ไม่ง่ายเลยที่จะเรียนหมอด้วยภาษาจีน(แชร์ประสบการณ์) จากอักษรฯจุฬาสู่แพทย์ม.ปักกิ่ง
สวัสดีค่ะ มาแชร์ประสบการณ์เนอะ พี่จบอักษรฯ จุฬา รับปริญญาเมื่อปลายปี 2015
ตอนนี้กำลังเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งค่ะ หวังว่าจะได้เป็นแนวทางให้น้องๆได้นะคะ
ผ่านพ้นปีแรกของการเรียนหมอที่เป่ยต้ามาจนได้ (เป่ยต้า เป็น ชื่อเล่นของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง)
ตอนอยู่อักษรฯเคยเสียน้ำตาเท่านี้มั้ย ?? บอกเลยว่าไม่!
แค่เนื้อหาของการเรียนหมอก็ยากมากแล้ว แต่นี่ยังต้องมาเรียนหมอด้วยภาษาจีนซึ่งไม่ใช่ภาษาที่พูดได้ตั้งแต่เกิด ก่อนจะผ่านมันมาได้ นึกย้อนไปช่วงนั้น ช่วงที่คิดอย่างหนักว่าจะเลือกเรียนที่ไหนดี ระหว่าง…..
มหาวิทยาลัยฟู่ตั้นซึ่งสอนโดยใช้ภาษาอังกฤษ กับ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ที่ใช้ภาษาจีนทั้งหมดในการสอน สารภาาพว่าคิดเยอะมาก ปรึกษาเพื่อนๆและใครหลายคน ส่วนใหญ่จะเชียร์ให้ออมเรียนฟู่ตั้น(Fudan university) เพราะทุกคนกลัวเราเรียนไม่ไหว กลัวมันจะหนักเกินไป เนื่องจากภาษาจีนเราก็ไม่ได้เก่งถึงขั้นเทพ พูดคล่องปรื๋ออะไรเบอร์นั้น เรียนเป็นภาษาอังกฤษน่าจะสบายใจกว่า (แต่ภาษาอังกฤษเราก็ไม่ได้เทพอยู่ดีนะ – -แค่คิดว่าคงดีกว่าภาษาจีน555)
กระนั้นก็เถอะ ท้ายที่สุดเราก็เลือกเป่ยต้า(Peking University) ด้วยความอยากท้าทายตัวเองและชื่อเสียงระดับโลกของมหาวิทยาลัยที่มีมายาวนาน ทำให้เกิดกิเลสอยากเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่โดยไม่สนใจว่าจะเรียนรอดมั้ย จนกระทั่งช่วงที่รู้ผลสอบว่าติดเป่ยต้าใหม่ๆ พ่อกับแม่กลัวเราเรียนไม่ไหว ถึงกับมีการปรึกษากันเราสามคนพ่อแม่ลูกว่า จะบอกคนอื่นว่าไปเรียนภาษาดีมั้ย เผื่อเรียนไม่ไหวจะได้กลับมาเลย ฮ่าๆๆๆๆ เรานี่แอบน้อยใจอยู่เหมือนกัน แต่อีกมุมหนึ่งก็เป็นการกระตุ้นและท้าให้เราไม่ยอมแพ้ คิดว่าได้มีโอกาสไปเรียนแล้ว ยังไงก็ต้องรอด ต้องทำเต็มที่ก่อน ที่เหลือจะเป็นยังไงเอาไว้ทีหลังละกันเด้ออออ
ออมชอบคำพูดของพี่คนนึงที่เคารพระดับหนึ่ง เพราะช่วงนั้นเราเครียดมาก ใกล้สอบแล้วเลยทักพี่เค้าไปคุย เพราะกลัวเรียนไม่ไหว พี่เค้าบอกประโยคนึงแล้วเราประทับใจมาก พี่เค้าบอกว่า
“พระเจ้าคงไม่ส่งน้องไปที่นั่นเพื่อกินอาหารจีนอย่างเดียวแน่” โอ้โหห ประโยคนี้แหละ เราขำและหยุดเศร้าเลย
เหมือนมีอะไรมาสะกิดเปลือกสมอง ก็จริงแฮะ งั้นเราทำเต็มที่ละกัน พระเจ้าคงมีแผนการณ์ของพระเจ้าอยู่แล้นน
เทอมแรกน่ะหรอ บอกเลยว่าร้องไห้แทบทุกวัน มันเหงาหงอย หดหู่อย่างบอกไม่ถูก นั่งเฉยๆน้ำตาก็ไหลเอง ยังคิดว่าไปแสดงละครได้อยู่นะเราเนี่ย เห้ออ TT คงเพราะอากาศหนาวชวนให้ใจเหงาก็เป็นได้ อีกทั้งมลพิษที่ขึ้นชื่อของเมืองปักกิ่งทำให้เราอยากจะหายใจออกอย่างเดียว หายใจเข้านี่ไม่อยากจะทำเลย ยิ่งตอนนอนยังต้องใส่หน้ากากอนามัยนอนเลยค่ะ พอเปิดเรียนมาได้ไม่เท่าไหร่ ก็ได้เจอเนื้อหาในหนังสือที่บอกเลยว่าจบอักษรฯมาช่วยได้แค่การอ่านตัวจีนและเทคนิคการเปิดดิกชันนารี ฮ่าๆๆๆๆ ศัพท์เฉพาะทางทั้งนั้น สมัยเรียนอักษรฯเราเรียนวรรณคดี ประวัติศาสตร์เป็นส่วนใหญ่ ศัพท์วิทย์ก็มีให้พบประปรายบ้าง แต่นี่เราเจอหนังสือแคลคูลัส เคมีระดับมหาวิทยาลัยเป็นภาษาจีนหมดเลย ทั้งชื่อนักวิทยาศาสตร์ ชื่อกฎต่างๆ ขนาดตารางธาตุยังเป็นภาษาจีนอะคิดดูสิ ร้องไห้สิคะงานนี้ แงๆๆ ไม่รู้จะพึ่งใครจริงๆนะตอนนั้น คนไทยที่อยู่คณะแพทย์มีกันแค่ 5 คนจากทุกชั้นปี ต่างคนต่างอยู่ ไม่ได้สุงสิงกันเท่าไหร่ แต่ถ้าเจอกันก็ทักทายตามประสาเพื่อนร่วมชาติที่น่ารัก ฮี่ฮี่
ถามว่าแล้วรอดมาได้ไง ?
ก็เพราะไปเจอพี่ๆน้องๆคนไทยจากMWIT (โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์) ที่ได้ทุนไปเรียนต่อที่เป่ยต้าน่ะสิ แต่พวกเค้าไม่ได้เรียนหมอนะ เรียนอยู่คณะคณิตศาสตร์ปีนี้จบด็อกเตอร์พอดีเลย วิชาเลขรอดมาได้เพราะพี่ๆเลย ขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ส่วนวิชาเคมีที่ตกตอนกลางภาค ก็ได้เพื่อนและน้องคนไทยจากMWITช่วยไว้เหมือนกัน ช่วยสอน ช่วยติว จนคะแนนปลายภาคออกลุ้นใจแทบทะลักแต่ก็รอดมาได้ ฮ่าๆๆ
ขอเล่าถึงรายละเอียดการตัดเกรดสักนิด เท่าที่เจอมาในหนึ่งปีเค้าจะตัดอิงเกณฑ์ ผ่านที่ 60 คะแนน (เต็มร้อย) ซึ่งได้60คือแค่ เกรด 1.00 เช่น เราได้ชีวะ 72/100 ก็ได้เกรดวิชาชีวะ 2.30 เท่านั้น มีวิชานึงตอนเทอมสอง รู้สึกจะเป็นแลปฟิสิกส์ ได้คะแนน 80 เกรดวิชานี้เราแค่ 2.90 เองนะ คือแบบ แปดสิบบบ หนูควรได้เกรดสามขึ้นไปรึเปล่าคะอาจารรรย์ TT
ฮืออ อ่านแทบตายก็ไม่รู้จะผ่านมั้ย ความรู้สึกเราเป็นแบบนี้ทุกเทอมจริงๆ ต้องหลั่งน้ำตาบูชาหนังสือทุกครั้งที่สอบ ส่วนเกรด4.00 จะต้องได้ 88คะแนนขึ้นไป แล้วแต่วิชา คณะ และอาจารย์ (คณะเลขได้ยินมาว่าตัดเกรดA ที่ 99 ก็มี โหดชะมัด) โชคดีที่คณะแพทย์ตัดเอที่ 88 เท่านั้น แต่แค่นี้ก็อธิษฐานกระหน่ำทั้งเทอมแล้วจ้าา
>> มาพูดเรื่องนักเรียนที่นั่นกันบ้างดีกว่า
ถ้าไม่นับนักเรียนจีนแผ่นดินใหญ่ นักเรียนต่างชาติที่เยอะที่สุดก็คงจะเป็นคนญี่ปุ่น เยอะเกินครึ่งของนักเรียนต่างชาติทั้งหมดเลยย เช่น วิชาภาษาจีนการแพทย์ในหนึ่งห้องมีทั้งหมด 22 คน คนญี่ปุ่นอย่างเดียวก็10 คนละ อีกครึ่งนึงเป็นชาติละคนสองคน ขนาดนั่งเรียนคอมอยู่ยังได้ยินแต่ภาษาญี่ปุ่นอะ เพื่อนข้างๆก็หันมาคุยกับเราเป็นภาษาญี่ปุ่นเฉยยย จนเราต้องบอกนางว่า พูดจีนเถอะะะ ฟังไม่ออกค่ะ นึกว่าอยู่โตเกียวมากกว่าปักกิ่งเสียอีก สงสัยต้องเรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่มซะแล้ว
ชาติที่มีจำนวนมากรองลงมาจะเป็นไต้หวัน-ฮ่องกง-มาเก๊า เค้าเรียกชนชาติสามที่นี้รวมๆกันแบบนี้นะ(ไถก่างอ้าว) ส่วนเกาหลีมีจำนวนหยิบมือหนึ่ง(ประมาณสิบคน) ที่เหลือก็ชาติละคนสองคน เมกา อาเจน ศรีลังกา ไทย อิห- โซนยุโรปอีกนิดหน่อย ส่วนอายุของเพื่อนๆส่วนใหญ่พอๆกับเราเลย ตั้งแต่ 22-30 ปีขึ้นไป บางคนก็จบป.ตรีมาแล้ว บางคนไปทำงานก่อนค่อยมาเรียนโดยเฉพาะคนญี่ปุ่นนี่ 25+ ทั้งนั้น เด็กอายุ18-19 ที่จบมอปลายแล้วมาเรียนเลยน้อยมาก เจออยู่ไม่ถึง10 คนเอง บอกเลยว่าผิดคาดไม่น้อย ออมนึกว่าออมจะแก่สุดแล้ว ที่ไหนได้พอมาเรียนจริง เรานี่กลางๆค่อนไปทางอ่อนด้วยซ้ำ อ่อนทั้งวิชาและอายุ ฮ่าๆๆๆๆๆ
วันนี้แค่นี้ก่อนเนาะ ถ้ามีเวลาจะมานั่งเขียนถึงบรรยากาศในปักกิ่ง เพื่อนๆที่นั่น แล้วก็รายละเอียดการเรียนให้ฟังอีกทีค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่ทำให้เราผ่านมันมาได้นะ ดีใจจริงๆที่รอดชีวิตจากเป่ยต้าปีหนึ่งมาแล้ว จะไม่ลืมทุกคนเลย
Chemistry Lab
Chemistry Lab
การสกัดแอสไพริน
สอบกลางภาควิชาชีวะ
28 ความคิดเห็น
รออ่านต่อค่า
ขอบคุณมากค่ะที่ติดตาม :)
ตอนม.ปลายเรียนสายศิลป์หรือสายวิทย์คะ
สายวิทย์ค่าา แต่เรียนอักษรมา4 ปี เนื้อหามอปลายก็เลือนลางค่าา 5555
เรียนปริญญาโทหรอคะ
ปริญญาตรีค่ะ เริ่มเรียนปี1 ใหม่เลย
ไปเรียนหมออีกกี่ปีหรอครับ
แล้วพี่สอบไปเรียนได้ยังไงอ่ะครับ
6 ปีค่ะ สมัครสอบกับมหาลัยโดยตรงได้เลยค่ะ
สอบสามวิชา เลข ฟิสิกส์ เคมี
HSK5 ขึ้นไปถึงมีสิทธิสอบได้ค่ะ
คือแอบสงสัยน่ะค่ะ
ที่จีน วิทยาศาสตร์กับคณิตศาสตร์แยกกันไปเป็นคนละคณะกันเลยเหรอคะ แบบอ่านไปเจอ คณะคณิตศาสตร์ เราก็อึ้งไปเลย
แยกกันค่ะ คณะฟิสิกส์ คณะชีวะ คณะเลข :)
ยอมใจ จขกท. เลยแค่ภาษาอังกฤษผมก็ยังไม่รอดเลย 555
ฮ่าๆ สู้ๆค่ะ อังกฤษก็ยากค่า เรียนเป็นภาษาไทยยังยากเลยย
ยอมใจ ให้เรียนเป็นภาษาไทยยังไม่รอดเลย55555
อยากรู้ว่าตอนสอบเข้ายากไหมคะะ เรียนเป็นจีนอีกตายกันพอดี5555555
คิดว่ายากตรงภาษามากกว่าค่ะ เนื้อหาตอนสอบไม่ลึกเท่าไหร่ แต่อ่านไม่ค่อยออก555
ขอมาเพิ่มเติมหน่อยนะคะ ฟู่ตั้นก็มีหลักสูตรจีนนะค๊าาา ^^"
คิดว่า จขกท สับสนสองที่นี้เพราะ ที่ปักกิ่งเปนม.ที่มีชื่อเสียงระดับโลกแต่เรียนยากกว่าเพราะเป็นภาษาจีน แต่ที่ฟู่ตั้นอาจจะโอเคกว่าหน่อยเพราะเป็นภาคengคะ ในจุดที่ให้เลือกเรียนฟู่ตั้นเป็นหลักสูตรจีนอาจจะยังไม่ใช่มุมที่ จขกท โฟกัสนะคะ ^^ (คหสต น้า)
ใช่เลยค่าา ตามที่คุณนามสกุลบอกเลย เราเลือกระหว่างภาคจีนเป่ยต้า กับภาคอิ๊งฟู่ตั้น ค่าา
ปัจจุบันก็คุยกับเพื่อนคนจีนบ่อยๆว่าอยากย้ายไปเรียนภาคจีนที่ฟู่ตั้น เพราะรู้สึกจะเรียน5 ปี เรากับเพื่อนอยากรีบจบเร็วๆค่ะ 55555
อ่าา เรามาเพิ่มเติมเฉยๆอะจ้า
โห้ววว พี่เก่งมากกกกกก นับถือเลย สู้ๆ น้ะค้ะเป็นกำลังให้ ✌
ขอบคุณมากจ้าาา
อ่านไว้เป็นประสบการณ์ค่ะ อยากไปจีน
สู้ๆนะค้าา :))
พี่ครับวิธีสมัครสอบกับมหาวิทยาลัยอะไรยังไงอ่าครับ ผมอยากทราบรายละเอียดอ่าครับ แล้วก็มีแค่ที่ ฬ หรือครับ มีที่ มธ กับ เกษตร หรือเปล่าครับ
เข้าไปดูในเว็บ www.bjmu.edu.cn โดยตรงเลยค่ะ ส่วนที่บอกว่ามีแค่ ฬ อันนี้ไม่เข้าใจคำถามค่ะ คือพี่แค่จบอักษรมา แล้วไปเรียนต่อหมอเองค่ะ ไม่เกี่ยวกับจุฬาเลย
ถ้าเป็นหลักสูตรอินเตอร์มีทุนของมหาวิทยาลัยไหมคะ
ที่เป่ยต้าไม่มีหลักสูตรอินเตอร์ค่า แต่มหาลัยอื่นไม่แน่ใจ อาจจะมีค่ะ
ส่วนตัวคอดว่าถ้่อยากเรียนหลักสูตรจีนให้เลือกที่นี้
แต่ถ้าอยากเรียนหมออินเตอแนะนำฟูตันที่เดียวค่ะ
สอบยากรับสามสิบคนทั่วโลกเท่านัน ต้องเรียนเก่งทำกิจกรรม
เรียนได้ค่ะ กฎหลักๆคือถ้าสอบได้ก็เรียนได้เลยค่ะ แต่ปัญหาส่วนใหญ่ของต่างชาติคือต้องเรียนเป็นภาษาจีนนี่แหละ พี่ว่าโหดตรงนี้ค่ะ เนื้อหาตอนสอบยังไม่เท่าไหร่
เพิ่มเติม ที่ไทยเดี๋ยวนี้รู้สึกจบสายศิลป์มาก็สอบได้แล้วนะ ของกสพท
พี่คะ อยากรู้อ่ะค่ะ ว่าไปเข้า ม.ปักกิ่งได้ยังไง แบบมีวิธีได้ข้อมูลแล้วก็ไปสอบยังไง สอบยากมั้ย อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ ตอบหน่อยน้าาา หนูอยากรู้จริงๆ พลีสสสส
น้องที่ทักมาในเฟสใช่มั้ยคะ เดี๋ยวตอบให้ในเฟสเนาะ
ขอบคุณค่าาาา จะรอน้าาาา
ขอคอนแทคพี่หน่อยได้มั้ยคะ
โหวววปูเสื่อรอค่ะะะะะ พี่สาวกำลังจะไปเช่นกัน
โหห ดีใจจังเลย จะมีคนไทยมาเรียนเพิ่มแล้วว ที่เดียวกับออมเลยปะคะ
สวัสดีค่ะพี่ออม ^^ ปีนี้หนูอยู่ม.6 แล้วค่ะ อยากเรียนต่อที่เป่ยต้ามากๆ แต่ไม่รู้วิธีสมัครสอบ อยากให้พี่ออมช่วยบอกรายละเอียดการสอบหน่อยได้มั้ยคะว่าต้องสอบวิชาอะไรบ้าง แล้วจะเปิดสอบประมาณเดือนไหนคะจะได้เตรียมตัวทัน ขอบคุณค่าา
รบกวนทักเฟสหรือไอจีมาคุยหลังไมค์ได้มั้ยคะ ไม่สะดวกตอบในนี้ค่า
ขอชื่อเฟสหน่อยค้า
พี่เก่งมากๆเบยครับ สุดยอดแท้หลายๆๆๆ
ไม่เก่งขนาดนั้นหรอกค่าาา แต่ขอบคุณมากๆนะคะ :)
ถ้าเรียนจบหมอที่จีนแล้ว
ชีวิตหลังเรียนจบหมอที่จีนจะยุ่งยากเหมือนคนเรียนจบหมอที่ไทยไหม
ไทยเรียนจบหมอ 6 ปี
-ใช้ทุนรัฐบาล
-เรียนต่อเฉพาะทาง
-เป็นหมอทั่วไป
แนวทางเหมือนกันค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าจบแล้วจะไปทำงานที่ไทย หลักสากลคือ อยากทำงานเป็นหมอประเทศไหนก็สอบใบประกอบของประเทศนั้นๆให้ได้ค่ะ แม้แต่นักเรียนแพทย์ในประเทศตัวเองก็ต้องสอบเช่นกันค่า แต่จะแตกต่างตรงที่ไม่มีใช้ทุนสามปีเหมือนที่ไทย เรื่องเรียนต่อเฉพาะทางอันนี้ก็แล้วแต่คนเรียนเช่นกันว่าอยากต่อที่ไหนจะในประเทศหรือต่างประเทศก็ได้ค่ะ แล้วแต่ข้อกำหนดของมหาลัยที่เราจะไปศึกษาต่อ
เก่งมากๆเลยค่ะ แค่เรียนเลขเป็นภาษาไทยเราก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว นี่เรียนเป็นภาษาจีน เทพมาก สู้ๆนะคะ
ขอบคุณมากนะคะ ต้องรอดูทุกเทอมไปค่ะ ไม่แน่ไม่นอนว่าจะรอดจนจบมั้ย 555
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?