Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

มีพี่น้องฉลาดกว่านี่มันแย่แบบนี้เลยหรอ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เข้าเรื่องเลยนะค่ะ อยากระบายเฉยๆ  คือเราเป็นคนเรียนไม่เก่งเลย เพื่อนก็น้อย ตัวเรานี่เป็นพี่คนโตแต่ยังไม่รู้เลยว่าอยากเป็นอะไร.. ตอนนี้เรียนมหาลัยแล้ว เมเจอร์ญี่ปุ่นแต่พ่อยังบอกเลยว่าโตไปจะไปทำอะไรได้...5555  ผิดกับน้องเราที่ทั้งเรียนเก่งเพื่อนเยอะ ใครๆก็ชม ใครๆก็คาดหวัง แถมยังมีแพลนว่าอยากจะเป็นหมออีก T-T  คือเรามีโอกาสได้ไปแลกเปลี่ยนที่เมกามาค่ะ วันที่เราบิน-กลับ มีแต่ครอบครัวไปรับไปส่งที่สนามบิน ตอนแรกก็ดีใจแบบเออ อยากน้อยภาษาอังกฤษเราก็ดีกว่าน้องและ เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีค่าขึ้นมาบ้าง แต่ปีที่เราไปรู้สึกว่าปัญหาเยอะมากค่ะ5555 เพื่อนก็ไม่มี รูปก็ไม่ค่อยได้ถ่าย กิจกรรมก็ไม่ค่อยได้ทำ แถมตอนกลับก็เสียตังค่ากระเป๋าเพิ่มตั้งเยอะแหนะ แต่ปีต่อมาน้องเราได้ไปแลกเปลี่ยนเหมือนกันซะงั้น~ (จริงๆในใจก็เฟลนะ แค่ก็ควรยินดีกับเค้า555) วันที่มันบินคือ เพื่อนทั้งห้องหยุดเรียนมาส่งมัน วันที่มันกลับ นอกจากครอบครัวละก็มีเพือนมารับอีก ตอนที่มันอยู่ที่นั่นเพื่อนก็เยอะ โฮสก็รัก แถมทำกิจกรรมได้รางวัลมาเต็มเลย T-T   แต่ก็เอาวะ ไม่เป็นไร...เราควรยินดีกับมัน คิดในแง่ดีเข้าไว้ค่ะ5555 พอมันกลับมาก็เลยลองพูดภาษาอังกฤษกับมันเล่นๆ แหม่ไหนๆก็ไปแลกเปลี่ยนกันมา แต่ มันฟังเราพูดไม่ออกค่ะ!! -__- อย่างเราพูดคำว่า here เราพูดซ้ำตั้งหลายรอบ มันพูดแบบ “ห้ะ อะไรนะ clearหรอ?” พ่อแม่ก็อยู่ตรงนั้น เฟลมากค่ะ ไม่ใช่แค่คำนี้คำเดียว คือท้อมากกับการโดนเปรียบเทียบ พ่อก็พูดว่า ทำไมตอนเราอยู่เมกาต้องเสียค่านู้นค่านี่ ทั้งๆที่น้องเราไม่เสียไรเลย  เห้อ ท้อค่ะ ท้อจริงๆ ไม่อยากกลับบ้านเลยค่ะ บางทีก็คิดนะ ว่าถ้าเราไม่ได้เกิดมาน่าจะดีกว่า พ่อแม่จะได้ไม่ต้องมาเสียตังเสียเวลาดูแลลูกโง่ๆแบบนี้

แสดงความคิดเห็น

>

15 ความคิดเห็น

พิชญนันท์ 12 มิ.ย. 61 เวลา 05:50 น. 1

เอกญี่ปุ่น ก็ยังมีความต้องการนะคะ

เป็นไกด์ งานเลขาให้บริษัทญี่ปุ่น ก็ทำได้

ไหนจะล่ามอีก ยิ่งน้องยังพอมี พฐ.ของภาษาอังกฤษ ก็ดีนะคะ

เอางี้ ตั้งใจเรียนภาษาญี่ปุ่น ควบคู่กับเรียนภาษาอังกฤษเสริมไปด้วย สอบวัดระดับคะแนนให้ได้ดี

อยากรู้ว่า ภาษาญี่ปุ่น ทำอะไรได้บ้าง ลองตามไปที่เพจของ พี่บีม Beam Sensei นะคะ

พี่บีมจบเอกญี่ปุ่น แล้วขอทุนวิจัย กับทุนรัฐบาลญี่ปุ่น ไปเรียนต่อโทที่โน่นค่ะ

เผื่อจะมีแรงบันดาลใจดีๆ

0
มิ้ง 12 มิ.ย. 61 เวลา 12:03 น. 2

เราสลับกันเลย พี่เราเรียนหมอ เราเรียนเอกญี่ปุ่น ตอนสมัยมัธยมก็โดนเปรียบเทียบเหมือนกัน แบบเราอยู่ห้องธรรมดา พี่อยู่ห้องกิฟวิทย์คณิต พี่ไปแข่งทักษะบ่อยๆ หน้าเสาธงจะประกาศชื่อพี่รับรางวัลบ่อยมาก ครูทั้งรร.ก็รู้จักพี่เยอะ พอครูมาสอนห้องเราก็แบบ นามสกุลคุ้นๆนะ พี่น้องกับหรอ/ทำไมไม่เก่งแบบพี่ล่ะ ช่วงนั้นก็ท้อนะ แต่นานๆไปก็คิดว่าก็เราไม่ถนัดด้านวิทย์คณิตจะให้ไปเก่งแบบพี่ได้ไง แล้วเราก็ชอบญป.มาก พอขึ้นม.ปลายก็เรียนศิลป์ญป. พี่ก็ติดหมอ มหาลัยเราก็มาเอกญป. เรากับพี่มาคนละด้านเลยอ่ะ จากนั้นก็ไม่โดนเปรียบเทียบแล้วนะ มันคนละสายกันแล้ว แบบเราไปเรียนหมอสู้พี่ไม่ได้ พี่ก็มาเรียนญป.แข่งกับเราไม่ได้

ก็พี่ไม่ได้มาเรียนแบบเราแล้วอ่ะ

อยากจะบอกจขกท.ว่า ไหนๆเราก็มาทางเอกญป.แล้ว จบไปก็คงได้ทำงานทางสายนี้นี่แหละ เราก็เอาดีด้านนี้ไปเลย เราไม่คิดว่าจขกท.ไม่เก่งเลยนะ แล้วทางบ้านน่าจะมีฐานะด้วย ได้ทั้งไปแลกเปลี่ยนเมกา อังกฤษก็ได้ ในอนาคตก็ไปแลกเปลี่ยนที่ญป.ด้วยสิ ถ้ามีความสามารถจบมาเป็นล่ามงี้ เงินเดือนสูงมากเลยนะ ส่วนกับน้องก็พยายามอย่าเปรียบเทียบกันเลย มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลย เราอาจจะมีนิสัยไม่เหมือนน้อง น้องอาจจะเฟรนลี่ คุยเก่งเลยมีเพื่อนเยอะ จขกท.อาจจะตรงข้ามงี้ ยังไงมันก็คือตัวเราอ่ะ จะไปทำนิสัยให้เหมือนคนอื่นก็ฝืนตัวเองอ่ะ พยายามในส่วนของเราให้ดีที่สุดนะคะ

0
0825ne23 12 มิ.ย. 61 เวลา 12:51 น. 3

พี่ก็มีพี่ชายที่เก่งกว่าค่ะ โดนเปรียบเทียบมาตั้งแต่เด็กๆ

พี่ชายเรียนเก่ง ใครๆที่บ้านก็ชื่นชม คาดหวังว่าจะเป็นหมอแน่ๆ

ส่วนพี่เนี่ย เรียนปานกลางค่ะ พ่อแม่และคนในครอบครัวก็หนักใจว่าจะสอบติดมั้ย

แถมเรียนสายวิทย์ ไม่เก่งเลข ไม่เก่งวิทย์ แต่ดันชอบภาษาญี่ปุ่นอีก

พ่อแม่หนักใจไปหมดค่ะ 5555555555 TT

แต่สุดท้าย เราก็ไม่มีทางเลือกที่จะอดทนและพิสูจน์ตัวเอง ถูกมั้ยคะ :)


พี่สอบติดวิศวะ ของสถาบันที่ค่อนข้างมีชื่อแห่งนึง

และใช้สิ่งที่เราชอบคือภาษาอังกฤษและญี่ปุ่นในการหารายได้พิเศษ โดยรับสอนพิเศษตอนเรียนมหาลัย

(ตอนนั้นคิดแค่ว่า ทำไรก็ได้ให้เหนือกว่าพี่ชาย 55555)

แล้วก็มาต่อป.โท ด้านวิศวะที่ญี่ปุ่น (ดื้อจะมาเองค่ะ ตอนแรกพ่อไม่ยอม) ตอนนี้จบแล้วค่ะ ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์อยู่ที่ญี่ปุ่น


น้องเหนื่อยค่ะ พี่รู้.. หลายๆคำพูดที่มันบั่นทอนจิตใจเรา แต่ในเมื่อมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

เราก็ต้องพยายามให้มากเนอะ ผลลัพธ์ที่ได้มันสวยงามจริงๆ เชื่อพี่นะ

พี่กลับอิจฉาที่น้องได้เรียนเอกญี่ปุ่นอีก พี่อยากเก่งภาษาญี่ปุ่นมากๆ เสียดายที่ไปเรียนสายวิทย์ซะก่อนที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร


สิ่งที่พี่พยายามมาทั้งหมด ก็แค่เพื่ออยากให้พ่อแม่ไม่ต้องหนักใจ และไปพูดกับคนอื่นได้ว่าลูกอีกคนก็ทำได้เหมือนกัน

ตอนนี้พี่ก็สัมผัสได้ถึงความภูมิใจของพ่อกับแม่แล้วค่ะ

ขอให้น้องสู้ๆนะคะ เรียนสายภาษา มีโอกาสก้าวหน้าในต่างประเทศเยอะ ได้เปิดหูเปิดตา อย่าเพิ่งหมดความพยายามนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

0
มิ้ล 12 มิ.ย. 61 เวลา 13:08 น. 4

จขกท น่ากลัวนะคะ ในความคิด


ลองมองย้อน การที่น้องมีเพื่อน เค้าก็เริ่มจากการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นหรือป่าวคะ? จนมีเพื่อน การจะเป็นที่รักของใครๆ มันเริ่มจากตัวของเราเองทั้งนั้น


การที่น้องอยากเรียนหมอ มันก็คือความต้องการของน้องเองไม่ใช่หรอคะ? เค้ามานะ ตั้งใจเรียนไม่ใช่หรอคะ?


แล้วการที่คุณโอ้อวดภาษาว่าเก่งกว่าน้อง เรามองว่า คุณกำลังข่มน้องในใส้ตัวเองอยู่ ทั้งที่น้องไม่แทบจะคิดแง่ลบอะไรกับ จขกทเลย


เรามองว่า คนแบบ จขกท เป็นคนน่ากลัวค่ะ แค่นี้ยังรู้สึกคุณไม่ชอบน้องตัวเองมากๆ ในขณะที่น้องคุณหารู้ตัวไม่ ว่าพี่มีความคิดแบบนี้ ต่อไปเราก็ไม่รู้ได้ ว่า จขกท จะเก็บกดจน คิดจะทำลายน้องตัวเองหรือป่าว เหมือน จขกท เอาอะไรที่ตนเองไม่มี(เพื่อน) ไม่เก่ง ไปลงที่น้อง


จขกท ควรไปพบ จิตแพทย์นะคะ หรือไม่ ก็เปิดอกคุยกับพ่อแม่ และน้องต่อหน้าไปเลยค่ะ ว่าตนรู้สึกอย่างไร ควรรีบแก้ไข้ให้เร็วที่สุด


และควรพอใจในสิ่งที่ตนเองเป็น คนเราเก่งคนละแบบคนล่ะด้าน ทั้งหมดทั้งมวล มันเริ่มที่ตัวเราเอง เก่งไม่เก่ง ก็ไม่ควรเอาสิ่งที่ตนคดว่าเก่ง ข่มคนอื่น เพื่อกลบปมในใจของตนเองนะคะ


เราสงสาร น้อง จขกท และ พ่อแม่ จขกทค่ะ บอกตามตรงเลย


จขกท น่ากลัวมาก

2
Pctv 12 มิ.ย. 61 เวลา 15:54 น. 4-2

แล้วคุณรู้ได้ยังไง ว่าน้องเขาไม่คิดแง่ลบ ตอนนี้เราฟังความฝ่ายเดียวเนื่องจากจขกทต้องการระบาย เราควรให้กำลังใจนะ เรื่องรู้สึกกดดันหรืออิจฉา มันเป็นเรื่องโคตรปกติ คนมีพี่น้องก็น่าเข้าใจ พ่อแม่ส่วนใหญ่ทำการเปรียบเทียบตลอดเวลา โดยเฉพาะคนเป็นพี่ มันคือคนที่ถูกคาดหวังกว่าคนเป็นน้อง จขกท ไม่ได้บอกเลยว่าจะทำลายน้องเขา อย่าไปทำให้เขารู้สึกแย่กว่าเดิมด้วยการบอกว่าเขาเป็นคนน่ากลัวเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องปกตินะ ต้องใจเย็นไม่ต้องคิดเยอะ ก็จะดีเอง ไม่จำเป็นต้องพบหมอ หากไม่มีการทำร้ายร่างกายทั้งตัวเองและคนอื่น ให้กำลังใจจขกทดีกว่านะ

0
creat1st 12 มิ.ย. 61 เวลา 15:07 น. 5




พี่เชื่อว่าเป็นพี่น้องฝาแฝดก็ไม่เหมือนกัน และเชื่อว่าทุกคนมีจุดเด่นทุกคน เพียงจุดดังกล่าวอาจจะต้องใช้ประสบการณ์ในการค้นหาครับ


ดอกไม้แต่ละชนิดย่อมบานไม่เหมือนกัน และบานโดยใช้เวลาไม่เท่ากัน และร่วงโรยโดยใช้เวลาไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับเราจะดูแลและรักษาดอกไม้อย่างไร


และพี่เชื่อมั่น คุณก็เป็นดอกไม้ที่สวยงามเช่นเดียวกันครับ

3
เรโกะ จิทาคุ 12 มิ.ย. 61 เวลา 18:40 น. 5-1

พี่คะ ถ้าในกรณีที่เป็นแผดแท้จะเหมือนกันทุกอย่างยกเว้นลายนิ้วมือค่ะ ส่วนแฝดเทียม จะไม่เหมือนกัน ประมาณพี่น้อง อะไรประมาณนี้ค่ะ

0
strawbearymilk 12 มิ.ย. 61 เวลา 20:47 น. 5-2

@เรโกะ จิทาคุ คือน้องคะ คอมเมนท์นี้เค้าหมายถึงลักษณะนิสัยอะค่ะที่เหมือนกัน อ่านจับใจความดีๆสิคะ -/-

0
Pctv 12 มิ.ย. 61 เวลา 15:45 น. 6

กูก็เป็น กูนี่แย่กว่าอีก ฝาแฝดจ้าาาา น้องมันสอบเทียบไปและ ก็ยังไม่เจบเยยย เซงแต่ทำไงได้ เอาจริงก็พูดกับตัวเองว่า ชั่งมันเหอะ ชีวิตเราไม่เหมือนกันน้า ไม่ต้องไปสนใจ พอเรียนจบ ก็ทำงาน เอาตัวเองออกมา อย่าิดมากเพราะมันไม่ช่วยอะไร เป็นตัวของตัวเองดีแล้วล่ะ

0
ItsFreakingCool,man! 12 มิ.ย. 61 เวลา 21:20 น. 9

เธอกับน้องคนละคนกัน ไม่ควรนำมาเปรียบเทียบกัน

ทุกคนต่างมีข้อดี มีความสามารถต่างกัน

โลกนี้ต้องการคนที่มีความสามารถหลากหลายเพื่อช่วยพัฒนาถิ่นที่อยู่ในด้านที่ต่างกัน

เธอก็มีดีของเธอ มั่นใจในสิ่งที่เลือกดีกว่า อย่าไปสนใจคำพูดพวกนั้น อย่างน้อยก็มีความสุข ทำได้ดีในทางของตัวเอง

ไม่เปรียบเทียบ ไม่เจ็บปวด

เราก็มีน้อง เรียนคณะดีกว่า เป็นวิชาชีพที่มีความต้องการสูงกว่า เรายังไม่แคร์เลย

ทุกวันนี้ก็มีความสุขกับสิ่งที่เลือก ส่วนสิ่งที่ยังมาไม่ถึง อย่าไปกังวลเลย ทำปัจจุบันให้ดีจะดีกว่า

0
อิมิ 12 มิ.ย. 61 เวลา 22:20 น. 10

เป็นคนหนึ่งที่เป็นน้องค่ะ และเป็นเหมือนจขกท.ด้วยค่ะ. คือเรื่องเรียนจะไปได้ดีกว่าพี่สาว มีพี่สาวแต่พี่สาวอยากเรียนวิศวะโทรคมนาคม ติดแล้วด้วยค่ะ พี่เขาชอบมากๆ และเคยถูกครอบครัวถามหลายคนว่าจบแล้วทำงานอะไรในเมื่อเป็นผู้หญิง คนข้างบ้านก็ชอบมาถามว่าได้ที่เรียนรึยัง เรียนอะไร. พอบอกวิศวะก็พากันพูดออกแนวเสียดสี(?)ว่าเป็นวิศวะทำไม ผู้หญิงไม่ให้เป็น นู้นนี่นั้น มากมาย เราเห็นพี่โดนพูดแบบนี้เยอะมาก และเราก็โคตรจะไม่ชอบมากด้วย. เราอยากเป็นหมอครอบครัวก็ตั้งความหวังไว้เหมือนกันค่ะ. จากใจคนเป็นน้องนะคะ (คือเราสนิทกับพี่สาวมากๆด้วยค่ะ). เราเห็นพี่ถูกกดดัน และเหมือนโดนดูถูกเรื่องนี้เยอะมากๆ. เราก็คอยบอกพี่เสมอว่าอย่าไปสนใจเขาจะพูดอะไรก็ช่างเขา พี่ทำในสิ่งที่ชอบ. เขาไม่ได้มาช่วยพี่ทำงานสักหน่อย. และบอกไปด้วยว่าถ้าเป็นเราเราก็จะเลือกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเด็ดขาด ความสุขของเราทำไมต้องให้คนอื่นมาบังคับด้วย. ก็บอกเรื่อยๆเสมอๆค่ะ เวลามีคนมาพูดใส่พี่ เราก็ชอบพูดกลับใส่เขาเหมือนกันว่า ทำไมต้องมาพูดแบบนี้ บ่นไปเรื่อย โดนเขาสวนกลับมาบ้างแต่ก็ยิ้มแล้วตอบแทนพี่ว่า แล้วไง? อารมณ์ประมาณนี้

ส่วนเรื่องที่อยากเป็นหมอของเราที่เป็นน้องสาวนะคะ ในความคิด คือแบบ. คนรอบข้างยกย่องชื่นชมก็จริง(รวมคนในบ้านด้วยนะคะ) แต่ความจริงคือมันกดดันไปหมด บอกคนอื่นว่าไม่เครียดๆ แต่สุดท้ายก็กลับมาเครียดคนเดียวอยู่ดี. พี่สาวก็คอยให้กำลังใจด้วยค่ะ ตอนที่มีแต่คนในครอบครัวยกย่อง ก็คิดเสมอว่า พี่สาวจะรู้สึกยังไง ในเมื่อคนในบ้านทำแบบนี้ บางครั้งก็เผลอคิดไปเลยว่าพี่จะเกลียดรึป่าว. รึว่าเราไม่ควรพูดอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ดี เราแสดงออกมากเกินไปรึป่าว คนในบ้านก็สนับสนุนเรื่องเรียนของเราทั้งหมด แต่พี่ไม่ค่อยได้ เคยคิดว่าถ้านั่นเป็นเรา เราคงรู้สึกเกลียดน้องตัวเองไปแล้วอะ มันรู้สึกไม่อึดอัดตลอด. เรื่องเพื่อนมีเพื่อนเยอะเหมือนกันคะ แต่สุดท้ายความรู้สึกเราฏ็เหมือนอยู่คนเดียวอยู่ดี บางครั้งเพื่อนก็ช่วยอะไรเราไม่ได้ เผลอทำให้เรารู้สึกแย่มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เอาจริงๆก็คิดอยู่ทุกวันค่ะ แต่ว่าก็ทำอะไรไม่ได้มากคะ เพราะเรากับพี่ก็รู้อยู่แล้วว่านิสัยเป็นยังไง ถ้าไม่โอเคก็คุยกันได้ แต่เราไม่ค่อยคุยหรอก ไม่รู้สิ มันเขิลอะ แต่ว่าก็พยายามแสดงออกนะ ต่อให้คนมองว่าสิ่งที่พี่ชอบมันมีอนาคตมั้ย เรียนแล้วได้อะไร. เราก็จะยังคอยสนับสนุนเสมอ เหมือนที่พี่สาวก็สนับสนุนให้กำลังใจเราค่ะ. ยังไงก็สู้ๆนะคะ. ลองคุยกับน้องสาวดูค่ะ. เพื่อทุกอย่างจะดีขึ้นต่อให้ถูกเปรียบเทียบยังไง ถ้ามีคนค่อยให้กำลังใจ เราก็ผ่านไปได้ค่ะ ปล.อึดอัดค่ะ แต่ต้องสู้ต่อไป. พี่ได้ดีเมื่อไร จะกลับมาเยาะเย้ยให้หมดทุกคนเลยค่ะ

0
Kviinz 13 มิ.ย. 61 เวลา 14:41 น. 11

พี่เป็นพี่คนโตที่มีน้องเก่งๆกว่าตัวเอง 4 คน ในขณะที่ตัวเองมีความสามารถดาดๆ ค่ะ เรียนกลางๆ ชอบภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ กีฬาไม่ดี กิจกรรมไม่เด่น พูดไม่เก่งอีกต่างหาก พี่เองเคยมีความคิดว่า ทำไมเราแย่จังนะ เหมือนกัน แต่ว่าพี่มาถึงจุดหนึ่งที่บอกตัวเองว่า "เอาน่ะ มนุษย์คนนึงเนี่ย ไม่ต้องทำอะไรได้ดีกว่าใครหรอกเว้ย เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ คือ เป้าหมาย สุขด้วยความดาดๆของเรานี่ล่ะ" พี่จบมัธยมมาด้วยความมึนงงเกรดไม่ดีไม่แย่ เข้าเรียนด้านครุศาสตร์วิศวกรรม ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง (ใครๆก็บอกว่า ที่เข้าเรียนคณะนี้เพราะพลาดวิศวะมาใช่มั้ย แต่ใครสนล่ะ มันคือที่ของเรา ตัวของเราอ่ะ) จบมาด้วยเกรดที่พี่พอใจ 55 แล้วก็จับพลัดจับผลูบรรจุเป็นครูทันที ชีวิตไม่ผาดโผน เรื่อยๆจนน่าเบื่อ จนต้องสร้างความน่าสนใจในชีวิตบ้าง เช่น ฝึกตัดต่อวิดีโอ ไปวิ่ง ฝึกถ่ายรูป ทำมิชชั่นไปเรื่อยๆ


มันไม่สำคัญว่าใครฉลาดกว่าใคร ค้นพบตัวเองว่าต้องการอะไร แล้วยืนยันตัวเองด้วยสิ่งเหล่านั้น

มองข้อดี ข้อด้อยของตัวเอง มองความฝันและสิ่งที่เราอยากทำ อะไรคือที่สุดของชีวิตที่เราอยากทำ

น้องมีภาษาญี่ปุ่นแล้วหนึ่ง ลองมองไปอีกว่า จะเพิ่มอะไรให้ตัวเองอีกดีนะ

เจอแล้ว ก็เรียนรู้มันเพิ่ม ไม่ต้องเป็นเป้าใหญ่ๆ ระดับกู้โลกค่ะ

อาจจะเป็น สุขภาพดีขึ้น ทักษะการสื่อสารดีขึ้น สวยขึ้น บุคลิกดีขึ้น ภาษาที่ 3 ยิ้มสวยๆ ฯลฯ ได้หมดทุกอย่างเลย

การเปรียบเทียบไม่เคยสร้างผลดีสำหรับใคร ความต่างคือเสน่ห์ของมนุษย์

ต่อไปโลกใบนี้อาจจะมีล่ามญี่ปุ่นดีๆ (หรืออะไรก็ตามที่หนูจะเป็น) มีคุณหมอดีๆ จากครอบครัวของหนู มาเป็นทรัพยากรของโลกใบนี้ค่ะ


มีคำพูดของคุณหมอ 2 คนที่พูดถึงการเลี้ยงลูกและคนที่ต้องการพัฒนาตัวเองใน TEDxBangkok พูดไว้ดีมาก ว่าในที่สุดเราอาจไม่ได้เป็นคนดี คนเก่ง คนมีชื่อเสียงอย่างที่พ่อแม่หรือตัวเราหวังไว้ แต่เราก็ยังมีสิทธิในการเป็นคนปกติที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขบนโลกใบนี้ได้ค่ะ


สู้ๆนะคะ


ปล. https://youtu.be/37keVdpWaFg เผื่ออยากดูค่ะ

1
Kviinz 13 มิ.ย. 61 เวลา 14:46 น. 11-1

ขอแอบเพิ่มเติมว่า มีน้องคนที่ 4 เรียนเอกภาษาญี่ปุ่นเหมือนกัน รายงั้นแหยงวิทยาศาสตร์มาก นางเลือกเอกญี่ปุ่นเพราะสนใจตลาดงานล้วนๆ ทั้งที่พี่น้องคนอื่นสายวิทย์หมด ถึงพี่จะหลุดมาครุฯ แต่ก็ครุวิศวะ แต่นางมั่นอกมั่นใจมาก โทรกลับบ้านทีไรพูดภาษาญี่ปุ่นใส่แม่ทุนวันจนโดยส่ายหัวใส่ทุกครั้งค่ะ 55 มั่นใจไว้ ฮึ้บบบ

0
มะงึงอุกๆ 14 มิ.ย. 61 เวลา 10:01 น. 13

เราก็เรียนเอกญี่ปุ่นเหมือนกันค่ะ แต่เราไม่มีโอกาสได้ไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกา พอปีต่อมาน้องเราก็ไม่ได้ไปเหมือนกัน เลยลองพูดภาษาอังกฤษเล่นๆกับมันดู สรุปพูดไม่ได้ทั้งคู่

0
ยิ้มแห้ง 15 มิ.ย. 61 เวลา 17:11 น. 14

นี่ก้เป็นค่ะ5555//ขำแห้ง คือมีน้อง1คน น้องแบบโคตรเก่งละพ่อแม่ก็สนับสนุนน้องเรื่องการเรียนทุกอย่าง เวลามีงานให้ช่วยเรารู้สึกว่าเราทำเยอะกว่า เป็นเพราะน้องจะสอบหมอด้วย เวลาเราทำงานแม่ก็ไม่ค่อยชม แต่พอน้องได้คะแนนดีๆก็ชมเอาๆ เราก็เหนื่อยใจเหมือนกันนะว่าสิ่งที่เราทำมันไปไม่ถึงหัวใจเขาเท่ากับเรื่องเรียนรึเปล่า รู้สึกว่ามันไม่เท่าเทียมกัน เรื่องเรียนเรื่องกิจกรรมเขาก้เก่งกวว่า แต่คือเราก็เป็นคนกลางๆไงมันก็เปรียบเทียบอยู่ในใจล่ะ

แต่เจ้าของกระทู้สู้ๆนะคะ อย่าคิดมาก มันต้องมีสักที่เราทำได้ดีกว่าเขา

0