Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[REVIEW]เส้นทางสู่รอบPortfolio(1/1) คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
  สวัสดีครับทุกคน วันนี้ผมจะมารีวิวประสบการณ์การเตรียมตัวสอบรอบPortfolio (1/1) คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งก็อย่างที่ทราบกันดีครับว่ารอบนี้ถือเป็นรอบแรกและครั้งแรกของระบบการคัดเลือกเข้าศึกษาแบบใหม่(TCAS61) ทำให้ไม่ค่อยมีข้อมูลในการเตรียมตัว ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยมั่นใจครับ หาคนปรึกษาได้น้อยมาก จนวันประกาศผลว่าติดแล้ว ทำให้ผมตั้งใจว่าจะเขียนรีวิวขึ้นมาเพื่อเป็นแนวทางสำหรับน้องๆที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเข้าคณะนี้ในรอบPortfolio จริงๆทางมหาวิทยาลัยประกาศผู้มีสิทธิ์เข้าศึกษาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว แต่ช่วงที่ผ่านมาผมยังติดสอบที่โรงเรียนและพึ่งสอบO-NETเสร็จ เลยอาจมารีวิวช้าไปหน่อย โดยผมจะชี้แจงรายละเอียด และประสบการณ์ต่างๆที่น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับน้องๆให้มากที่สุดครับ  
 
การเตรียมตัวยื่นเอกสารประกอบการสมัคร
       หลังจากที่ผมตัดสินใจกับแนวทางชีวิตของตัวเองแล้ว ผมก็เริ่มหาข้อมูลในการสอบเข้าครับ รุ่นผมก็เป็นรุ่นแรกที่สอบเข้าด้วยระบบTCAS ที่มีทั้งหมด 5 รอบด้วยกัน หลายคนรวมถึงตัวผมก็ล้วนมีความมุ่งมั่นที่อยากจะได้รอบPortfolio ก็เพราะเป็นรอบที่ไม่ต้องใช้คะแนนGAT/PATต่างๆนานา ลดความกดดัน อีกทั้งยังสามารถมีเวลาในการเตรียมตัวก่อนเข้ามหาวิทยาลัยได้นาน  ดังนั้นถ้าน้องอยากติดรอบนี้ ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติให้ดีก่อนสมัครนะครับ เพราะอย่างที่บอกว่ารอบนี้ไม่มีการสอบ ทำให้ทางคณะต้องเข้มงวดในเกณฑ์ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง 


สำหรับเอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นสมัคร มีดังนี้ครับ 
1.ใบผลการเรียน(ปพ.1)
2.ใบผลคะแนนภาษาอังกฤษ 

3.เอกสารสรุปรายชื่อกิจกรรมที่เข้าร่วม 
4.หนังสือแสดงเหตุผลและวัตถุประสงค์การสมัครเข้าศึกษา(Statement of Purpose)
(ข้อมูลจาก https://www.tuadmissions.in.th/img/2017092816205519.pdf)

มาดูรายละเอียดในแต่ละหัวข้อกันเลยครับ
1. ใบผลการเรียน (ปพ.1)
      ในส่วนของผลการเรียนใช้เป็นเอกสารที่แสดง GPAX 5 เทอม (นับถึงม.6 เทอม 1) ตั้งแต่ 3.5 ขึ้นไป ในส่วนนี้ผมโชคดีที่ผมรักษาระดับเกรดมาตั้งแต่อยู่ม.4 ทำให้ในส่วนนี้ของผมไม่มีปัญหาครับ 
   การทำเกรดให้ดียังถือเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าเกรดจะไม่ได้ตัดสินทุกอย่าง บางคนอาจรู้สึกไม่ยุติธรรมที่เกรดแต่ละโรงเรียนอาจไม่เท่ากัน แน่นอนว่าเกรดไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ผมคิดว่าเกรดยังคงสามารถวัดความรับผิดชอบและความสม่ำเสมอของคนๆนั้นได้ การที่แต่ละคนจะได้เกรดดีๆนั้น ถือเป็นความพยายาม ไม่ว่าจะเป็นการเก็บคะแนน การสอบ เหล่านี้ล้วนเกิดจากความตั้งใจครับ  และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรอบPortfolio ที่ไม่มีการสอบ เกรดก็ถือเป็นในตัวชี้วัดได้ว่าคุณมีประสิทธิภาพในการเรียนในระดับหนึ่ง พร้อมสำหรับชีวิตการเรียนในมหาวิทยาลัย ที่ต้องใช้ความรับผิดชอบและความตั้งใจสูง
       

2. ใบผลคะแนนภาษาอังกฤษ 
เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งใน 3 ข้อนี้ (ผลสอบต้องมีอายุไม่เกิน 2 ปีนะครับ) 
1.TU-GET ไม่ต่ำกว่า 500 คะแนน
2.TOFEL iBT (Internet Based Test) ไม่ต่ำกว่า 61 คะแนน 
3. IELTS ไม่ต่ํากว่า 5.5 คะแนน
     ในส่วนนี้ผมเลือกสอบ TU-GET ครับ เพราะเป็นการสอบที่ผมคิดว่าผมน่าจะทำคะแนนได้ไม่ยาก ค่าสมัครก็ถือว่าถูกครับ(500บาท) โดยการสอบ TU-GET จะจัดสอบเดือนละ 1 ครั้งครับ รับสมัครทางonlineช่วงต้นเดือนของทุกเดือนครับ
 และสอบช่วงวันอาทิตย์ปลายเดือน ใช้เวลาสอบ 3 ชั่วโมง สำหรับข้อสอบก็ถือว่ายากในระดับนึงครับ อาจจะง่ายกว่าCU-TEPเล็กน้อย ข้อสอบมีGrammar25ข้อ Vocabulary25ข้อ และReading50ข้อ(ฝึกส่วนนี้ให้มากที่สุดครับ) รวมทั้งหมด1000คะแนน  การเตรียมตัวสอบของผม อาศัยฝึกทำแบบฝึกหัดเองครับ หนังสือที่ผมซื้อมามีดังนี้ครับ


1.TU-GET ของสถาบันภาษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
    สองเล่มนี้แนะนำเป็นอย่างยิ่งครับ เล่มละ300บาท แต่ละเล่มมี5แบบทดสอบ มีเฉลยละเอียดพร้อมคำอธิบาย พยายามทำให้ครบนะครับ หมั่นทบทวนบ่อยๆ ช่วงใกล้สอบก็ฝึกจับเวลาจริงด้วยนะครับ จะทำให้คุ้นชินกับรูปแบบข้อสอบมากที่สุด เพราะข้อสอบในนั้นถือว่าใกล้เคียงกับข้อสอบจริงที่สุดแล้วครับ มีครบทุกพาร์ททั้ง Grammar Vocabulary Reading ครั้งที่ผมสอบ มีศัพท์บางคำซ้ำกับในข้อสอบด้วย แนะนำว่าถ้าเจอศัพท์ในไม่คุ้น หรือพลาดศัพท์คำไหน โดยเฉพาะในCloze Test และ Reading ให้รีบไฮไลท์และจดบันทึกไว้ในสมุดเล็กๆครับ สิ่งที่เราผิดพลาดจะทำให้เราจดจำครับ ศัพท์ในTU-GETค่อนข้างยากครับ ดังนั้นการรู้ศัพท์จะยิ่งทำให้เราได้เปรียบขึ้นครับ 


2.Grammar Errors ของ TGRE
      เล่มนี้ผมชอบมาก เริ่มต้นจะรวบรวมกฎเกณฑ์และตัวอย่างการใช้Grammarต่างๆก่อน เนื้อหาค่อนข้างครอบคลุมในการทำerrorเลยสำหรับผม จากนั้นถึงจะเป็นแบบฝึกerrorประมาณ40test มีเฉลยที่อธิบายละเอียดอยู่ข้างหลัง ถ้าทำแล้วรับรองว่าทักษะGrammarจะดีขึ้นแน่นอนครับ

    สำหรับการเพิ่มคะแนนภาษาอังกฤษ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีความสม่ำเสมอครับ ภาษาอังกฤษจะไม่ยากถ้าเราคุ้นชินกับมันและหมั่นฝึกใช้บ่อยๆ อย่าลืมว่าทุกวันนี้ภาษาอังกฤษถือว่ามีความสำคัญมากในทุกสายอาชีพ สำหรับคนเรียนกฎหมายทีมีทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ ทางคณะก็คงมองว่าเป็นคุณสมบัติหนึ่งที่โดดเด่นครับ โดยส่วนตัวผมก็มองว่าคนที่เรียนกฎหมายกับคนที่เรียนภาษามีทักษะการฝึกฝนที่คล้ายกันด้วยครับ เช่น การจำศัพท์ต้องไม่ใช่จำแต่ความหมายอย่างเดียว แต่ต้องใช้ให้เป็นด้วยครับ เช่นเดียวกับการท่องประมวลฯ


 
3. เอกสารสรุปรายชื่อกิจกรรมที่เข้าร่วม
       ทางคณะไม่ได้บอกให้ส่งPortfolioนะครับ แต่ให้ทำเป็นเอกสารสรุปรายชื่อกิจกรรมที่เข้าร่วมแทน สำหรับไฟล์โหลดได้ที่ https://www.tuadmissions.in.th/dw/exam_niti.docx ให้ใช้แบบฟอร์มดังกล่าวในการพิมพ์กิจกรรมทั้งหมดที่เราเข้าร่วมครับ พร้อมแนบหลักฐานมาด้วย เช่น รูปภาพที่บอกว่าเราเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวจริง หรือ ถ้าเป็นเกียรติบัตรหรือหนังสือที่รับรองกิจกรรมที่เข้าร่วม ก็สแกนใส่ลงไปด้วยนะครับ (ส่วนที่เป็นหลักฐานพิมพ์ต่อจากตารางได้เลยครับ) ตารางและหลักฐานให้อยู่ในไฟล์เดียวกับจะดีที่สุดครับ
     หลายคนสงสัยว่าทำไมไม่ระบุให้ส่งPortfoilio  จริงๆแล้วทางคณะก็ไม่ได้ห้ามนะครับ แต่ผมคิดว่าเนื่องจากมีผู้สมัครเป็นจำนวนมาก การให้ระบุกิจกรรมลงมาเป็นตารางและแนบรูปภาพมาก็ถือว่าสะดวกและเพียงพอแล้วครับ และกรรมการท่านก็คงต้องการพิจารณาเฉพาะใจความสำคัญจริงๆ 
     สำหรับกิจกรรมควรจะใส่อะไรบ้าง ส่วนตัวผมคิดว่ากรรมการจะสนใจกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสาขานั้นๆก่อนเป็นอันดับแรก เพราะอย่างน้อยก็สามารถบอกได้ว่าคุณมีความสนใจ มีข้อมูลในคณะนั้นๆ อีกทั้งยังสร้างความน่าเชื่อถือว่าคุณมีความตั้งใจจะศึกษาในด้านนี้ ผลงานจึงจะโดดเด่นครับ ในส่วนของผม ก็มีการไปเข้าร่วมกิจกรรมตอบปัญหากฎหมาย โดยเฉพาะในช่วงวันรพี ประมาณเดือนสิงหาคมของทุกปี คณะนิติศาสตร์แต่ละมหาวิทยาลัยมักจะมีการจัดงานวันรพีวิชาการ ซึ่งผมคิดว่ามีประโยชน์มักสำหรับน้องที่สนใจกฎหมายมาก เพราะจะทำให้ได้เข้าใจกฎหมายมากขึ้น อีกทั้งสร้างแรงบันดาลใจในการศึกษาต่ออีกด้วย(เช่นตัวผม) นอกจากนี้ก็ยังมีกิจกรรมด้านอื่นๆที่เกี่ยวกับกฎหมายที่ผมไม่ได้เข้าร่วมแต่น่าสนใจ เช่น ค่ายต้นกล้าตุลาการ(เพื่อนพี่แนะนำมากค่ายนี้) ค่ายPre camp ของนิติ มธ. หรือการไปเข้าร่วมOpen houseคณะนิติศาสตร์ของสถาบันต่างๆ ในส่วนกิจกรรมอื่นของผมที่ใส่ไป ก็อย่างเช่น แข่งตอบปัญหาภาษาอังกฤษ แข่งขันเพชรยอดมงกุฎ ประกวดเรียงความ แต่งกลอน ไปโครงการแลกเปลี่ยนฯ ในที่นี้คือผมจะเน้นใส่กิจกรรมที่คิดว่าอย่างน้อยก็อาจช่วยเสริมทักษะในการเรียนคณะนี้บ้างครับ เช่น เรียงความ อาจช่วยแสดงให้เห็นว่าผมมีทักษะด้านการเรียบเรียง ซึ่งมีความสำคัญในการเรียนกฎหมาย ส่วนกิจกรรมอื่นๆเช่น ไหว้ครู ปลูกป่า กีฬาสี กิจกรรมเชียร์ ผมจะใส่ไม่เยอะครับ เป็นแค่ตัวเสริมว่าเรามีส่วนร่วมทำกิจกรรมในด้านอื่นๆด้วย ดังนั้นในส่วนนี้ขอให้น้องๆลองใช้วิจารณญาณในการพิจารณาดูครับ ถ้าไม่แน่ใจก็มาปรึกษาผมได้ครับ

 
4. หนังสือแสดงเหตุผลและวัตถุประสงค์การสมัครเข้าศึกษา(Statement of Purpose)
         ส่วนนี้เป็นเรียงความนั่นเองครับ โดยต้องพิมพ์ตามรูปแบบที่คณะฯกำหนด คือ จำนวน 1 หน้า พิมพ์ตัวอักษร Angsana New 16 ระยะขอบกระดาษ 1 นิ้ว ทั้งในส่วนหัวกระดาษ ท้ายกระดาษ ขอบกระดาษซ้าย ขวา และพิมพ์เป็นภาษาไทย เรียงความนี้ก็เป็นส่วนสำคัญในการพิจารณาครับ กรรมการจะทราบทัศนคติของเราได้จากเอกสารนี้เลย นอกจากนี้สิ่งที่เขียนลงไปจะชี้ให้เห็นถึงทักษะการเขียน การคิดวิเคราะห์ การใช้เหตุผล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญมากในการเรียนคณะนิติศาสตร์ จึงควรตั้งใจเขียนให้ดีครับ 


 
การสมัครและยื่นเอกสาร
 หลังจากที่เตรียมเอกสารครับแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการสมัครครับ ต้องเข้าไปสมัครที่ https://www.tuadmissions.in.th/ โดยเราต้องลงทะเบียนก่อนแล้วจึงจะเข้าระบบเพื่อสมัครได้ ในขั้นตอนการสมัคร เราจะต้องแนบไฟล์เอกสารที่เตรียมมาทั้งหมดลงไปด้วยจำนวน 4 ไฟล์ ดังนี้ครับ (แนะนำว่าSaveเป็นไฟล์pdfครับ) 
1.ไฟล์สำเนาใบผลการเรียน(ปพ.1)
2.ไฟล์สำเนาผลคะแนนภาษาอังกฤษ
3.ไฟล์สรุปเอกสารสรุปกิจกรรมที่เข้าร่วม
4.ไฟล์หนังสือเหตุผลและวัตถุประสงค์ที่เข้าศึกษา
         หลังจากกดสมัครเรียบร้อยแล้ว ก็ทำการจ่ายเงินค่าสมัคร 200 บาท หลังจากนั้นจะต้องกลับมาปริ้นใบสมัครพร้อมเอกสาร4ข้อดังกล่าวทั้งหมด ส่งทางไปรษณีย์ให้คณะนิติศาสตร์ หรือไปส่งที่คณะด้วยตนเองก็ได้ครับ 


 
ก่อนสอบสัมภาษณ์
   วันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 ทางคณะฯก็ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สัมภาษณ์ ซึ่งรอบนี้เปิดรับ 100 คน มีผู้สมัคร 207 คน แต่มีสิทธิ์สัมภาษณ์เพียงแค่ 27 คนเท่านั้น ทำให้ผมตระหนักว่าการพิจารณาของกรรมการต้องเข้มข้นมาก การสัมภาษณ์ก็คงไม่ต่างกัน ... หลังจากนั้นทางคณะฯก็ได้ประกาศให้เตรียมเอกสารเพิ่มเติมเพื่อนำไปยื่นในวันสอบสัมภาษณ์ ดังนี้
1.สำเนาผลคะแนนการสอบภาษาอังกฤษ 
2.Portfolio - ตอนนั้นผมงงมากว่าทำไมพึ่งให้มาทำตอนนี้ ผมจึงต้องรีบทำภายในเวลาเพียงแค่ 5 วันก่อนสอบสัมภาษณ์  ซึ่งสุดท้ายกรรมการไม่เปิดครับ- -
3.ใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลของรัฐ - รพ.เอกชนไม่รับนะครับ
    ก่อนวันสอบสัมภาษณ์ ผมก็เตรียมซ้อมตอบคำถามไปนิดหน่อย เช่น การแนะนำตัวเอง เหตุผลที่อยากเข้าที่นี่ ข้อมูลของคณะ ทบทวนกฎหมายเล็กน้อยพอเป็นพิธี และที่สำคัญที่สุดอย่าลืมทบทวนสิ่งที่เราส่งไปให้กรรมการพิจารณาทั้งหมดครับ ทั้งกิจกรรมหรือเรียงความ เผื่อกรรมการจะถามครับ 



 
วันสอบสัมภาษณ์
     วันที่ 19 พฤศจิกายน 2560 แม้จะเป็นวันอาทิตย์ แต่ผมก็ตื่นเช้าเป็นพิเศษ ส่วนหนึ่งก็เพราะตื่นเต้นครับ ผมไปถึงที่คณะนิติศาสตร์ มธ.ศูนย์รังสิตประมาณ 07.30 น. นั่งคุยพบปะกับเพื่อนๆ พี่ติวเตอร์สักพัก ก็ได้เวลาลงทะเบียน 08.30 น.ครับ ต้องขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 3 ครับ 
   เมื่อขึ้นไปแล้ว ก็ไปนั่งรอในห้องLectureที่แอร์หนาวมากกกกก จากนั้นเจ้าหน้าที่จะเรียกชื่อเป็นรายบุคคลเพื่อตรวจเอกสารเพิ่มเติมและลงทะเบียนครับ เมื่อลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยก็จะได้ลำดับในการสอบสัมภาษณ์มาด้วยครับ ผมได้ลำดับที่ 18 รอยาวๆไปครับ เท่าที่ดูจากสายตามาสัมภาษณ์ครบทั้ง 27 คนครับ
     การสัมภาษณ์เริ่มต้นในเวลา 09.00 น.ครับ โดยคนที่สัมภาษณ์เสร็จแล้วจะไม่ได้รับอนุญาตให้กลับเข้ามาในห้องรอสัมภาษณ์อีกนะครับ ระหว่างนั้นผมก็นั่งจับเวลาในการสอบสัมภาษณ์ของแต่ละคนครับ คนแรกๆใช้เวลาไปคนละ 10-15นาทีครับ ถือว่าค่อนข้างนานทีเดียว ตอน10.00น.พึ่งสัมภาษณ์ถึงคนที่ 5 เอง ผมก็นั่งลุ้นว่าจะถึงคิวผมในช่วงเช้านี้ไหม ในใจก็แอบกังวลว่าจะได้คำถามอะไร ผมกลัวว่าจะได้คำถามกฎหมายครับ เพราะผมก็ยังไม่ได้แม่นมาก ระหว่างที่นั่งรอผมก็พูดคุยกับเพื่อนคนอื่นๆและมีโอกาสส่องPortfolioของเขา โปร์ไฟล์และผลงานแต่ละคนนี่สุดยอดครับ รางวัลมาเต็ม เล่นเอาผมคิดหนักอีกครั้ง..... กระทั่งเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ก็บอกให้ลำดับที่ 18-27 ไปพักทานอาหารกลางวันก่อนครับ และให้กลับขึ้นมาในเวลา 13.00 น. 
       เวลาประมาณ 12.45 น. ผมก็กลับขึ้นไปนั่งรอในห้องครับ การสัมภาษณ์เริ่มอีกครั้งในเวลา 13.00 น. คนแรกของรอบบ่ายนี้คือลำดับที่ 17 ครับ ผ่านไปสักประมาณ 7 นาที เจ้าหน้าที่ก็เรียกให้ผมไปนั่งรอหน้าห้องสัมภาษณ์ครับ หัวใจตอนนั้นผมเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วครับ ตื่นเต้นมากๆ และแล้วคนก่อนหน้าก็ออกมา เจ้าหน้าที่เรียกชื่อผมพร้อมเปิดประตูห้องสัมภาษณ์ เอาล่ะ ได้เวลาของผมแล้ว... 
         เมื่อผมได้เข้าไป ก็พบกับโต๊ะครึ่งวงกลมที่มีกรรมการนั่งอยุ่ถึง 6 ท่าน สีหน้าแต่ละท่านค่อนข้างเคร่งเครียด ผมขออนุญาตกรรมการนั่งลงเก้าอี้ที่อยู่ตรงกลาง ไหว้ทักทายอย่างสวยงาม เริ่มแรกกรรมการจะให้เราแนะนำตัว และเล่าถึงเหตุผลที่อยากเข้าคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตรงส่วนนี้แนะนำว่าพยายามพูดนำเสนอตัวเองให้มากที่สุดครับ เพื่อที่กรรมการจะได้รู้จักเรามากขึ้นและถามเราเพิ่มเติมได้ จากนั้นกรรมการถึงจะเริ่มถามคำถามแรก เท่าที่ผมเห็น กรรมการแต่ละท่านจะมีเอกสารสรุปกิจกรรมและเรียงความที่เราส่งไปอยู่ในมือของทุกคนเลยครับ ท่านก็จะใช้เอกสารนั้นเป็นGuideในการถามคำถามเราครับ คำถามก็จะมีประมาณนี้ครับ
1.ยื่นPortfolioไปกี่ที่? คิดจะยื่นที่อื่นอีกหรือเปล่า ทำไมถึงเลือกยื่นที่นิติ มธ.?
2.รู้ไหมว่าเพื่อนคนอื่นที่โรงเรียนยื่นPortfolioที่ไหนบ้าง? ให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรอบPortfolio
3.เห็นว่าไปแข่งขันตอบปัญหาอาเซียน ให้ลองยกตัวอย่างกฎหมายที่เกี่ยวกับอาเซียนว่ามีอะไรบ้าง
4.เห็นว่าแลกเปลี่ยนระยะสั้นที่อังกฤษ ได้อะไรจากที่นั่นมาบ้าง?
5.เห็นว่าไปแข่งขันตอบปัญหาวิศวสิ่งแวดล้อมที่จุฬาฯ ชอบกฎหมายสิ่งแวดล้อมหรือเปล่า?
6.เห็นว่าได้รับรางวัล มีวิธีเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนไปแข่งขันตอบปัญหากฎหมาย?

7.ผมบอกไปว่าที่ผมเลือกมาเรียนคณะนิติ มธ. เพราะเข้าไปดูหลักสูตร กรรมการเลยให้ผมลองเปรียบเทียบหลักสูตรคณะนิติ มธ กับมหาวิทยาลัยอื่นสัก 1 แห่งให้ฟังหน่อย (ผมเลือกเปรียบเทียบหลักสูตรของจุฬาฯกับมธ.ครับ)
8.ทำไมเราถึงอยากเป็นอาจารย์?
9.เนื่องจากผมไปแข่งขันมาหลายสาขา กรรมการเลยถามผมประมาณว่า "ทำไมไปแข่งอะไรมาเยอะแยะ อยู่สายศิลป์ทำไมถึงไปแข่งตอบปัญหาวิศวะได้ ทำไมดูมั่ว?" ผมก็ตอบไปประมาณว่า การไปแข่งขันตอบปัญหาทำให้ผมมีประสบการณ์ เรียนรู้สิ่งต่างๆมากขึ้น ถึงบางอย่างไม่ได้เกี่ยวข้องกับสาขานี้เท่าไหร่ แต่อย่างน้อยทำให้เราเป็นคนรู้รอบด้านครับ
    ระหว่างที่ตอบคำถาม ผมก็รอว่ากรรมการท่านจะขอดูPortfolioของผมเมื่อไหร่ กระทั่งกรรมการท่านหนึ่งบอกว่าจบแล้วครับ ขอบคุณมากครับ ขอให้โชคดี... ผมก็อึ้งไปสักพัก เลยถามกรรมการว่า ไม่ดูพอร์ตผมหน่อยหรอครับ? ท่านก็ยิ้มอ่อนให้ผม.... และผมก็ไหว้ลากรรมการทั้ง6ท่าน วินาทีที่เดินออกมาคือเหมือนยกภูเขาออกจากออกเลยครับ ในใจก็พูดว่า รอดแล้วๆ เมื่อดูนาฬิกาก็พบว่าใช้เวลาไปประมาณ 8 นาทีครับ อาจดูเหมือนนาน แต่ความจริงแล้วเร็วมากครับ โชคดีที่คำถามที่ผมได้ไม่ยากเกินไปครับ จากนั้นผมก็เลยลองถามเพือนคนอื่นที่สัมภาษณ์ไปแล้วว่าโดนถามอะไรบ้าง อันนี้เป็นตัวอย่างคำถามของคนอื่นนะครับ
1.ความยุติธรรมคืออะไร
2.เอาป้ายไปปักบนดวงจันทร์เพื่อขายได้ไหม
3.คิดอย่างไรกับกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา44
4.การปกครองส่วนท้องถิ่นกับส่วนภูมิภาคต่างกันอย่างไร
5.การค้าประเวณีผิดกฎหมายยังไง
6.ยกตัวอย่างพรบ.จราจร
7.คิดว่าอนาคตควรมีกฎหมายอะไร

      ผมอึ้งอีกครั้งครับ เพราะคนอื่นคำถามเกี่ยวกับกฎหมายโหดมาก ในขณะที่ผมแทบไม่ถามเลย ส่วนใหญ่ถามแค่เรื่องทั่วๆไ่ป แถมPortfolioท่านก็ไม่เปิด ในใจก็แอบหวั่นว่าจะหลุดไหม แต่ก็คิดว่าดีแล้วที่การสัมภาษณ์ผ่านไปได้ด้วยดี กรรมการคงมั่นใจในตัวเราแล้วเลยไม่ถามมาก(ปลอบใจตัวเองสุด555555) ... และแล้วเมื่อถึงวันประกาศผลผู้มีสิทธิ์เข้าศึกษา ผลปรากฎว่าติดทุกคนครับ ไม่มีหลุด ...
 
    แน่นอนครับ จะเห็นได้ว่าการคัดเลือกผู้มีสิทธิ์สัมภาษณ์มีความเข้มข้นมาก จาก207คนเหลือแค่27คน เนื่องจากไม่มีการสอบ เป็นการวัดที่โปรไฟล์ล้วนๆ ทางคณะฯก็ต้องการคนที่มีประสิทธิภาพจริงๆเป็นธรรมดาครับ ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เกณฑ์การคัดเลือกของคณะฯจะค่อนข้างสูงมาก น้องๆที่รู้ตัวแล้วก็ขอให้เตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่นๆเลยครับ ปฏิบัติตามคุณสมบัติของทางคณะฯอย่างละเอียด และเมื่อผ่านเข้ามารอบสอบสัมภาษณ์ได้ ก็ขอให้มีสติเวลาตอบคำถาม บรรยากาศในห้องสัมภาษณ์กรรมการอาจสร้างสถานการณ์ให้เรากดดัน แต่ให้เข้าใจว่าเป็นธรรมดาครับ อย่าตื่นตระหนก หากกรรมการถามคำถามกฎหมายที่เราไม่ทราบ ให้ตอบไปตามความคิดเห็นเรา ไม่มีถูกผิดครับ คำถามยากๆที่คนอื่นได้ก็ไม่มีใครรู้คำตอบที่แท้จริงหรอกครับ กรรมการท่านแค่อยากดูไหวพริบของเรา ขอแค่ตอบอย่างมีหลักการและเหตุผลบนความยุติธรรมครับ 

   สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทุกคนนะครับที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ หากมีข้อผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยด้วยนะครับ ถ้าน้องๆคนไหนมีคำถามเพิ่มเติม อ
ยากได้ไฟล์ตัวอย่าง หรือคำแนะนำเกี่ยวกับเอกสารต่างๆที่ใช้ยื่นก็สอบถามมาใต้กระทู้ได้เลยครับ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน เชื่อมั่นในความพยายามของตัวเอง สู้ๆนะครับ^^
 


แสดงความคิดเห็น

49 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

CTN66 6 มี.ค. 61 เวลา 21:38 น. 2-1

พี่ได้ประมาณ600+ครับ พยายามให้ผ่านเกณฑ์อะครับ ส่วนเรื่องแข่งไม่จำเป็นหรอกครับว่าต้องได้รางวัล แค่เข้าร่วมก็โอแล้ว รางวัลแค่เป็นส่วนเสริมให้โดดเด่นขึ้นครับ อย่าลืมครับว่ายังมีเกณฑ์อย่างอื่นให้พิจารณาด้วย แนะนำว่าพยายามทำทุกอย่างที่ให้ดีที่สุดครับ

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

CTN66 13 มี.ค. 61 เวลา 20:11 น. 5-1

พี่ไปแข่งประมาณ5-6ที่ครับ มีได้รางวัลมาครั้งนึง แต่น้องอย่าซีเรียสเรื่องรางวัลครับ เพราะเขาน่าจะมองที่ความสนใจของน้องมากกว่า การได้ไปเข้าร่วมก็คือว่าเพียงพอแล้ว พอดีพี่มีกิจกรรมอื่นๆเสริมลงไปด้วยครับ เช่น ไปแลกเปลี่ยน ตอบปัญหาสาขาอื่นๆ ประธานสภาฯ บางทีการที่มีกิจกรรมหรือทักษะอื่นๆซึ่งอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับกฎหมายโดยตรงแต่สนับสนุนให้น้องเรียนนิติได้ เป็นแรงบันดาลใจในการเรียนนิติได้ ก็ช่วยเสริมจุดเด่นทักษะในตัวน้องได้ครับ เกณฑ์ที่ใช้พิจารณามีอีกหลายอย่าง เกรด คะแนนอังกฤษ SOP ทำทุกอย่างควบคู่กันให้ดีที่สุดนะครับ สู้ๆนะครับ

0
CTN66 13 มี.ค. 61 เวลา 20:12 น. 6-1

พี่เป็นกำลังใจให้น้องนะครับ สู้ๆ^^

0
Dzsdream 20 มี.ค. 61 เวลา 15:43 น. 8

พี่เขียนได้ดีมากเลยค่ะ เราพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับการสอบรอบนี้แต่ได้ข้อมูลไม่ค่อยครบเท่าไหร่ แต่มาอ่านกระทู้พี่แล้วได้ข้อมูลเยอะมากๆเลย ขออนุญาตแอดเฟสไปนะคะ ขอบคุณค่ะ:)

0
Ployyyyy21 28 มี.ค. 61 เวลา 20:27 น. 9

สอบถามหน่อยค่า สำหรับคะแนนภาษาอังกฤษ อายุไม่ต่ำกว่า 2 ปี

แสดงว่าถ้าไปสอบปีนีแล้วใช้ยื่นก็ใช้ไม่ได้ใช่มั้ยคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

1
CTN66 31 มี.ค. 61 เวลา 11:50 น. 9-1

อ้อ พอดีเขียนผิดไป ต้องขอโทษด้วยครับ คะแนนสอบต้องมีอายุไม่เกิน2ปี แก้ไขให้แล้วครับ

0
CTN66 1 เม.ย. 61 เวลา 11:03 น. 10-1

อย่างที่บอกครับว่ารอบแรกกรรมการคัดโหดมาก ถ้าคุณสมบัติเฉพาะไม่สมบูรณ์ เขาก็อาจคัดออกก่อนอะครับ ทางที่ดีพยายามทำเกรดให้ถึง3.5จะดีที่สุดครับ

0
_chutinann 1 มิ.ย. 61 เวลา 19:33 น. 11

หนูเรียนสายวิทย์คณิตเเต่อยากเข้านิติศาสตร์จะได้มั้ยคะ เเล้วต้องมีการเตรียมตัวมากกว่าคนอื่นอย่างไรบ้างคะ

1
CTN66 6 มิ.ย. 61 เวลา 12:13 น. 11-1

ส่วนตัวพี่คิดว่าสายวิทย์ก็เตรียมตัวเท่ากับสายศิลป์เลยครับ ไม่ต่างกันเลย ส่วนใหญ่แล้วคนที่จะมาเรียนนิติก็เริ่มต้นใหม่หมดครับ ขอแค่น้องเข้าใจตัวเองจริงๆว่าตั้งใจจะมาสายนี้แล้วมุ่งมั่นครับ ถ้าน้องจะเข้ารอบพอร์ตก็เตรียมเช็คคุณสมบัติ ทำคะแนนให้ดีครับ ส่วนถ้าน้องจะสอบตรงก็ขยันอ่านหนังสือให้ดีครับ ยิ่งน้องรู้ตัวเองเร็วเท่าไหร่ น้องก็จะยิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากขึ้นครับ

0
CTN66 4 ก.ค. 61 เวลา 10:51 น. 13-1

ถ้าเป็นนิติเขาไม่ได้ระบุให้ส่งรูปเล่มครับ แต่คณะอื่นพี่ไม่แน่ใจข้อมูลนะครับ

0
uary00 22 ก.ค. 61 เวลา 21:16 น. 14

พี่ยื่นแบบไหนไปค่ะแบบรูปเล่มหรือเป็นไฟล์แล้วส่งไปวันที่เท่าไหร่คะ

1
CTN66 24 ก.ค. 61 เวลา 12:39 น. 14-1

พี่ยื่นแบบไฟล์ไปให้เขาพิจารณาครับ ช่วงที่เขารับสมัครเลย

0
Wang-SRT00 5 ส.ค. 61 เวลา 01:28 น. 15

มีให้เขียนเรียงความไหมคะ? รอบแรกว่าทำไมเราถึงอยากเข้าแล้วสัมภาษณ์เป็นภาษาไทยหรอคะ? พอดีมีคนบอกว่าสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ ขอโทษนะค่ะที่ถามเยอะ แฮะๆ

3
CTN66 5 ส.ค. 61 เวลา 14:22 น. 15-1

ตอนส่งเอกสารที่ยื่นมีเขียนเรียงความเหตุผลที่ิอยากเข้าครับ พอผ่านไปสัมภาษณ์ ท่านอาจารย์ถามพี่เป็นภาษาไทยครับ คนอื่นๆก็เหมือนกัน พี่ว่าที่สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษน่าจะเป็นของภาคอินเตอร์นะครับ

0
Wang-SRT00 7 ส.ค. 61 เวลา 19:53 น. 15-2

พี่คะ พอดีหนูส่งข้อความไปหาพี่ที่เมลพี่อ่ะค่ะ เพราะอยากดูพอร์ตอ่ะค่ะ พี่สะดวกส่งให้ไหมคะ

0
Nitiyatorn 18 ส.ค. 61 เวลา 15:28 น. 16

เกรดเฉลี่ยพี่เท่าไหร่อ่ะคะ? แล้วกรรมการจะพิจารณาอะไรมากกว่ากันระหว่างเกรดหรือคะแนนTU-GET

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

Neenalp 12 ม.ค. 62 เวลา 22:10 น. 19-2

ขอดูด้วยค่ะ ไม่รู้จะทำยังไงแบบไหน รบกสวนด้วยค่าา

neenanaratchayapon37@gmail.com

0
Pitchaya 6 ก.ค. 62 เวลา 12:36 น. 19-3

หนูขอดูผลงานพี่ด้วยได้ไหมคะ สนใจคณะนี้นิติศาสตร์เหมือนกันค่ะ

cubked@gmail.com

0
Bee 16 มี.ค. 63 เวลา 09:17 น. 19-5

หนูขอด้วยค่ะ ไม่มีแนวทางเลยค่ะ ขอบคุณพี่มากนะคะ

beekhunrudee6@gmail.com

0