้อยเลยนะ ยังมาบ่นว่า ไม่มีคนอ่าน โอ้วมายก็อด แล้วเราที่มียอดวิวแต่ละตอนแค่ 20-30 มันไม่แย่กว่าเหรอ แต่เราไม่เคยบ่นนะ ไม่เคยตั้งกระทู้โฆษณาด้วย

ของเราถึงจะยอดวิวไม่มาก แต่คอมเม้นท์เยอะกว่า คนได้ยอดวิวสูง ๆ บางคนอีกนะ มีคนแอ๊ด Fev เยอะ แต่เราว่า เขาไม่ได้ติดตามอ่านหรอกมั้ง มีติดตามอ่านจริง ๆ อยู่ไม่กี่คน ถ้าเขาไม่อ่านจริง ถอน Fev ไปก็ได้เราไม่ว่า เราอยากได้คนที่อ่านจริง ๆ ขอแค่ 10 คนก็พอ ^^

สู้ ๆ จ้า เขียนจบ จะได้ส่งไปให้ร้านเขาวิจารณ์ได้ ส่ง สนพ ก็ได้ แต่ถ้าหยุด ก็ไปต่อไม่ได้นะ

0
เ ท พี เ อ น า ส 3 พ.ค. 59 เวลา 20:23 น. 16-3

ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ เราคงต้องสู้ต่อไป ความใันเราคิอได้ตีพิมพ์ค่ะ หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะคะ

0
Whiteflower Ri 3 พ.ค. 59 เวลา 21:02 น. 16-4

บางคนเขาเขียนแบบไม่ลงเวปเลย แล้วเสนอ สนพ. ทีเดียวเลย แต่เราก็ยังคิดว่า ลงเวปดีกว่า เพราะได้ฟังความเห็นของคนอื่นด้วย

มีอะไรต้องพัฒนาอีกเยอะเลยล่ะ ^^

0
Aida 3 พ.ค. 59 เวลา 19:37 น. 17

เพิ่งหายจากอาการนั้นเมื่อไม่นานนี้เองค่ะ เมื่อก่อนอิจฉานางมากกก ทั้งๆที่ของเขาดีกว่าเห็นๆ ติดอันดับทุกเรื่อง
แต่ตอนนี้เป็นยังไงน่ะเหรอคะ หึๆ เสพติดนิยายของนักเขียนคนนั้นเข้าแล้วล่ะค่ะ กำลังตามเก็บนิยายเล่มก่อนๆ(เป็นเอามาก)
ส่วนงานของตัวเองพักไว้ก่อน ขอทำตัวเป็นนักอ่านอีกครั้ง อิอิ

2
เ ท พี เ อ น า ส 3 พ.ค. 59 เวลา 20:25 น. 17-1

กลัวการเสพติดนิยายคนอื่นจังค่ะ ฮ่ะ ๆ เดี๋ยวจะอยากเป็นนักอ่านโดยที่ขี้เกียจเป็นนักเขียนไปเลย

0
Aida 4 พ.ค. 59 เวลา 19:29 น. 17-2

ต้องดึงสติตัวเองเลยทีเดียวค่ะ ตลกจัง

0
Zeafy 3 พ.ค. 59 เวลา 21:58 น. 18

เหมือนกระทู้สารภาพบาป 555 เคยเป็นค่ะ

อ่านแล้วบับ เอจที่ติไปหมด แต่พอมาอ่านของตัวเอง...ที่ติเยอะกว่า กร๊ากกก 555

ตอนนี้อารมณ์นั้นเบาบางลงจนแทบไม่เหลือแล้วละค่ะ เพราะทำใจได้แล้วว่า...เราอยากลงช้าเอง

บวกกับ ตอนนี้ดองนิยาย อารมณ์พวกนั้นเลยหายไป เพราะตอนนี้เน้นเสพนิยายมากกว่า555

1
แพรทิตา 3 พ.ค. 59 เวลา 22:21 น. 19

เราก็เป็นนะ  แต่เปลี่ยนจากความอิจฉา มาดูการใช้ภาษาของเขา  ใช้ภาษายังไง บรรยายยังไง ทำไมคนอ่านถึงชอบ เราก็มามองดูงานของตัวเองพอมองเห็นจุดบกพร่องก็แก้ไขและปรับปรุงด้านภาษาให้ดีขึ้น  บางทีแอบสังเกตเห็นภาษาเขาสวยก็แอบจดไว้และลองมองหาภาษาในแบบตัวเองดู
ตอนนี้อ่านนิยายเขาไปหมดแหละค่า จำภาษามาอ่านหลายเรื่องการซึมซับภาษาดีๆก็มีมาเอง งานเขียนเราก็จะดีขึ้นค่ะ  
#อย่ากังวลว่าเจ้าของภาษาที่เราไปอ่านจะหาว่าเราลอก  เพราะเราจะมองเห็นภาษาเราเองค่ะ

1
เ ท พี เ อ น า ส 4 พ.ค. 59 เวลา 15:07 น. 19-1

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ เราจะพยายามไม่คิดถึงเรื่องความสำเร็จของเขา เผื่อจะไม่อิจฉา ฮ่าา

เราจะพยายามพัฒนาฝีมือของตัวเองไปเรื่อย ๆ ค่ะรักเลย

0
peiNing Zheng 3 พ.ค. 59 เวลา 23:39 น. 20

เป็นคนเขียนที่มีชื่อเสียง ได้รับการยอมรับ มันมีหลายปัจจัยมากมายขอรับ

อย่างแรกสุด สำคัญสุด คือ ลักษณะส่วนตัวและมุมมองของคนเขียนคนนั้น เพราะมันคือตัวกำหนดสิ่งที่เกิดต่อมา

อย่างที่สอง ความสามารถในการถ่ายทอดความคิด

และอย่างสุดท้าย ที่อย่างแรกนั่นไม่สามารถกำหนดได้ นั่นคือ "ดวง" ขอรับ

สำรวจตัวเองดูว่าอะไรที่ท่านทำได้ อะไรที่ท่านทำไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างสุดท้าย จริงๆ ใช้คำว่า "ดวง" ก็ใช่ในระดับหนึ่ง แต่คำที่เหมาะกว่าก็คือ "จังหวะชีวิต" ขอรับ

"จังหวะชีวิต" ของแต่ละคนแตกต่างกัน มีผู้ใหญ่ที่ข้าน้อยนับถือเคยเปรียบเทียบให้ฟังว่าชีวิตแต่ละคนเหมือนนาฬิกา บางคนเกิดมาที่เลข 3 ดังนั้นช่วงวัยเด็กออกแนวตกลงๆ ตลอด จนกระทั่งผ่านเลข 6 ไปแล้ว ชีวิตของเขาจึงดีขึ้น บางคนเกิดมาก็เลข 6 เลย ดังนั้นในช่วงเริ่มต้นจึงอยู่ในขาขึ้น กระทั่งเลยครึ่งชีวิตไปก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ

ชีวิตมันอาจจะเป็นเหมือนนาฬิกาจริงหรือไม่จริงก็ได้ แต่สิ่งที่เห็นชัดก็คือ มันมีขึ้น มันก็มีลง

สิ่งที่ดีที่สุดในการตระหนักเรื่องนี้คืออะไรรู้ไหมท่าน? มันคือสิ่งที่ทำให้เราเตรียมพร้อมกับ "ความย่ำแย่" ที่กำลังจะมา และเตรียมพร้อมกับ "ความเจริญ" ที่อาจจะเกิด

"ความย่ำแย่" น่ะ ช่างมันไปก่อนเพราะไม่ได้ไว้ตอบคำถามของท่าน สิ่งที่ข้าน้อยสนใจคือ การเตรียมความพร้อมกับ "ความเจริญ" มากกว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่เราเตรียมรับมันได้คืออะไรทราบไหมขอรับ?

มันคือ 1. สมองหรือความสามารถ 2. เม็ดเงิน

ท่านจะอิจฉาใครก็อิจฉาไปเถอะขอรับ คนที่ท่านอิจฉาตอนนี้นาฬิกาเขาอาจจะอยู่ที่เลข 9 ก็เป็นได้ ส่วนตอนนี้ นาฬิกาแห่งโอกาสเรือนนี้ในชีวิตของท่านอาจจะอยู่ที่เลข 4 แต่ไม่วามันจะเป็นเลข 4 จริงหรือไม่ แต่มันจะมีสักวันที่เป็นวันของท่าน เป็นวันที่โอกาสเข้ามา คำถามคือ ในระหว่างที่ท่านรู้สึกอิจฉาต่อใคร ท่านได้เตรียม "สมอง" และพัฒนา "ความสามารถ" เตรียมไว้เรียบร้อยหรือยัง

ถ้ายังก็เตรียมไว้เสียขอรับ เตรียมไว้ให้มาก กักตุนมันไว้ให้มากเพื่อที่ว่าเมื่อไรที่โอกาสนั้นมาถึง ท่านมีแรงพอที่จะคว้ามันเอาไว้ได้อย่างมั่นคง (มันอาจจะฝืนใจอยู่บ้างถ้าต้องเจอกับสิ่งไม่ชอบ แต่อะไรที่ตามใจมันก็ไม่พัฒนาป่ะท่าน)

ท่านจะพัฒนามันโดยการยึดเอาแรงผลักดันจากความอิจฉาก็ตามสะดวก จะพัฒนามันจากความชอบของท่านก็ตามสบาย ไม่ต้องแบ่งแยกมันขนาดนั้นก็ได้ท่านว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่ควรเป็น อันนี้คือสิ่งที่ไม่ควรเกิด

จะชอบ จะชัง จะอิจฉา จะวางเฉย ทุกอย่างล้วนเป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ แค่รับรู้ว่ามันมีอยู่ ท่านกำลังเป็นอยู่ อายุยังน้อยก็เรียนรู้มันไปเถอะขอรับ มีอะไรหลายอารมณ์ที่ท่านต้องเผชิญกับมันอีกเยอะ

ไม่จำเป็นต้องคิดลดละเลิกอิจฉาใครหรอก เพราะสุดท้ายธรรมชาติของมนุษย์ไม่ค่อยชอบเจ็บตัวนาน เมื่อถึงเวลาที่เราทนไม่ได้ มันจะปล่อยอารมณ์นั้นไปเอง ยิ่งไปบังคับ ยิ่งไปฝืนคิด มันรังจะอยู่กับตัวนานกว่าที่ควรเป็น แล้วข้าน้อยว่าก็ไม่เห็นจะต้องตั้งใจหยิบมันไปเป็นแรงผลักดันอะไรถ้ามันไม่ใช่นิสัยพื้นฐานของท่าน (แต่ถ้าใช่ก็นับว่าเป็นแรงผลักดันที่ดีนะ) เป็นในสิ่งที่ท่านเป็น แล้วมันจะกลายเป็นประสบการณ์ที่ดีต่อไปขอรับ

1
เ ท พี เ อ น า ส 4 พ.ค. 59 เวลา 15:09 น. 20-1

อ่านแล้วรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่ในรถไฟที่ด้านนอกมีแต่ความมืด แต่พอมองไปที่ทางข้างหน้าแล้วมีแสงสว่างเจิดจ้าอยู่เลยค่ะ ฮ่ะๆ

วันนี้อาจจะยังไม่เป็นวันของเรา เพราะฉะนั้นเราก็ตะเตรียมให้พร้อมสำหรับเหตุการณ์ข้างหน้านะคะ หวังว่าสักวันจะเป็นอย่างนั้น แต่ระหว่างรอเราก็จะพยายามพัฒนา ฝึกฝนไปเรื่อย ๆ ค่ะ

รักเลย

0