Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

โรคSocial Axiety disorder หรือ โรคกลัวการเข้าสังคม

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ไม่รู้ว่าตั้งผิดบอร์ดรึป่าว คือว่าเราเป็นโรคsocial axiety disorderหรือsocial phobia ก็คือโรคกลัวการเข้าสังคมนั่นแหละค่ะ อาการหลักๆคือรู้สึกประหม่าอย่างรุนแรงเมื่ออยู่ต่อหน้าคนจำนวนมากจนเกิดความเครียด อึดอัด รวมถึงพยายามหลีกหนีจากสถานการณ์นั้น และเกิดผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต ทั้งในด้านการเรียน การทำงาน ครอบครัว และอีกหลายๆด้านค่ะ

            อ่านมาจนถึงตรงนี้คงสงสัยกันใช่มั้ยคะว่าจะกลัวไปทำไม ไม่ต้องแคร์ก็ได้ ใช่ค่ะ ไม่ต้องแคร์ก็ได้ แต่สำหรับเราแล้ว.. มันยากนะคะ ลองสมมติตัวเองเป็นลูกเป็ดขี้เหร่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงหงส์ดูค่ะ แล้วลองนึกถึงความรู้สึกของลูกเป็ดตัวนั้นเวลาที่ถูกฝูงหงส์รุมรังแก ชอบด่าทอ ชอบทำให้อาย จนกลายเป็นสาเหตุให้ลูกเป็ดขี้กลัว ไม่กล้าทำอะไรสักอย่าง นั่นแหละค่ะ ความรู้สึกเดียวกัน เพียงแค่สาเหตุของแต่ละคนไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง 

          ในกรณีของเรา เวลาที่เราทานข้าวในสาธารณะ เดินห้างคนเดียว อยู่ต่อหน้าคนมากๆ เวลาที่ครูเรียกตอบคำถามหรือให้แนะนำตัวเวลาขึ้นชั้นใหม่ เวลาที่ต้องรายงานหน้าชั้นไม่ว่าจะคนเดียวหรือหลายคน เราจะมีเหงื่อออกมาก มือสั่น หน้าแดง เวียนหัว หายใจลำบาก ขยับตัวก็ลำบาก ต้องคอยเอานิ้วจิกแขนตัวเองให้หยุดคิดมาก ใจเย็นๆ แต่ก็ไม่ช่วยอะไร ในหัวก็คิดแต่ว่าเมื่อไหร่จะได้ออกไปจากตรงนี้สักที อึดอัด จะร้องไห้ เวลาจะปรึกษาอะไรกับใครก็ต้องคิดตลอดว่าจะพูดอะไรบ้าง ถ้าเค้าตอบกลับมาแบบนี้เราต้องพูดยังไง จนบางทีเราก็เสียโอกาสในการคุยกับคนอื่นๆไปเลย
 มีเพื่อนสนิทเราหนึ่งคนที่รู้ว่าเราเป็นแบบนี้ แต่เค้าไม่เข้าใจ เค้าคิดว่าแค่ไม่ต้องแคร์ก็พอแล้ว แต่ก็อย่างที่บอกไปในตอนแรกๆ เราทำไม่ได้ค่ะ เราพยายามมากที่สุดแล้ว เค้าหงุดหงิดทุกครั้งที่เวลาเราจะคุยกับใครแล้วเอาแต่นั่งคิด ไม่ไปคุยสักที เวลาเราทานข้าวกลางวันบางทีเราก็อึดอัดจนกินไม่ลง บางครั้งก็ไม่ยอมทานเลย (โรงเรียนเราไม่มีให้ซื้อเองค่ะ ให้ตักข้าวไปทานเป็นแถวตามโต๊ะที่จัดไว้แล้วมีครูยืนคุม//สายตาครูทำให้เราอึดอัดมากค่ะ จะบ้าตาย ;=;) เรารู้นะว่าเราทำให้เพื่อนไม่ชอบใจ แต่เราก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ไม่อยากทะเลาะกับเพื่อนเพราะเรื่องแค่นี้ด้วย เราคิดตลอดว่าทำไมต้องเป็นโรคแบบนี้ด้วย เราอึดอัด เราทำอะไรไม่ได้เลย แค่คนมองเราเราก็กลัวแล้ว บางทีแค่เรานึกถึงเรายังกลัวเลย ไม่ได้เวอร์นะ มันเป็นจริงๆ 
   เราแค่อยากบอกทุกคนว่าการเป็นโรคอะไรแบบนี้มันอึดอัดยังไงTwT มันมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตมากแค่ไหน สุดท้าย.. ถ้าใครมีวิธีรักษาให้หายรบกวนช่วยคอมเม้นท์บอกหน่อยนะคะ ขอบคุณมากกๆค่ะ

แสดงความคิดเห็น

11 ความคิดเห็น

สุกิต 4 ก.พ. 60 เวลา 11:15 น. 1

ก็ต้องปรึกษาจิตแพทย์นะ ถ้าคำพูดอย่างเดียวช่วยไม่ได้

ก็ต้องพึ่งยาด้วยเหมือนกัน น้าก็เคยหาจิตแพทย์

แต่ของนี้คือ นอนไม่หลับ


ส่วนอาการทางจิตอื่นของน้า ก็มีนะ

อย่างถ้าเจอของรก ๆ หรือ ที่ ๆ มีคนอยู่มากเกินไป

อย่างสนามกีฬา หรือ ที่ ๆ มีคนอยู่พอสมควร

แต่พื้นที่ค่อนข้างแคบ จนดูเหมือนมากจนอึดอัด

อันนี้ น้าก็อยากจะออกจากที่นั่นเหมือนกัน


ส่วนอาการ หวาดกลัวผู้อื่น ตอนน้าเรียน

ปวช และ ปวส ก็มีนะ เพราะน้าเป็นคนหน้าเด็ก

ครูยังชอบทักว่า เป็นเด็กประถม แม้จะอยู่ ปวช แล้ว

มันก็ทำให้ขาดความมั่น เพราะรุ่นน้อง หรือ เพื่อนห้องอื่น

บางครั้ง พอเห็นน้า ก็จะมีซุบซิบบ้าง อันนั้นน้าก็หวาดกลัว

แล้วก็อายเหมือนกัน


น้ายังมีอีกอาการอาย คือ ตอนน้าเรียน รด

น้าไม่ยอมใส่ ชุด รด แต่เอาใส่กระเป๋าหรือถุง

ไปเปลี่ยนที่ห้องน้าโรงเรียน เพราะน้าอาย

พวกมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือ พวกวัยรุ่น เพราะน้าหน้าเด็ก

แล้วก็ดูอ่อนแอ เลยมักจะโดนล้อ ประมาณว่าไม่เข้ากับชุด

ไม่มีความแข็งแกร่งเลย อะไรแบบนี้ ถูกหัวเราะใส่เลยก็มี


น้าผ่านมันมาไงเหรอ ก็แก้ไขอย่างที่บอก

หรือไม่ ก็รีบเดินผ่านเร็ว ๆ

แต่น้าไม่มีอาการอย่างหนูหรอก ที่ไม่กล้าออกมาหน้าชั้น

น้าเป็นคนกล้านะ ถ้าอยู่ในบทเรียน หรือ จำเป็นต้องทำ


เห็นน้าอ่อนแอ ถูกครูฝึก รด หยามให้บ่อย ๆ แบบนี้

แต่ตอนน้าฝึก เดินแบบทหาร ครูฝึกบางคน ยังบอกว่า

ท่าเดินน้าดูแข็งแรงดี เออ ก็มีเหมือนกันนะ


น้านี่ จะว่าไป ถูกล้อ ถูกหยาม มากกว่าหนูแน่ ๆ อะ

น้ายังเคยถูกเพื่อนผู้ชายด้วยกัน ข่มขู่ ก็มี

แกล้งน้าจนร้องไห้ ก็มี มีอยู่ครั้ง น้าถูกยกคอเสื้อ

จนตัวลอยนะ น้าก็ใช้วิธีเลี่ยง ๆ ล่ะ แต่น้าไม่เคย

มีความคิดจะไม่ไปเรียนเลยนะ เพราะน้า

คิดว่า การเรียนต้องมาที่หนึ่ง น้าจะไม่เอา

ความไม่สบายใจ ในเรื่องพวกนี้ ไปเป็นอุปสรรคเด็ดขาดเลย


น้าไม่ชอบโดดเรียน หรือ กระทั่งดีใจ ที่ไม่ได้เรียน

น้ารักเรียนมากนะ ดังนั้น น้าเลยอยากให้หนู

คิดสิว่า มีอะไร เป็นแรงผลักดัน ให้หนูต่อสู้ได้บ้าง

เหมือนน้า ที่มีความยึดมั่นในหน้าที่ คือ ต้องเรียน

แล้วก็ ต้องไม่ทำให้แม่น้าผิดหวังเด็ดขาด


แต่นี่อาจเป็นเพราะน้าเป็นผู้ชาย แม้จะเจอปัญหา

ในชีวิต เป็นสิบ ๆ อย่างคือ ณ ขณะนั้นที่บ้าน

มีปัญหาเรื่องเงินด้วย เรียกว่าความกดดันสูงพอควร

แต่น้าต้องบังคับตัวเองให้ผ่านให้ได้


นี่ยังไม่รวมตอนน้าทำงาน ในสถานที่หนึ่ง

ซึ่งเจ้านายส่งไป น้ามีแต่คนไม่ชอบ เกือบทั้งออฟฟิศนะ

มีแม่บ้านคนเดียว ที่คุยได้ เป็นอย่างนี้เป็นปีนะ

ก่อนจะมีหัวหน้าเข้ามาช่วย


น้าถึงขนาดเดินไปหน้าอาคารแล้ว เกิดความรู้สึก

หวาดกลัว จะคลื่นไส้ อาเจียนเลยทีเดียว

แต่น้าก็อยู่ ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ อดทนมากเลยอะ

แต่น้ามีได้นั่งสมาธิด้วย ก็เลยช่วยได้ส่วนหนึ่ง


เรียกว่า เวลาทำงาน 8 ชั่วโมง ไม่รวมเวลาพัก

น้าต้องนั่งอึดอัดนะ ถ้างานมันเสร็จไปแล้ว

แต่น้าทนได้เป็น ปี ๆ อะ หนูว่าน้าพึ่งอะไรล่ะ


ก็เหมือนเดิม น้าท่องไว้ "ทำให้แม่ผิดหวังไม่ได้"

นี่ไง ความยึดมั่นในหน้าที่ มันรั้งน้าเอาไว้

ยอมแพ้ แม่ก็อดสิ เพราะน้าความรู้ไม่สูง ไม่ใช่

คนบุคลิกดี พอจะหางานใหม่ง่าย ๆ


หนูเชื่อไหม ตั้งแต่น้าเรียนจบทำงานมา 22 ปีแล้ว

น้ายังทำงานกับเจ้านายคนเดิมตลอด แต่มีเปลี่ยนบริษัท

บ้างแล้วแต่เค้าส่งไปทำที่ไหน เจอมาหมด

ทั้งเพื่อนร่วมงานไม่ชอบ หัวหน้าตำหนิ ทะเลาะกับ

เพื่อนร่วมงาน ถูกสรรพากร ใช้หาเอกสารกองเท่าภูเขา

เรียกว่า ทำงานอยู่ในความกดดัน จนน้าคิดว่า

ตัวเองต้องเป็นโรคประสาทแล้ว (ก็เกือบนะ)


ผ่านทุกอย่าง เพราะ คำว่า "หน้าที่รับผิดชอบ"

แค่นั้นจริง ๆ หนูหา สิ่งยึดเหนี่ยวให้ได้แล้วกัน

น้าจะไม่พูดว่าเป็นกำลังใจให้


เพราะน้าไม่รู้จักหนู น้าพูดแค่

"เป็นกำลังใจให้ ตัวเองแล้วกัน"

1
Nottell 7 ก.พ. 60 เวลา 06:23 น. 2

1. ควบคุมอารมณ์
ถ้าไม่เข้าใจ ทำไม่ได้ ไปข้อต่อไป

2. อยู่คนเดียว เงียบๆ สักพัก
จงเฝ้ามอง ความคิดของตน
(อย่างไร) ง่ายมาก จะทำสมาธิ หรืออะไรก็ชั่ง

2.1 เธอกำลังทำอะไรอยู่
2.2 คิดอะไรอยู่  (คิดว่า..., กำลังคิด..., คิดอะไรก็ไม่รู้, ไม่ได้คิดอะไร)
2.3 รู้สึกอะไรอยู่ (สบายใจ ,ลมเย็น ,เฉยๆ)

2.4 กลับไป "ตั้งใจ" ทำในสิ่งที่เธอ "กำลังทำ"

(การที่จู่ๆ มีความคิดของเธอแทรกเข้ามาระหว่างกระทำการใดๆ
หรือ มีความคิดแทรกเข้ามาขณะคิด เป็นเรื่องปกติ)

ยกตัวอย่าง

ขณะกำลังกินข้าว
จู่ๆ รู้สึกอึดอัด เพราะ อะไรซักอย่าง
(อ่าวรู้ตัวนี่ ว่ากำลังอึดอัด ใช้ได้เลย)
กลับไปกินข้าว
แต่แล้ว จู่ๆ ก็คิดอะไรไปเรื่อย
( "ต้องรู้ตัว" ให้ได้ว่า มีความคิดเกิดขึ้น ถ้าไม่ได้ได้ตั้งใจคิด ก็ เฝ้าดูมัน มันจะดับไปเอง)

แต่ถ้ากำลังกินข้าว และ ตั้งใจคิดบางอย่าง
จงรู้ตัว ว่ากำลังกินข้าว และ จงรู้ตัว ว่าตั้งใจคิดอะไร

ฝึกการรู้ตัว ค่อยๆฝึกไป (จะเรียกว่า ฝึกสมาธิ หรือ สติ ช่างมันไปก่อน)

3. ทำอะไรให้ช้าลง (หมายถึง ให้ผ่อนคลาย จากทุกสิ่งที่กำลังทำ)
เปรียบเหมือน วิ่งช้าๆ กับ วิ่งไวๆ แน่นอนวิ่งไวไว ย่อมเหนื่อยกว่า

4. มองสิ่งต่างๆ สิ่งรอบๆ (แบบผ่านๆ)
สิ่งแวดล้อม ท้องฟ้า อากาศ พื้นดิน หญ้า ต้นไม้ ฯลฯ
สังคม ผู้คน การกระทำของผู้คน
แค่มอง หรือ เรียกว่า สังเกต
แต่ เป็นการสังเกตที่ ไม่ต้องคิดอะไร
(สภาพเหมือน อยู่คนเดียวทามกลาง บรรยากาศต่างๆ)
(แน่นอนว่า อาจมีความคิดแทรกเข้ามา ถึงแม้ไม่ตั้งใจคิด จงเฝ้าดูมัน ตั้งแต่เกิด จนดับ)
แล้ว กลับไปที่ข้อ 2.1 , 2.2 , 2.3 , 2.4

5. เขียนบันทึกประจำวัน จะเรียกว่า Daily ก็ได้
5.1 หากมีปัญหาเรื่องการสนทนาด้วยคำพูด ลองสนทนาด้วย การเขียนหรือพิมพ์
อย่างที่ตั้งกระทู้นี้
5.2 หาเพื่อนสนิท(ควรเป็นเพศเดียวกัน)
ทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น ผลัดกันอ่านหนังสือออกเสียง เล่นเกม ออกกำลังกาย
ถ้าไม่สามารถทำ ข้อ 5.2 ได้ ช่างมัน
5.3 อ่านหนังสือออกเสียง ให้ตนเองฟัง
5.4 หาสารคดีที่เป็นประโยชน์ดู เลือกเอาตามใจชอบเลย
งด เลิก ดูละครDrama

6. ปรับทัศนคติ เรียนรู้ปรัชญา
จงทำความเข้าใจ จงยอมรับความเป็นจริงที่เป็นจริง
เช่น
ความตายเป็นของธรรมดา ที่ทุกสิ่งต้องเป็นไป ไม่สามารถหลีกเลี่ยง หรือหนีได้

จงพัฒนาตนเอง ก่อนดูถูกผู้อื่น

อย่าเปลี่ยนแปลงตนเพื่อสิ่งอื่น เพราะสิ่งอื่นไม่แน่นอน
จงเปลี่ยนแปลงตนให้ดีขึ้น เพื่อตนเอง

เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี
เพราะสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จึงเกิด
เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี
เพราะสิ่งนี้ดับไป สิ่งนี้จึงดับไป
(นี้วรรคหน้า กับวรรคหลัง เป็นคนละสิ่ง)

หรือ ศึกษา อริยสัจ4
ประวัติพุทธศาสนาช่างมาน บทสวดมนต์ช่างมาน
ไว้ว่าง+อยากทำ ค่อยทำ , ศึกษา อริยสัจ4 สำคัญกว่า

ข้อ 6 นี้ จะทำให้ได้แนวทางการใช้ชีวิต
ถ้าที่อ่านมาไม่เข้าใจตั้งแต่ต้น ให้อ่านสรุป

สรุป
ฝึก ปฏิบัติ ทั้งหมดของ ข้อ 2.
ศึกษาอริยสัจ4 (คืออะไร , มีอะไรบ้าง , หมายความว่าอะไร , อย่างไร)
ตัวอย่าง
อริยสัจ4 ก็มี 4อย่างเป็นหลัก คือ ...
แต่ละอย่าง ก็แยกย่อยไปอีก คือ ...
(ซึ่งก็มีคำศัพท์เฉพาะ ก็ต้องค่อยๆหาความหมาย แล้วนำมาเรียบเรียงต่อไป)

ซึ่งต้องใช้เวลา
ทั้งปฏิบัติ ข้อ 2. ทั้งศึกษา อริยสัจ4
ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป
ง่วง ซึ้ง จ๊ะเอ๋ เบื่อ โมโห เยี่ยม

0
Rachaneewan2839 8 ก.พ. 60 เวลา 22:26 น. 3

เราก็มีอาการนะคะ แต่มันเป็นอีกแบบจากกรณีของเจ้าของกระทู้ คือเดี๋ยวนี้เรามักจะเวียนหัวหรือรู้สึกปวดหัวขึ้นมาเหมือนจะป่วยเวลาอยู่ท่ามกลางคนหมู่มาก มันเหมือนถ้าตรงไหนที่มีคนมุงเยอะๆๆแล้วพื้นที่มันไม่กว้าง มันจะทำให้เรารู้สึกไม่สบายทันที แต่เราไม่ใช่คนประเภทแอนตี้สังคมหรอกนะคะ เพราะเราก็สามารถเข้าสังคมได้ ต่อหน้าคนเยอะๆๆเราก็สามารถทำกิจกรรมได้ 
ปล.ขอให้เจ้าของกระทู้หายไวๆๆนะคะ 

1

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของ

piepp248 8 ก.พ. 60 เวลา 22:34 น. 5

เราก็เป็นนะ คือเวลาพูดออกไมค์ต่อหน้าคนเยอะๆ จะใจเต้นแรง ปากสั่นเสียงสั่น หายใจสั้นๆถี่ๆ เหงื่อออกมือเยอะมาก วิธีแก้ของเราก็ไม่มีค่ะ ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่แต่ดีขึ้นเยอะ เพราะเราเคยเป็นประธานนักเรียน ต้องอยู่หน้าเสาธง แล้วมันมีช่วงอบรมน้องจากพี่ประธาน เราก็เป็นคนพูด วันไหนคนทำหน้าที่หน้าเสาธงไม่มา เราก็ทำแทน ทั้งร้องเพลงทั้งสวดมนต์ ตอนนี้ก็ยังสั่นๆอยู่ แต่ดีขึ้นเยอะค่ะ 55555

0
nine29's 9 ก.พ. 60 เวลา 00:00 น. 6

เราเป็นคือแบบอย่างงี้เลยอะ ไม่ไปกินร้านที่ตัวเองอยากกินถ้าคนเยอะ คือจนแม่ว่าเราเครียดเกินไป คือเราไม่ชอบอะคนเยอะๆ ใจมันก็จะคิดเห้ยเขามองเรายังไง  เราทำอะไรผิดหรือป่าว ขนาดเล่นเกมแล้วขาแชทกันในห้องเรายังไม่กล้าพิมตอบเลยอะ555555 แต่เราก็พยายามแก้นะ บอกตัวเองชั่งมันๆๆๆๆๆๆ อย่าไปเครียด ไม่รู้ว่าช่วยไหมแต่เรารู้สึกดีขึ้นเยอะเลย

0
KissTheRAIN 9 ก.พ. 60 เวลา 00:58 น. 7

เราก็มีอาการคล้ายๆแบบนี้นะคะ ฮ่าๆ
เรากลัวมากกับการที่ต้องออกไปไหนมาไหนคนเดียว บางทีแค่ไป 7-11 หน้าปากซอยเรายังต้องรวมความกล้าตั้งนานเลย ส่วนพรีเซ้นต์งานหน้าชั้นไม่ต้องพูดถึง ไม่พังก็ล่มทุกที5555
ตอนนี้เรายิ่งเป็นหนักขึ้น ส่วนหนึ่งมันมาจากสังคมมนุษย์กล้องด้วย แบบว่าเห็นคนทำอะไรแปลกกว่าตัวเอง ก็จะเก็บภาพแล้วเอามาแชร์กัน คือเรากลัวมากที่ตัวเองอาจจะกลายเป็นเหยื่อในสักวัน(ทั้งๆที่ไม่ทำอะไรผิดปกติหรอกแต่คนมันกลัวนี่นา TT)

แต่สุดท้ายเราก็เลือกที่จะข่มความกลัวไว้นะ บอกในใจว่าช่างมัน ตอนนี้เราอยู่คนเดียวๆ ต่อให้บางทีมือสั่นปากสั่นยังไง ก็ต้องฝืนใจไว้อะ แก้ไม่หายสักที เศร้าจัง

0
p.p.littlecat 9 ก.พ. 60 เวลา 13:29 น. 8

เรากำลังหาเพื่อนอยู่เลย ถ้ามีไรทักไลน์เราได้นะ เราก็เป็นใช้ชีวิตยากสุดๆ id 1954.2580.2003.fytbk

1
snozzy2540 9 ก.พ. 60 เวลา 22:03 น. 9

โหยยยยย นึกว่าผมเป็นคนเดียวซะอีก โดยเฉพาะเวลาทานข้าวครับ ทรมานมากๆ ผมพูดได้เลยว่าเสียดายชีวิตม.ปลายมากๆ ไม่ได้สนุกแบบคนอื่นๆเลย ยังไงก็ถ้าสะดวกก็ลอง inbox มาหาได้นะครับ อยากคุยกับ จขกท มากครับ

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

นำรูปถ่าย หรือข้อมูลของผู้อื่น ที่มิได้เป็นบุคคลสาธารณะมาลง โดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม หรือมีลงเบอร์โทรศัพท์/ที่อยู่จริง

pingpingV 17 เม.ย. 63 เวลา 14:37 น. 11

ขอบคุณทุกคนมากๆนะคะ ตอนนี้หายดีมา3ปีแล้ว ไม่มีอาการอะไรแล้วค่า ตอนนั้นแค่ตักข้าวเข้าปากในโรงอาหารยังทำไม่ได้เลยเพราะมือสั่น แต่ตอนนี้สบายมากๆ กล้าทำอะไรมากขึ้น มีความสุขมากขึ้น ถึงตรงนี้ขอฝากไว้เผื่อใครที่เป็นเหมือนกันจะมาอ่าน เราผ่านตรงนั้นมาได้เพราะเราได้เผชิญหน้ากับความกลัวถึงขีดสุดของเรา มันกลัวมากเหมือนจะตายแต่เราพยายามคิดตลอดว่า เราต้องหาย คิดไปเหงื่อตกไป5555 จริงๆคือไปเข้าค่ายมาค่ะ มันเป็นกิจกรรมบังคับ ให้เต้น เราอยากวิ่งหนีไปมากๆแต่เพื่อนโดนทำโทษแน่ๆ พอทำกิจกรรมเสร็จก็นั่งพักประมาณชม.นึงแล้วเขาก็เปิดเพลงให้เต้นตามอัธยาศัย ตอนนั้นใจเราเบามาก ไม่หนักเหมือนที่เคย ไม่รู้สึกกลัวที่จะทำอะไรต่อหน้าใคร กิจกรรมที่ทำไปคือมันกลัวที่สุดถึงขีดสุดแล้ว แต่เราก็ผ่านมันมาได้ เราวิ่งไปหาเพื่อนแล้วร้องไห้เลยเพราะดีใจที่หาย55555 ต่อจากนั้นในระยะ1ปี มันก็มีบ้างที่รู้สึกเหมือนกลัวๆ แต่ก็ไม่ได้หนักขนาดที่หายใจลำบาก ขยับตัวลำบากแล้ว หวังว่าเรื่องของเราจะพอเป็นประโยชน์ให้ใครได้บ้าง แล้วก็เป็นกำลังใจให้ใครก็ตามที่เป็นอยู่ดีขึ้นไวๆ เรารู้ว่ามันยาก แต่คุณจะผ่านมันไปได้ สู้ๆ ฮึบบบ ไม่ไหวมาระบายในเม้นก็ได้ค้าบ เราจะฟังเอง:-))

0