Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ทุกวันนี้เรียนไปเพื่ออะไร แล้วต้องทนเรียนอยู่แต่ในห้องเรียนไปตลอดเลยเหรอ!!?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
           ทุกวันนี้เราเรียนไปเพื่ออะไรกันแน่ เรียนหนักๆ หัวโต เรียนที่โรงเรียนยังไม่พอ ตกเย็นยังต้องไปติวเข้ากวดวิชาอีก เสียเงินค่ากวดวิชาไปตั้งมากมายมหาศาลเท่าไหร่ เพียงเพราะอยากได้เกรดดีๆ คะแนนดีๆ เป็นที่เชิดหน้าชูตาของสังคม เป็นที่ภาคภูมิใจของพ่อแม่ เมื่อสอบได้คะแนนดี ได้เกรดดี พ่อแม่ก็จะชม แต่พอได้เกรดหรือคะแนนไม่ดีออกมา ไม่เป็นที่พอใจของพ่อแม่ก็โดนต่อว่าและบางรายก็ถึงกับเปรียบเทียบลูกตัวเองกับลูกคนอื่นว่า "ทำไมถึงเรียนไม่เก่งแบบ......บ้าง" "ทำไมเรียนแย่ขนาดนี้ ดูอย่างเขาสิ เรียนเก่งจะตายไป" ทำให้เด็กเกิดความเสียใจและรู้สึกว่าตนเองหมดคุณค่า ตามสถิติที่ขององค์กรยูเนสโกที่แสดงจำนวนนักเรียนต่อปีของนักเรียนในระดับอายุ 9-13 ปีทั่วโลก ปรากฎว่า

"เด็กไทยเรียนหนักเป็นอันดับ 2 ในระดับอายุ 9 ปี 1,080 ชั่วโมงต่อปี
เด็กไทยเรียนหนักเป็นอันดับ 1 ในระดับอายุ 10 ปี 1,200 ชั่วโมงต่อปี
เด็กไทยเรียนหนักเป็นอันดับ 1 ในระดับอายุ 11 ปี 1,200 ชั่วโมงต่อปี
เด็กไทยเรียนหนักเป็นอันดับ 5 ในระดับอายุ 12 ปี 1,167 ชั่วโมงต่อปี
เด็กไทยเรียนหนักเป็นอันดับ 8 ในระดับอายุ 13 ปี 1,167 ชั่วโมงต่อปี"

        จะเห็นได้ว่า เด็กไทยอายุ 10-11 ปีจะเรียนหนักที่สุดในโลก และถ้าเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆแล้ว เด็กไทยเรียนหนักที่สุดในโลก อยู่ในอันดับต้นๆ คือไม่เกินเลขโดด แต่เรียนเข้าไปแล้ว กลับไม่สามารถประยุกต์ใช้ได้เลย!!   อันดับการศึกษาไทยถ้านับเฉพาะในอาเซียนก็อยู่อันดับท้ายๆแล้ว กัมพูชายังได้อันดับดีกว่าเราเลย เรียนตั้งแต่ 8 โมงครึ่งยัน 4 โมง ไหนจะกิจกรรม ไหนจะการบ้าน ไหนจะเรียนพิเศษอีก แทบจะไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัวหรือทำกิจกรรมสร้างสรรค์ร่วมกันเลย การศึกษาของไทยถือว่าสอนมาแบบผิดๆคือให้ท่องจำ ไม่ได้ให้ฝึกคิด วิเคราะห์ เชื่อมโยง เป็นเหตุเป็นผล ถึงมีข่าวต่างๆเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนไทยในทางลบมากมาย เช่น รักในวัยเรียน วัยรุ่นหญิงไทยท้องก่อนวัยอันควรเป็นอันดับต้นๆของเอเชียและอันดับ 2 ของอาเซียน  

         ตราบใดที่กระทรวงศึกษาธิการยังตระหนักถึงปัญหาสังคมไทยในด้านนี้ไม่มากพอและไม่แก้ไขหรือแก้ไขไม่ตรงจุด เด็กไทยก็ยังต้องเผชิญชะตากรรมที่ทรมานอย่างนี้อยู่เรื่อยไป

          สำหรับการเรียน แน่นอนว่าสถานที่เรียนในโรงเรียนก็คือห้องเรียน ห้องๆหนึ่งมีกระดานอยู่หน้าห้อง เต็มไปด้วยโต๊ะเรียนสำหรับนักเรียนมากมายราว 50 กว่าคน  มีครูเข้ามาสอนแต่ละรายวิชา สอนหมดคาบก็เดินออกไป แต่เราตั้งอยู่ในห้องเรียนวันประมาณไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง(ถ้าไม่รมเวลาพักกลางวันและกิจกรรมของโรงเรียน) หลายๆคนคงเบื่อหน่าย คิดว่าห้องเรียนมันน่าเบื่อมาก เรียนอะไรไปไม่รู้เรื่องเลย ทำไมต้องเรียนในห้องเรียน เรียนที่อื่นไม่ได้เหรอ ปัง!! คนที่คิดว่าห้องเรียนคือที่ๆสามารถเรียนได้แค่นั้น คุณคิดผิดแล้ว! ทุกๆที่คือการเรียนรู้ มีสิ่งต่างๆให้เราได้รู้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นวัด พิพิธภัณฑ์ โรงพยาบาล สวนสาธารณะ ภูเขา หรือแม้แต่ท้องถนน เราก็สามารถเรียนรู้ได้ เพียงแต่ว่าคุณจะสนใจและเรียนรู้กับมันหรือเปล่า

        และเมื่อประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้ว เรื่องทั้งสองเรื่องที่กล่าวมาข้างต้นจะปล่อยปละละเลยถือว่าเป็นไปไม่ได้เพราะการศึกษาที่ดีจะพัฒนาให้ประเทศดีขึ้นตามกันด้วย ถ้ายังไม่เห็นภาพผมจะแนะนำคลิปวิดีโอหนึ่งให้ชมกัน




นี่แค่ Teaser เท่านั้น สำหรับหนังเต็มดูได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=dUxl5mIecD0
อย่าลืมไปชมและกด like ด้วยนะครับ เป็นหนังสั้นที่เพื่อนผมทำอย่างสุดความสามารถเลยครับ

ผมขอส่งท้ายด้วยคำถามหนึ่ง เมื่อชมคลิปจบแล้ว คุณคิดว่าคุณได้อะไรจากมัน ช่วยเปลี่ยนความคิดเดิมของคุณให้เปลี่ยนไปหรือเปล่าและคุณฝันอยากที่จะเป็นอะไรล่ะ
 

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

Quizzuiqa 5 ส.ค. 59 เวลา 22:07 น. 2

ที่น่าสนใจคือถึงเราเรียนในห้องเรียนเยอะ แต่รวมเวลาเรียนรู้แล้วไม่ได้ต่างจากชาติอื่นเลย
ถ้าใครที่เคยเรียน private school ที่อเมริกาจะรู้ว่าถึงชั่วโมงในห้องเรียนจะน้อยกว่า การบ้านเยอะกว่าประมาณ 5-6 เท่า กลางคืนแค่ทำการบ้านก็แทบจะหมดเวลาว่างแล้วในขณะที่เด็กไทยมีเวลานอนเล่นเกมดูซี่รี่สบายใจเฉิบ

สิ่งต่อมาที่ต้องคิดคือการเรียนรู้นอกห้องเรียน ทำอย่างไรให้มีประสิทธิผล 
ที่โรงเรียนต่างประเทศเค้าทำได้เพราะค่าเทอมเค้าปีละล้าน เค้ามีบุคลากร 1 คนต่อนักเรียน 8-14 คนในขณะที่ของเราอย่างน้อย ก็ 1:40 ถ้าเราให้เด็กเรียนรู้นอกห้องเรียน ทำอย่างไรอ.1คนถึงจะทำให้เด็ก 40 คนเรียนได้?

0