Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

มาทำความรู้จักและมาเป็นครอบครัวคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์กันเถอะ !!!!(แอบเกรียน)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีครับ พี่เป็นบัณฑิตคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์นะครับ สำเร็จการศึกษามาสักพักแล้ว จากมหาวิทยาลัยนเรศวรนะครับ และตอนนี้ก็ยังรักคณะอยู่จนปัจจุบัน ไม่คิดเสียใจหรือรู้สึกว่าเสียดายเวลาที่เรียนมาเลย  ความรู้ทุกระเบียดนิ้วจากคณะมันใช้ได้จริงๆ ตอนนี้ยังขอชีทเก่าจากน้องรหัสมาทวนอยู่เลย อิอิ

น้องๆหลายๆคนอาจจะกำลัง งง ว่า คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์คืออะไร เรียนเกี่ยวกับอะไร จบไปทำงานอะไร เราจะมีเริ่มกันทีละประเด็นเลยละกันเนอะ เพื่อให้น้องๆได้ใช้ในการตัดสินใจในการสอบแข่งขันกันเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกันกับพี่ๆนะครับ

แต่ แต่ แต่ !!!! อย่างแรกเลย น้องต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ก่อนว่า น้องอยากเข้าคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่ออะไร????

การที่น้องจะเลือกคณะ คณะนึง น้องต้องตั้งเป้าหมายก่อนเลย ว่าต้องการอะไรจากคณะบ้าง

+เงิน
+ชอบการทำวิจัย
+เพราะมีคำว่าแพทย์(ดูเท่ห์พอละ ไว้โม้ทับป้าข้างบ้าน เราไม่ใช่แพทย์นะคร้าบบบบบ
+ไม่รู้จะเข้าคณะไหน เห็นชื่อแปลก(อันนี้น่ากลัว ดูลอยๆ ลองมาเข้าค่ายเพาะกล้าดิเผื่อชอบเรา 5555)
etc.

เรามาดิสคัสประเด็นหลักๆกันเลยนะครับ

เรื่อง เงิน ก่อน ในสายงานของคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์นี้ อัตราเงินเดือน จะเฉลี่ย 16000+-20000++(สำหรับเอกชนยังไม่รวมโอทีนะครับ) ในกรณีทำงานกับโรงพยาบาลหรือเอกชนหรือทำงานสายวิจัยนะครับ(ยกเว้นว่าไปเป็น Medical Sale Representative, Drug Detail's supplier etc แนวนี้ขึ้นอยู่กับยอดขายตัวเองครับ อาจจะ 30000+-70000+ ก้อมีครับ) แต่ แต่ แต่ แต่ แต่   พี่กำลังจะพูดถึงประเด็นที่ว่า ถ้าหากน้องอยากรวย ได้เงินเยอะๆ คณะอาจไม่ใช่คำตอบตรงๆซะทีเดียว คณะให้ได้มากที่สุดคือ ความรู้ที่หลากหลายในวงการแพทย์ วงการสุขภาพเท่านั้นครับ เป็นทางอ้อมเป็นการประยุกต์หลังจากจบไปแล้ว ขึ้นกับตัวน้องเอง น้องอาจจะอยากไปเป็นนายทุนบริษัทยา หรือ เครื่องมือแพทย์ ดีเทลยา นักขายอุปกรณ์การแพทย์มือหนึ่ง   ซึ่งรายได้แน่นอน เยอะมาก ครับ    



ไม่รู้จะเข้าคณะไหน เห็นชื่อแปลก ถ้าเป็นกรณีนี้ สิ่งที่พอทำได้คือต้องลองมาเข้าค่ายเพาะกล้าดูครับ จะได้ลองเห็น ลองทำดูจริงๆ ว่าอยากเดินมาที่ถนนเส้นนี้รึป่าว

เพราะมีคำว่าแพทย์ หลายๆคนเข้ามาเรียนเพราะคิดว่าเป็น พบ. หรือ แพทยศาสตร์บัณฑิต ส่วนนี้พี่บอกก่อนเลยว่าเข้าใจผิดนะคร้าบบบบบบบ คุณหมอเขาจะต้องเรียนและเน้นหนักเรื่องการ Diagnosis หรือการวินิจฉัยคนไข้ ร่วมด้วย เพราะนอกจากการการออกแบบการรักษาที่เหมาะสมแล้ว สิ่งที่สำคัญคือการวินิจฉัยโรค ซึ่งนักวิทยาศาสตร์การแพทย์จะไม่ได้เน้นจุดนี้นะครับ  เราไม่ได้เรียนเพื่อเป็นหมอนะค้าบบบ เราเรียนเพื่อเป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์คับผมมมมมมมมมมมมมมมมมม



ชอบการทำวิจัย ชอบการสอน ชอบทำการทดลอง
ถ้าน้องชอบด้านนี้ คณะอาจจะเป็นคำตอบที่ดีมากสำหรับน้องครับ ปีหนึ่ง ส่วนใหญ่น้องก็จะได้เรียนรายวิชาทั่วไป คณิตศาสตร์ ชีวะ เคมี ฟิสิกส์ แต่เจาะลึกกว่าระดับ
มปลาย ลงไปหน่อยครับผม

แต่พอเริ่มขึ้นปีสอง น้องจะต้องเริ่มเลือกแล้วว่าน้องอยากเดินไปทางไหน สายไหน ของวงการวิทยาศาสตร์การแพทย์ ไม่ว่าน้องจะไปเป็นเจ้าหน้าที่วิจัย หรืออยากเรียนต่อเพื่อเป็นอาจารย์แพทย์ หรือไม่อยากเรียนต่อ อยากทำ routine work ก็โรงพยาบาล หรือ แลปเอกชน ต่างๆครับผม(ยังสามารถย้ายสาขาได้ทันในปีสองเทอมหนึ่งนะครับถ้ารู้ตัวว่าไม่ใช่สาขาที่ชอบ) ในช่วงที่น้องอ่านนี้น้องสามารถใช้ข้อมูลในการตัดสินใจว่า ช่วงราวๆปีสองวิชาเอก และวิชาเสรี ซึ่งขึ้นน้องต้องเลือกและตัดสินใจเอง และจะเป็นวิชาที่ปูถนนพาน้องไปยังสายนั้นอย่างเข้มข้นมากขึ้นต่อไปจนถึงปีสี่ น้องอยากไปเป็นอาจารย์แพทย์ อยากทำวิจัย อยากเป็นผู้เชี่ยวชาญ หรืออยากทำงานทางด้านไหนในโรงพยาบาล ในแลปเอกชนทางใด ไม่ว่าจะเป็น เภสัชวิทยา ชีวเคมี จุลชีววิทยา ปรสิตวิทยา สรรีวิทยา กายวิภาคศาสตร์ เคมีวิเคราะห์ทางการแพทย์ etc. 

http://www.medsci.nu.ac.th/web2012/Curriculumn.php

พี่แปะลิงคไว้ให้แล้วนะครับ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดในรายวิชาได้ครับ

ตอนนี้คณะแบ่งเป็น 4 สาขาใหญ่ๆ คือ

สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์
สาขาจุลชีววิทยา
สาขาพยาธิ
สาขาชีวเคมี

จิงๆแล้วพี่จบมาตอนนั้นยังมีเพียงสองสาขานะครับ คือ สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์และสาขาจุลชีวิวิทยา

แต่ตอนนี้คณะแบ่งเป็นหลายสาขามากขึ้น เพื่อรองรับน้องๆและเพื่อความเข้มข้นไปอีกระดับ พี่มั่นใจอย่างมากว่าเข้มข้นขึ้นไปอีก ฮ่าๆ คณะยิ่งแก่ ยิ่งสตรองครับเชื่อพี่

มา มา มา มา ครับพี่กำลังจะเริ่มเขียนจุดไคลแมกซ์ของคณะ เพื่อให้น้องทราบว่าเราต้องเจอะต้องเจออะไรหลักๆบ้าง ในคณะนะครับ พี่จะอธิบายพอสังเขปๆไปนะครับ


เภสัชวิทยาและพิษวิทยา(น้องจะได้เรียนเกี่ยวกับ กลไกยา ว่าตั้งแต่ กินยาเข้าปาก มันผ่านเข้าระบบทางเดินอาหารใดบ้าง เริ่มดูดซึมที่ไหน ผ่านเข้าอวัยวะใดก่อน ต้องไปแปรเปลี่ยนเป็นรูปแบบที่ตับก่อน โดยแปรเปลี่ยนเป็นรูปแบบใด มีรูปแบบนั้นมีความเป็นพิษมั้ยแล้วขับออกทางใด ไต(ฉี่) หรือ อุจจาระ(น้ำดี) ใช้เกณฑ์ใดในการขับออก แล้ว ยาเอ กับ บี กินคู่กันจะเกิดผลยังไงบ้าง กินไปแล้วเป็นพิษทวีคูณ ยิ่งแย่ หรือ เสริมกัน หรือ ทำให้ไปลบล้างฤทธิ์อีกตัว ทำไมยาตัวนี้ทำให้ตับพัง  ทำไมตัวนี้ทำให้ไตวายได้  (ลงกันถึงโครงสร้างสารนาจาาาาาา)    ประมาณนี้เบยยยยยยยยย ส่วนของพิษวิทยาน้องก็จะได้เรียนตั้งแต่ เห็ดพิษ งูมีและไม่มีพิษ(แยกจากเขี้ยว) คางคก ปลาปักเป้า  ลักษณะการออกฤทธิ์ของพิษต่างๆ ทำลายเนื้อเยื่อ ทำลายระบบประสาท etc. คับ

จุลชีววิทยาและปรสิต (ชื่อเชื้อทั้งรา แบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัว ที่สำคัญ เด่นๆ ที่ก่อให้เกิดโรค น้องจะต้องเจอกับมันทุกเชื้อ กลากเกลื้อนที่น้องเป็นน้องจะรู้จักชื่อมันก็คราวนี้ ในแลปก็มีเชื้อให้น้องได้ทำด้วยนะเออ น้องจะต้องรู้จัก Aseptic technique เผาห่วงยังไง สอบปั้นสำลีอุดหลอดทดลอง ต้องหัดเพาะเชื้อเอง สตรีคเพลท(การเขี้ยเชื้อมา เขี่ยลงบนผิวหน้าวุ้นอาหาร ทักษะนี้สามารถช่วยน้องแยกเชื้อได้คร่าวๆ โดยดูจากกลุ่มสีแบคทีเรียที่ขึ้นมาว่าสีอะไร หรืออาจจะต้องจำแนกเพิ่มเติมด้วยอาหารอีกหนึ่งตัวเพราะบางตัวคล้ายกันมาก บางตัวก็ประพฤติตัวคล้ายยุง ชอบกินเลือดย่อยเลือด เราก็จะมีวิธีแยะแยะมันกันครับ) บางแลปน้องก็จะตื่นเต้น แบบว่าเชื้อบางตัวสามารถก่อโรคได้ในกรณีที่คนมีภูมิคุ้มกันบกพร่องมาสัมผัส ประเด็นคือ เป็นเชื้อปอดบวมไง พี่ด้วยความรักเพื่อน เราก็ให้เพื่อนทำหลอดทดลองนั้นไป เรายืนห่วงๆอยู่ห่างๆ 5555 แต่จริงๆแล้วน้องไม่เป็นไรหรอกนะครับ อาจารย์ไม่ใจร้ายให้น้องทำเชื้อโรคร้ายแรงหรือติดต่อได้ง่ายในแลปหรอกนะครับวางใจได้ อิอิ (ยกเว้นน้องรู้อยุ่แก่ใจ และขออาจารย์ฝึกแลป ทำแลปกับอาจารย์ไม่ว่าจะตอนปิดเทอมที่น้องอาจจะเบื่อ อยากจับปิเปต เผาลูป ใจจะขาดแล้ว และด้วยความมุ่งมั่นและสายเลือดนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่สูงมากๆ น้องอาจจะลองไข้หวัดใหญ่ หรือไวรัสตับอักเสบก้อมีนะครับ อิอิ)

กายวิภาคศาสตร์ (น้องๆจะได้พบเจอกับอาจารย์ผู้ให้ อาจารย์ใหญ่กันนะครับ น้องจะได้เรียนตั้งแต่เซลล์ หน้าตาอย่างไรในบริเวณลำไส้ สมองส่วนเซรีเบลลัม สมองส่วนเซรีบรัม มองดูเซลล์รูปลูกบาศก์ รูปคล้ายกระสวยดวงดาว    จนไปถึง ระบบกล้ามเนื้อ และกระดูก ว่า กระดูกชิ้นนี้เรียกว่าอะไร ข้อต่อนี้ชื่ออะไร ร่องบนกระดูกนี้เรียกว่าอะไร ต้องแยกให้ได้นะเออ มีสอบแลปกริ๊งๆ ด้วยนะ อาจารย์วางกระดูกท่อนเดียวชิ้นนั้น(ตอบด้วยข้างไหนซ้ายขวา   ระดับกระดูกเผาแล้วก้อมีนาจาาาาาาาาาาา เหลือต่อนเดียวจริงๆ มีตั้งแต่ปลายๆ ยัน กลางๆต่อนเลยละ ) เอาเข็มจิ้มกล้ามเนื้อมัดนั้น สมองส่วนนั้น ลำไส้ตรงนั้น  น้องต้องเขียนชื่อตอบได้ว่าชื่ออะไร in english นาจา ซึ่งมักจะมีชื่ออวัยวะหรืออะไรใหม่ให้อาจารย์ได้ขบขันเสมอ ช่วงใกล้สอบ  ห้องกรอส อนาโตมี จะถูกเปิดจนถึงเที่ยงคืนเพื่อให้ นิสิตได้มาทบทวนวิชาโดยตรงกับอาจารย์ใหญ่ มีครั้งนึงที่ สมอง ที่อาจารย์ตั้งไว้ให้นิสิตทบทวน ไม่แน่ใจว่าเกิดจากฝีมือนิสิตก่อนหน้าผมท่านใด จับพลิกสมองทบทวนซะสมองเละเลย พี่เลยต้องเดินไปขอความช่วยเหลือจากพี่เจ้าหน้าที่ใจดีประจำชั้น 5 พี่เจ้าหน้าที่ใจดีมาก ให้พี่ล้วงสมองก้อนใหม่ ออกมาจากถังดองสมองเลยละะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ ประสบการณ์พรีเมี่ยมมมมมม

สรีรวิทยา (จากที่เราส่วนใหญ่แล้วมักจะเรียนแยกเป็นระบบๆ   มาถึงจุดๆนี้ น้องจะต้องเริ่มเอาและจับความสัมพันธ์ของหลายๆระบบขึ้นมาเป็นหนึ่งเดียว โยงใยกันเป็นใยแมงมุมเลย ยกตัวอย่าง เช่น น้องกลืนข้าวเข้าไปหนึ่งคำ คนนึงกลืนข้าวเปล่า คนนึงกลืนข้าวผสมเนื้อหมู ตั้งแต่เริ่มเคี้ยว จนถูกย่อยและปล่อยออกสู่ หน้าต่างอันเบิกบานเบื้องล่าง ถ้าน้องอยากทำข้อสอบวิชานี้ได้(คะแนนดีๆ) น้องต้องสามารถอธิบายความสัมพันธ์ไล่ตั้งแต่ ระบบประสาท, ระบบฮอร์โมน,เอนไซม์ย่อย, pHที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นการทำงานในบริเวณต่างๆ, จากข้าวซึ่งเป็นโพลีแซคคาไรด์ขนาดใหญ่ จนได้ มอนอเมอร์ของข้าว และมอนอเมอร์ของหมู อันเนี้ยะ ร่างกายตอบสนองและทำอะไรไปบ้าง   แต่แอบมีถึงระดับโมเลกุลบ้างนะเออ  หลายคนที่เคยผ่านวิชานี้มาถ้า ไม่เกลียด ก็จะชอบไปเลย )

เคมีวิเคราะห์ทางการแพทย์(น้องจะได้เรียนเกี่ยวกับการคำนวณต่างๆ ที่จำเป็นในการใช้ในห้องทดลอง และสำหรับงานวิจัย เพราะในชีวิตจริงเราอาจต้องเจอเงื่อนไขที่ไม่เหมาะสมในการทำการทดลอง เราต้องมีการคำนวณเพื่อปรับ และเพื่อจำลองอะไรบางอย่างเพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำมากขึ้นในการทำวิจัย)  (Accuracy and Precision สองคำนี้จะได้ยินจนเข้าสู่ภวังค์เข้า พุท ออก โธ )  

พยาธิวิทยา(ไม่ใช่การศึกษาพยาธินะครับบบบบ เป็นการศึกษาการก่อ และเกิดโรคว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ลักษณะที่แสดงออกของเนื้อเยื่อเป็นยังไง เซลล์ที่ปกติกับเป็นโรคหน้าตายังไง ต่างกันอย่างไร แบบเน้ๆ มีแลปกริ๊งเช่นเดียวกันคับน้อง จะมี ทั้งส่องกล้อง และดูแบบกรอสหรือระดับใหญ่ๆอวัยวะ ปอดที่เป็นวัณโรค เซลล์ตับที่เริ่มสะสมไขมันเนื่องจากอาจเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์มากไป หนึ่งกริ๊งน้องๆ จะมีอาการเหงื่อออกมา ใจสั่น ที่อ่านมาอะไรแล้ววะ พอข้อถัดไปอาจมี เอ้ย เราเรียนด้วยเหรอ 55)



ชีวเคมี น้องจะได้ศึกษากลไกระดับเซลล์และโมเลกุลเลยละคับ ว่ากว่าที่เรากายเราจะผลิตสารหรือฮอร์โมนนั้นขึ้นมา ต้องมีกระบวนการตั้งแต่ระดับ ดีเอนเอ ไปเป็น mrna แล้วเป็นโปรตีน แต่มันจะเจาะลงไปอีกครับน้องๆ เช่น DNA polymerase จะไปจับตรงส่วนไหน จับอย่างไร เพื่อที่จะเริ่มจำลองตัวเองของดีเอ็นเอ   มีตัวช่วยอื่นอีกไหม แล้วE2F, Promoter คืออะไร แล้วกลไกอะไรของเซลล์ที่ควบคุมไม่ให้เซลล์แบ่งตัวเกินไป ซึ่งอาจพัฒนาจนกลายเป็นมะเร็ง อารมณ์นี้เลย มีวิชานึงข้อสอบสองสามบรรทัดเอง แต่เขียนตอบไป 3-5 หน้าเอสี่ เพราะว่าข้อสอบนี่จะให้น้องร่ายเพื่อพิสูจน์ หรือสร้างการทดลอง ออกแบบแลปออกมาเลย ว่าจะพิสูจน์อย่างไรกรณีที่ ผู้ป่วยคนหนึ่งถูกต้องสงสัยว่า ก้อนเนื้อที่ผุดขึ้นมาอาจเป็นเนื้อร้ายหรือเป็นมะเร็ง เราต้องพิสูจน์เนื้อร้ายนั้นว่าเป็นเนื้อร้ายหรือยังหรือแค่เป็นเนื้องอกทั่วไป น้องต้องอาจเริ่มตั้งแต่ตัดตัวอย่างเนื้อเยื่อ ไปบดแล้วเติม เอนไซม์เพื่อย่อยให้ได้ดีเอนเอออกมา จึงนำไปปั่น บลาๆๆๆๆๆๆๆ ออกมา อื้อหือ น้องเข้าใจพี่ใช่มั้ย น้องเข้าใจพี่ใช่ป่าว 55 ต้องตอบแบบชีวเคมีจ๋าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา เท่านั้นนะ อิอิ


วิชาเหล่านี้คือวิชาหลักๆเลยที่น้องๆต้องประสบพบเจอ แต่ยังมีอีกหลายๆเรื่องนะครับ พี่แค่ยกตัวอย่างคร่าวๆว่าเรียนเกี่ยวกับอะไรเฉยๆนะครับ

บางวิชาเรียนไป จะสอนน้องเรื่องการเลี้ยงเซลล์สำหรับการทดลอง การทำเนื้อเยื่อเพาะเลี้ยงในพืช สอนตั้งแต่การผสมอาหารเซลล์เลยครับ จบคอร์สนี้ไป น้องๆจะสามารถรู้ได้ว่า เราจะสามารถเลี้ยงเซลล์สำหรับเตรียมการในการทำวิจัยทางการแพทย์ได้อย่างไร หรือแม้แต่การตัดเอาส่วนที่มีอัตราการงอกสูงของพืชมาวางบนอาหารวุ้น น้องก้อจะได้ต้นไม้ต้นใหม่ขึ้นมาเลยนะ ฟังดูอัศจรรย์มั้ยละครับ อิอิ

วิชาสัมมนาคืออีกหนึ่งวิชาที่น้องต้องผ่านก่อนที่จะออกไปโลดแล่นในโลกกว้าง ถามพี่ๆ น้องๆที่เคยผ่านรายวิชานี้มา ล้วนต้องระทึกกันทุกคน รายวิชานี้ น้องจะจับคู่ หรือเดี่ยวก็ได้ ให้หางานวิจัยมา ทำความเข้าใจ แล้วนำเสนอครับ การเตรียมตัวของเราเปรียบเสมือนโล่ห์ไม้น่ารักๆในการ์ตูน Ragnarok แต่คำถามอาจารย์เทียบได้กับปืนใหญ่ป้อมปราการ Soulstrike, น้ำจากรถดับเพลิง ระเบิด ประมาณนี้เลย น้องตอบคำถามที่อาจารย์ถามไม่ได้ เตรียม นับ หนึ่ง สอง สาม แล้วจึงกัดลิ้นตัวเองครับบบบ เหมือนดั่งน้องจะโดนถลกหนังทั้งเป็นกลางเวทีมิสยูนิเวิร์สเลยละครับท่าน ไปอ่านซะนะ กลกงกลไก ความเป็นมาเซลล์ สารเสิร ในงานวิจัยต้องรู้ ต้องเป๊ะนะ 55

กว่าจะจบสี่ปี น้องจะได้รู้เทคนิคการตัดชิ้นเนื้อ การย้อมสี ทั้งย้อมชิ้นเนื้อ ย้อมเชื้อโรค การทำแลปทางชีวเคมี เช่น PCR ,Western blot,Bradford assay, Evaporation บลาๆ น้องจะได้เจอการทดลอง การวิจัยตั้งแต่ระดับ In silico คือใช้คอมพิวเตอร์และซอฟแวร์ออกแบบรูปร่างโปรตีน ชีวโมลเลกุลต่างๆ เพื่อดูว่าสารชนิดนี้มีโครงสร้างยังไงในเบื้องต้น จากคอมพิวเตอร์ น้องก็จะมาเจอระดับเซลล์ซึ่งมีตั้งแต่เซลล์มะเร็ง จนถึงเซลล์ในเนื้อเยื่อปกติ(In vitro)  จากระดับเซลล์น้องก็อาจจะต้องเจอ(ถ้าเลือกจะเจอ)ระดับอาจารย์ใหญ่น้อยๆของน้อง นั่นก็คือสัตว์ทดลองนั่นเอง(In vivo) แต่ละเทคนิคนี่น้องจะได้เรียนตั้งแต่ทฤษฏียันปฏิบัติครับ น้องๆที่คิดจะทุ่มตัวเองไปสายงานวิจัยควรที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์การใช้เครื่องมือ และแลปให้เยอะไว้มากๆนะครับ ปัจจุบันอาชีพนักวิจัยมีอัตราการขยายตัวมากขึ้น เพื่อพัฒนาประเทศ และเป็นที่ต้องการของอาจารย์มหาลัยต่างๆด้วย บางที่จะ Require lab skills เลยนะครับ ว่า มีทักษะอะไรบ้าง เคยทำอะไรมาบ้าง

พีคกว่าเมื่อน้องเข้าสู่ปีสี่ น้องจะต้องเลือกแล้วว่า
อยากทำโปรเจคงานวิจัยที่มหาลัย อยากฝึกงานที่ใด อยากไปสหกิจรึป่าว(แปลว่าต้องเตรียมตัวหาข้อมูลให้เสร็จก่อนปีสี่ สักปีสาม เทอมหนึ่ง ก็เริ่มได้แล้วนะครับ)

ถ้าน้องจะทำโปรเจคการทดลอง น้องก็ต้องเริ่มติดต่ออาจารย์แล้วนะ ว่าหนูสนใจทำงานวิจัย ทำโปรเจคกับอาจารย์ท่านใด

ฝึกงาน น้องต้องส่งคำร้อง หรือติดต่อที่ฝึกงาน ก็มีหลายที่มากทั้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศิริราช มหิดล เวชศาสตร์เขตร้อน โรงพยาบาล แลปเอกชน ศูนย์วิจัยต่างๆ    แล้วแต่น้องเลยครับ น้องสามารถถามข้อมูลที่ฝึกงานเก่าๆของรุ่นพี่ได้ที่สำนักงานนะครับ คือเยอะมากๆ

สหกิจศึกษา มีแบบ ในประเทศ กับ แบบ นอกประเทศครับ
แบบในประเทศ น้องจะทำกับบริษัทเอกชนครับ ทำไป ได้เงินเดือนด้วยนะเออ

แบบต่างประเทศ น้องต้องเตรียมตัวหน่อยคือ น้องต้องไปสอบ CEPT(CEPT: Cambridge English Placement Test) ให้ได้อย่างน้อยระดับ B1 น้องเริ่มสอบได้ตั้งแต่ ปีสองเทอมสองก็ได้นะครับ ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย จากนั้นน้องต้องบอกกล่าวกับอาจารย์ว่ามีความประสงค์อยากไปสหกิจต่างประเทศครับผม น้องก็ต้องเริ่มวิ่งเต้น ติดต่อกับอาจารย์ต่างประเทศ กรณีที่น้องอยากไปที่ใหม่  น้องเริ่มต้องใช้อีเมล์เยอะขึ้น ส่งข้อมูลไปว่าเราเคยทำงานวิจัยนี้มา ซึ่งคล้ายกับของคุณ และเราต้องการทำแลปกับคุณ โดยค่าใช้จ่ายทางมหาลัยเราจะออกให้(มีเรทการให้ทุนสหกิจอยุ่ครับ เลือกประเทศที่แบบค่าครองชีพไม่แพงมากก็จะพอครับผม ถ้าหากว่าเกินเราต้องจ่ายส่วนต่างเองนะครับ แต่พี่ยืนยันว่าถ้าค่าครองชีพไม่สูงมาก และน้องไม่ฟุ่มเฟือยยังไงก็พอครับ) กรณีนี้จะล่าช้าหน่อย เพราะเหมือนเราต้องโฆษณาตัวเราเองให้เขายอมรับให้ได้  (สถานที่ที่คณะยังไม่มีConnection หรือไม่มีอาจารย์ท่านใดเลยมีConnection ซึ่งไม่แนะนำนะเดี๋ยวจะเลยเวลาสัมภาษณ์ซึ่งวันนั้นน้องต้องได้รับจดหมายตอบรับแล้ว)  อาจารย์ในคณะเรานั้นจบนอกมาหลายท่านครับ ทั้ง ญี่ปุ่น อเมริกา ยุโรป etc.          จะง่ายกว่ามากถ้าหากให้อาจารย์ช่วยติดต่อให้อีกทาง หรือจะให้รุ่นพี่ๆที่เคยไปในรุ่นก่อนช่วยติดต่อให้อีกทางก็ได้ครับผม รุ่นพี่ที่เคยไปมามีทั้ง

UM(University of Malaya) ประเทศมาเลเซีย 2016 World Ranking 146
PolyU(Hong Kong Polytechnic University) 2016 World Ranking 201-250
HKU(University of Hong Kong) 2016 World Ranking 44 อันดับ 1-3 ของเอเชีย
มีอเมริกาด้วยครับ แต่พี่จำชื่อยูไม่ได้ครับผม

  หลังจากได้จดหมายตอบรับ น้องก็จะถูกคณะสัมภาษณ์ก่อน สอง สาม รอบครับ ถ้าผ่านแล้วก็จะถูกส่งไปสัมภาษณ์ระดับมหาลัย ซึ่งการสัมภาษณ์ระดับมหาลัยน้องต้องเตรียมตัวดีมากๆเลย เพราะมีคณาจารย์(เป็นกลุ่ม) นั่งล้อมวงเต็มห้องประชุม แล้วปล่อยให้น้องนำเสนอตัวเองและแลปที่จะไปทำ จากนั้นจึงเล็งแล้วยิงตอปิโด ปรมาณู รังสีแกมม่า ***(In English)พุ่งพล่านมาใส่น้องด้วยคำถามจากหลายสำนักหลายศาสตร์ 5555   น้องต้องใช้ชั้นไขมันหนาๆของน้องตั้งรับให้ได้ ใครตั้งรับไม่ได้ น้องก้จะล้มลงกับพื้น นอนกองแบบนั้น อาจารย์ทั้งหลายจะค่อยๆเดินมาขยุ้มขย้ำกินน้องจากภายนอก ออกจากห้องสัมภาษณ์รายบุคคล น้องจะเหมือนนิสิตที่ไปบริจาคเลือดสภากาชาดมาสามถุงในวันเดียว  พี่ไซโคน้อง แต่อันนี้จริงนะมีน้องๆหลายคนเสียน้ำตาในห้องนี้นะครับ โหดนะ เตรียมตัวดีๆนะครับน้องๆ สู้ๆ


**(มีเรทการให้ทุนสหกิจอยุ่ครับ เลือกประเทศที่แบบค่าครองชีพไม่แพงมากก็จะพอครับผม ถ้าหากว่าเกินเราต้องจ่ายส่วนต่างเองนะครับ แต่พี่ยืนยันว่าถ้าค่าครองชีพไม่สูงมาก และน้องไม่ฟุ่มเฟือยยังไงก็พอครับ) 

หลังเรียนจบน้องจะโล่ง แต่ไม่อยากกลับ ไม่อยากไปจากคณะ แต่น้องต้องก้าวต่อ บางคนก็ไปช่วยกิจการทางบ้าน บ้างก็เรียนต่อ บ้างก็ไปประกอบอาชีพที่อยากทำ


*ตอนนี้รุ่นพี่ๆที่ทำงานแล้ว มีทั้งทำงานในแลปเอกชนตรวจระดับไวรัสบ้าง
*เป็นนักวิจัยในศูนย์วิจัยมหิดลบ้าง Biotecบ้าง ศิริราชบ้าง ช่วยกันทำวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ทางการแพทย์ร่วมกับคณะวิจัยแนวหน้าของไทย
*ตัดชิ้นเนื้อดูพยาธิการเกิดโรค อยุ่ที่ไหนสักที่ในประเทศไทยบ้าง
*เป็นนักจุลชีววิทยาอยุ่ข้างจังหวัดที่ติดทะเลบ้าง ติดคลองแสนแสบบ้าง
บ้างก็ไปเรียนต่อ อยากเป็นอาจารย์หมอบ้าง
etc.


น้องจะเห็นว่าเราต่างก็ช่วยเพื่อนมนุษย์เหมือนกัน แต่เราแค่ยืนและทำในตำแหน่งบนโลกนี้ที่ต่างกันออกไป   อนาคตเรา ออกแบบซะนะครับ 

****มีหลายคนท้วงว่า ไม่เจาะอะไรเลยรึป่าว เรียนแบบผ่านๆรึป่าว พี่ตอบเลยว่า ม่ายจริงเลยยยยยยยยยยยย แค่ตอนที่พี่มีแค่สองสาขาก็มีความรู้เพียงพอที่จะไปเรียนต่อหรือประกอบอาชีพสบายๆแล้วครับน้องลองมาเรียนดูกันครับ อิอิ  ตอนนี้พี่เข้าไปดูสาขาที่แบ่งแยกแบบเจาะจงไปอีก แต่ละรายวิชา มีเทคนิคใหม่  เช่น Stem cell, Proteomic, etc.  องค์ความรู้ใหม่ ที่จำเป็นในงานวิจัยในสากลโลก เพราะเราต้องก้าวให้ทันโลกด้วยนะครับ

อ่อ อีกอย่างที่มักถูกเปรียบเทียบบ่อยๆ คือ ใบประกอบโรคศิลป์ ใช่ๆเลยๆ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ณ ปัจจุบันนั้นยังไม่ได้มีใบประกอบโรคศิลป์นะครับ(ในอนาคตต้องดูกันไปครับ) แต่ แต่ แต่ แต่ สิ่งนี้ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อการสมัครงาน ชีวิตน้องเลยนะครับ หรือผิดแผกอะไรนะครับ สิ่งที่สำคัญจริงๆ คือ ใบปริญญาบัตรของน้องๆนั่นเองครับว่า น้องจบการศึกษาจากคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ครับผม และอีกอย่างคือองค์ความรู้สะสมสี่ปีในสมองอันน่ารักของน้องๆนั่นเองครับ อิอิ นี่ละครับ ใบเบิกทางที่สำคัญ

ไม่ว่าน้องจะลงวิชาเพื่อทำงานรูทีนในโรงพยาบาล หรือลงวิชาเพื่อเรียนต่อ โท เอก ในอนาคต หรือเพื่ออะไรก็แล้วแต่ แต่สิ่งหนึ่งที่จะยังคงเข้มข้นเสมอในสายเลือดน้องไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี คือ สายเลือดนักวิจัยทางการแพทย์นะครับ

#ผู้ปิดทองหลังพระทางการแพทย์ The Medical Scientist


ขอบคุณครับที่อ่านกันจนจบนะครับ ขอบพระคุณอาจารย์ทุกท่านที่ได้สั่งสอนและให้ความรู้ผมมา ยืนยัน นอนยันว่า อาจารย์น่ารักทุกท่านครับ

ขอประทานอภัยเรื่องภาษาวิบัตินะครับ ผมพิมพ์ติดมือแบบนี้ไปแล้วครับผม อิอิ

น้องๆที่สนใจ      แต่ยังไม่แน่ใจ       สามารถมาสมัครเข้าร่วมค่ายเพาะกล้าของคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยนเรศวรได้นะครับ พี่แปะลิงคให้ด้านล่างนี้นะครับ สู้ๆนะครับน้องๆ มาให้ถึงฝันกันครับ


https://www.facebook.com/PohKla.Camp.MS/?fref=ts

แสดงความคิดเห็น

>

14 ความคิดเห็น

abcdefon 29 มิ.ย. 59 เวลา 11:50 น. 1

พี่ก็เรียนอยู่สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ค่ะ พี่บอกเลยค่ะว่าการเรียนที่นี่เข้มข้นมาก แต่อ.ใจดีนะคะพี่ๆมนคณะก็น่ารักเยี่ยม

0
Thank--->tank 29 มิ.ย. 59 เวลา 14:57 น. 2

เคยเรียนวิทย์แพทย์ค่ะ พี่อบอุ่น อาจารย์น่ารัก เป็นคณะที่อบอุ่นตั้งแต่ลุงยาม รุ่นพี่ อาจารย์ และคณบดีเลยที่เดียววว 

0
PeNTaGRaMHeCaTe 29 มิ.ย. 59 เวลา 18:03 น. 3-1

เอาสัก 3-5 ตย ที่พี่พอทราบจากรุ่นเดียวกันไปอ่านก่อนนะครับ

อันนี้ย้ำว่าเป็นงานแลป ซึ่งหมายถึงไม่ได้เกี่ยวกับงานวิจัยนะครับ คืองานที่ทำในแลปซึ่งเปิดโดยเอกชนครับผม

-BRIA lab มีทั้งแลปชีวเคมี และ พยาธิเลยครับ แนวย้อมสีและตัดชิ้นเนื้อคนไข้ที่มีความเสี่ยงหรือต้องสงสัย และใช้เครื่องมือชีวเคมีร่วมด้วยครับในการตรวจหาระดับไวรัสต่างๆ

-กรุงเทพ พยาธิ แลป ------แลปพยาธิครับ แนวตัดชิ้นเนื้อเช่นกันครับ ย้อมสีและดูความผิดปกติระดับเซลล์


-โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศ (เป็นพาร์ทแยกออกจากตัว รพ. ทำงาน 6 วัน ถือว่าเข้าข่ายเอกชน

-บริษัทเครือ สหฟาร์ม แลปทางจุลชีวิทยา แนวควบคุมคุณภาพ


-R&V intertrade แลปเอกชน แนวอิมมูน หรือ ใช้ความรู้ทางวิทยาภูมิคุ้มกันครับ

-ศูนย์วิจัยพ่อแม่พันธุ์กุ้งทะเล 2
ในเครือเจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF)
เนื้องานจะมีการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำที่ใช้ในการเลี้ยงกุ้งทั้งทางด้านเคมี และด้านจุลินทรีย์ ควบคุมการใช้จุลินทร์ทรีย์ในการเลี้ยงกุ้งพ่อแม่พันธุ์ ควบคุมและป้องกันการเกิดโรคในกุ้งพ่อแม่พันธ์ และการทดลองอื่นๆ ส่วนมากจะเป็นการทดลองเพื่อพัฒนากระบวนการใช้จุลินทรีย์(แบคทีเรีย รา สาหร่าย)ในการเลี้ยงกุ้งพ่อแม่พันธุ์

0
volumetric-analysis 29 มิ.ย. 59 เวลา 21:11 น. 4

น้ำตาจะไหล ในที่สุดก็มีคนเข้าใจว่าเรียนชีวเคมีมันเป็นยังไง ตอนนี้เรียนอยู่ ชีวิตมีความสุขมาก ทำแลปเพลิน สอบก็เพลินดีนะ ฟินเลย
#อาจารย์น่ารัก รู้สึกเป็นครอบครัวมาก 
#รุ่นพี่น่ารัก โสดเยอะด้วย

0
PeNTaGRaMHeCaTe 30 มิ.ย. 59 เวลา 23:55 น. 6-1

ส่วนตัวพี่ไม่ได้สำเร็จการศึกษาจากคณะสหเวชศาสตร์ ทางเทคนิคการแพทย์นะครับ อาจให้คำตอบได้ไม่ชัดเจน 100 percent นะน้อง แต่จากที่พี่เปิดดูรายวิชาหลักสูตรแล้วก็จะเห็นความต่างของหลักสูตรที่จะปูทางไปในสายอาชีพ,ความสนใจและองค์ความรู้ที่เน้นต่างกันได้ครับ

0
อ๊บอ๊บ 2 ก.ค. 59 เวลา 21:48 น. 6-2

เทคนิคการแพทย์จะเน้นไปทางคลินิก เน้นทำงานโดยตรงกับผู้ป่วยเป็นหลัก ส่วนมากจะทำงานในโรงพยาบาลครับ ส่วนวิทยาศาสตร์การแพทย์จะเน้นวิชาทางพรีคลินิค จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยมาก ส่วนมากจะเป็นหน่วยสนับสนุนในแล็ป จะทำงานในกลุ่มของนักวิจัยทางการแพทย์ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ นักจุลชีววิทยา นักพยาธิวิทยา เป็นต้น ซึ่งเมื่อจบออกมาก็จะไปฝังตัวอยู่ในแล็ปต่างๆ เช่น กรมวิทยาศาสตร์บริการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แล็ปเอกชนด้านการแพทย์ และอื่นๆอีกมากมายครับ ^_^

0
PeNTaGRaMHeCaTe 3 ก.ค. 59 เวลา 22:58 น. 6-3

ขอบคุณมากครับ ที่เข้ามาช่วยตอบ งืออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ

เยี่ยม

0
ฟริ้งค์ 2 ก.ค. 59 เวลา 16:46 น. 7

กำลังสนใจเลยค่ะ ตอนนี้หนูอยู่ม.4 กำลังจะเตรียมตัวมุ่งหาคณะที่ชอบอาชีพที่ใช่ สนใจเทคนิคการแพทย์และวิทยศาสตร์การแพทย์อยู่ค่ะแต่ครอบครัวก็จะชอบถามตลอดว่า จบไปทำอะไร? เรียนแพทย์ไปเลยไม่ดีกว่าหรอ? คือหนูอยากทำงานเกี่ยวกับแพทย์ค่ะแต่หนูไม่ได้อยากเป็นแพทย์ (เอ๊ะ ยังไง 555555555)

1
PeNTaGRaMHeCaTe 3 ก.ค. 59 เวลา 02:11 น. 7-1

สู่ๆนะคับน้อง หาตัวเองให้เจอคับแล้วพุ่งให้สุดแรงๆ

0
QWERT 3 ก.ค. 59 เวลา 19:30 น. 8

เงินเดือนแพทย์จริงๆนั้นไม่ได้สูงมาก แต่ที่เยอะคือค่า df ต่อ จำนวนผู้ป่วยครับ แปลว่าต้องมีผู้ป่วยจำนวนมหาศาล(เหนื่อยมากเพื่อต้องแลกกับเงินจำนวนนี้)....อันนี้ไม่ใช่ครับ
เป็นหมอไม่ได้รวยครับ ถ้าอยากรวยให้ไปอาชีพอื่น

0
PeNTaGRaMHeCaTe 3 ก.ค. 59 เวลา 21:01 น. 9

โอ่ว จิงด้วยครับ ผมแก้ไขให้แล้วนะครับ ถ้าอยากให้แก้ไขเพิ่มเติมส่วนไหนสามารถบอกได้นะครับ วันนั้นนั่งพิมพ์ตอนตีสาม เลยเบลอไปหน่อย ขอโทดและขอบคุณด้วยนะครับผม  ถ้ามีข้อมูลเชิงลึกที่อยากจะฝากบอกน้องๆ สามารถบอกผมได้นะครับ เดวผมช่วย Edit ข้อมูลให้ครับ น้องๆรุ่นต่อไปจะได้สามารถใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจว่าอยากทำอะไรในอนาคตของน้องๆกันครับ ^^

0
gaga 3 ก.ค. 59 เวลา 21:47 น. 10

เจอมาแล้วครับชีวเคมี มึนมาก จะปี 3 แล้วครับ

#วิทย์แพทย์ ม.หัวเฉียว รุ่นที่ 2

1
มิ้นท์ 5 ก.ค. 59 เวลา 16:43 น. 11

ถ้าสนใจเรียนต่อระดับมหาบัณฑิต สาขาสรีรวิทยา ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างคะ ต้องสอบเข้าไหม แล้วการเรียนการสอนของที่นั่นเป็นอย่างไรหรอคะ บรรยากาศการเรียน ข้อสอบแนวไหน ประมาณไหน อาจารย์สาขาใจดีไหมคะ
ขอบคุณมากๆค่ะ

4
PeNTaGRaMHeCaTe 5 ก.ค. 59 เวลา 23:41 น. 11-1

อย่างแรกเลยคำถามคือ ต้องการทุนรึป่าวครับ ถ้าต้องการจะมีพี่ๆ จนท รับเรื่องที่สำนักงานนะครับ แล้วก็ ต่อจากนั้นต้องถามใจตัวเองว่า อยากทำวิจัยไปในเส้นทางไหนครับ เช่น Neuro sys, GI sys, Reproductive sys, Respiratory sys etc. ประมาณนี้คับ แล้วก็ที่แนะนำและจำเป็นอย่างมากเลยคือ หาข้อมูลงานวิจัยอาจารย์ที่สนใจ และโทรศัพท์กรณีบ้านอยู่ไกล หรือ อีเมล์ หรือจะเข้าไปคณะไปพูดคุยกับอาจารย์ก่อนได้จะดีมากครับ #อาจารย์ใจดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ที่อยากให้เข้าไปคุยเพราะว่า การเรียนปริญญาโทเนี่ย นอกจากทอปปิคงานวิจัยที่ตัวเองสนใจแล้ว ไลฟสไตล์ เคมี ระหว่างอาจารย์กับศิษย์ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องนึงเลยนะคับ

ยังไงก็สู้ๆนะคับ All the best na khab^ ^

0
PeNTaGRaMHeCaTe 6 ก.ค. 59 เวลา 15:25 น. 11-3

ผมสำเร็จการศึกษาจากสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ครับผมตั้งใจ

0
jeab 28 พ.ค. 62 เวลา 20:12 น. 12

ลูกสาวสอบติดวิทย์การแพทย์ชีวเคมี จุลชีวค่ะ ที่ ม. นเรศวรค่ะ กระทู้นี้ให้ความรู้มากๆเลยค่ะ ขอบคุณนะค่ะ

0
MZ_Naritpreeya 10 เม.ย. 63 เวลา 20:06 น. 13

สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์หางานยากกว่าสาขาอื่นๆจริงรึเปล่าคะ เห็นพี่ที่เรียนอยู่บอกว่าหางานยากมากๆ

0