Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

กล้าลองมั้ย? 'ลมหายใจปีศาจ' ไอติมที่เผ็ดที่สุดในโลก

ตั้งกระทู้ใหม่
ถ้าพูดถึงไอติม หรือที่สะกดอย่างเป็นทางการว่า "ไอศกรีม" แล้ว คำว่า "เผ็ดร้อน" คงไม่ใช่คำที่นึกถึงคู่มาด้วยแน่ๆ เพราะปกติไอติมจะหวานๆ เย็นๆ ใช่มะ

แต่ที่ร้าน Aldwych Cafe and Ice Cream Parlour ในเมืองกลาสโกว์ ประเทศสก็อตแลนด์ มีไอติมเผ็ดวางขายจ้า ตอนนี้คนทั่ว UK ก็ฮิตมาลิ้มลองรสชาติที่ว่ากันใหญ่เลย



ทางร้านเล่าประวัติว่า ไอติมนี้มีต้นกำเนิดจากอิตาลีเมื่อหลายศตวรรษก่อน ทุกปีตรงสถานที่ที่เรียกว่า Devil's Bridge จะเป็นสถานที่นัดพบของครอบครัวนักทำไอติมชาวอิตาลี ก็มาพูดคุยกันว่าปีที่ผ่านมาของแต่ละคนเป็นไงบ้าง บลาบลาบลา แล้วในการพบกันนี้ก็จะมีการทดสอบความกล้าด้วย โดยใช้ไอติมเผ็ดนี่แหละเป็นตัวทดสอบ ตัวไอติมนี้เลยมีชื่อว่า Breath of the Devil หรือลมหายใจของปีศาจ (Respiro del Diavolo ในภาษาอิตาเลี่ยน)

Martin Bandoni เจ้าของร้าน Aldwych Cafe and Ice Cream Parlour ก็กลับไปร่วมงานพบปะนี้ทุกปีที่อิตาลี แล้วปีนี้เขาก็นำสูตรไอติมเผ็ดนี้กลับมาด้วย ว่ากันว่าสูตรการทำเป็นความลับมาก และจะส่งต่อกันเฉพาะในครอบครัว ถ้าเมื่อไหร่ลูกๆ ของมาร์ตินโตพอ มาร์ตินก็จะส่งลูกๆ ไปที่อิตาลีเพื่อเรียนรู้สูตรทำไอติม

ถ้าถามว่าไอติมนี้เผ็ดแค่ไหนน่ะเหรอ เอาเป็นว่ามีหน่วยวัดความเผ็ดที่เรียกว่าหน่วยสโกวิลล์ พริกขี้หนูสวนของเรามีความเผ็ดอยู่ที่ 50,000 - 100,000 สโกวิลล์ ส่วนพริกที่เผ็ดที่สุดในโลกในปัจจุบันคือพริก Carolina Reaper ที่เจอในรัฐคาโรไลน่า  มีความเผ็ดอยู่ที่ 2,200,000 สโกวิลล์ ส่วนไอติมลมหายใจของปีศาจนี้มีความเผ็ดอยู่ที่ 1,500,000 สโกวิลล์ ฮัลโหลวววว แค่กัดพริกขี้หนูสวนเพียวก็เผ็ดจะแย่แล้วนะ

ด้วยความเผ็ดโคตรๆ แบบนี้ ทางร้านจึงขอตรวจสอบก่อนว่าลูกค้าที่มากินต้องอายุเกิน 18 ปีเท่านั้น และลูกค้าต้องเซ็นยินยอมด้วยว่าเลือกกินไอติมนี้เอง และถ้าเกิดอะไรขึ้นทางร้านจะไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น

Martin Bandoni บอกว่าไอติมนี้จะให้ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยเจอแน่นอน เพราะตัวไอติมมันเย็น แต่รสชาติดันออกมาเผ็ดร้อน ผสมกันแล้วก็อธิบายยากเลยทีเดียว ส่วนผสมที่ทำให้เกิดรสเผ็ดนี้นำมาจากอิตาลีโดยตรง ฉะนั้นก็มีไม่มาก ทำให้สามารถวางขายได้ถึงแค่วันวาเลนไทน์นี้เท่านั้นจ้า แต่ถ้ากระแสตอบรับออกมาดีมากกกกกกจริงๆ ในอนาคตก็อาจจะเพิ่มเมนูนี้เป็นเมนูถาวรของร้านเลยก็ได้

ใครสนใจสามารถดูพิกัดร้านได้ที่ FB ของร้านเลยนะ แต่นี่คงไม่ไหวอ่ะ https://www.facebook.com/AldwychCafe/

แสดงความคิดเห็น

2 ความคิดเห็น