(ชวนคุย) แต่งหลายเรื่องพร้อมกันมีโอกาสแต่งจบมากน้อยแค่ไหน?
ตั้งกระทู้ใหม่
ตอนนี้ผมแต่งนิยายแนวดราม่าหนักๆ อยู่ครับ ไปๆ มาๆ สมองมันบอกว่าโอยยย พักหน่อยไหมดราม่าเนี่ย ไปลองเขียนแนวน่ารักๆ เกรียนๆ บ้างไหม? พอลองคิดดูแล้วก็อยากลองใส่จังหวะคลายเครียดลงไปในเรื่องนี้หน่อย แต่กลัวจะทำให้เรื่องเสียอรรถรถ เพราะผมแต่งแนวน่ารักๆ ไม่เก่งเท่าไหร่ อ่านแล้วไม่ค่อยจะฟินกับฉากนั้นๆ เลย เพราะผมถนัดดราม่า เปิดเรื่องมาก็ดราม่าหนักและเหมือนจะกระชากใจคนอ่านได้พอสมควรเลย จึงกลัวว่าหากไม่ดราม่าต่อจะทำให้คนอ่านหาย ความสนุกลดลง อะไรแบบนี้น่ะครับ (ซึ่งในพล็อตที่วางไว้ก็คงความดราม่าอยู่ตลอด) เลยอยากแยกเป็นอีกเรื่องที่ลดดราม่าลงหน่อย แบบนี้น่ะครับ
ซึ่งมันทำให้รู้สึกลังเลใจมาก เพราะเรื่องที่กำลังแต่งอยู่ก็อยากแต่งให้จบก่อนเพราะเพิ่งลงได้ไม่ถึงสิบตอน แต่ก็อยากพักไปคลายเครียดเรื่องอื่นบ้างนะ สับสนครับ ฮ่าๆ กลัวแต่งไม่จบสักเรื่อง
เพื่อนๆ มีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับกับการ 'แต่งนิยายหลายเรื่องพร้อมๆ กัน' ควร? ไม่ควร? มีโอกาสจบมากน้อยแค่ไหน? ขอคำแนะนำด้วยครับ ขอบคุณครับ
16 ความคิดเห็น
เราเองก็เป็นคนนึงที่กำลังแต่งพร้อมกัน 2 เรื่องยาวค่ะ จริงๆถ้าขยันๆฟิตๆหน่อยก็จบได้นะคะ อย่าดองก็พอ ฮ่า
ไม่ดองน่ะไม่ยากครับ เพราะแต่งเรื่อยๆ ไม่ซีเรียสเรื่องอะไร แต่แต่งำปร้องไห้ไปแทบทุกวัน 5555
ถ้าอยากลอง หรืออยากเรียนรู้ อยากเปลี่ยนแนว หรืออยากเขียนพล็อตต่างๆก็เขียนไปเถอะครับ
จะได้รู้ตัวเองว่าชอบแนวไหน แนวไหนแต่งสนุกสุด หรือแนวไหนแต่งแล้วคล่องสุด
แต่ถ้าหวังว่าจะให้จบเป็นเรื่องๆล่ะก็ บอกได้เลยว่าจำนวนเรื่องมันจะแปรผันแบบผกผันกับโอกาสจบครับ
พูดง่ายๆก็คือ เมื่องานเยอะขึ้น ภาระมันก็มากขึ้น ลำพังเขียนก็จะไม่ทันแล้ว ยังจะมีเรื่องการแบ่งสมองไปคิดพล็อตอีก ไปบิ้วด์อารมณ์อีก มันจะทำให้ทุ่มได้ไม่สุด สุดท้ายจะไปได้ไม่กี่ทาง กรณีที่แย่สุดคือดองมันทุกเรื่องครับ ...... ประสบการณ์ตรงโดนมาแล้ว และเชื่อว่าหลายท่านก็คงมีชะตากรรมเดียวกันมาแล้ว
ก็แล้วแต่จะพิจารณาน่ะนะครับ ว่าจะแต่งในจุดประสงค์ไหน
ไม่งั้นก็อาจพบกันครึ่งทางด้วยการบีบเนื้อเรื่องให้จบในไม่กี่ตอน จะได้ทุ่มได้เต็มทีแล้วจบไวๆไปเลยครับ เพราะของแบบนี้ยิ่งยืดเยื้อ มันจะยิ่งดองมากขึ้น
อยากเขียนน่ะอยากครับ แต่กลัวจะไม่จบนี่แหละ ฮ่าๆ บีบเนื้อเรื่องก็ดีเหมือนกันนะครับ จะได้ไม่ยืดเยื้อ อารมณ์อยากเขียนเรื่องใหม่จะได้ยังเหลือไปอยุ่ตอนเรื่องแรกจบ
ผมแต่งสองเรื่องสลับกันอยู่ครับ ถ้าเรื่องแรกตันหรือยังไม่อยากเขียนต่อจะเขียนอีกเรื่อง
แบบนี้ผมถือว่าไม่มีผลต่ออีกเรื่องหนึ่งนะครับ เพราะถ้าไม่เขียนอีกเรื่องเท่ากับปล่อยเวลา
เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่ก็ต้องรู้จักแบ่งให้ชัดเจนครับว่าจะให้เรื่องไหนมากน้อย
แค่ไหนอย่าเพลินกับของใหม่จนลืมของเก่าล่ะ
ถ้าคุณเลือกได้ว่าจะเรื่องเดียวจบหรือแต่งสองเรื่องสลับกัน ผมแนะนำว่าแต่งเรื่องเดียว
ให้จบก่อนดีกว่าจะดีที่สุดครับ
ขอบคุณครับ ก็คิดไว้เหมือนกันว่าเผื่อตันจะได้ไปเขียนอีกเรื่อง แต่ถ้าตันทั้งสองเรื่องนี่กลัวจะแย่เอา ฮ่าๆ
จากประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ
แต่งนิยายหลายเรื่อง
โอกาศแต่งเรื่องใดเรื่องหนึ่งจบมีน้อยมาก ๆ
แต่นั้นกรณีผมนะ นิยายผมจำนวนตอนมันทะลุ 100 ตอน ทุกเรื่อง หรือก็คือผมกำลังแต่งนิยายที่ยาวมาก ๆ ยาวจนแทบจะไม่มีวันจบ กรณีแบบนี้ หากแต่งเรื่องใหม่ เรื่องเก่าที่โอกาศจบน้อยอยู่แล้ว ก็ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่
หากนิยายเรื่องปัจจุบันมีตอนจบชัดเจน และมันไม่ยาวเกินเอื้อม แนะนำให้แต่งให้จบครับ
แต่ก็อีกนั้นแหละ ถ้าพล็อตเรื่องใหม่สนุกกว่าเรื่องเดิม ก็ควรจะเขียนเรื่องใหม่นะ จะได้ไม่เป็นการปิดกั้นโอกาสของนิยายเรื่องใหม่ ซึ่งบางที นิยายเรื่องใหม่ มันอาจดังเปรี้ยงปร้างกว่า ถ้าเราไม่แต่งมัน ก็เท่ากับเสียโอกาสมาก ๆ
พล็อตที่วางไว้ก็ไม่ยาวมากหรอกครับ ประมาณสามสิบกว่าตอนก็น่าจะจบ แต่ก็อย่างที่ท่านว่าแหละครับ เพราะเรื่องที่แต่งอยู่เป็นเรื่องแรก พล็อตค่อนข้างยืดเยื้อมาจนถึงเกือบตอนที่สิบ ทำให้การดำเนินเรื่องก็ยืดไปอีก ส่วนเรื่องใหม่คิดว่าพล็อตโอเคกว่า ทั้งเนื้อหาและการดำเนินเรื่อง เลยเสียดายอยู่เหมือนกัน ถ้าอารมณ์เรื่องใหม่ไม่มาตอนที่เรื่องเก่าจบแล้วจะทำยังไง...?
เขียนเลยค่ะ เชียร์ 5555
แก้วน้ำเคยเขียนควบ 4 เรื่องอ่วมมาก แต่ก็สนุกดีค่ะ เบื่อๆ ดราม่าก็ไปแฟนตาซี โดดไปโดดมา เรื่องจบไม่จบคิดว่าเป็นที่ความรับผิดชอบของนักเขียนมากกว่าค่ะ ว่าเลือกที่จะทิ้งงานนั้นรึเปล่า ของแก้วน้ำจบอยู่นะคะเรื่องนึงอีกสามเรื่องก็ยังอยู่กับแก้วน้ำเท่าทุกวันนี้ =w=
ปล. ตอนนี้อยากกลับไปเขียนทีละเรื่องมากกว่าค่ะ เพราะเขียนหลายๆ เรื่องเวลามันจะกระทบกันแรงมากๆ แบบคิดเรื่องนี้ไม่ออกก็ไปเล่นเกมรู้ตัวอีกทีผ่านไปอาทิตย์นึง พอมาลงนักอ่านก็บ่นมาช้า ตัดพ้อ และถอนแฟนคลับ ;w;
กลัวจะมีความรับผิดชอบไม่มากพอน่ะสิครับ ฮ่าๆ แต่ก็อยากเขียนอยู่นะ สองเรื่องก็พอครับ
ในชีวิตของการเขียน เคยแต่งสองเรื่องพร้อมกันแค่ครั้งเดียวเองมั้ง เรื่องที่เริ่มก่อนก็จบก่อน เรื่องที่เริ่มทีหลังก็จบทีหลัง ตอนนั้นอยากลองว่าทำได้หรือเปล่า ก็ทำได้แหละท่าน แต่ช้ายังกะเต่าคลาน ต้องจมอยู่กับความทรมานนานเกินไป ตอนหลังเลยเขียนทีละเรื่องดีกว่า
ถ้าให้แนะนำ ขึ้นอยู่กับท่านว่าต้องการอะไร หากท่านสนใจเรื่องคุณภาพของงาน เรื่องแฟนคลับ เรื่องความพอใจของคนอ่าน ข้าน้อยมองว่าเขียนทีละเรื่องดีกว่า จะได้โฟกัสได้ แต่ถ้าท่านอยากลองทดสอบตัวเอง เรียนรู้ศักยภาพของตัวเอง ท่านลองสองเรื่องก็ได้ขอรับ แล้วแต่ท่านจะพิจารณา
ปล. ข้าน้อยเป็นคนเขียนนิยายที่เวลาเขียนออกแนวทุรนทุรายมากกว่ามีความสุข ยิ่งเวลาการจบถูกดันออกไปนานเท่าไร ยิ่งไม่เป็นผลดีขอรับ (ปกติก็เขียนหนังสือนานอยู่แล้วด้วย)
จะว่าอยากทดสอบก็ได้นะ แต่ก็เป็นห่วงเรื่องคุณภาพอยู่นะท่าน ถ้าช้าอย่างกะเต่าคลานแบบนั้นกลัวจะได้ดองทั้งน่ะสิ ฮ่าๆ ภาระเรื่องเรียนก็มี น่าหนักใจจริงๆ
มีโอกาสจบไวกว่า 1 เรื่องนิดหน่อยค่ะ อยู่ที่ความขยันส่วนบุคคลล้วนๆ ส่วนมากจะหมดไฟตอนกลางๆ 555 แต่ถ้าแต่ง มากกว่า 3 เรื่องพร้อมกันโอกาสจะไม่จบเลยสักเรื่องจะเยอะมาก
ผมไม่น่าจะมีความสามารถแต่งมากกว่าสามเรื่องนะครับ ฮ่าๆ
เราเป็นคนที่มีไอเดียหลากหลาย มีหลายอารมณ์ ดังนั้นไอเดียมันจะแวบๆ เข้ามาแบบกะทันหัน แบบเรื่องนี้ยังไม่จบก็อยากแต่งอีกเรื่องนึงให้มีพล็อตแบบนี้ แบบนั้น ไปเรื่อยๆ แล้วความรู้สึกที่อยากแต่งใหม่ มันค้างนาน พอแต่งไปแต่งมามันก็ตัน สุดท้ายจะทิ้งไว้กลางทาง แล้วต้องหันมาแต่งเรื่องที่ใกล้จบก่อน หรือเรื่องที่แบบคนอ่านเรียกร้องก่อน ประมาณนี้ค่ะ
บอกตรงๆเลยว่าตอนนี้กำลังแต่งเรื่องยาวพร้อมกันสามเรื่อง!! แต่ลงdex-dไว้สองเรื่อง ก็ลงบ้างไม่ลงบ้างแล้วแต่อารมณ์ในตอนนั้น แต่ก็ไม่เคยดองนิยายไว้นานๆหรอกนะ
ก่อนหน้านี้เราก็แต้งแฟนฟิคสองเรื่องพร้อมกันคือเซนต์กับแวนการ์ด
แต่งจบนะแต่ขอบอกเลยว่า.......จะพยายามไม่แต่งสองเรื่องพร้อมกันอีกแล้ว คือมันเหนื่อยมวากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
รับประกันว่าถ้าไม่กำหนดตัวเองไว้ว่าต้องอัพสลับกันไปอาจแต่งไม่จบก็ได้
ขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะ ลองสำรวจตัวเองดูว่าไลฟ์สไตล์เป็นยังไง มีวินัยขนาดไหน ฮึดมั้ย เวลาว่างเป็นยังไง แหล่งข้อมูลแบบไหน ถ้าเรารับได้ก็ลุยเลย 2เรื่องพร้อมกันก็น่าจะโอเคนะเผื่ออยากเปลี่ยนอารมณ์ไปบ้างน่ะ
ฮึดไหม? คงบอกยากอ่ะครับ งานที่โรงเรียนโคตรเยอะเลย ขอฮึดการเรียนก่อนดีกว่า ฮ่าๆ
ตอนนี้เราเขียนสองเรื่องพร้อมกันค่ะ
เป็นเรื่องที่อารมณ์ต่างกันแบบของจขกท.เลยค่ะ
ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นรึเปล่า แต่ตอนเราเขียนเรื่องนึงแล้วจะเปลี่ยนไปเขียนอีกเรื่องนึง ต้องมีเวลาพักค่ะ ปรับโทนอารมณ์ให้อยู่ในโหมดเดียวกับโทนเรื่องนั้นๆ บางทีต้องไปอาบน้ำเพื่อล้างอารมณ์จากเรื่องเก่าเลยนะคะ ไม่งั้นหัวไม่แล่น 5555
แต่ถ้าถามว่ามีโอกาสแต่งจบมากน้อยแค่ไหน ส่วนตัวคิดว่ามันไม่ได้อยู่ที่ว่าเราแต่งทีละกี่เรื่อง แต่มันน่าจะอยู่ที่ความมุ่งมั่นในการแต่งของเรามากกว่า เพราะต่อให้แต่งแค่เรื่องเดียว แต่แต่งไปแต่งมาแล้วเบื่อ มันก็คงแต่งไม่จบเอาดื้อๆ จริงไหมล่ะคะ?
ช่ายย แต่ผมคงไม่ต้องปรับอารมณ์มากถ้าจะแต่งจริงๆ เพราะอารมณ์มันเทาๆ เหมือนกัน แต่แค่เทาน้อยลงมาหน่อยน่ะครับ
เราก็แต่ง 2 เรื่องพร้อมกัน เผื่อเรื่องหนึ่งตันก็เปลี่ยนไปแต่งอีกเรื่องก่อน
ส่วนมากเห็นที่เปิดหลายๆเรื่องหาที่เขียน จบทุกเรื่องยากอยู่น้ายกเว้นไรท์ขยัน มีไฟ มีวินัย55
คนอ่านเองยังเริ่มหวาดหวั่นเลยถ้าอ่านเรื่องหนึ่งอยู่ดีๆแล้วไรท์เตอร์เปิดเรื่องใหม่เพิ่ม
(กลัวว่าเรื่องที่อ่านนี่จะโดนลอยมั้ย หรือช้าลงมั้ย555)
แต่ของแบบนี้ก็อยู่ที่คนเขียน แน่วแน่มุ่งมั่นยังไงก็จบแต่เปอเซนจบต้องน้อยลงอยู่แล้วล่ะถ้าจะเขียนหลายเรื่องพร้อมกันอ่ะนะ
คนอ่านถึงกับหวั่นเลยเหรอ ฮ่าๆ ไม่เอาดีกว่า กลัวโดนคนอ่านลอยแพไปหมด
ช่วงมีไฟ รีบขยันอัพทุกวัน...!
เพราะไฟจะดับมอดในวันหน้า จะวันนี้พรุ่งนี้ไม่อาจรู้ได้...!
...ค่ะ
ตอนนี้ไฟแรงมากครับ อะไรก็ฉุดไม่อยู่แล้ว ฮ่าๆ
แต่งหลายเรื่องพร้อมกันจะวุ่นวายเอามากๆ ถ้าไม่ขยันก็อาจแต่งไม่จบได้ค่ะ และอาจนำท่านเข้าสู่ความตัน.. เช่นเราแต่งสองเรื่องพร้อมกันตอนนี้เรื่องแรกไม่ไหวแล้วค่ะ T^T เลยตั้งใจว่าเรื่องที่สองจบก่อนค่อยกลับไปแต่งเรื่องแรกต่อ เอาเป็นว่าคิดจะทำนู่นทำนี่ไม่ขยันจริงทำไม่ได้นะคะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?