[ชวนคุย/อาจมีสปอย] ใครดู Kimi no Na wa แล้ว รู้สึกยังไงมาคุยกันค่ะ
ตั้งกระทู้ใหม่
ไม่ได้แวะเข้ามานาน สวัสดีค่ะชาวบอร์ดทุกท่าน ถึงแม้กระทู้นี้สมควรจะไปอยู่ในบอร์ดการ์ตูนก็เถอะ แต่เราเล่นแต่บอร์ดนี้อีกทั้งอยากฟังความเห็นนักเขียน/นักอ่านด้วย
ก็ชวนคุยตามหัวข้อนั่นแหละค่ะ(ฮา) ขออนุญาตก๊อปแปะความคิดเห็นของตัวเองที่เคยลงไว้ที่ไหนสักแห่งมานะคะ
อ้อ..ขอเตือนอีกครั้งสำหรับใครที่ยังไม่ได้ไปชมนะคะ ว่าอาจมีสปอย
สำหรับเราค่อนข้างเฉยกับเนื้อเรื่องนะ เพราะเคยดูแนวนี้มาบ้าง ถึงจะไม่เป๊ะแต่ก็พอเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็มีแอบขนลุกตอนพระเอกไปเห็นหลุมอุกกาบาต แล้วข้อความไดอารี่ในมือถือก็ค่อย ๆ หายไปเหมือนกัน
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างทาคิกับมิซึฮะ จะว่าห้วนก็ไม่ใช่ สัมผัสได้นะว่ามีความผูกผันกัน แต่ไม่ลึกพอจะแสดงให้เชื่อได้ว่าชอบหรือรักกันแล้ว มันเลยดูชอบกันง่ายไปหน่อย
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างทาคิกับมิซึฮะ จะว่าห้วนก็ไม่ใช่ สัมผัสได้นะว่ามีความผูกผันกัน แต่ไม่ลึกพอจะแสดงให้เชื่อได้ว่าชอบหรือรักกันแล้ว มันเลยดูชอบกันง่ายไปหน่อย
แต่โดยรวมก็สนุกดีทีเดียว เราชอบเพลงประกอบและงานภาพนะ ชอบทิวทัศน์เมืองที่นางเอกอยู่มาก ให้ความรู้สึกสงบสบายตาดี ตอนจบก็ไม่ติดขัดอะไรด้วย ถือว่าเป็นการจบที่ควรเป็นไป
สุดท้ายคิดว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังเศร้าดราม่าจนชวนร้องไห้หรอก แต่มันบาดลึกในอารมณ์มากกว่า ดูจบแล้วก็รู้สึกว่ามีอะไรค้างคาในใจ เป็นความรู้สึกหม่น ๆ นิด ๆ ซึ่งมันดีมากเลย เดี๋ยวว่าจะไปหาผลงานเรื่องอื่นของอาจารย์แกมาดูสักหน่อย
ล่าสุดไปเจอบทความน่าสนใจมาด้วย เป็นประเด็นแฝงในเรื่องนี้ ตอนดูไปบางประเด็นก็ไม่ได้ฉุกคิด เป็นการแฝงความคิดที่ค่อนข้างเนียนทีเดียว เดี๋ยวลงลิ้งให้ไปตามอ่านกัน
>>>> http://www.majorcineplex.com/news/in-your-name ตามนี้เลย
ก่อนจากขอแบ่งปันอีกสักเพลง เป็น cover นะคะ
ล่าสุดไปเจอบทความน่าสนใจมาด้วย เป็นประเด็นแฝงในเรื่องนี้ ตอนดูไปบางประเด็นก็ไม่ได้ฉุกคิด เป็นการแฝงความคิดที่ค่อนข้างเนียนทีเดียว เดี๋ยวลงลิ้งให้ไปตามอ่านกัน
>>>> http://www.majorcineplex.com/news/in-your-name ตามนี้เลย
ก่อนจากขอแบ่งปันอีกสักเพลง เป็น cover นะคะ
S.r. ray
11 พ.ย. 59 เวลา 14:13 น.
36,593
views
18 ความคิดเห็น
เพลงก็เพราะหลายเพลง ผมชอบความหมายของสองเพลง Nandemonaiya กับ Sparkle ด้วย เป็นซีดีเพลงแผ่นแรกที่ผมยอมจ่ายเงินซื้อที่นี่ ตั้งสองพันกว่าเยน
ที่คาใจอยู่นิดหน่อยคือ จากแถวๆบ้านนอกของจังหวัดกิฟุ ไปโตเกียว ไปเช้ากลับค่ำ มาทันเรียนวันต่อไปได้ยังไง
คือถ้าจะเอาเร็วสุด ต้องนั่งรถด่วนจากฮิดะไปลงกิฟุ-ฮะชิมะหรือนาโกยะ แล้วต่อชินคันเซนเข้าโตเกียว ก็น่าจะอย่างน้อยราวๆสี่ชั่วโมงแล้ว ไม่ใช่แค่นั้น มิทสึฮะอยู่โตเกียวจนถึงค่ำ แถมเป็นค่ำของหน้าร้อน (กลางวันยาว ทุ่มนึงยังพอสว่าง) แล้วเวลาแบบนั้นมีรถไฟเหลือด้วยเรอะ.... โอเคชินคันเซนน่าจะมีทันไปลงกิฟุ แต่จากกิฟุกลับบ้านนี่ไม่ควรจะมีด้วยประการทั้งปวง
ไม่นับค่าเดินทางมหาศาล (น่าจะราวๆสองหมื่นถึงสามหมื่นเยนไปกลับ ไม่แน่ใจไม่ได้เช็ก)
ว้าว อยากมีโอกาสไปเยือนสักครั้งจริง ๆ กิฟุสินะคะ..เก็บเงินแป๊บ
เห็นรายการญี่ปุ่นไปตามรอยสถานที่จริง ที่ปรากฎในเรื่องก็ได้แต่ทึ่งว่าไปหาเจอกันได้ยังไง
อย่างทางพาดรถไฟที่มิซึฮะกับเพื่อนเดินผ่านหรือร้านสะดวกซื้อ
เพลงก็เพราะหลายเพลงเลยค่ะ มาบิ้วถูกจังหวะด้วย เราก็ชอบเพลง Nandemonaiya เหมือนกัน รู้สึกจะเป็นเพลงตอนทาคิกับมิซึฮะมาพบกันอีกครั้ง(ใช่ไหมว้า) ดูจบรีบมาเปิดหาในยูทูปว่ามีไหม เป็นเพลงของวงไหน แต่ส่วนใหญ่จะถูกบล็อกฟังไม่ได้ เลยได้แต่ฟังแบบ cover
ส่วนเรื่องรถไฟไม่มีความรู้เลยค่ะ แต่เห็นมีคนตั้งประเด็นในพันทิปเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ว่าเด็กม.ปลายอย่างมิซึฮะ ไปเอาเงินมาจากไหนเดินทางไปหาทาคิที่โตเกียว กับอีกเรื่องหนึ่งที่เขาถกกันคือระยะเวลาที่ใช้ในการปีนเขา ฉากก่อนที่อุกกาบาตจะตกนะคะ ตามกระทู้นี้ http://pantip.com/topic/35796228
ดูแล้วจ้า ไม่ได้ดูโรงนะ ดูของเถื่อน leak version คุณภาพกราฟฟิคถั่วมาก 555 (มันอดใจไม่ไหว ขอโทษ T T ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างนะจ้ะ) เราเป็นพวกกำแพงโลกส่วนตัวสูง กลัวมากๆ ถ้าต้องดูหนังในโรงร่วมกับคนอื่น แต่ถ้า DVD มาเมื่อไหร่ เดี๋ยวเราซื้อเก็บแน่นอน
เราติดตามผลงานของมาโคโตะชินไคทุกเรื่องนะ แต่เรื่องนี้ฟีลลิ่งยังไม่ถึงที่สุด แต่ได้คะแนนไปตรงฉากจบ(ฉากจบโอเคมากในคห.เรา) รู้สึกเนื้อเรื่องรวบรัดเกินไปหน่อยบางส่วนเลยทำให้คนดูอารมณ์ไม่ปะติดปะต่อ(ฉากที่ทากิสลับไปอยู่ในร่างมิตซุฮะครั้งแรก+ฉากมิตซุฮะกับทากิเริ่มสานสัมพันธ์กัน...ไม่ควรตัดออก ควรเพิ่มเนื้อหาเข้าไปหน่อย)
เนื้อเรื่องจริงๆค่อนข้างซับซ้อนเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสลับไทม์ไลน์ แต่ตัวหนังก็สามารถนำเสนอออกมาได้ค่อนข้างโอเคเลย ดูแล้วเข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง แต่บางคนอาจจะยังงงๆ จริงๆหนังมันก็ทำขึ้นมาให้เราต้องไปซื้อนิยายมาอ่านให้เข้าใจอีกทีนั่นแหละ ถ้าใครดูแล้วไม่เข้าใจก็ไม่ต้องกังวลจ้าเพราะมันเป็นการตลาดของเขา (ในนิยายมีรายละเอียดที่ในหนังไม่มีอย่าง... สิ่งที่ทากิเขียนลงไปทั้งหมดในสมุดของมิตซุฮะ/สาเหตุของการสลับร่างและพิธีกรรมศาลเจ้าของบ้านมิยามิซุ ฯลฯ)
โดยรวมแล้วเราค่อนข้างประทับใจนะ เพราะคาแรกเตอร์พระเอกนางเอกค่อนข้างเจาะกลุ่มและตรงกับความชอบของเราเป๊ะๆเลย เพลงและดนตรีประกอบ RADWIMPS ก็มา อันนี้โดนใจวัยรุ่นสุดๆยกความดีความชอบให้เลย ความสวยงามของฉากและการเก็บรายละเอียดคงไม่ต้องพูดถึง(ปกติหนังอนิเมะชั่นก็งานร้อยอยู่แล้ว)
สรุป Kimi no Na wa. ระดับความชอบของเราคือชอบมากๆๆ ดูแล้วน้ำตาซึม(เกือบไปแล้ว) ประทับใจ หนังอนิเมชั่นที่ดีที่สุดประจำปี คอนเฟิร์ม 9/10
นั้นสิค่ะ เราแทบไม่ได้เห็นมิซึฮะกับทาคิสานสัมพันธ์กันอย่างจริงจังเลย มีแค่ฉากสลับอ่านไดอารี่
ตอนแรกที่ดูก็ยังไม่รู้หรอกค่ะ ว่าเป็นแนวสลับไทม์ไลน์ คิดว่าเป็นแนวสลับร่างกันธรรมดา(ฮา) มาตงิด ๆ เดาเรื่องได้ตอนยายพูดเรื่องการทอด้าย มีข่าวเรื่องดาวหางมาย้ำตอนแรก ๆ ประกอบกับจำฉากใน trailer ที่มีดาวตกได้อีก เลยเดาเรื่องไว้คร่าว ๆ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แล้วก็เป็นไปตามคาดถึงไม่เป๊ะก็เถอะ เรียกว่าถ้าใครเดาไม่ออกคงหักมุมแน่ ๆ ถือเป็นลูกเล่นอันร้ายกาจ
ถ้ามารู้ทีหลังว่าเป็นแนวสลับไทม์ไลน์ แล้วมองย้อนกลับไปถือว่าเนื้อเรื่องซับซ้อนจริงค่ะ แต่ด้วยการนำเสนอเลยลดความยากของมันลง เลยทำให้ผู้ชมดูง่าย ไม่ต้องทำความเข้าใจมากก็น่าจะพอรู้เรื่อง
ส่วนตัวเราว่าทางเมเจอร์ฯ โฆษณาหนักเว่อร์ไปหน่อย
หนังออกจะอบอุ่น ก็ไปแสวงหาความเหงามาให้คนดูต้องรู้สึกเหงาเกินเหตุ
ถ้าจะเอาความเหงา เรื่องก่อนๆ ของชินไคเหงากว่ามาก
และงานภาพใน Kimi no na wa เราว่าดรอปลงจาก Kotonaha no niwa อีก
แต่เราชอบพล็อตการโยง และอธิบายเรื่องเวลาในเรื่องมาก
ทำจุดเชื่อมต่างๆ ให้สมบูรณ์สุด
ทว่า-ความสมบูรณ์จนมันจบในตัวนี่แหละ
ที่จะทำให้หนังไม่น่าจดจำมากเท่ากับการเหลืออะไรให้คิดต่อ
คือดูจบ อิ่ม และจบไป ไม่เหลือความรู้สึกติดค้างอะไร ซึ่งน่าจะเป็นแนวที่บ้านเราชอบกันนะ
The Garden of Words ไปเปิดดู Trailer ในยูทูปหลังดู Kimi no na wa แล้ว แต่ยังไม่มีเวลาหามาดูเลยค่ะ อันที่จริงเคยเห็น The Garden of Words Trailer มาหลายปีแล้ว ตอนเห็นครั้งแรกยังว่าน่าดูจัง บรรยากาศฝนตกกับแมกไม้เข้ากันดี
Kimi no na wa เห็นว่าที่ญี่ปุ่นรายได้ถล่มทลาย ผู้ชมพากันน้ำตาซึม บวกกับชื่อเสียงอาจารย์แก เพจแนะนำอนิเมก็ชักชวนให้คนไปดูอีก(ฮา) เลยทำให้เป็นที่คาดหวังกันมากอยู่เหมือนกัน ว่ามันจะต้องซึ้งจนน้ำตาไหลพราก
แต่เราก็ไม่ได้หวังหรอกแค่อยากรู้เฉย ๆ ว่าเป็นยังไง พอดูจบแล้วก็เห็นว่าธรรมดา ซึ้งนะแต่ไม่ถึงขนาดว่าว้าว แถมหลัง ๆ มานี้มีคนเอามาเป็นมุกจีบสาว กับเอาไปทำมุกล้อกับเรื่องเดตโน้ตอีกเลยฮากันไปใหญ่
แต่ก็ชอบนะ ตรงที่เอาเส้นด้าย สาเก ดาวหาง การเป็นส่วนหนึ่งของกาลเวลา(มั่วล่ะ) มาโยงกันได้ ไอเดียดี
อ้อ..เห็นเขาว่าครูสอนภาษาที่โรงเรียนของมิตสึฮะ คือคุณยูกิโนะ จาก “Kotonoha no niwa” (ยามสายฝนโปรยปราย) และร้านอาหารที่ทาคิไปทำงานพิเศษที่ชื่อว่า Il Giardino Delle Parole เป็นภาษาอิตาลี และเป็นชื่อในฉบับภาษาอิตาลีของเรื่อง Kotonoha no niwa (ยามสายฝนโปรยปราย) ด้วยล่ะ^^
ส่วนตัวเรามาคาดหวังเพราะสื่อไทยมากกว่าค่ะ ที่พยายามบอกว่ามันน้ำตาร่วง ซึ่งมันดูมากเกินไปนิด ก่อนดูหนังเราจะไม่พยายามดูข้อมูลเยอะค่ะ เพราะมันจะไปปิดกั้นความคิดตอนดู เลยไม่ได้สนใจอะไร นอกจากพวกแบนเนอร์ที่ดันลอยมาในหน้าฟี้ด
พอไปดูเลยรู้สึกแบบ โอ้ย เมเจอร์ เธอเว่อร์ไปนะ
สัญญะตรงเวลาคือดีค่ะ การใช้เรื่องหัตถกรรมทอด้ายมาอธิบายเรื่องเวลาช่วยให้คนน่าจะเข้าใจประเด็นความเหลื่อมล้ำของเวลาในเรื่องได้ง่ายขึ้นกว่าการพูดทฤษฎียากๆ
เสียดายไม่ได้สังเกตครู กับเรื่องชื่อร้าน แล้วเขียนรีวิวไปแล้ว...แต่แนะนำให้ลองดูเรื่องนั้นด้วยค่ะ ภาพสวยละเอียดมาก และเหงาเหลือเกิน
ป.ล.เผื่อสนใจ...https://styleneverdead.com/2016/11/12/review-kimi-no-na-wa-your-name/
เราว่าก็สนุกนะค่ะ ไม่ได้น้ำตาร่วงอะไร แต่รู้สึกลุ้นไปพระเอกนางเอกดีค่ะ เราว่าแล้วแต่ความชอบของคนนะ ส่วนตัวเราชอบมากนะ จบไม่ค้างคาก็ดีแล้วนะค่ะ จะได้อารมณ์ไม่ค้างแบบ หนังจบคนไม่จบไง 55555
แล้วก็ชอบเพลง nandemonaiya คิดว่าเป็นคนเดียวสักอีกที่กลับมาปุ๊บหาเพลงก่อนเลย เพลงเพราะดีค่ะ ฟังซ้ำไปซ้ำมา
* แก้นะค่ะ : ลุ้นไปกับพระเอกนางเอกดี
แล้วด้วยความไม่ทันคิดก็ทำให้เรางมหาเพลงในยูทูปตั้งนาน มาคิดได้ว่าควรถามในกูเกิ้ลก่อน ว่าชื่อเพลงอะไรบ้างก็ตอนหาเจอไปแล้ว 3 เพลง(ฮา)
สำหรับเรานะ ยอมรับตรงๆว่าอ่านสปอยล์มาก่อนดูหนังแค่ ชม. เดียว แต่พอได้ดูจริงๆน้ำตาคลอตั้งสามครั้งอ่ะ
ก็ไม่คิดนะว่าตัวเองจะเซ้นต์ซิทีฟขนาดนี้ ถถถถ
เบื้องต้น ชอบภาพกราฟฟิกมากทั้งวิว ทั้งคน ทั้งดาวตก ทุกอย่างในหนังคือไม่สามารถทำให้เราละสายตาไปจากมันได้เลย สอง.เพลงประกอบนี่คือประทับใจมาก ขนลุกตอนเพลงเศร้า เพลงจังหวะสนุกๆก็ทำเรากระชุ่มกระชวยมาก สาม.พล็อตเรื่องคือโอเคนะ เบสิคแต่ซ่อนความคลังของคำว่า "เวลา" ไว้อย่างดี คือเรื่องนี้สอนอะไรหลายๆอย่าง แอบติสังคมสมัยใหม่นี้เล็กน้อย แต่มันก็เตือนสติเรานะว่า "เวลา" มันสำคัญมากจริงๆ
ภาพรวม: ลื่นไหล ตลกแต่ก็แอบเศร้านิดนึง เดาได้แต่ก็ลุ้นไปกับตัวเอกทุกครั้ง คือชอบนะ ไม่คิดเลยว่า นี่ขนาดคนอ่านสปอยล์ยังน้ำตาคลอเลยอ่ะ 5555555 คือเรื่องนี้ดีจริงๆ
แนะนำคนไม่ดูอย่าอ่านสปอยเลย ไปน้ำตาแตกกันในโรงดีกว่านะ 555555
เราก็ดูแล้วแต่ดูในเว็บแปล 55 รู้สึกเหมือนกันทุกอย่าง ชอบรายละเอียดวิวในหนังอะ แบบรายละเอียดเล็กๆน้อยก็เก็บมา บางตอนไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่ก็พอจะเข้าใจว่าต้องการจะสื่อสารอะไรกับเรา น้ำตาตกไปหลายรอบเหมือนกัน 55
ใช่ๆ จับมือๆ ถถถถถถถ ฟีลแบบนั้นเลย ขำก็ขำก๊าก ฟินก็ฟินแก้มแตก เศร้าก็อินอย่างแรงอ่ะ TwT
จะว่าไปเรื่องสปอยเนี่ย หากใครดู Kimi no na wa Trailer หรือนั่งดู MV เพลง sparkle จบจบ ก็เหมือนถูกสปอยไปครึ่งเรื่องแล้วนะคะ 55 แค่ยังไม่รู้เฉย ๆ ว่าจะปะติดปะต่อกันยังไงเท่านั้น
กู่ร้อง"ไม่ๆๆๆๆๆอย่าซ้ำรอย 5 cm "อยู่ในใจตลอดช่วงตอนจบเลย
Feel GOOD มากเลยออกมากอิ่มใจดีนะครับ^^
เรื่องนี้รู้สึกเหมือนทำมาแก้ไขเรื่อง 5 cen เลย มีหลายส่วนเหมือนกันอย่างพระเอกนางเอกอยู่คนละที่ (และช่วงเวลาของเรื่อง Your name) เหมือนกัน ตอนจบทั้งคู่เดินสวนกันแต่ที่ไม่เหมือนคือทาคิกับมิตสึฮะกลับมาเจอกันจบแบบไปจิ้นแต่งแฟนฟิคต่อได้ ส่วนเรื่อง 5 cen คือต่างคนต่างอยู่และจบแบบอึนๆ
คือแบบ... ไม่ได้ดูหนังนะ แต่สั่งจองหนังสือกับทางนายอินทร์ไปแล้ว (ตั้งใจว่าหลังอ่านหนังสือจบถึงจะหาหนังตามเว็บ น่าจะช่วยให้เขาถึงอารมณ์ได้ดีขึ้น... หรือเปล่าหว่า?)
ตอนนี้ต้องการคนสปอยล์ตอนจบหนักมาก ใครอยากสปอยล์ มาเลย!
v
v
v
v
v
v
v
v
v
v
v
v
v
สปอยตอนจบหลังจากพระเอกช่วยไม่ให้คนในหมู่บ้านนางเอกตายจากการโดนเศษดาวหางตกใส่หมู่บ้านแล้วทั้งคู่ก็แยกจากกันและลืมกันด้วย มาเจอกันอีกครั้งที่โตเกียวที่สะพานในโพสเตอร์ตัวอย่างแล้วพระเอกและนางเอกทักทายกันเพราะรู้สึกเหมือนเคยเจอกันแล้วถามชื่อ....จบ
สำหรับผมแล้ว เมะเรื่องนี้โดดเด่นที่ storyboard ครับ เห็นได้ชัดมากว่ามาโคโตะ ชินไคพัฒนาฝีมือกำกับเมะไปได้อีกขั้นแล้ว การลำดับเรื่องและเรียงภาพโดยที่ไทม์ไลน์สลับไปมาแบบนี้แล้วสื่อให้คนดูเข้าใจได้ง่ายเป็นเรื่องที่ยาก แต่มาโคโตะซังกลับทำได้ดีเยี่ยมเลย
ส่วนเรื่องพล็อต ผมกลับเทคะแนนให้เรื่องเก่าๆ อย่าง 5cm กับ garden of word มากกว่า 5cm ผมยังทำใจดูไม่ได้ แต่ garden of word นี่ยอมรับว่าแฝงความเหงา ความหน่วง ความอึดอัดใจไว้ได้ดีครับ
แต่ถ้าใครอยากดูเรื่องที่กินใจ เหงา และตับแตก แนะนำเรื่อง hotarubi no mori e ของเซนเซย์ที่เขียนบันทึกสหายของนัทซึเมะครับ
ตอนแรกไม่คิดจะดูเพราะคิดว่าแนว
สลับร่าง.แต่พอได้ดู.เราชอบพล็อตแบบ
เข้าใจง่าย.เด็กอนุบาลก็ซึ้งได้ไม่คิดเยอะ
น้ำตาไหลหลายฉากเลย.คือตอนทั่
พระเอกจิบสาเกน้ำตารัวเป็นปืนกล
ฉากที่พระเอกได้เข้าใจเรื่องราว
และฉากที่น้ำตาทะลักเป็นน้ำตก
คือฉากสุดท้าย....ชอบให้จบ
แบบง่ายๆแต่มีความสุขแบบนี้.
เห็นด้วยกับ จขกท. แฝงความคิดดี และเราก็เป็นคนนึงที่มองว่ามันไม่ได้เศร้าอะไรมาก บางฉากก็จนลุก ลุ้นดีค่ะ แต่มันไม่ใช่แนวดราม่าเลย และไม่ได้ซึ้งเว่อร์วังอะไรขนาดนั้น ถ้าหลายๆ คนเคยดูเรื่องอื่น เราเชื่อค่ะว่าคุณมีเรื่องที่เคยดูแล้วน้ำไหลมากกว่าเรื่องนี้แน่ๆ
เรื่องนี้ดีนะคะ แต่ยังไม่ที่สุดสำหรับเรา คนอวยเกินไปนะคะบางที... พอเราดูแล้วรู้สึกผิดหวังนิดหน่อยที่ไม่เป็นไปตามคาด
#คหสต. นะคะ
ชอบที่ภาพสวย เพลงประกอบเพราะ ตบมุกตลกไปหลายฉาก
แต่ยังมีความสงสัยในหลายจุด
อย่างเรื่องความต่างของเวลา - เวลาแกเขียนแอพไดอารี่ในมือถือไม่ได้ดูปีเลยเรอะ ?
คือแบบเป็นอะไรที่คาใจเราน่ะนะ
อยากหางานก่อนๆของชินไคดูเลย แต่ไม่รู้จะไปหาจากไหน
แต่นิยายห้องสมุดมีอยู่เลยว่าจะไปลองยืมมาอ่าน
(ส่วนนิยาย Ki mi no nawa นี่สั่งพรีออเดอร์ไปละ 555)
หาเรื่องเก่าๆ อ.ชินไค ใรนgoogle ได้มีเว็บดูพวกอนิเมะดูฟรีอยู่ เรื่องเก่าๆ ได้
1. เสียงเพรียกจากดวงดาว ( Voices of a Distant Star) (2002)
2. เหนือเมฆ ที่แห่งสัญญาของเรา (The Place Promised in Our Early Days) (2004)
3. ยามซากุระร่วงโรย (5 centimeters per second ) (2007)
4. เด็กสาวกับเสียงเพรียกแห่งพิภพนภา Children Who Chase Lost Voices (2011)
5. ยามสายฝนโปรยปราย (The Garden of Words) (2016)ครูที่สอนมิตสึฮะคือนางเอกเรื่องนี้แหละ
ถ้าอยากซื้อนิยายก็มี 3 เรื่องของสำนักพิมพ์ ANIMAG BOOKS (อนิแม็กบุ๊คส์)
1. ยามซากุระร่วงโรย
2. เสียงเพรียกแห่งดวงดาว
3. เหนือเมฆา ที่แห่งสัญญาของเรา
ขอบคุณมากค่ะ : D
ดูเเล้วค่ะ
สำหรับมายาสนุกดี เเต่ในส่วนตัวไม่ได้บ้าอนิเมะเเต่อย่างไร ไม่ร้องไห้ค่ะ
เเต่คาใจตอนสุดท้าย เรื่องเวลา
หวังอยากให้เป็นเเฟนกัน มีตอนพิเศษอะไรอย่างนี้อ่ะค่ะ555
ชอบๆสนุกดี
ดูมาแล้วครับบอกก่อนว่าผมไม่ได้เป็นแฟนพวกอนิเมะบลาๆๆ ผมไปดูตามกระแสครับพอได้ดูจริงๆแล้วเป็นเรื่องแรกมั้งที่ทำให้ผมอยากดูอีกเป็นรอบที่ 2 เนื้อเรื่องดีมากถึงจะแอบงงหลายจุดแต่ภาพ บท มุข ดราม่า กลบหมด โดยรวมสนุกขีดสุดไม่มีแย่เลย ฉากหลังๆนิ ดราม่ามากกกกก แต่ฟินมากกกก 5555
จริงๆดู เพราะคิดว่าจะได้อารมณ์เหงาๆ ตามโฆษณาเมเจอร์
เดินออกมาด้วยความมึน .... เหงาตรงไหน?
ถามว่า ซึ้งไหม ก็ซึ้งอยู่ แต่รู้สึกว่า อะไรๆก็เจาะจงเกินไป มัน Soulmate เกิ๊น
ดูแล้วรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้ชอบเป็นพิเศษ
แอบคล้าย เรื่อง Il Mare นะ ผสมๆกับ เรื่อง Turn left, turn right
(ความเห็นส่วนตัว อย่าดราม่าเน้อ)
ส่วนใหญ่ดูของ gibli ค่ะ ของจารย์คนนี้ไม่เคยดูเลย เลยไปจัดซะหน่อย
เรื่องนี้ทำเราขนลุกทั้งเรื่องเลยค่ะ ดำเนินเรื่องน่าสนใจดี
ปกติเป็นคนเซนซิทีฟนะ อะไรแตะก็ร้องแล้ว แต่น้ำตาเราร่วงแค่หยดเดียวเองค่ะ
ถ้ามิซึฮะตายนี่ร้องแน่ๆ เพราะเราชอบ bad end ตกใจมากตอนพระเอกสลับร่างกลับไปแล้วมันเป็นวันที่ดาวจะตก (ใช่มั้ยนะ?) เราว่าเรื่องนี้กลิ่นความตายมันได้กลิ่นชัดกว่าความรัก
อาจเป็นเพราะว่าเราไม่รู้ระยะเวลาที่สองคนนี้สลับร่างกันว่ามันเป็นนานเท่าไหร่
เราเลยข้ามประเด็นนี้ไปสนใจฉากแสงสีเสียงแทน เพลงเพราะมากกก แล้วเราว่าอาจารย์ใช้ฉากคุ้มดีค่ะ ทุกฉากตั้งแต่ดาวตกตอนแรกเราก็ไม่คิดว่าจะเอามาใช้จริงๆ พอมันโผล่มาก็แบบ ตูพลาดได้ไงฟร้าาาา
สำหรับเราบีบคั้นพอสมควร แบบว่าตื่นเต้น หวาดเสียวแทน
สำหรับเราหนังเรื่องนี้ทำได้ดีนะคะ มันสดใส ปนเศร้าๆ แต่ไม่ค่อยสุดเท่าไหร่ (หรือเราหัวใจด้านชาเองนะ ฮา) แต่คนที่ไปดูด้วยกันก็ร้องไห้หนักมาก ถือว่าคุ้มค่าที่ไปดู ชอบค่ะ
จากนั้นก็เลยแวะดูผลงานเก่าอาจารย์ garden of words ค่ะ เราไม่รู้สึกอะไรเลยง่ะ YwY
ไม่ร้อง ไม่หน่วง เลยกลับมาคิดว่า เราคงต้องบริหารต่อมน้ำตาบ้างแล้วล่ะ ด้านชาเกินไปแล้ววว
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?