Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

The Diary to Our Beloved King บันทึกคิดถึงพ่อ... By A-Lis_Devilish

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะ แนะนำตัวกันเล็กน้อยนะคะ ไรท์เตอร์เป็นไรท์เตอร์อยู่ในบ้านเด็กดีค่ะ นามแฝงว่า A-Lis_Devilish บางคนอาจจะเคยได้ยิน ได้อ่านนิยายไรท์บ้างนะคะ เอาเป็นว่าจะไม่โปรโมทนิยายในตอนนี้ล่ะกัน แต่ว่าไรท์เตอร์มาตั้งกระู้เพื่อชิมลางงานเขียนแนวใหม่ค่ะ...งานเขียนเรื่องนี้ชื่อว่า


The Diary to Our Beloved King...บันทึกคิดถึงพ่อ


เนื่องในโอกาสส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ไรท์เตอร์เองที่เป็นประชาชนคนนึงในประเทศไทย เป็นหนึ่งในลูกหกสิบล้านคนของพ่อหลวง ไรท์เตอร์อยากจะถ่ายทอดเรื่องราวของพ่อหลวงอันเป็นที่รักยิ่งของเราผ่านตัวหนังสือ จากการเรียนรู้ การอ่านและการค้นคว้า ไรท์เตอร์ยอมรับว่าหลายๆเรื่องอาจจะตรงบ้างไม่ตรงบ้าง ขอให้คนที่มาเยี่ยมชมชี้แนะด้วยนะคะ... และก็เรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงนิยายเรื่องนึงเท่านั้น ไรท์เตอร์ไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรที่ไม่ดี ตัวละคร เหตุการณ์ สถานที่ (ยกเว้นสถานที่ที่พ่อหลวงเสด็จไป) เป็นสถานที่สมมติขึ้นมา อาจจะมีชื่อเขตและย่านต่างๆที่เป็นของจริง แต่ไม่มีสถานที่ อาทิ บ้าน วังและอีกหลายๆที่ ส่วนบุคคลเหล่านี้ก็ไม่มีจริงเช่นกันนะคะ....


เรื่องที่ทุกคนกำลังจะได้อ่านต่อไปนี้เป็นเรื่องของผู้หญิงคนนึงที่อยากจะเดินทางไปตามสถานที่ที่พ่อหลวงเราเสด็จพระราชดำเนินไป สถานที่ที่พระองค์เคยประทับ ความประทับใจของเธอได้เป็นเรื่องราวที่เขียนเป็นบันทึกในหน้าโซเชียลมีเดียที่เรียกว่า 'Facebook' 


มาเริ่มกันเลยค่ะ





Today : 


วันนี้เป็นวันที่ 26 ตุลาคม 2560 เป็นวันที่เศร้าที่สุดในประเทศไทยและคงจะเป็นวันที่ตัวหนังสือตัวสุดท้ายที่เกี่ยวกับเรื่องราวการเดินทางของฉันจะจบลงเช่นกันค่ะ...

ตอนนี้ฉันอยู่ที่บ้านของฉัน ในเขตคลองสาน ย่านฝั่งธนบุรี...

วันนี้ฝนตกประมาณตอนบ่ายแก่ๆ ฉันได้ไปวางดอกดารารัตน์ที่วัดพิชัยญาติมาค่ะ ผู้คนที่มาร่วมงานนั้นมาจากหลายสถานที่ราวๆเกือบแสนได้ นี่เป็นสิ่งที่ฉันได้ยินจากเหล่าพี่ๆจิตอาสาพูดคุยกันผ่านๆขณะเดินแถวเพื่อไปรอวางดอกดารารัตน์ ตอนที่ฉันไปเป็นช่วงบ่ายแลแดดแรงมาก แต่ทุกคนก็ยังไม่ท้อถอย เพราะอะไรรู้ไหมคะ? เพราะว่าพ่อของเราท่านทรงงานเหนื่อยกว่านี้หลายเท่าจนความเหนื่อยที่พวกเราพบเจอนั้นเทียบไม่ติดเลยล่ะค่ะ...

จากประกาศราชสำนักวันนี้ตอนสี่ทุ่มคือเวลาที่จะจุดไฟถวายพระเพลิงแล้ว...

ฉันรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก ความเศร้าที่ไม่สามารถอธิบายได้ เมื่อรู้ว่าเราจะไม่ได้เห็น 'พ่อ' อีกแล้ว...

ช่วงเวลาที่ผ่านมา การเดินทางของฉันที่ตามรอยพ่อหลวงไปทุกที่ ทำให้ฉันได้พบกับสิ่งที่รู้ ก็ได้รู้มากขึ้น ไม่ได้รู้ก็ได้รู้

ฉันอยากจะบอกทุกคนที่ได้อ่านไดอารี่ของฉันว่า...

ถึงวันนี้เราจะไม่เห็นพ่อแล้ว แต่พ่อยังอยู่ในใจเราเสมอตราบนานเท่านาน อีกสิบปี ยี่สิบปี สามสิบปี หรือ...หลายๆปีต่อจากนี้ ฉันอาจจะกลายเป็นคนแก่คนนึงที่คอยเล่าเรื่องของพ่อให้เด็กๆรุ่นหลังฟัง แต่การเล่านั้นมันคงจะไม่น่าติดตามเท่ากับการอ่านหนังสือ การที่เราได้ไล่นิ้วไปตามตัวอักษรทีล่ะตัวๆก็เหมือนกับการเดินทาง ฉันอยากให้ทุกคนเดินทางไปพร้อมกับฉันในทุกๆที่ที่ฉันได้ไป และเป็น...

ทุกๆที่ที่พ่อของเรานั้นไป


 
ด้วยความอาลัยอย่างสุดซึ้ง

แพรพรรณ นันทานวรัตน์




 


Day 1 : โรงเรียนมาร์แตร์เดอี 


สวัสดีค่ะทุกๆคน ฉัน 'แพรพรรณ นันทานวรัตน์' อายุ 21 ปี เรียนจบมาจากคณะอักษรศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่ง ฉันรับปริญญาเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2559 ปริญญาตรีใบแรกของฉัน และคนที่ไปร่วมแสดงความยินดีก็คือป้าพิสมัย คุณป้าที่เลี้ยงฉันมาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ หลังจากที่พ่อแม่ของฉันแยกทางและต่างมีครอบครัวใหม่...วันนี้ฉันจะมาเล่าการเดินทางของฉันที่ได้เดินทางตามรอยพ่อหลวงของเราค่ะ


วันที่ 12 ตุลาคม 2559

ฉันกลับมาที่บ้านหลังจากไปกินข้าวเพื่อฉลองเรียนจบกับคุณป้าสองคนที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง และเมื่อกลับมาที่บ้านก็พบกับข่าวราชสำนักที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก เรื่องที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ประชวรหนักและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช ตอนนั้นฉันกับคุณป้าต่างสวดมนต์ขอให้ท่านมีพระพลานามัยที่แข็งแรงและอยู่เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย...แต่ทว่า...


วันที่ 13 ตุลาคม 2559

ในตอนหัวค่ำ ทุกคนในประเทศไทยต่างประสบกับความสูญเสียที่เป็นเหมือนฝันร้าย เราได้สูญเสียพ่อหลวงที่รักยิ่งไปอย่างไม่มีวันกลับ...ในวันนั้นฉันรู้สึกจุกจนพูดไม่ออก ความเศร้าที่ตีตื้นขึ้นมา น้ำตาที่ไหลออกมา ฉันกับป้าพิสมัยกอดกันร้องไห้ที่ห้องนั่งเล่นไม่หยุด หัวใจเหมือนแตกร้าวไปหมดทั้งดวง แต่ว่าหลังจากที่ฉันได้สติ ฉันกลับไปรื้อหนังสือเก่าๆในห้องเก็บของออกมาและพบกับหนังสือที่ฉันได้รับมาจากคุณน้าข้างบ้านที่เพิ่งย้ายไปอยู่ต่างประเทศ หนังสือเล่มนั้นคือ หนังสือครบรอบ 40 ปี ของโรงเรียนมาแตร์เดอี และ หนังสืออีกหลายๆเล่มที่ป้าพิสสะสมเอาไว้ ฉันใช้เวลาเกือบทั้งคืนนั่งอ่านอย่างเพลิดเพลิน และการที่ได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ทำให้ฉันได้ไอเดียว่าอยากจะเล่าเรื่องเหล่านี้ให้คนอื่นๆได้ฟังโดยเฉพาะเด็กรุ่นหลัง...


วันที่ 14 ตุลาคม 2559 


ท่ามกลางความเศร้าโศกของประชาชนชาวไทย ฉันได้มานั่งคุยกับป้าพิสว่า


แพรพรรณ : ป้าพิส พรรณมีเรื่องอยากจะบอกค่ะ

ป้าพิสมัย : เรื่องอะไรหรอจ๊ะ

แพรพรรณ : พรรณอยากเล่าเรื่องในหลวงค่ะ พรรณอยากเล่าให้ทุกคนฟังไม่ว่าจะเป็นคนที่เด็กกว่า อายุเท่ากันหรือแก่กว่า

ป้าพิสมัย : น่าสนใจนะ แล้วจะเล่ายังไงล่ะ

แพรพรรณ : พรรณจะเล่าผ่านโซเชียลมีเดีย เขียนให้เหมือนไดอารี่เรื่องนึงค่ะ

ป้าพิสมัย : เอาสิ...ป้าสนับสนุน

แพรพรรณ : จริงหรอคะป้าพิส! พรรณดีใจที่สุดในโลกเลยค่ะ เพราะงั้นป้าพิสไปสวิสเซอร์แลนด์กับพรรณนะคะ


ฉันโผเข้ากอดป้าพิสด้วยความดีใจ แต่เมื่อพูดออกไปว่าจะพาป้าพิสไปต่างประเทศด้วย ป้าพิสก็แสดงสีหน้ากังวลออกมา


ป้าพิสมัย : พรรณ ถ้าหนูจะไปต่างประเทศป้าไม่ว่าอะไรหรอกนะ ยังไงเราก็โตแล้ว แต่ป้า...ป้าแก่แล้ว มีบ้านที่ต้องดูแลและไหนจะเจ้าต้นกล้าอีก...


ต้นกล้าคือสุนัขตัวเมีย ไม่รู้สายพันธุ์ที่ฉันเก็บมาเลี้ยงค่ะ วันนั้นมันตากฝนอยู่ฉันเลยอุ้มมันกลับมาให้ข้าวให้น้ำ ไปๆมามันไม่ยอมไปไหนก็เลยเลี้ยงมันไว้เฝ้าบ้านซะเลย...

ป้าพิสดูจะเป็นห่วงต้นกล้ากับบ้านมาก แต่ฉันเองก็ไม่อยากจะทิ้งทั้งคู่ไว้ที่นี่เหมือนกัน เพราะงั้น...ฉันเลยตัดสินใจอะไรที่มันดูสุดโต่งไปนิดแต่ว่าก็ทำให้ฉันหายห่วงไปเลยล่ะค่ะ...


แพรพรรณ : ป้าพิส กับ ต้นกล้าก็ไปกับพรรณทั้งคู่นี่ล่ะค่ะ

ป้าพิสมัย : ได้ยังไง ใครจะดูแลบ้าน สมัยนี้ขโมยขโจรมันเยอะนะ

แพรพรรณ : ใครบอกว่าเราจะทิ้งบ้านกันคะ

ป้าพิสมัย : แล้วเราจะทำยังไงล่ะ

แพรรพรรณ : ปล่อยเช่าไงคะ ให้คนมาเช่าบ้านสักสี่ห้าเดือนไงคะ

ป้าพิสมัย : บ้านเก่าๆ แบบเราเนี่ยนะ

แพรพรรณ : ค่ะ หนูว่าต้องมีคนมาเช่าบ้านเราอยู่แล้วล่ะ

ป้าพิสมัย : แน่ใจนะ

แพรพรรณ : แน่ใจค่ะ บ้านเราออกจะร่มรื่นย์และสวยแบบนี้ ส่วนต้นกล้าเราก็เอามันไปด้วยเหมือนกันค่ะ

ป้าพิสมัย : เอาไงก็เอากัน แต่ว่าพรรณจัดการให้ป้าทีนะ ป้าไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่ แล้วถ้าเสร็จแล้วก็รีบมาบอกป้าด้วยล่ะ จะได้เก็บกระเป๋า เก็บเพื่อเจ้าต้นกล้าด้วย ต้นกล้า...ได้ยินมั้ย แกจะได้ไปต่างประเทศแล้วนะ...


ป้าพิสหันไปบอกกับต้นกล้า ซึ่งพอมันได้ยินมันก็ลุกขึ้นมาเลียปาก คงจะนึกว่าได้กินข้าวแล้วล่ะมั้งคะ...ฉันกับป้าพิสหัวเราะออกมากับท่าทีของเจ้าต้นกล้าจนป้าพิสต้องลุกไปเลี้ยงข้าวมันจนได้...



25 ตุลาคม 2559


หลังจากเตรียมข้าวเตรียมของและเดินเรื่องเอกสารกันเป็นที่เรียบร้อยพร้อมเดินทาง ในวันที่ 4 พฤศจิกาายน ฉันกับป้าพิสก็ได้รับจดหมายว่าจะมีคนมาขอเช่าบ้าน เป็นคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามันที่ฝ่ายหญิงจะมาทำงานเป็นครูสอนในโรงเรียนแถวนี้สักระยะ ทั้งคู่จึงย้ายมาอยู่แถวนี้ ส่วนฝ่ายชายดูเหมือนจะเป็นข้าราชการในกระทรวงการต่างประเทศ...



10 พฤจิกายน 2559


หลังจากตกลงเรื่องการเช่าเป็นที่เรียบร้อย ผู้เช่าทั้งสองคนจะมาอยู่ในวันนี้ ฉันกับป้าพิสก็เก็บกวาดบ้านเตรียมรอการมาอยู่ไว้ให้แล้ว และในตอนนี้พวกเราก็อยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมที่จะไปสวิสเซอร์แลนด์แล้วค่ะ....






แนะนำตัวละคร 


แพรพรรณ นันทานวรัตน์ (พรรณ : 21 ปี ) - ตัวละครนำหญิงที่เดินทางไปตามสถานที่ต่างๆเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของพ่อหลวง

พิสมัย นันทานวรัตน์ (ป้าพิส : อายุ 55 ) - ป้าของแพรพรรณผู้ร่วมเดินทางกับแพรรพรรณไปทุกที่

ต้นกล้า ( 1 ปี ) - หมาผู้ร่วมเดินทาง ไม่ทราบสายพันธุ์...

หม่อมเจ้าชายธีรธัช จิรประภาไพวงศ์ ( ท่านชายทัศน์ : 38 ปี ) - เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศอังกฤษ

นายสันทนา วีรวรกานต์ (สัน : 34 ปี ) - ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้เช่าบ้านของแพรรพรณกับพิสมัย

นางนรีรัชย์ วีรวรกานต์ ( รี : 30 ปี ) - อาจารย์สอนภาษาอังกฤษ ภรรยาของสันทนา 




ลองอ่านกันดูนะคะ ไรท์เตอร์อยากถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวหนังสือด้วยความเคารพรักและน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย....

แสดงความคิดเห็น

>