ปรึกษาหน่อยค่ะ
ตั้งกระทู้ใหม่
เคยมีความกังวล หรือเครียดกับชีวิตจนบางทีมีพล็อตในหัว หรือเนื้อเรื่องแต่ก็ไม่สามารถเขียนได้ไหมคะ มันเป็นความรู้สึกเศร้าๆ เหงาๆ เครียดๆ กังวลอะไรบางอย่างอยู่ จินตนาการในหัวแล่นนะแต่เหมือนมีเงาดำมากลืนมันเลยอะ พวกคุณขจัความเครียดยังไงกันหรอ เราฟังเพลงดูอนิเมะก็แล้ว แต่ก็...ลืมได้เป็นพักๆ หยุดคิดไม่ได้เลย เหนื่อยจัง อยากเขียนนิยายต่อแต่เขียนปุ๊บก็นั้นแหละ เหมือนมีเงาดำมาดับจินตนาการเหล่านั้น
5 ความคิดเห็น
เคยเป็นค่ะ พักผ่อนก่อนนะคะ หลังจากนั้นจะสามารถเขียนต่อได้ค่ะ สำหรับเรา บางทีก็ต้องห่างไปบ้างแล้วสองสามวันหลังจากนั้นจะกลับมาเขียนต่อได้ค่ะ
นั้นสินะคะ เราคงไม่ควรฝืนความรู้สึกจริงๆ
เป็นๆ เรานี่ต้องจำเป็นตัวเลขเลย เป็นลำดับๆไป
1.ไปหาเอลฟ์ 2.ขึ้นรถไฟ 3.ต่อสู้(พลอตที่จะเขียน)
เอลฟ์ รถไฟ ต่อสู้ -- เอลฟ์ รถไฟ ต่อสู้
เอลฟ์ รถไฟ สู้
แล้วก็รีบมาเขียนให้เร็วที่สุด ถ้าเหลือ2อย่างแสดงว่าลืมอะไรไป
แต่นึกหน่อยนึงก็มาละ555
เอลฟ์ รถไฟ ต่อสู้...
เอลฟ์ รถ สู้...
ขออนุญาต แอบยิ้ม....555
จะจำไปใช้
เดี๋ยวมันลืมไงง5555
3อย่างนี่ลิมิตละ พอ4ชักจะลืม ครึ่งวันต้องรีบจด
ผมเจอปัญหานี้อยู่ตลอดนะและเป็นมาเกือบ 10 ปีแล้ว วิธีแก้ส่วนตัวคือไม่ให้ความสำคัญกับมัน อยู่กับมันเหมือนเป็นเรื่องปกติ ไอเจ้าความรู้สึกเอย สัญชาตญาณเอย อะไรพวกนี้ถ้าลองไปศึกษาเรื่องสมองดูดีๆจะรู้ว่าเราไว้ใจอะไรมันมากไม่ได้ วิธีแก้ก็คล้ายกับความเห็นที่ #2 คือเขียนต่อไปตามลำดับขั้นตอน เพราะถ้าเราหยุดเขียนแล้วไปให้ความสำคัญกับความรู้สึกที่เธอเรียกว่า 'เงาดำ' นั่นปุปงานเขียนจะชะงักทันที สมองจะหาเรื่องอื่นให้เธอมาคิดแทนเพื่อเป็นการประหยัดพลังงานในการลงมือทำ สู้เขียนต่อไปเป็นหุ่นยนต์เลยยังจะดีกว่า
แต่กรณีผมเองมันเป็นเรื่องของโรคกับสารเคมีในสมองเลยเลือกใช้วิธีนี้ แต่ถ้าเธอไม่มีปัญหาอะไรในส่วนนี้ก็มักจะเป็นเรื่องของ 'สิ่งที่ค้างคาใจ' แทน อยากให้รู้เอาไว้ว่า...มนุษย์เราจริงๆมันรู้ว่าตัวเสมอว่าตัวเองมีปัญหาอะไร แค่สมองของเรามันฉลาดซะจนหลอกตัวเองได้สนิท กดความรู้สึกตัวเอง โกหกว่ากำลังสับสน อาจจะเป็นความเครียด กังวล หรือกลัวผลลัพท์ที่จะออกมา กลัวจะเขียนได้ไม่ดีอย่างที่วาดฝันเอาไว้เลยเลือกที่จะวาดในหัวต่อไป (คิด = หยุดลงมือเขียน)
หนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจคือการ 'ยอมรับตัวเอง' ฉันอ่อนแอ ฉันยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ ฉันแค่กลัวที่จะเขียนมันออกมา คือบางครั้งเราก็จะเผลอไปแบกทัศนคติทำนองที่ว่า 'ฉันต้องอดทนสู้กับมันให้ได้' ทั้งที่จริงแล้วเราอาจไม่จำเป็นต้องต่อต้านทางความคิดขนาดนั้น การยอมรับความอ่อนแอแล้วเขียนต่อไปมันก็ให้ผลไม่ต่างกัน แต่ประเด็นคือมันผ่อนคลายกว่า ประหยัดพลังงานกว่า ถ้าเราลดความซับซ้อนทางทัศนคติในหัวได้เยอะมากเท่าไหร่ ปลดปล่อยตัวเองได้มากเท่าไหร่ อะไรๆมันก็จะง่ายขึ้นเอง
หรือไม่ก็ลองอีกวิธีนึงคือ 'เขียนบรรยายออกมาเลยว่าทำไมตัวเองถึงเขียนไม่ออก' รู้สึกโมโหตัวเองอะไรว่าไป มันอารมณ์เหมือนสตาร์ทเครื่องยนต์อะ ถ้าโชคดีเดี๋ยวเครื่องมันก็ติดเอง
อย่างเวลาฟุ้งๆ บางครั้งผมก็จะหาวิธีระบายเหมือนกัน (ที่มาพิมพ์นี่แหละระบายแล้ว ข้อมูลตีกันในหัวเยอะเกิน)
เป็นนะ ตอนนี้ก็เป็นอยู่ ตอนใหม่อยากจะอัพแล้ว แต่ยังเขียนได้ไม่ถึงครึ่งตอนเลย ปกติเวลาจะแต่งก็จะรีีไรท์ส่วนที่เขียนทิ้งไว้ก่อนรอบนึง เปิดเพลงบิ้วอารมณ์ไปด้วย ยังไงมีพล็อตในหัวมันก็รู้อยู่แล้วว่าอยากได้ดนตรีแบบไหนประกอบฉาก พอรีไรท์จบค่อยมาดูอีกทีว่าสตาร์ทติดมั้ย ติดก็ต่อ ไม่ติดก็ปิด
เป็นเหมือนกันค่ะ คิดได้ว่าควรจะดำเนินเรื่องราวยังไง แต่เขียนไม่ออก รู้สึกเทาๆ อึมครึมๆ แปลกๆ เราเคยคิดถึงเหตุผลเหมือนกันนะคะ บางทีมันก็อาจเป็นเพราะสิ่งที่เราคิดมันยังไม่ดีพอในความรู้สึก หรือบางทีก็ไม่รู้จะเขียนยังไงให้ดีพอกับเส้นเรื่องที่วางไว้้
ก่อนอื่นที่เราทำคือ พักก่อนค่ะ แต่ถึงงั้นในใจมันก็ยังคิดว่าจะต้องทำให้สำเร็จ และความคิดนี้แหละทำให้ไม่กี่วันต่อมาก็ลุกขึ้นมากดแป้นพิมพ์ต่อ พอได้เริ่มก็ไหลมาเลย และถ้าระหว่างที่เขียนไปเกิดได้ไอเดียดีๆ ขึ้นมา ซึ่งมันก็มักจะมาตอนที่เขียนอยู่นั่นแหละ พอพอใจแล้วหรือดีกว่าที่คิดไว้ ตอนนั้นจะรู้สึกเหมือนปลดล็อกเลยค่ะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?