13 ตุลา 59 เมื่อปีก่อนฉันทำอะไร...
ตั้งกระทู้ใหม่
ตอนเช้า ๆ ของวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2559
ฉันใช้ชีวิตตามปกติ... วันนั้นฉันไม่ได้ไปทำงาน
ฉันเพียงคิดว่ามันเป็นวันเงียบ ๆ ที่แสนธรรมดาตามชีวิตสามัญของฉัน
ฉันใช้ชีวิตตามปกติ... วันนั้นฉันไม่ได้ไปทำงาน
ฉันเพียงคิดว่ามันเป็นวันเงียบ ๆ ที่แสนธรรมดาตามชีวิตสามัญของฉัน
ฉันเป็นแอดมินเพจเล็ก ๆ เพจหนึ่ง และแม้ว่าเพจของฉันจะไม่ได้เกี่ยวกับอะไรกับสถานการณ์บ้านเมือง แต่วันนั้นเป็นวันที่ข่าวลือเรื่องอาการป่วยของพ่อหลวงว่อนวุ่นวายไปหมด ตอนสาย ๆ ฉันจึงโพสต์ภาพนี้ พร้อมกับคำบรรยายว่าอย่าเชื่อข่าวลือ
ฉันนอนกลิ้งดูซีรีส์เหมือนทุก ๆ วันหยุดที่เคยเป็นมา แต่วันนั้นฉันก็ติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด ฉันใช้คำว่า "ศิริราช"
และคำอื่นๆ ที่น่าจะเกี่ยวข้องในช่องค้นหาของโซเชียลมีเดียทุกชนิด
ตอนบ่าย ๆ ฉันเช็กทวิตเตอร์ ข่าวมากมายไหลตามไทม์ไลน์ของทวิต ไม่รู้ข่าวไหนจริง ข่าวไหนปลอม เช่น ข่าวการเก็บโต๊ะ เก็บเก้าอี้ในวังที่มีไว้ให้ประชาชนลงนามถวายพระพรให้พ่อหลวงหายดี เป็นการเก็บโต๊ะลงนามก่อนเวลาปกติ และอีกหลาย ๆ ที่เริ่มต้นด้วยคำว่า... x บอกว่า
ตอนเย็น ๆ แม้ฉันจะทำงานอยู่ในวงสื่อ... แต่เพราะไม่ได้ไปทำงานในวันนั้น ฉันจึงไม่รู้อะไรเลย จนกระทั่งไลน์กลุ่มของที่ทำงานเด้งขึ้นมาว่า
ฉันเตรียมย้อมภาพสีดำ...
แต่ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าข่าวทางการที่ว่านั้นคือเมื่อไหร่ แต่ฉันมีนัดดูหนังที่จองตั๋วไว้ล่วงหน้าแล้ว
หนังฉายตอน 19.00 น.
(ภาพจากเพจส่วนตัว ไม่ใช่เพจของที่ทำงานนะคะ)
ฉันไปรอดูหนังที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งอย่างใจกระวนกระวาย
ได้แต่ภาวนาว่า คงไม่มีอะไร มองไปรอบ ๆ มีแต่คนเปิดมือถือ จนกระทั่งความเงียบเข้าครอบงำราวกับเวลาหยุดเดินไป...
ฉันก้มหน้าดูทวิตอีกครั้ง สำนักข่าวทุกสำนักล้วนแชร์ข่าวเดียวกัน
มือของฉันเปลี่ยนภาพโปรไฟล์และ cover ของเพจทุกเพจที่ฉันดูแล พร้อม ๆ กับเดินเข้าโรงหนัง
หนึ่งทุ่ม เพลงสรรเสริญพระบารมีดังขึ้น ตามธรรมเนียมปกติของการดูหนัง และยังคงสรรเสริญ "ในหลวงรัชกาลที่ ๙" ฉันได้ยินเสียงสะอื้นเบา ๆ จากความมืดในโรงหนังนั้น
หนังสนุกมาก แต่ฉันเดินออกจากโรงหนังอย่างพิกล ย่างก้าวของฉันเดี๋ยวหนักเดี๋ยวเบาไม่สม่ำเสมอเหมือนยามปกติ ช่วงเวลานั้นเป็นเวลาที่ห้างสรรพสินค้าปิดทำการแล้ว ฉันรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงทันที
หุ่นโชว์เปลี่ยนสี...
ห้าทุ่ม ฉันโพสต์ข้อความเพื่อจดจำ
ศูนย์นาฬิกา ฉันโพสต์รูปนี้เป็นรูปสุดท้ายของวัน...
แม้มันจะเป็นภาพจากซีรีส์ต่างชาติ แต่มันก็มีความหมายพิเศษ
ถ้าทำแบบนี้แล้วพระองค์จะกลับมาได้จริง ๆ ฉันเชื่อว่า คงมีหลายคนทำตาม...
สำหรับฉัน วันนั้นบรรยากาศทุกอย่างนั้นมันเงียบเหงาราวกับรับรู้ว่า "พ่อหลวงของพวกเรา" ท่านจะจากไปแล้ว แต่จริงแท้แล้ว...ทุก ๆ วันมันก็จะยังคงเหมือนเดิม หากเรายังจดจำหลักการที่ท่านสอนได้ และจดจำพระองค์ไว้ในหัวใจของพวกเรา...ตลอดไป
-------------
ขอบคุณทุกๆ ภาพของทุกคนที่ฉันเห็นจากโซเชียลและนำมาประกอบในกระทู้นี้ ไม่มีเจตนาใด ๆ ในเชิงลบ นอกจากขอบคุณทุกความทรงจำที่พวกเราชาวไทย เคยรับรู้ร่วมกันในค่ำคืนวันนั้น... ขอบคุณจริง ๆ
9 ความคิดเห็น
คิดถึงพระองค์ท่าน
คิดถึงด้วยค่า
วันนี้เมื่อปีที่แล้วใช้ชีวิตปกติยังคุยกับเพื่อนว่าพ่อหลวงอาการไม่ดีเลยและเพื่อนก็พูดว่าพ่อจะอยู่กับเราถึง120 ปี พอตอนเย็นก็ได้รู้ข่าวน้ำตาไหลทันที เป็นข่าวที่ไม่อยากได้ยินเลย
เป็นข่าวที่ไม่อยากให้เป็นจริง แม้ทุกคนจะรู้ว่าต้องมีสักวันจริงๆก็เถอะ ฮือออ
วันนี้เมื่อปีที่แล้ว ไปกินซิสเล่อกับที่บ้านเลี้ยงวันเกิดคุณแม่ย้อนหลัง
ขากลับเห็นโรงพยาบาลศิริราชจากสะพานแบบฟ้ามืดมากเหมือนฝนจะตก แต่มีแค่จุดเดียวที่เมฆเปิดแล้วมีแสงส่องลงไปที่โรงพยาบาล ก็ยังคุยเล่นกันอยู่เลยว่า สงสัยพระเจ้าคงอวยพรให้ในหลวงหายประชวรเร็วๆละมั้ง.... ตอนนั้นมีแต่คุณพ่อที่พูดว่าถ้าเป็นงั้นจริงก็คงดี เพราะในเว็บข่าวต่างประเทศมีแต่ประกาศว่าสวรรคตแล้วกันหมดเลย...
...แล้วก็เกิดขึ้นตามนั้น เราไม่ยอมดูทีวีเลย ดูแค่ข่าวในโซเชียลก็รู้เรื่องแล้วรูปที่ไปกินวันนั้นก็ไม่ได้ลงเฟส วันนั้นเราเข้านอนเร็วกว่าปกติมาก หวังว่าเรื่องนี้แค่ฝันร้าย พอเราตื่นมาทุกก็จบ...แต่ความจริงมักโหดร้ายเสมอ....
เป็นวันที่ ถ้าไม่อึนจนหลับไม่ได้ ก็ต้องรีบนอนเร็วๆ เพื่อให้รู้สึกว่าเราฝันไป ฮืออออ
คคิดถึงพ่อหลวงรัชกาลที่9
ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ยังคงเหมือนฝันที่ไม่มีท่านอยู่แล้ว..
จริงๆค่ะ ท่านอยู่รอบตัวเราไปหมด เหมือนไม่เคยจากเราไป
วันก่อนหน้าที่ท่านจะสวรรคต ย่าเราเสีย เราเตรียมตัวไปงานศพนั่นแหละ ปกติก็ไม่ได้ดูทีวีหรอก แล้ววันนั้นก่อนออกจากบ้านเราเปิดทีวีดู ตั้งแต่เริ่มดูนี่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
รู้สึกว่าวันนั้นทุกคนจะมีอะไรที่ธนรมดา แต่กลับไม่ธรรมดาแฝงอยู่ จนทำให้ตัวเราก็รู้สึกได้ ช่างเป็นวันที่มีความรู้สึกหลากหลายจริงๆค่ะ
วันนี้ในปีที่แล้ว
เอาตามตรงคือนั่งดูซีรี่ย์ญี่ปุ่นทั้งวันเลยค่ะ ตอนเขามีแถลงการก็ไม่ได้ดูเลย จนแม่มาบอกว่าในหลวงสวรรคตนั่นแหละค่ะถึงรู้ ก็แอบช็อค แต่เราคงเกิดไม่ทันที่พระองค์ทำอะไรมากมายเพื่อประชาชนเราเลยไม่ค่อยรู้สึกอะไร แต่ก็แอบใจหายค่ะ
วันนั้นเป็นวันเกิดเพื่อนก็กินเลี้ยงกัน พอกับถึงบ้านเห็นแม่กับป้านั่งร้อง ก็ถามไปว่าร้องทำไม แม่บอกว่า พระองค์สวรรคตแล้ว ความรู้สึงมันจุกอยู่กลางอก ตอนนั้นเหมือนเป็นใบ้พูดไม่ออก
จำได้ว่าวันนั้นเราเตรียมตัวกลับไปเรียนต่างประเทศ พอรู้ข่าวตอนขึ้นเครื่องก็น้ำตาซึม
จำได้ว่าวันถัดไป พอเราเปิดเครื่องนั่งเช็คฟีดในเฟส นั่งเปิดคลิปต่างๆ แต่ที่แน่ๆคือเราเปิดคลิปของท่านทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตฯ นั่งฟังอยู่บนรถบัสนี่แหละ เราร้องไห้ออกมาอีกรอบ แต่ก็ร้องแบบโจ่งแจ้งไม่ได้ นั่งน้ำตาร่วงไปเปลี่ยนเครื่องต่อ
จำได้ว่าในสองอาทิตย์แรกครูภาษาอังกฤษหันมาถามเรื่องนี้กับเราแล้วเราน้ำตารื้นขึ้นมาในห้อง ปาดน้ำตาออกแทบไม่ทัน
จำได้ว่าเมื่อวานเพิ่งไปสนามหลวงมา พ่อเปิดวิทยุนั่งฟังลุงตู่(ถ้าจำไม่ผิดนะ) เราน้ำตาไหลแทบจะร้องไห้ทุกครั้งที่เอ่ยเกี่ยวกับพ่อ
คิดถึงท่านมากจริงๆ มันเป็นเรื่องที่โคตรน่าอัศจรรย์มากที่เราสามารถรักคนๆหนึ่งจนหมดหัวใจแม้จะไม่เคยได้พูดคุยกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?