Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

จบ ม.6 แล้วบวชเลย (ไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณคิดว่าทุกวันนี้ยังมีใคร (ในที่นี้หมายถึงน้องๆผู้ชายที่จบ ม.6) เลือกทางนี้อยู่มั้ย? ขอแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหน่อยนะครับ เอาแบบมีสาระนะครับ งดเกรียน งดดราม่า งดหยาบคาย!!!

แสดงความคิดเห็น

>

4 ความคิดเห็น

Mr.wake 6 พ.ค. 59 เวลา 11:06 น. 1

ผมเคยคิดจะบวชตลอดชีวิตตอนจบวิศวะๆใหม่ แต่แม่ไม่ให้(พ่อเสียแล้ว)ก็เลยไม่ได้บวชเพราะพระวินัยจะมีข้อที่ว่าต้องได้รับอนุญาติจากพ่อแม่ก่อนก็เลยบวชไม่ได้ และก็มีคำสอนที่ว่า "การทำงานคือการปฏิบัติธรรม" ก็เลยokกลับไปทำงานก็ได้จนถึงทุกวันนี้ ไม่นานนี้ได้บวชแต่เป็นแค่ช่วงสั้นๆ ปัจจุบันก็ทำงานอยู่ ความเห็นเพิ่มเติมคือ
1 คิดถึงตัวเองว่าตอนนั้นสุดยอดมากเลยนะเรา แบบว่าย้อนเวลาก็สามารถไปกราบตัวเองได้เลยที่มีเจตนาจิตใจเช่นนั้น ส่วนนึงเพราะวัยนั้นยังมีจิตใจที่บริสุทธ์อยู่มาก โตขึ้นมีกิเลสครอบงำเยอะ มีเรื่องครอบครัว เรื่องโน่นนี่นั่นอีก แบบมีข้ออ้างไม่บวชเยอะ 
2 "การทำงานคือการปฏิบัติธรรม" ก็ต้องระวังมันเป็นการยกเอาคำสอนมาบางส่วนทำให้เข้าใจผิดได้ และเพราะจริงๆท่านพุทธทาสก็มีสอน
"ทำงานด้วยความหิวจะได้เงินนั้นมันเป็นเปรต แต่ถ้ามันทำงานโดยไม่ต้องหวัง...ทำไปตามหน้าที่ แล้วพอใจเรื่อยไปเถอะ ไม่เป็นเปรต"
ซึ่งความจริง99.99%เลยมั๊ง ผู้ใหญ่ปุถุชนผู้ยังเต็มไปด้วยกิเลสทำงานก็หวังเงินกันทั้งนั้น (ยกเว้นพระที่เป็นพระจริงๆ) แต่คำสอนนี้มันแพร่หลาย "การทำงานคือการปฏิบัติธรรม" เพราะฟังดูดีและเข้าทางพวกนายทุนเจ้าของธุรกิจเลย วันๆหมกหมุ่นอยู่กับการทำงานหลายท่านก็เสียสุขภาพ ไม่มีเวลาให้ครอบครัว ถ้าจะใช้หลักนี้ การทำงานคือการปฏิบัติธรรมก็ต้องศึกษาให้ดีๆด้วย ว่าทำงานอย่างไรจึงจะเรียกว่าเป็นการปฏิบัติธรรม
3 ที่ว่ามีพระวินัย ต้องขอพ่อแม่ก่อนจึงบวชได้ มาภายหลังพระบอกว่า พวกนี้พระช่วยคุยได้ และ ต้นเหตุที่มีพระวินัยนี้เพราะเกิดจากครอบครัวนึงเหลือมีผู้สืบตระกูลเหลืออยู่คนเดียวแต่กลับมาบวชซะ (ครอบครัวนี้ บิดาของพระพุทธเจ้า คนที่บวชคือราหุลลูกพระพุทธเจ้า ลูกก็เป็นพุทธไปแล้ว หลานมาบวชอีก เสร็จเลย เท่าๆที่ผมพอจำได้นะ)
4 สมัยนี้สังคมเสื่อมมาก อยากจะแนะนำให้บวช ครูบาอาจารย์น่าเคารพกราบไหว้เหรอสมัยนี้ ทำตัวไม่น่าเป็นแบบอย่าง เป็นหนี้สินกันทั้งประเทศ (ที่อ่านจากข่าว) ไม่ใช่แค่บางคน สอบonet anet ก็เห็นมีปัญหาประจำ แต่การแก้ไข การแสดงความรับผิดชอบ มันมีแค่ไหน มันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้แก่เด็กแล้วโตขึ้นจะเป็นอนาคตที่ดีของชาติได้ไง หลักสูตรการเรียนการที่หลายคนบ่นแล้วบ่นอีกต้องมีการปรับปรุง มีการยกตัวอย่างต่างประเทศที่ถือว่าน่าเอาเป็นแบบอย่างแนวทาง แต่วงการศึกษาเรามีการปรับปรุงแค่ไหน มันเหมือนมีมาเฟียอยู่มั๊งในวงการศึกษาเมืองไทยเลยทำให้ทำอะไรไม่ค่อยได้
ผู้ใหญ่หลายท่านกราบไหว้พระนับถือพุทธศาสนา เจอพระก็ไหว้ หรือกราบเลย และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว 3 ครั้งแต่ละครั้งที่เจอ แล้วเจอกี่ครั้งทั้งชีวิต แต่จริงๆเขาไหว้เขายอมก้มหัวกราบ ทำจากใจจริงมีสักกี่%ในสังคมสมัยนี้ ก็แค่สักแต่ทำๆไป เขาทำกัน เราก็เลยต้องทำบ้าง เด็กดูนึกว่าผู้ใหญ่เป็นคนดีมีศีลมีธรรมแต่จริงๆกราบไหว้เสร็จก็ไปทำอะไรๆที่ผิดศีลต่อกลายเป็นเรื่องปรกติ มีถึง 0.1% หรือเปล่าที่รักษาศีลได้?
สัมคมก็นิยมการแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง ตอนนี้ก็กลายเป็นทหารปกครองประเทศไปแล้ว เพราะ2ฝ่ายคุยกันไม่รู้เรื่อง นี่แหละประเทศไทย
ก็อยากจะสนับสนุนให้บวช และเพราะเดี๋ยวโตขึ้น กิเลสก็พอกพูนตาม เป็นหนี้ต่างๆนาๆ ตามวิถึชีวิตของคนหลายๆคนสมัยนี้ ใจก็จะไม่แน่วแน่มุ่งมั่น มีฟงมีแฟน มีครอบครัวเข้าไปอีก ก็ยากเลย แต่น้องก็คิดดีๆเพราะนี้คือชีวิตน้อง 
กำลังคิดว่า จบม.6ไปบวช บวชจริงๆนะ ปฏิบัติศึกษาธรรมอย่างจริงสักปีนึงแล้วถ้าไม่ต่อเปลี่ยนใจ ก็กลับมาดูหนังสือสอบเข้ามหาลัยก็น่าเป็นแนวทางที่ดี ช้ากว่าเพื่อนไป2ปี ไม่มีปัญหาเลยจากความเห็นพี่ เห็นว่าอย่างประเทศอังกฤษวัยรุ่นก่อนจะเข้ามหาลัยเขาก็จะออกไปหาประสบการณ์ก่อนที่จะเข้ามหาลัย เคยมีคนจบhigh school จากอังกฤษมาฝึกงานที่บริษัทพี่เล่าให้ฟัง
********************************************************

[๒๖] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กล่าว
คาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
คนมีบุตรย่อมยินดีเพราะบุตรทั้งหลาย คนมีโค ย่อมยินดี
เพราะโคทั้งหลายเหมือนกันฉะนั้น เพราะอุปธิเป็นความดีของ
คน บุคคลใดไม่มีอุปธิ บุคคลนั้นไม่มียินดีเลย ฯ
[๒๗] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
บุคคลมีบุตร ย่อมเศร้าโศกเพราะบุตรทั้งหลาย บุคคลมีโค
ย่อมเศร้าโศกเพราะโคทั้งหลายเหมือนกันฉะนั้น เพราะอุปธิ
เป็นความเศร้าโศกของคน บุคคลใดไม่มีอุปธิ บุคคลนั้น
ไม่เศร้าโศกเลย ฯ
***นันทิสูตรที่ ๒***
*********************************************************
ไว้มีโอกาสมาเขียนต่อ

0
พระโหน่ง 7 พ.ค. 59 เวลา 10:46 น. 2

มีมาแบบนี้เยอะมาก จำพวกไม่เรียนแล้วจะบวช มาขอบวชแล้วก็โดนครูบาอาจารย์ไล่กลับไปเรียนเสียทุกราย เรียนให้จบเสียให้เรียบร้อยแล้วค่อยมาบวช เด็กพวกนี้คิดว่าตัวเองพร้อมแล้วเก่งแล้ว...คิดแบบเด็กช่างฝัน เป็นวัยที่พูดยากสอนยากเหลือเกิน พอมาบวชจริงก็ขาดน้ำอดน้ำทนชอบเถียงชอบเอาแต่ใจ ซึ่งก็เอาแต่ใจตั้งแต่คิดว่าไม่อยากเรียนจะบวชนั่นแล้ว ส่วนใหญ่ครูบาอาจารย์จะถามตอนขอบวชว่าทำไมถึงอยากบวช ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็ไม่ค่อยจะเข้าท่าเสียเท่าไร...ผมว่าอย่างนั้น ผมจะเอาอย่างนี้ มองโลกโดยเอาตัวเองเป็นหลัก จะเอาแต่สิทธิไม่เอาหน้าที่ ครูบาอาจารย์ก็ได้แต่สั่นหัว เออ...แบบนี้เราคงสอนไม่ไหว ส่งกลับไปให้พ่อแม่และครูที่โรงเรียนสอนต่อ

ส่วนใหญ่คนแบบที่ผู้ตั้งกระทู้ว่ายังไม่เป็นผู้ใหญ่ทางความคิดพอ..โตแต่ตัวเท่านั้น เจริญพร

0
Mr.wake 9 พ.ค. 59 เวลา 12:13 น. 3

ด่วน! สำหรับเจ้าของกระทู้ ดูกระทู้นี้ "หยุดเรียน 1 ปีก่อนเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อค้นหาตัวเอง!" http://www.dek-d.com/board/view/3642643/ เพื่อช่วยในการตัดสินใจ

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เนื้อหาซ้ำ เคยโพสท์ไปแล้ว เพื่อความเป็นระเบียบกรุณาโพสท์กระทู้เพียงครั้งเดียว