Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ชื่อมหาลัยมันมีผลต่อการรับเข้าทำงานตอนเรียนจบจริงเหรอ?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
อยากไปเรียนม.แม่ฟ้าหลวง คณะศิลปศาสตร์ เอกอังกฤษ แต่ถูกถามทุกครั้งและหลายครั้งมากว่า ทำไมไม่เรียน ม.ดังๆ ที่กท.ล่ะ บลาๆ มันมีผลต่อการทำงานตอนจบนะ บลาๆ ส่วนตัวที่ไม่อยากไปม.ในกท. เพราะไม่ชอบความวุ่นวาย ไม่ชอบมลพิษ ไม่ชอบกท.เลย ม.แม่ฟ้าหลวงก็ไม่ได้เรียนภาษาเลย เพื่อนๆพี่ๆคิดว่าไงกันบ้างคะ
ปล. กระทู้แรก ทำไม่ค่อยเป็น

แสดงความคิดเห็น

>

13 ความคิดเห็น

จากเคยรับคนเข้าทำงาน 1 พ.ย. 61 เวลา 10:32 น. 1

ยืนยันว่ามีผลครับ ปกติมหาวิทยาลัยTOP3 ในแต่ละสาขามักจะถูกดึงขึ้นไปพิจารณาในลำดับต้นๆครับ


แต่ถ้าเราจบในสาขาที่กำลังเป็นความต้องการของตลาดแรงงาน ยังไงก็มีงานทำครับ


เพราะแต่ละมหาวิทยาลัยTOP3 จะสามารถผลิตนิสิตนักศึกษาในแต่ละสาขาอย่างมากก็เพียงปีละ100กว่าคนเท่านั้น



0
เชนเย 2 พ.ย. 61 เวลา 14:41 น. 3

มีผลกับการสมัครงานตอนจบใหม่ๆ ถ้าจะเป็นลูกจ้างเขานะ แต่ถ้ามีประสบการณ์แล้ว ไม่มีผล


มีผลกับงานที่ต้องอาศัยชื่อเสียง จะจุดติดง่ายกว่า


ต้องดูว่าจะเลือกทำงานแบบไหน


เพื่อนพี่จบสถาปัตย์รุ่นแรกของมอต่างจังหวัดเปิดใหม่เมื่อหลายสิบปีก่อน


เข้ามาหางานทำกรุงเทพ ปัจจุบันมีชื่อเสียงโด่งดังในวงการ ได้จับโปรเจ็คระดับพันล้านละ


เพื่อนอีกหลายคนจบหมอ วิศวะ มอชอ เข้ามาหางานทำกินอยู่อาศัยในกรุงเทพเกือบหมด


ในกรุงเทพมีงานเยอะ ถ้าไม่อยากอยู่กรุงเทพก็ต้องมองงานที่ทำในต่างจังหวัดได้

1
เวียงพิงค์ 18 เม.ย. 66 เวลา 19:13 น. 3-1

เราสนใจคณะสถาปัตย์หลายๆม.ในต่างจังหวัด คุณคห.3 บอกได้มั้ยคะว่าเพื่อนจบจากมหาลัยไหน เรากำลังพยายามหาข้อมูลใช้ตัดสินใจอยู่น่ะค่ะ คณะสถาปัตย์หลายๆม.ไม่ค่อยมีรุ่นพี่มารีวิวเท่าไหร่‍️‍️‍️

0
555555+ 4 พ.ย. 61 เวลา 00:31 น. 4

มีผลตอนจบใหม่ แต่อยู่ที่คณะบางคณะมีผลมากน้อยต่างกัน มันมีผลในหลายๆด้าน มอดังๆส่วนใหญ่จะมีรุ่นพี่ในบริษัทอะเหมือนมีเส้นอ่ะ ถ้าพูดกับตามความจริง ประเทศไทยระบบอุปถัมภ์เยอะ แม้ในบริษัทระดับประเทศหรือระดับโลกในไทยก็ตาม #หลังๆต่อให้มหาลัยดังก็แพ้เด็กเส้นนะเออถ้าเส้นใหญ่อ่ะนะ

0
Helegriel (Anarya) 4 พ.ย. 61 เวลา 05:18 น. 5

ตั้งใจจะทำงานที่ไหนล่ะคะ

ส่วนใหญ่ทุกแห่งรุ่นพี่ก็ชอบเลือกรุ่นน้องตัวเองทั้งนั้น

พูดตามตรง ไม่ใช่เพราะเรื่องเส้นนะ แต่เพราะรู้ไงว่าเรียนมามาตรฐานเหมือนกัน

ตำราทฤษฎีเดียวกัน คุยกันรู้เรื่อง (ยิ่งถ้าสายงานแบบช่าง วิศวะ หมอ นี่ชัดเจนเลยว่า

คนละมหาลัยจะสอนต่างกัน วิธีการทำงานต่างกันมาก)


ไม่ใช่ว่าทำงานกับคนต่างมหาลัยไม่ได้ ทำได้ แต่ต้องปรับตัวนาน ต้องสอนใหม่ทุกอย่าง

ถ้าบริษัทนั้นไม่ได้มีฝ่ายบุคคลดีๆมาสอนงาน เป็นคอร์สเทรนนิ่งไรงี้

แต่ให้รุ่นพี่สอนงานรุ่นน้องเองหมด (ซึ่งเขาไม่ได้เงินตรงนี้) 

เขาก็ขี้เกียจค่ะ เลือกคนที่คุยง่าย หรือเป็นงานแล้วดีกว่า

บางที เขาก็เคยลองรับคนต่างมหาลัย(ที่อันดับต่ำ) แล้วเจอคนที่ทำงานแย่ ฝีมือไม่ดีเท่าคนมหาลัยเขาเอง(ซึ่งเป็นม.ติดท็อป) มาก่อน

ฝ่ายบุคคลเลยแบล็คลิสต์ไว้ว่า ต่อไปไม่รับ


ในส่วนของ เอกอังกฤษเอง (เราจบเอกอังกฤษเหมือนกัน)

น้องลองเปิดเว็บภาควิชาของแต่ละมหาลัยดูสิคะ มันก็หลักสูตรต่างกัน

บางที่มี วิชาอังกฤษเพื่อการโรงแรม ท่องเที่ยว ล่าม นักแปล

บางที่มี วิชาอังกฤษเพื่อเขียนบทละคร เช็กสเปียร์ส วรรณกรรมอาณานิคม

บางที่ไม่มีเลย เป็นรวมหมดภาษาวัฒนธรรม ห้ามเลือกวิชา เป็นต้น

น้องเลือกดูว่าสนใจอยากเรียนวิชาอะไร จะนำความรู้ดังกล่าวไปทำงานที่ไหน

เรื่องนี้สำคัญกว่าแบรนด์มหาลัยเยอะค่ะ ขอให้โชคดีนะคะ

0
HRจ้า 4 พ.ย. 61 เวลา 11:04 น. 6

มีผลมากครับโดยเฉพาะจบจากราชภัฏ แล้วมีผลถึงกับ HR โยนใบสมัครทิ้ง

ธนาคาร สายการบิน ปูน น้ำมัน บางตำแหน่งจะไม่รับที่จบจาก ราชภัฏ เลย

0
Sellbookss 4 พ.ย. 61 เวลา 11:31 น. 7

ตอบความจริงอันโหดร้าย คือ มีผลอย่างมากค่ะ ถ้าไม่ชอบมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ลองดูแถวธรรมศาสตร์ไหมคะ ไม่วุ่นวายค่ะ มีคณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ด้วยค่ะ ตัวแม่จะอยู่ที่นี้เหมือนกับอักษรศาสตร์ จุฬาฯ

0
goy___^0^ 4 พ.ย. 61 เวลา 17:56 น. 8

สำหรับพี่ไม่มีผลค่ะ จบจากมหาวิทยาลัยเปิด งานที่ทำได้เงินเดือนหกหลัก แต่ของพี่เจ้านายเขาเป็นต่างชาติ บริษัทข้ามชาตินั่นเอง ทำงานต่างประเทศ เขาไม่ดูประวัติการศึกษาเลย มีใบจบปริญญาตรีพอ คนสมัคร1500คนเขาจะรับ30คน มีคนพาพ่อแม่ไปด้วย พ่อแม่เขาถามพี่ว่าจบจากไหน พี่เศร้าทีเดียว สำหรับสายงานนี้ ยังมีคนเข้าใจผิดอยู่หรอนี่ อยากจะบอกว่ามันไม่เกี่ยว เพราะถ้าเกี่ยวเพื่อนพี่ที่จบมหาลัยเปิดเหมือนกันคงไม่ได้งานไปแล้ว แต่เขาได้ ที่เจ้านายสนใจคือ ประวัติการทำงานค่ะ เขาถามเป็นภาษาอังกฤษหมด พูดได้ตอบได้ ถึงจะพึ่งจบ แต่เคยทำงานพาร์ทไทม์มา มีเรื่องเล่าให้เขาฟัง อันนี้จะดีมากกกกกพี่แนะนำไม่ว่าน้องจะจบจากที่ไหน ขอให้หางานพาร์ทไทม์ทำจะดีมากๆๆๆ และน้องจะได้เปรียบมาก โดยเฉพาะ สำหรับบริษัทข้ามชาติ พวกนี้เขาจะชอบคนมีประสบการณ์ ดังนั้นงานพาร์ทไทม์ก่อนจบ สำคัญ ถ้าจะให้ดี ทำมันตั้งแต่เริ่มเรียนมหาลัย เลือกสายงานที่ตรงกับที่เราอยากทำก่อนจบ ทำเพื่ออะไร ทำเพื่อเอาไปประกันกับเจ้านายว่าเราทำงานได้ทำงานเป็นค่ะ ถ้ามีที่ให้น้องทำงานตั้งแต่ปี1จะดีที่สุด เงินยังไม่ต้องไปสนมาก ขอให้เราได้จับงานพอ พอจบไปน้องมีประสบการณ์มากมายไปเล่า เจ้านายน้องเขาจะอนุมานได้เลยว่า อินี่ขยัน ทำงานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ไม่มีเจ้านายคนไหน ไม่ชอบคนขยันค่ะ ถ้าน้องสามารถอธิบายหัวใจของงานที่ทำได้อีก นั่นแหละชนะเลิศ พี่ทำมาแล้ว ก็ได้งาน แต่อย่างที่พี่บอก พี่ทำงานบริษัทนอก ซึ่งแนวความคิดของคนต่างประเทศกับคนไทยก็อาจต่างกัน น้องก็ดูว่าตัวเองชอบภาษาไหม ถ้าชอบ เรียนภาษาไว้สถาบันไหนไม่สำคัญ สำคัญที่เคยจับงานมาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ จับงานเยอะ ประสบการณ์เยอะ ถ้าน้องทำได้ ค่าแรงคุ้มมากค่ะ ลงทุนน้อย เรียนบ้านๆ แต่ได้เงินเยอะ

44
Sellbookss 4 พ.ย. 61 เวลา 23:22 น. 8-1

ขออนุญาตเห็นต่างกับคำที่ว่า สายงานนี้ยังมีคนเข้าใจผิดอีกหรอนี่ สำหรับเราแล้วเราไม่ได้เข้าใจผิดค่ะ(เราจบสายภาษา) เพราะว่าคุณบอกเงินเดือน 6 หลัก แต่จะมีคนสักกี่คนจะโชคดีเหมือนคุณที่เจอ HR บริษัทนั้นคะ แค่มีประสบการณ์งานพาร์ทไทม์ ถามพูดตอบเป็นภาษาอังกฤษได้ คือคนเรียนสายภาษาก็ทำได้ทุกคนค่ะ ดังนั้นเรามองว่าสถาบันเป็นสิ่งที่ HR แต่ละบริษัทคัดกรองเด็กจบใหม่และมองเห็นความสำคัญของสถาบันค่ะ

0
goy___^0^ 5 พ.ย. 61 เวลา 03:24 น. 8-2

ไม่ใช่โชคดีค่ะ แต่พอดีมีโค้ชดี ที่แนะนำมากกว่า เขาก็แนะนำแบบนี้แหละค่ะ ให้มั่นใจในความสามารถตัวเอง การศึกษาสำคัญ ชื่อเสียงของสถานที่เรียนไม่สำคัญ ขอให้ที่นั้นๆสามารถให้ความรู้เราได้ ก็เพียงพอ ตัวเราที่สำคัญที่สุด ถ้าขยัน รู้จักที่จะนำความรู้เข้าหัวให้มากที่สุด นั่นคือสิ่งที่นายจ้างต้องการ เขาชอบคนขยัน แต่เราต้องรู้จักอธิบาย ว่าเราเป็นงาน เป็นยังไง รู้จักงานยังไง ภาษีจะดีมาก เราก็เชื่อค่ะ ถึงกล้าเรียนมหาลัยเปิด แล้วก็สำเร็จ ก็อธิบายไป ก็ได้งาน แอบสงสารเพื่อน พ่อแม่รายได้น้อยกู้เรียน ตอนนี้ก็ติดหนี้สิน รายได้ไม่คุ้มกับที่เรียน ซึ่งเราก็เคยพูดกับเพื่อนแล้ว แต่พ่อแม่เขาว่ามา ก็ไม่รู้จะพูดยังไง เพื่อนที่เรียนด้วยกันมาแต่มัธยม เป็นทนายเป็นวิศวะตอนนี้ก็จบมหาวิทยาลัยเปิดกันทั้งนั้น เจ้าสัววิชัยที่ประสบความสำเร็จ เปิดคิงเทาเวอร์ก็จบมหาลัยเปิดค่ะ ขอแค่อย่าดูถูกตัวเอง ยังยืนยันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรู้ในหัว และความสามารถในตัวค่ะ เรียนภาษา เอาจริงๆหัวหน้าถ้าหาได้ชาวต่างชาติจะดีมากเพราะรายได้ดี ส่วนสถาบันเขาต่างชาติ ไปสมัครนี่ไม่สนเลยค่ะ เพราะเขาไม่ได้รู้กับเราว่าที่ไหนดีไม่ดี เขาไม่ใช่คนไทย ประสบการณ์อย่างเดียว พาสไทม์ในสายงานที่เรียนทำไปเถอะค่ะ มีเรื่องไปเมาท์เขาชอบเลย คุ้มกว่าจบที่ดีๆ รับรอง

0
Sellbookss 7 พ.ย. 61 เวลา 02:50 น. 8-3

คือคุณจะบอกว่าการไปทำงานกับหัวหน้าชาวต่างชาติ ไม่มองสถาบันถูกไหมคะ? แต่คนไทยก็ยังมองสถาบันอยู่ดีค่ะคุณ คนเราถ้าเราเลือกได้ก็คงอยากจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดนั้นคือทำงานกับชาวต่างชาติค่ะ แล้วถ้าเลือกไม่ได้ละคะ? โอกาสมันไม่ได้มีกับทุกคนค่ะ คนจบเอกอังกฤษก็เยอะนะคะเก่งอย่างเดียวไม่พอค่ะมันต้องมีโชคด้วย อีกทั้งถ้าบอกว่าชื่อเสียงมหาวิทยาลัยก็เหมือนกันแล้วเด็กม.6 จะแข่งกันสอบเข้ามหาวิทยาลัยดังๆ ทำไมอะคะ มีการจัดอันดับเพื่ออะไรอะคะ อันนี้ไม่ได้มาเถียงอะไรนะคะ แค่เรารู้สึกบางอย่างที่คุณพิมพ์มามันค่อนข้างโลกสวยไปค่ะ กลัวคนอื่นที่เข้ามาอ่านเขาจะเข้าใจผิดกัน

0
goy___^0^ 7 พ.ย. 61 เวลา 15:12 น. 8-4

ถ้าโลกไม่สวยเราจะเครียดค่ะ และจะไม่มีความสุขในชีวิต ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าสงสารน้องๆมาก สถาบันที่ไม่ใช่ชาวต่างชาติ ไม่ดูสถาบันก็มีเยอะค่ะ แต่ที่แนะนำชาวต่างชาติเนี่ย เพราะเงินดี เราสามารตั้งตัวได้ไว เพื่อนเราเองที่จบบ้านๆได้งานทำเลย เจ้านายคนไทย แต่เธอประสบการณ์เยอะมาก นี่อายุมากแล้วและเจอคนมาเยอะ จริงๆโค้ชที่ว่าก็คือ Humen resources ของบริษัทธิ์ระดับโลกบริษัทธิ์หนึ่งถึงได้กล้าเชื่อเขาไม่สนมหาลัย คำถามที่เด็กจบใหม่เจอคือ มีประสบการณ์อะไรบ้าง นี่คือวันที่ไปสมัครงานค่ะ คนที่จบมาจากม.ดัง ไม่ขอบอกชื่อแล้วกัน มาบ่นให้ฟังหลังตกสัมภาษณ์ เธอว่า เพิ่งจบแล้วจะมีประสบการณ์ได้ยังไง แต่พี่มีเพราะฟังโค้ช ก็ผ่าน อีกอย่างโค้ชบอกว่าเด็กหลายคนไม่เข้าใจ หลายคนที่จบจากมหาลัยไม่มีชื่อก็หงอเข้าไป ซึ่งบุคลิคนี้ ทำให้ดูเหมือนเป็นคนไม่มีความสามารถ แล้วประสบการณ์ก็ไม่มีอีก มันก็เลยทำให้ตก แล้วเด็กก็ไปคิดว่าเพราะมหาลัย ซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวกับมหาลัยเลย เกี่ยวกับการแสดงออกของตัวเอง ที่ไม่มั่นใจต่างหาก ถึงได้บอกให้น้องๆ มั่นใจในตัวเอง และเรียนรู้ที่จะรู้จักงานที่ตัวเองทำให้มากที่สุด เมื่อเรารู้จักงานและมั่นใจในตัวเอง ตรงนี้จะทำให้เรามีบุคลิคที่น่าเชื่อถือ ดูสามารถพึ่งได้ และนี่คือที่นายจ้างต้องการ ตอนถามโค้ช โค้ชบอกมาว่า ถ้าบริษัทธิ์รับคนที่มหาลัย เขามองCV เราก็จบแล้วสิ จะมีช่วงสัมภาษณ์ไปทำไม ดังนั้นถึงพยายามบอกให้ค่ะ นี่ก็ไม่ได้จะมาวิวาทอะไรเหมือนกัน แต่เห็นน้องหลายคน ต้องทำลายความสุขของตัวเอง เพื่ออะไรที่ไม่ใช่ น้องสามารถเลือกที่เรียนที่ตัวเองมีความสุขได้ โดยที่น้องยังสามารถหางานที่ดีได้ โลกพี่ไม่ได้สวยค่ะ เพียงแต่น้องยังไม่เข้าใจโลกของการทำงานดีเพียงพอ กระทู้นี้ เข้าFacebook ถ้าไปอ่านจะเห็นว่าส่วนใหญ่จะบอกที่ประสบการณ์ คนที่เล่นFacebook ส่วนใหญ่ทำงานกันแล้ว เหมือนพี่ นั่นแหละค่ะโลกของผู้ใหญ่ที่ทำงานแล้วเราจะรู้กันดี ที่น้องบอกงั้นเด็กจะแข่งกันเข้ามหาลัยดีไปทำไม มีสายงานส่วนหนึ่ง ที่ไม่ใช่สายภาษา ที่เขาต้องการมหาวิทยาลัยในการรับรอง แต่ไม่ใช่สายภาษาแน่นอน เพราะสายภาษา สามารถศึกษาได้ทุกที่ ภาษาคือสายที่ถ้าตั้งใจอ่าน ไม่จบมหาลัยก็พูดได้ น้องข้างบนน้องที่บอกสายการบินเอาที่จบจากที่ดีแน่นอน บอกก็ได้ พี่มาจากสายการบินค่ะ เพื่อนพี่ที่ติดไปหลายคนก็จบเปิด สายภาษางานก็เกี่ยวกับมนุษย์ การใช้ไหวพริบ และการสื่อสาร ซึ่งถึงไม่ใช่มหาลัยดีๆก็ให้น้องได้ ขอแค่ให้ตั้งใจเอาความรู้เข้าหัว พาสไทม์ในสายงาน จะทำให้เราได้ติดต่อกับคน ทำให้เราได้พัฒนาการติดต่อสื่อสาร ซึ่งเวลาสัมภาษณ์จะโดนถามคำถามในแนวนี้ ถ้าเราตอบได้ ได้งาน ถึงได้บอกให้หาหัวใจของงานให้ได้ แค่นี้น้องชนะเลิศค่ะ ข้อดีของการแย่งกันสอบเข้ามหาลัยดีๆสำหรับสายภาษาคือ ทำให้น้องมีสมองโตขึ้น และสามารถเพิ่มความมั่นใจในตัวเองได้ ทำให้ดูน่าเชื่อถือแต่คนที่ไม่ได้จบจากที่ดี ก็สามารถมีความมั่นใจได้ แค่อย่าดูถูกตัวเอง ถึงบอกว่า อย่าดูถูกตัวเอง การได้งานในสายนี้ ไม่เกี่ยวกับมหาลัย อยู่ที่การเข้าใจงานของตัวน้องเอง อย่างถ้าเป็นเซลล์แผนกลูกค้าต่างชาติ อะไรที่สำคัญ ภาษาและ การโน้มน้าว คำถามที่อาจเจอคือ คุณเคยโน้มน้าวลูกค้าคุณให้เชื่อถือคุณไหม? น้องที่จบใหม่ ก็จะตะลึง เพราะเพื่อนพี่ที่จบม.ดัง แต่ไม่เคยทำพาร์ทไทม์ตะลึงมาแล้ว แต่ถ้าน้องทำงานพาร์ทไทม์ก่อนจบมาสี่ปี น้องต้องตอบได้ น้องต้องได้โน้มน้าวลูกค้ามาสักคนสองคนแหละ ในตลอดสี่ปีนี้ แล้วโอกาสได้งานก็จะสูงกว่าคนตอบไม่ได้แล้ว ถึงบอกค่ะ ประสบการณ์ ชนะเลิศ ถ้าใครรู้สึก ตัวเองออกมาไม่ได้ ให้ทำบุญเยอะๆค่ะ และแผ่เมตตาด้วย(อันนี้สำคัญมาก) เพราะถ้าเราต้องลำบากทั้งๆที่ไม่จำเป็น แสดงว่าเราทำให้คนอื่นลำบากมาเยอะ มันเป็นกรรม เราก็ควรจะขอโทษและคืนเขาไปด้วยการทำดี แล้วเดี๋ยวเราก็จะค้นพบทางที่ทำให้เราไม่ต้องลำบากหรือปวดหัวมากนักเอง

0
Sellbookss 7 พ.ย. 61 เวลา 21:17 น. 8-5

คือไม่ได้อยากจะอะไรเลยนะคะ แต่เท่าที่อ่านมาคุณโลกสวยเกินไปค่ะ โลกเรามีทั้งแง่ดีกับแง่ลบ ถ้ามองแต่แง่ดีเวลาเจอแง่ลบแล้วจะรับไม่ได้ขั้นร้ายแรงถึงขั้นฆ่าตัวตายเลยนะคะ จากข่าวก็มีมาแล้วค่ะ ฉะนั้นมองทั้งแง่ดีและแง่ลบดีกว่าค่ะคุณ อีกทั้งดิฉันทำงานเป็นนักแปลอิสระค่ะ บรรดาเพื่อนพ้องของดิฉันก็เขียนหนังสือกันเยอะมากส่วนใหญ่ก็จะมีมหาวิทยาลัยแนวหน้าทั้งนั้นเลยค่ะ แต่ก็มีมหาวิทยาลัยเปิดบ้าง กรณีทำงานสายการบินเขาไม่ได้มองสถาบันค่ะ แถมจบคณะอะไรก็ยังได้เลยค่ะ เขามองคะแนนโทอิค, บุคลิกภาพ,ความคิดความอ่านการแก้ปัญหาของแต่ละคนค่ะ ดิฉันก็มีเพื่อนที่จบมหาลัยเปิดเช่นคุณเหมือนกัน ก็ตกงานเยอะค่ะ ทำพาร์ทไทม์มาตั้งแต่ปี 1 เหมือนกัน แต่อยากจะบอกน้องๆ ม.6 ไว้ว่าถ้าเรามีโอกาสที่ได้เข้ามหาวิทยาลัยดัง จงเข้าไปเถอะค่ะ มันเหมือนเพิ่มโอกาสให้แก่ตัวเองให้ประสบความสำเร็จมากขึ้น เจอสังคมที่ดีช่วยกันเรียนมันสำคัญนะคะและสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่าแน่นอนค่ะ

0
Sellbookss 7 พ.ย. 61 เวลา 21:27 น. 8-6

ที่ดิฉันกล้าพูดว่าสังคมและสิ่งแวดล้อมมีผลต่อการเรียนมันเป็นเรื่องจริงค่ะ ดิฉันซิ่วมา 1 ปี จากคณะมนุษยศาสตร์ ต่างจังหวัดแห่งหนึ่งที่คนไม่ค่อยมองกันค่ะ ปีต่อมาสอบได้อักษรฯ ดิฉันมองถึงความแตกต่าง อาจารย์เข้มกว่ามาก เนื้อหาเรียนลึกกว่ามากและการตัดเกรดโหดกว่ามากค่ะเพื่อนเป็นตัวแม่ทั้งนั้น จบไปก็ทำงานสถานฑูตกันเยอะนะคะ นี้แหละค่ะความแตกต่างของสถาบันที่มีชื่อเสียงกับไม่ค่อยมีชื่อเสียง เรียนภาษาไม่ได้เรียนแค่พูดฟังอ่านเขียนได้นะคะ เราต้องเรียนถึงรากวัฒนธรรมของแต่ละภาษาด้วย วิเคราะห์วรรณกรรมรวมถึงนำมาปรับใช้ชีวิตประจำวันได้ด้วย ถ้าอยากเรียนแค่ฟังพูดอ่านเขียนได้ไม่ต้องเรียนคณะภาษาก็ได้ค่ะ อย่าเรียนเอกภาษาอังกฤษเลยค่ะ อาจจะลึกไปด้วยซำ้ เรียนตามติวเตอร์, สถาบันภาษาข้างนอกก็ได้ เหมือนกันค่ะ คณะอักษรฯ ไม่ได้เป็นโรงเรียนสอนภาษาอย่างที่คุณเข้าใจอย่างเดียวนะคะ มันเรียนความเป็นมนุษย์เพื่อพื้นฐานอื่นๆในด้านการทำงานค่ะ ภาษามันเหมือนใบเบิกทางให้เราค่ะ อีกทั้งสังคมไทยคุณต้องยอมรับนะคะ ระบบคอนเนคชันมันยังมีอยู่และแรงด้วยค่ะ แต่คุณคงไม่ได้เจอ เพราะทำงานสายการบินต่างชาติค่ะ

0
Sellbookss 7 พ.ย. 61 เวลา 21:49 น. 8-7

เหมือนคุณจะพยายามหางานที่เกี่ยวกับต่างชาติตลอดเลยนะคะ แต่คุณต้องดูโลกความเป็นจริงด้วยนะคะ คนจบเอกภาษาอังกฤษทุกคนไม่ได้จำเป็นต้องทำงานกับบริษัทชาวต่างชาติค่ะ บริษัทไทยก็มีค่ะคุณ โลกนี้ไม่ได้มีแค่ชาวต่างชาติค่ะ อีกทั้งถ้าน้องๆ อยากอยู่เอกภาษาอังกฤษ เลือกวิชาโทภาษาที่สามเลยค่ะ เช่น จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส รัสเซีย เยอรมัน ตามความชอบเลยค่ะ เพราะตอนนี้ภาษาอังกฤษก็มีคนเรียนเยอะแล้ว เพิ่มโอกาสให้แก่ตัวเองมากขึ้นโดยเรียนภาษาที่สามได้ค่ะ **ประสบการณ์สำคัญถูกค่ะ แต่ถ้าประสบการณ์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษามันก็ไม่มีประโยชน์อะไรนะคะ เช่น อยากเป็นล่าม แต่ไปทำงานพาร์ทไทม์เป็น cleaner ก็แทบไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยค่ะ มันเหมือนทำงานไม่ตรงสายค่ะ เชื่อว่า HR ก็คงไม่พิจารณาประสบการณ์อันนี้ค่ะ** สงสัยอะไรทักมาถามได้เลยนะคะ ยินดีตอบค่ะ

0
goy___^0^ 8 พ.ย. 61 เวลา 14:03 น. 8-8

“แล้วไม่ได้อ่าน” เลยหรอคะ หรือน้อง ถ้าอ่านก็แสดงว่า น้อง. “มีปัญหาทางด้านการจับใจความ” แล้วหละค่ะ จากที่ผ่านมา ไปอ่านทวนดูใหม่ดีๆนะคะ พี่* **ย้ำเสมอว่า งานพาสไทม์ที่ตรงกับสายงาน ทำไปเถอะ **ย้ำเยอะมาก แล้วมาพูดให้ได้อะไรว่าถ้าทำไม่ตรงกับสายงานมีประโยชน์อะไร ++ก็บอกไปแล้วแนะนำไปแล้วว่าที่ตรงกับสายงาน น้องพูดเหมือนจับผิดคนอื่นตลอด ซึ่งตรงที่จับผิด มันก็กลายเป็นว่าเป็นสิ่งที่เขาแนะนำไปแล้ว พอน้องไม่เข้าใจ มันก็คือน้องจับใจความไม่ได้ ส่วนที่แนะนำให้ทำงานกับต่างชาติคือ ก็บอกไปตรงๆแล้วว่า มันได้เงินดีตั้งตัวง่าย บอกไปแล้วด้วยว่า เพื่อนที่จบม.ไม่ดังบริษัทรับ เพราะประสบการณ์มาก ก็ตรงซะขนาดนี้แล้ว หรือต้องแปลไทยให้เป็นไทยอีก? ดูจากคำตอบน้องที่มันวนไปวนมา ถามคำถามที่เขาตอบไปแล้ว เหมือนไม่ได้อ่าน ก็ดูแล้วว่าอีโก้แรง แถมยังจับใจความไม่เป็นอีกด้วย ไม่รู้ว่าใครปลูกฝังความคิดตรงนี้ให้ มันเกิดขึ้นกับตัวเด็ก มันก็แล้วไป แต่ถ้ามันเกิดขึ้นกับพ่อแม่ นี่คือหายนะสำหรับชีวิตคนๆหนึ่ง เพื่อนพี่ถูกพ่อแม่บังคับให้เรียนม.มีชื่อ มันร้องให้บ่นทุกข์ใจตลอด ที่พ่อแม่บังคับก็เพราะเชื่อแบบนี้ นั่นเท่ากับ คำนี้ทำให้หลายคนตกสู่ห้วงทุกข์ ถ้าแย่มากคือถ้าเขาทนไม่ได้ทุกข์มากฆ่าตัวตายอย่างที่เป็นข่าว แล้วก็คือน้องคือฆาตกร เพราะเราส่งทางเลือกเดียวให้เขาให้เขาเลือกทางที่เป็นทุกข์ ถ้าความจริงมันจริงว่าสถาบันมีส่วนทำให้นายเลือกเข้าทำงานจริง น้องก็อาจไม่ใช่ฆาตกร แต่ความจริงมันอยู่ที่ว่า พี่และเพื่อนในองค์กรหลายคน ไม่ได้มาจากม.ชื่อดัง สมัครงานแล้วได้งาน ยังนั่งหัวโด่กันอยู่ได้ นั่นก็คือ คำพูดนั้นไม่จริง เมื่อมีทางให้เลือก แต่เราผลักให้เขาไปทางที่เขาไม่ชอบ ทำให้เขาทุกข์ นั่นก็คือเราฆ่าเขาทางอ้อมโดยที่ไม่รู้ตัว พี่ก็ไม่มีอะไรจะพูดกับน้องเพราะความคิดของน้องไม่รอบด้าน และมีแต่จะปฏิเสธความจริง น้องไม่เข้าใจคนอื่น มีคนบอกทางให้คนอื่นเขาไม่ทุกข์ น้องก็ยังพยายามจะผลักเขาลงห้วงทุกข์ ตอนแรกไม่คิดอะไรกับน้อง แต่พอเห็นเม้นสุดท้ายนี้ ที่น้องยกเอาคำพูดที่พี่อธิบายไปแล้วมาเป็นประเด็น มันทำให้รู้สึกไม่ดีกับน้องมาก น้องมีส่วนทำให้เพื่อนพี่นั่งร้องให้ เพราะความคิดแบบน้องมันได้ไปเข้าหัวพ่อแม่เพื่อนพี่ แล้วเพื่อนก็ต้องมานั่งร้องให้เดินในทางที่ต้องทุกข์ ทั้งๆที่ทางอื่นมีให้เดิน แต่มันต้องเดินไปในทางนี้ เพราะคำพูดแบบนี้ผลักมันลงไป ถ้าพี่ยังไม่ทำงานและเจอคนมาเยอะ จะไม่มานั่งเถียงเพราะไม่รู้ความจริง แต่พอรู้ความจริงแล้ว เราก็นั่งอยู่ตรงนี้อยู่ดีกินดี รวมถึงเพื่อนร่วมงานอีกมากมายที่จบม.ไม่ดังก็นั่งหัวโด่มีงานดีๆทำกระจายกันอยู่หลายประเทศ ทั่วประเทศ จะให้นั่งเฉยไม่พูดก็คงไม่ได้ ถึงน้องที่พูดกันอยู่ ตอนนี้พี่รู้แล้วว่าน้องเป็นคนยังไง พี่ไม่ชอบคนที่ผลักคนอื่นลงห้วงทุกข์ ทั้งๆที่มีทางให้เดินก็ยังทำเป็นไม่เห็น น้องเหมือนพ่อแม่เพื่อนพี่ที่ทำให้เพื่อนพี่ต้องร้องให้จนแทบจะร้องไปตามมัน มันแย่มาก พี่ก็ไม่มีอะไรอยากจะคุยด้วยอีก


แต่ถึงน้องที่อยากเดินแบบสบาย หัวใจของงาน นั้นสำคัญ จับมันให้ได้ แต่มันไม่ได้จับกันได้ง่ายๆ ทั้งนี้ก็ต้องคิดมากๆ พาสไทม์ในสายงานตลอดสี่ปี อย่างที่ย้ำไปแล้วต้นๆ ขอให้ทำ ยังไงคนเราก็ต้องเรียนรู้งาน น้องเรียนรู้ระหว่างที่เรียนแล้วไปตอบคำถาม น้องมีประสบการณ์ ได้ทำงานเลย แต่ถ้าไม่ทำ สมัครงานแล้วตอบคำถามไม่ได้เพราะไม่มีประสบการณ์ น้องมีโอกาสถูกคนมีประสบการณ์ชิงงานตัดหน้าสูง ถ้าได้งาน ไม่มีประสบการณ์ก็อาจจะถูกกดเงินเดือน


พี่เป็นใคร พี่คืออดีตสมาชิกเด็กดีคนหนึ่ง กระทู้นี้ไปเด้งใน facebookพี่ เห็นน้องมีปัญหา หาทางเดินที่เข้ากับตัวเองไม่ได้ พี่คิดถึงเพื่อนที่เคยถูกบังคับให้เรียนในที่ที่ไม่ชอบร้องให้จนตัวโยน พี่เข้าใจ ดังนั้นถึงมาบอกวิธีและทางเดินที่พี่ รวมถึงคนในสังคมทั่วไปเดินมาแล้ว แต่ทั้งนี้ ทั้งหมด มันก็ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวของน้อง ว่าน้องสามารถทำสิ่งที่พี่พูดไปได้รึเปล่า การหาหัวใจของงาน พูดเหมือนง่าย แต่จริงๆยากพอๆกับการสอบเข้าหรืออาจจะยากกว่า เพราะการสอบเข้า น้องจะใช้IQ ในการจดจำเพื่อไปตอบคำถาม แต่การทำงานใช้ความรู้IQไม่พอ ต้องเน้นEQ คือการรับมือกับมนุษย์ หรือก็คือลูกค้าที่หวังความเพอร์เฟคจากบริการ หรือไม่ก็เพื่อนร่วมงานเจ้านาย ก็ขอให้เตรียมตัวกันให้ดี ใครสตาร์ทก่อนได้เปรียบ อย่าปล่อยให้อะไรมาขีดขอบให้เรา ทางเดินบนโลก ไม่ได้มีทางเดียว อย่าทุกข์ อย่าหมดหวัง หรือถ้าใครค้นพบว่ามันมีทางเดียว งั้นสวดมนต์ ทำบุญเยอะๆ แล้วแผ่เมตตา บุญกรรมมีจริง อยู่อย่างไม่เบียดเบียน อย่ากดดันคนที่อยู่รอบข้าง อย่าทำให้ใครต้องเป็นทุกข์ แล้วน้องจะเจอทางที่ดี


ถึงที่บอกให้มีอะไรถามได้ พี่คงจะไม่ถาม เพราะโค้ชพี่ก็เป็นแผนกจัดสรรบุคลากรในองค์กรระดับโลก พี่มีงานดีทำแล้วจากการแนะนำนี้ของเขา น้องก็คือคนที่ยังไม่ได้ประสบความสำเร็จ หรือไม่มีไหวพริบมากพอ


ดูได้จากที่น้องพูด ถ้าไม่ตรงสายงานเขาไม่พิจารณา

ผิดมหันต์ ถ้าน้องจะสมัครทำสายล่าม แล้วพาสไทม์น้องเป็นเซลล์ขายของ น้องสามารถบอกว่าน้องเคยรับลูกค้าต่างชาติ และลูกค้าสั่งของพูดเร็วมากตามไม่ทัน น้องเลยแกเปัญหาโดยการ บลาๆ ทำงานมาสี่ปี คงน่าจะแก้กันได้ ถ้าการแก้ปัญหาที่เกิดจากปัญหาการฟังที่จับใจความคนพูดไม่ทัน ที่อาจเกิดจากการเป็นล่ามได้

ได้รับการแก้อย่างถูกต้อง ผู้รับงานน้องจะรู้เลยว่าถ้าน้องเกิดแปลไม่ทันขึ้นมาตอนทำงานเป็นล่าม น้องสามารถจัดการปัญหานี้ได้ดีแค่ไหน ถ้าจัดการได้ดี นั่นคือมีแนวโน้มสูงที่เวลาทำงานสทนล่ามแล้วแปลไม่ทัน จะไม่เกิดปัญหาแย่ๆขึ้นและทำให้เจ้านายเสื่อมเสีย แต่คนที่จะตอบคำถามนี้ได้มีแต่คนที่รู้หัวใจของงานแล้วเท่านั้น ดังนั้นถึงให้ทำงาน และที่ย้ำข้างต้นว่าให้เป็นในสายงานเพราะ คงไม่มีหลายคนที่จะตอบคำถามพลิกแพลงแบบนี้ได้ถ้าไม่มีคนมีประสบการณ์ชี้แนะอยู่ข้างๆ


น้องดูสิ สิ่งที่น้องคิด ผิดจากความจริงลิบไปเลย น้องได้แต่เดาความคิดของแผนกจัดสรรบุคลากร แต่พี่มีแผนกจัดสรรบุคลากรอยู่ข้างๆ เขาบอกพี่อย่างที่พี่บอกน้องคนอื่นไปข้างบน แล้วพี่จะไปถามน้องอีกทำไม อีกอย่าง น้องน่ากลัวมากคือพยายามผลักคนอื่นไปในทางที่เขาเป็นทุกข์ พยายามทำให้เขาคิดเหมือนน้อง แทนที่จะยอมรับความจริงที่มันก็เห็นอยู่ตรงหน้า ไม่ต่างอะไรจากพ่อแม่เพื่อนพี่ที่ทำเพื่อนพี่ร้องให้เลย พี่คงไม่ได้มีกรรมหนักขนาดที่จะได้มีโอกาสไปถามอะไรน้องหรอก

0
goy___^0^ 8 พ.ย. 61 เวลา 15:01 น. 8-9

แล้วสิ่งที่ว่ามา เรียนรู้ด้วยตัวเองไม่ได้หรอคะ? คิดว่าทำงานกับสายการบินแล้วจะไม่ต้องรู้วัฒนธรรมหรอคะ? ผิดอีกแล้ว ทำอยู่และรู้กระทั่งทำไมคนจีนถึงต้องพูดเสียงดัง รู้ว่าทำไมมุสลิมถึงไม่ให้ใช้มือซ้าย ทำไมชาวยุโรปไม่ชอบให้เล่นโทรศัพท์ระหว่างกินข้าว ทำไมคนญี่ปุ่นถึงชอบพูดเสียงดังกับลูกน้องในที่ทำงาน ความรู้มันหาข้างนอกได้เสมอ ทั้งนี้ ก็อย่างที่บอก ความขยันและรู้หัวใจของงาน จะทำให้เรารู้ ในสิ่งที่ควรรู้ มันเป็นมากกว่าสถาบัน น้องที่มาถามเนี่ย เขาก็ไม่อยากอยู่ในที่ที่ไม่อยากอยู่ พี่ก็มาบอกอีกทางที่เขาสามารถอยู่ได้และเป็นได้โดยไม่ทุกข์ น้องก็ยังจะผลักเขาลงไปอยู่นั่น โดยให้เหตุผลว่า ตัวเองซิ่วมาแล้วเปลี่ยรสถาบัน สถาบันเคี่ยวมากเลยเก่ง น้องบอกว่าสถาบันเคี่ยวทำให้ตัวเองดี มันก็เป็นที่ไหวพริบน้อง มี่น้องไม่สามารถพลิกแพลง ไม่สามารถหาหัวใจงานด้วยไหวพริบของตัวเองได้ ก็เลยเดินทางนั้น แต่ทางอื่นมันมีและมันฝึกได้โดยการทำงานและรู้หัวใจของงาน นี่คือสิ่งที่ย้ำมาตลอด ทางอื่นแสวงหาความรู้ โดยที่ตัวเองมีความสุขได้มีอยู่เยอะไปหมด น้องเดินทางของน้องได้เป็นทางตรง ก็อย่าคิดว่ามันไม่มีทางอื่นให้เดินนอกจากทางของน้อง ที่มาบอกนี่ก็เพื่อบอกทางให้แก่น้องทั้งหลายไม่ให้ต้องร้องให้เพราะถูกกดดันแบบนั้นอีก แล้วน้องที่ถามเนี่ย เขาถามถึง **ชื่อสถาบัน** ชื่อสถาบันค่ะ ว่ามีผลต่อการคัดเลือดงานไหม ชื่อเสียง น่ะค่ะ เพราะเขากลัวว่าถึงจบจากที่ที่ไม่ดี แต่มีความสามารถแล้วจะแพ้ ก็บอกให้น้องว่าบอกว่าไม่มีผล ไม่มีก็เพราะเขาเน้นประสบการณ์และความสามารถก็อย่างที่แนะนำไปข้างต้น ผลักคนลงไปในที่ที่เขาทุกข์ เพราะตัวเองไม่มีไหวพริบในการหาความรู้ด้วยตัวเองนี่มันไม่ดีเลยนะคะ ถ้าคนคนนึงไม่ชอบอยู่ที่นึงเพราะมันอึดอัด คนคนนึงอยู่ในที่ที่ไม่อึดอัดโดยที่ยังหาความรู้ด้วยตัวเองมาพัฒนาตัวเองได้มันดีกว่า อย่าคิดถึงแต่ตัวเอง ที่ไปที่ไหนก็ได้ขอให้ได้งานดี แต่บางคนเขาไม่อยากไป แต่ก็อยากได้งานดี มันก็มีวิธี ก็อย่างที่บอกไปข้างต้นค่ะ อย่ายอมแพ้ จับงานทำงานให้มาก แล้วจะเข้าใจเอง สนามงาน ไม่แตกต่างอะไรกับมหาวิทยาลัยเลย ขอใหเเอาใจใส่กับงานที่ทำ รู้หัวใจของงาน แค่นั้นเพียงพอ

0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 15:52 น. 8-10

ไม่ได้โน้มน้าวให้คนอื่นคิดเหมือนดิฉันนะคะ แต่ความจริงคือ ต้องมองหลายๆ ด้านค่ะ ถ้ามองแค่ด้านบวกอย่างเดียว แล้วเวลาเจอด้านลบก็รับไม่ได้สิคะ เครียดขึ้นมา เกิดความคิดอยากฆ่าตัวตาย ก็มีข่าวออกมาแล้วค่ะคุณ แต่คุณมองตึ้นเขินเกินไป ที่ดิฉันรู้เพราะเคยผ่านมาหมดแล้วค่ะ เพราะความคิดคุณมันผิดมหันต์เลยค่ะ เดียวจะมันเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต ถ้าคุณไม่เปิดรับการแสดงความคิดเห็นคนอื่น คุณก็ข้ามไปก็ได้นะคะ เพราะดิฉันก็ยังยืนยันเหมือนเดิมค่ะ “สถาบันที่มีชื่อเสียงมีผลต่อการทำงานและด้านภาษาก็ยังมีค่ะ”

0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 15:58 น. 8-11

คุณทำงานสายการบินต่างชาติ จริงหรือคะ เงินเดือน 6 หลัก ไม่ทราบว่าทำงานตำแหน่งอะไรคะ Cabin crew หรอคะ ถ้า Cabin crew รบกวนบอกสายการบินด้วยค่ะ เงินเดือน 6 หลักไม่น่าจะถึงอะคะ อย่างสายการบินแถบตะวันออกกลางมากสุดก็ 80K-90K ค่ะ อย่าหลอกตัวเองค่ะ อยู่กับโลกความเป็นจริงดีกว่านะคะคุณ

0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 16:01 น. 8-12

และขอติอะไรหน่อยนะคะ คนที่จบม.รัฐ แนวหน้าตกงานด้านภาษานี้ เพื่อนของคุณเลือกงานหรือเปล่าคะ เพราะเพื่อนดิฉันมีงานทำครบทุกคนค่ะ มั่นใจค่ะว่าคนจบม.รัฐ แนวหน้าไม่ตกงานแน่นอนถ้าไม่เลือกงาน แต่ถ้าเลือกงานอันนี้ก็คิดเองนะคะ

0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 16:08 น. 8-13

ขอบอกจุดประสงค์ก่อนเลยนะคะ คือ ชื่อเสียงของสถาบันมันมีผลต่อการทำงานในอนาคตมากค่ะทุกด้านเลย ทางบริษัทเขาต้องอยากได้คนจบม.ดังๆ ค่ะ ก็เห็นในกระทู้ pantip ก็เคยมีกรณีมาแล้ว ถ้าลืมก็ลองไปค้นหาใน google นะคะ สรุปเลยละกันค่ะชื่อเสียงมีผลต่อการทำงาน มันทำให้เราได้งานมาง่ายมากขึ้นค่ะ

0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 16:11 น. 8-14

การให้กำลังใจ แต่คุณต้องดู จขกท ด้วยนะคะ เขามีทางเลือกที่ดีกว่า คุณก็ต้องแนะนำให้เขาไปทางเลือกที่ดีกว่าสิค่ะ เป็นการช่วยเหลือเด็กด้วยความจริงใจค่ะ ไม่ใช่แนะนำให้ทำใจ อยู่กับตัวเองไปหาประสบการณ์ แต่พ่อแม่เขาอยากให้ไปสถาบันที่มีชื่อเสียงมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วค่ะ พ่อแม่ของ จขกท คิดถูกแล้วค่ะ //ส่วนคำพูดของคุณเหมือนคนไม่เคยเรียนด้านมนุษยศาสตร์มาก่อนเลยค่ะ เรียนวิเคราะห์วรรณกรรมมาหรือเปล่าคะเนี่ย ทำไมวิเคราะห์แค่ด้านเดียว จริงๆ คนเรียนคณะนี้ควรมองหลายๆ ด้านนะคะ ขนาดเหรียญยังมีสองด้านเลยคะคุณก็เหมือนกับชีวิตเรามันมีหลายด้านค่ะ

0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 16:50 น. 8-15

เราไม่ได้ตอบประเด็นของคุณทุกประเด็นนะคะ ขออภัยค่ะพอดีมันยาวเกินไป เห็นพิมพ์ผิดด้วยเสียอารมณ์อ่านค่ะ อ่านได้นิดๆ ละก็พอ เราก็วิเคราะห์ได้แล้วว่าคุณมีความเห็นต่างกับดิฉันและคนอื่นๆ หลายคนในกระทู้นี้ ก็อยากจะให้คนที่มาอ่านได้มองและวิเคราะห์ค่ะ แต่ก็น่าจะมองได้ง่ายแล้วค่ะ เพราะการวิเคราะห์ของคุณมันมองได้แค่ด้านเดียวนั้นคือด้านบวก แต่ไม่ยอมมองด้านลบ เป็นสิ่งที่นักภาษาศาสตร์ยอมรับไม่ได้อย่างแรงค่ะคุณน้อง

0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 16:57 น. 8-16

การเห็นต่างมันไม่ใช่เรื่องแปลกค่ะ แต่การไม่ยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น อันนั้นคือแปลกค่ะ ดิฉันเคารพความคิดเห็นของคุณนะคะ แค่อยากให้อยู่ในความเป็นจริงดีกว่าค่ะ เพราะ case study ที่คุณยกมา ทุกคนไม่ได้ทำได้ขนาดนั้นหรอกค่ะ ที่สามารถทำพาร์ทไทม์ได้ทุกงานที่เกี่ยวข้องกับภาษา มันเป็นไปไม่ได้ในตลอด 4 ปีที่เรียน อาจจะโชคดีถึงได้งานที่ใช้ภาษาค่ะ

0
goy___^0^ 8 พ.ย. 61 เวลา 17:21 น. 8-17

แล้วเรื่องอะไรที่น้องจะไปดูถูกความสามารถของน้องคนอื่นเขาหละคะ ? น้องหาความรู้รอบตัวด้วยตัวเองไม่ได้ คนอื่นเขาจะหาไม่ได้เหมือนน้องหรอคะ ?อย่างพี่ ก็ยังหาได้ เพื่อนพี่มากมาย เพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมชั้น เพื่อนร่วมมหาลัย ทำไมทุกคนถึงทำได้? น้องเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง พอตัวเองซิ่ว ก็คิดว่าคนอื่นอื่นต้องซิ่วถึงมีทางหางานดีได้ หารู้ไม่คนที่ไม่ซิ่ว เขาก็มีงานดีๆทำ ก็ยังพูดว่าก็นั่งอยู่ หัวโด่อยู่ตรงนี้ วิธีก็บอกไปแล้วข้างบน ทใครๆก็ทำได้ถ้าพยายาม คนที่ไม่ยอมรับความจริงคือน้อง มีแต่จะผลักคนอื่นเขา ทำให้เขา มีทางเลือกเดียว พอมีทางเลือกเดียว น้องคนอื่นจะทุกข์อพราะถ้าพลาดคือไม่มีทางอื่นแล้ว ถึงมีข่าวเด็กฆ่าตัวตายหลังสอบไม่ติดม.ดี ส่วนหนึ่งก็มาจากความคิดของน้องนะ เพราะทำให้เขาเชื่อว่ามีทางเดียว แล้วนี่ก็คือสิ่งที่น้องผลักให้คนอื่นเป็น น้องอาจเก่งอาจฉลาดแต่ไม่มีความเมตตาใหเคนอื่นเลย การพัฒนาตัวเอง การหางานทำได้ มันมีอยู่เยอะทาง ไม่ใช่แค่ชื่อสถาบัน แต่น้องก็พยายามเสนอว่าต้องที่ดีเท่านั้น แล้วถ้าน้องคนอื่นเขาไม่คิดแบบนั้น แต่พ่อแม่เขาคิดแบบนั้น คือเราก็ถีบเขาลงนรก น้องทำให้พี่คิดถึงพ่อแม้ของเพื่อนที่ทำเพื่อนพี่พูดว่าอยากตายจริงๆน้ะแหละ


และเรื่องที่ทำงานสถาบันไหน มารยาทรักษาความเป็นส่วนตัวคนอื่นไม่มีหรอคะ? รู้ตื้นๆค่ะ ทำงานสตาร์ทแล้วจะได้เท่านั้น แต่ถ้านานแล้วมันมากกว่า อย่าหาเอาแต่พันทิพย์ค่ะ ดูคนนั่งอยู่ตรงนี้ทำอยู่บอกได้ว่าเกิน


น้องที่จบม.ดัง โดนเพื่อนแย่งงานเพราะไม่มีประสบการณ์ ไม่ใช่เลือกงานค่ะ อ่านไม่ดีอีกแล้ว เอาอารมณ์มาเป็นส่วนร่วมในหารตอบคำถามทำให้ตอบไม่ดี วิเคราะห์ผ่านๆ ทำให้ได้ข้อมูลมั่วๆ มันเป็นสิ่งที่ใช่หรอคะ? น้องบอกเคารพความเห็นพี่ การอ่านข้อความคนอื่นผ่านๆ นี่คือสิ่งที่คนที่เขาเคารพความคิดคนอื่นทำกันหรอ? การกระทำกับคำพูดน้องมันสวนทางค่ะ การเป็นครูว ไม่ใช่มีความรู้ด้านเดียวก็จะเป็นได้ ถูกค่ะ ต้องมีหลายด้าน และต้องตั้งใจด้วย


ยังไงก็ขอฝากคนอ่าน สอบเข้าไม่ติด ไม่ได้เรียนมหาลัยดี เงินไม่มี ไม่ชอบ เรียนแล้วทุกข์ อย่าปวดหัว อย่าเครียด หาความรู้เข้าหัว การทำงานสำคัญ ทุกอย่างมีทางสว่าง ขอแค่ตั้งใจ อย่างที่บอกแต่แรก มีความสามารถ หัวใจงานหาให้เจอ ได้งานดีแน่นอนค่ะ





0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 17:41 น. 8-18

ค่ะ คุณน้องทำงานสายการบินใช่ไหมคะ ดังนั้นน้องไม่ได้อยู่แวดวงการใช้ภาษาอย่างจริงจังค่ะ แต่ถ้าคุณน้องมาทำงานเกี่ยวกับนักแปล ล่าม คุณน้องจะรู้ได้อย่างถ่วงทันทีเลยค่ะว่าสถาบันที่มีชื่อเสียงเขาสอนยากกว่าสถาบันที่มีชื่อเสียงน้อยกว่ามากค่ะ และคุณน้องจะเป็นงานเลยค่ะ ทำงานร่วมกับคนอื่นอย่างดีค่ะ หัวหน้าแฮปปี้ค่ะ อีกอย่างค่ะ อย่ามีความคิดเป็น loser คือเรียนที่ไหนก็เหมือนกันชื่อเสียงไม่มีผล มันจะไม่มีผลได้ไงคะ ถ้ายังงั้นเด็กไม่ต้องอ่านหนังสือละคะ เรียนม.แถวบ้านก็ได้เหมือนกัน อนาคตเหมือนกันหมดแค่มีประสบการณ์ ตลกมากตรรกะแบบนี้อะค่ะ นี้แหละค่ะที่เขาเรียกกันว่าความคิดแบบปลอบใจตัวเอง

0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 17:46 น. 8-19

ดิฉันไม่ได้เป็นครูนะคะ แต่มีประสบการณ์มาหลายด้านแล้ว ถึงได้บอกไงค่ะว่าไม่เห็นด้วยที่บอกชื่อเสียงไม่สำคัญ มันจะไม่สำคัญได้ยังไงละคะ สำคัญมากๆ เลย เพราะอนาคตมันมีทางสว่างเยอะ+ศิษย์เก่า(คอนเนคชัน)ค่ะ อย่างงี้เด็กสอบได้ที่ 1 ไปเรียนม.ต่างจังหวัดแล้วค่ะคุณ แล้วมีไหมคะเด็กสอบได้ที่ 1 เรียนมหาวิทยาลัยที่มีสาขาเยอะที่สุด มันก็ไม่มีใช่ไหมคะ เขาก็เลือกม.รัฐดังๆ นิเทศฯ อักษรฯนั้นแหละค่ะคำตอบ

0
goy___^0^ 8 พ.ย. 61 เวลา 17:51 น. 8-20

สอนยากแล้วยังไงคะ ถึงได้ถามว่า แล้วหาความรู้ด้วยตัวเองไม่ได้หรอ ? มันจะดีกว่าไหม ถ้าน้องที่รู้สึกไม่อยากถูกกดดัน จะอยู่ในที่ที่ตัวเขาอยากอยู่ และหาความรู้ด้วยตัวเอง ซึ่งมันหาได้ ก็เพราะตัวคนคนนี้และเพื่อนในสถาบันทำมาแล้วและประสบความสำเร็จกันถ้วนหน้า ส่วนตัวไม่ได้เป็นคนเรียนเก่งเลยค่ะ แต่มีความพยายาม


อย่าปิดทางคนอื่นค่ะ มหาลัยดีๆ ไม่ได้มีเพียงพอที่จะรองรับน้องทุกคน ถ้าเขาเข้าใจแบบนั้นว่ามหาลัยดีทำชีวิตดี มหาลัยไม่ชื่อทำชีวิตไม่ดี นั่นคือนั่นแหละ คนที่พูดแบบนั้น ทำคนๆนึงทุกข์แล้ว ถ้าสอบไม่ได้ขึ้นมาหละ ชีวิตจบหรอ ฆ่าตัวตาย เมตตาค่ะ หาทางให้เขาเดิน และทางมันก็มี อันนี้ถึงได้มาบอกถือว่าเราเอาบุญ เห็นน้องอย่างนี้ก็เข้าใจแล้วทำไมเพื่อนพี่มันถึงร้องให้หนัก เพราะพ่อแม่คิด ว่ามันมีทางเดียว

0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 18:01 น. 8-21

มหาวิทยาลัยดังๆ มีทุนเยอะแยะจะตายไปค่ะ ขอแค่สอบเข้าได้ อย่างเพื่อนดิฉันเรียนฟรี 4 ปีค่ะโปรแกรมเกียรตินิยม สอบเข้าได้หรือเปล่าละคะ อย่าอ้างเลยค่ะ ไม่มีตังค์ ไม่มีเงิน หยุดค่ะ! สอบเข้าให้ได้ก่อนค่ะอันดับแรกค่อยแย้งมานะคะคุณน้อง

0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 18:05 น. 8-22

ถ้าสอบไม่ได้น้องก็ต้องเรียนที่นั่นค่ะ และก็หมั่นอ่านหนังสือให้มากขึ้น หรือซิ่วก็ได้ คุณภาพการเรียนมันแตกต่างกันเยอะค่ะ มันมีตั้งหลายทางที่จะทำให้ตัวเองเก่งขึ้นค่ะคุณน้อง มีประสบการณ์แต่ไม่ตรงสายไร้สาระค่ะ ถ้าสอบไม่ได้ฆ่าตัวตายนี้ไม่เคยเจอนะคะ แต่เห็นว่า จขกท เขามีทางเลือกค่ะดูแล้วเก่งด้วย ก็เลยแนะนำไปม.ดังๆ ดีกว่า มันคืออนาคตที่ดีและหาง่ายกว่าแน่นอนค่ะ

0
goy___^0^ 8 พ.ย. 61 เวลา 18:10 น. 8-23

น้องไม่เคยเจอมากับตัวไม่เข้าใจค่ะ ถ้ามันเลือกได้ เขาจะเลือกทางไม่ดีหรอคะ? 


ก็มันก็ในความเป็นจริงมันเลือกไม่ได้น่ะสิ 



ฆ่าตัวตายไม่เคยเจอ นี่ไม่ได้ดูข่าวเลยหรอคะ? ออกทีวีนะ


น้องอาจมาจากที่ที่ไม่ได้ติดๆกับคนข้างล่าง แต่นี่ติดค่ะ เขาไม่ได้เลือกได้ทุกคน ไม่ได้เก่ง หัวดีพอที่จะสอบได้ทุน


แล้วคนที่เขาไม่ได้แบบนั้น ปล่อยเขาทิ้งหรอคะ?


นี่เจอมาเด็กล่างๆ เขาไปไม่ได้ ณ จุดนั้นคือไม่มี ยากแค้น เงินไม่มีแต่ต้น ไม่มีทุนแต่เด็ก คนไม่ได้รวย ได้มีทั้งประเทศ 


ดังนั้นจึงเมตตาค่ะ ให้เขาพยายามเอา หาความรู้จากประสบการณ์ คนอื่นทำกันเยอะแยะ เพราะมันได้ คนทั่วไปเขาก็ได้กัน อยู่ที่ความพยายามขวนขวายของเราเอง ถึงบอกเสมอให้พยายาม ไม่ต้องสนสถาบัน ที่พูดก็เพื่อจะสื่อถึงน้องที่เลือกไม่ได้ และไม่อยากมีทางเดินทางเดียว ไม่อยากให้ต้องร้องให้เดินไปอีกทาง ทั้งๆที่อีกทางมีให้เดินได้แบบไม่ต้องร้องต้องทุกข์ค่ะ

0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 18:12 น. 8-24

ชีวิตเราไม่ได้จบแค่นี้ค่ะ มีหนทางอีกมาก เช่นเจ้าสัวking power ก็จบมหาวิทยาลัยเฉกเช่นเดียวกับคุณน้องนิคะ แต่ท่านก็สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศมาด้วย ฉะนั้นจะอ้างไม่ได้นะคะ ไม่มีทางเลือก ทางเลือกเยอะแยะค่ะ ต่อโท เอก ต่างประเทศก็ได้ ทุนต่างประเทศก็เห็นกันบ่อย แต่ที่พ่อแม่แนะนำ จขกท อย่างนั้น ดิฉันเข้าใจดีค่ะ พ่อแม่ใครก็อยากให้ลูกเรียนที่สถาบันที่มีชื่อเสียง ถ้า จขกท ทำได้ มันจะดีมากๆ ค่ะ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ลองคิดดูดีๆ หรือซิ่วไปปีหน้า ไม่เสียหายอะไรค่ะ **แนะนำนะคะ คุณภาพการเรียนมันแตกต่างกันมากค่ะน้อง คุ้มมากค่ะ เรียนม.รัฐ ดังๆ โอกาสมันมากกว่าด้วย เหมือนทองอะคะ ใครๆ ก็อยากได้ ก็เหมือนมหาวิทยาลัยดังๆ ที่มีแต่บริษัทอยากให้นิสิต นักศึกษา มาพัฒนาบริษัทเขาค่ะ** แต่ที่แน่ๆ ชื่อเสียงสถาบันมีผลมากๆ ค่ะ คณะภาษาก็มีผลค่ะ ขนาดนิเทศ ยังมีผลเลยค่ะ

0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 18:14 น. 8-25

จขกท เลือกได้นิค่ะ แล้วเขาบอกตอนไหนคะ เขาเลือกไม่ได้ เท่าที่อ่านมาก็ไม่มีนะคะ แค่บอกว่าไม่ชอบบรรยากาศเฉยๆ เองค่ะ อย่าตัดสินคนค่ะน้อง พี่เริ่มรู้สึกแล้วนะจบด้านภาษาจริงใช่ไหม เพราะเหมือนไม่ได้จบด้านนี้เลยค่ะ แค่วิเคราะห์ด้านเดียวก็พอจะดูออกแล้ว

0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 18:19 น. 8-26

ดังนั้นคุณน้องอย่าไปคิดแทนเขาค่ะ ว่าเขาเข้าไม่ได้ เราแนะนำไปก่อนว่าควรเข้าม.รัฐดังๆ ดีกว่าไหมคะ?เพื่ออนาคตของน้องเขา ถ้าเข้าไม่ได้เดียวเขาก็มาตั้งกระทู้ถามหรือปรึกษาพ่อแม่เขาแล้วค่ะ อย่าไปคิดแทนเขาค่ะ ว่าแต่ทำงานต่างชาติไม่ใช่หรอคะ สรุปทำงานหรือเปล่าคะเริ่มงงค่ะ ได้เงิน 6 หลักขนาดนี้น่าจะงานยุ่งมากเลยนะคะ บินเยอะมากเลยสิคะได้ 6 หลักเลย เพื่อนดิฉันบินตัวเป็นเกลียวยังได้ไม่ถึง 6 หลักเลยค่ะ มากสุดก็ 80K สายการบินตะวันออกกลาง เป็นแอร์แล้วไม่บินหรอคะดูว่างจังค่ะดูว่างดีนะคะ พิมพ์ยาวมากแต่ละอันแทบอ่านไม่ได้เลยค่ะ ตรรกะเพี้ยนไปหมด

0
goy___^0^ 8 พ.ย. 61 เวลา 18:20 น. 8-27

เอ้า นี่ที่พูดก็บอกกับน้องทุกคนค่ะ ไปอ่านดูต้นๆจะบอกน้องๆ เพราะกระทู้นี้ มันไม่ได้เป็น กระทู้ส่วนตัว เด็กที่มีปัญหาแนวนี้ แต่ไม่ใช่เจาะจงคนนี้เข้ามาอ่านก็มี ถ้าเขาอ่านเอ่ย สอบเข้าไม่ได้ชีวิตไม่ดีแน่ สอบไม่ได้ขึ้นมา ทุกข์แล้ว ทั้งๆที่ทางออกมันยังมี ก็ยังไปทุกข์ นั่นแหละค่ะที่ไม่ชอบเอามากๆ ค่านิยมที่ทำให้คนอื่นทุกข์ใจ


ทำงานแล้วไม่มีพักร้อนหรอคะ นี่จะพยายามดิสเครดิตกันที่ตรงนี้หรอคะ ? ใจไม่เมตตาแล้วยังชอบจับผิดแปลกๆ ระวังชีวิตจะไม่มีความสุขนะคะ

0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 18:31 น. 8-28

มันไม่เมตตาตรงไหนอะคะ เอาจริงๆ พิมพ์ไปก็งงกับคุณไปอะค่ะตอนนี้ ไม่ได้จับผิดนะคะ แต่คุณอ้างอะไรแปลกๆ เยอะอะค่ะ มันไม่ make sense อะค่ะ อยู่กับความเป็นจริงนะคะ

0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 18:34 น. 8-29

พยายามจะอ้างพุทธศาสนาตลอดเลย งงมากค่ะ ถ้าโลกสวยไปแนะนำไปวัดนะคะ อย่ามาในเด็กดีเลยค่ะ ที่นี้ต้องแนะนำกันตรงไปตรงมาค่ะคุณ โลกนี้ไม่ได้สวยงามไปทุกอย่าง ยอมรับความจริงให้ได้ก่อนดีไหมคะ??

0
goy___^0^ 8 พ.ย. 61 เวลา 18:39 น. 8-30

ไม่เมตตาตรงที่บอกว่า 


ชื่อสถาบันมีผลกับการได้งานดี ไงคะ


ถ้าน้องๆไม่มีเงิน สอบไม่ได้ ยังตั้งตัวไม่ทัน เข้าม.ดีไม่ได้ คำคำนั้น ก็หมายถึง ชีวิตไม่ได้งานดีไงคะ ใครจะไม่เครียดคะ มีทางเดียวให้เลือกใหทำแบบนี้ เป็นเหตุผล ที่พ่อแม่หลายคนบังคับลูก ก็เพราะเขาคิดแบบนั้น เพราะเห็นว่ามันมีทางเดียว ชื่อสถาบันมีส่วน สอบไม่ได้แล้ว... ชีวิตจบ เครียดสิ ทุกข์สิ เห็นไหมคะ ให้ทางคนทางเดียว ทั้งๆที่มันมีอีกทาง ทำเขาทุกข์ซะแล้ว บางคนก็รับไม่ได้ฆ่าตัวตายกรีดข้อมือ ในเว็บนี้ กระทู้แบบนี้มีขึ้นท็อปด้วย


นั่นแหละค่ะไม่เมตตา ให้ทางคนทางเดียว

0
goy___^0^ 8 พ.ย. 61 เวลา 18:41 น. 8-31

เพราะพุทธศาสนา ทำให้คนเมตตาซึ่งกันและกันค่ะ และเมื่อเราเมตตากัน ไม่บังคับกัน สังคมจะสงบสุข ดังนั้นจึงพยายามปลูกฝังค่ะ มันเป็นสิ่งที่จะทำให้มนุษย์ด้วยกันเอง ไม่ทุกไม่ร้อนค่ะ แต่น้องคงไม่เข้าใจ เพราะเห็นพยายามบีบชาวบ้านลงทางเดียวตลอดๆเลย


ส่วนวัด ก่อนทำงานก็ไปประจำค่ะ และวัดเป็นสิ่งที่ดี คนทำงานสูงๆตามสายราชการเขาก็ไปขอพรกัน เป็นสถานที่ทำให้คนละทิ้งพฤติกรรมที่ทำให้กันและกันไม่มีความสุข


น้องก็ไม่เข้าใจสิ่งที่พูดก็ไม่แปลกแล้วค่ะ เพราะที่พี่พูดทั้งหมด เน้นหลักเมตตา คือให้คนทุกคนเห็นทางเดินที่จะไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนใจค่ะ

0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 18:47 น. 8-32

น้องค่ะ กรุณาอย่าเอามาปนกันค่ะ ศาสนาคือศาสนา อย่าหยิบยกอะไรมาถ้าไม่รู้จริงแจ่มแจ้ง นี้คุยเรื่องชื่อเสียงสถาบันอยู่นะคะ หรือยอมรับแล้วใช่ไหมคะ ชื่อเสียงมีผลจริงๆ ดีแล้วค่ะ มันคือเรื่องจริงมีผลทุกคณะค่ะ เวลาไปแนะนำใครจะได้แนะนำอย่างถูกต้องค่ะ ไม่ใช่แนะนำแบบปลอมๆ เหมือนเป็น loser ค่ะ

0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 18:48 น. 8-33

ถ้าอยากเถียงเรื่องศาสนาแนะนำเอาบุญนะคะ ไปตั้งกระทู้ใหม่ค่ะ นี้กระทู้การเรียนค่ะน้อง

0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 18:52 น. 8-34

นี้ดิฉันบังคับตรงไหนหรอคะ นี้คือคำแนะนำทั้งนั้นเลยค่ะน้อง ถ้าไม่เข้าใจอ่านใหม่นะคะ ย้อนกลับไปดูข้อความแรกๆ ที่เรา discuss กันอะค่ะ ไม่มีนะคะที่บังคับกันตรรกะเพี้ยนมากค่ะ อย่าหลอกตัวเองดีกว่าค่ะ ถ้ารับไม่ได้การ discuss ที่มีข้อโต้แย้งเยอะๆ ปิดคอมแล้วนอนค่ะแค่นั้นเองง่ายๆ กลับไปอยู่โลกที่น้องสร้างมาว่ามีเงินเดือน 6 หลัก ทำงานกับชาวต่างชาติดีกว่านะคะ การให้คำแนะนำคนมันต้องแบบเป็นจริงใจและจริงจังสิค่ะ อะไรที่ไม่ดีก็ต้องบอกว่ามันไม่ได้จริงๆ อะไรที่ดีก็สนับสนุนค่ะ

0
goy___^0^ 8 พ.ย. 61 เวลา 18:54 น. 8-35

ส่งเงินทำบุญประจำค่ะ การศึกษาที่เค่งเครียด บังคับคนลงทางเดียว จะไม่ค้านไม่ได้ค่ะ มาเอาบุญค่ะ สำหรับน้องที่ไม่มีทางเลือกิเลือกไม่ได้ทั่วประเทศ

ถ้าได้พยายามอย่างที่พี่พูดแล้วชีวิตเขาดีขึ้น นั่นคือเราทำให้คนไม่มีทาง มีทางค่ะ เป็นบุญใหญ่บางที ที่พี่โชคดีเจอโค้ชดี ก็คงเพราะเคยทำแบบนี้มา ส่วนน้องบีบคนลงทางเดียว ก็ขอให้โชคดีแล้วกันนะคะ

0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 18:55 น. 8-36

คุณน้องก็มีเรื่องมีราวเยอะใช่เล่นนะคะ แอบไปส่องโปรไฟล์มา ไม่แปลกใจเลยค่ะ โดนคนด่าเยอะ ตรรกะเพี้ยนขั้นสุดแบบนี้ เป็นพี่จะทบทวนตัวเองแล้วค่ะว่าเราทำอะไรผิดหรือเปล่า ความคิดเราต่างกับคนอื่นหรือเปล่า มันถูกต้องหรือเปล่า ลองกลับไปนอนคิดนะคะ แล้วน้องจะดีขึ้นค่ะ

0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 18:57 น. 8-37

พี่มีประสบความสำเร็จแล้วค่ะ เลยกล้าแชร์ประสบการณ์ไงค่ะ ว่าอันไหนดีอันไหนไม่ดี คำแนะนำเขาต้องพูดกันตรงๆ ค่ะ ถ้าแนะนำแบบปลอมๆ ไปแนะนำคนอื่นที่ไม่ใช่เด็กม.6 นะคะ เด็กม.6 เขาต้องการความจริงใจจริงจังกับคำแนะนำ ดิฉันเคยผ่านมาแล้วค่ะว่ามันเครียดแค่ไหน แค่สอบก็จะตายแล้ว ถ้ามาปลอมๆ เลิกเถอะค่ะ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า ไปโม้ว่าทำงานกับต่างชาติได้ 6 หลัก น่าจะคุ้มกว่านะคะ

0
goy___^0^ 8 พ.ย. 61 เวลา 19:00 น. 8-38

ใช่ค่ะคนด่ามีเยอะ ก็ยอมรับค่ะว่า บางทีเราแสดงอะไรเกี่ยวกับหลักธรรมไปแล้วมันไม่ครอบคลุม ทำให้คนเข้าใจผิด ซึ่งมันก็เกี่ยวกับหลักธรรม แต่ก็ไม่สามารถอธิบายทั้งหมดได้ มันเยอะจริง ก็เสียใจ เพราะก็ว่างเป็นช่วงๆ ไม่สามารถตามไปอธิบายได้หมด ต้องอ่านและศึกษาธรรมมะมาช่วงหนึ่งแล้วถึงจะเข้าใจ บางความเห็น ถึงมีแนะให้ไปทำบุญ อุทิศส่วนกุศล เพราะถ้าไม่ทำดี ก็ยากจริงๆที่จะเข้าใจ แต่ถ้าทำมันจะไม่ยากเลย จะสามารถเข้าใจได้ด้วยตัวเอง


ที่เราสองคนขัดกันคือ พี่เอาว่าเมตตา ไม่ตัดทางคน และพี่มีทางแล้ว ก็อยากให้น้องๆที่ยังไม่มีทางเห็นทาง

ถึงมาบอกทาง


ส่วนน้องก็ไม่สนจะมีทานอื่นหรือไม่มี แต่ควรจะไปทางที่ดีที่สุด แต่น้องลืมคิดว่า ถ้าคนเขาไปทางนั้นไม่ได้ทางออกเขาคืออะไร


เราสองคนคงไม่มีทางเข้าใจกันแน่นอน เพราะเราคนละทางกัน ก็คงจ้องให้คนที่เขามีปัญหาอ่านแล้วคิดเองค่ะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่บุญกีรมของคนอ่านเอง


0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 19:03 น. 8-39

ใช่ค่ะน้อง น้องอย่ามาให้คำแนะนำเลยค่ะ มันทำให้มีแต่คนเกลียดน้อง ดูถูกน้อง มีแต่ผลแย่กับแย่ ฉะนั้นนะคะเลิกให้คำแนะนำแบบนี้ดีกว่าค่ะ นี้ดิฉันหวังดีนะคะเพราะดูท่าแล้วอาการน่าจะหนักแล้วค่ะ สู้ๆ ค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ

0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 19:09 น. 8-40

ม้นเป็นเชิงประจักษ์อยู่แล้วค่ะ ขนาดคะแนนสอบเข้ายังสูงลิบลิ่วขนาดนี้ บริษัทแต่ละบริษัทก็ต้องการคนหัวกะทิไปทำงานกับเขาทั้งนั้นค่ะ มันเหมือนขุมทรัพย์อะค่ะ มีแต่ใครๆ ก็อยากได้ทั้งนั้น พี่เชื่อว่าทุกคนก็คงคิดเหมือนพี่ค่ะ

0
goy___^0^ 8 พ.ย. 61 เวลา 19:11 น. 8-41

ขอบคุณค่ะ คนที่ด่าก็มี และคนที่เข้าใจก็มี ส่วนตัวไม่สนคนที่ด่าหรือไม่เชื่อค่ะ เพราะสิ่งที่บอกไป คือทำให้คนไม่มีทาง เขามีทางขึ้นมาได้ คนที่หมดกำลังใจ สอบไม่ติดคิดว่าชีวิตจบ เขาสู้ขึ้นมาได้ ถ้าคนมีทาง คือเราได้ทาง และก็หนักจริงค่ะ หนักในพระพุทธศาสนา และขอบคุณที่ให้กำลังใจค่ะ เราคนละทางกันจริงๆ

0
Sellbookss 8 พ.ย. 61 เวลา 19:28 น. 8-42

ใช่ค่ะ ทุกปัญหามีทางแก้ค่ะ เช่น ซิ่วไปม.รัฐดังๆ ก็ได้ค่ะ ไม่ได้เสียเวลาอะไรเลยค่ะ มันคุ้มมากค่ะเช่นตัวพี่เอง ได้ทั้งสังคม เพื่อนที่ดี อาจารย์ที่ดี ศิษย์เก่า คอนเนคชัน กิจกรรม ต่างๆ มากมายมันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มค่ะ อีกทั้งยังได้ความรู้ที่อาจารย์เป็นตัวแม่ในเรื่องนั้นๆ มันทำให้เรามีความสุขมากขึ้นค่ะ พี่ก็ยังเชื่ออยู่นะคะ ถ้าเรามีความพยายามเราก็ทำได้ทุกอย่างค่ะ จบมาก็มีศิษย์เก่าเป็นหัวหน้างานเราอีก มันดีจริงๆ ค่ะ

0
มัณทนา 9 พ.ย. 61 เวลา 15:04 น. 8-43

ไม่ทราบว่าน้องความคิดเห็นที่ 8 เรียนจบมหาวิทยาลัยไหนคะ

ตรรกะป่วยจัง

ม.รามคำแหงหรือม.สุโขทัยธรรมาธิราช

เห็นบอกว่าเรียนจบม.เปิด

ถ้าจบราม

พี่กับเด็กรามทั้งประเทศรู้สึกอายที่มีคนตรรกะป่วยๆแบบน้องเรียนจบจากสถาบันเดียวกัน

0
goy___^0^ 10 พ.ย. 61 เวลา 00:13 น. 8-44

ที่พูดตรงนี้ เพราะมีหลายคนที่เลือกไม่ได้ และไม่อยากให้เขาต้องเสียกำลังใจไปจากสิ่งนี้ค่ะ คนที่อ่าน เสียกำลังใจจากสิ่งนี้ไปหลายคน ทำให้หลายคนที่อยู่ม.ไม่ดัง ไม่ฮึดสู้ ซึ่งก็น่าสงสารมาก จึงพยายามที่จะบอกถึงความจริงค่ะ ส่วนตัวคิดถึงตรงนั้นค่ะ ใช่ค่ะจบม.ราม มา และมีรุ่นน้องหลายคนมาถาม กังวลในจุดนี้ หลายคนที่ฟังพี่แล้วเขาก็ฮึดสู้ และมีกำลังใจที่ดีขึ้นมาได้ ก็อยากจะบอกกับทุกคนบ้าง ส่วนตัวไม่คิดว่าตรรกะป่วยค่ะ เพราะสิ่งนี้ สามารถทำให้คนไม่มีทางเลือก ได้รู้สึกดีขึ้นมา ได้รู้สึกมีความหวัง และฮึดสู้ต่อไป ซึ่งบางคนอาจไม่เข้าใจ แต่ส่วนตัวเข้าใจค่ะ

0
ปีศาจเดียวดาย[Lonely Evil] 8 พ.ย. 61 เวลา 21:17 น. 9

มีผล ส่วนใหญ่เป็นเรื่องคอนเน็คชั่น เช่น รุ่นพี่จบออกมากทำงาน เจอรุ่นน้องก็รับรุ่นน้องก่อนเพราะรู้ว่าเรียนอะไรมา ผ่านอาจารย์เดียวกันมาคุยกันง่าย หรือมหาลัยนี้ เคยมีคนมาฝึกงานทำตัวแย่มาก อคติไปเลย มหาลัยนี้มาพิจารณาเป็นตัวเลือกสุดท้าย บริษัทฝรั่ง ที่มีเจ้านายเป็นฝรั่ง หรือคนสัมภาษณ์เป็นฝรั่งไม่มีผลยกเว้นคุณจบที่เดียวกับเจ้านายมา มีผลมากกับงานเฉพาะทาง เช่น วิทยาศาสตร์

0
มัณทนา 9 พ.ย. 61 เวลา 16:15 น. 10

บริษัทส่วนใหญ่พิจารณาคนที่เรียนจบจากจุฬาฯ ม.ธรรมศาสตร์ก่อนค่ะ

พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกของตัวเองเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอย่างจุฬาฯ ม.ธรรมศาสตร์

0
lukkyzero 10 พ.ย. 61 เวลา 00:50 น. 11

มีผล เพราะ 

1. ความเข้มข้นของเนื้อหาในการเรียนต่างกัน เพราะตอนสอบเข้ามหาลัยได้เป็นการคัดกรองลำดับแรก จึงมีผลทำให้อาจารย์ผู้สอนสามารถถ่ายทอดและทดสอบความรู้ของนักศึกษาแต่ละสถาบันได้แตกต่างกัน


2. ความเชื่อมันในศักยภาพของบัณฑิตที่จบการศึกษาแล้ว ชื่อสถาบันก็เหมือนแบรนด์สินค้า เหมือนคุณเลือกซื้อ โทรศัพท์ สักเครื่องโดยที่คุณซื้อราคาเท่าไหร่ก็ได้ มีเงินไม่จำกัด คุณจะซื้อยี่ห้อไหน แน่นอนคนส่วนใหญ่ก็คงเลือก ตัวท้อปชั้นนำของโลก เช่นไอโฟน ซัมซุงโน๊ต ซัมซุงเอสฯลฯ 


ก็เหมือนบริษัท คุณลองคิดซิว่าทำไมบริษัท ถึงเลือก ม. ชั้นนำ เพราะชื่อเสียง แล้วทำไมเค้าถึงเลือกที่ชื่อเสียงของ ม ก่อน เพราะจริงๆแล้ว คุณภาพของบัณฑิตที่จบการศึกษาไปทำให้ได้ประจักแล้วว่า ม นั้นมีคุณภาพขนาดไหนในการผลิตนักศึกษา มันจึงไม่ยากเลยว่าทำไมบริษัทต่างๆ ถึงดูคุณภาพนักศึกษาจากสถาบัน


3. คุณภาพของอาจารย์ผู้สอน ส่วนนี้ก็สำคัญมาก ลองดูหลายๆ ม ชั้นนำ อาจารย์ส่วนใหญ่จบ ดร. จาก ม ชั้นนำของต่างประเทศแทบจะทั้งนั้น หรือไม่ก็ ป.ตรี เกียรตินิยม ม นั้นๆ แล้วไปต่อ โทต่างประเทศ ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า คุณภาพความรู้ของอาจารย์ผู้สอนนั้นได้มาตรฐานแน่นอน


เรื่องทุน แน่นอนว่า ม ชั้นนำมีทุนการศึกษาให้เยอะอยู่พอสมควรถ้าคุณเก่งจริง ไม่ว่าจะทุนศึกษา ต่อ ป.โท ทุนแลกเปลี่ยน อยู่ที่ความสามารถของคุณเองที่จะคว้ามาได้หรือเปล่า ม อื่นๆ ก็พอมีบ้างแต่ก็ลดหลั่นกันไปตามงบประมาณที่ได้


แต่ที่แปลกใจคือ จขกท.บอกว่า ไม่อยากเรียนใน กทม. เพราะเรื่องบลาๆ แต่ ม ชั้นนำไม่ได้มีแค่ กทม. นี่ ม ตามหัวเมือง ต่างๆก็มี อย่างใกล้ๆที่เหนือ ก็ มช อีสานก็ มข ใต้ ก็ มอ ทำไม จขกท ถึงไม่ลองเลือกก่อน คนเราเข้าได้หมด ถ้ากำลังจะจบ ม.6 ก็เตรียมตัวดีๆ ทำโอเน็ต แกทแพทให้ดี เกรด ไม่ต่ำกว่า 2.75 ก็พอได้แล้ว อีกอย่าง มีตั้ง 5 รอบ


0
lukkyzero 10 พ.ย. 61 เวลา 00:56 น. 12

ส่วนคนที่ไม่ได้เรียน ม ชั้นนำก็ไม่ต้องดราม่า แต่ให้พยายาม

ผลักดันตัวเอง ให้มีอะไรโดเด่นในสาขาที่ตนศึกษามาบ้าง 

เมื่อถึงเวลาคุณ ต้องไปสมัครงาน ตอนสมัครอย่างน้อยก็ต้อง

มีโทอิคบ้าง ทำกิจกรรมของมหาลัยบ้าง ก็ทำให้คุณเพิ่มโอกาสในการสัมภาษณ์และโอกาสในการเข้าทำงาน


แต่เอาจริงๆ อยากให้ จขกท ลองดูเรื่องนี้ในเว็ปพันทิปนะ เพราะบางกระทู้ให้แง่มุมที่เป็นเรื่องจริงๆ เพราะส่วนใหญ่ก็คนทำงานกันแทบทั้งนั้น อาจจะมีดราม่าบ้างแต่อ่านแล้วก็สนุกดี

0
โปรดสัตว์ได้บุญ 24 ต.ค. 64 เวลา 11:23 น. 13

มีผลตั้งแต่จบใหม่ยันใกล้เกษียณเลยครับ

แต่ช่วงกลางๆ ไม่ค่อยมีผล ขึ้นกับฝีมือมากกว่า


จบใหม่ - โอกาสได้งาน ม.ดังได้เปรียบชัดเจน

ช่วงกลางๆ ขึ้นระดับผู้จัดการ - สถาบันไม่ค่อยมีผล ผลงานเตะตาก็ได้รับการ promote

ช่วงปลาย - candidate ขึ้นระดับอำนวยการ/บริหาร Profile จะกลับมามีผล ทั้งผลงานที่ผ่านมาและชื่อสถาบัน (จบโท จบนอกได้ยิ่งดี)

0