แชร์ประสบการณ์สอบติดรัฐศาสตร์มธฉบับนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ไม่ซ้ำชั้น
บนไว้ว่าถ้าติดรัฐศาสตร์มธ รอบ3 เราจะลองมารีวิววิธีการอ่านหนังสือเรียนพิเศษ+ รีวิวหนังสือและที่เรียนพิเศษในมุมมองของเรา ฉบับเด็กไปแลกเปลี่ยนที่กลับมาไม่ซ้ำชั้น
*วิธีการเราคงจะใช้ไม่ได้ผลกับทุกคนนะคะ เพราะแต่ละคนมีลักษณะการอ่านหนังสือที่แตกต่างกับเรา ส่วนตัวเราควรจะรู้นิสัยการอ่านหนังสือและจุดเด่นจุดด้อยของตัวเองให้แน่ๆก่อน [เช่น เราเป็นคนอ่านแล้วจำได้เร็ว แต่ไม่ค่อยมีสมาธิตอนอ่านหนังสือ ชอบทำหลายๆอย่างพร้อมกัน อ่านอยู่บ้านไม่ได้ ต้องออกไปอ่านตามคาเฟ่ข้างนอก] ก็ต้องพยายามปรับเปลี่ยนวิธีการอ่านให้ตรงตามนิสัยตัวเองค่ะ ความคิดเห็นเราทุกอย่างเป็นความเห็นส่วนตัวเด้อ*
1.เมื่อรู้ตัวเองแล้วว่าจะเข้าอะไรก็ต้องวางแผนและศึกษาระเบียบการรับของคณะที่สนใจให้ดี
อย่างเรารู้ตัวตอนเราอยู่ต่างประเทศตอนนั้นกำลังไปแลกเปลี่ยนอยู่ เราก็เช็คข้อมูลที่นั่น ว่าตอนนี้เราเหลือเวลาอีกกี่เดือน เราอยากเรียนคณะไหน เอกไหน แล้วคณะนั้นเอกนั้น+มหาลัยที่เราต้องการอะ แต่ละรอบเราต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ป.ล.เราลังเลอยู่2มหาลัยคือรัฐศาสตร์มธกับจุฬาค่ะ ดังนั้นเราที่โง่แพทภาษาจึงเตรียมโอเน็ตหนักมากเพื่อรัฐศาสตร์จุฬารอบ4และเตรียมสอบวิชาเฉพาะรัฐศาสตร์มธไปพร้อมๆกันค่ะ
2.แพลนการอ่านหนังสือตัวเองคร่าวๆ เพื่อให้มีจุดมุ่งหมายในการอ่านหนังสือ
ตอนนั้นเราเริ่มแพลนคร่าวๆว่ากลับไทยไปจะอ่านอะไรบ้าง เราไม่ซ้ำชั้นค่ะ และเรากลับจากต่างประเทศเดือนกรกฎา ทำให้เวลาอ่านหนังสือแอบกระชั้นชิดนิดนึง ก็ต้องรีบตามงาน+หาซื้อหนังสืออ่านสอบ+ลงเรียนพิเศษ เอาจริงที่แพลนไว้ก็ไม่ได้ทำตามแพลนหรอก แต่ก็ยังแนะนำให้ทุกคนแพลนไว้คร่าวๆนะ เพราะอย่างน้อยก็ทำให้เรามีจุดมุ่งมายในการอ่านหนังสืออะ เราเห็นหลายคนรอบตัวเราเอากระดาษแบบต้องติดมาแปะที่บ้านใกล้โต๊ะอ่านหนังสือหรือตั้งวอลเปเปอร์ในโทรศัพท์ฟิลเลิกเล่นแล้วไปอ่านได้ปล้ว แต่เราไม่เคยเอากระดาษโพสอิทไรงี้มาแปะผนังเลยนะ อันนี้แล้วแต่คน พอดีไม่ชอบให้อะไรมาติดผนังขาวๆเท่าไหร่ หน้าจอโทรศัพท์ก็อยากตั้งเป็นรูปดาราที่ชอบมากกว่า5555555 เคยตั้งแบบเลิกเล่นโทรศัพท์ได้แล้วประมาณอาทิตย์นึงมั๊ง ไม่ส่งผลเลยจ้า ก็ยังเล่นเหมือนเดิม คิดถึงหน้าดาราที่ชอบด้วยแง ตอนอ่านหนังสือสอบก็ยอมรับว่าไม่ค่อยได้กระตุ้นตัวเองด้วยวิธีการพวกนี้ ก็แนะนำไว้เผื่อใครอยากทำตาม วิธีการแบบนี้มันปัจเจกอะ ใครทำแล้วช่วยก็ทำไป ใครไม่ทำเพราะทำแล้วมันไม่ช่วยก็เลิกทำ(เช่นเราเป็นต้น) เวลาเปิดโทรศัพท์เห็นหน้าดาราที่ชอบแล้วเราชื่นใจกว่า(มินฮยอน คูมแม่รักหนูนะคะT_T)
3.เช็ควิชาถนัด/ไม่ถนัดของตนเอง แล้วก็เริ่มหาที่เรียนพิเศษ
สำหรับบางคนที่การเรียนพิเศษทุกวิชามันสิ้นเปลืองและเวลาไม่พอนะคะ วิชาที่ถนัดแนะนำให้มาอ่าน/ทำใกล้ๆสอบ ส่วนวิชาที่ไม่ถนัดก็ลงเรียนพิเศษเถอะ บางครั้งมันช่วยจริงๆนะ ถ้าเจอครูสอนพิเศษที่คลิกกัน โดยวิชาที่ไม่ถนัดมาก แนะนำให้เรียนส่วนตัว1:1 หรือกลุ่มเล็ก จะมีประสิทธิภาพมากกว่า ยังไงก็ตามไม่ว่าจะเรียนรูปแบบไหน สิ่งที่สำคัญคือต้องกลับไปทบทวนค่ะ อันนี้เราลองลิสต์คร่าวๆนะ ตามความเห็นของเราถึงการเรียนแต่ละแบบเด้อ
เรียนส่วนตัว1:1, ขึ้นอยู่กับหาครูแต่เรตราคาจะประมาณ250++:1ชั่วโมง ถ้าลองไปเรียนแล้วไม่คลิกกับครู แนะนำให้รีบเปลี่ยนนะ อย่าเกรงใจเสียเวลาเรียนทั้งๆที่ไม่เข้าใจเนื้อหา เหมาะกับวิชาที่ไม่ถนัดมากๆ และต้องการคนสอนอย่างละเอียด เวลาเรียนส่วนตัวบางจุดที่เราเข้าใจแล้วก็จะสามารถไปเร็วได้ แต่บางครั้งถ้าคุณไม่มีวินัย ชวนครูคุยไรงี้มันก็จะไม่ได้อะไรอะ เหมือนเสียเวลา2ชั่วโมงหรือมากกว่านั้นไปแบบเปล่าประโยชน์
เรียนกับเพื่อนแบบส่วนตัวกับครูสอนพิเศษ, เพื่อนเราหลายคนเรียนแบบนี้ คือชวนเพื่อนไปเรียนพิเศษกับครูคนเดียวกัน เอาจริงเราก็ว่าดีนะ มีคนรู้จักคอยเรียนด้วย มันก็จะแอบกดดันตัวเองให้ขยันไปด้วยได้ แต่ถ้าแบบพากันเล่นไม่เรียนมันก็จะแย่ และเละคู่
เรียนแบบกลุ่มเล็ก, จัดกลุ่มเป็นกลุ่มเล็กๆ แล้วจ้างครูมาสอน โดยคนในกลุ่มอาจเป็นเพื่อนกันทั้งหมด/ไม่รู้จักกันก็ได้ การสอนแบบนี้เท่าที่เคยเจอตอนม.ต้น มันทำเรากดดันมาก เพราะครูที่สอนจะโคตรจี้ถามทีละคน ตอบไม่ได้ก็ทำให้เครียด เหมาะสำหรับคนที่ทนรับแรงกดดันได้แบบมากๆๆๆๆ เพราะถ้าทนได้ เราว่าการเรียนแบบนี้มีประสิทธิภาพมาก เพราะครูเข้าถึงทุกคนอะ
เรียนแบบกลุ่มใหญ่(ฟิลห้องสดของสถาบันดัง), มันก็ดีสำหรับคนที่ชอบโดดเรียนแบบเรา เพราะถ้าเรียนคอมเราก็ไม่จองเวลาได้ หรือเรียนส่วนตัวเราก็เลื่อนนัดพี่ที่สอนได้ แต่ถ้าเรียนห้องสดทั้งกลุ่มเล็กและใหญ่ การที่เราขาด1ครั้งมันทำให้เราขี้เกียจไปตามชดเชยวิดิโออะ บางสถาบันคือชดเชยยุ่งยากด้วย ฟิกเวลาเละไปหมด แต่ข้อเสียที่เห็นชัดเลยคือถ้าเรียนแบบนานๆ มันก็น่าเบื่อ เทียบกับคอมที่เรากรอx2 ทุกสถาบัน คือครูสอนสดก็แอบพูดช้าไประดับนึงเลยอะ เรียนกลุ่มใหญ่เวลาพักก็ใช้เยอะ เพราะคนเยอะ แต่ก็รู้ว่าถ้าเปลี่ยนไปเป็นแบบวิดิโอเราก็เอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์ ไม่ตั้งใจเรียน เพื่อนข้างๆตอนเราเรียนสอนสดก็ค่อนข้างแอคทีฟอะ ก็ชวนกันเรียนดีค่ะ
เรียนกับคอมที่สถาบัน, ข้อดีชัดๆคือมันไม่ฟิกเวลาเรา ว่าเราต้องเรียนวันนี้เวลานี้ ดังนั้น ตารางเรียนมันก็จะค่อนข้างยืดหยุ่นกว่า เราก็จะปรับเปลี่ยนแพลนการอ่านได้ง่ายกว่า แต่ก็อย่างที่บอกว่าถ้าคุณมีวินัย การเรียนแบบนี้ก็คือเป็นแบบที่ดือมากๆ แต่ถ้าคุณชอบผลัดวันประกันพรุ่ง ก็จะเป็นรูปแบบการเรียนที่ไม่ดือ
เรียนกับคอมที่บ้าน(self@home) สะดวกมาก เพราะอากาศแบบนี้คงไม่ค่อยอยากออกไปไหน เหมาะสำหรับคนที่มีวินัยมากๆ เราเคยซื้อคอร์สเลขโอเน็ตมาเรียนแบบ@homeเหมือนกัน สรุปคือเรียนไม่จบ555555555 ขี้เกียจก่อน โชคดีที่ปีเราเลขโอเน็ตค่อนข้างง่าย
4.เรียนพิเศษ ต้องตั้งใจเรียนและกลับมาทบทวน ทำการบ้าน ถึงจะได้รับผลลัพธ์สูงสุด
ตอนเรียนพิเศษห้องสดเราตั้งใจเรียนมาก แต่การทบทวนเราทำไม่ได้ แต่มันเป็นสิ่งที่ต้องทำค่ะ เพื่อนเราหลายคนทำ และผลลัพธ์ดีมาก
5.ทำสรุปย่อความ
ก็ควรสรุปย่อเนื้อหาที่จะใช้สอบเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย พอใกล้ๆสอบจะได้หยิบออกมาอ่านได้อีกที เป็นการทบทวนความรู้ บางคนอาจจะชอบตกแต่งสมุด ใช้สีหลากสี ซึ่งก็เป็นจิตวิทยาอย่างนึง แต่สำหรับคนที่อ่านไม่ทัน เช่นเรา ก็ดินสอล้วนไม่ก็ปากกาน้ำเงินล้วนเขียนลงกระดาษเอสี่
6.อ่านแล้วต้องจำ
ถามว่าทำยังไงให้จำได้ เราว่าอ่านออกเสียงไม่ก็สอนหนังสือเพื่อนทำให้เราจำได้ที่สุดค่ะ ช่วงที่เราขี้เกียจออกไปหาเพื่อน เราก็สอนพ่อเราที่บ้าน พ่อเราก็ฟังเราพูดจนจำเนื้อหาสอบเราได้แล้ว เปลี่ยนบรรยากาศการอ่านบ้าง ถ้าหากอ่านที่บ้านแล้วไม่มีสมาธิ เราออกไปคาเฟ่บ่อยมาก เพราะการอ่านในที่ๆมีเสียงรบกวนเล็กน้อย มันทำให้เรามีสมาธิมากกว่า ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่คน แนะนำให้ช่วงที่ยังพอมีเวลาก็ลองอ่านหลายๆรูปแบบ แล้วลองดูว่าวิธีไหนเหมาะกับตัวเอง
7.อ่านทุกเวลาที่ว่าง
ตอนกำลังเดินทางไปไหนมาไหน ก็ควรหยิบหนังสือมาอ่านค่ะ เราทำสรุปย่อไทยสังคมเราลงสมุดเล่มเล็ก พกติดตัวทุกที่ ช่วงอยู่บนรถไฟฟ้าก็หยิบมาอ่านบ้าง ได้อ่านเล็กน้อย ดีกว่าไม่ได้อ่านเลย
8.สร้างstudygram private
เราทำstudygramที่ล็อคแอคไว้ส่วนตัวของเราคนเดียวในไอจี คนฟอล0 ฟอลคน0 เอาไว้ลงว่าวันนึงอ่านอะไรหรือเรียนพิเศษเรื่องอะไรไปบ้าง มันเรียกว่าstudygramได้ไหมไม่รู้ เอาเป็นว่ามันเหมือนบันทึกการเรียนของเรา ที่เราก็ไม่ได้เขียนทุกวันน่า การสร้างไว้คนเดียวส่วนตัวเราว่าเวิร์กกว่าการสร้างแบบเปิดพับบลิค เพราะจุดประสงค์studygramของเราคือกระตุ้นการอ่านหนังสือของตัวเอง การเปิดเป็นสาธารณะมันเหมือนเป็นการบีบบังคับทางอ้อมให้ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับแอคเคานท์อื่น ซึ่งเรามองว่ามันทำให้เสียสมาธิพอสมควร แต่ถ้าคุณมีจุดประสงค์อื่นในการทำstudygram เช่นต้องการหาเพื่อนเรียนไปพร้อมกันหรืออยากให้คำแนะนำรุ่นน้อง ก็เปิดพับลิคค่ะ
9.ถ้ายังอ่านหน้านี้แล้วไม่เข้าใจ อย่าพึ่งเปลี่ยนไปหน้าถัดไป
เราเป็นคนไม่ทบทวนเวลาเรียนพิเศษเสร็จในแต่ละครั้ง เพราะขี้เกียจ แต่เราจะทวนทีเดียวหลังเรียนเสร็จ ย้ำนะคะว่าเราเป็นคนที่จำอะไรได้ค่อนข้างเร็วแต่ความจำสั้นมาก วิธีนี้อาจไม่เหมาะกับคนอื่นที่มีสไตล์แตกต่างกับเรา วิธีการของเราคือ
9.1ย่อจากหนังสือที่เรียนพิเศษลงสมุด
9.2 อ่านที่เราย่อ ทีละหน้าไปเรื่อยๆ อ่านออกเสียง ถ้ายังจำไม่ได้ ห้ามเปลี่ยนหน้า
9.3 เมื่ออ่านจบก็เลิกอ่าน ทวนอีกทีใกล้สอบ แบบก่อนสอบวันสองวัน
10.วันก่อนสอบก็อ่านหนังสือ ไม่หยุดพัก
วันก่อนสอบเรานอนเที่ยงคืน แต่เราไม่ใช่พึ่งมานอนเที่ยงคืน คือช่วงก่อนสอบเดือนนึงเรานอนเที่ยงคืนทุกวัน เพื่อทำสรุปวิทย์ไทยสังคมo-net ฝึกโจทย์เลขo-netกับgat eng เราทำวนไปวนมาถึงประมาณ4ทุ่ม พอเริ่มง่วง/เบื่อก็เล่นโทรศัพท์ยันเที่ยงคืนค่อยนอน เพื่อให้ร่างกายชิน เราทำแบบนี้ยันวันสอบ แต่เอาเวลาเล่นโทรศัพท์2ชั่วโมงมาแบ่งเป็นเวลาพักสั้นๆแทน เราอาจจะคิดต่างกับคนอื่นนะแต่เรามีความรู้สึกว่าควรอ่านมากที่สุดเท่าที่ทำได้อะ จะได้ไม่มาเสียใจทีหลังว่าทำไมตอนนั้นไม่อ่าน คะแนนบางวิชาออกมาเราก็ไม่ได้ดีมากนะ แต่เราก็ไม่รู้สึกผิดหวังเพราะแบบเราทำเต็มที่แล้ว คือเราติดโทรศัพท์หนักมาก ที่เลยมาถึงเดือนนึงก่อนสอบแล้วยังโน้ตย่อลงสมุดไม่เสร็จก็เพราะเอาแต่เล่นโทรศัพท์ไปอ่านหนังสือไป ซึ่งมันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี และเราก็แก้มันไม่ได้ เราก็ได้แต่อ่านให้ได้มากสุดเท่าที่ทำได้ ผลลัพธ์คือเราโน้ตย่อทัน แต่อ่านทวนไม่ทัน แต่เราโอเคแล้วกับผลลัพธ์นี้
ตารางเรียนพิเศษ
เรากลับมาจากแลกเปลี่ยนเดือนกรกฎา(เดือน7)
เดือน7-เดือน9 เคลียร์งานค้าง ตามสอบ เพราะเรากลับไทยมาช้ากว่าคนอื่น โรงเรียนเปิดตั้งแต่พคค่ะ
เดือน10 ปิดเทอมเล็ก เรียนดาวองก์ห้องสด, เรียนคอร์สwriting รัฐศาสตร์ มธ
เดือน11 เรียนo-net วิทย์ondemand
เดือน12 เรียนpat7.3(ญี่ปุ่น)ที่zashi
เดือน1 เรียนญี่ปุ่นส่วนตัว(ให้ช่วยเฉลยข้อสอบเก่าแบบละเอียดอะค่ะ) เรียนเลขo-net pansmartmathproแบบ@home
เดือน2 ดูgat thaiอ.ขลุ่ย+ฝึกทำโจทย์ gat engและo-net
เดือน3 ต้นเดือนก่อนสอบรัฐศาสตร์มธ2วัน เราลงเรียนคอร์สperfect proของtriamdome แล้วก็ช่วงเว้นว่างก่อนสอบแต่ละสนามเราก็หยิบหนังสือมาอ่านทวน
รีวิวที่เรียนพิเศษ
เราค่อนข้างตั้งใจเรียนในวิชาที่เป็นคอร์สสดมากๆ คือจดตามอาจารย์ตลอด แต่พวกคอร์สในคอมก็เละๆเลยอะค่ะ ไม่มีคนคอยคุม
1.ไทยสังคม-ดาวองก์ เราถ่อไปเรียนคอร์สสดที่เยาวราชทั้งๆที่บ้านเราโคตรไกล เปลืองพลังงานมากๆ บ้านไกลไม่แนะนำให้ทำแบบนี้ เราเอาแต่ตะลุยกินในเยาวราชช่วงพักเลยเข้าเรียนสายบ่อยมาก แอร์ห้องสดมีที่นั่งโซนหนาวที่หนาวมาก กับโซนร้อนที่ร้อนมาก เก้าอี้นั่งเรียนเป็นเก้าอี้ไม้ยาวไม่มีพนักพิง คนปวดหลังง่ายไม่แนะนำ เราเรียนแค่คอร์สturboค่ะ เรียนเพราะหวังอยากได้ไทยสังคมคะแนนสูงๆ เราก็เลยไปเรียนเพิ่มทั้งๆที่เราถนัดสองวิชานี้ แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เราจะอ่านเองค่ะ ค้นพบทีหลังว่าพวกหนังสือสังคมปกติก็ดีมากๆ แต่เรียนกับอาจารย์ปิงก็ดีนะคะ และถ้าสะดวกก็แนะนำคอร์สselfดีกว่า
2. คอร์สwriting triamdome เอาจริงมันมีประโยชน์ค่ะ แต่ปีเราภาคIA(การระหว่างประเทศ) กดคะแนนเรียงความมากก เราก็คะแนนไม่สูงมาก เลยไม่กล้าแนะนำอะไรเกี่ยวกับพาร์ทนี้เท่าไหร่ แต่เราชอบพี่วิน เตรียมโดมมากๆ เขาสอนสนุกและใส่ใจเด็กมาก เดินทางยากนิดนึงต้องนั่งรถเมล์/แท็กซี่ไปปิ่นเกล้า
คอร์ส
3. คอร์สo-net วิทย์ondemand เรียนself เรียนไม่จบตัวฟิสิกส์ เคมีกับชีวะ เราค่อนข้างถนัด เรียนเลยรู้สึกชอบ ดาราศาสตร์เราแอบไม่เก็ตเพราะมีคำนวณประมาณนึง โดยรวมเนื้อหาเยอะเกินกว่าที่ใช้สอบo-net ถ้าไม่มีเวลาเราว่าทำข้อสอบเก่าเอาดีกว่า
4.เรียนpat7.3ญี่ปุ่นที่ zashi เราเรียนสองคอร์สคือadmission1แบบ@home ซึ่งเราเรียนไปได้ไม่ถึงครึ่งเพราะเยอะมากกเรียนไม่ทัน และfighto patคอร์สสด มันดีสำหรับคนมีพื้นและชอบญี่ปุ่น เราเกลียดภาษาญี่ปุ่นมาก แต่ภาษาที่ใช้สอบแพทได้นอกจากญี่ปุ่นเราก็ไม่มีพื้นแล้ว เพราะเราเรียนศิลป์ญี่มาก่อนไปแลกเปลี่ยน แต่พอไปแลกเปลี่ยนเราไปประเทศฝั่งยุโรป ไม่ได้ใช้ญี่ปุ่น10เดือน ลืมทุกอย่างเลยค่ะ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้พื้นฐานดี คะแนนเลยห่วยมาก
5. เรียนญี่ปุ่นแบบส่วนตัวตัวต่อตัว หาในทวิตเอาเลยย เราให้พี่เค้ามาช่วยเฉลยข้อสอบเก่าๆให้เราแบบละเอียด
6.เลขo-net pansmartmathpro แบบ@home ตามสไตล์เลยจ้า เราเรียนไม่จบอีกแล้ว เราเกลียดเลข เกลียดมาก แต่พี่ปั้นก็สอนดีอะค่ะ แต่เราด้วนความที่เกลียดวิชานี้มากเลยเรียนไม่ไหว แต่ถ้าไม่ได้เรียนo-netเลขเราก็น่าจะห่วยกว่านี้
7.gat thaiเราเรียนแค่อ.ขลุ่ยฟรีในยูทูป ตอนแรกคิดว่าไม่ยาก แต่ไปสอบมาไม่ได้เต็มค่ะ55555555 เพราะเราไม่ฝึกโจทย์เพิ่มเลย แต่อ.ขลุ่ยสอนดีค่ะ
8.gat eng คือพื้นอังกฤษเราค่อนข้างดี เราไปลงคอร์สadmissionของenconceptและเรียนตั้งแต่ม.4ก่อนบินไปตปท. แต่เรียนไม่จบค่ะ หลังจากนั้นก็ไม่เรียนอีกเลย แล้วก็ทำโจทย์แกทอิ้งเอาเอง ปรินท์ๆมากับหนังสือโจทย์ที่ซื้อมา ประกอบกับปีนี้แกทอิ้งง่ายมาก คะแนนเลยเป็นที่น่าพึงพอใจค่ะ แต่ถ้าคนที่ใช้คะแนน9สามัญอังกฤษ เราแนะนำให้เรียนพิเศษนะคะ มันเน้นspeed testมาก เราทำไม่ทันไปเกือบ20ข้อเพราะไม่ได้ฝึกมาเลย เพื่อนเราหลายคนบอกว่าพี่แนทดี
9.perfect pro triamdomeจะเข้ารัฐศาสตร์ มธก็ไปเรียนเถอะ ไม่สะดวกเรียนคอร์สอื่นยังไงแต่ก็เรียนคอร์สนี้เถอะ รวมทุกอย่างแล้วทั้งข่าวปจบ.ตะลุยโจทย์ที่ทวนเนื้อหาให้ และสรุปวิธีเขียนเรียงความสั้นๆให้ เรียนสองวันแต่เรียนทั้งวัน
รีวิวหนังสือที่ใช้ในการสอบทั้งหมดของเรา
อังกฤษ
1.errorเล่มเขียวขาว อ.ศุภวัฒน์ ดีมาก เพราะเราอ่อนerrorสุดๆ มีข้อสอบerrorล้วน20ชุด ถึงเราจะใช้เวลาทำนานมาก เพราะเราอู้แต่มันดีมากๆสำหรับคนไม่ถนัดerror เสียดายอดเอามาขายต่อเพราะโดนอาจารย์ที่โรงเรียนยึดไป
2.gat engของเพจgat community โจทย์มาตรฐาน คือใกล้เคียงข้อสอบจริง ศัพท์ดีมากกกกกก เล่มนี้ศัพท์ออกเยอะสุดในสนามสอบ จากทุกเล่มที่เคยอ่านมา
3.gat engเล่มขาวแดง อ.ศุภวัฒน์+ปรินท์ข้อสอบเก่าgat engจากเพจgat community เหมือนกันคือมีแต่โจทย์อังกฤษสอบgat โจทย์มาตรฐาน คือใกล้เคียงข้อสอบจริง
4.หนังสือศัพท์ของenconcept อ่านเพลินๆเวลาขึ้นรถไฟฟ้า มันแถมมากับคอร์สเรียน
5.tu-getเล่มแดงกับเล่มเหลือง ของสถาบันภาษามธตอนนั้นเราใช้สอบtu-get เลยหยิบเอาพาร์ทerrorกับreadingมาทำอีกที readingดีมาก ยากกว่าข้อสอบจริง แต่มันฝึกให้เราอ่านเร็ว
สังคม
1.หนังสือคอร์สturbo ดาวองก์
2.ครูพี่บอลเล่มเขียว เราไม่มีเล่มแดง ไม่รู้ต่างจากเล่มเขียวมากไหม แต่เราว่าเล่มเขียวดีมาก คือเราไฮไลท์+เขียนย่อความเพิ่มในเล่มอย่างเยอะ
ไทย
1.หนังสือคอร์สturbo ดาวองก์
2.หนังสือแนวข้อสอบไทย11พ.ศ.เฉลยโดยดาวองก์
เลข
1.หนังสือคอร์สo-net pansmartmathpro
2.ข้อสอบเก่าจากrath center ปรินท์จากเน็ตมา โรงเรียนบังคับให้ทำส่งจ้า
วิทย์
1.โอเน็ตวิทย์ออนดีมานด์ในวิชาชีวะและดาราศาสตร์
2.ปรินท์ข้อสอบเก่าเคมีโอเน็ตในเน็ตมาทำ เราเคยเรียนพวกเคมีอ.อุ๊ม.ปลายสายวิทย์เล่มแรกๆ ซึ่งช่วยมากมนเรื่องของพื้นฐาน คือเราเรียนศิลป์ภาษาแต่เราชอบเคมีเฉยๆ
3.เพื่อนปรินท์ข้อสอบแยกเรื่องฟิสิกส์มาสอนให้ ไม่รู้เพื่อนปรินท์มาจากไหน5555555
จิปาถะ
เราอ่านหนังสือจากติวเฉพาะกิจของแบรนด์กับmrtด้วย ไม่รู้ช่วยไหม แต่เราชอบนะ
จบแล้วจ้า ใครมีคำถามอะไรเม้นต์ถามได้เลยเด้อ หรือถ้าจะเอาให้รวดเร็วกว่าก็ไดเรคไอจีมาได้ที่ @_nnamwann (ขายของได้ไหมว่าเรารับสอนพิเศษภาษาอังกฤษกับภาษาอิตาเลียนด้วย55555)
ฝากทวิตขายหนังสือของเรากับเพื่อนด้วยเด้อ @_3000716793 มีทุกสายการเรียน เพราะขายกัน4คนในแอคเดียวกันจ้า
1 ความคิดเห็น
เราก็เรียนเตรียมโดม ลงทุกคอร์สเลย สอบติดก็เพราะที่นี่แหละ แนะนำ”เตรียมโดม” ชอบพี่วินสุด ๆ ใจดี กันเอง ที่สำคัญ เราว่าต้องเข้าเรียนเอง เพราะซื้อหนังสือมาอ่านเองต่างกันมาก ไม่เข้าหัว
แต่พอเข้าเรียนพี่วิน พี่วินจะมุกการจำ ตอนทำข้อสอบนายก เสียงพี่วินลอยมาจริง ๆ มั่นใจมากว่าถูกแน่ ๆ ฟังพี่เค้าสอน ตั้งใจเรียนได้อะไรดีๆกลับมาเยอะ (คิดในใจคิดถูกมาก ตัดสินใจเรียนที่เตรียมโดม)
ยิ่งคอร์สเรียงความ เตรียมโเม ช่วยฝึกการเขียน จากคนที่เขีบนไม่เป็น พี่เขาสอนเป็นระบบ เขีบนง่ายขึ้นเยอะ เป็นที่เรียนดีที่สุดทุกที่เคยเรียนมาเลย
ปล.เราเรียนเตรียมโดม คอร์สสด ซึ่งเดินทางเรียนที่ ปิ่นเกล้า แต่คุ้มค่าจริง ๆ ทั้ง ๆ ของพี่วิน เตรียมโดม มีเรียนกับคอม หรือ ออนไลน์ที่บ้าน เราก็คิดเหมือนกันว่าจะไม่มีวินัย อยากเจอเพื่อนๆรอบสด พี่เขาดูแลทุกอย่างจริง ๆ จนถึงวันสอบ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?