คิดผิดไหม ? สละสิทธิ์แพทย์เพื่อเลือกคณะวิทย์
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
53 ความคิดเห็น
อยากเรียนวิทยา แยากเรียนอะไร มันประยุกต์ไ้โดยพื้นของหมอหรือเปล่า
เราไม่แน่ใจนะ แต่เราเคยได้ยินมาว่า คณะแพทย์ ถ้าเรียนถึงปี 4 แล้วไม่เรียนหมอต่อ ให้ยื่นเรื่องของเป็นปริญญา วท.บ ได้ (ก็คือวิทยาศาสตร์บัณฑิตนี่แหละ) และจบได้วุฒิเทียวเท่าวิทยาเลย (แต่สาขาอะไรไม่รู้นะ) แล้วค่อยสอบทุนไปเรียนต่อวิทยาด้านที่ชอบที่เมืองนอกต่อไรงี้
ลองเรียนดูสักปีไหม แล้วไม่ชอบก็ซิ่ว หรือยาวไปก็ปีสี่
ขอบคุณสำหรับข้อมูลใหม่นะคะ เพิ่งรู้เหมือนกันค่ะ ว่ามีแบบนี้ด้วย ยังไงจะลองหาข้อมูลอีกทีนึงนะคะ ขอบคุณค่ะ :)
ได้หมอที่ไหนอ่ะครับ
ถ้าถามว่าผิดไหม ไม่ผิดหรอกครับ มันอยู่ที่เราคิดว่าเราทำอาชีพไหนเเล้วมีความสุขที่สุดเเล้วประสบความสำเร็จมากที่สุดมากกว่าครับ
ผมมีรุ่นพี่ได้หมอเเล้วสละสิทเรียนวิทย์เหมือนกันครับ หลายคนด้วย
โห ดีจังเลยค่ะ คิดว่าเป็นอยู่คนเดียว จขกท.ได้มธ.ค่ะ (ขออนุญาตเอ่ยชื่อสถาบันนะคะ) ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ ^^
เยอะเเยะครับ รร ผมมีทุกปี มีสละสิทเเพทย์ไปเรียนวิศวะ วิทยา พวกนี้เยอะเเยะครับ จิงๆมีเพื่อนเราสละสิทเรียนทันตะด้วย
ใช่ ร.ร.แถวสยาม หรือแถวศาลายาหรือเปล่าคะ?
ต่างจังหวัดครับ คนที่สอบติดหมอ มข คนจะเข้าวิศวะจุฬา อีกคนนึงเข้าทันตะมหิดล ปีก่อนรุ่นพี่สละสิทไปเรียนวิทยาจุฬา อีกคนเอาทุน พสวท ไปเรียนวิทยา มทส ก็ตามนั้นเเหละครับ เขียนให้อ่าน ให้รู้ว่า จขกท มีเพื่อนครับ5555
ขอบคุณมากนะคะ ได้ข้อมูลอะไรดีๆเยอะเลย แอบชื้นใจนิดๆ ว่ายังมีคนที่คิดเหมือนกับเราอยู่ ^^
ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นเเหละครับ55555 จิงๆผมก็ดีใจนะที่มีเพื่อนอีกคนที่คิดเหมือนผม
ใช่ บพ ไหมคะ ...
อะไรกันนน นี่พี่เป็นเด็กวิดยา ละอยากได้หมอ แต่ไม่ติดจ้าาา ฝันสลาย (ไม่ค่อยได้ช่วยเลย) :((((
แต่หนูแอบอิจฉาพี่นะคะ555
ทำตามที่ตนรักดีสุดครับ คณะวิทย์ก็กำลังต้องการคนเก่งๆมาเรียนเหมือนกัน ไม่ใช่ไปเรียนแต่แพทย์
อยากเป็นส่วนหนึ่งให้คณะวิทย์ก้าวหน้าเหมือนกันค่ะ ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ :)
บวกเม้นนี้มากเลยครับ ไม่ใช่เอะอะก็เรียนแต่แพทย์ น่ารำคาญจังประเทศไทย อยากให้มีนัักวิทยาไทยดีๆแบบนี้ ผมเชื่อว่าประเทศไทยก็ไม่น้อยหน้าแน่นอนครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ :)
จขกท. ลองคิดภาพตัวเองในอนาคตดูนะ ว่าพอเราเรียนจบหมอ/เรียนจบวิทยาแล้ว เราจะทำงานยังไง อยู่ในสังคมแบบไหน มีชีวิตแบบไหน
พอจินตนาการแล้วก็เอามาเปรียบเทียบ ว่าเราอยากมีชีวิตแบบไหนมากกว่ากัน
เรื่องนี้ควรตัดสินใจด้วยตัวเองนะคะ เพราะคนที่จะใช้ชีวิตตามเส้นทางที่เลือกเดินคือตัว จขกท. เองค่ะ
ที่จริงมีจุดมุ่งหมายอยากเรียนวิทยาฯ มาตั้งแต่ม.4 แล้วค่ะ อันที่จริงฝันเล่นๆไว้ตั้งแต่ม.ต้นแล้ว แต่เพิ่งมาจริงจังตอนม.4 ค่ะ มาเขวช่วงสอบม.6 ที่ใครๆก็อยากให้สอบหมอ ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ :)
ถ้าบ้านไม่จนกรอบไม่ควรเรียน
ขอโทษนะคะ ไม่เข้าใจจริงๆ ไม่ควรเรียนอะไรเหรอคะ?
ไม่ควรเรียนหมอไง
คือประเด็นอยู่ตรงที่ติดหมอ แต่ความฝันอยากเรียนวิทยาฯค่ะ และทางบ้านไม่เห็นด้วยกับการที่สละสิทธิ์หมอแล้วเลือกวิทยาฯ ยังไงก็ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ ^^
เรียนอะไรก็ประสบความสำเร็จสร้างเงินล้านได้หมด ถ้ามีความสามารถแล้วยิ่งมีใจรักแบบนี้ด้วย
ขอสนับสนุนคณะวิทย์ครับ
ขอบคุณมากค่ะ ส่วนตัวอยากเรียนคณะวิทย์อยู่แล้วค่ะ ติดประเด็นตรงที่ว่าทางบ้านไม่สนับสนุน
ทีมวิดยาาาาาาาา
เย้555
ประเทศชาติจะพัฒนาไปได้ไกลมากๆๆๆ. ถ้ามีเยาวชนคิดอย่างหนูเยอะๆๆๆๆๆ
อย่าแค่ดีใจเพียงแค่ข้ามคืนเลย. ครอบครัวดีใจกับคำว่าลูกสอบติดหมอ. แต่เวลาที่เหลือมานั่งเศร้าว่าเราอยากเรียนอย่างอื่นนี่นา
เป็นนักวิทยาศาสตร์ไปสร้างชื่อเสียงที่เมืองนอกก่อน. แล้วกลับมาแก้ไขระบบการศึกษาบ้านเราที่มันหงิกๆงอๆ เพื่อรุ่นต่อไป
บ้านเราติดกับค่านิยมเด็กเก่งต้องเรียนแพทย์มานานเกินไปแล้วจ้า
ใช่ค่ะ หนูชอบศึกษาข้อมูลจากต่างประเทศ แล้วก็พบว่า เขาสนับสนุนในทุกสาขาวิชาชีพ ไม่ติดค่านิยมเหมือนกับประเทศเรา ที่เด็กเก่งต้องเรียนหมอ อย่างอเมริกา สนับสนุนแม้กระทั่งพนักงานดับเพลิง ซึ่งสำหรับตัวหนูถือว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติมากค่ะ อยากให้ทุกคนลองเปิดใจ (รวมถึงครอบครัว อาจารย์ของหนูด้วย) ว่าอาชีพที่ช่วยเหลือคน ไม่จำเป็นต้องเป็น ''หมอ" อย่างเดียวนะคะ ทุกอาชีพสามารถขับเคลื่อนให้ประเทศและประชากรในประเทศ อยู่ดีกินดีได้ แค่ทำในสิ่งที่รักและถูกต้อง ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเป็นพอค่ะ อยากให้ลดค่านิยมเด็กเก่งต้องเรียนหมอสักนิด เราอาจจะได้อะไรใหม่ๆให้กับประเทศมั้งเนอะ ปล.ขอโทษที่ยาวไปหน่อยค่ะ มีความระบาย555 ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ
หลายสิบปีเเล้ว
ที่เด็กเก่งๆทั้งหลายไปเรียนpure science
ได้ทุนกลับมาเป็นอาจารย์ ไม่รู้กี่ร้อยคน
สุดท้ายประเทศก็เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเเปลงอะไร เพราะ สังคมประเทศชาติ มีเเกนเป็น ทหาร ข้าราชการ นักกฏหมายครับ ไม่ใช่นักวิทย์ ต่อให้มีคนเก่งๆอีกเป็นหมื่น ก็ไม่ได้ทำให้บ้านเมืองนี้ดีขึ้นมา ในเมื่อคนทีเป็นหัวหลักในประเทศชาติ ทุกสมัย ไม่ได้ให้ความสำคัญกับ know how หรือ สร้างองค์ความรู้เอง สังเกตได้ว่าอะไรอะไรก็ซื้อ ไม่ได้ส่งเสริม innovation อะไรเลย เเละเป็นเเบบนี้มายาวนาน เพราะงั้น ถ้าคิดจะเรียนวิทย์ เเละอยู่ในไทย ผมว่าไม่รุ่ง เเน่นอน ที่บอกว่านักวิทย์จะพัฒนาชาติ เป็นเเนวคิดที่โลกสวยเกินจริง
เพราะกลุ่มผู้นำประเทศไม่ได้คิดเเบบนั้น
ยกตัวอย่างเช่น อาจารย์เจษฏ์ เเห่งจุฬา ก็ไม่เห็น คนใหญ่ระดับประเทศจะฟัง เเถมมองว่า
เป็นภัยต่อความมั่นคงเสียอีก
ขอบคุณมากนะคะ ได้มุมมองใหม่เลย อยากให้อธิบายส่วนของอาชีพแพทย์หน่อยได้ไหมคะ ขอบคุณค่ะ :)
ค่อนข้างเห็นด้วยกับคุณ @kittikarn
แชร์ ปสก.นะคับ คือเกือบจะเข้าหมอเพราะค่านิยม แต่พอมาวิเคราะห์ดีๆ
1.ไม่ได้เป็นพวกชอบช่วยเหลือคนขนาดนั้น
2.เป็นคนนอนเยอะมาก
3.เป็นคนขี้เกียจ
4.ชอบคำนวณ โดยเฉพาะฟิสิกส์นี่แทบจะอยู่ในเลือด คือ มองทุกสิ่งเป็นฟิสิกส์
สุดท้ายเลือกวิศวะคับ เงินสตาท ผม100,000(ไป ตปท บ่อย)((ได้นอนสมใจ(นอนบนเครื่องบิน5555)))
ปล.อยากแชร์ให้ จขกทช่วยในการตัดสินใจ
อยากกดว้าวตรงที่ฟิสิกส์อยู่ในเลือดเลยค่ะ555 ยินดีกับพี่ด้วยนะคะ ที่เลือกในและทำจนสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองรัก เก่งจริงๆค่ะ ^^
ถ้าจะเอาเรื่อง เงินเดือนเป็นเเสน พวกหมอ ทันตะ นี่ โดยเฉลี่ย ไม่น่าจะเเพ้นักวิทย์
ถ้าจะเทียบ อยากให้เทียบเเบบโดยเฉลี่ย
ไม่ใช่เอา top มาฟัดกัน ควรเอาโดยเฉลี่ยหรือไม่ก็ท้ายๆมาเทียบกัน
เอาเฉลี่ย เทียบไม่ได้คับ
1.คุณลองคิดดูคนที่ติดทั้งหมอ-วิศวะมีกี่คนของวิศวะ
2.จากข้อ1. เท่าที่ผมผ่านมาบอกเลยมีไม่กี่สิบคน แล้ว คนกลุ่มนี้จะประมาณผม
3.ของผมคือ จบใหม่100,000นะคับ ซึ่งถ้าเทียบกับหมอแล้วคือมากกว่าแน่นอน(เรียน4ปี)
ปล.เรียนตามที่ถนัดแล้วชีวิตจะรุ่งนะคับ
พี่เรียนวิศวะอะไรหรอครับ?
ไฟฟ้าคับ ความจริง เคมี กับ ปิโตร จะได้มากกว่า ขั้นหนึ่ง แต่ต้องเป็นหัวกะทิจริงๆคับไม่งั้นก้ได้ปกติทั่วไป สำหรับ เคมี
อยากสอบถามครับ ตอนนี้วิศวะไฟฟ้า กะ ปิโตร มหาลัยไหนเวิร์คสุดครับ ขอบคุณครับ
ปิโตรนี้ ฬ แน่นอนคับ แต่ถ้าไฟฟ้า ผมแนะนำลาดกะบังนะ (ทำเกรดง่ายกว่า แล้วเครดิตพอๆกัน) ทีนี้ ถ้าจบด้วยเกรดมากกว่าโอกาสจะมากกว่า (คนรู้จัก 2 คน คนนึง 2.60 ฬ อีกคน 3.50 ลาดกะบัง )(ตอนสอบเข้า คะแนนได้พอๆกัน) ปรากฎว่า คนที่ 2 (ลาดกะบัง)ได้ต่อนอก+ทำงานนอก ส่วนคนแรก ก็เป็นวิศวะกรที่มีคุณภาพธรรมดาทั่วๆไป
ที่คณะวิทยา ฬ มีคนติดหมอศิริราชกับมศวสองคนแต่สละสิทธิ์มาเรียนวิทยาเคมีแทน ถ้าจำไม่ผิดตอนนี้พี่เขาน่าจะอยู่ปี 3 ทั้งคู่ // การเลือกคณะเป็นประตูด่านแรกที่นำเราไปสู่อาชีพที่จะติดตัวเราไปตลอดชีวิต ถามใจตัวเองดูว่าเราอยากเป็นอะไร อย่าเลือกเรียนเพราะคนอื่น อย่าลืมว่าคนที่เรียนคือเรา เรียนสิ่งที่ไม่ชอบเหมือนฝืนใจไปตลอดชีวิต...ถ้ามองย้อนกลับมาจะเสียใจไหมลองคิดดู
ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ :)
จบวิดยามาระวังเตะฝุ่นนะ !!!!!
ขอบคุณสำหรับความเห็นนะคะ นี่คงเป็นประเด็นสำคัญที่ใครหลายๆคนมองคณะวิทย์ในแง่ลบ ยังไงรบกวนผู้รู้มาอธิบายประเด็นนี้เพื่อประกอบการตัดสินใจหน่อยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ :)
ถ้าเรียนในสิ่งที่เรารักเเละชอบ เราจะทำมันได้ดี ไม่ตกงานหรอกครับ
มองแบบโลกไม่สวย มันก็จริงที่หลายคนเตะฝุ่น จากคนจบวิดยาแต่ไม่ได้เตะฝุ่น บอกตรงๆ ตอนนี้ทำงานเอกชนไม่รู้เลยว่าอีก 5-10 ปีข้างหน้าอนาคตจะเป็นยัง(โดนเอาออก) ได้แต่ก้มหน้าทำงานเก็บเงินต่อไป
เห้อ!!! พอติดแล้วก็ไม่เอา นี่ก็สอบเหมือนกันนะหมออ่ะ ซิ่วมาสอบแต่ก็ไม่ติด สุดท้ายก็คงเลือกวิดยา ส่วนคนติดก็ไม่เอา ใช้ไรคิดเนี่ยเธอออ
ใช้สมองเลือกแพทย์...ใช้หัวใจเลือกวิทยาค่ะ อยากเป็นหมอใช่ไหมคะ? ขออนุญาตแนะนำให้ลองฝึกคิดบวกดูก่อนนะคะ โลกไม่สวยค่ะ แต่เราสามารถคิดบวกได้ และถ้าอยากเรียนหมอจริงๆ แนะนำให้ทำข้อสอบเก่าเยอะๆ ว่างๆก็ท่องศัพท์ ท่องสูตร แก้โจทย์ ลองดูนะคะ ไม่อยากเกินความสามารถแน่นอน (ถ้ามี) เป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอบคุณสำหรับความเห็นนะคะ :)
เป็นไงเจ้าของเม้น เจอ จขกท ตอบเข้าให้ 5555555555
ก็นี่แหละน้า ความคิดงี้ไง ไม่ติดหมอ ก็ไม่แปลกหรอกครับ 55555555555
เลือกในสิ่งที่ใช่และชอบดีกว่า
การเรียนในคณะแพทย์เพื่อให้ได้ปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต ไม่ทำให้เราได้เรียนรู้ในสิ่งที่เราสนใจจริงๆ คือเรียนอะไรไม่รู้มากกว่า ระหว่างทางหากเจอความลำบากในการเรียนแพทย์ ถามตัวเองว่าตัวเราจะย้อนคิดตลอดเวลารึเปล่าว่า "เสียดายที่ไม่ได้เรียนคณะวิทย์" ถ้าต้องฝืนเรียนเพื่อให้จบปี4 เพราะแค่ปริญญาใบเดียวคุ้มหรือไม่ ถึงเวลาปี4 ก็จะเสียดาย ก็ต้องทนต่ออีก2ปีให้จบ
แต่ถ้าเลือกในสิ่งที่ใช่ตัวเรา ความสุขความสนุกในการได้เรียนรู้สิ่งที่ชอบ จะฉุดให้เราได้เกรดดีๆ ระหว่างทางในคณะก็มีงานวิจัย มีไปดูงาน ตปท ตอนจบก็มีทุนเรียนต่อ ป.โท รองรับ เส้นทางเดินของแต่ละคณะที่จบมีมากมายและตรงสายมากกว่า (ลองดูในเวปหรือบอร์ดแต่ละคณะที่สนใจเรียนดู ก็จะเห็นความตื่นตาตื่นใจว่ามีอะไรให้มากกว่าที่คิด)
ถ้าไม่ได้รักในความเป็นหมอ การสอบได้แพทย์จะมีความสุขในช่วงนี้จนถึงปี 1 เมื่อขึ้นปี2 ถ้าไม่ชอบและไม่ใช่ จะผ่านไปได้ต้องใช้ความอดทนถึงขั้นอึด แล้วก็จะกลายเป็นความอึดอัดใจ
ตอนนี้ยังมีโอกาสเลือก คิดให้มาก คิดให้ไกล ทุกเส้นทางอาชีพ หากรักจริงๆมีทางของความสำเร็จรออยู่อีกเยอะ
จะพยายามหาข้อมูลในการทำงานให้มากกว่านี้ค่ะ ซึ่งส่วนตัวยอมรับเลยว่าไม่ได้มองถึงความเป็นจริงสักเท่าไหร่ ประกอบกับมีประสบการณ์ไม่มากพอ ขอบคุณสำหรับความเห็นนะคะ :)
เคยมีคนรู้จักนะคะ ติดแพทย์ และ สถาปัตย์ น้องเค้าเลือก สถาปัตย์ ค่ะ
แบบ จขกท มีเยอะ นะคะ เพียงแต่ ทำยังไงให้ครอบครัวเข้าใจ นี่แหละค่ะ ยากหน่อย
ส่วนตัว มีเพื่อน สอบกสพท เลือก สัตวแพทย์ 3 อันดับ ได้คะแนน สามารถติดหมอ(บางที่) ได้เลย แต่เค้าอยากเรียน สัตว ค่ะ และที่บ้านเข้าใจ เลย ไม่มีปัญหา ค่ะ
ขอบคุณสำหรับความเห็นนะคะ :)
ขอแชร์มุมมองจากผู้ปกครองคนหนึ่ง
ที่สำคัญต้องรู้ว่าเรียนจบมาแล้ว
จะทำงานอะไร และจะสามารถหางานทำได้มั้ย
ทุกวันนี้ ได้resume คนจบสายวิทย์หรือวิศวะ
ที่มาสมัครงานสายธุรกิจ จำนวนไม่น้อย
เวลาสัมภาษณ์ก็จะบอกว่าไม่อยากทำงานในโรงงาน
หลายคนจึงไปเรียนต่อ MBA ก่อนมาสมัครงาน
บางทีก็เจอคนที่เรียนหมอ 4-5 ปี แล้วเอาวุฒิ
วิทย์มาสมัครงาน บอกว่าไม่ชอบชีวิตการทำงาน
ของหมอ (กลุ่มนี้มักจะเป็นคนที่พ่อแม่บังคับเรียน)
ชีวิตการทำงานค่อนข้างยาว
อย่างน้อยก็ 20-30ปี
ถ้าได้ทำสิ่งที่ตนเองรักและมีรายได้
พอเพียงดูแลตัวเองและครอบครัว
น่าเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง
อย่าฝืนใจเพื่อสังคมหรือใคร
แต่ก็ต้องอยู่ในโลกความเป็นจริงด้วย
ว่าหลังเรียนจบ แต่ละวันที่เราต้องเจอ
อาทิตย์ละ 5-6 วัน มีสภาพอย่างไร
อย่ามโนเอาเอง
ออกไปดู/คุยกับคนที่ทำงานนั้นจริงๆจะดีกว่า
ถ้าในเรื่องของการทำงาน จบมาจะทำงานอะไร ยอมรับเลยค่ะ ว่าหนูมีประสบการณ์และความรู้ไม่มากพอที่จะตัดสินใจในเรื่องเหล่านี้ เพราะได้ฟังความเห็นเฉพาะกลุ่มคน เช่น อาจารย์ เพื่อนๆ แต่ยังไม่ได้แนวคิดจากผู้มีประสบการณ์จริง จึงทำให้หนูตัดสินใจไม่ได้และไม่อยากมองโลกสวยเกินจริง ยังไงจะพยายามมองไปกว้างๆ และคิดให้อยู่ในหลักความเป็นจริงค่ะ ขอบคุณสำหรับความเห็นนะคะ :)
ถ้าเรียนวิทฯ เชื่อว่า คงจบด้วย เกียรตินิยม อันดับ 1 เหรียญทอง แล้ว ได้ทุนเล่าเรียนที่ดีที่สุด ไปเรียนจนจบ ปริญญาเอก สถาบัน ระดับโลก แล้ว ม.นั้น เชิญ เป็น อาจารย์ ที่ ต่างประเทศ ก้าวหน้า สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย ต่อไป
ยินดีครับ ที่ ประเทศไทย อาจสูญเสีย คุณหมอไป จากระบบ 1 คน (ซึ่งคง เป็นคุณหมอ ที่จำใจทำงานรักษาคนไข้ไปวันๆ แบบคนที่ไม่ชอบอาชีพ) แต่ จะ เกิด นักวิทยาศาสตร์ ที่ อาจ เป็น ระดับ อาจารย์ ที่ค้นคว้า อะไร ที่ โดดเด่น หรือ ได้รางวัล ระดับโลก ในการค้นคว้า ค้นพบ (ถ้า เป็นรางวัลโนเบล คนแรก ของประเทศไทย ก็ จะดีมากๆ)
ยังไง ลองพิจารณา วิทยาศาสตร์ สาขา Quantum Physics และ ศึกษา เรื่องจักรวาลคู่ขนาน จะได้เห็นภาพ ของ คุณหมอ และ คุณนักวิทยาศาสตร์ ในอนาคต เปรียบเทียบกัน
เชื่อว่ายังมีเด็กเก่งอีกหลายคนที่เลือกเรียนคณะวิทยาศาสตร์นะคะ ซึ่งปัจจุบันคณะวิทย์เปิดสอนเกือบทุกมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ส่วนตัวสงสัยว่า นศ.ที่จบใหม่จากคณะนี้มีอัตรากี่เปอร์เซ็นที่ได้ทำงานและเรียนต่อกับสาขาที่ตัวเองจบมา มีทางเลือกมากพอไหมคะ ถ้าเราอยากทำงานในสิ่งที่ตัวเองได้เรียนมา? ขอบคุณสำหรับคำแนะนำสาขา Quantum Phisic นะคะ เพิ่งรู้ว่ามีสาขานี้อยู่ในประเทศของเราด้วย ยังไงจะลองศึกษาเพิ่มเติมค่ะ ขอบคุณนะคะ :)
สุดท้ายตัดสินใจเลือกอะไร แวะมาบอกกันด้วยนะคะ ^_^
คงตัดสินใจเลือกวิทยาฯ นะคะ จากหลายๆมุมมองที่ผ่านมา ทำให้คิดได้ว่า เราควรจะมองจากการทำงานมากกว่าที่จะนั่งคิดไปเอง ยอมรับค่ะว่าที่ผ่านมามองโลกสวยเกินจริง มองแต่มุมของตัวเอง แต่ถึงยังไงเป้าหมายของเราก็คือคณะวิทย์มาตลอด ก็จะยังคงเลือกเป้าหมายเดิมไว้ค่ะ เพียงแต่ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม หาประสบการณ์ ว่าจะทำยังไงให้ตัวเราก้าวหน้าในวิชาชีพที่เราเลือกนี้ค่ะ ^^
จขกท.เล็งคณะวิทย์สาขาอะไรเหรอครับ /ทีมคณะวิทย์
pure chem ค่ะ
ลุยเลยครับ ชอบอันไหนเรียนอันนั้นไป
ถึงเขาว่าคณะวิทย์มีโอกาสเตะฝุ่นสูง แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคต ไม่แน่ว่าจขกท.อาจจะไปได้ไกลในสายนี้ก็ได้นะ ยังไงต้นทุนที่มีก็คือได้ทำในสิ่งที่ชอบ
และถึงอนาคตจะไม่เวิร์ค ก็ยังผันตัวเป็นครูหรือติวเตอร์ได้อีก (ตั้งใจว่าถ้าจบมาเตะฝุ่นจะเปิดติวครับ 555+)
ไม่ทราบว่าคุณมหันตภัยจากอวกาศ เรียนสาขาอะไรอยู่คะ ฟิสิกส์หรือเปล่า5555 สังเกตุจากชื่อเอาค่ะ
ตายละ โดนเข้าใจผิดซะแหล่ว
รุ่นเดียวกันคร้าบบบ เล็ง com sci ไว้
17-1 สะกด Quantum Physics ผิดนะ ( นักวิทยาศาสตร์ ต้องรอบคอบหน่อย)
และ มีกระทู้เกี่ยวกับ " อยากเรียนต่อ ป.โท Quantum Physics โดยเฉพาะ สามารถเรียนต่อที่ไหนได้บ้างครับ" https://pantip.com/topic/30684560 ตามนี้
ขอโทษค่ะ คราวหลังจะรอบคอบมากกว่านี้ ส่วนตัวไม่ได้มองสาขานี้ไว้ แต่ก็ถือว่าได้ข้อมูลใหม่ ขอบคุณนะคะ :)
ในความคิดของเรานะ เรียนหมอก่อนดีกว่านะ เพราะเราคิดว่าหมอเป็นอาชีพที่มั่นคงมากอาชีพนึง และเป็นอาชีพที่ใครๆก็ให้การนับถือ มีหน้ามีตาทางสังคม ซึ่งทางบ้านของ จขกท คงเห็นในจุดนี้ และอีกอย่างนึงก็คือทางบ้านคงไม่อยากเห็น จขกท ลำบาก
ส่วนวิทยา ถ้าจขกท อยากเรียนจริงๆ ต่อวิทยาป.โท ก็ได้ หรือต่อต่างประเทศก็ได้ เพราะถึงตอนนั้น จขกท ก็จะมีปริญญาแพทยศาสตร์ ใบนึงแล้ว ซึ่งทางบ้านของจขกท ก็สบายใจ ถึงตอนป.โท จขกท จะเรียนต่อวิทยา เรามั่นใจนะ ว่าทางบ้านของ จขกท ไม่มีคนคิดคัดค้านหรอก
สุดท้ายนี้ ก็ขึ้นอยู่กับจขกทจะตัดสินใจนะ อันนี้แค่เป็นส่วนหนึ่งในแง่คิดของเราเฉยๆ สุดท้ายก็ยินดีกับจขกทด้วยนะ เราเชื่อว่าสุดท้าย จขกทคงเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองได้แน่นอน
ขอบคุณสำหรับมุมมองที่แตกต่างค่ะ :) ย่อหน้าแรกเห็นด้วยกับเจ้าของเม้นนี้นะคะ ว่าหมอเป็นอาชีพที่มั่นคงและทำให้ทางบ้านไม่ผิดหวัง ซึ่งต่างจากวิทยาฯที่ผู้ใหญ่หลายคนมองว่า จบมามีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะเตะฝุ่น แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน กว่าเราจะเรียนจบหมอ (ซึ่งไม่ได้ตั้งใจจะเรียนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว) ใช้เวลาทั้งหมด 6 ปีเต็ม และไม่มีอะไรมารับรองได้เลยว่า เราต้องเจออะไรบ้างใน 6ปีนี้ ซึ่งถ้าเป็นคนที่มีใจรักในสายอาชีพนี้จริงๆ เราเชื่อค่ะว่าพวกเขาสามารถที่ผ่านอุปสรรคต่างๆที่จะพบเจอไปได้ แต่ถ้าเราไม่ได้รักในสายอาชีพนี้ล่ะ? เราจะผ่านมันไปได้อย่างไร? ยังไงก็ขอบคุณสำหรับความเห็นนะคะ :)
บางทีสิ่งที่ชอบกับความเป็นจริงมันก้ไปด้วยกันไม่ได้ จขกท.อยากเรียนสาขาอะไรในคณะวิทย์? ตอนเรียนมันใช้เวลาแค่4-6ปี แต่ตอนทำงานล่ะ ตลอดชีวิต ต้องยอมรับอย่างนึงนะว่าประเทศไทย"กำลังพัฒนา" รัฐเค้าสนับสนุนนักวิทยาศาสตร์ได้ไม่เต็มที่อยู่แล้ว เปรียบเทียบให้อิงกระแสตอนนี้ก็เหมือนนักร้องที่มีความสามารถทัดเทียมสากล แต่ทางproducerเค้าไม่ได้ดันไม่ได้ซัพพอร์ตเรา ถ้ามีความคิดจะไปทำงานเมืองนอกอันนี้งานหินเลย แข่งกับคนในประเทศว่ายากแล้วต้องแข่งกับคนเก่งๆทั่วโลก ใครๆก็อยากไหลไปทำงานในประเทศโลกที่1 ปัจจัยมันเยอะกว่าแค่ทำสิ่งที่เราชอบแล้วจะรุ่ง ที่หลายๆคนคิดแบบนั้นก็เพราะสื่อเค้าหยิบเฉพาะไม่กี่เปอร์เซ็นต์ในนั้นมานำเสนอยังไงล่ะ
ตั้งใจจะเลือก pure chem ค่ะ เห็นด้วยกับความคิดที่ว่า "แข่งกับคนเก่งในประเทศว่ายากแล้ว ไปแข่งกับคนเก่งทั่วโลกนั้นยากกว่า" ส่วนตัวไม่ใช่คนเก่งอะไรขนาดนั้นค่ะ ยังคงต้องฝึกอีกมากและยังไม่รู้ว่าจะต้องไปเจอกับคนเก่งอีกมากมายเท่าไหร่ ยิ่งเรียนหมอนั้น แน่นอนค่ะ เหมือนรวมเด็กเทพไว้มากมายเลยทีเดียว ซึ่งจขกท.ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะเรียนไหวไหม ตอนนี้คิดไว้แค่นี้เท่านั้นเองค่ะ เข้าใจในหลายๆความเห็นนะคะ ที่ให้มองชีวิตในความเป็นจริง ขอบคุณสำหรับความเห็นนะคะ :)
คิดผิดครับ ถ้าเรียนวิทยาควรเรียนเมืองนอกตั้งแต่ ป.ตรี
ตอบเด็ดขาดขนาดนี้ แสดงว่าคุณ aaaa สามารถสรุปได้เลยใช่ไหมคะ ว่าเรียนคณะวิทย์ในไทย ไม่สามารถก้าวไปได้ไกลแน่นอน? แล้วคณะวิทย์ในไทยมีประโยชน์ด้านไหนบ้างในการพัฒนาประเทศ? ยินดีรับฟังทุก comment เลยนะคะ ^^ ขอบคุณสำหรับความเห็นค่ะ
ดูแล้วจขกท.คงเทให้คณะวิทย์แล้วหละครับ ยังไงก็ลองคุยกับที่บ้านดีๆนะครับอธิบายให้เขาเข้าใจว่าเรามีจุดมุ่งหมายหรือเป้าหมายของเราในอนาคตคืออะไรแน่ ทำให้พ่อแม่มั่นใจเเละเชื่อในตัวเราครับ เขาหวังดีครับอยากให้เรามีอาชีพที่มั่นคง เพียงแต่มันอาจจะไม่ใช่ในทางที่จขกท.ต้องการ ยังไงก็ลองคุยปรึกษาท่านดีๆครับ เมื่อเราได้เรียน, ทำงานในสิ่งที่รักเราก็จะมีความสุขครับ ^^
ขอบคุณนะคะที่เข้าใจ :) จะสู้ต่อไปค่ะ
จขกทเป็นเหมือนเราเลยย แต่เราติดแค่สัตวะฬยะ555 เราอยากเรียนวิทย์#จุลชีวะมากๆ ตอนนี้ก็ลังเลอยู่เหมือนกันว่าจะเอาสัตวะกสพทหรือจุลรอบแอดดี
โอ้วว ดีใจด้วยนะคะ ^^ ไม่แค่หรอกค่ะ ตั้งสัตวฯ ต่างหาก เก่งมากค่ะ แล้วตั้งใจเลือกสัตวแพทย์เองหรือทางบ้านอยากให้สอบคะ? สมมติว่าถ้าเลือกสอบเอง เพราะอะไรถึงสอบ ทั้งที่อยากเข้าวิทย์คะ?
คือเราอยากเป็นสัตวะมานานแล้วแหละแต่ระหว่างรอกสพทเราก็ไปสอบรับตรงไปพลางๆแล้วเลือกคณะวิทย์จุลไป พอเราศึกษาข้อมูลดูนู่นนี่อ้าวอยากเรียนซะแล้วอ่ะ ดูแล้วเราน่าจะไปได้ ตอนนี้ก็ลังเลอยู่ว่าสรุปสัตวะใช่ทางของเราจริงๆรึป่าวหรือแค่โดนฝังค่านิยมนี้ตั้งแต่เด็กรึป่าวไม่มั่นใจ555
เรียนเเพทย์นั้นดีเเหละเเต่ว่าน้องลองคิดดูนะครับ ถ้าน้องเรียนเเพทย์เเล้วจบออกมา ใช้ทุนเรียบร้อยเเล้ว เเล้วไปเรียนต่อวิทยา ป.โท สุดท้ายน้องได้ปริญญา 2 ใบเเต่สุดท้ายเเล้วน้องก็ได้ทำงานอย่างเดียวคือ ไม่นักวิจัย ก็หมอ ถ้าน้องเลือกประกอบอาชีพหมอ เเล้วปริญญาวิทยามีไว้ทำไม?? ถ้าน้องเลือกนักวิจัย เเล้วปริญญาหมอมีไว้ทำไม?? เเต่คนเราก็คิดว่าโถ่มีปริญญาหลายใบดีจะตายเเบบดูมีความรู้ เเต่ในมุมมองพี่นะปริญญาอะถ้าไม่ได้ใช้เเล้วไงหละมันก็เเค่กระดาษใบหนึ่งที่รอวันสูญหายไปเท่านั้นเองครับ พี่ว่าความคิดของน้องคงอยากเรียนวิทยามากกว่าเเล้วถ้าน้องจบหมอเเล้วไปเรียนวิทยา ป.โท เเล้วทุนของรัฐบาลที่สนับสนุนให้น้องเรียนหมอจุดประสงค์ของรัฐคืออะไร?? ไม่ใช่การที่จะผลิตเเพทย์ขึ้นมาเพื่อเเก้ไขปัญหาของการขาดเเพทย์หรือ?? เเสดงว่างบประมาณส่วนกลางหายไปโดยไม่มีประโยชน์อะไรเลยครับ พี่อยากฝากให้คิดถึงเรื่องตรงนี้ด้วยครับเพราะมันเป็นประโยชน์ส่วนรวมของสังคมนะครับ
สุดท้ายเเล้วขอให้น้องตัดสินใจดีๆครับ เรียนวิทยาก็ใช่ว่าจะเเย่ที่ไหนคนจบวิทยาเป็น รศ. ศ. ผศ. ก็เยอะเเยะครับ อย่าได้ถามความมั่นคงเลยครับมั่นคงอยู่เเล้วครับ เเล้วพี่เชื่อว่าอย่างน้องอะมีความรักในการเรียนวิทยาอยู่เเล้ว ประกอบกับหัวสมองระดับนี้เเล้วนะครับ อนาคตไกลครับ เรียนอะไรก็ได้ทุกอาชีพทำให้เรามีเงินทองได้หใดเเหละครับ เเล้วเรื่องตกงานไม่ต้องกังวลหรอกครับถ้าไม่เลือกงานก็มีงานเเน่ครับ
ขอบคุณมากนะคะพี่ ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่าหนูไม่ใช่คนเก่งเลย เมื่อเทียบกับเพื่อนๆ (ที่สอบติดหมอ) หนูไม่มีความสามารถเทียบเขาได้เลยค่ะ เนื่องจากเพื่อนๆเหล่านี้ก็มีประสบการณ์มากมายที่แตกต่างกันออกไป เช่น เป็นเด็กโอลิมปิกวิชาการ (ซึ่งหนูไม่ใช่) เป็นนร.แลกเปลี่ยน (หนูก็ไม่เคยไป) เป็นประธานนักเรียน (อันนี้ก็ไม่ใช่หนู) หนูกลัวว่าจะไม่มีความสามารถพอที่จะเรียนต่อคณะแพทย์ค่ะ และที่สำคัญก็ไม่ใช่คณะที่คิดไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มันมาเขวช่วงม.6 นี่แหละค่ะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ :)
ขอถามก่อนว่า ความฝันมันไปสุดที่ตรงไหนครับ ความฝันคือได้เข้าคณะวิทยา แล้วจบแค่นั้น หรือว่าจบตรงที่ได้งานทำ หรือว่าตรงที่ได้ใช้ชีวิตทั้งชีวิตกับงานที่ต้องใช้ปริญญาคณะวิทยา?
มันต่างกันมากโขเลยนะครับ ถ้าแค่ฝันว่าอยากเข้า พอเข้าก็สิ้นสุดความฝัน ที่เหลือช่างมัน อันนั้นผมโนคอมเม้นท์
คำถามสำหรับความฝันที่สำคัญสุดคือ การได้ใช้ชีวิตด้านนั้น วิถีชีวิตอยู่กับงานนั้น ถ้ากรณีนี้ค่อยน่าคิดหน่อย
ถ้ามีเป้าหมายแน่ชัดว่าอยากได้ชีวิตที่ทำงานแบบนี้ๆ ชัดเจนอยู่แล้วจะคุยง่ายครับ ถ้าเรารู้ชัดเจนว่าชีวิตต้องการอะไรก็เอาจุดนั้นไปคุยกับที่บ้านได้ครับ คุยยังไงค่อยว่ากันอีกที
แต่เราต้องรู้ตัวเองก่อนว่าเราต้องการอะไร เพราะชีวิตไม่ได้จบที่การเข้าเรียนหรือได้ใบปริญญา
ผ่านไป4-6ปี เราก็ยังมีชีวิตอยู่ ตอนนั้นแหละที่สำคัญ มีคนหลายคนมากที่พอจบก็เสียดายเวลา4ปีที่เรียนมาจึงจำใจทำงานตามสาขาที่เรียนทั้งที่ไม่ใช่วิถีชีวิตที่ต้องการ เลยกลายเป็นเสียเวลาอีก20ปีกับชีวิตเหมือนติดคุกแทนที่จะเสียไปแค่4ปีตอนเรียนมหาลัย
ถ้าเรารู้แต่แรกว่าอยากใช้ชีวิตแบบไหนก็ไม่ต้องเสียเวลาอีก4ปีข้างหน้า
...เอ่อ ไม่ได้พูดเรื่องคณะเลยแฮะ แต่ผมคิดว่าประเด็นนี้มันสำคัญกว่าเรื่องคณะหลายร้อยเท่าเลยนะ
ผมอยากให้ลองคิดดูให้ดีก่อนว่า ชีวิตวัยทำงาน30-40ปีที่เราจะอยู่กับมันน่ะ เราอยากใช้ชีวิตแบบไหน?
ไม่ได้คิดแค่เข้าได้แล้วคือจบค่ะ แน่นอนว่าต้องมีการคิด วางแผนมาบ้าง แต่เลือกที่จะไม่กล่าวถึง เพราะว่าต้องเจอกระแสลบพอสมควร และไม่อยากถูกกล่าวหาว่ามโนไปไกล โลกสวยเกินหรือเปล่า ซึ่งจุดนี้หนูพยายามหามุมมองที่คิดว่ามันโอเคที่สุดสำหรับหนูค่ะ ขอบคุณมากนะคะ (คาดว่าน่าจะเป็นผู้ปกครอง)
พี่เข้าใจนะครับว่าเจ้าของกระทู้อยากเรียนวิทยานะ
แค่อยากให้ลองคิดถึงอนาคตที่เรียนจบมา จริงๆนะ จบมาแล้วน้องมีงานทำ
ลองอดทนเรียนดูเพื่อวันข้างหน้าดีไหม?
แต่ส่วนตัวพี่เชียร์หมอนะ คิดดีๆนะครับ พี่เอาใจช่วย :)
เข้าใจค่ะพี่ ว่าต้องคิดเรื่องของอนาคตของการทำงาน แต่ส่วนตัวหนูคือยอมรับเลยค่ะว่า "กลัว" หนูไม่ได้เตรียมพร้อม ไม่ได้มีความรู้และประสบการณ์เท่ากับเพื่อนๆที่สอบติดหมอ ซึ่งเป็นเหตุทำให้คิดว่าเราคงไม่มีความสามารถพอที่จะเรียนต่อคณะแพทย์ การสอบติดเป็นเรื่องน่ายินดีค่ะ แต่มันไม่ได้หมายความว่าหนูจะไปรอด? หนูก็เลยมองว่าเราควรจะเดินกลับไปทางที่เราเคยคิด เคยฝันไว้ไหม เพราะมันเป็นทางที่เราเลือกไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ขอบคุณสำหรับความเห็นและกำลังใจนะคะ :)
สวัสดีครับ น้อง พี่อยู่วิทยาปีสี่ครับ เห็นมีบางความคิดเห็นว่า ให้เรียนแพทย์ยันจบปีสี่ แล้วค่อยขอ วทย.ออกมา จะบอกว่า อย่าทำเชียวนะครับ มันไม่ใช่pathway ที่ปกติ กรณีแบบนั้นเค้าให้สำหรับกรณีพิเศษจริงๆที่แบบ เรียนหมอไม่ไหวแล้ว เรียนต่อปี5-6 ไม่ได้แล้วจริงๆ จึงขอออกมาก่อน
เรื่องการเรียนพี่จะเทียบให้น้องฟังนะ ดูเหมือนน้องอยากจะเข้าเคมีใช่ป่าว มาดูการเปรียบเทียบกัน
แพทย์ปี 1 มีเคมีพื้นฐาน 1 ตัวเท่านั้น อาจจะมีแลปด้วย
แพทย์ปี2 -3 เคมีอย่างมากก็ ไบโอเคม ออเคม แค่นั้น
พอขึ้นปี 4 ก็ไมไ่ด้ยุ่งกะเคมีเลย เรียนวนวอร์ดไปเรื่อยๆ แล้วก็ขอ วทบ.ออกมา น้องว่ามันแปร่งๆมั้ยครับ ?
ตรงข้ามนะครับ
เคมีปี1 เรียนเคมีพื้นฐาน อาจจะตัวเดียวกะแพทย์หรือคนละตัวแล้วแต่มอ แล้วก้มีวิชาพื้นฐานอื่นๆ
เคมีปี 2 คราวน้องจะได้เรียนเข้มข้น มีวิชาทางเคมีเยอะมากๆ ที่ไม่ใช่แค่ออเคม ไบโอเคม แบบแพทย์เรียน เช่น แอนนอล,อินออแกนิค ฟิเคม บลาๆๆ ไบโอเคม ออเคม ก็เรียนนะ แต่เรียนลึกกว่าหมอเยอะมากๆๆๆ แบ่งเป็นอย่างละสองตัวอะ คณะแพทย์เรียนอย่างละตัว ลองไปเปิดหลักสูตรดู
เคมี ปี3 ก็เช่นกัน มีวิชาทางเลือกเคมีเยอะสุดๆ
เคมีปี 4 มีโปรเจคให้ทำ น้องก็เลือกเลย อ.แต่ละท่าน มีโปรเจคหัวข้อ หรือแนวไหนบ้าง ก็ไปขอทำได้ ทำเสร็จก็ตีพิมพ์ออกมา ทำโปสเตอร์ พรีเซนต์โปรเจคว่าทำอะไรไป ได้ผลยังไง
มีทั้งวิชาสัมมนา ให้น้องอ่านเปเปอร์แล้วมานำเสนอ แล้วตอบคำถามอ. น้องต้องรู้ประหนึ่งว่าน้องทำเปเปอร์นั้นเอง วิชาเรียน มีให้เลือกเพียบ เลือกเรียนได้ตามความสนใจ มีหลายสายมากในเคมี ทั้ง เคมีวิเคราะห์ เคมีอินทรีย์ ชีวเคมี เคมีฟิสิกส์ เคมีอินทรีย์
และถ้าจขกท.อยากเรียนต่อโท -เอก ด้านเคมี น้องจะมีความรู้พื้นฐานเคมีแน่นๆเลย มันต่างกับน้องเรียนหมอมากนะ หมอแทบไม่ได้เรียนเคมีเลยนะ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ดีนะคะพี่ เป็นประโยชน์มากเลย รบกวนพี่ช่วยกล่าวถึงการทำงาน การเรียนต่อในต่างประเทศ(ทุน) การใช้ทุนคืน ความก้าวหน้าในสายอาชีพนี้ด้วยได้ไหมคะ ขอบคุณมากค่ะ :)
น่าจะเปลี่ยนไปถาม หรือ ไปตั้งกระทู้ถามเพิ่ม ใน board คณะวิทยาศาสตร์ ให้ผู้ที่สนใจ เรียน หรือ พี่ๆ ผู้ที่เรียนอยู่ ตอบ
อ่อค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ตอนแรกไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเลือกบอร์ดคณะแพทย์หรือคณะวิทย์ แต่คาดว่าบอร์ดคณะแพทย์น่าจะมีผู้ปกครองและคนสนใจมากกว่าค่ะ :)
ในฐานะผู้ปกครองที่ลูกเคยเรียนคณะวิทย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกชอบมาก เพราะนอกจากคณะแพทย์แล้ว ไม่ขอเลือกอะไรเลย ขอสองคณะนี้เท่านั้น ลูกเป็นเด็กโอลิมปิก แต่เมื่อเรียนซักระยะ ทางอาจารย์ท่านก็เป็นนักเรียนทุน เรียนจนปริญญาเอกแล้วกลับมาสอน ท่านบอกว่า ถ้าลูกชายไม่มีทุนในคณะนี้ ก็อย่าเรียนเลย ไปเรียนหมอเถอะ (แต่ลูกชายสายชีวะ) ถ้าหนูคิดว่าชอบ ทางคณะวิทย์มีหลายทุนให้เลือก ซึ่งก็มีการสอบตามขั้นตอน อันนี้ผมว่าถ้าคุณเข้าไปแล้ว ควรหาทุนเพื่อเป็นหลักประกันที่จะได้ไปต่อ..
เพราะถ้าไม่ไปต่อ การจบแค่ปริญญาตรี ประเทศเราไม่สนับสนุนจริงจัง ไม่เหมือนเกาหลี ญี่ปุ่น ที่เค้าสนับสนุนทางสายนี้เต็มที่ ณ วันนี้ ถ้าคุณตัดสินใจอะไร มันคืออนาคต แต่ถ้าไปเรียนแล้ว มันไม่ใช่ ก็มีโอกาสสอบใหม่ได้อีก อีกนิดนึงนะครับ เพื่อนลูกชายที่เรียนวิทยาอยู่ หลายคนสอบไปเรียนต่อต่างประเทศไทยแล้ว ส่วนบางคนก็ได้เกียรตินิยม อันดับหนึ่งสองต่างกันไป และมีบางคนที่เค้าไปมีทุนอะไรที่ผูกพัน ก็จบเกียรตินิยมเหรียญทอง อันนี้ ขอให้คิดหลาย ๆ ด้านนะครับ
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ
ขอบคุณทุกๆความเห็นมากๆเลยนะคะ สามารถทำให้เห็นได้หลายมุมมอง ทุกความเห็นเป็นประโยชน์มากสำหรับการตัดสินใจของตัวจขกท.เอง ณ ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ จขกท.ยังคงยึดเป้าหมายเดิมของตัวเองเป็นหลักค่ะ แม้จะมีคนเห็นต่างเป็นจำนวนมาก แต่เลือกที่จะมองมุมต่างที่เข้าใจค่ะ สำหรับทางครอบครัว ตอนนี้ก็ได้พูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว อาจจะมีทะเลาะกันบ้าง แต่ก็พยายามใช้เหตุผลให้มากที่สุด เพราะเราก็เข้าใจว่าเขาเป็นห่วงอนาคตของเรา และที่สำคัญเลยนะคะ จขกท.เองก็เชื่อว่ายังมีนักเรียน น้องๆ เพื่อนๆ พี่ๆนศพ.อีกหลายคน ที่จะเป็นหมอที่ดีมีคุณภาพได้ ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นย่อมมีใจรักในสายอาชีพนี้จริงๆแน่นอนค่ะ สุดท้ายขอบคุณทุกๆท่านนะคะ ทั้งผู้ปกครองหลายๆท่าน รุ่นพี่ และเพื่อนๆที่มาช่วยให้ความเห็นในการประกอบการตัดสินใจในครั้งนี้ จขกท.ตัดสินใจเลือกแล้ว และเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง จะพยายามทำมันให้เต็มที่ ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็ตามแต่ จะอดทนและผ่านมันไปให้ได้ "เพราะเราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองเลือก" ขอบคุณทุกๆคนอีกครั้งนะคะ #จขกท.
ผมก็จะเข้าคณะวิทยาครับยึดมั่นและไม่เปลี่ยนแปลง เพราะผมรักและเกิดมาเพื่อสิ่งนี้
เยี่ยมมากค่ะ ขอเป็นกำลังให้นะคะ สู้ๆ :)
ถ้าอยากเรียนวิทยา เรียนวิทยาเลยครับ เพราะคณะแพทย์นั้นเรียนไม่ลงลึกถึงวิทยา เรียนแตะๆผิวครับจะเรียนเน้นการไปประยุกต์กับคนไข้ซะมากกว่า ยกเว้นแต่จะไปเป็นแพทย์นักวิจัย แต่ถามว่าแพทย์ไปเป็นนักวิทยาศาสตร์ก็ได้นะครับ ลองหาข้อมูลดูก่อนเคลียร์ริ่งเฮ้าส์ครับ ถามใจตัวเองดู #แต่ถ้าเข้าคณะแพทย์ก็ยินดีด้วยครับ #คุณได้เปิดขุมนรกแห่งใหม่ขึ้นแล้ว 55555555555
ขอบคุณมากนะคะ ขอสละสิทธิ์ให้คนอื่นที่เขาอยากมาทำหน้าที่ตรงนี้ดีกว่าเนอะ จะได้มีหมอคุณภาพและมีใจรักจริงๆ ขอเป็นกำลังใจให้พี่ด้วยนะคะ สู้ๆ ว่าที่คุณหมอในอนาคต :)
คนส่วนมากจะเชียรใหห้ไปหมอ เป็นปกติอยู่แล้วคับ
คนเราควรทำตามเสียงส่วนน้อย(คนส่วนใหญ่ มองแค่ผิวคับ) (เคยผ่านอะไรแบบนี้มา ถ้าจะปรึกษาเน้นคนที่อยู่ในสายนี้แล้วคิดว่าอยู่ในระดับ(ความฉลาด) เดียวกับเราจะดีกว่าคับ)
เห็นด้วยเลยค่ะ ^^
เค้าแนะนำว่าให้เลือกในสิ่งที่ตัวเองรักดีกว่านะคะ ถ้าเราได้เรียนสิ่งที่เราชอบ มันจะทำให้เรามีกำลังใจที่จะเรียน มีความตั้งใจมาก คณะวิทย์นี่ดีเหมือนกันค่ะ ใครจะว่า ใครจะมีตรรกะอะไรก็ช่างเขาเนาะ ชีวิตเรา เราเลือกเองค่ะ ตอนแรก ตอนม.สามที่บ้านอยากให้ต่อสายวิทย์ ตอนนั้นในหัวก็แบบโอเค ไม่เป็นไร เรียนก็เรียน แต่สุดท้ายเราก็เลือกศิลป์ภาษา เพราะเค้าชอบภาษาจีน ทำให้แบบไปรร.แล้วทำให้มีแรงจูงใจที่จะทำให้อยากตั้งใจเรียน ถ้าคิดว่าเราตอนนี้เรียนสายวิทย์ คงจะห่อเหี่ยว เพราะเราไม่ได้ชอบเลยย คณิตยังพอไปได้ แต่วิทย์เราไม่ค่อยดีเท่าไหร่
สู้ๆนะค้าาาา
โอ้วว ภาษาจีนก็โอเคนะคะ เก่งมากเลย ตอนนี้จขกท. ก็กำลังอยากเรียนภาษาที่3 อยู่ค่ะ ซึ่งคิดว่าน่าจะเลือกภาษาจีน คิดว่ายากใช้ได้เลย5555 ยังไงก็รบกวนเจ้าของเม้นนี้ช่วยฝึกให้หน่อยเนอะ5555 :)
ข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการตัดสินใจ
จำนวนแพทย์ได้รับใบอนุญาต
http://www.tmc.or.th/pdf/file-07-02-2017-002.pdf
ข้อมูลแพทย์
http://www.tmc.or.th/pdf/file-07-02-2017-001.pdf
แพทย์เฉพาะทาง
http://www.tmc.or.th/pdf/4total_authorization2507-2559.pdf
ขอแชร์ประสบการณ์ที่พบเจอ
เฉพาะกรณีของคนเก่งเลือกไม่ได้ คือสอบติดแพทย์ ทั้งที่ใจส่วนลึกชอบเส้นทางอื่นมากกว่า แต่ด้วยผู้คนแวดล้อมทำให้ตัดสินใจเดินเส้นทางนี้ และคิดว่าเรียนแพทย์ก็ได้อ่ะ
1. ตั้งแต่ปี 2 เป็นต้นไป เริ่มมีเพื่อนทยอยลาออก เพราะเจอเนื้อหาวิชาที่ไม่ใช่ ไม่ชอบ ต้องถึก อึด โดยเฉพาะวันสอบจะเป็นวันที่ไม่อยากให้มีเช้าวันใหม่ ไม่ใช่ครั้งเดียวแต่แทบทุกอาทิตย์ เรียนด้วยความทุกข์ เริ่มมีF บางคนถึงกับซ้ำชั้น ทนได้ก็ผ่านไปจนจบปี3 ได้
2. ปี4 เริ่มเห็นสภาพการทำงาน เจอผู้คน นอนน้อยลง ถ้าช่วงไหนโชคไม่เข้าข้างต้องอยู่เวรขึ้นวอร์ดเลิกดึก เช้ามาต้องสอบ แต่เพื่อนได้อ่านหนังสือ สอบเสร็จ ต้องคอยลุ้นว่าจะมีโทรศัพท์จากอาจาร์ยให้ไปซ่อมรึเปล่า จะผ่านวอร์ดไหน หรือต้องซิ่วอีกปีเพราะวอร์ดไหน เป็นอีกปีที่มีเพื่อนเพิ่งพบว่าไม่ใช่ทาง ขอลาออก และเป็นอีกปีที่ต้องประคับประคองสุขภาพกายหรือใจให้ดี
ข้อ1-2 ดูข้อมูลข้างต้นได้ เปรียบเทียบจำนวนคนสอบเข้าได้กับคนจบมีให้เห็น อยากรู้ชัดถามพี่ๆที่เรียนปี2-6 , อาจารย์จิตวิทยาของคณะ และอาจาร์ยที่ปรึกษา แต่อย่าไปถามพี่ๆที่เพิ่งผ่านปี1 เพราะยังไม่รู้ชะตาชีวิตของการเรียน
3. เรียนรอดจนจบปี 6 ทำงานแล้วนะ แล้วแต่โชคชะตากำหนดให้ไปที่ไหน มีไม่กี่คนที่เลือกได้(ซึ่งก็จะมีเฉพาะข้อมูลของคนกลุ่มนี้ ดูสวยเชียว) เงินเดือนรึ รอตกเบิกไปเถอะ หาข่าวดูพิมพ์ "ตกเบิกเงินเดือนแพทย์" ข้อนี้ถ้าครอบครัวมีตังค์ก็ ok
4. อยากเรียนเฉพาะทาง เป็นหมอศัลย์ หมอเด็ก ฯลฯ ไปแข่งต่อ สุดท้ายอาจได้เรียนสิ่งที่ไม่ใช่ทางของเรา จากข้อมูล มีแพทย์รวม ประมาณ 53,____ ได้เป็นหมอเฉพาะทาง 32,_____ ซึ่งในจำนวนนี้รวมหมอที่เลือกทางไม่ได้อยู่ด้วย
ข้อ3-4 จะเลือกได้ยาก เพราะตลอดเวลาที่เรียนด้วยใจที่ไม่ชอบ ขาดเป้าหมาย เกรดก็คงกระท่อนกระแท่น เทียบไม่ได้กับคนที่ใจรัก เพราะความเก่งสูสี แต่การมีใจที่สู้ต่างกัน
หวังว่าประเทศไทยจะผลิตแพทย์ที่ใจรักและมุ่งมั่นในอาชีพ(สำหรับคนที่อยากเรียนจริงๆ) ควบคู่ไปกับการมีคนเก่งๆในหลากหลายอาชีพมาพัฒนาประเทศ
สำหรับพ่อแม่ ให้ลูกได้มีโอกาสเลือกเส้นทางของตัวเองเถอะ ลูกทนเรียนในระบบที่หลายๆวิชาไม่ได้เอาไปใช้มา12ปีแล้ว อีก6ปี (ตรี+โท) ให้ลูกได้เลือกบ้าง หน้าที่ของพ่อแม่คือช่วยกันหาข้อมูลการศึกษาต่อ/การทำงานในเส้นทางอาชีพที่ลูกเลือก ถ้าค้นจริงๆจะพบว่าจบมาในแต่ละคณะมีทางเดินเป็นร้อย ถ้ามองโลกให้กว้างทั้งใบ ไม่ใช่เฉพาะในไทย
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ :)
#ทีมวิทยา สู้ๆ ทำสิ่งที่ใจรักมุ่งมั่นไปให้ถึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ขอบคุณนะคะ สู้ๆเช่นกันน้าเด็กวิทยาฯ :)
ผมสอบได้คณะวิทย์ เหมือนกันครับ คิดนานมากว่าจบมาจะมีงานทำไหม แต่ผมคิดว่าถ้าเรียนแล้วใช่สำหรับเราคงมีงานทำแน่ๆครับ
ไม่แน่อาจจะได้ทุนไปเรียนนอกก็ได้ครับ
ปล.ได้วิทยาเคมี ม.ภาคเหนือแห่งหนึ่งครับ
มาอยู่ทีมวิทยาด้วยกันน๊าาาา
ว้าวว ยินดีด้วยนะคะ ตั้งใจเรียนน้า สู้ๆนะคะ อย่าท้อ :)
เก่ง ฉลาด กล้าตัดสินใจ คนชนิดนี้เรียนอะไรก็ไม่ตกงานแน่นอน ยินดีกับประเทศไทยที่จะมีนักวิทยฯเก่งๆเพิ่มมาอีกคนครับ
เชื่อว่ายังมีคนเก่งอีกหลายคนเลยค่ะ ที่เลือกเรียนวิทยาฯ ขอบคุณมากนะคะ :)
คหสต.นะครับอยากแนะนำให้เลือกสิ่งที่ใจอยากเรียนจริงๆอะค่ะลองคิดดูนะครับอนาคตอยากเป็นแบบไหน น้องโอเคมั้ยกับการอยู่รพ.ตลอดเวลาอยู่กับคนไข้กับโรคภัยไข้เจ็บมองไปทางไหนก็มีแต่ผู้คนที่หน้าตาหดหู่ไปซะส่วนใหญ่ การทำงานรพ.นี่ต้องใจรักจริงๆนะคะ ไหนตอนเรียนจะอ่านหนักสอบหนักไม่ค่อยได้นอนอันนี้คือไม่ได้นอนจริงๆนะครับบางที2-3วันติดกันเลย ถ้าน้องชอบหมอก็ยินดีด้วยนะครับที่จะได้ช่วยชีวิตผู้คนอีกหลายๆคน
คิดดีๆครับเลือกผิดชีวิตเปลี่ยนปล.เคยมีเพื่อนเป็นแบบนี้ครับพอจบหมอก็ไปทำธุรกิจแล้วครับเพราะบ้านอยากให้เรียนหมอแต่ตัวเองอยากทำธุรกิจ
ถ้าขาดหนูไปวันนี้ เชื่อว่าจะมีคนที่มาแทนที่อีกหนึ่งคน ซึ่งคนๆนั้น หนูมั่นใจนะคะว่าเขามีใจรักในสายอาชีพหมอจริงและต้องเป็นหมอที่ดีมีคุณภาพที่จะช่วยเหลือคนไข้ต่อไปได้แน่นอนค่ะ :)
จขกทเลือกตามที่ตัวเองอยากเรียนเถอะค่ะ ถ้าอยากเรียนวิทยาก็เรียนเลย การเรียนอะไรที่เราชอบ เราจะมีความฝัน มีความทะเยอทะยานที่ผลักดันเราไปได้เรื่อยๆ แต่การต้องฝืนตัวเองเพราะค่านิยม (แบบที่เราทำอยู่) มันไม่โอเคเลย เราอ่านหนังสืออย่างทุกข์ทรมาน อ่านเพื่อหนีเอฟ ไม่ใช่อ่านเพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง
ปล. อีกอย่าง ถ้าจะลาออกจากหมอก็ต้องเสียเงินอีก TT ยิ่งปีสูงยิ่งเสียเยอะ คิดให้ดีก่อนเซ็นต์สัญญา
..แม้แต่ทุนคณะวิทย์เองก็เถอะ
ปล.2 สู้ๆค่ะ วงการแพทย์บ้านเราพัฒนามากแล้ว แต่วงการวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ยังคงเป็นเหมือนเมืองร้างที่ยังต้องการการพัฒนาอีกมาก
เราจำคอมเม้นต์นี้มาจากพี่ณัฐวัฒน์ (คนที่ลาออกจากศิริราชมาเรียนวิทยาฬ) ไม่ได้ตรงทุกตัวอักษร แต่โดยเนื้อความก็ประมาณนี้
ชอบความเห็นที่ว่า "วงการแพทย์บ้านเราพัฒนามากแล้ว แต่วงการวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ยังคงเป็นเหมือนเมืองร้างที่ยังต้องการการพัฒนาอีกมาก" ขอบคุณมากๆเลยนะคะ คำพูดนี้ทำให้มีกำลังใจขึ้นเยอะเลย :)
หนูก็เป็นคนนึงที่อยากเข้าวิทย์ค่ะพี่ แต่เหมือนได้ยินว่าเมืองไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักวิจัย นักวิทย์ฯ เลยคิดหนัก พี่เก่งมากๆเลยค่ะ อยากเก่งแบบพี่บ้าง คงต้องขยันมากๆ
สวัสดีค่ะน้อง น้องคงยังเรียนอยู่มัธยมเนอะ ก่อนอื่นพี่บอกก่อนน้าว่าพี่ไม่ใช่คนเก่งเลย เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ยิ่งพวกวิชาคำนวณนี่ เมื่อก่อนนี่ไม่ได้เรื่องเลยค่ะ แต่สิ่งที่สำคัญคืออย่ายอมแพ้ ถ้ารู้ตัวว่าไม่เก่ง จงใช้ความพยายามและความขยันเข้าสู้ค่ะ อย่าดูถูกตัวเอง เมื่อไหร่ที่ทำไม่ได้ ให้ถามตัวเองว่าเพราอะไร และแก้ไขตรงจุดนั้น หาเวลาพัฒนาตัวเองไปในทุกๆวัน แล้วจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง น้องยังมีเวลาเตรียมตัวนะคะ ตอนนี้ขอให้น้องตั้งใจเรียนในห้องให้มากๆ และแบ่งเวลาทบทวนให้ดีๆ ทำแบบนี้ทุกวันอย่างสม่ำเสมอ น้องจะต้องเป็นคนเก่งอย่างแน่นอนเลย พี่เป็นกำลังใจให้นะคะ ถ้าในอนาคตน้องยังอยากเรียนวิทยาฯอยู่ พี่ก็ยินดีด้วยและสนับสนุนอย่างเต็มที่ ข้ามผ่านสิ่งที่มันเป็นแง่ลบไปด้วยกันนะคะ สู้ๆน้าา :)
คงไม่ผิดหรอกครับ ถ้าจะทำตามหัวใจตัวเอง
ขอบคุณนะคะ :)
ประเทศไทย4.0กำลังต้องการนักวิทย์อย่างคุณค่ะ กำลังสำคัญจะพัฒนาประเทศคือเหล่านักวิทย์ที่จะนำเทคโนยีและสิ่งต่างๆ ทั้งด้านงานวิจัยที่พาประเทศไทยเรา สู่4.0. สนับสนุนวิทยาศาสตร์
ประเทศไทยยังต้องการงานด้านวิจัยอีกมากนะคะ เรารอดูจขกท.อยู่น้า วงการวิทยาศาสตร์ไทยจะได้พัฒนาไปอีกไกลๆ :)
สวัสดีค่า เรารุ่นเดียวกันเลย
เราเป็นคนหนึ่งที่ใฝ่ฝันอยากเข้าคณะวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ม.ต้น อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย อ่านหนังสือและตามอ่านงานวิจัยใหม่ๆ มาโดยตลอด แต่ท้ายที่สุดแล้วพ่อแม่ก็ไม่สนับสนุน เลยอดเรียนไปตามระเบียบ
โดยส่วนตัวเราคิดว่าอาชีพนักวิทยาศาสตร์ในประเทศไทยนั้นไม่รุ่งเรืองจริงๆ คนยังยึดติดค่านิยมคนเก่งต้องเรียนแพทย์ กลับกันในต่างประเทศ อาชีพนี้นับว่ารุ่งเรืองและถูกให้ความสำคัญมากเลยทีเดียว
เราเคยคิดว่า จะเรียนวิทยาฯ และไปศึกษาต่อต่างประเทศ และทำงานกับศูนย์วิจัยของที่นั่นเลย เพราะคงได้รับโอกาสมากกว่าและมีอะไรให้ศึกษามากกว่าอยู่ที่ไทย
พ่อแม่เราก็อยากให้เรียนแพทย์เหมือนกัน แต่เราอึดอัดมากจริงๆ ก็เลยสอบเก้าวิชาแบบส่งๆ ไปแล้วตัดสินใจเข้าคณะวิศวะฯ แทน ถึงแม้จะไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองชอบแต่ก็ดีกว่าต้องทนทรมานไปตลอดชีวิต อันที่จริงเราอยากเข้าไม่สถาปัตย์ก็วิทยา แต่พ่อแม่ไม่สนับสนุนทั้งคู่เลย
ขอให้จขกท.ประสบความสำเร็จนะคะ ประเทศไทยของเรามีนักวิทยาศาสตร์เก่งๆ เพิ่มอีกคนหนึ่งแล้ว ยินดีด้วยที่ได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบ อยากให้จขกท.ใช้ชีวิตแทนเราด้วย เพราะเราคงไม่มีทางได้ใช้ชีวิตอย่างที่ใฝ่ฝันเอาไว้ ก็คิดซะว่าก้มหน้าก้มตาทำงานเพื่อตอบแทนพ่อแม่ ถึงแม้มันจะทำให้เราไม่มีความสุขไปตลอดทั้งชีวิต
โชคดีค่ะ :)
ป.ล. เรารักฟิสิกส์ ชอบชีวะ แต่กลับไม่ชอบเคมี 555
ป.ล.2 ความใฝ่ฝันของเราคือ Neuroscience และ Nuclear physics
เหมือนเราเลย อยากเป็น "นักวิทยาศาสตร์" แต่ถูกสังคมรอบข้างบีบให้เอาความคิดเหล่านั้นออก แล้วเติมความคิดของแพทย์ไป ไม่ได้อยากเป็น "แพทย์" ตั้งแต่แรกแล้ว
ปัจจุบันเลยต้อง อดทน ได้แต่ฝันลมๆแล้งๆว่า อนาคตจะต้องเจิดจรัส รุ่งโรจน์ หากเราขยัน
แต่ก็ยังมีเสียงในใจที่ยังร้องว่า "มันไม่ใช่เรา"
เลือกเรียนในศาสตร์ที่น้องหลงไหลค่ะ ลองนึกภาพดูว่าตัวน้องในอีก10ปี 20ปี กำลังทำอะไร ทบทวนตัวเองดีๆว่าเรามีแพสชั่นต่อสิ่งไหน เเล้วเลือกในสิ่งนั้น
อย่าให้กระแสสังคมพัดตัวน้องจนหลงทาง
ปล.ขอแนะนำให้น้องไปดูหลักสูตรของคณะแพทย์และวิชาภาคเคมีว่าปีๆนึงเขาต้องเรียนวิชาอะไรบ้าง ชั่งน้ำหนักดูว่าสนใจศาสตร์ไหนมากกว่ากัน วิชาของคณะไหนตอบโจทย์ชีวิตมากกว่าก็เลือกคณะนั้นแหละ
จขกท.มีไอดีไลน์มั้ย เราอยากปรึกษาด้วยแบบส่วนตัวฮะ แฮร่ๆ
#การเติบโตของเด็กไม่มีฝัน
วันนี้หมอเป็นกรรมการสัมภาษณ์นักเรียนเข้าคณะแพทย์แห่งหนึ่งที่หมอเป็นอาจารย์แพทย์อยู่
สิ่งหนึ่งที่สะกิดใจ ไปจนถึงแอบรู้สึกเศร้าใจ คือ
การที่หมอพบว่า เด็กเก่งๆ เหล่านี้...
หลายคน "ไม่มีความฝัน"
"แม่เค้าอยากให้หนูเรียนหมอ"
"จริงๆ หนูก็ไม่รู้จะเรียนอะไร แต่คิดว่าคะแนนมันน่าจะเข้าหมอได้ ก็อยากลองดู"
"ก่อนหน้านี้ผมอยากเรียนวิศวะ แต่แม่บอกว่าหมอมันน่าจะมั่นคงกว่า"
ตอนหมอเรียนเฉพาะทางด้านเวชศาสตร์วัยรุ่นที่ต่างประเทศ คนไข้วัยรุ่นในวัยมัธยมปลายที่หมอเจอ ช่างต่างกับวัยรุ่นไทยของเราหลายคน
"อยากเป็นนักจิตวิทยา ผมว่ามันสนุกดีนะ ได้เรียนรู้ด้านความคิดด้านจิตใจมนุษย์"
"อยากเป็นนักสังคมสงเคราะห์ รู้สึกดีที่จะได้ช่วยเหลือชีวิตคนอื่นให้ดีขึ้น ฉันรู้สึกดีมากเลย ตอนที่ฉันได้ไปทำจิตอาสา"
"อยากเป็นสถาปนิก ฉันรู้สึกขึ้นมาตอนไปเดินดูพิพิธภัณฑ์ในนิวยอร์ค มันเจ๋งมากเลย ที่ได้สร้างปฏิมากรรมในจินตนาการ ให้ออกมาเป็นรูปร่างจริงๆ"
แววตาแห่งความมุ่งมั่น ตั้งใจ มีดวงตาเป็นประกายเมื่อได้เล่าถึงความฝัน
หมอแทบไม่ได้เห็นมัน ในการคุยกับวัยรุ่นไทยมาหลายต่อหลายคน
จากการทำงานกับวัยรุ่นและครอบครัว หมอพบว่าหลายครั้ง สิ่งที่ทำให้วัยรุ่นไทยกับวัยรุ่นฝรั่งมีความแตกต่าง ส่วนหนึ่งที่สำคัญน่าจะมาจาก "การเลี้ยงดู"
การเลี้ยงดูแบบฝรั่ง...
ที่สนับสนุนการ "กล้าคิด" มากกว่า "ต้องเชื่อฟัง"
ที่แสดง "ความนับถือในตัวเด็ก" ไม่ใช่การกดต่ำให้อยู่ในอำนาจ
ที่ "ให้อิสระ" ในการลองถูกลองผิด มากกว่า "คอยควบคุม"
ที่ "ให้ทางเลือกชีวิต" มากกว่า "เป็นเจ้าชีวิต"
ที่ปล่อยให้ "เผชิญปัญหา" มากกว่าคอยปกป้อง
ที่ให้ความสำคัญกับการ "ค้นหาตัวเอง" มากกว่าค้นคว้าในตำรา
ที่ให้ความสำคัญกับการ "เห็นโลกกว้าง" มากกว่าการมี "ตารางชีวิต" แน่นๆ
ที่ให้ความสำคัญกับ "จิตอาสา" มากกว่า "การเรียนพิเศษ"
การเลี้ยงดู ที่เปิดหน้าต่างแห่งโอกาส ในการ "ค้นพบตัวเอง"
หมอไม่ได้เห่อวัฒนธรรมฝรั่งนะคะ แต่-อมรับค่ะว่า ความเข้าใจพื้นฐานการพัฒนามนุษย์และวัฒนธรรมการเลี้ยงดูเด็กแบบที่ประเทศพัฒนาแล้วมี หลายครั้งทำให้เกิดผลลัพธ์ของประชากรที่มีความเป็นผู้ใหญ่และมีการรู้จักตัวเองที่ดีกว่าเด็กไทย... มันมีอยู่จริง
นอกจากนี้ การที่สภาพเศรษฐกิจ สังคม ค่านิยม ที่ไม่สร้างความเหลื่อมล้ำ ในการเลือกอาชีพ ทำให้เด็กๆ มีทางเลือกที่หลากหลาย และมักได้ทำอะไร ที่มาจาก "ความฝันข้างใน" ตัวเองจริงๆ
รักลูก... ช่วยลูกค้นหาความฝัน มากกว่าการบงการชีวิตกันนะคะ เพราะสุดท้าย สิ่งที่เราคิดว่าดี มันอาจไม่ใช่อะไรที่ "ใช่" ในชีวิตลูกจริงๆ
#หมอโอ๋เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน
ผู้พบว่าเด็กไร้แรงบันดาลใจ ก็ไม่ต่างอะไรกับต้นไม้ที่ไม่เติบโต
จขกท อยากเข้าวิทยาที่ไหนหรอครับ เราก็ติดวิทยาเหมือนกันแต่กำลังเลือกว่าจะเข้าที่ไหนครับ #ทีมวิทยา
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?