Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

สยอง แพทย์สมัยก่อนใช้"เหล็ก"เสียบเข้า"เบ้าตา"เพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีอาการทางจิต

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่



ในช่วงปี 1930 ความพยายามรักษาผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตในสหรัฐฯ มีความโหดร้ายและป่าเถื่อนอย่างมาก ซึ่งแทนที่แพทย์ในสมัยนั้นจะพยายามรักษาอาการของผู้ป่วยจากสาเหตุที่แท้จริง แต่แพทย์กลับเริ่มทำการทดลองรักษาผู้ป่วยด้วยวิธีต่างๆ


และ "Lobotomy" (การผ่ากลีบ) ก็เป็นวิธีหนึ่งที่แพทย์ในสมัยนั้นนิยมใช้รักษาผู้ป่วยทางจิต ด้วยการใช้ "สว่านเจาะ" ไปที่บริเวณสมองกลีบหน้า แล้วทำการขยับให้เส้นประสาทเสียหายเป็นการลบบุคลิกภาพของผู้ป่วย ทั้งยังทำให้ผู้ป่วยเชื่อฟังคำสั่งของคนอื่นอีกด้วย แต่ขั้นตอนการผ่าตัดนั้นต้องทำในห้องผ่าตัดที่มีอุปกรณ์ฆ่าเชื้อและยาสลบ เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย

และ "Lobotomy" (การผ่ากลีบ) ก็เป็นวิธีหนึ่งที่แพทย์ในสมัยนั้นนิยมใช้รักษาผู้ป่วยทางจิต ด้วยการใช้ "สว่านเจาะ" ไปที่บริเวณสมองกลีบหน้า แล้วทำการขยับให้เส้นประสาทเสียหายเป็นการลบบุคลิกภาพของผู้ป่วย ทั้งยังทำให้ผูแต่แล้วต่อมาในปี 1945 แพทย์ชาวอเมริกันชื่อ Walter Freeman ก็ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการผ่าตัดแบบเดิมของ Lobotomy ด้วยการเปลี่ยนมาใช้ "ที่เจาะน้ำแข็ง" เจาะเข้าไปที่ "เบ้าตา" ของผู้ป่วยโดยไม่ต้องมีถุงมือหรืออุปกรณ์อะไรมากมาย และคิดค่าบริการเพียง 25 เหรียญเท่านั้น โดยเรียกวิธีนี้ว่า "Transorbital Lobotomy" 

ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจมากเพราะในปี 1949 มีผู้ป่วยทางจิตมากถึง 5,000 คน/ปี ที่ถูกรักษาด้วยวิธีนี้ มีทั้งคนยุโรปและอเมริกาซึ่งรวมกันแล้วมีจำนวนมากกว่า 50,000 คนเลยทีเดียว และถึงแม้ว่าชาติอื่นๆ จะนิยมการรักษาอาการทางจิตด้วยวิธีนี้ แต่สหภาพโซเวียตกลับเป็นประเทศแรกที่ปฏิเสธและห้ามไม่ให้ผ่าตัดด้วยวิธีนี้เนื่องจากเป็นการรักษาที่ไร้มนุษยธรรมนั่นเอง
จนกระทั่งปี 1960 - 1970 ก็มีการพิจารณาและตรวจสอบการรักษาด้วยวิธีนี้แล้วพบว่า มันเป็นการผ่าตัดที่ป่าเถื่อนมาก ทั้งยังส่งผลเสียต่อผู้ป่วย และเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตมากกว่าจะช่วยให้หายป่วยอีกด้วย ดังนั้นจึงมีการยกเลิกการรักษาด้วยวิธีนี้ไปในที่สุด 


cr.http://www.clipmass.com/story/104947

แสดงความคิดเห็น

>