Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

หนูอายุ16แต่ใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่เต็มตัวแถมมีหนี้6ล้าน(กระทู้ระบายค่ะ)#ดราม่า

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
หนูสร้างกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อระบายชีวิตของหนูอย่างเดียวเลยค่ะ
ยาวมากนะคะ หนูอึดอัดเหลือเกิน

ตั้งแต่หนูเกิดมาครอบครัวหนูไม่ได้รํ่ารวยค่ะ
แต่ก็นับว่ามีกินมีใช้ไม่ขัดสน เหลือเก็บบ้าง
เพราะไม่ได้สิ้นเปลืองอะไรมากมาย
จนกระทั่งหนูอยู่ม.3 (อายุ14)
พ่อแม่ตัดสินใจซื้อบ้านในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ราคารวมดอกเบี้ยแล้วราวๆ6ล้านบาท ผ่อน25ปี
ครั้งแรกที่หนูรู้ว่าเราต้องใช้หนี้25ปีเดือนละ20,000บาท
หนูก็ค่อนข้างตกใจนะคะ
เพราะมันเยอะมากสำหรับหนู
แต่แม่ก็ยืนยันว่าส่งไหวแน่นอน
เพราะงั้นช่วงแรกๆก็สุขสบายดี ทั้งหนูทั้งน้องต่างก็ดีใจที่จะได้มีบ้านอยู่
ทว่าหลังอยู่ไปได้ไม่นาน พ่อกับแม่ก็เริ่มทะเลาะกันเรื่องเงินเพราะช่วงหลังๆมานั้นธุรกิจค้าขายอันเป็นรายได้เพียงหนึ่งเดียวเริ่มรายได้ลดลง
ซึ่งในขณะนั้นหนูอยู่เทอมสองแล้ว
กำลังเรียนพิเศษเพื่อจะไปต่อม.4ที่โรงเรียนรัฐบาลห้องพิเศษที่ค่าเทอมค่อนข้างแพง
หนูมีผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีมาโดยตลอด พยายามรักษาระดับไม่ให้ตํ่ากว่า3
หนูค่อนข้างตั้งความหวังไว้สูง

แต่แล้วจู่ๆเหมือนชีวิตก็พังทะลายเมื่อพ่อกับแม่เลิกกัน ในวันเกิดครบรอบ15ปีของหนู
เมื่อขาดเสาหลักไป หนูที่กำลังเรียนอยู่ก็ต้องทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วย
แต่สถานะการณ์ที่บ้านก็ไม่ดีขึ้น
พ่อหายไปแบบมาติดต่อกลับมาอีกเลย
แม่ต้องเป็นคนรับผิดชอบหนี้แต่เพียงผู้เดียว
เพราะพ่อกับแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน
และตอนยื่นกู้ก็ใช้แค่ชื่อแม่ เพราะยังไงๆพ่อกับแม่ก็ช่วยกันหาเงินอยู่แล้ว
ในเมื่อทุกอย่างยิ่งเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ
เมื่อหนูกำลังจะจบม.3ในอีก1เดือนข้างหน้า
แม่จึงขอให้หนูเลือกเรียนปวช.ภาคพิเศษ
ซึ่งเรียนแค่วันอาทิตย์วันเดียว ส่วนจันทร์-เสาร์จะให้ทำงานประจำช่วยหารายได้อีกแรง

ความรู้สึกในตอนที่หนูได้ฟังนั้นเหมือนโลกถล่มตรงหน้า
ความฝันที่หนูจะต่อม.4ในห้องที่แผนการเรียนดีที่สุดในรร.
ความฝันที่จะได้สอบเข้าคณะที่ใฝ่ฝัน
ความฝันที่อยากทำอาชีพที่ชื่นชอบ...
ในที่สุดมันก็พัง
ความพยายามในการรักษาระดับผลการเรียน
ความพยายามเรียนพิเศษเพิ่ม
ความพยายามที่จะต่อม.4...ในที่สุดมันก็สูญเปล่า

หนูเสียใจมาก สุดท้ายหนูก็เลือกช่วยที่บ้านด้วยการทำตามที่แม่ขอ
ตอนกรอกใบสมัครปวช.หนูนํ้าตาไหลออกมาแบบห้ามไม่อยู่ กลับบ้านไปร้องไห้ใจสลาย
หนูจึงไประบายทุกข์กับน้าข้างที่หนูสนิทด้วย
น้าเขาก็ไม่ค่อยเห็นด้วยนักที่หนูจะเรียนแค่วันอาทิตย์วัยเดียว เพราะน้าก็เรียนป.ตรีวันอาทิตย์อยู่ น้าเขาบอกว่าการเรียนมันค่อนข้างหนักเรียนตั้งแต่เช้ายันมืด
หนูอายุยังน้อย เลยลองบอกให้หนูขอแม่เรียนปวช.ภาคปกติจ.-ศ. แล้วทำงานวันหยุดเอา
หนูลองบอกแม่ และได้ข้อสรุปว่า
ถ้าที่บ้านยังไม่ดีขึ้น เทอม2หนูต้องกลับมาเรียนภาควันอาทิย์
ตลอดเวลาที่เรียนภาคเช้า
หนูก้ทะเลาะกับแม่บ่อยครั้ง
เพระหนูก็เหนื่อยเหมือนกัน หนูเรียนบัญชี
แถมต้องทำงานพาร์ทไทม์เสาร์-อาทิตย์อีก
แถมบัญชีมันไม่ใช่สิ่งที่หนูถนัดเลยสักนิด
การเรียนจึงต้องพยายามมาก
และความพยายามของหนูก็ไม่สูญเปล่า
หนูได้เกรดเฉลี่ย3.95 ซึ่งสูงมากสำหรับหนู
แต่แล้วที่บ้านก็ไม่ดีขึ้นจริงๆ หนูจึงต้องทำตามสัญญาด้วยการเรียนวันอาทิตย์
ในตอนนั้นหนูนึกถึงน้าข้างบ้านขึ้นมา
แต่น้าเขาไม่อยู่บ้านเลย ช่วงนั้นเหมือนหนูขาดที่พึ่งไป ทุกอย่างเลวร้ายมาก
หนูรับไม่ได้ที่ชีวิตเป็นแบบนั้น
ทะเลาะกับแม่ทุกวัน ประชดด้วยการไม่ไปทำงาน ไม่ไปเรียน
หนูแค่อยากให้แม่ทำตามสิ่งที่หนูต้องการ
คือการขายบ้านซะ แต่แม่ก็เลือกที่จะเก็บมันไว้ เหมือนกับว่าแม่ไม่เห็นค่าความพยายามของหนูหรือความฝันของหนูแม้แต่น้อย
หนูสูญเสียทุกอย่างไปเพราะบ้านหลังนี้
จนกระทั่งหนูตัดสินใจโง่ๆ ด้วยการกินยาฆ่าตัวตาย ในแวบนั้นหนูนึกถึงน้าคนนั้น
น้าเขาคงเสียใจมากที่หนูทำแบบนั้น เขารักหนูเหมือนลูกหลานแท้ๆ หนูก็รักเขาเหมือนน้าแท้ๆ แล้วในตอนนั้นน้าเขาส่งข้อความมาหาว่าจะพาไปกินข้าวตอนเย็นด้วย หนูยิ่งรู้สึกผิดรีบคายยาออกจากปากทิ้งทันทีเก็บหลักฐานทิ้งก่อนที่แม่จะเห็น
และหนูก็ตัดสินใจลองดูสักครั้ง
แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้สวยงาม
การย้ายมาอยู่ภาควันอาทิตย์มันปรับตัวยากมากเพราะหนูเรียนไม่ทัน
สอบเก็บคะแนนได้0คะแนน
ตอนเห็นข้อสอบถึงกับนํ้าตาตกใน
เขียนตำตอบไปสองสามข้อทั้งๆที่รู้ว่าที่เขียนไปมันผิดหนูก็ดันทุรังเขียนไป
จนในที่สุดก็วางปากกาเดินออกมาจากห้องสอบ โทรไปร้องไห้กับเพื่อนที่รร.เก่า เหตุการณ์นั้นหนูจำจนตายเลยค่ะ

ทำงานก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิดไว้ มันลำบาก
มันเหนื่อย จนหนูท้อมาก
น้อยใจโชคชะตาตัวเองเหลือเกิน
ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต ทำไมมันถึงตํ่าได้ขนาดนี้ หนูผิดอะไร หนูทำบาปกับแม่ไว้มากใช่มั้ย
หนูทำแม่เสียใจ หนูทำแม่ร้องไห้ แย่กว่านี้มีอีกมั้ย หนูเครียดมาก
หนูทำงานผิดพลาดตลอดจนโดนด่าโดนว่า
หนูเลยเครียดกลับมาทะเลาะกับแม่ว่าหนูจะลาออก แต่แม่ก็ไม่ให้ออก
หนูก็ให้แม่ขายบ้านแต่แม่ก็ไม่ขาย และหนูก็ได้รู้ความจริงจากปากแม่ว่า เราจะขายบ้านไม่ได้จนกว่าจะอยู่ครบสามปีถึงจะโอนกรรมสิทธิ์ได้
หนูช็อก ยืนอึ้งไป ยิ่งน้อยใจชีวิตตัวเอง หนูต้องทนจนกว่าจะครบสามปีหรอ? นี่หนูทนมาหนึ่งปีแล้วนะ ยังไม่พอเหรอ?
หนูทำงานจ.-ส. เรียนวันอาทิตย์ ในหนึ่งสัปดาห์ไม่มีวันไหนได้นอนเต็มที่เลย
วันหยุดราชการ นักขัตฤกษ์ อย่าหวังจะได้หยุด
หนูเหนื่อยมาก ท้อมาก อยากร้องไห้ระบายแบบเต็มที่แต่ก็ทำไม่ได้ ไม่มมีใครฟังหนูเลย มีแต่คนว่าหนูเห็นแก่ตัว เหนื่อยแค่นี้ก็ทนไม่ไหว ท้อแท้ สิ้นหวัง

บางครั้ง...หนูก็เคยคิดเข้าข้างตัวเองอย่างเห็นแก่ตัว
ว่าหนูอายุแค่นี้ ต้องทนรับเรื่องต่างๆมากมายขนาดนี้เลยเหรอ?
หนูยังเด็กอยู่ ไม่ควรเจอเรื่องแบบนี้เลย
หนูควรจะได้ใช้ชีวิตสบายๆเหมือนเพื่อนๆ
ไปเรียนวันธรรมดา
กลับบ้านมามีเวลาว่าง
เสาร์-อาทิตย์ตื่นสายได้เต็มที่
ไปเที่ยวบ้าง ทำโน่นทำนี่ตามใจตัวเอง
แต่นี้อะไร แค่ค่าเทอมก็ไม่มีจ่าย ไม่มีเงินซื้อรองเท้าใหม่ ไม่มีของใหม่ๆ
หนูต้องการอยู่สบายๆเหมือนเด็กคนอื่นๆ
ทำไมแม่ไม่เข้าใจหนูเลย
จนถึงทุกวันนี้แม่ยังไม่รู้ด้วยซํ้าว่าหนูเคยจะฆ่าตัวตาย
หนูน้อยใจมาก โกรธมาก แต่หนูก็ต้องทน ทั้งๆที่หนูทนไม่ไหวแล้ว
จากนี้หนูก็ไม่รู้จะต้องทนอีกนานแค่ไหน ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

แสดงความคิดเห็น

>

100 ความคิดเห็น

เจสสิก้า 8 ม.ค. 60 เวลา 14:56 น. 1

ความลำบากจะพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเรา อยากให้หนูคิดซะว่า อย่างน้อยหนูก็มีร่างกายครบ32ประการเพื่อทำมาหากิน ลองปล่อยวางและพยายามมีความสุขกับความจริง ทุกสิ่งที่เกิดมี2ด้าน ถ้ามีทุกข์ต้องมีสุข หาให้เจอ

0
Valeri 8 ม.ค. 60 เวลา 20:06 น. 2

อายุเท่ากันเลย เรามาอ่านแล้ว น้ำตาซึมเลยอ่ะ บอกก่อนเลยนะคะ อย่าคิดฆ่าตัวตายอีก ต้องคิดเอาไว้ว่า เรายังมีแม่ มีน้อง อย่าคิดอะไรโง่ๆแบบนั้นเลยค่ะ เหมือนที่ คห.แรกบอก ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมมี 2 ด้านเสมอ เราเชื่อว่าเธอจะได้สบายอยู่นะ สู้ๆนะคะ และห้ามคิดฆ่าตัวตายอีก อันนี้ขอย้ำนะคะ!!

0
[ PaY ~ เป้ ] Columnist 8 ม.ค. 60 เวลา 21:23 น. 3

เป็นกำลังใจให้นะคะ เวลามันผ่านไปไวมากๆ พ้นสามปีไป ส่วนตัวมองว่า ให้คุณแม่ลองขายบ้านอะไรแบบนี้พอจะได้มั้ยคะแล้วย้ายไปอยู่หลังอื่นหรือมองหาบ้านเช่าอาจจะดีกว่า หกล้านมันแพงมากไปจริงๆค่ะ

1
big hug 10 ม.ค. 60 เวลา 10:05 น. 3-1

ชีวิตมันมีหลายๆด้าน และไม่แน่นอนจริงๆนะคะ พี่เชื่อว่ารอบครัวทุกคนย่อมมีปัญหา พี่ก็มี ใครๆก็มี เพียงแต่เลือกที่จะไม่แสดงออกมา เพราะมันไม่น่าดูเลย สิ่งที่น้องกำลังเอาไปเปรียบเทียบมันคือเอาด้านติดลบที่เราเจอ ไปเทียบกับด้านบวกที่เขามี ซึ่งคำตอบมันเห็นชัดเลย ว่ายังงัยเราก็แย่กว่า ทุกข์กว่า ไม่มีอะไรดีเลย เพราะฉะนั้นพี่อยากให้ลองมองคนที่ไม่มีอะไรเลยยิ่งกว่าเรา คนทุพพลภาพ คนตาบอด ที่เค้าต้องทำมาหาเช้ากินคำ่ คนขอทาน หรือเด็กที่โดนพ่อแม่ทิ้งตั้งแต่เกิด พอนึกตามแล้วมันคิดบวกขึ้นนะ เออดีเรายังมีขามีแขนเอาไว้สู้ต่อ เออดีเรายังมีแม่มีน้องให้เราดูแล ให้เราตอบแทนคุณ สุดท้ายเรายังมีลมหายใจที่ทำให้เดินหน้าต่อ ต้องสู้ต่อ... คนมีตังบางคน ล้มละลายต้องขายบ้านไม่มีบ้านให้นอน ต้องนอนตามสะพานลอย เพราะฉะนั้นในเมื่อเรารู้แล้วว่าเรายังมีโอกาสมากกว่าหลายๆชีวิตในตอนนี้ พยายามใช้โอกาสของเราให้คุ้มค้า นึกสะว่าเหนื่อยวันนี้เราจะได้สบายในวันหน้า เงินไม่มีก็ต้องขยันหาเงิน ยิ่งเรารู้ว่าเงินหามายากเท่าไหร่ เรายิ่งใช้มันอย่างคุ้มค่า เด็กบางคนอายุเท่าน้อง ยังไม่มีโอกาสคิดได้แบบน้องนะ เห็นเงินมันได้มาง่ายๆ ได้มาสบายๆ ...เมื่อคิดบวกได้แล้ว ให้เราสู้ต่อนะ ชีวิตยังมีอะไรดีดีอีกเยอะให้เราเจอ เพียงแค่ให้เรามองหาด้านดีๆ ส่วนด้านแย่ๆมองแล้วก็ปลง มันเป็นไปแล้ว เราต้องหาทางแก้ให้ดีขึ้น หลังจากนี้ให้วางแผนการใช้เงิน การเก็บเงิน เรามีไม่เท่าเดิม ทำยังไงให้ใช้ได้ทั้งเดืแน ให้อยู่รอด อาจจะต้องประหยัด ซื้อของถูกลง เผื่อให้เหลือเก็บด้วย รอวันนี้ที่เราเก็บเงินได้มากพอ... ชีวิตเราจะค่อยๆดีขึ้น ซื้ออะไรที่อยากได้ ทำอะไรที่อยากทำ ถึงตอนนั้นน้องคงรุ้แล้วว่าบทเรียนชีวิตสอนอะไรหนูมาเยอะจริงๆ โดยเฉพาะเรื่องความอดทนและพยายาม อีกเรื่องที่อยากพูดให้น้องฟังคือเรื่องคุณแม่ บางทีเราเผลอพูดอะไรไปแล้วมันเอากลับคืนมาไม่ได้ มันเสียใจทั้งเรา เสียใจทั้งแม่..แต่พอเรารุ้ตัวแล้วเราระวังได้ หลังจากนี้ถ้าแม่เกิดอารมขึ้นด่าว่าเรา เราต้องเย็น นิ่งไปก่อนคิดว่าเค้าพูดด้วยอารม รอเค้าเอารมเย้นแล้วค่อยคุยกันด้วยเหตุผลจะดีกว่า กอดเค้าบ่อยๆ ให้เค้ารุ้ว่าไม่ได้เหนื่อยคนเดียวนะ มีเราเหนื่อยอยู่ข้างๆกัน ความกตัญญูเป็นสิ่งสำคัญนะคะ แล้ววันนึงน้องจะเข้าใจที่พี่พูด.........สุดท้ายแล้วขอให้กำลังใจน้องนะคะ จากพี่ที่ก็ยังพยายามทำให้ชีวิตดีขึ้นอยุ่ กอดด

0
dolcezhen 8 ม.ค. 60 เวลา 21:42 น. 4

โห้ สู้ๆนะน้อง มันเหนื่อยมันลำบาก แต่ความพยายามมันไม่ทรยศเราหรอกต้องมีวันที่เป็นของน้องสักวันหนึ่งแหละ แล้วอยู่กับตัวเองไม่ต้องไปเทียบกับคนอื่น ขอให้น้องเจอทางที่จะทำให้น้องผ่านปัญหาครั้งนี้ไปให้ได้นะ อ่อนแอ ท้อแท้เป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าผ่านมันไปได้ต่อไปเจอปัญหาที่หนักหนากว่านี้น้องก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว เข้มแข็งไว้นะ

0
2537 8 ม.ค. 60 เวลา 22:02 น. 5

อย่าท้อนะคะ สู้ๆนะ บางทีคนเราเกิดมาก็ไม่ได้มีทางเลือกมากมายหรอก แต่เรื่องนี้มันจะทำให้เราใช้ชีวิตได้แกร่งขึ้นนะ เพื่อนนี่เคยเล่าให้ฟัง ว่าตัวเองต้องปลดหนี้ให้ครอบครัวเปนสิบๆล้านตั้งแต่ยังอยุม.ต้น ทำงานทุกอย่างเหมือนกัน ปากกัดตีนถีบ ส่งตัวเองเรียนด้วยใช้หนี้ด้วย ทำทุกอย่างเพื่อปลดหนี้ หนี้เป็นหนี้สูญด้วยนะคะ ใช้ไปแล้วก้ไม่ได้อะไร ถ้าน้องอดทน พี่เชื่อว่าสักวัน ความพยายามของเราไม่มีทางสูญเปล่าแน่นอน อาจจะต้องใช้เวลานาน แต่มันคือบทพิสูทธิ แล้ววันนั้นน้องจะภูมิใจค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ

0
just walk by 8 ม.ค. 60 เวลา 22:26 น. 7

สู้ ๆ นะคะ คงบอกอะไรไม่ได้มากกว่านี้
นอกจากบอกให้น้องสู้ ๆ

ชีวิตพี่ก็เจอเรื่องยากลำบากจากปัญหาภายในครอบครัวเหมือนกัน
แต่พออ่านเรื่องของน้องแล้ว พี่ก็รู้สึกได้ว่ายังมีคนที่เจอหนักกว่าพี่อีก
อันนี้ไม่ได้ซ้ำเติมนะคะ แค่อยากบอกว่าเรื่องราวของน้องก็เป็นกำลังใจให้พี่เหมือนกัน

ยังไงก็อยากส่งกำลังใจให้น้องสู้ต่อไปนะคะ หนทางมันอาจจะดูยาวไกล
แต่พี่เชื่อเสมอว่ามันจะต้องมีซักวันที่เป็นของเรา
เวลาพี่เจอปัญหาพี่ชอบนึกประโยคนึงที่ว่า This too shall pass...แล้วมันจะผ่านพ้นไป

วันนี้เราอาจเจอเรื่องแย่ แต่วันหน้าเราจะได้เจอเรื่องดีค่ะ

เข้าใจนะว่าปัญหาในชีวิตน้องอาจจะเยอะมาก
แต่อยากให้ลองมองหาความสุขเล็ก ๆ รอบตัวดู
อย่างพี่เป็นคนชอบฟังเพลง เวลาพี่รู้สึกแย่ พี่ก็จะเปิดเพลงโปรดฟัง
ก็ไม่รู้ว่ามันช่วยให้ดีขึ้นเพราะพี่คิดไปเองรึเปล่า แต่มันก็ดีขึ้นจริง ๆ นะ :)

คำแนะนำของพี่อาจไม่ช่วยอะไร เพราะพี่ก็บอกตรง ๆ ว่าพี่ไม่ได้เจอสถานการณ์เดียวกับน้อง
ไม่ได้รับความรู้สึกเดียวกับน้อง แต่ก็อยากให้น้องรู้ไว้ มีคนเป็นกำลังใจให้อยู่นะคะ :)

0
lettercake 8 ม.ค. 60 เวลา 22:29 น. 8

อ่านแล้วน้ำตาพี่ตกเลยทีเดียว ทางบ้านก็มีปัญหาเหมือนกันค่ะแต่พยายามดิ้นรนกัน สู้ๆนะคะน้องอย่าเพิ่งท้อนะ มีอะไรก็ระบายกับคนรู้จักบ่อยๆดีกว่าเก็บไว้อยู่คนเดียว เครียดกับปัญหาทางบ้านแล้วอย่าเครียดกับตัวเองมันจะทำให้เสียสุขภาพจิต ดูแลตัวเองดีๆด้วยน้าพยายามรักษาสุขภาพตัวเอง พี่เป็นกำลังใจให้พยายามผ่านช่วงตกต่ำไปให้ได้นะ

0
สตาร์ดัสท์ 8 ม.ค. 60 เวลา 22:32 น. 9

ไม่มีใครรับรองได้ว่า หนูต่อ ม. 4 ตามที่ตั้งใจแล้วชีวิตจะดีนะคะ ความฝันที่เป็นจริงสำหรับบางคนก็เป็นฝันร้าย ที่เคยอยากเรียนต่อนั้นเป็นสาขาอะไรคะ

การเรียนบัญชี แม่บังคับให้เรียนไหม บางทีหนูอาจไม่เหมาะกับบัญชีก็ได้ ลองปรึกษาอาจารย์นะคะ อาจจะเรียนการตลาด การโรงแรม ค่อยๆ คุยกับแม่ เวลาที่แม่อารมณ์ดี

หนูได้อดทนมาถึงหนึ่งปีแล้ว ถ้าล้มเลิก หนึ่งปีที่ผ่านมาก็เสียเปล่านะคะ ลองปรับตัวดู แม่ขายของแบบไหนคะ ขายในไอจี ออนไลน์ได้บ้างหรือเปล่า ลองช่วยกันทำเพจทำอะไรขึ้นมาเป็นอีกช่องทางหนึ่งนะคะ

บ้านเป็นทรัพย์สินค่ะ แม่คงมองว่าส่งมาขนาดนี้แล้ว ถ้าทำไหวก็จะได้มีบ้านเป็นสมบัติต่อไปค่ะ

การเรียนปวช หนูต่อ ปวส และเข้ามหาวิทยาลัยจบปริญญาตรีก็ได้ค่ะ ชีวิตยังไม่จบสิ้นแค่นี้หรอกค่ะ ความทุกข์อย่าเก็บไว้ เช่น ทำงานผิด ขอโทษหัวหน้า พยายามตั้งสติไม่ทำผิดอีก แล้วจบตรงนั้นค่ะ อภัยให้ตัวเองด้วย อย่าเก็บเรื่องอื่นๆ มาคิด เช่น เข้างาน คิดแต่เรื่องงาน เรื่องอื่นคิดไปไม่มีประโยชน์อะไรนะคะ ความคิดต่อต้านทำให้เครียด เหนื่อย พอเครียด อย่างอื่นยิ่งรวนไปหมด

เรื่องเรียน อาจจะย้ายสายแบบโอนหน่วยเดิมที่เรียนมาหนึ่งปี ไปต่อการโรงแรม ทำงานพิเศษพวกเสิร์ฟตามงานเลี้ยง จากน้ันต่อ ปวส ปริญญาตรี หรือ เปลี่ยนไป กศน ทำงานเต็มที่ รอวุฒิม.หก แล้วก็ค่อยเรียนรามหรือสุโขทัย

หวังว่าจะปรับตัวได้เร็วๆ ค่ะ

1
Miochess 8 ม.ค. 60 เวลา 23:27 น. 9-1

จริงค่ะเห็นด้วยกับความเห็นนี้มากๆ คือพี่ก็เข้าใจนะคะว่าหนูเครียด หนูน้อยใจ แต่หนูอย่าลืมว่าความทุกข์พวกนี้ไม่มีประโยชน์ ไม่ต้องเก็บมันมาใส่ใจค่ะ ทุกคนล้มเป็น อีกอย่าง การที่หนูบอกว่าอยากสบายเหมือนคนอื่นเค้าบ้าง พี่ว่าน้องหยุดเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นดีไหมคะ มีนไม่ได้ช่วยทำใจอะไรดีขึ้น หนูไม่ผิดที่หนูอยากสบายเหมือนคนอื่น แต่หนูผิดตรงที่หนูไม่ยอมให้กำลังใจตัวเองและยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วค่ะ พี่อยากให้หนูจำเป็นบทเรียน เมื่อหนูโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ก็อย่าทำแบบนี้ค่ะ พี่ว่าคุณแม่ก็คงเสียใจเหมือนกัน เพียงแต่การแสดงออกของคนเราต่างกันค่ะ สู้ๆนะคะ รักตัวเองให้มากๆ จงขอบคุณที่ทุกวันนี้ตัวเองมีลมหายใจอยู่

0
Papich 8 ม.ค. 60 เวลา 22:39 น. 10

เราขอเป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ เราเชื่อว่าเราของกระทู้จะสามารถผ่านพ้นเรื่องราวเหล่านี้ไปได้ สู้ๆนะ

0
2239 8 ม.ค. 60 เวลา 22:40 น. 11

สู้ๆนะคะน้อง ความลำบากจะสร้างภูมิคุ้มกันให้กับน้องเอง ถ้าน้องผ่านมันมาได้น้องจะเข้มแข็งและแกร่งมากขึ้นนะ ท้อได้ เหนื่อยได้ แต่อย่าทำร้ายตัวเองเลยนะคะ ถ้าน้องเป็นอะไรไป แม่ของน้องต้องเสียใจมากแน่ค่ะ พี่ชื่นชมน้องมากเลยนะ ที่สามารถทำงานและเรียนได้ขนาดนี้ น้องต้องมีอนาคตที่ดีในวันข้างหน้าแน่นอน อย่าละความพยายามนะคะ พี่เป็นกำลังใจให้นะ

0
Waterlilly 8 ม.ค. 60 เวลา 22:40 น. 12

สู้ๆนะคะ อายุเท่ากัน แต่เป็นเราทำแบบจขกท.ไม่ได้แน่ จขกท.สตรองมากก เก่งมากก เป็นกำลังใจให้นะคะ ทนอีกหน่อย เดี๋ยวมันก็ผ่านไป

0
เหมียว.... 8 ม.ค. 60 เวลา 22:40 น. 13

อยากจะเข้ามาบอกอย่างนึงคือ การเรียนในสายอาชีพมันไม่ได้แย่หรอกครับแต่สาขาบัญชีภาคปกติตกงานเยอะมากๆอันดับหนึ่งเลยมั้ง ทำไมไม่เลือกเรียนที่เกี่ยวกับงานในโรงงานล่ะครับ สู้ๆนะครับ ผมผ่านแบบนั้นมาแล้ว แต่ผมไม่ขนาดนั้น คงแย่มากๆ ประสบการณ์ราคาแพงจะทำให้เราแกร่งขึ้น ปัญหามีทางออกเสมอนะครับ ลองตัดสินใจดีๆนะครับ ผมว่าน้องคงจะเรียนรอดแน่ๆในเมื่อน้องบอกว่าเกรดสูงแต่เกรดไม่ใช่ความรู้นะครับ. คนมีความรู้มั่นใจในตัวเองไม่อดตายแน่ๆครับ ช่วงนึงเคยทำงานแบบนี้แหละครับเรียนภาคปกติเลิกเรียนไปทำงาน5โมง เสาร์อาทิตย์ทำเยอะหน่อยได้เดือนละเกือบหมื่นครับ ตอนนั้นอยู่ม4-5นี่แหละครับพอขึ้นม.6บ้านก็ฟื้นมาเป็นปรกติ เหตุการณ์ตรงนั้นมันเปิดโลกทัศน์ของเราไปไกลกว่าเพื่อนที่หมกอยู่แต่ในห้องมากๆ ประสบการณ์ชีวิตสำคัญกว่าทฤษฏีและตัวเลข สู้ๆครับโกรธแล้วนะ

0
กำลังใจ 8 ม.ค. 60 เวลา 22:44 น. 15

ลำบากในวันนี้ สุขสบายในวันหน้า ท่องคำนี้ไว้
เราเข้าใจเธอนะ ความรู้สึกเดียวกันเลย
เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป...แค่เปิดใจยอมรับและปรับตัวให้เข้า กับมัน เดี๋ยว มันก็จะดีเองและจะได้พบกับสิ่งใหม่ๆด้วย ..ถ้าเธอ ผ่านเหตุการณ์ นี้ ไปได้ใน อนาคต เธอจะไม่กลัวอะไรเลย เพราะ เธอผ่านสิ่ง ที่ แย่มาแล้ว...สู้ๆนะ

0
Pond 8 ม.ค. 60 เวลา 22:45 น. 16

สู้ๆนะคะ เรารู้ว่าปัญหาแบบนี้มันยากเกินกว่าเด็กอายุเท่านี่จะรับไว้ แต่ไม่มีอะไรยากเกินความพยายามหรอกค่ะ ขอแค่อดทน ฟ้าหลังฝนย่อมสวยเสมอนะคะ ถึงแม้มันจะลำบากขนาดไหนแต่ถ้าครอบครัวจับมือแล้วฝ่าฝันอุปสรรคไปด้วยกันเราเชื่อว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ

0
น.ส.สวยวันสวยคืน 8 ม.ค. 60 เวลา 22:53 น. 18

ชีวิตหนูต้องสู้และสตรองค่ะลูก ถ้าหนูเป็นอะไรไปแล้วแม่หนูล่ะ แม่หนูคงไม่เสียใจแย่หรอ??
ยังมีหลายคนหลายชีวิต ที่แย่ลำบากกว่าหนูอีกนะ คิดดีๆ

ความทุกข์ ความท้อแท้ ความคิดสิ่งร้ายๆจะกัดกินชีวิตหนูเรื่อยๆ
แต่ถ้าหนูสู้มัน ไม่ยอมมัน คิดบวกเสมอ สิ่งเหล่านี้จะผลักดันให้หนูเป็นผู้ชนะ

ความเหนื่อยใจ ความท้อท้อแท้ มันหายยาก
แต่ถ้าเหนื่อยกายเฉยๆ นอนตื่นวันใหม่ก็มีแรงสู้แล้วค่ะ

ความสุข ความอบอุ่น ความรัก หนูหาได้ตลอดอยู่แล้ว
ไม่ใช่เฉพาะพ่อแม่ แต่เป็นเพื่อน พี่ๆน้องๆ หมาแมวข้างทาง คนที่เข้าใจเรามันก็มากพอแล้วล่ะ

ดังนั้นพี่ขอให้หนูเข้มแข็งทั้งกายและใจไว้มากๆค่ะ แล้วซักวันหนูจะต้องผ่านสิ่งต่างๆไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหน หนูจะต้องเป็นผู้ชนะได้แน่ๆค่ะ อย่าแพ้ชีวิตตัวเอง
พี่เชื่อค่ะ พี่ก็ลำบากเหมือนกัน อาจจะไม่เรื่องเงิน แต่เป็นจิตใจ มันล้วนต้องผ่านไปให้ได้ค่ะ
เยี่ยม

0
Norae 8 ม.ค. 60 เวลา 22:57 น. 19

เราอายุเท่ากันเลยยยย เอาตรงๆคือ เราไม่สามารถรับรู้ได้เท่าเธอจริงๆว่ามันแย่ขนาดไหน รู้แค่ว่ามันแย่มากๆ แต่ว่า! เราอยากให้เธอคิดไว้เสมอว่า ทุกอุปสรรคหรือทุกปัญหาที่ผ่านเข้ามามันสร้างเรา สร้างให้เรารู้จักที่จะต่อสู้ด้วยตัวเอง ยืนได้ด้วยตัวเอง สร้างให้เราเข้าใจว่าโลกนี้มันไม่ได้เป็นไปตามที่เราคิดเสมอไป สร้างให้เรามีภูมิคุ้มกัน สร้างให้เราเข้มแข็ง และสุดท้ายคือมันทำให้ตัวเราเองเห็นว่าเราเก่งแค่ไหนที่ผ่านแต่ละวันมาได้ เราจะคอยให้กำลังใจเยอะๆเลยยย ในอนาคตเธอต้องเป็นผู้หญิงที่เก่งมากแน่ๆ สู้ๆนะ!

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น