Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

สรุปมันต้อง Verb-ing หรือ Verb -ed กันแน่ กระทู้นี้เคลียร์!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
What's cracking y'all?!!
เป็นไงกันบ้างครับ ภาษาอังกฤษเริ่มแข็งแรงกันหรือยัง วันนี้ผมก็ขอจัดความรู้ภาษาอังกฤษอีกสักเรื่อง (หรือหลายเรื่องก็ไม่รู้ 5555) มาให้อ่านกันแบบเน้น ๆ อีกละกันครับ

ขอออกตัวก่อนว่า สิ่งที่ผมเขียนขึ้นมาเนี่ย คือเอามาให้เพื่อนทำความเข้าใจนะครับ ไม่ต้องท่องจำนะ แค่เข้าใจมันก็พอ ซึ่งจริง ๆ เรื่องที่ผมเอามาเนี่ยมันไม่ได้ยากเลย ผมก็บอกตลอดว่าให้ทำความเข้าใจไปช้า ๆ ไม่ต้องอ่านให้หมดในวันเดียวก็ได้ถ้าใครไม่ไหว อาจจะแบ่งอ่านหลาย ๆ วัน และสิ่งที่ผมเน้นย้ำตลอดคือต้องไปศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วย อ่านจากกระทู้ผมอย่างเดียวก็อาจจะเข้าใจส่วนหนึ่ง แต่ก็อย่าลืมไปอ่านกันเพิ่มเติมด้วยนะครับ
ไปเริ่มกันเลยครับบ!!

Participle คืออะไร 
Participle คือ ‘รูปแบบของคำกริยา หรือ Verb ที่เติม –ing หรือ –ed’ 
โดย Verb ที่เติม –ing เราเรียกว่า ‘Present participle’ เช่น Boring, interesting, frightening 
และ Verb ที่เติม –ed เราเรียกว่า ‘Past participle’ หรือที่คนไทยคุ้นเคยกันในชื่อ ‘V3’ หรือ เวิร์บช่อง 3 นั่นเองครับ เช่น Confused, depressed, excited

ถึงตรงนี้ก็ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ อย่าพึ่งคิดว่านี่จะเป็นกระทู้สอนแกรมมาร์เรื่องการผัน Verb อันสุดแสนน่าเบื่อ (และเป็นที่หวั่นเกรงของบรรดาอาจารย์ที่เป็นห่วงว่าผมจะมาสอนแกรมมาร์ยาก ๆ ให้เพื่อน ๆ อีก) ผมรับรองว่าถ้าอดทนอ่านต่อไปอีกสักหน่อย รับรองว่าถึงบางอ้อแน่นอนครับ

ทีนี้เราดูกันว่า ‘ประโยชน์’ หรือ ‘การใช้งาน’  ของ Participle ทั้งสองตัวนี้เป็นยังไง

ก่อนอื่นผมขอ assume หรือ เหมารวม ว่าทุกคนรู้ว่า Present participle หรือ ‘V-ing’ เนี่ยเราจะใช้กับเทนส์ Present continuous นะครับ ซึ่งก็ขอ assume ต่อไปอีกว่าทุกคนรู้ว่ามันต้องใช้คู่กับ Verb to be (Is, am, are, was, were, been) ซึ่งความหมายของมันก็คือ ‘กำลัง’ ทำอะไรบางอย่างนั่นเอง
เช่น 
Jonathan is talking to my sister. (โจนาธานกำลังคุยกับน้องสาวของฉัน)
am trying to understand what you are saying. (ผมกำลังพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่คุณกำลังพูด)

ในกระทู้นี้ขอยังไม่พูดถึงเทนส์ Past continuous หรือ Future continuous นะครับ เพราะกระทู้นี้ไม่ได้มาสอนเรื่องเทนส์ (แต่ทุกคนสามารถไปหาอ่านเพิ่มเติมได้นะ สำหรับใครที่อยากรู้)

ส่วน Past participle นั้น เราจะใช้กับประโยคที่เป็น Passive voice ซึ่งก็เหมือนกับ Present participle ครับ เราต้องใช้คู่กับ Verb to be ด้วย

เฮ้ยย Passive voice คืออะไร 
เดี๋ยวผมจะขออธิบาย Passive voice แบบ ‘ไม่ละเอียด’ ให้ฟังนะครับ

Passive voice คือ รูปประโยคที่ 'ประธาน’ เป็นฝ่าย ‘ถูกกระทำ’ 
เราเรียนกันมาว่า กรรม ต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำ หรือรับการกระทำใช่มั้ยครับ ซึ่งก็ถูกต้องครับ ประโยคแบบนั้นเราเรียกว่า Active voice
แต่ Passive voice ขอสวนกระแสครับ ประธานต้องถูกกระทำบ้าง!

เช่น
Active voice
John asked me to join the conference

แต่พอเปลี่ยนเป็น Passive voice ก็จะได้
was asked to join the conference. (ผมถูกขอให้เข้าร่วมการประชุม)

ซึ่งใน Passive voiceเนี่ย เราสามารถ ‘ละประธาน’ ได้ครับ เหมือนที่ประโยคนี้ละนายจอห์นออกไป สาเหตุก็เพราะว่ามันไม่สำคัญว่า ‘ใคร’ ขอให้ฉันเข้าร่วมการประชุม แต่มันสำคัญต้อง ‘ฉัน’ เนี่ย ‘ถูกขอ’ ให้เข้าร่วมการประชุม 

พูดง่ายก็คือ ประโยคแบบ Passive voice เนี่ยเน้นตัว ผู้ถูกกระทำ เป็นหลักครับ

แต่ถ้าเราอยากจะให้รู้ว่าใครเป็นคนกระทำ เราก็สามารถเพิ่มคำว่า by ข้างหลัง past participle (หรือไว้ท้ายประโยค) และตามด้วยผู้กระทำได้นะครับ
เช่นในประโยค 'I was asked to join the conference.' 
ก็จะได้ 'I was asked to join the conference by John.'

อีกหนึ่งตัวอย่างครับ
The apples were eaten. หรือ 'The apples were eaten by me.'

มาดูอีกประโยคนะครับ
Active voice
The teacher allowed you to go. (คุณครูอนุญาตให้เธอไปได้)

พอเปลี่ยนเป็น Passive voice ก็จะได้
You are allowed to go. (คุณถูกอนุญาตให้ไปได้ (จริง ๆ ถ้าจะแปลให้ไพเราะและฟังลื่นหูต้องแปลว่า คุณ ‘ได้รับ’ อนุญาตให้ไปได้))

อ่า จบไปแล้วครับกับ ‘บทนำ’ ของกระทู้
ใช่ครับ นั่นมันแค่บทนำ 5555555 เรื่องที่ผมจะมาแบ่งปันจริง ๆ ก็คือ
Participle adjective!! ผ่างงง มันคืออารายยยย
จากกระทู้ที่แล้ว ผมขอ assume อีกว่า ทุกคนรู้จัก Adjective (คำคุณศัพท์) กันแล้วนะ ขออนุญาตไม่อธิบาย

Participle adjective คือ Adjective ที่มาจากการเติม –ing หรือ –ed ให้กับ Verb แล้วเอามันมา ‘ขยาย’ คำนาม หรือพูดง่าย ๆ คือ Participle adjective ก็คือ Past และ Present participle นั่นเองครับ

ซึ่ง Verb ที่เป็นนิยมเอามาทำเป็น adjective ได้แก่ To bore, to interest, to frighten, to excite, to surprise (ที่เติม To ไว้ข้างหน้าเนี่ยไม่มีไรหรอกนะ ไม่ต้องตกใจหรืองง)
ซึ่งมีอีกหลายตัวเลย เช่น To alarm, to amuse, to depress, to embarrass, to exhaust, to fascinate, to frustrate, to overwhelm, to relax, to satisfy, to shock, to terrify, to thrill ซึ่งเพื่อน ๆ ก็ลองไปเปิดอ่านความหมายได้ในดิกชั่นนารีนะครับ

ซึ่งเวลาเราแปล Verb พวกนี้เป็นภาษาไทยเนี่ย เราต้องเติมทำว่า ‘ทำให้’ เข้าไปให้มันด้วย
เช่น To bore ก็ต้องแปลว่า ‘ทำให้เบื่อ
       To interest ก็ต้องแปลว่า ‘ทำให้สนใจ
       To frighten ก็ต้องแปลว่า ‘ทำให้กลัว
       To excite ก็ต้องแปลว่า ‘ทำให้ตื่นเต้น
       To surprise ก็ต้องแปลว่า ‘ทำให้ประหลาดใจ

พอจะอ๋อกันยังว่ากระทู้นี้ผมจะมาสอนเรื่องอะไร 
ใช่แล้วครับ นักเรียนไทยส่วนมากยังใช้ Verb พวกนี้ผิดอยู่ โดยเฉพาะเวลาที่เอามันไปใช้ในรูป Present participle หรือ Past participle (เอ่าอย่าพึ่งลืมนะว่าสองตัวนี้คืออะไร ใครลืมก็เลื่อนกลับขึ้นอ่านด่วน!)

มาดูตัวอย่างกันครับ
To interest
เวลาเราจะบอกว่า 'เราสนใจหนังสือเล่มนี้' เราจะไม่บอกว่า ‘I interest this book’ นะ เพราะอย่าลืมว่าเวลา Verb พวกนี้มันถูกแปลเป็นภาษาไทยมันจะเพิ่มคำว่า ทำให้ มาด้วย

ซึ่งถ้าบอกว่า 'I interest this book' ก็จะแปลว่า ‘ฉันทำให้หนังสือเล่มนี้สนใจฉัน’ เฮ้ยย ทำได้งายย 555555

ดังนั้นเราต้องบอกว่า ‘This book interests me’ (หนังสือเล่มนี้ทำให้ฉันสนใจ)
หรือใช้ในรูป Passive voice ก็คือ ‘I am interested in this book’ (ฉันถูกหนังสือเล่มนี้ทำให้สนใจ หรือแปลเป็นภาษาไทยดี ๆ ก็คือ ‘ฉันสนใจในหนังสือเล่มนี้’)
สังเกตมั้ยว่ามันมี Preposition (คำบุพบท) (สอนไปแล้วในกระทู้ที่แล้วนะคำนี้) เพิ่มมาก็คือคำว่า in นั่นเอง
ใช่ครับ Verb พวกนี้เวลาใช้ในรูป Past participle เนี่ย (หรือพูดอีกแบบคือในรูป passive voice แล้วเราต้องการจะบอกว่าสาเหตุเพราะอะไร หรือใครเป็นผู้กระทำนั่นเอง) มันจะมี preposition เพิ่มมาด้วย แต่เราจะไม่ใช้คำว่า by กับทุกตัวนะ ซึ่งแต่ละตัวก็จะต่างกันไป อย่าง Interested ก็ต้องใช้กับ in

ซึ่งนอกจากจะใช้แบบข้างบนได้แล้ว
เรายังสามารถใช้ในรูป 'Participle adjective' ได้ด้วยครับ เช่น
An interesting book. (หนังสือที่น่าสนใจ)
An interested customer. (ลูกค้าที่กำลังสนใจ)

Verb ตัวอื่นก็เหมือนกันครับ
To bore
ถ้าจะบอกว่า 'ฉันเบื่อหนังสือเล่มนี้' ก็จะไม่พูดว่า 'I bore this book' นะครับ
ต้องบอกว่า 'This book bores me' (หนังสือเล่มนี้ทำให้ฉันเบื่อ) 
หรือ 'I am bored by this book' (ฉันถูกทำให้เบื่อโดยหนังสือเล่มนี้ หรือแปลเป็นไทยดี ๆ คือ ฉันเบื่อหนังสือเล่มนี้)
คำว่า bored เราจะใช้กับ with หรือ of ก็ได้นะครับ แต่คนจะนิยมใช้ by กับ with ซะส่วนใหญ่

หรือจะใช้ในรูป participle adjective ก็จะได้
boring book. (หนังสือที่น่าเบื่อ)
bored man. (ผู้ชายที่กำลังเบื่อ)
หรือ A boring man. (ผู้ชายที่น่าเบื่อ)

เห็นความแตกต่างของ Past participle 'bored' กับ present participle 'boring' มั้ยครับ
bored man. คือ ผู้ชายที่ถูกทำให้เบื่อ หรือผู้ชายที่กำลังรู้สึกเบื่อ
A boring man. คือ ผู้ชายที่ทำให้คนอื่นเบื่อ หรือผู้ชายที่น่าเบื่อ 

พูดแบบง่าย ๆ คือ -ing คือตัวคำนามนั้นเป็นผู้กระทำ หรือเป็นผู้ทำให้เกิดความรู้สึก ส่วน -ed คือตัวคำนามนั้นเป็นผู้ถูกกระทำ หรือเป็นผู้ได้รับความรู้สึกนั่นเองครับ

ดังนั้นถ้าเราจะบอกเรา เรารู้สึกเบื่อ เราก็ต้องพูดว่า 'I am bored.' นะครับ 
เพราะถ้าบอกว่า 'I am boring.' เนี่ย มันจะแปลว่า เราเป็นคนน่าเบื่อ แทน 5555555

ลองมาดูกับ Verb ตัวอื่น
To confuse
'I am confused.' (ฉันสับสน หรือฉันรู้สึกสับสน) ไม่ใช่ I am confusing. นะครับ
หรือถ้าจะบอกว่าเพราะใคร หรือเพราะอะไรก็เพิ่ม preposition ‘by’ เข้าไป
ก็จะได้ I am confused by what you said. (ผมสับสนกับสิ่งที่คุณพูด)

หรือใช้ในรูป participle adjective คือ
confusing topic. (หัวข้อที่ทำให้สับสน หรือหัวข้อชวนปวดหัวนั่นเองครับ)
confused student. (นักเรียนที่กำลังสับสน หรือนักเรียนที่กำลังงง)

แต่หวังว่าเพื่อน ๆ จะไม่สับสนกับสิ่งที่ผมสอนนะครับ 555555555555

ตัวอย่างอื่น
I am excited. (ฉันตื่นเต้น หรือ ฉันรู้สึกตื่นเต้น) ไม่ใช่ I am exciting. นะครับ
หรือจะบอกว่า 'This movie excites me.' (หนังเรื่องนี้ทำให้ฉันตื่นเต้น)

หรือเขียนในรูป Participle adjective คือ
An exciting movie. (หนังที่น่าตื่นเต้น)
An excited dog. (หมาที่กำลังตื่นเต้น ส่ายหางเป็นใบพัดเลย 5555)

'I am surprised.' (ฉันประหลาดใจ หรือฉันรู้สึกเซอร์ไพรส์นั่นเอง) ไม่ใช่ I surprise หรือ I am surprising นะครับ
หรือจะบอกว่า 'Your answer surprised me.' (คำตอบของคุณมันทำให้ผมประหลาดใจ)

หรือจะใช้ในรูป participle adjective เช่น
surprising answer. (คำตอบที่น่าประหลาดใจ)
surprised teacher. (คุณครูที่กำลังอึ้ง)
หรือ A surprising teacher. ก็จะแปลว่า คุณครูที่ชอบทำอะไรเซอร์ไพรส์นั่นเองครับ

เหมือนที่คอมเมนต์ของคนบางคนทำให้ผมประหลาดใจนั่นแหละครับ
Some of the comments surprised me!! They are such surprising comments! 55555555555

เป็นไงกันบ้างครับ ยาวเหยียดเลย ใครอ่านไม่ไหวก็ค่อย ๆ แบ่งอ่านก็ได้นะครับ ไม่จำเป็นต้องอ่านให้จบในวันเดียว 
ส่วนสิ่งที่ผมขอเน้นย้ำก็คือ ถ้าใครยังไม่เข้าใจก็ต้องไปหาอ่านต่อนะครับ ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจแล้วก็บอกว่ามันยาก ไม่มีอะไรยากครับ ให้เวลากับมัน ทำความเข้าใจ อ่านจากหลาย ๆ แหล่งข้อมูล แล้วผมรับรองเลยว่าไม่มีเรื่องไหนยากเกินทำความเข้าใจครับ

มีคำถามหรือข้อสงสัย ก็คอมเมนต์ถาม (แต่ไม่ดราม่าน้า 555555) หรือเข้าไปถามในเพจได้นะครับ

ไม่จำเป็นต้องรู้หมดทุกอย่างในวันนี้ แค่รู้มากขึ้นกว่าเมื่อวานนี้ก็พอแล้วครับ
รู้ภาษาอังกฤษมากขึ้นทุกวันที่: https://www.facebook.com/MyFathersAnEnglishMan/
Stay tuned.
JGC

แสดงความคิดเห็น

>