Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

(CR) Review : LASIK 。‿。

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีค่ะ วันนี้ก็จะมารีวิวการทำเลสิคกัน ขอย้อนสั้นๆว่าเราเป็นมนุษย์แว่นตา สายตาสั้นตั้งแต่ป.1 เท่าที่จำได้ก็คือถูกตรวจค่าสายตาที่โรงเรียน แล้วรถตู้โรงเรียนก็พาไปตัดแว่นที่สภากาชาด ตอนอยู่ในรถตู้นั่งไปกับเด็กหลายคนจำได้ว่าร้องไห้กระจองอแงกันทั้งรถ เพราะเข้าใจว่าถ้าสายตาสั้นต้องรักษาด้วยการฉีดยาเข้าที่ลูกตาจ้าคุณผู้อ่าน ใช่ค่ะร้องไห้กันตลอดทางเหมือนรถขนหมูเข้าโรงเชือด สรุปก็อย่างที่รู้กันดี เขาพาไปตัดแว่นโว้ยอีเด็ก นี่แหละค่ะปฐมบทของการอยู่กินของดิฉันกับแว่นสายตา หลังจากนั้นสายตาของดิฉันก็ถูกปกคลุมด้วยแว่นสายตามาตลอดกาลนาน กินอยู่หลับนอนไปไหน ไปกับแว่น ถ้าชีวิตขาดแว่นไปคืออยู่ไม่ได้นะ ป้ายข้างทางอ่านไม่ออก ฉลากอะไรก็มองไม่เห็นส้ากกะอย่างหนึ่ง 

พาร์ทต่อมาคือ ทำไมต้องอยากทำเลสิค ก่อนตอบคำถามนี้จะมาบอกความยากลำบากของการใช้ชีวิตแบบมีแว่นนะตื่นเช้ามาก็ต้องควานหาแว่นตาเป็นอันดับแรก เพราะลืมตามาแล้วมองไม่เห็นอะไรเลยจ้ะ ทุกอย่างมัวเบลอไปหมด พอได้แว่นก็ใส่เสร็จสับ เดินเข้าห้องน้ำจะอาบน้ำก็ถอดแว่นหรือจะไม่ถอดก็ใส่อาบไปตามอัธยาศัย แต่ต้องรับได้ว่าใส่อาบแล้วแว่นของท่านจะมีรอยหยดน้ำเกาะ ทำให้เป็นรอยคราบบนแว่นตา ต้องล้างแว่นอย่างพิถีพิถันเพื่อความคมชัดของแว่นตา ถ้าวันไหนฝนตกก็นั่นแหละค่ะ ชีวิตลำบาก ฝนตกใส่หน้าไม่พอหยดใส่แว่นด้วย  ทัศนวิสัยของคนสายตาปกติในวันฝนตกเป็นอย่างไร คนใส่แว่นก็แย่ยิ่งกว่าสิบเท่า เอ่อ อันนี้แล้วแต่ค่าสายตานะ พอดีของเราสั้นประมาณ600ไม่รวมเอียง วันไหนอยากฟิต ออกกำลังกายใช่ไหม เอาแค่เบสิควิ่งเหยาะๆ แว่นเจ้ากรรมก็กระโดดไปพร้อมเราทุกฝีก้าวใช่ค่ะ กระโดดแบบสะดีดสะดิ้งสะเดิดสะเดิง บางคนอาจจะคิด คิดว่าแหม จะอะไรก็โทษแต่แว่น อ่าก็ใช่ค่ะ พันธุกรรมก็มีส่วนบ้างถ้ากระดูกจมูกของเราสูงไม่พอจะเหนี่ยวรั้งเธอให้อยู่กับเราได้ เออนะแต่มันไม่นานหรอกจ้ะ ดั้งโด่ง+เหงื่อ = แว่นไหลอยู่ดี นี่คือน้ำจิ้ม ยังไม่รวมการใส่แมส+แว่น บางทีแค่หายใจชีวิตก็ลำบากแล้ว เพราะแว่นขึ้นฝ้าไง เหมือนกันกับตอนที่ออกจากห้องแอร์หรือรถบีทีเอสนั่นแหละ หลังจากลงจากสถานี คนใส่แว่นจะนิ่งไปพักใหญ่ให้เพื่อนๆพอได้สงสัยเล่นๆว่าแม่งหยุดเดินทำไมวะ ใช่ค่ะเพื่อน แว่นขึ้นฝ้าและกูไม่เห็นอะไรทั้งน้านแม้แต่ทางข้างหน้า นั่นแหละจ้าความลำบากชีวิตของคนใส่แว่น นอกจากนี้ก็ยังมีข้อจำกัดอื่นอีกมากมายสำหรับคนมีแว่นที่ไม่ขออธิบายต่อเพราะบล็อกนี้จะยาวมากเกินไป ส่วนข้อดีที่ควรทราบคือ แว่นเป็นการรักษาของภาวะค่าสายตาผิดปกติที่ปลอดภัยมากที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีตอนนี้จะหามาทำได้และก่อให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับวิธีการปรับแก้ค่าสายตาแบบอื่น ส่วนข้อจำกัดของแว่นสายตาก็ดังที่กล่าวไปแล้วข้างบนนะคะ เอาละ เราจะไปต่อกันที่แล้วทำไมต้องเป็นเลสิค ทำไมไม่ใส่คอนเทคเลนส์? คำตอบก็คือ เราเป็นคนขี้ลืมมากๆ ขี้ลืมชนิดที่ว่าไม่รู้ต้องเขียนกี่บรรทัดถึงจะสามารถบรรยายความขี้ลืมได้หมด เอาง่ายๆว่าเป็นคนขี้ลืมนั่นแหละ แล้วมีวันหนึ่งมีคนรู้จักเคยต้องไปหาหมอเพราะหลับเพลินแล้วบังเอิญลืมเอาคอนแทคเลนส์ออกจากตา จำได้ว่าครั้งนั้นปฏิญาณกับตัวเองในใจว่าต่อให้น้ำไม่ไหล ต่อให้ไฟดับยังไงชีวิตนี้จะไม่มีวันพึ่งคอนแทคเลนส์เด็ดขาด และทั้งหมดนี้คือ จุดเริ่มต้นของการตัดสินใจทำเลสิคของเราละ ... :)

Step 0 หาข้อมูล

อยากได้อะไร ลองค้นกูเกิลสิคะ มีทุกอย่างที่อยากได้ คีย์เวิร์ดคือ เลสิค เพื่อหาข้อมูลว่าเลสิคคืออะไรน้า ใครบ้างที่ทำเลสิคได้ ขั้นตอนการทำมีอะไรบ้าง ทำแล้วเป็นยังไงบ้าง ผลข้างเคียงที่ตามมาคืออะไร ข้อมูลส่วนนี้ขอเว้นไว้เพราะทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลในส่วนนี้ได้อย่างเท่าเทียมกันนะคะ แอบแนบลิ้งค์ไว้หน่อยก็ได้ 
https://pantip.com/topic/41102959
https://pantip.com/topic/40118743
https://pantip.com/topic/35836273
https://pantip.com/topic/31181153
พออ่านแล้วพบว่าตัวเองช่างเหมาะกับการทำเลสิคเหลือเกิ้นต่อมา 'ทำเลสิคที่ไหนดี' นี่แหละคะ ขั้นตอนที่ดูไม่มีอะไรแต่จริงๆแล้วเราต้องประเมินตั้งแต่ความน่าเชื่อถือของศูนย์บริการ ราคาค่าบริการมีตั้งแต่สามหมื่นปลายๆไปจนถึงแสนฟ่าบาท ความใกล้ไกลของที่พักกับศูนย์บริการ อันนี้แล้วแต่นะ เท่าที่หาข้อมูลเจอส่วนใหญ่ทำแล้วกลับเลยไม่มีนอนพัก แต่บางที่มีบริการทำเลสิคหนึ่งทีแถมแพคเกจโรงแรมดีๆหนึ่งคืนจ้ะพี่จ๋าา ก่อนตัดสินใจทำก็อ่านรีวิวในพันทิปดู ข้อมูลค่อนข้างละเอียดเลย สำหรับเราตกลงปลงใจกับศูนย์เลสิครามาธิบดีค้าบ(ราคา55kเฉพาะผ่าตัดแก้ค่าสายตาเท่านั้น* ไม่รวมค่าอย่างอื่น) เบอร์โทรหาไม่ยาก หาข้อมูลเพิ่มดูนะ บล็อกนี้ตั้งใจรีวิวแต่ไม่เชียร์ไม่โปรโมตให้ศูนย์บริการที่ใดๆทั้งสิ้น ให้ข้อมูลเท่าที่ตอบได้ พอได้ที่ถูกใจแล้วติดต่อแจ้งความต้องการทำการผ่าตัดแก้ไขสายตา แล้วก็นัดตรวจสายตากันได้เลยยย

Step1 วันตรวจสายตา

เป็นวันที่ประเมินค่าสายตามีขั้นตอนมากมายหลายหลากให้ได้ทำ พอจำได้ว่ามีการอ่านเลขเหมือนตอนวัดค่าสายตาเลย พี่ประจำห้องนี้ก็คือวัดค่าสายตาของเราว่าสั้นเอียงยาวประมาณนี้ ออกมาเป็นค่าสายตาปัจจุบันแล้วเทียบกับแว่นสายตาที่ใส่ ของเราร้านแว่นค่อนข้างเนี้ยบเลยตัดแว่นออกมาได้ใกล้เคียงกับค่าสายตาจริงแม้ไม่ได้ไปวัดค่าสายตามาสองปีกว่า แล้วก็มีการวัดประเมินค่าความหนากระจกตา เพื่อดูว่ากระจกตาของเราเนี่ย หนาเท่าไหร่ หนาเพียงพอสำหรับการทำเลสิคหรือเปล่า ถ้าทำได้ทำได้ครั้งเดียวหรือสามารถทำเผื่อการแก้ไขได้อีกในครั้งถัดไป ของเราหนา520ไมโครเมตร หมอบอกว่าได้รอบเดียวจ้า ไม่มีรอบแก้ตัวอีก ต่อไปก็เข้าห้องมืด ในห้องนี้มีเครื่องให้เล่นสามสี่เครื่องจำได้ไม่หมดแต่เขาก็วัดประมาณว่าค่าสายตาคอนเฟิร์มมั้ง รูม่านตาตอนอยู่ในที่มืด อีกสองสามอย่างก็ทำๆไปไม่รู้ว่าอะไรเหมือนกัน5555 เอาเป็นว่าประเมินสายตาก่อนจะทำเลสิคอ่ะ ตอนวัดๆอยู่จำได้ว่ามีพี่ห้องหนึ่งพูดว่าสั้น600เอียงอีก200พี่กลัวว่าจะได้ผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาแทน ในใจคือกรี๊ดแล้วนะ ถ้าผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาค่าใช้จ่ายคือไม่ไหวต้องไปเก็บใหม่อีกหลายปีเลยล่ะ เวลานอนพักฟื้นก็นานออกไปอีกเพราะเป็นการผ่าตัดใหญ่ คงจะกรีดจริงเจ็บจริงไม่มีการมาใช้เลเซอร์ตัดกระจกตาแบบเลสิค (ข้อมูลนี้ประเมินเองและคิดเองอาจจะคลาดเคลื่อนไปตามความเข้าใจค่ะ ไม่ได้ศึกษามาลึกขนาดนั้นอ่า) 


/ระหว่างรอนั่งเข้าห้องหมอก็อัพสตอรี่แก้เครียดสักกะ-ด/
อืมอ่า  ก็กังวลน้อยนึง คิดไปไกลมากถึงการเข้าห้องผ่าตัด แต่ก็ยิ้มๆไปตามสเตป พี่ที่ศูนย์เลสิคคือใจดีมากเลยทุกคน บริการให้สิบเต็ม  ทั้งคำพูดคำจา วิธีการอธิบายใจดีและน่ารักมากๆ จากนั้นหมอก็เอาค่าสายตาที่ได้ไปประเมินและคำนวณบวกลบคูณหารเลขกันแล้วดิฉันก็ถูกเรียกเข้าห้องคุณหมอ ผู้จะตัดสินชีวิตว่าค่าสายตาแบบนี้จะทำเลสิคได้ไหม ก่อนจะได้คำตอบหมอก็จะถามว่าทำไมถึงอยากทำ แล้วคุณหมอก็อธิบายว่าเลสิคคืออะไร เหมาะสมกับใคร เพื่ออะไร หลังทำผลข้างเคียงระยะสั้นเป็นยังไง ผลระยะยาวเป็นแบบนี้ เรารับได้ไหม (เรื่องนี้ขอละไว้เพราะจำได้ไม่หมดถ้าปล่อยแถไป ข้อมูลอาจจะคลาดเคลื่อนซึ่งไม่เป็นผลดีต่อคนอ่านนะคะ) ผลปรากฎว่า ดิฉันได้รับสิทธิ์ในการทำเลสิคเจ้าค่าาาาาา ระหว่างตรวจรูม่านตาถูกเอ็ดนิดนึงเรื่องบีบตาสู้หมอ 55555 ก็ได้การบ้านกลับมาหนึ่งกล่อง

การบ้านคือการหยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆฝึกวิทยายุทธ์เพื่อความชำนาญของลูกตาเพราะเวลาเลสิคจริงจะมีเครื่องมือแตะผิวเลนส์ตาตลอดจะได้มีความคุ้นเคยและการผ่าตัดแก้ไขสายตาเป็นไปได้อย่างราบรื่น    เป็นอันจบกระบวนการวันตรวจตาเพื่อทำเลสิคแต่เพียงเท่านี้ ออกจากห้องหมอมาที่เคาน์เตอร์เพื่อนัดวันทำเลสิค พอได้ทำวันเลสิคก็จะขาดไม่ได้เลย คือ pre-op swab นั่นเองจำเป็นมากๆในยุคโควิดรุ่งเรืองขนาดนี้ (swabก่อนทำหัตถการจริงประมาณ1-2วัน แล้วแต่โปรโตคอลของแต่ละที่เลยน้า) ก่อนวันนัดเลสิคสักสองวันก็จะมีพี่ที่ศูนย์โทรมาคอนเฟิร์มกับเราทั้งนัดเลสิคและswab น่าจะกลัวลืม5555 ก็ไปตามนัด swab สรุปผลว่าไม่พบเชื้อ ทุกอย่างก็จะโกออนไปถึงวันทำเลสิคจ้าาา แง่บๆ

ก่อนจะไปถึงวันทำเลสิค 
วิธีการเตรียมตัวก่อนขึ้นเขียง = ใส่เสื้อติดกระดุมหน้า พกแว่นกันแดด ทีสำคัญที่สุดคือเงินค่าหัตถการ

 

Step2 วันทำเลสิค

วันนี้มาตามเวลาที่นัด ทำแบบคัดกรองโควิด(ตามมาตรการของแต่ละรพ.) เซ็นคำยินยอมเข้ารับการรักษา อ้อลืมบอกไปเลย ชื่อการผ่าตัดที่ทำในครั้งนี้คือการทำเลสิคชนิด Femto-lasik (ชื่อเต็ม : Femtosecond laser-assisted in situ keratomileusis, ชื่อย่อ FS) วันนี้อิชั้นก็ได้ตรวจค่าสายตาอะเกน กับเครื่องวัดค่าสายตา วางคางนั่งหน้าผากชิดกับเครื่องดูเรือใบใจจดจ่อ ต่อไปก็อ่านชาร์ทVA ถ้าอยากรู้ไปเสิร์ชเอานะ 5555 ถ้าขี้เกียจ มันก็คือตัวเลขที่อ่านเวลาตัดแว่นง่ะ /บอกแค่นี้แต่แรกก็จบมะ ก็คือวัดค่าสายตาแบบmanual อีกรอบดูว่าคลาดเคลื่อนจากค่าที่ได้จากเครื่อง/วันตรวจตาครั้งแรกไหม และเป็นการวัดค่าสายตารอบสุดท้ายไฟนอลลี่ก่อนจะไปทำเลสิคจริงๆ จากนั้นถูกอัญเชิญมานั่งรอหน้าห้องหมอเพื่อรอตรวจก่อนเข้าห้องทำเลสิค ช่วงรอนี่แหละค่ะคุณผู้อ่าน พี่เจ้าหน้าที่จะส่งเราไปซื้อยาอันประกอบไปด้วยน้ำเกลือเช็ดตา ยาหยอดตาฆ่าเชื้อ น้ำตาเทียม ยานอนหลับ ยาแก้ปวด

พอได้ยาก็เดินหิ้วป้อกแป้กกลับศูนย์เลสิคฯเพื่อรอเจอหมอต่อ ตอนเจอหมอ คุณหมอก็ตรวจตาเหมือนเดิมตรวจลักษณะทางกายภาพของตา(มั้งคะ)เพื่อดูว่ามีอะไรเป็นอุปสรรคกับการทำเลสิคครั้งนี้บ้าง อธิบายทุกสิ่งทุกอย่าง(จริงๆ)ที่จะเกิดขึ้นกับเราในห้องเลสิค เวลาตรวจก็มองไปที่ข้างหูหมอบ้าง มองลงล่างบ้าง มองขึ้นเพดานบ้าง ตอนตรวจนี่แหละค่ะ อาจารย์หมอมองละเอียดมากกกกก เห็นขนตาที่ทิ่มเข้าลูกตาของอิชั้น เป็นสาเหตุหนึ่งของรอยแห้งที่ลูกตา ทำให้ขนตาเจ้ากรรมเส้นนั้นถูกถอนไปหนึ่งเส้น เจ็บจนได้น้ำตาเลยค่ะแต่เพื่อความสำเร็จก็ต้องยอม (ท่องไว้ความเจ็บไม่มีตัวตน) ระหว่างรอจะมีพี่เจ้าหน้าที่คอยทำความสะอาดตาให้ หยอดยาชาบ้าง น้ำเกลือบ้าง ยาฆ่าเชื้อบ้าง ตื่นเต้นดี ไม่ได้จำและก็ไม่ได้ถามลำดับก่อนหลังแต่เท่าที่จำได้ ยาชาจะแสบที่สุด หลับตาปี๋สองสามนาทีถึงจะมีแรงลืมตาใหม่ พอถึงเวลาที่ยาชาออกฤทธิ์ก็จะมีพี่เจ้าหน้าที่มาจับจูงจมูกอิชั้นไปเตรียมตัว ถอดแว่นเก็บใส่กระเป๋าใส่ล็อกเกอร์ไว้ ใส่ชุดเขียวสำหรับห้องผ่าตัด จากนั้นก็พร้อมเข้าห้องเลสิค ในห้องเป็นห้องผ่าตัดห้องหนึ่งได้เลยแหละ เข้าไปจะมีเตียงนอนยาวอยู่หนึ่งเตียงกลางห้อง พี่เขาก็จะพาเราไปนอนเสร็จ ปูผ้าเจาะกลางให้โผล่ออกมาแค่ตาสองข้าง ปูผ้าห่มให้ท่อนล่าง พร้อมบอกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามขยับมือมาข้างบนผ้าเจาะกลางเด็ดขาดนะอีเย็น ว่าเสร็จพี่เขาก็จัดการยัดลูกบอลสองก้อนใส่มืออิชั้น(คิดเล่นๆว่านี่มาเลสิคนะคุณพรี๊ ทำอย่างกับจะมาบริจาคเลือด55555 นั่นแหละเดี๋ยวรู้เลย) นอนรอคุณหมอและทีมงานเข้ามาสักพัก เป็นบรรยากาศผ่อนคลายมาก อาจารย์บอกทุกขั้นตอนว่ากำลังจะทำอะไรบ้าง เราเองควรทำตัวยังไงบนเขียงนี้ ไม่เลวนะรู้สึกดีเลย เสียงหมอนิ่มและมือหมอก็นิ่มมากแทบไม่รู้สึกเลย บางจังหวะหมอก็จะ ‘เดี๋ยวนะ …’ ก็รู้ได้เลยค่ะว่าถึงจังหวะที่คุณต้องตั้งใจฟังหมอแล้วว่าหมอจะให้ทำอะไร5555 ก่อนหน้านั้นมีปูผ้า ติดสติกเกอร์ที่ตา ใช้เวลาไม่น่าเกินสิบนาทีในห้องนับเฉพาะตอนเลสิคนะ ถ้ารวมขั้นตอนการเตรียมเลสิคก็รวมแล้วไม่เกินยี่สิบนาที ไม่นานๆ อ่าใช่ค่ะ เวลาไม่นานเลย (ไม่สัมพันธ์กับเงินที่เสีย แต่ถ้าถามว่าคุ้มไหมนี่ว่าคุ้มนะ) เท่าที่จับใจความที่หมออธิบายให้ฟังก่อนเข้าห้องคือเข้าไปในห้องเราจะผ่านเครื่องมือสองเครื่องด้วยกัน ขอโทษจริงๆที่จำได้ไม่ชัดว่าเป็นเครื่องอะไรบ้าง คุ้นๆว่าเครื่องแรกจะเป็นแสงเลเซอร์ที่ใช้แยกกระจกตาอ่ะ ความรู้สึกใต้เครื่องแรกก็จะเห็นวงไฟขาวๆเหมือนไฟวงตามโต๊ะแต่งหน้ากลางวงจะเป็นเหมือนกระจกเงาสีแดงเลือดนกหรือน้ำตาลเข้มประมาณนี้ หมอให้มองไปตรงกลางของวงไฟนั้น เราก็มองตาม ใช่จ้ะ กระจกเงา เห็นลูกตาตัวเอง หวัดดีจ้ะลูกตา ลูกตาของฉันเอง กรี๊ดดด ขั้นตอนนี้จะจบด้วยทุกอย่างจะวูบลง ทุกอย่างจะดำวูบไปหมด เดานะว่ากระจกตาน่าจะถูกแยกออกสำเร็จแล้ว (อินเนอร์เป็นน้องนาบี นางเอกเรื่องนมกล่องรสจืดก็เข้าอิชั้นนน 5555555) มืดไปหมดแต่ยังได้ยินเสียงหมอและทีม ขั้นตอนนี้หมอบอกไว้ก่อนเข้าห้องละก็เลยไม่ตกใจมากเพราะรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในห้องบ้าง ไม่ตกใจแต่บีบลูกบอลในมือแรงมาก งื้อ เข้าใจแล้วค่ะลูกบอลนี้มันเป็นที่ส่งอารมณ์ความเกรงกลัวของอิชั้นจริงๆ ขั้นตอนนี้ไม่ถึงสิบวินาทีก็เสร็จหนึ่งข้าง ทำเสร็จเครื่องก็ย้ายไปทำอีกข้างต่อ ครบสองข้างหมอก็จะปิดตาทั้งสองข้างแล้วบอกเราว่ากำลังจะเข้าเครื่องที่สองแล้ว ทีนี้เปิดตามาก็จะเห็นวงไฟหลายดวง แบ่งซ้ายขวาข้างละ4ดวงมั้งนะ … 55555 หมอจะเปิดตาทีละข้างให้มองไฟดวงสีเขียวจนกว่าหมอจะพอใจแหะๆ ไม่รู้อ่ะ หมอเป็นคนบอกว่าแบบนี้โอเคแล้วเปลี่ยนข้างได้ เท่านั้นเลย 5555 ทำครบสองข้างเป็นอันเสร็จกระบวนการของวันนี้ ไม่ต้องกลัวมีพี่เจ้าหน้าที่เชียร์อัพคุณตลอดการทำ แบบว่า ‘ทำแบบนี้ดีแล้วจ้า’ ‘ค้างไว้นะ’ ‘อีกแป๊ปเดียวววว’ ของอาจารย์หมอกับหมอๆก็คือ ‘โอเคเลยท่านี้’ ‘ท่านี้สวยมาก’ 5555 ดีงามมาก ลดความเกร็งของคนบนเขียงได้เยอะเลย และแล้วก็ถึงขั้นตอนความเจ็บที่สุดของการเลสิค ไม่ใช่การแยกชั้นกระจกตาหรือการใส่เลเซอร์ปรับค่าสายตาใดๆ มันคือการลอกสติกเกอร์ที่ติดไว้ตรงระดับตาของเราเนี่ย เจ็บมากตรงนี้คือเนื้อเยื่ออ่อนสุดๆ อ่อนไหวต่อความรู้สึกแต่ต้องมาถูกแปะสตกและลอกออกในตอนท้าย เจ็บมาก คิดว่าโดนตบหน้าเจ็บยังน้อยกว่า อะฮึก ก็เงยหน้ายอมรับความเจ็บปวดกันไป ลอกสตกเสร็จสมบูรณ์ ก็ไปตรวจตากับหมออีกครั้ง ตอนนั้นมันก็ฝ้าๆขุ่นๆจะไม่ชัดในทันทีนะ จากนั้นก็ปิดแผ่นครอบตา พี่เจ้าหน้าที่แจ้งข้อปฏิบัติหลังทำว่า ห้ามเปิดฝาครอบตาออกเด็ดขาด ใช้สายตาให้น้อยที่สุด กลับถึงห้องให้กินพาราเลย นอนอย่างเดียวเท่านั้นที่น้องต้องการ หลังยาชาหมดฤทธิ์จะมีอาการหนักๆที่ตา เคืองตาจนน้ำตาไหลเหมือนหมาได้ ถึงอย่างนั้นก็เช็ดภายนอก ห้ามเอาอะไรแหย่เข้าไปในที่ครอบตา เดินไปหาพี่ที่เคาน์เตอร์รับพาราหนึ่งเม็ดกลืนลงคอแล้วเดินทางกลับที่พักได้ อ้อ ยาที่ซื้อมาทั้งหมดได้กลับแค่ยาแก้ปวด(พาราหนึ่งแผง)กับยานอนหลับ(Lorazepam0.5mgx2tabs) ที่เหลือเก็บไว้ที่ศูนย์เลสิคทั้งหมดรอมารับอีกทีในวันต่อมาหลังทำเลสิค นี่คือสภาพหลังทำ ข้าคือมนุษย์ตาแมลงวันนน

มองพอใช้ได้เอาว่าไม่ชนคนข้างหน้าแต่ก็ไม่ถึงกับชัดมากจนเดินคล่องอ่ะนะ ค่อยๆเดินช้าๆจับราวบันไดไต่กลับที่พักกันไปพักผ่อนรอพระอาทิตย์ขึ้น


Step3 ตรวจหลังทำครั้งแรก (post-op day1)

ตรวจตาอีกครั้ง เข้ามาก็ตามสเตปเลย รายงานตัว ทำแบบคัดกรองโควิด เข้าห้องตรวจค่าสายตาซ้ำหลังทำเลสิคโดยการอ่านตัวเลข(VA chart) เสร็จแล้ว นั่งรอหน้าห้องตรวจรอพี่เจ้าหน้าที่เปิดตา/เช็ดตา พร้อมเอาฝาที่ครอบตาไปล้างทำความสะอาดให้ (เสร็จแล้วเขาก็จะทำการส่งคืนที่ครอบตาให้เราไปใช้ครอบเวลานอนเพื่ือป้องกันการละเมอเผลอขยี้ตาตอนนอน) พร้อมปฐมนิเทศการใช้น้ำเกลือเช็ดตาทุกเช้า แนะนำให้หยอดน้ำตาเทียมบ่อยเท่าที่ทำได้ หยอดยาฆ่าเชื้อเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ถ้าน้ำตาเทียมกับยาหยอดฆ่าเชื้อตรงรอบกันให้หยอดตัวใดตัวหนึ่งแล้วรอ5-10นาทีค่อยหยอดอีกตัวหนึ่ง ต่อมาเข้าห้องพบคุณหมอตรวจเช็คความเรียบร้อยของเลนส์ตาอีกครั้งว่าปิดสนิทดีไหม มียับยู่ยี่จากแรงบีบตาของเราหรือเปล่า ปรากฎว่าเรียบร้อยดี หมอบอกว่าการมองเห็นประมาณ95%ละ มีมัวบ้างให้ทำงาน30นาที พักสักทีหนึ่ง หยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆถ้าตาแห้งจะไม่ปวดตาแต่จะกลับมาด้วยอาการตามัว กรี๊ด น่ากัวมาก หนูหยอดทุก15นาทีเลยแล้วกันค่ะหมอ ตรวจตาแล้วก็เดินออกมาพบพี่จนทที่เคาน์เตอร์ พี่เขาจะทำนัดตรวจตาครั้งถัดไป (หลังเลสิค7วัน) พร้อมใบรับเวชภัณฑ์มาให้เราหนึ่งใบ เก็บบัตรนัดไว้ในใจ เดินไปรับเวชภัณฑ์ ในส่วนของเวชภัณฑ์ที่ได้มาเพิ่มก็คือ สำลีเช็ดตา(เหยาะใช้กับน้ำเกลือ) เทปปิดที่ครอบตา อันนี้สำคัญเพราะต้องใช้ตอนนอนกันมือขยี้ตา รับเวชภัณฑ์เสร็จเป็นอันจบกระบวนการของวันนี้แล้วเจ้าค่ะ

อ้อ เกือบลืม ผลข้างเคียงอีกอย่างนอกจากตาแห้งกับสู้แสงไม่ได้แล้ว บางคนอาจจะมีเลือดออกที่เยื่อบุตาขาว(Subconjunctival hemorrhage) ได้นะ หายได้เองแต่ต้องใช้เวลา บางคนไม่เกิดผลข้างเคียงนี้เลยแต่ของเราเป็นทั้งสองข้างเลย ต้องรอเวลาๆ
มันจะเป็นแบบภาพข้างล่างๆ

เอ็งกล้ากำแหงกับข้าหรือ มองตาข้าสิอีบานเย็น 


สรุป หลักปฏิบัติหลังทำเลสิค7วัน คือ ตื่นเช้าเช็ดตาด้วยน้ำเกลือ หยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ หยอดยาฆ่าเชื้อ4เวลา (เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน) เวลาทำงานใช้สายตาพยายามพักสายตาทุกครึ่งชม. ห้ามไม่ให้น้ำหรือของเหลวที่ไม่ใช่น้ำเกลือกระเด็นเข้าใกล้ตาเด็ดขาด ตอนนอนปิดที่ครอบตา งดล้างหน้า/แต่งหน้าไปก่อน เวลาจะออกไปข้างนอก อย่าลืมพกแว่นกันแดดไปด้วย ท้ายสุด อย่าลืมวันนัดตรวจตาหลังทำเลสิค7วันด้วยน้าาาา จดใส่ปฏิทินไว้เลย

แล้วก็เสร็จแล้ว นัดต่อไปคือ นัดตรวจหลังทำเลสิค7วัน (post-op day7)

To be continue … ;)


หมายเหตุ 
การหัตถการและคำแนะนำอื่นๆอาจจะแตกต่างกันไปตามแต่ละศูนย์บริการ แม้แต่รามาธิบดีเองอาจจะเปลี่ยนแปลงขั้นตอนลำดับวิธีการได้ ขอให้ผู้อ่านเข้าใจหากขั้นตอนวิธีการไม่ได้เป็นอย่างที่รีวิวค่ะ
- เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับยาหยอดตา4เวลาไม่ใช่ยาฆ่าเชื้อนะคะแต่เป็นยาป้องกันการติดเชื้อ โอเคน้าาา ลบยาหยอดฆ่าเชื้อทิ้งไปจากความทรงจำ ปิ้ววว ถามว่าจะแก้เนื้อหาไหมก็ไม่ 5555 ขก.

แสดงความคิดเห็น

>