(ระบาย) เสียใจมากค่ะ แม่อยากให้เลิกแต่งนิยาย
ตั้งกระทู้ใหม่
แม่ไม่ชอบให้เราอยู่ในห้องคนเดียวทุกวันเเบบนี้ ไม่ชอบให้เราเอาแต่อยู่หน้าคอม ใกล้จะเปิดเทอมแล้วและเราควรหาอะไรทำบ้างนอกจากแต่งนิยายกับอ่านหนังสือ
ส่วนนึงก็เข้าใจที่ว่า อยู่แต่หน้าคอม ทั้งวันนะคะ แต่ปกติเราก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วตั้งแต่ม.1 เลยไม่เข้าใจว่าอะไรที่ทำให้แม่อยากให้เราเลิกแต่งนิยาย
ความฝันของเราคือนิยายได้ตีพิมพ์ เราอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็กและอยากเล่าเรื่องราวที่เกิดจากจินตนาการให้คนอื่นฟังบ้าง ถึงแม้จะมีอุปสรรคในเรื่องอารมณ์เล็กน้อย แต่เราก็รักที่จะแต่งมัน มันคือความฝันที่เราเจอแล้ว เรามีความสุขเวลาได้แต่งเรื่อง เขียนพล็อต หาข้อมูล ทำทุกอย่างที่เกี่ยวกับมัน
แต่ทำไมแม่ถึงบอกให้เราเลิกทำ แม่ไม่อยากให้เรามีความสุขหรอ? เราอยากถามแม่นะ แต่เราเรียนรู้ในการเลือกที่จะเงียบแล้วเดินออกมา
เหมือนแม่ทำลายชีวิตเราด้วยตัวแม่เองอ่ะ เราแบบ ร้องไห้
เรารู้นะว่าการแต่งนิยายมันไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต แต่พวกคุณนึกออกป่ะ มันคือความสุขอย่างเดียวที่เราทำได้อ่ะ แล้ววันหนึ่งก็มีคนมาบอกว่าเลิกทำเหอะ เรียนหนังสือดีกว่า
เราไม่เข้าใจอ่ะ ที่ผ่านมาเกรดเราขึ้น 3.8 อัพ ตลอด แม่ยังต้องการอะไรอีก?
เราอธิบายเป็นคำพูดได้ไม่หมดอ่ะ แต่เราเสียใจมากและแค่อยากระบาย เราเชื่อว่าคนที่บ้านไม่มีใครเข้าใจหรอก เขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมเราถึงไม่อยากลุกจากคอม ต่อให้นั่งมองหน้าจอเปล่าๆ เราก็ยังมีความสุขกว่าออกไปอยู่กับคนอื่นเลย
8/5/2559 วันนี้ได้คุยกับแม่แล้วนะคะ แม่โอเคเรื่องแต่งนิยายแล้ว แต่ขอให้เราอย่าหมกมุ่นมากเกินไป 'แม่กลัวเราเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ' เพราะเห็นนักเขียนส่วนใหญ่ กับพวกเด็กที่หมกตัวเขาเป็นกัน ขอบคุณทุก ๆ กำลังใจ และทุก ๆ คำแนะนำนะคะ ^^
สุดท้ายนี้ก็อายกจะฝากกับคนที่มีฝันแต่อาจจะมีอุปสรรคไปบ้าง ขอให้ก้าวผ่านมันไปได้นะคะ อย่าท้อแท้ อย่างน้อยก็มีเราคนนึงเป็นกำลังใจให้นะ
8/5/2559 วันนี้ได้คุยกับแม่แล้วนะคะ แม่โอเคเรื่องแต่งนิยายแล้ว แต่ขอให้เราอย่าหมกมุ่นมากเกินไป 'แม่กลัวเราเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ' เพราะเห็นนักเขียนส่วนใหญ่ กับพวกเด็กที่หมกตัวเขาเป็นกัน ขอบคุณทุก ๆ กำลังใจ และทุก ๆ คำแนะนำนะคะ ^^
สุดท้ายนี้ก็อายกจะฝากกับคนที่มีฝันแต่อาจจะมีอุปสรรคไปบ้าง ขอให้ก้าวผ่านมันไปได้นะคะ อย่าท้อแท้ อย่างน้อยก็มีเราคนนึงเป็นกำลังใจให้นะ
42 ความคิดเห็น
น้าเข้าใจว่า แม่เค้าคงคิดว่า
หนูอาจมีปัญหาเรื่องการเข้าสังคม
น้ารู้ว่าหนูไม่ใช่ แต่แม่เค้าไม่รู้น่ะ
อย่างน้านี่ ถึงจะใช้คอมบ่อย แต่น้าก็คุยเล่นกับแม่เรื่อย
(ยกเว้นเมื่อกี้ ทะเลาะกันสด ๆ ร้อน ๆ น้างอนเลย ฮะ ๆ)
หนูต้องคุยกับแม่บ้าง เค้าจะได้ไม่คิดว่า
หนูไม่ยอมเข้าสังคม รู้ไหม
คนเป็นพ่อแม่ ก็ไม่ใช่อยากแค่ให้ลูก
อยู่บ้าน แต่อยากให้ลูกคุยด้วยน่ะ
อีกอย่างเค้าอาจจะเข้าใจว่า
หนูให้ความสำคัญกับงานเขียนมากขึ้น
จนกลัวว่าการเรียนจะตก
อันนั้น ก็ต้องพิสูจน์ ด้วยผลคะแนน
แต่ไม่รู้นะ น้าพูดจริง ๆ ตอนเรียน
น้าซีเรียสเรื่องคะแนน แต่ทำงานจริง
น้าว่า มันไม่ค่อยสำคัญอะ
มันสำคัญเรื่อง การปรับตัวกับเพื่อนร่วมงานเยอะกว่า
น้ามีปัญหาเยอะเลยเรื่องนี้ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยละ
เพราะเดี๋ยวนี้น้า เออออห่อหมกกับคนอื่นเรื่อย ๆ
เรียกว่าหัวอ่อนเข้าว่า มันก็ดีขึ้นเยอะ
แล้วก็เรียนให้มีความสามารถ ทำงานได้ก็โอเคละ
ขยันทำงานให้เสร็จ ไม่ดองงาน
อย่างน้าทำบัญชี ปิดงบให้ลงตัว
ใครจะหาเอกสารอะไร ต้องเจอ แค่นี้ก็พอแล้ว
คะแนนตอนเรียน แทบไม่มีความหมายนะ
ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าเดี๋ยวนี้ ที่ทำงานต่าง ๆ
เค้าดูเกรดแค่ไหน คนเรียนอ่อนกว่าน้า
ได้ดีกว่าเยอะแยะ
สำหรับคำแนะนำ ก็คุยกับแม่บ้าง
ให้ความมั่นใจเค้าหน่อยเรื่องผลการเรียน
ตอนนี้ ก็ลดการอยู่หน้าคอมลงนิดนึง
อย่าใช้วิธีต่อต้าน หรือ ประชด
เรียกว่าเข้าใจเค้าบ้างดีกว่า
ไม่งั้น เดี๋ยวเค้าจะพาล ไม่ชอบนิยาย
จริง ๆ แล้วหนูจะไม่ได้เขียนนะ
เข้าใจแล้วค่ะ แต่ปกติหนูก็คุยกับคนอื่นทุกวันนะคะ คือครอบครัวจะต้องมีธุระอะไรสักอย่างกับหนู เปิดประตูเข้ามาคุย ชวนไปทานข้าว ชวนไปเที่ยว หนูไม่ได้จมปรักอยู่หน้าจอคอมขนาดนั้นอ่ะค่ะ ส่วนใหญ่จะต่อสายไปที่โทรทัศน์แล้วดูหนัง ไม่ก็หาข้อมูลเกี่ยวกับนิยายจากจอโทรทัศน์มากกว่า
ขอบคุณที่เข้าใจหนูนะคะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำด้วย เดี๋ยวถ้าอรมณ์ดีกว่านี้จะลองคุยกับแม่ดูค่ะ
ผมก็อายุเท่าจขกท.นั่นแหละ เคยเจอเหตุการณ์แนวนี้มาเหมือนกัน
เกรดผมน้อยกว่าอีกด้วย(ประจานตัวเอง)55 ผมก็นั่งอยู่แต่หน้าคอมทังวันตั้งเช้าจนถึงค่ำอ่ะ ความรู้สึกเหมือนจขกท.เลย ตอนพ่อมาบอกว่าเอาเวลาไปอ่านหนังสือยังจะดีกว่ามานั่งเขียนนิยายอีก นั่งหน้าจอสายตาก็เสีย เขียนแล้วก็ไม่ได้อะไรมีคนอ่านมั้ยก็ไม่รู้(ประโยคหลังแทงใจดำมาก)
ผมก็เอ้าา อะไรวะ? ก็ตอนนี้ปิดเทอมอ่ะ งานอดิเรกอ่ะ นั่นแหละครับน้ำตาซึมไปเลย ในใจผมนี่ก็อยากจะบอกพ่อกลับไปเหมือนกันครับ ว่าพ่อต้องการอะไรอีก ขอพื้นที่ความสุขเล็กๆให้บ้างไม่ได้หรอ
แต่ก็ไม่ได้บอกจนถึงตอนนี้ครับ55 มีแต่ไประบายให้พี่สาวฟัง แล้วก็นั่นแหละครับ... พ่อก็พ่อแหละว้า แล้วก็เขียนมาเรื่อยๆจนถึงตอนนี้ รู้สึกเหมือนตัวเองประชดพ่อมาก แบบพ่อเดินผ่านนี่จะเห็นนั่งหน้าคอมให้เห็นเลย พ่อถามทำแระ? ผมก็ตอบ 'แต่งนิยาย'
หลังจากนั้นก็โดนกระโดดเตะ ผิดๆ พ่อก็เงียบไม่พูดอะไรครับ
เอาล่ะ แต่ของคุณจขกท.มันไม่เหมือนของผมล่ะสิ... ผมว่าต้องลองพูดกับแม่ดูนะครับ ปรับทำความเข้าใจกัน อย่างน้อยสรุปแล้วท่านอาจจะแค่ลดเวลาของเรา ซึ่งมันก็ดีกว่าบอกให้เลิกไปเลย แม่คุณจขกท.น่าจะเข้าใจนะครับ
แต่ถ้าไม่...ก็แต่งในสมุดเล็กๆสักเล่มก็ได้แล้วก็ค่อยเอาลง
คุณจขกท.ต้องสู้นะครับ สู้ตายยย55
**เมื่อกี้เม้นซ้ำขออภัยฮะ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ เหมือนเจอเพื่อนแล้วน้ำตาซึมเลยค่ะ เราไม่อยากประชดอะไรแม่ แต่เราอยากให้แม่เข้าใจเรามากกว่า มันน่าเสียใจนะคะที่เป็นแบบนี้ นึกถึงแล้สจะร้องอีกละ ฮ่ะๆ คุณเองก็สู้ๆ เช่นกันนะคะ
ฮึบๆ55 ค่อยๆคุยกันนะครับ
รับทราบค่ะ ขอบคุณค่ะ
ตอนนี้เราก็ทำเมินอยู่ค่ะ ไม่ได้คุยกับแม่เลยตั้งแต่ตอนนั้น เรายังไม่พร้อมจะคุยตอนนี้จริงๆ แต่ยังไงเราก็คิดว่าจะลองคุยดูค่ะ แล้วก็หวังว่าแม่จะเข้าใจเราด้วย
แม่เราไม่ชอบอ่านหนังสือแต่ไหนแต่ไรค่ะ ซึ่งมันขัดกับนิสัยของเรา เรากับแม่ไม่ค่อยมีอะไรเหมือนกันเท่าไหร่ค่ะ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ
ของคุณยังดีที่เกดตั้ง 3 ขึ้น แต่ผมสิ ได้แค่ 1 แถมยังมีล่อแล่อีก ที่สำคัญแม่ก็ยังบอกว่าจะเอาแต่นั่งแต่งนิยายไปทำไม หากินก็ไม่ได้ เสียเวลาจริงๆ แต่ผมก็ยังนั่งแต่งต่อนะ เพราะว่ามันจะไม่ได้แต่งนิยายหรือให้ผมไปอ่านหนังสือเรียน มันก็ไม่ได้แตกต่างกัน เนื่องจากผมไม่ค่อยฉลาด แต่ผมมีสิ่งหนึ่งที่นักเขียนทุกคนมีและต้องการ นั่นก็คือความพยายามที่จะไม่ท้อแท้ แม้จะมีอุปสรรคมากเพียงใด โดยเฉพาะจินตนาการที่มีมากกว่าความฉลาด เพราะว่าจินตนาการสำคัญมากกว่าความรู้ ฮ่าๆ (เอ้ะ ! นี่มันบทคำพูดของ Albert ไอน์สไตล์นี่หว่า)
อยากพยายามแต่งต่อได้แบบนั้น แต่วันนี้ทั้งวันสมองตันไปหมดเลยค่ะ เหมือนท้อแท้หมดแรงบันดาลใจ..
ให้เวลากับหัวใจตัวเองสักระยะหนึ่ง แล้วมันจะดีขึ้น
ส่วนเรื่องแม่ แม้ในตอนนี้ท่านอาจไม่เข้าใจ แต่ในภายภาคหน้าอาจทำความเข้าใจได้ ต้องให้เวลาเช่นเดียวกัน ค่อยๆ ปรับความเข้าใจกันไป ขนาดแม่ผมบ่นทุกวันว่าจะแต่งนิยายไปทำไม แต่พอเจอใครๆ ที่รู้จักผ่านมาหรือลูกค้า ผมก็เห็นแม่ของผมรีบแนะนำนิยายของผมให้ไปอ่านในเว็บไซต์อยู่ตลอดนะ(หรือจะพูดอีกอย่าง ปากไม่ตรงกับใจนั่นแหละ เฮอะๆ)
สู้ๆนะครับ
แต่ผมเข้าใจแม่คุณนะ เพราะพ่อผมก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ทะเลาะกันจนบ้านจะแตก ทั้งแต่งนิยาย ทั้งวาดรูป ทั้งทำอะนิเมะ พ่ออยากให้เราไปทางสายวิทย์
เราจำได้ว่าตอนที่พ่อห้ามมากๆ เราแอบแต่งคนเดียวเงียบๆ ไม่คุยเรื่องนิยายให้ใครในบ้างฟัง เพราะคิดว่าพูดไปก็คงไม่มีใครเข้าใจแล้วก้อาจจะมีทะเลาะได้
แต่พอภาระการเรียนมากขึ้นๆ ผมก็ผ่อนการแต่งนิยายเอง จนกระทั่งหยุดแต่งนิยายไปเลยเพิ่งได้กลับมาแต่งอีกทีก็ตอนเรียนจบเนี่ย
ผมคิดว่าปล่อยไปตามธรรมชาติ ถ้าคิดว่าเราไหว เราทำสองอย่างได้ก็ทำ แม่ไม่เห็นด้วยก็ไม่เห็นเป็นอะไร เราไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้โดดเรียนเล่นเกมสักหน่อยนี่เนอะ
เป็นกำลังใจให้ครับ สู้ๆ :'D
ไหวแน่นอนค่ะเพราะว่ามันไท่ได้เกินตัวอะไรเลย เรามั่นมจว่าไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ
เป็นกำลังใจให้ครับ ไม่ร้องนะ ๆ
ก็เพราะคุณแม่ท่านเป็นห่วง หน้าที่ของเราก็คือทำให้ท่านไม่ต้องเป็นห่วง
ลองสอบให้ได้เกรดดี ๆ สักเทอม พิสูจน์ให้ท่านเห็นว่าการเขียนนิยายไม่ส่งผลกระทบกับการเรียน เชื่อว่าคุณแม่ต้องยอมเปิดใจ
ถ้ามีลูกสาวอยู่ติดบ้านเขียนแต่นิยายแบบนี้เนี่ย ผมรักตายเลยนะ ชอบมาก ๆ
แอะ ฮ่าๆ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้นะคะ เราคงทำให้ท่านเป็นห่วงจริงๆ ท่านถึงพูด เทอมหน้าจะอวดเลขสามงามๆ ให้แม่แล้วกันค่ะ
เพิ่งเคยเห็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิงแต่งนิยายอยู่บ้านนะคะนี่ ปกติเห็นแต่ชอบผู้หญิงติดเกม หรือเปล่า? ฮ่า ๆ
ผู้หญิงติดเกมคืออุดมคติครับ 555
แต่ผู้หญิงชอบแต่งนิยายที่เป็นใกล้ตัวเนี่ย ไม่มีเลยย
ก็เลยคิดว่าดูน่ารักดีครับ
หื้มมม แน่นอนผู้หญิงต้องน่ารัก ฮ่ะๆ
แต่ก็ไม่แปลกหรอกเนอะที่จะชอบคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน อยู่ด้วยกันได้ คุยกันได้ แต่งนิยายด้วยกันได้อีก โอ้วว น่ารักกจังง ฮ่ะๆ
ถูกต้องที่สุดครับ ^^
บางทีเราอาจจะทุ่มเทกับมันมากเดินไปก็ได้มั้งคะ เอาจริงๆ เราก็ไม่ได้เก่งอะไร ้ราแค่มีความชอบ เรื่องที่เราเก่งจริงๆ และครอบครัวสนับสนุนคือคอมพิวเตอร์กราฟฟิค ตอนแรกที่บ้านจะให้ย้ายจากบัญชีไปเรียนคอมแต่หัวหน้าแผนกเขาไม่ยอมให้ย้าย เราเลยอด
เราจะพยายามเลิกหมกมุ่นเกินไปนะคะ ขอบคุณที่ช่วยเตือนสติ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ
เรามาสะดุดประโยค "ต่อให้นั่งมองหน้าจอเปล่าๆ เราก็ยังมีความสุขกว่าออกไปอยู่กับคนอื่นเลย" เลยอดคิดไม่ได้ว่า คุณแม่น่าจะห่วงเรื่อง ปฏิสัมพันธ์ของ จขกท. กับผู้อื่นมากกว่าเรื่องเรียนละมั้ง ในความเห็นของเรานะคุณแม่อาจจะกังวลว่าการเขียนนิยายจะทำให้ลูกอยู่กับตัวเอง (อยู่ในโลกของตัวเอง) มากเกินไป ท่านเลยไม่อยากจะให้เขียนอะ ท่านคงไม่ได้อยากจะขัดขวางความสุขอะไรหรอก ถ้าเป็นอย่างที่เราคิด วิธีแก้ก็คือ ทำให้คุณแม่เห็นว่านิยายไม่ได้ฉุดเราไว้ในโลกส่วนตัว และมีข้อดีอื่น ๆ อีกด้วย อาจจะเริ่มต้นจากการพูดคุยเล็กน้อยกับคุณแม่เกี่ยวกับเรื่องที่เราเขียน อย่างประโยคประเภท "แม่คิดว่าถ้า... แล้วจะเป็นยังไง"
ตัวอย่าง
ถ้าเขียนแนวไซไฟ "แม่คิดว่าถ้าวันหนึ่งพลังงานฟอสซิลหมดจากโลกแล้วเราจะอยู่กันยังไง"
ถ้าเขียนแนวรัก "แม่คิดว่าความรักที่ดีเป็นอย่างไร ถ้าคนที่เราชอบไม่มีทีท่าว่าจะเป็นคนรักที่ดีได้ เราควรจะทำยังไง"
ถ้าเขียนแนวแฟนตาซี "แม่คิดว่าถ้าเราสามารถเลือกเรียนเวทมนต์ได้ ควรเรียนเวทอะไรดี"
คุยไปคุยมาอาจจะได้พล็อตจากคุณแม่ด้วยนะ 555
คือ ถ้าคุณแม่กังวลเรื่องไหนก็แก้ไขจุดนั้นให้คุณแม่หายกังวล ส่วนข้อดีอื่นที่น่าจะอวดคุณแม่ได้ก็คือ การนำข้อมูลจากการเตรียมเรื่องของเราไปใช้ประโยชน์ สมมติเราเขียนให้ตัวเอกอยู่จังหวัดกระบี่ เราก็ต้องหาข้อมูลจังหวัดนั้นใช่ไหม ว่าง ๆ ก็ชวนคนที่บ้านไปเที่ยวกระบี่แล้วโชว์เลยว่าเรารู้จักเมืองนี้เยอะแค่ไหน แล้วสุดท้ายค่อยเฉลยว่าที่รู้นี่เพราะหาข้อมูลมาเขียนนิยายนะ หรืออย่างน้อยการเขียนนิยายน่าจะมีผลต่อวิชาภาษาไทยที่น่าจะดีขึ้น อันนี้ก็อวดได้เหมือนกัน
ใจเราอยากให้ จขกท. ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบนะ แต่ก็ไม่ควรฝืนจนมีปัญหากับผู้ใหญ่ที่บ้าน ทางที่ดีที่สุดก็คือ การเปิดการเจรจาให้ผู้ใหญ่เข้าใจเรา และเราก็เข้าใจผู้ใหญ่ เมื่อต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันและกัน โอกาสที่จะเกิดการยอมรับและเคารพในการตัดสินใจของซึ่งกันและกันก็จะมา win win situation
แม่อาจจะเป็นห่วงเรื่องนั้นด้วย...เมื่อวานมันมีแต่ความโกรธอ่ะค่ะเลยไม่ทันได้คิดอะไรถี่ถ้วนนัก ยังไงวันนี้จะลองคุยกับแม่ดูิเราสังเกตหลายรอบมากถ้าชวนคุยเรื่องอื่นแม่จะตอบและคุยเล่น แต่พอบอกเรื่องนิยายแม่จะเงียบ ทำเมินไปเลย..
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ เราจะลองทำดูค่ะ
เห็นคนอื่นเขียนยาวมาก ของพี่สั้นๆละกัน
พิสูจน์ตัวเองสิ สร้างวินัยโดยการแบ่งเวลาให้ชัดเจน
เวลานี้อยู่กับแม่ เวลานี้เดินเล่น เวลานี้เขียนนิยาย
เพราะพี่ทำแบบนั้นมาตลอด
8 โมง - บ่าย 4 โมงครึ่ง ทำงาน
ทำโอถึง 2 ทุ่มบ้าง (ถ้าไม่มี คือพบปะสังสรรค์กับเพื่อนบ้าง)
หลัังจากนั้นคือเวลาเขียนนิยายของพี่เอง
ค่ะ คงต้องพิสูจน์ให้ท่านเห็น ท่านถึงจะได้ไว้ใจและเชื่อใจเรา
นับถือเรื่องการแบ่งเวลาค่ะ เอาจริงๆ ถ้าเราเจอแบบนั้นเราคงเลิกเขียนอ่ะ ทำงานหนัก อยากพักผ่อน แค่ช่วงเปิดเทอมก็คิดว่าคงจะไม่ค่อยได้เขียนแล้วค่ะ ฮือ
ความสุขอ่ะเนาะ ใจรัก แรงผลักดันเรามี เราถึงได้ทำไง น้องก็เป็นเหมือนพี่แหละ สู้กันต่อไป
เจอปัญหาเดียวกันเลย ทั้งๆที่เราแต่งน้อยมากนะ บางทีอาทิตย์ละแค่ 2 ชม เอง ยังโดนแม่บ่นว่าไร้สาระเลย
เป็นกำลังใจให้แล้วกันค่ะ สู้ๆนะ
เป็นกำลังใจให้เช่นกันค่ะ สู้ตายยย!
เราโดนหนักกว่าจขกท.อีกค่ะ TT ช่วงนั้นจิตตกมาก จนบางทีคิดจะเลิกแต่ง แต่ก็ทำไม่ได้ เรารัก เรามีความสุขของเราเนอะ ^^' ดีหน่อยตอนนี้แม่เข้าใจเรา ไม่ว่าอะไรให้ต้องเสียใจเหมือนเมื่อก่อน
ในมุมของท่านแล้วคงอยากให้ลูกมีอนาคตที่ดี ไม่ใช่เอาเวลามานั่งหน้าคอมแต่งนิยายไปวันๆ ท่านอาจจะคิดว่ามันจะดึงเราลง เพราะเราก็โตขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปก็ต้องเข้ามหา'ลัยอีก (ลูกฉันต้องตั้งใจกว่านี้สิ นี่อะไรมานั่งแต่งนิยายงั้นเหรอ) จบแล้วจะไปทำมาหากินอะไรล่ะ...หรือจขกท.ไม่ค่อยได้อยู่เล่นคุยกับแม่รึเปล่าคะ ท่านอาจจะเหงาอยากให้ลูกมาคุยเมาท์มอยด้วยก็ได้นะคะ น้อยใจประมาณนี้ เลยขอให้เลิกแต่ง (แม่เราเป็นค่ะ - -')
จัดเวลาแบ่งเวลาให้เหมาะสมอย่าหมกมุ่นจนเกินไปนะคะ ท่านอาจจะกังวลได้จ้า เคลียร์กับท่านให้เข้าใจ พิสูจน์ให้ท่านเชื่อใจเราว่าเรื่องการเรียนหนูก็ตั้งใจนะ! ...สู้ๆค่ะ ขอให้ผ่านพ้นไปได้นะคะ
ปกติเราก็คุยเล่นกับคนในบ้านทุกวันค่ะ คือเราก็ไม่ได้เงียบกริบอะไรขนาดนั้น ฮ่ะๆ เลยไม่เข้าใจว่าแม่เป็นอะไรกันแน่ทำไมถึงอยากให้เลิกแต่ง
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ ตอนนี้เราไม่ได้หมกมุ่นเรื่องแต่งนิยาย แต่เราหมกมุ่นเรื่องอ่านนิยาย ฮ่าๆ
ถามท่านไปตรงๆเลยค่ะ อย่างที่บอกเคลียร์กันให้เข้าใจก่อนนะคะ จะได้ไม่มีปัญหา จ้า ^^"
ค่ะ กำลังพยายามหาทางปรับความเข้าใจกันอยู่ แต่แม่ยุ่ง ๆ เลยหาโอกาสไม่ค่อยได้
สู้ๆค่ะ
บ้างทีการที่นั่งอยู่หน้าคอม ทั้งวันยังแต่งไม่ได้ การออกไปข้างนอกบ้าง อาจจะได้ไอเดียใหม่ก็ได้นะ เจอผู้คนใหม่ๆ สถานการณ์ใหม่ๆ แม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงด้วยไง
แม่ไม่ค่อยชอบให้ไปไหนมาไหนคนเดียว ถ้าจะไปก็ต้องชวนท่านไปค่ะ ซึ่ง...ทะเลาะกันอยู่
ฮ่า ๆ รอให้ท่านยอมคุยกับเราก่อนแล้วค่อยชวนไปกันดีกว่าเนอะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ
แม่เราก็เคยเป็นค่ะแต่ตอนนี้ท่านเข้าใจแล้ว เชื่อว่าสักวันหนึ่งแม่ของจขกท.จะต้องเข้าใจค่ะ ยังไงก็อย่าพึ่งล้มเลิกความฝันของตัวเองนะคะ :)
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ หวังว่าแม่จะเข้าใจเราเร็ว ๆ นะคะ
งั้นก็ต้องง้อแม่ก่อน บอกแม่ว่า แม่ขาถึงหนูจะเขียนนิยาย หนูก็ไม่ได้ทิ้งเรื่องเรียนสักหน่อย มีไม่ต้องเป็นห่วงนะ เมื่อเวลาผ่านไป ถ้าท่านเห็นว่าเราตั้งใจจะเป็นนักเขียนจริงๆ สักวันท่านต้องเข้าใจ สู้ๆ ไฟวติ้ง
พยายามอยู่ค่ะ ฮ่า ๆ กำลังพยายามหาคำพูดเพื่อปรับความเข้าใจอยู่ค่ะ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ
ของเราไม่มีใครรู้นะว่าเราเขียนนิยายเฉพาะคนในครอบครัว ถ้ามีใครถามเราจะตอบแบบปัดๆว่า ห้ามกวน ไม่ก็เงียบใส่และเนียนๆชวนคุยเรื่องอื่น เพื่อนก็จะรู้ว่าเราแต่งนิยายรู้เฉพาะหมู่เพื่อนน่ะแหละ
แม่เรารู้ว่าเราแต่งนิยาย ส่วนคนอื่นไม่รู้นะคะ มีเพื่อนสนิทที่รู้ เท่านั้นเอง แต่แม่ดันโกรธเสียนี่สิ ฮ่ะ ๆ
หนูว่าพี่น่าจะลองหาเหตุผลดีๆสักสองสามข้ออธิบายให้คุณแม่ฟัง ส่วนตัวหนู หนูก็คล้ายๆพี่แหละค่ะ รักหนังสือ รักการแต่งนิยาย แต่งตั้งแต่ปอหนึ่งปอสองจนตอนนี้ป.หกแล้ว หนูก็เคยมีปัญญหากับแม่แบบนี้แต่พออธิบายไป หนูเชื่อว่าท่านต้องเข้าใจค่ะ พี่อาจจะลองแบ่งเวลา พูดคุยกับท่านบ้าง หนูเป็นกำลังใจให้ ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่เราชอบ ก็อย่าท้อเลยค่ะ ไฟท์ติ้งงงง
ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ เด็กจังงง มีน้องด้วย งื้ออ แก่แล้วสินะ ฮ่ะ ๆ
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้น้องด้วยเช่นกันนะคะ
คุณไม่ได้เป็นคนเดียวค่ะ ขนาดเราบอกแม่ว่ามี สนพ. ให้ยื่นเพื่อพิจารณา ซึ่งผ่านรอบแรกแล้ว เขาจะบอกผลรอบสองในกลางเดือนนี้ แต่แม่บอกว่างานเขียนเป็นงานที่เงินก็ไม่ได้ เสียเวลา บลาๆๆๆ ทั้งๆ ที่เราใช้เวลาว่างในการเขียน
แต่คิดไปคิดมาเค้าก็หวังดีกับเราค่ะ เพราะว่าสิ่งที่เราเรียนในตอนนี้ จบไปมันได้เงินเยอะกว่าอยู่แล้ว ซึ่งเอาเวลาไปเขียนนิยายมันไม่คุ้ม เหนื่อยกับการต้องเถียงก็เลยเงียบๆ ไม่อัพเดทหน้าเฟสตัวเองเลยว่าเขียนนู่นนี่นั่น กลายเป็นนักเขียนที่ไม่เปิดเผยตัวเลยค่ะ จะมีแค่คนที่สนิทที่รู้
ผู้ใหญ่เค้าหวังที่ผลของงาน เมื่อไรที่เค้ายังไม่เห็น เค้าก็ไม่คิดสนับสนุนค่ะ
ยังไงก็สู้ต่อไปนะคะ สิ่งที่ชอบแม่ห้ามไม่ได้หรอกค่ะ สุดท้ายพอเราประสบความสำเร็จมาเค้าก็จะโล่งใจเอง เพราะเค้าก็เป็นห่วงเรานี่แหละ
ว้าวว ขอให้ผ่านการพิจารณานะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ยังไงเราก็ต้องสู่ต่อไป ถึงแม้ว่าจะไม่มีฝีมือเหมือนคนอื่น ๆ เขาก็ตาม ฮ่ะๆ
ขอบคุณมากค่ะ สู้ๆ นะคะ สักวันเราต้องผ่านมันไปให้ได้ค่ะ ^^
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?
บทความที่คนนิยมอ่านต่อ