Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

มาแลกกัน ให้กำลังใจตัวละคร มีเงื่อนไข

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ขอเกริ่นเรื่องราวก่อนครับ เริ่มจากการที่ผมอัพนิยายไปได้สักพักแล้วล่ะ แต่กลับล้มเหลวด้วยสาเหตุที่ผมเดาไม่ออก บรรยายห่วย?? เนื้อเรื่อง?? ถามจริง?? เขียนนิยายมา 3 4 ปีแล้วเนี่ยนะ....
       เป็นธรรมดาครับที่ ในใจจะเกิดแนวคิดที่ว่า เราคงต้องไปเขียนนิยายแนวกระแสบ้าง คิดพล็อต คิดตัวละครเสร็จเร็วมาก เนื่องจาก มีประสบการณ์การเขียนมาเยอะ ได้ชื่อเรื่องว่า ปฎิบัติการยึดโลก เมื่อกองเรือบรรทุกเครื่องบินไปต่างโลก เป็นไงแค่ชื่อก็เรียกคนดูละ 

       มานอนคิดตีลังกาคิดหลายรอบ ก็เกิดคำถามขึ้นมาในใจครับว่า บวกอาการพารานอยด์ด้วย แล้วเมื่อไหร่จะได้เป็นนักเขียน แล้วเมื่อไหร่จะได้ตีพิมพ์ ถ้าเขีบนนิยายที่ตัวเองต้องการไม่ได้(เรื่องปัจจุบัน) แล้วการเป็นนักเขียนมันมีคุณค่าอะไร แค่เขียนหาเงินเหรอ งานเขียนไม่ใช่งานสร้างสรรค์เหรอ ไม่ใช่งานศิลปะเหรอ ใครเป็นคนกำหนด มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ จะหนีอีกแล้วเหรอ ครั้งนี้ครั้งที่เท่าไหร่ล่ะ แล้วงานเขียนมันเป็นอะไร เป็นสิ่งที่ถูกตลาดควบคุมความคิดเหรอ 


       ทุกคนครับ ผมมักจะเห็นคนในบอร์ดมาตั้งกระทู้โปรโมทนิยาย แน่นอนครับผมอ่านดูก็รู้ว่าไปรอดไม่รอด รู้ไหมว่าทำไม ไม่สำคัญว่าจะเขียนดีแค่ไหน แต่ถ้ามายเซ็ทของคนส่วนใหญ่ยังให้ความสนใจไปที่นิยายกระแสอยู่ 
      ขอโทษด้วยครับ ต้องพูดตรงๆ ท่านไม่มีวันได้เป็นนักเขียนอาชีพอย่างที่ฝันเอาไว้แน่นอน ผมเองก็เช่นกัน 
        พอคิดได้แบบนี้ ก็รู้เลยว่าต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่นิยายเรื่องปัจจุบันของผมมันจะตาย แม้ว่าจะใช้เวลาวางพล็อตร่วม 2เดือน ไม่สิใช่เวลาฝึกอีกหลายปี 
        ทุกท่านครับ ผมยังมีความหวัง นิยายกระแสเรื่องใหม่ของผมจะได้เกิดไหม ผมไม่ต้องการครับ แต่ว่าถ้าผมแพ้ในเกมนี้ ท่านจะได้อ่านมันอย่างแน่นอน เพราะผมคงไม่เหลือสิ่งที่ทำได้แล้ว 

       ทุกๆท่านครับ มาเปลี่ยนกันเถอะครับ นักเขียนตัวเล็กตัวน้อยอย่างพวกเรา ไม่สามารถทำอะไรได้มากหรอก มาช่วยกันทำให้นิยายกระแสรองกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ด้วยมือของเราเองเถอะครับ หากท่านเคยอ่านนิยาย สามก๊ก อาจเคยได้ยินประโยคที่ว่า ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน      ****ขอเชิญทุกคนมามีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้ มีเงื่อนไขนิดหน่อย 
      ขอเป็นคนที่ยอดติดตามไม่เกิน 200คนครับ เพราะต้องการให้กำลังใจคนที่กล้าคิดนอกกรอบ เขียนในสิ่งที่ใจต้องการ พวกคุณไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นสหายคอเดียวกันกับผม 

        ทำไมต้องให้กำลังใจตัวละคร 
        เพราะว่าตัวละครเป็นผู้บริสุทธิ์ในความขัดแย้งนี้ครับ ตัวละครไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้ามันจะห่วยผมเอง นักเขียนที่ห่วยแตกเอง ฉะนั้นก่อนที่ผมจะแพ้ จะขอลองฝืนตัวเองให้ถึงที่สุด 
         ขอพูดอีกครั้งหนึ่งถึงจุดประสงค์ มาช่วยกันผลักดันนิยายกระแสรองด้วยกันเถอะครับ ด้วยมือของพวกเรานี่แหละ 

         ท่านสามารถชื่นชม ไอเดีย ตัวละคร ชื่อต่างๆประโยคคำพูด หรือมุขอะไรก็ได้ที่คิดว่า มันเจ๋ง มันสามารถไฮไลท์ได้ ทิ้งลิ้งค์เอาไว้ที่ด้านล่าง ผมจะเข้าไปหาแล้วคอมเม้นท์ ทำให้มันเด่นขึ้นเพื่อ สำหรับนักอ่านบางคนที่ไม่เก็จมุข

        เผื่อใครที่ถามนะครับ ทำไมไม่รับวิจารณ์ ทำแบบนี้มันจะได้อะไร ขอบอกเลยนะครับ จากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเอง วิจารณ์แล้วช่วยให้นิยายกระแสรองมันมีคนอ่านขึ้นเหรอ วิจารณ์แล้วสามารถแก้จุดผิดพลาดได้ใน 3วัน 7วัน ไม่จริงครับ มันปลอม จะฝึกฝนให้ชำนาญใช้เวลาอย่างน้อยเป็นปีครับ 

       ฉะนั้นแล้วมันปลอม การวิจารณ์ไม่ได้จริงใจหรอกครับ เพราะไม่มีอะไรการันตี หรือไม่จริงแย้งได้ครับ หากมีอะไรการันตีช่วยเสนอแนะมาได้ครับ 
        https://writer.dek-d.com/anuchazil110/writer/view.php?id=2312295

แสดงความคิดเห็น

>

27 ความคิดเห็น

16 พ.ค. 65 เวลา 10:06 น. 1

เราแต่งสองเรื่องตามความชอบของเรา เราไม่ได้มองว่าตลาดต้องการอะไร เราแค่ชอบก็แต่งออกมาไม่ได้เป็นมืออาชีพด้วยนะคะ เราแค่ลองแต่งดูเพราะว่างมากเกินไป เรื่องแรกมีผู้ติดตาม 55 คน เรื่องสองมีผู้ติดตาม 46 คน แค่นี้เราก็ดีใจแทบจะจุดพลุฉลองแล้วค่ะ 555 เอาจริงนะ เราไม่ได้คาดหวังอะไร เรามองแค่ว่าเราทำแล้วเรามีความสุข เราเป็นซึมเศร้า ไม่ชอบพบปะผู้คน ไม่ชอบออกจากบ้านเลย แต่การที่เราแต่งนิยายทำให้เรารู้สึกมีความสุข ถึงตอนนิยายเศร้าเราจะร้องไห้ก็เถอะ 555 ไม่ใช่เรื่องแปลกของเรา ปกติแค่ฟังเพลงเศร้าน้ำตาก็ไหล เลยไม่ใช่เรื่องแปลก เรื่องแรกเราแต่งลื่นไหลดั่งน้ำหลาก เรื่องสองแต่งหนึ่งชั่วโมงพักร้องไห้หนึ่งชั่วโมง ไม่รู้จะสงสารตัวละครหรือตัวเองดี 555 ถ้าวันไหนนั่งแต่งเรื่องสอง แต่งทั้งวันตั้งแต่เก้าโมงเช้าไปจนเกือบเที่ยงคืนยังได้ไม่เกิน 5 บท เพราะมั่วแต่นั่งร้องไห้ 555 พร่ำเพ้อมาซะเยอะเลย เอาเป็นว่าเราอยากให้คุณหาความสุขของตัวเองให้เจอนะคะ ทำอะไรที่ตัวเองสบายใจและมีความสุข จะได้ไม่เครียดมากเกินไป เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ คะhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-02.png

3
Shogun kerokero将軍 16 พ.ค. 65 เวลา 10:21 น. 1-1

ผมก็ไม่ได้เคลียดอะไรหรอกครับ ออกแนวขำๆมากกว่า อารมณ์ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว... แต่ผมรู้สึกว่าการอยู่เฉยๆ มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา และอยากจะสื่อสารอย่างตรงไปตรงมากับผู้อ่านครับ คือ ผมมีแนวคิดเชิงคำถามเยอะ และอยากจะพัฒนาสังคมนักเขียนให้สวยงามครับ คนที่มีส่วนในการดูแลควรจะให้ความสนใจกับนิยายที่มีเอกลักษณ์มากกว่านี้ ไม่งั้น อาชีพนักเขียนมันก็คงไม่มีอยู่จริง แบบนี้ มันไม่ต่างอะไรกับการพนัน การเสี่ยงโชค เรายังมีแรงก็อยากจะลองทำอะไรดูบ้าง ดีกว่าอยู่เฉยๆ

0
16 พ.ค. 65 เวลา 10:30 น. 1-2

เราก็พยายามสอดแทรกข้อคิดลงไปในเรื่องโดยผ่านตัวละครค่ะ จนบางทีก็ต้องมาอธิบายให้ผู้อ่านเข้าใจ สนุกดีสำหรับเรานะคะ แต่เพื่อนเราบอกว่าเราประสาท 555

คือถ้าอ่านนิยายเราแค่ตอนสองตอนจะไม่สามารถบอกได้เลยว่าใครเป็นคนและคนไม่ดี 555 แต่คนส่วนใหญ่มักจะตัดสินตั้งแต่แรกว่าคนนี้พระเอก 555 เราเลยต้องอธิบายว่า แค่คนเข้ามาทำดีจะบอกว่าเป็นพระเอกไม่ได้นะคะ คนปกติเจอหน้ากันคงไม่คว้ามีดมาไล่แทงกันใช่ไหม 555 คนทำดีหวังผลเยอะแยะไป ให้อ่านต่อไปก่อน 555 เราสนุกที่ได้สอนด้วยมั้ง 555 คงจะเพี้ยนอย่างเพื่อนเราว่า คิดเยอะซับซ้อนเกินชาวบ้านชาวเมือง 555

0
Shogun kerokero将軍 16 พ.ค. 65 เวลา 10:35 น. 1-3

ของผมก็มีครับ ผมมักจะแทรกปมเล็กๆเอาไว้ท้ายเรื่อง เพื่อให้มันปะติดปะต่อกัน คนอ่านจะได้รู้สึกว่าคนเขียนไม่มั่วหรือพาออกทะเล แต่ทว่า นักอ่านผมอ่านข้ามตอบครับ ช็อคเลย เลือกเฉพาะบทคอมเมดี้ ทั้งๆที่ตั้งใจให้เนื้อเรื่องเข้มข้น

0
albaflore 16 พ.ค. 65 เวลา 10:38 น. 2

โอ้ สัมผัสได้ถึงความน้อยเนื้อต่ำใจจากทู้เลยนะครับ 5555 (หัวเราะทั้งน้ำตา)


ก่อนอื่น ผมขอแนะนำตัวแบบไม่เป็นทางการ ผมคือนักเขียนสายคัลต์ที่เขียนอะไรเอาสะใจเป็นหลัก บางเรื่องเขียนจนจบยอดวิว 1x ก็ผมเองทั้งนั้นแหละที่กดเข้าไปดู เพราะงั้นผมเข้าใจคุณครับ


ย้อนกลับไปก่อนหน้าที่ 7-8 ปี ผมเขียนเรื่อง ๆ หนึ่ง ยอดวิวเป็นหมื่นครับ พอผมกลับมารีไรต์และอัปใหม่เพื่อเขียนภาคต่อ ยอดวิวอยู่ที่ 2xx


พล็อตเดิม สำนวนภาษาดีขึ้นด้วยซ้ำ แต่เพราะเรื่องของผมมันไม่ตอบกระแสอีกต่อไปแล้วจึงเป็นเช่นนี้ (ถ้าใครจะเถียง รบกวนหาเหตุผลมาด้วยว่าต่อให้เรื่องผมจะ เ ฮ ง ซ ว ย แค่ไหน แล้วอะไรเป็นสาเหตุให้หลายปีก่อนหน้านี้มันติด top หมวด?)


ขายของไม่สนกระแส ก็เหมือนหาบหมูไปขายโรงเจ เหมือนเป็นเกย์ไปจีบชายแท้ ดียังไงเขาก็ไม่เอา เพราะเราไม่ใช่เป้าหมายเขา


งานเขียนก็คืองานเขียน นักเขียนแต่ละคนก็มีเป้าหมายต่างกัน บางคนสนองนี้ด บางคนหาเงิน บางคนทั้งสนองนี้ดทั้งหาเงิน บางคนมีเหตุผลอื่น ๆ ไม่ใช่ว่าใครเจ๋งกว่าใครหรอกครับ


ให้ผมจับตลาดเขียนหาเงิน ผมก็ทำไม่ได้ เพราะผมแพ้ความคัลต์ในใจ ให้นักเขียนร้อยล้านวิวได้เงินเดือนละห้าล้านมาเขียนแนวโคตรคัลต์แบบผม เขาก็ทำไม่ได้ เพราะเขาคงคิดว่านี่-ไรวะ มันก็ไม่ใช่ว่าเขาหรือผมเก่งกว่ากัน มันคือคนละ way


เช่นกันครับ ผมเห็นพล็อตก็รู้แล้วว่าเรื่องไหนไปรอด มันอยู่แค่เกาะกระแสได้ไหมเท่านั้นเอง


เอาล่ะ พูดมายืดยาว สิ่งที่ผมอยากบอกคุณก็คือ ผมคงไม่ได้มาแลกนิยายเพื่อคอมเมนต์หรอกครับ เพราะผมเคยทำมาแล้วเมื่อหลายปีก่อนนู้น เป็นการช่วยกันเมนต์ ให้กำลังใจกันไปมา มันก็ใจฟูแค่ช่วยแรก ๆ เท่านั้นแหละ


แต่ถามจริง ๆ ว่า คนเราจะตามเรื่องที่เราไม่ได้ชอบจริง ๆ ได้นานแค่ไหน ยิ่งถ้าขายยิ่งไปกันใหญ่ สุดท้ายความจริงก็คือความจริง ไม่ได้เกี่ยวกับว่าเราดีไหม แต่อยู่ที่เขาอยากได้ไหมเท่านั้นเอง


ผมเห็นว่าการผลัดกันคอมเมนต์ รู้สึกดีในช่วงแรก แต่ลำบากใจในช่วงหลังมากกว่าครับ ถึงจุดหนึ่งเราก็ตามเรื่องที่เราไม่สนไม่ไหว พอเราหายไปเขาก็ร้อนใจว่าเราเทแล้วเหรอ


ส่วนเรื่องคำวิจารณ์ ผมเห็นว่านักวิจารณ์บางคนมั่นหน้ามั่นโหนกและเอาแต่ใจเกินไป นักวิจารณ์มีหน้าที่วิจารณ์ ไม่ใช่เจ้าของนิยายหรือเจ้าของนักเขียน นักวิจารณ์บางคนพอวิจารณ์เสร็จก็จ้องจับผิดว่านักเขียนต้องเปลี่ยนตามใจตน แต่นักเขียนบางคนก็เหลือเกิน ขอคำวิจารณ์เขาไปทั่ว แต่ตัวเองปิดหูปิดตา ไม่รู้มันจะมาขอเพื่ออะไร แค่อยากเพิ่มยอดวิวยอดเมนต์มั้ง


ส่วนตัวผมจะวิจารณ์เฉพาะคนที่ผมเชื่อมั่นว่าเขาจะมีเหตุผล ไม่ด่วนเชื่อหรือไม่เชื่อ ผมบอกนักเขียนทุกครั้งว่าผมเป็นเพียงคนหนึ่งที่อาจถูกหรือผิดก็ได้ ขอให้รับฟังและไตร่ตรอง สุดท้ายจะตัดสินอย่างไรขึ้นอยู่ที่เขา


และผมก็ไม่เคยขอคำวิจารณ์จากใครนอกจากนักอ่าน สำหรับผมคือเขาคือคนเสพ เขาควรจะมีสิทธิ์ในมุมนี้ ช่วยกันชี้ว่าผลงานแบบไหนจะทำให้เขามีความสุขที่สุด


คำวิจารณ์ดี ๆ มีค่าเหมือนขุมทรัพย์ นิยายผมเรื่องหนึ่งคนอ่านน้อย เรื่องชีวิตบัดซบแบบนี้มันไม่แมสหรอกครับ 5555 แต่ผมก็ขอให้นักอ่านช่วยแสดงความคิดเห็น เพราะถึงงานผมมันจะคัลต์ เป็น rare item แต่ผมก็อยากพัฒนามันให้ดีจนสุด way เพื่อนักอ่านที่ผมรักครับ (แอบเรียกคะแนนสงสารจากแฟนคลับเบา ๆ อย่าเทเรานะ)


บางอย่างมันไม่จำเป็นต้องพัฒนาให้เสร็จในวันเดียว แต่ค่อย ๆ สร้างได้ครับ


สิ่งที่ผมพูดไป อาจมีใครหลายคนเหม็นขี้หน้า แต่อันนี้คือผมพูดด้วยเจตนาดีจริง ๆ ในฐานะที่เขียนแนวโคตรคัลต์แหวกกระแสมาหลายเรื่อง


ผมเข้าใจว่าคุณจะคิดแบบนี้ก็ไม่ผิด ผมเองก็คิด นิยายบางเรื่องคนอ่านเยอะมาก ผมเข้าไปดู คำผิดตรึม เขียนผิด ๆ ถูก ๆ พล็อตเบา ตรรกะตัวละครประหลาด mindset หลายอย่างของคนเขียนในเรื่องศีลธรรมและสิทธิเสรีภาพไม่โอเคมาก ๆ ผมก็มีเซ็งครับ พูดตรง ๆ แบบปุถุชนเดินดิน อิจฉาไหมก็นิดหน่อย แต่ไม่ได้อาฆาตอยากให้เขาวืดแต่อย่างใด


เดี๋ยวนี้นิยายนอกกระแสอยู่ยาก เมื่อก่อนยังอยู่ได้ และผมก็เป็นกำลังใจให้คุณรวมทั้งคนอื่น ๆ ด้วยครับ


แต่ผมไม่อยากให้คุณมองว่าถ้าคุณทิ้งเรื่องนี้ไปแต่งแนวกระแสคือคุณแพ้ มันไม่มีอะไรแพ้หรือชนะหรอกครับ


ถามก่อนว่าเป้าหมายในการเขียนที่แท้จริงของคุณคืออะไรบ้าง สำหรับผมคือ ความสุขของผม ความสุขของคนอ่าน นอกจากนั้นก็มีรอง ๆ ไป


ถ้าพูดถึงเรื่องเงิน ผมได้ไม่เท่าไรหรอกครับ แต่คนเราไม่จำเป็นต้องเป็นที่หนึ่งในทุกสนามชีวิต ผมแต่งแนวแมสบ้าง คัลต์บ้าง แนวคัลต์ย้อมให้ดูแมสแต่โคตรคัลต์บ้าง ปน ๆ กันไป ผมไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองแพ้ เพราะไม่ได้แข่งอะไร ไม่ได้แข่งกับใครด้วย


ผมไม่ได้ผูกขาดว่า ข้าจะแต่งแนวนี้เท่านั้น ผมแค่คิดว่าอยากสร้างสรรค์ผลงานดี ๆ ให้ทุกคนได้อ่านกัน ผมทำสำเร็จในมุมนี้ เรียกว่าผมชนะได้ไหมครับ


ผมอยากให้คุณรักษาความรักและความมุ่งมั่นในการเขียนของคุณไว้ ทำใจสบาย ๆ เราเปลี่ยนกระแสตลาดโลกไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนงานเราให้ดีที่สุดใน way เราได้ครับ


ไว้จะเข้าไปส่องนะ เป็นกำลังใจให้จริง ๆ จากคนที่เขียนจบเรื่องยอดวิว 1x

4
Shogun kerokero将軍 16 พ.ค. 65 เวลา 10:54 น. 2-1

ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ครับ การถ่อมตัวผิดที่ผิดทาง ผมว่าไม่ดี มันไม่แค่ผมคนเดียว แต่รวมถึงคนอื่นๆ ที่ต้องการมีอาชีพนักเขียนครับ บอกตามตรง ผมเห็นพวกเขาทุกครั้ง ดองบ้างเลิกบ้าง มันยุติธรรมกับคนที่มีความพยายามเลยครับ การให้กำลังใจ ผมย้ำ เป็นสิ่งที่อารยธรรมชนพึ่งกระทำ แม้ว่ามันจะปลอม ปลอมแล้วไง นมปลอม หน้าปลอมแล้วไง ทุกคนมีเรื่องราวของตัวเอง ให้กำลังใจกันเถอะครับ ไม่เสียหายอะไร

0
albaflore 16 พ.ค. 65 เวลา 18:21 น. 2-2

สำหรับผม สิ่งที่อารยชนพึงกระทำคือชี้ประโยชน์กันตามความเป็นจริง


คุณอยากเป็นนักเขียนอาชีพ สิ่งนี้คือมีการค้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องคิดว่าทำยังไงถึงจะขายได้ การให้กำลังใจแบบปลอม ๆ สู้ ๆ นะ ชอบพระเอกมากเลย นางเอกน่ารักมากคร่า ผมก็พูดได้ ทุกคนก็พูดได้ แต่เมื่อถึงเวลาขาย ความจริงก็จะปรากฏตรงหน้า ว่าที่คนมาแลกกำลังใจกัน เขาไม่ได้ซื้อนิยายคุณ และถึงซื้อก็ซื้อเพราะเสียไม่ได้ ซื้อแล้วก็แอบกดดันเงียบ ๆ ให้คุณซื้อกลับ เข้าทำนองอัฐยายซื้อขนมยายนี่แหละครับ


คนในหมู่บ้านไม่กินเนื้อดิบ คุณขายไก่ดิบ ผมขายปลาดิบ ไม่ว่าอร่อยไหมแต่คนมันไม่กิน ขายเนื้อสุกบ้า ๆ บอ ๆ ยังไงถ้าไม่อุบาทว์เกินไปยังไงก็พอขายได้ แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่ว่า คนมันซื้อน้อยอยู่แล้ว งั้นฉันจะทำเนื้อชุ่ย ๆ ยังไงก็ได้ ไม่ต้องพัฒนาสูตรหรอก


คุณตั้งชมรมเนื้อดิบ มาให้กำลังใจกันเอง สู้ ๆ นะ ปลาคุณอร่อยมากเลย // ครับผม ไก่คุณก็อร่อยเหมือนกัน คุณซื้อปลาผม ผมซื้อไก่คุณ แต่สรุปก็ขายไม่ได้จริง ๆ ร้านเจ๊ง เราจะเป็นเชฟได้หรือไม่


คนไม่รู้เรื่องมักพูดว่าถ้าสนุกก็มีคนอ่าน แต่ความจริงความสุขของคนทั่วไปคืออะไรที่ตรงรสนิยม เหมือนคนไม่เข้าใจแนววาย ดังแค่ไหนดีแค่ไหน ให้มันอ่านมันก็งง แต่จะเอารสนิยมตัดสินความสนุกและคุณค่าของเขาไม่ได้ ถ้าจะตัดสินจริง ๆ ต้องเทียบมาตรฐาน ตัดสินตามเนื้อผ้า ไม่มีอารมณ์มาเกี่ยวข้อง ถ้าแนวเรื่องมันไม่มีคนอ่าน ดีแค่ไหนเขาก็ไม่รู้ เพราะไม่อ่านตั้งแต่แรก


มนุษย์ส่วนใหญ่มักผูกขาดเหตุเดียวผลเดียว แต่ผมอยากให้มองแบบหลายเหตุหลายผล นิยายเรื่องหนึ่งจะดังได้มีองค์ประกอบหลายอย่าง แนวด้วย ฝีมือด้วย ดวงด้วย แนวกระแสก็ไม่ใช่ทุกเรื่องจะดังเท่ากัน ตัววัดก็คือฝีมือและดวงของเจ้าตัวครับ


แนวคัลต์บางเรื่องของผมก็มีคนอ่าน บางเรื่องก็ไม่มี คละ ๆ กันไป


ผมเองตามนิยายเพื่อนอยู่หลายเรื่อง กระแสบ้างไม่กระแสบ้าง ตามเพื่อให้กำลังใจก็มีส่วน แต่ภาพรวมมันต้องถูกใจผมด้วย ไม่งั้นก็อ่านไปไม่กี่ตอน เลิก


คุณอาจจะคุ้นเคยกับอะไรปลอม ๆ กำลังใจปลอม หน้าปลอม นมปลอม ผมเข้าใจได้เพราะคนเราก็คิดต่างกันได้ ไม่ว่าคุณจะชอบของปลอมหรือไม่ แต่สุดท้ายเราก็ต้องอยู่บนโลกความเป็นจริงอยู่ดี


ด้วยความเคารพ ผมหวังว่าคอมเมนต์ของผมจะเป็นกำลังใจอย่างแท้จริงให้นักเขียนทุกคนทุกแนวครับ

0
Rujinpie 18 พ.ค. 65 เวลา 10:58 น. 2-3

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง และเห็นด้วยมาก ๆ

สุดท้ายแล้วอะไรที่เราตั้งใจจะให้เป็น 'อาชีพ' มันต้องมีจุดที่ 'ขาย' ได้ด้วย กฏข้อนี้เลี่ยงไม่พ้นจริง ๆ


ถ้าอยากขายได้มากก็ต้องเจาะให้ถูกกระแส แต่ถ้าไม่สนใจการขาย ก็ต้องถามตัวเองว่า ทำแล้วเรารู้สึกคุ้มกับการเสียเวลาลงแรงกายแรงใจไปไหม?


อย่างผมก็เป็นเหมือน จขกท. หรือหลาย ๆ ท่าน... ผมสิงเด็กดีมาไม่ต่ำกว่า 10 ปี++ แล้ว ล้มลุกคลุกคลานมาเยอะ!


แต่สุดท้ายก็จบลงที่ว่า 'ขอแต่เรามีความสุขกับการเขียนก็พอ' ทุกวันนี้ก็เลิยเปิดฟรีไม่คิดตัง ทำงานประจำหัวฟูแค่พอมีพอกิน ไว้ถ้าเดือนร้อนเงินจริง ๆ ค่อยติดเหรียญละกัน 5555+


ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นักเขียนทุกท่านทุกคนนะครับ

0
albaflore 20 พ.ค. 65 เวลา 22:03 น. 2-4

ใช่เลยครับ คิดเหมือน ๆ กันเลย ถ้าอยากขายก็ต้องดูตลาด ถ้าจะทำตามใจก็ต้องทำใจว่าจะขายไม่ได้ เป็นกำลังใจให้นะครับ

0
Greatzer01 16 พ.ค. 65 เวลา 10:44 น. 4

เป็นกระทู้ที่น่าสนดีใจครับ ขอแจมด้วย 55555 อาจจะมีความคิดเห็นของตนเองนิดหน่อย

อย่าว่าแต่คนติดตาม หรือยอดวิวเลย

ผมยังไม่รู้ตัวเลยว่า นืยายที่เขียนเนี่ย มันนอกกระแสหรือเปล่า 555555

จากแฟนฟิค สู่ OC ก็ไม่ใช่ง่าย ๆ นะ แค่จะบรรยายให้เข้าใจ ต้องหาศัพท์อีกเยอะเลย....

ที่เขียนในนี้ คือ พยายามจะไม่ "สปอย" เนื้อหา จะเล่าตามที่ปล่อยตอนให้อ่านเท่านั้น

ผมลองทำตามโจทย์ อย่างว่า ไม่รู้ว่าถูกมั้ย?



The LinkSlayer : Cycle of Other-World


***นักเขียน - เจเซิร์ท สไตรเดอร์ หรือ เจยส์

เจยส์ เป็นตัวเอกของเรื่องนิยายที่ผมเคยออกแบบมานานมากละ.... ออกแบบพลังของเขานับสองปีได้มั้ง 5555 แต่ยังไม่มีเวลาจริงจังมาเขียนเลย ด้วยงานการเรียนบลา ๆ

แต่หลังจากจบงาน ทำให้มีเวลาเขียนหรือปลดปล่อย สิ่งที่วางไว้อย่างเต็มที่

พอจะใช้ลงจริง ๆ เลยต้องมีการปรับพลังนิดนึง ถึงขั้นตัดพลังส่วนนั้นออกไปเลย

เพราะไม่ส่งผลต่อเนื้อเรื่อง และก็กลัวลิขส..........

พวกชื่อท่าต่าง ๆ นะ บอกเลยว่า มันได้แรงบังดาลใจจาก Yugioh Vrains

ที่เอสมอนส์เตอร์ หรือ การ์ดของพระเอกทุกใบ มีการนำชื่อที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี หรือคอมพิวเตอร์เข้ามาเกี่ยว ผมลองดีไซน์เป็นแนวของตนเองซะเลย 55555



อะ มาที่นี่ด้วย ตัวเรื่องบ้าง......

เป็นตัวเอกที่เรียกได้ว่า......ไบโพล่าห์ได้มั้ยนะ 5555555

เป็นคนที่คบเพื่อนน้อยจริงจัง...... แต่พออยู่ในโลกส่วนตัวของตนเอง หรือตอนเป็น Slayer

มันกลับเป็นคนละคนจริง จากคบน้อย ไม่สุงสิง กลายเป็นคน......เหมือนคนติดเกม น่าจะง่ายสุด

การเป็น Slayer ก็เหมือนเป็นตัวเอกในเกมต่อสู้ เดินหน้าลุย รู้สึกสนุกที่ได้ต่อสู้ และฟินที่ได้พูดชื่อไม้ตายที่คิดค้นเองกับมือ เหมือนในการ์ตูน 555555


ถ้ามองถึงปัญหาของตัวละครหลัก..... อย่างแรกที่นึกได้เลย คือ "ทำไมรีบเล่าจังเลยครับ ปมหรือจุดพลิกผันเหมือนข้าม ๆ ไปอะ"

สำหรับช่วงที่ได้รับพลังพิเศษมา....มันมีแค่นั้นจริง ๆ นั้นแหละ... แต่ปมต่าง ๆ.....ทั้งที่ควรจะเล่าก่อนได้....

ต้องบอก ณ จุด ๆ นี้ว่า......

"การที่คน ๆ หนึ่งที่ผ่านเรื่องเลวร้าย ทั้งโรงเรียน และครอบครัว จนฝังใจอะ, มันมีหน้าจะระบายใส่ใคร หรือบอกให้ใครรู้ด้วยหรอครับ?"

คนที่ถูกบูลลี่.......หรือไม่มีใครเชื่อใจ จนกลายเป็นคนที่เก็บตัวไม่ยอมบอกให้ใครฟัง มันมีจริงนะ... มันเป็นปัญหาในความเป็นจริง ที่คนสมัยก่อนมองข้ามไป ยิ่งจิตไม่ปกติยิ่งแล้วใหญ่ พอได้พลังพิเศษว่า กว่าจะเยียวยาจิตใจได้ด้วยตนเอง หรือคนที่อยู่ในกลุ่มตัวเอกที่มีพลังพิเศษแนวเดียวกันช่วย จนกลายเป็นผู้เป็นคนได้หน่อย ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว....


ตรงนี้ มันทำให้เป็นประเด็นหลักของตัวเอก....

คนเขียนทำได้แค่เพียงสู้ ๆ ละกัน

เนื้อเรื่องในส่วนที่พระเอกไม่เคยบอกใคร.....

และพลังที่พระเอกได้มาจนชีวิตเปลี่ยน......

มันจะบรรจบกันได้เองนี่แหละ....





***นักเขียน - ดีโอน่า เฟรนดอร์

อะ นางเอกบ้าง 55555555

ผมพยายามออกแบบในแนวคิดของตัวละครหญิงสมัยก่อน+ใหม่ร่วมกัน

นั่นคือ ขี้สงสัย ถามมาก แต่สู้เก่ง ปกป้องตนเองได้ อยู่ด้วยแล้ว รู้สึกสบายใจ......

ถึงแม้บทตอนนี้ มันค่อนข้างทำร้ายนางจัง 555555


แต่สิ่งที่ชอบเลยอยู่สองอย่าง

คือนางเอก วาดหรือออกแบบรูปร่างตรงสเป็คคนเขียน 555

และ สอง คือ ปมในอดีตมันเล่าง่ายดี......

นางมีจุดยืนในชีวิตอย่างหนึ่ง จากเรื่องในอดีตจนแทบจะระลึกได้ตลอดจริง ๆ

จึงอาจจะเป็นเรื่องแปลกใจในเรื่อง ราวกับปาฎิหารย์ที่ทำให้......


แต่เพราะความแปลกของนางนี่ละ มันดูน่าค้นหา หรือให้ติดตามกัน

ว่าจะมีอะไรแปลก ๆ เพิ่มขึ้นมา

เอาจริง ๆ ตัวละครแนวนี้ ผมก็คิดไว้แล้ว หลายคนน่าจะเห็นจนเบื่อกันหมดละ

แต่เนื้อเรื่องที่กำลังเขียนอยู่ ยังไม่ถึงพล็อตเรื่องอย่างว่าเลย 5555



คนเขียนก็ขอให้นางเอกได้ทำตามในอดีตที่ฝังใจไว้ให้ได้ละ

ไม่ช้าก็เร็ว ถ้าเผลอ ๆ นางเอกเก่งกว่าพระเอก

ก็อาจจะเจอได้เร็วขึ้นก็ได้นะ 555555




****อันนี้แถม

ผมแอบอ่านนิยายคุณตอนแรกละ ภาษาที่ใช้ดูดีอยู่ และเนื้อเรื่องรู้สึกหน่อมแน้มจัด ๆ 555555

พอกลับมาอ่านของตนเอง ยังกะเหรียญสลับด้าน ผมนี่เครียดเลย.....

เครียดตัวเนื้อเรื่องนี่ละ จริงจังวูบวับ****ย 555555


ก็ขอเป็นกำลังใจให้ท่านด้วยอีกคนละกันครับ


2
Shogun kerokero将軍 16 พ.ค. 65 เวลา 11:10 น. 4-1

อ่านไปส่วนหนึ่งแล้วครับ เดี๋ยวมาอ่านต่อ ขอไปทานข้าวก่อนสัก 2ชั่วโมง

0
หมาน้อยในทุ่งหญ้า 16 พ.ค. 65 เวลา 11:16 น. 5

ผมไม่สนใจอีกแล้วครับว่าคนจะเข้ามาอ่านงานผมมากน้อยแค่ไหน ผมรักโลกในหัวของผม และผมจะทำให้มันเกิดขึ้นมาในโลกนี้ให้ได้ แค่นั้นแหละครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการรังสรรค์ผลงานนะครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะมีคนรับชมผลงานของคุณมากน้อยแค่ไหน สุดท้ายแล้วสิ่งที่พวกคุณทำก็คือการทำให้โลกใบนี้มีสีสันมากขึ้นครับ


ในความเข้าใจของผม กิจกรรมนี้คือให้เราเขียนชมตัวละคร/ไอเดียของตัวเอง สินะครับ งั้นเริ่มเลอ


มาร์กาเร็ต : ขอบคุณครับที่ไม่เดินในทางที่ผิดถึงแม้สถานการณ์หลายอย่างจะทำให้คุณลำบาก ขอบคุณที่ยังเชื่อมั่นในความรักของตัวเอง ไม่ว่าสังคมจะตราหน้าคุณว่าเป็นอะไร ไม่ว่าพวกเขาจะทำให้คุณเกลียดตัวเองแค่ไหน สุดท้ายแล้วคุณก็ยังเชื่อมั่นในปณิฐานของตนเอง... ขอบคุณนะครับที่สู้จนมาถึงทุกวันนี้ (แล้วก็ขอบคุณที่คุณทำให้ตัวเองและชาร์ลก้าวข้าม Insecurities ของตัวเองได้)


ชาร์ล : ขอบคุณครับที่เป็นคน Open-minded ขอบคุณครับที่ยังรักภรรยาของคุณไม่ว่าสังคมจะดูแคลนเธอขนาดไหน ขอบคุณครับที่คุณ(และมาร์กาเร็ต)ก้าวข้าม Insecurities ของตัวเองและทำตามปณิฐานของตัวเองได้ในที่สุด


ตราบาปนักฆ่า : คุณลูกเป็นปริศนาที่ล้ำเลิศมากครับ ถึงคุณลูกจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ผมจะทำให้คุณลูกสวยงามที่สุดครับ ถึงคุณลูกจะ(ยัง)ไม่ได้เป็นนิยายแห่งยุค แต่คุณลูกจะเป็นนิยายที่สำคัญมากในชีวิตของผมครับ ขอบคุณครับ


ตัวละครที่เหลือที่ยังไม่โผล่/อีกหลายส่วนของโลกนิยายที่ยังไม่เผยแพร่ : ขอบคุณครับที่เป็นวัตถุประสงค์ให้ผมใช้ชีวิตต่อไป ขอบคุณครับที่อยู่กับผมตอนที่ผมเหงา ขอบคุณครับที่ remind ผมตลอดว่าผมมีคุณค่าแค่ไหน...


นี่มันกลายเป็น Expressing Gratitude ให้ลูกๆตัวเองไปแล้วนี่น่า... ไม่เป็นไรครับสนุกเหมือนกัน


ลิงก์นิยาย : ตราบาปนักฆ่า


สุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการเขียนนะครับ~ มีวินัยเยอะๆ(อีนี่บอกตัวเองด้วย) JUST FREAKING WRITE!!! ถ้าผลงานของคุณทำให้ผมสนใจเดี๋ยวผมจะลองไปส่องครับ แหะๆ

3
Shogun kerokero将軍 16 พ.ค. 65 เวลา 13:39 น. 5-2

คุณเขียนดีมากครับ เทคนิคนี้ผมก็กำลังหัดใช้เหมือนกัน รู้สึกผมจะใช้ไปบทหนึ่ง แต่ไม่ค่อยชำนาญเท่าไหร่ กำลังศึกษาเพิ่มเติมอยู่

0
16 พ.ค. 65 เวลา 11:55 น. 6

ถ้านับตามยุคปัจจุบัน...นิยายที่เราแต่งก็ถือว่าเป็นนอกกระแสอยู่หน่อยๆ แหละ แต่เพราะเราอยากอ่านแนวนี้ เราเลยแต่ง อยากอ่านเนื้อเรื่องแบบนี้ เลยสร้างตัวละครขึ้นมา และเราก็รักตัวละครของเราทุกตัว ทั้งตัวดีตัวร้าย ใช้เวลาสร้างโลกใบเล็กๆ ขึ้นมา ทุ่มเทกับมันไปหลายปี พอลองอัพจริง ถึงผลลัพธ์จะไม่ได้ตามหวัง ถึงจะเฟลหรือนอยด์ หรือมีอิจฉาคนอื่นบ้าง แต่เราก็ไม่คิดจะทิ้งโลกใบนี้ไป ไม่คิดจะผันตัวไปเขียนแนวกระแสเพียงเพื่อให้ดัง เพราะเราไม่อยากเปลี่ยนให้'งานอดิเรก' เป็น'งานที่ต้องอิงตลาด' เราไม่ได้อยากสร้างรายได้หลักจากการเขียน ขอแค่มีคนชอบผลงานของเรา ชอบโลกใบนี้เหมือนกัน และถ้ามันสร้างรายได้ให้เราเล็กน้อยบ้างก็พอแล้ว


ขอเป็นกำลังใจให้คุณและตัวละครของคุณ รวมถึงนักเขียนคนอื่นๆ ที่ผ่านมาเห็นข้อความนี้ด้วยค่ะ โลกของเราอยู่ยากขึ้นทุกวันเพราะระบบทุนนิยม ทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่ถ้าคุณเขียนเพราะใจรัก ไม่ได้ทำเพื่อเลี้ยงชีพ เราก็หวังให้ทุกคนสามารถรักษาเจตนาเดิม รักษาความสนุกและความสุขในตอนที่ได้เขียนเอาไว้ มากกว่ามากลุ้มใจกับยอดวิวหรือยอดไลค์นะคะ


//พูดมาตั้งนาน ขอฝากแปะนิยายที่เราหมกตัวเขียนมาตลอดหลายปีหน่อยแล้วกันค่ะ ในเมื่อคำโปรยสามารถอ่านได้ตั้งแต่หน้าแรก...งั้นเราขอฝาก Quote ประจำบทไว้แล้วกันค่ะ


" ความเจ็บปวดที่แท้จริงเป็นเช่นไร...ข้าเข้าใจถ่องแท้แล้ว "

เธอยอมให้คนพวกนั้นทุบตีจนตัวตาย...ถ้ามันจะทำให้พวกเขากลับมาอีกครั้ง

เธอยอมไม่ได้เห็นแสงเดือนแสงตะวันอีก...หากพวกเขากลับมายิ้มให้ตนอีกครั้ง

เธอยอมทุกอย่าง....

แต่พวกเขาก็ไม่กลับมา...ไม่มีวันกลับมา


เนื่องจากเนื้อเรื่องยังดำเนินไปได้เล็กน้อย เลยมีประโยคอีกหลายที่เราชอบแต่ยังไม่โผล่ ถ้าสนใจ สามารถติดตามกันได้นะคะ

เรื่อง : ทาร์คัส ผู้เป็นที่รัก

https://writer.dek-d.com/devil200844/writer/view.php?id=2308155

ปล. ขอบคุณสำหรับกระทู้ให้กำลังใจของคุณนะคะ รับรู้ได้ถึงพลังที่ส่งมาเลยhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-big-01.png

3
Shogun kerokero将軍 16 พ.ค. 65 เวลา 13:00 น. 6-1

ขอบคุณที่ให้กำลังใจ ครับ ผมเขียนล่วงหน้าเอาไว้อยู่แล้วครับ เหลืออีก ประมาณ 6บทที่ยังไม่ได้อัพ และทยอยเขียนอยู่

0
16 พ.ค. 65 เวลา 14:44 น. 6-3

ไม่เชิงเอาชีวิตรอดนะคะ 5555 แต่จะมองwayนั้นก็ได้ค่ะ //ถ้าไม่ใช่แนวคุณ ไม่ต้องตามต่อก็ได้น้า แต่ก็ขอบคุณนะคะที่แวบเข้ามาhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png

0
ภัทรธิชา 16 พ.ค. 65 เวลา 13:02 น. 7

เราเขียนทั้งสองแนวนะ แนวที่ไม่ได้อยู่ในกระแสเป็นแนวสืบสวนสยองขวัญ กับในกระแสคือแนวระบบทำสวน

แน่นอนว่าแนวในกระแสคนอ่านเยอะกว่าแนวนอกกระแส แต่แนวนอกกระแสเรา นานๆทีลง ถ้าเจอพล็อตแต่ละตอนที่น่าสนใจเราก็จะเขียน คนติดตามนอกกระแสเราถึงจะน้อยแต่ก็เพิ่มขึ้นทีละนิด

ส่วนตัวเรา มันสามารถเขียนได้ทั้งกระแสนะ ตามสะดวกการแบ่งเวลาที่จะเขียน

ตอนอ่านเราไม่แบ่งแนวการอ่านเพราะเราค่อนข้างเปิดใจ แต่ตอนเขียนมันไม่ใช่อย่างนั้น เวลาเขียนจะเขียนเพื่อจุดประสงค์ขายหรือรักที่จะเขียนก็ตาม หรือแค่อยากเขียนเรื่องที่อยู่ในหัวออกมาก็ตาม ยังไงสิ่งสำคัญคือวิธีการเขียนให้คนเห็นภาพและพล็อตนี่แหละ ส่วนเรื่องคำผิดคำถูกเราก็มีเหมือนทุกคนนะ แต่พยายามให้น้อยลง ตอนนี้มือล็อคบ่อยมาก เดือนที่แล้วก็ไปตัดแว่น เห็นตัวอักษรลอย 555+ เราเลยตัดสินใจ จ้างเพื่อนแก้คำผิดให้ ค่อยลงใหม่อีกที่ตอนรีไรท์ทีเดียว

เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่คนทั้งในและนอกกระแสเด้ออออออhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-06.png


1
Shogun kerokero将軍 16 พ.ค. 65 เวลา 14:20 น. 7-1

อันนี้เข้าใจครับ แนวกระแสหรือเรียกว่า นิยายรายวัน คือการต้องให้คนมาอ่านทุกวัน เหมือนดูข่าวสารบ้านเมือง ที่เนี้ย มันจะมีแนวที่เขียนเพื่อนำเสนอเอกลักษณ์ของงานออกมา ซึ่งมันจำเป็นต้องให้คนอ่านเปิดใจยอมรับครับ คือต้องปูพื้นฐานก่อน จึงเข้าใจ ซึ่งท่าไม่ฟีดแบ็กเนี้ย มันก็ไม่รู้ไงว่าคนเข้าใจแค่ไหน อารมณ์ นิยายอิงประวัติศาสตร์ครับ ที่ต้องหาข้อมูลก่อน เรียกว่า เฉพาะทางก็ได้ ซึ่งการเขียนแนวนี้ มันก็ดันเกิดยากด้วยสิ หนักใจ

0
Sambaboy 16 พ.ค. 65 เวลา 13:35 น. 8

ผมเขียนแนวไม่กระแสเหมือนกัน เห็นด้วยกับ จขกท ที่ว่านักเขียนสามารถสร้างผลงานดี ๆ ออกมาได้โดยไม่จำเป็นต้องอิงตามกระแส


แต่ก็มีแนวคิดสวนทางในเรื่องที่ว่าถ้ามี mindset เขียนตามกระแสแปลว่าจะถูกตลาดควบคุม จะเป็นนักเขียนอาชีพไม่ได้ อันนี้ไม่เห็นด้วยครับ


นักเขียนกับนิยายแนวกระแสมันมาคู่กันตลอด ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะมีในยุคที่ขายออนไลน์กันอย่างทุกวันนี้ นักเขียนอาชีพ gen1 gen2 gen3 gen4 ที่มีชื่อเสียงมีฝีมือได้รับการยอมรับว่าสุดยอดในแต่ละยุค ล้วนแล้วแต่เขียนตามกระแสในยุคของตัวเองทั้งสิ้น ซึ่งถ้าคิดว่า mindset ของพวกเขาแค่คิดแต่จะทำตามกระแส พวกเขาคงไม่สามารถสร้างผลงานที่สุดยอดเหล่านั้นออกมาได้แน่

ดังนั้นจะกระแสหรือไม่กระแส ผมคิดว่าไม่เกี่ยวกับความเป็นมืออาชีพในงานเขียน แต่อยู่ที่ความต้องการของตัวนักเขียนเองมากกว่าไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม ทุกงานเขียน ทุกแนว มันสามารถพัฒนาจนเป็นสุดยอดในสายของตัวเองได้ทั้งนั้น


ดังนั้นปัญหาของพวกเรานักเขียนนอกกระแส น่าจะอยู่ที่ความคาดหวังในผลตอบรับเร็ว ๆ มากกว่า เรื่องนี้ผมก็เป็น แต่อยากให้สร้างผลงานที่ต้องการต่อไป เขียนให้จบครับ บางจังหวะมันก็ต้องใช้เวลารอเหมือนกันนะ ผมเห็นนิยายนอกกระแสหลายเรื่องที่แรก ๆ ไม่ค่อยมีคน แต่เพิ่งมาปังตอนหลัง ๆ ก็มีเยอะ


ที่สำคัญที่สุดที่ควรระวังกันก่อนอื่นเลย คือเริ่มแล้วต้องเขียนให้จบ และอย่าทิ้งเรื่องไปนาน เพราะลองคิดในแง่ที่เราเป็นคนอ่านเอง เราจะอยากตามอ่านมั้ยกับเรื่องที่เคยทิ้งร้างหายไปนาน ๆ จะอัปมาเมื่อไรก็เมื่อนั้น บางทีก็ทำให้ลืมเนื้อเรื่องไปแล้ว เราก็คงเข็ดและไม่กล้าอ่านเรื่องนั้นอีก หรืออาจจะลามไปถึงไม่กล้าอ่านงานเรื่องใหม่ ๆ ของนักเขียนคนนั้นอีกเลย


ถ้าเขียนให้จบก่อน หรือได้สัก 70-80% ก่อนค่อยมาอัป และอัปต่อเนื่องสม่ำเสมอ ยังไงก็มีแฟนคลับเข้ามาแน่ ๆ ครับ อาจจะเยอะกว่าที่เราคาดหวังด้วยซ้ำ

1
Shogun kerokero将軍 16 พ.ค. 65 เวลา 14:26 น. 8-1

ใช่ครับ แต่มันไม่มีเครื่องมือพิสูจน์ตามหลักการครับ เป็นแค่การเสี่ยงดวง แนวกระแสก็คือนิยายรายวัน ส่วนทำไมแนวนอกกระแส ต้องถีบตัวเองอย่างหนัก ในขณะที่มาตรฐาน งานเขียนไม่แน่นอน ผมว่า การคุยกันแล้วหาทางออก เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เพราะหลักนิยมของทั้งสองแนวต่างกัน ให้ยกตัวอย่างก็คงเป็น นักประดิษฐ์ กับวิจัยครับ นักประดิษฐ์สามารถทำให้ตัวเองมีผลงาน ทว่า นักวิจัยหากไม่มีทุนสนับสนุน ก็ตายครับ เพราะเขาไม่สามารถขายตัวเองได้

0
TunKoB 16 พ.ค. 65 เวลา 14:17 น. 9

เอาจริงๆนะ ผมก็รู้สึกเอือมกับการโทษกระแสเหมือนกัน ผมก็อยากจะถามหลายๆท่านว่าเคยโทษว่าตัวเองบ้างไหม หรือพอเขียนนิยายแล้วไม่มีคนอ่านก็โยนไปให้เหตุผลเดียวหมด "ว่าไม่ตรงกระแสก็เลยไม่มีคนอ่าน" ? เคยกลับมาคิดไหมว่าที่จริงมันอาจจะเป็นเพราะพลอตกาก เล่าเรื่องไม่โอเค คุมโทนเรื่องไม่เป็น เข้าไม่ถึงว่าอะไรคือความน่าติดตาม ? เคยโทษตัวเองตรงนี้บ้างไหม? ผมเขียนนิยายแบบจริงจังมา 5 ปี บอกตรงๆผมเองก็ยังไม่มั่นใจเลยว่าตัวเองเก่งมากพอ มีประสบการณ์มากพอ แต่อย่างน้อย 5 ปีนี้มันทำให้ผมคุมโทนนิยายเป็น มันทำให้ผมรู้และเข้าใจว่าเนื้อหาที่ผมกำลังเขียน ส่วนไหนน่าติดตาม ส่วนไหนน่าเบื่อ ผมเป็นสายเขียนบนเว็บ E Book ไม่เคยทำ นิยายที่ผมเขียนติด TOP ทุกเรื่อง ถามว่าเขียนตามก็แสไหม มีบ้างแต่ก็ไม่ทั้งหมด กำลังภายในถือว่าเป็นแนวกระแสไหม??? ต่างโลกแฟนตาซีเป็นกระแสไหม? แฟนตาซีต่อสู้ไซไฟในโลกปัจจุบันกระแสไหม??? ผมเขียนหมดแหละ ไม่สนด้วยซ้ำว่ากระแสไหม ผมเขียนแนวที่ผมเขียนแล้วสนุก ผมรู้ว่าจะถ่ายทอดความสนุกออกมายังไง นิยายผมถึงมีคนอ่าน แล้วพวกท่านล่ะรู้ไหม พิมพ์ความจริงออกไปทัวก็จะมาลงอีก ทำไมไม่ให้กำลังใจ ทำไม... การให้กำลังใจโดยไม่ชี้ให้เห็นถึงจุดผิดพลาดมันไม่ก่อให้เกิดการพัฒนาหรอก นิยายของท่านผมก็เข้าไปดู..เอาจริงๆนะผมก็คิดว่ามันยากที่จะมีคนอ่าน เพราะผมไม่รู้สึกว่าน่าสนใจ ผมอยากนะ แค่อยาก อยากจะให้มีสักคนที่มาบ่นว่านิยายไม่มีคนอ่านเพราะไม่ใช่แนวกระแส ลองหันไปเขียนแนวกระแสสักครั้ง ผมอยากจะรู้ว่าเขียนแล้วจะมีคนอ่านไหม ถ้าเขียนแนวกระแสแล้วยังไม่มีคนอ่าน จะได้กลับมามองดูแล้วเห็นปัญหาจริงๆสักที ปล. ผมไม่ได้เก่งอะไรนะ บอกเอาไว้ก่อน ผมก็ยังต้องเรียนรู้ปรับปรุง พัฒนา ภาษาที่ใช้ผมยังสู้คนหลายคนในบอร์ดไม่ได้ พิมพ์ก็ยังผิดๆถูกๆ นิยายผมเองก็ถูกด่าถูกสับในเว็บโม่งยับ ผมก็เอาที่โดนด่ามาปรับปรุงพัฒนาเรื่อยๆ ปัญหาคือถ้าเรามองไม่เห็นปัญหาที่แท้จริง มันก็จะแก้ไขไม่ได้ พัฒนาไม่ได้ โทษผิดจุด 10ปีก็ไม่พัฒนา

7
TunKoB 16 พ.ค. 65 เวลา 14:22 น. 9-1

งานเขียนอะไร ความสร้างสรรค์คืออะไร? เพลงในยุค 20 ปีก่อนกับตอนนี้ยังไม่เหมือนกันเลย การแต่งตัว 50 ปีก่อนกับตอนนี้ก็ต่าง ภาษาพูด 100ปีก่อนกับตอนนี้ก็ไม่เหมือนกัน คนเรามันต้องปรับตัว ผมแค่งงว่าทำไมนักเขียนหลายคนถึงไม่เข้าใจและพยายามจะยัดเยียดอะไรก็ไม่รู้มาให้คนอยากอ่านงานของตัวเอง? ก็นะ จุดประสงค์ในการเขียนมันก็ต่างกัน ก็ถ้าท่านจะเขียนเพื่อเชิดชูวรรณกรรม เขียนงานให้มีคุณค่า เขียนโดยยึดอีโก้ยืนยันจุดยืน มันก็ไม่น่าจะมาบ่นอะไรแบบนี้ไง

0
Shogun kerokero将軍 16 พ.ค. 65 เวลา 14:31 น. 9-2

คุณฟังธงเลยสินะ ว่างานผมห่วย แต่ก็ขอบใจที่มาแสดงความคิดเห็น ขอบคุณครับ

0
TunKoB 16 พ.ค. 65 เวลา 14:34 น. 9-3

ผมไม่ได้ฟันธงแบบนั้น..การสื่อสารผ่านตัวอักษรมันอาจจะไม่ครบถ้วน อายุผมมันเลยวัยในการจะมีอินกับแนวโรงเรียนแล้ว ดังนั้นเมื่อผมกดเข้าไปเจอแนวโรงเขียน ผมก็ไม่อิน เมื่อไม่อิน ผมก็ไม่สนใจ แต่ปัญหาที่นักเขียนมือใหม่ในบอร์ดนี้ตีโจทย์ไม่แตกคือการ "คุมโทน" เรื่อง คุมพลอต นักเขียนมีเรื่องที่อยากจะเขียนมากมาย มีข้อมูลมากมายที่อยากจะยัดลงไปในนิยาย แต่เราต้องคำนึงด้วยว่านักอ่านอยากจะรับไหม? ถ้าคุมเรื่องไม่เป็นยัดข้อมูลไม่สำคัญใส่มากเกินไป ความน่าสนใจที่นักอ่านจะโฟกัสมันก็จะกระจาย ส่งให้ไม่น่าติดตาม ผมก็แนะนำได้แค่นี้ ส่วนคนรับสารจะรับแล้วเอาไปปรับใช้ได้ไหมก็แล้วแต่

0
Helegriel ณ ชะอำ 16 พ.ค. 65 เวลา 15:25 น. 9-4

เราเห็นด้วยกับคุณค่ะ ลองเปิดเข้าไปอ่านเรื่องของเจ้าของกระทู้แล้ว ตกใจ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขียนนิยายมา 3-4 ปี

แค่บทแรก ยังมีคำผิดเป็น 10 คำ บรรยายแบบตัวละครเดินไหลไปเรื่อยๆ ไม่เห็นปมปัญหา ทิศทางเรื่อง หรือจุดที่กระตุ้นให้อยากอ่านต่อ (ดูคล้ายฉากอนิเมญี่ปุ่น หรืออะไรสักอย่าง ไม่ใช่โครงสร้างนิยายที่แข็งแรง) 


คือเป็นนิยายที่ลักษณะการประพันธ์ไม่ค่อยดี จึงมีคนอ่านน้อย  ไม่ใช่เพราะเป็นนิยายนอกกระแสอย่างที่เข้าใจ (แต่งแบบนี้ ต่อให้เป็นนิยายหมวดที่เราชอบ เราก็ปิด)

คนอ่านส่วนใหญ่ตัดสินใจว่าจะอ่านหรือไม่อ่าน จากแค่ประมาณ 3 หน้าแรกนะคะ ถ้าตรงนี้บกพร่อง ยากแล้วที่จะสำเร็จ

เพียงแต่จะยอมรับความจริงไหม…


นิยายแปลก ๆ นอกกระแสเราก็เคยเขียนค่ะ 

โรแมนติกแฟนตาซีอินเดีย ตัวละครเป็นแขกจ๋าหมดเลย สัตว์ป่าพูดได้ ร่ายเวทกัน มีกาพย์ยานี11แทรกเป็นระยะด้วย คุณเคยเห็นที่ไหนไหมล่ะ 5555 

ขายยากแต่ก็ขายได้ค่ะ ทั้งให้เช่าลิขสิทธิ์แอพ ทั้งอีบุ๊ค จนโดนเว็บต่างชาติลอก ตามไล่ปิดไปไม่รู้เท่าไร

คือนอกหรือในกระแสมันไม่ใช่ประเด็นขนาดนั้นเลย แค่แต่งให้ดี ศึกษาเรียนรู้และปรับปรุงผลงาน ไม่ใช่โทษนั่นโทษนี่ รับแต่คำชม คำวิจารณ์ไม่กล้ารับ

0
Shogun kerokero将軍 16 พ.ค. 65 เวลา 15:44 น. 9-5

ขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์ครับ คิดว่าคำผิดแก้ไขได้ครับ

0
Rujinpie 18 พ.ค. 65 เวลา 11:03 น. 9-7

ยากที่สุดคือการคุมโทนนี่แหละ ไอเดียมันเยอะไง เลยจะยัดไปเรื่อย 555+


บอกเลยว่าทุกวันนี้ก็ยังเป็น เรื่องปัจจุบันที่เขียนนี้ก็ยังเป็น 555+

0
Enchanted fried rice 16 พ.ค. 65 เวลา 14:48 น. 10

กระทู้น่าสนใจมาก ๆ เลยค่ะ สู้ ๆ นะคะ หวังว่าคุณจะแต่งต่อไปเรื่อย ๆ ถ้าคุณอยากนะคะ เราก็ท้อนิดนึงเหมือนกันเลยค่ะ เดี๋ยวเราจะไปลองอ่านของคุณค่ะ แล้วก็... ถ้าว่างก็ฝากเรื่องของเราด้วยนะคะ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ กาลเวลาที่บิดเบี้ยว https://writer.dek-d.com/Awkgnattg/writer/view.php?id=2279900 เป็นแนวแฟนตาซีค่ะ

1
ลูเซีย The jar's modeller 16 พ.ค. 65 เวลา 16:14 น. 12

ร่วมกิจกรรมไม่ได้ เพราะยอดเกินแล้ว

แต่อยากคุยเรื่องกระแสรองหน่อย


หลายคนคิดว่าปัจจัยเป็นเพราะแนวเรื่อง เราเห็นด้วยว่ามันเป็นส่วนนึงที่มีผลมากเลย แต่ในขณะเดียวกันก็คิดว่า ฝีมือคนเขียนของกลุ่มกระแสรองก็เป็นประเด็นเหมือนกัน หลายเรื่องแนวคิดไม่เลว แต่เขียนจริงไม่ได้เรื่องเลย อันนี้จะให้นักอ่านมาสนับสนุนต่อก็คงไม่ไหว


บางเรื่องเขียนดีมากจริง แต่แนวไม่กระแส อย่างน้อยๆ ก็จะมีกลุ่มผู้ติดตามอยู่นะ สำหรับเราเห็นแล้วจะเป็นหลักพันต้นๆ หรือใกล้พัน ไม่ถึงกับหลักร้อยไม่เกินสองร้อยหรอกค่ะ แค่อาจจะไม่แตะหมื่น หรือแตะยากมากเท่านั้นเอง มันต้องถูกจริตคนบางคนบ้างอยุ่แล้วถ้าการเขียนไม่มีปัญหานะ


อย่าง legend of blue fire ไม่กระแสนะ แต่ผู้ติดตามก็ยังเยอะมาก แตะหมื่นได้ เพราะมันสนุกมาก ต่อให้คนเขียนดองมาหลายปีมากเราก็ยังรออยู่เลย TT

11
Shogun kerokero将軍 16 พ.ค. 65 เวลา 17:22 น. 12-1

แล้วคนที่ไม่แมสต้องทำยังไงครับ หมายถึงโปรโมทตัวเองอ่ะครับ ในเมื่อมันมีความซับซ้อนกว่าแนวอื่น ผมถึงมาตั้งกระทู้ไงครับ ผมก็ต้องต่อสู้ในวิธีของผม

0
TunKoB 16 พ.ค. 65 เวลา 17:43 น. 12-2

มันมีคำตอบอยู่ในกระทู้นี้หมดแล้วครับ ส่วนท่านจะเปิดรับไหมอันนั้มมันประเด็นท่าน เขาก็แนะนำไปแล้วไงว่ามันมันไม่แมส บางทีมันไม่ใช่เพราะแนวกระแสหรือเปลา แต่มันเพราะตัวคนเขียนเอง ในนิยายท่านผมจะจี้ให้เรื่องนึงก็แล้วกัน หน้าแนะนำนิยายท่านใช้พื้นที่เปลือง ไปแนะนำลักษณะนิสัยตัวละคร ที่จริงมันไม่จำเป็นเลย ลักษณะนิสัยตัวละคร เราปล่อยให้นักอ่านเขาเขียนรู้เองผ่านบทพูด ความคิด หรือการกระทำในเรื่องก็ได้ ปัญหาของท่านที่ผมมองเห็นแบบชัดเลย ท่านเขียนในสิ่งที่อยากจะเขียน โดยท่านไม่สนว่าผู้อ่านเขาอยากจะรับไหม พอท่านเขียนในสิ่งที่ตัวเองอยากเขียนมากเข้า แต่ผู้อ่านไม่อยากรับ แล้วมันจะแมสได้ไงครับ??? เนี่ยคำตอบมันอยู่ตรงนี้ ท่านบอกว่าตัวเองเขียนนิยายมา 4-5ปี แต่ยังตีโจทย์ตรงนี้ไม่แตก สาเหตุมันก็เลยออกมาแบบนี้ไง ไม่พัฒนา เพราะท่านไม่รู้ว่าตัวเองพลาดตรงไหน ขนาดมีคนมาแนะนำให้เห็นภาพได้แล้ว ท่านก็เหมือนจะยังไม่รู้ ส่วนหนึ่งมันเพราะ mind set ถ้าพิมพ์บอกตรงๆบางทีมันแรงไป นักเขียนเก่งๆหลายคนเขาเลยไม่อยากจะทำ เพราะทำไปอย่างมากเสมอตัว ซวยมาโดนกระแสตีกลับเข้าตัว เขาก็ทำได้แค่ใบ้ๆอย่างสุภาพ ! แนวเรื่องมีผลน่ะมันใช่ แต่ถ้าถึงขนาดนิยายไม่มีคนอ่านเลยเนี่ย มันมีปัจจัยอื่นรวมด้วยเด้อ ถือว่าผมมาตอบให้แทนก็แล้วกันครับ

0
16 พ.ค. 65 เวลา 17:59 น. 12-5

สนุกดีครับ และเห็นด้วยกับคุณ TunKoB ทุกประการ

0
Shogun kerokero将軍 16 พ.ค. 65 เวลา 18:01 น. 12-6

เคยได้ยินสำนวนที่ว่า เรียนรู้ไปด้วยทำงานไปด้วยไหมครับ ถ้ารอแต่เก่งเพอร์เฟค แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้เขียน ขอโทษที่ผมโง่ ไม่เก่งเหมือนไมเคิลแองเจโล กราบเรียนนักเขียนชั้นครูทุกคน ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะ

0
TunKoB 16 พ.ค. 65 เวลา 18:04 น. 12-8

ก็เพราะแบบนี้ไงครับ มันถึงไม่มีใครอยากจะมาแนะนำตรงๆ เพราะแนะนำไปท่านก็เคือง เขาเลยบอกอ้อมๆ พอบอกอ้อมๆก็ไม่เข้าใจ ผมก็เรียนรู้ไปเขียนไปครับ ทุกคนก็เรียนรู้ไปเขียนไป แต่ Mind set ที่ผิด มันจะทำไปสู่การไม่พัฒนา ผมเริ่มเขียนโดยไม่ได้มี mind set อะไรเกี่ยวกับคำว่านิยายกระแสเลยครับ ผมเขียนแนวที่ผมไปอ่านแล้วผมรู้สึกว่าผมชอบ ผมสนุก ผมก็พยายามสื่อความสนุกออกมาในงานเขียนให้ได้เท่านั้นเลย นิยายเรื่องแรกของผม ผมโดนด่ายับ สับยับ แต่มันก็ทำให้ผมมีวันนี้ไง เอาเป็นว่าจบเท่านี้ดีกว่าครับ ปล่อยให้บอร์ดมันเป็นบอร์ดโปรโมทนิยายต่อไป !

0
ลูเซีย The jar's modeller 16 พ.ค. 65 เวลา 23:24 น. 12-10

เพิ่งเห็นว่าที่พิมยาวๆ หายไป ไม่ยึ้นแฮะ 555 เอาใหม่ก็ได้


แนวของ จขกท ไม่ได้พิเศษ หรือซับซ้อนเกินไปหรอก

แต่การนำเสนอไม่ดี อันนี้ต้องพูดตรงๆ เลย

เห็นได้ชัดว่าพูดอ้อมก็ดูไม่ค่อยเก็ต พูดตรงก็ไม่รู้จะเก็ตรึเปล่า


ชื่อเรื่องทื่อๆ เหมือนงานแปลที่แปลดิบตรงตัว แต่ก็ไม่ได้ดึงอะไรที่น่าสนใจเป็นพิเศษมา ดูเหมือนยำใหญ่มากกว่า


คำโปรย ดูพยายามยิ่งใหญ่ หลายคำเอาไปติดแท็กแทนดีกว่า แล้วคิดหาเนื้อเรื่องที่โดดเด่นมาเรียกแขกแทน คนจะเข้าชมมากกว่านี้ อันนี้คือบอกโทนอย่างเดียว การเมืองบ้าง เวทมนต์บ้าง อ่านสามสี่รอบก็ยังงงๆ ไม่เห็นแรงดึงดูดที่ชัดเจน


หน้าแนะนำเบื้องต้นยิ่งหนัก โอ้โห ความงงถาโถมสุด

เวิ่นเว้อเยอะเกิน

นึกถึงสมัยเด็กๆ ที่ตัวเองไม่รู้จะแนะนำอะไร เลยคัทย่อหน้าที่ดีที่สุดมาใส่เลย


เอาแค่นี้ไม่ต้องอ่านเนื้อใน คนก็ปิดทิ้งไป 80% แล้วค่ะ


0
ลูเซีย The jar's modeller 16 พ.ค. 65 เวลา 23:30 น. 12-11

ปล. เพิ่งเคยเห็นคนบอกว่าตัวเองเป็น นข มีประสบการณ์สูงมาก นับถือความเชื่อมั่นเลยค่ะ

0
Shogun kerokero将軍 16 พ.ค. 65 เวลา 18:11 น. 13

ผมต้องขอโทษพี่ๆ ทุกคนด้วบครับที่ทำให้ไม่สบายใจ วันนี้มันหนักมากสำหรับผม ไว้พรุ่งนี้ผมจะมาตอบนะครับ

5
16 พ.ค. 65 เวลา 18:12 น. 13-1

สู้ๆครับ พักผ่อน นอนเยอะๆ

0
TunKoB 16 พ.ค. 65 เวลา 18:15 น. 13-2

การฟังความจริงมันโหดร้ายเสมอ แต่ความจริงมันจะทำให้เราปรับปรุงและพัฒนาได้ครับ ถ้าฟังแต่คำหวานเราจะไม่มีทางพัฒนา ผมก็ขอโทษด้วย ผมเป็นแบบนี้แหละ ถ้าอยากจะแนะนำผมก็จะทำจริงๆ แต่บางทีมันก็แรงไป ถ้ามันทำให้กระทบจิตใจก็ขออภัย ล้มแล้วลุกขึ้นใหม่ มันแข็งแรงขึ้นเสมอ

0
ลูเซีย The jar's modeller 16 พ.ค. 65 เวลา 22:15 น. 13-3

ไม่จำเป็นต้องตอบทุก คห​ ก็ได้ คุณมีสิทธิที่จะไม่เห็นด้วย 555 มีสิทธิที่จะเมิน

แต่ก็นั่นแหละ คำพูดที่ฟังไม่เข้าหู เป็นความเห็นจากมุมคนนอกที่มองคุณ อยู่ที่คุณรับสารนี้ไปแล้วจะเอามันไปทำอะไร ทำลายกำลังใจ หรือเอามาปรับปรุงตัวเอง


0
Greatzer01 16 พ.ค. 65 เวลา 22:34 น. 13-4

จากกระทู้กิจกรรม ขำ ๆ กลายเป็นเรื่องเครียดวิพากย์วิจารณ์จนได้

ที่ผมร่วมแสดงด้วยนี่ บวกกับเจอความเห็นผู้เชี่ยวชาญไปด้วย

ผมนี่เป็นสุนัขข้างบ้านไปเลย 5555555


ผมมองยังใง การให้กำลังใจยังใงก็ไม่ผิดหรอก ตราบใดที่ที่นี่ยัง พวกเรายังเป็นสัตว์สังคม... สังคมนักอ่าน ถ้าไม่มีอะไรเยียวยาใจซักนิด เดี๋ยวมันก็กลายเป็นโรคพอดี


ที่นี้ มันก็ขึ้นอยู่กับจิตใจหรือ Mind Set แต่ละคนละจะยอมรับรึป่าว ความจริงที่ตนเองไม่ได้เก่ง พอเห็นใครวิจารณ์หนัก ๆ ถึงกับปิดใจ ใจนักเขียนทุกคนมันไม่เหมือนกัน

เพียงแต่ เราจะยอมรับมั้ย พัฒนามั้ยงี้ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก

มันจะให้สมบูรณ์แบบเหมือนนักเขียนท่านอื่น ๆ ก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว


ทุกคนย่อมมีเอกลํกษณ์ จากประสบการณ์อันโชกโชน

ถ้ายอมรับ ปรังปรุง และผ่านจุดนี้มาได้ ก็ถือว่าสุดยอดละ


ขนาดผมเอง ที่มาเม้นเนี่ย ต้องบอกว่ายังอ่อนประสบการณ์สุด ๆ

ต่อให้ออกตอนใหม่ สุดท้ายก็นึกย้อนกลับมาแก้อยู่ดี

0
albaflore 17 พ.ค. 65 เวลา 03:26 น. 13-5

คนเรามีความคิดเห็นแตกต่างกันได้ ถ้าสำหรับพี่ น้องไม่ต้องขอโทษหรอกครับ บอร์ดสาธาก็มีไว้ให้คนมาพูดคุยกัน เราฟังแล้วไม่ต้องเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่ไตร่ตรองด้วยเหตุผล


ที่พี่จะบอกก็คือ ยาขมดีกว่ายาเบื่อคลุกน้ำตาล แต่พี่ว่าคอมเมนต์พี่คือยาแก้ไอหวานชุ่มคอแล้วนะ 5555 พูดเป็นกลาง ๆ ไม่โจมตีไม่เหน็บแนมฝ่ายไหนสุดเท่าที่พี่จะพูดได้แล้ว


เป็นเรื่องปกติที่พอเราเจอคนมีความคิดแตกต่าง ฟังแล้วอาจจะหงุดหงิด ขัดใจ ไม่พอใจ แต่เราก็สามารถรับฟังไว้ก่อนแล้วไตร่ตรองดู ถ้ามันมีประโยชน์ ก็นำไปปรับใช้ ถ้ามันมีโทษ ก็ช่างหัวคนพูดไป


หลาย ๆ คห ให้คำแนะนำที่ดีครับ ถ้าน้องอารมณ์ดีแล้ว อยากให้ลองอ่านดูดี ๆ อีกครั้ง


ถ้าพี่พูดประโยคไหนที่อ่านแล้วไม่สบายใจ พี่ขอโทษจากใจจริง พี่ไม่มีเจตนาทำให้รู้สึกไม่ดีเลย


น้องอยากได้กำลังใจ พี่ก็มาให้กำลังใจแล้วนี่ไง แต่ไม่อยากให้แบบปลอม ๆ พี่ถึงพลีชีพโพสต์ยาว ๆ แบบที่รู้ว่าอาจมีคนด่าคนเหม็นขี้หน้า แต่พี่อยากให้กำลังใจอย่างแท้จริงเลยเขียนมา หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้คนบ้างก็เท่านั้นเอง

0
WF0AIP785XASP 16 พ.ค. 65 เวลา 19:26 น. 14

นอกกระแสก็ไม่แย่หรอกคุณ เพราะอย่างน้อยก็สามารถสื่ออะไรสักอย่างออกไปตามที่รู้สึกจริงๆ หลุดมาคนหนึ่งอ่านแล้วเข้าใจสิ่งที่เราจะสื่อคนหนึ่งก็โอเคแล้ว เขียนงานในกระแสสิลำบาก ชอบหรือไม่ชอบอะไรก็ต้องใส่เข้าไปในเรื่อง ให้มันครบรส ให้มันถูก Meta ให้ตัวเลขมันวิ่งต่อไปได้

.

ถือเป็นความยากที่แตกต่างกันล่ะมั้ง

.

ชื่อเรื่อง : ArachnidTrail

โปรย : 22 มีนาคม 2495 นักสืบหนุ่ม 'จิเฮน ซากะ' ผู้โดนสั่งขังลืมอยู่ภายใต้กองงานเอกสารอยู่นานแรมปี จู่ๆ ก็ถูกผู้กำกับของเขาเรียกไปพบเป็นการส่วนตัว ก่อนอีกฝ่ายจะยื่นข้อเสนอให้จิเฮนได้กลับไปทำงานสืบสวนอีกครั้ง จิเฮนจึงตอบรับข้อเสนอนั้นอย่างไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคิด หากแต่สิ่งที่กำลังรอเขาอยู่ในคดีนี้กลับไม่ใช่อะไรที่จิเฮนคาดคิดไว้เลยแม้แต่น้อย

Link : https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=2300197

0
PO-Wattana 16 พ.ค. 65 เวลา 22:06 น. 15

ผมเชื่อว่าการจะเป็นนักเขียนที่ดีต้องการอยู่สองอย่างครับ หนึ่งคือคำชม เอาไว้ให้มีกำลังใจแต่งต่อ และสองคือคำวิจารณ์ให้รู้ว่าจะแก้ไขและแต่งให้ดีขึ้นยังไง ซึ่งเนื่องจากสังคมโซเชียลสมัยนี้มันค่อนข้างเสี่ยงแก่การโดนแขวนมากกว่าสมัยก่อน คนอ่านเลยไม่ค่อยติกันหนักมาก แต่ถ้าคุณอยากได้คำวิจารณ์แบบ "จริงใจ" ก็แนะนำให้จั่วหัวหน้าเรื่องไว้เลยครับว่าอยากได้แบบหนักหน่วงสับเละเทะ เดี๋ยวก็มีคนมาจัดให้คุณเองแหละ แล้วพอได้รับคำวิจารณ์มาก็ทำการย่อย อะไรไม่ใช้ก็ปัดทิ้ง อะไรใช้ก็เอามาปรับกันไป จบ


จากใจคนที่แต่งแนว "นอกกระแส" (ที่ปลงไปแล้วว่ายอดวิวไม่มีวันพุ่งสูงอลังการได้) การพัฒนาตนเองมีผลต่อยอดวิวครับ ส่วนจะใช้เวลาพัฒนาแค่ไหนนั่นก็แล้วแต่ความพยายามและพรสวรรค์ของแต่ละบุคคล ถ้าคุณจะปฏิเสธคำติชมในทุกกรณี...นั่นก็เป็นสิทธิของคุณ แต่นั่นก็เท่ากับคุณปิดโอกาสในการพัฒนาตนเองเช่นกันครับ หากคุณต้องการพัฒนาตัวเองจริง ๆ ผมก็ไม่แนะนำให้ทำอย่างนั้นครับ Its not a very good GRINDSET.


และใช่ครับ นิยายคุณไม่ได้ดีขนาดนั้น พูดจากใจจริง "ไม่ปลอม" คุณมีช่องว่างให้พัฒนาและปรับแก้อีกมากครับ โดยก้าวแรกของการพัฒนาคือการยอมรับในข้อบกพร่องของตนเองครับ No man is perfect.

0
Helegriel ณ ชะอำ 17 พ.ค. 65 เวลา 02:22 น. 16

แวะเข้ามาดูอีกที เหมือนคุณเจ้าของกระทู้จะเสียใจมาก T-T

ถ้าเราพูดแรงไปก็ขออภัยนะคะ แค่ว่าเห็นคุณเขียนต้นกระทู้ “ล้มเหลวด้วยสาเหตุที่ผมเดาไม่ออก” เลยอยากช่วยแนะนำ ให้รู้ความจริง จะได้แก้ไขถูกจุดน่ะค่ะ

เพราะก็อยากให้ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจเหมือนกัน (จุดนี้ยอมรับก่อนเนอะ ว่าใครๆก็อยากมีคนอ่านชื่นชอบ ไม่อย่างนั้นเป็น passion ส่วนตัวจริง ก็คงเขียนใส่สมุดอยู่บ้าน ไม่มาลงเด็กดีให้มันเปลืองเน็ต) คุณเขียนมา 3-4 ปีแล้ว เป็นอย่างนี้ต่อไปคงไม่ดี


อยากขอแนะนำคุณว่า ควรวางแผนเรื่องให้รัดกุมหน่อย สร้างบ้านทั้งที เอาแปลนและรากฐานให้ดีก่อน ไม่ต้องรีบร้อนจะไปมุงกระเบื้องหลังคา มันจะเละหมด

ลองทำ treatment ดูไหมคะ แต่ละบท (หรือแม้แต่ แต่ละย่อหน้า ถ้าเป็นคนออกทะเลเก่ง) คุณเขียนเพื่ออะไร มันช่วยให้เนื้อเรื่องเดินอยู่หรือไม่

เข้าใจว่าคุณอาจจะคิดว่าคุณไตร่ตรองโครงสร้างทุกอย่างมาดีแล้ว แต่ถ้าคนอ่านส่วนใหญ่ไม่รู้สึกเช่นนั้น ก็แปลว่าคุณคิดผิด ผลงานมันพิสูจน์ตัวมันเอง


กิมมิคตัวละครน่ารัก ๆ มีเขี้ยว กินจุ ตาสีสันต่าง ๆ บรรยายมาก็โอเคเห็นภาพดี

แต่ สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญเท่าตัวตนของตัวละคร (เข้าใจว่าเรื่องนี้โฟกัสตัวละครค่อนข้างมาก)

พวกเขาเป็นใคร ชีวิตต้องการทำอะไร หรือ มีปัญหาอุปสรรคอะไร

คนอ่านต้องรู้ เพื่อจะติดตามเอาใจช่วยให้ได้ทำตามต้องการ หรือ เอาชนะปัญหาอุปสรรคดังกล่าว (ซึ่งจะด้วยวิธีอะไรก็แล้วแต่พล็อต) ถ้าไม่รู้คนอ่านจะงงว่าประเด็นเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร ฉันอ่านทำไม


รองลงมาที่ต้องเผยข้อมูลแก่คนอ่านคือ บุคลิกนิสัย รูปแบบพฤติกรรมที่จะส่งผลต่อไปในเหตุการณ์ข้างหน้า (เช่นสมมติถ้าจั่วว่าเป็นคนขี้ลืม ต่อไปต้องมีผลสำคัญบางอย่างเกิดขึ้นจากการลืมของเขา ไม่ใช่ใส่เรื่องขี้ลืมมาเล่นงั้นๆ — คืออยากใส่ก็ได้แหละแต่มันจะเป็นแค่กิมมิคที่ไม่สำคัญ อาจเพื่อมาช่วยเสริมให้ดูน่ารักหรือเป็นมนุษย์ที่มีข้อดีข้อเสียสมจริงเท่านั้น ใส่มากไปก็รกรุงรัง)

เผยระหว่างดำเนินเรื่องนะคะ ไม่ใช่มาแปะไว้หน้าบทความให้อ่านเอา แล้วข้างในกลับไม่ชัดเจน


สรุปคือ อย่าเขียนเล่าไหลไปเรื่อย ๆ 

มันต้องมีเหตุผลว่าทำไมเราถึงจำเป็นต้องวางย่อหน้านี้ตรงนี้


อีกอย่างหนึ่ง ควรจะเข้าใจมุมมองคนอ่านให้มากกว่านี้ค่ะ

คนเข้ามานิยายคุณเนี่ย เขาประสบโลกที่คุณเขียนเป็นครั้งแรก เพื่อหาความบันเทิง ท่ามกลางนิยายอีกเป็นร้อยเรื่องนะคะ

ไม่มีใครมานั่งจำหรอกค่ะ ว่าเอกลักษณ์ตัวละคร(ซึ่งเหมือนจะเป็นแค่กิมมิค)แต่ละตัวเป็นอย่างไร คุณจะเอามาใช้เป็นสรรพนามแทนชื่อจริง… บอกเลยว่าปกติขนาดออกชื่อบ่อย ๆ คนอ่านยังใช้เวลานานกว่าจะจำได้ ไม่หลับแล้วลืมในข้ามคืน 5555

ทำเรื่องให้อ่านเข้าใจง่ายหน่อยดีกว่าค่ะ เพิ่มความสับสนโดยไม่จำเป็นมันไม่สร้างประโยชน์อะไรหรอก


ที่พูดมาทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับกระแส หรือมาร์เก็ตติ้งเลยแม้แต่น้อย 

พูดถึงตัวเรื่องอย่างเดียว ที่คุณควรแก้จริงๆ (ต่อให้เรื่องนี้เป็นกระแสหลัก ก็จะแนะนำแบบนี้)

ทั้งนี้ก็แล้วแต่วิจารณญาณปรับใช้นะคะ เราแนะตามประสบการณ์ของเราที่ทำแล้วเวิร์ค+เราเรียนคณะที่เกี่ยวกับการเขียน แต่ทุกคนก็อาจมีเส้นทางต่างกันไป

ที่จริงแฟนตาซีเป็นหมวดที่ท้าทายพอสมควรเลย เพราะยังต้องทำให้คนอ่านรู้กฎเกณฑ์ของโลกที่คุณสร้างด้วย (เช่นเผ่าพันธุ์ การเมืองภูมิศาสตร์ ข้อจำกัดของพลังต่างๆ) ตั้งแต่ภายในบทแรก ๆ

เปิดเรื่องยาก มีอะไรต้องทำเยอะมากค่ะ ดังนั้นก็ขอเอาใจช่วย

ถือว่าคุยกันเพื่อแบ่งปันทักษะและช่วยให้ชาวบอร์ดพัฒนาผลงานไปด้วยกันนะคะ

0
A.L. Lee 17 พ.ค. 65 เวลา 09:32 น. 17

เห็นด้วยกับหลายความเห็น

การเขียนนิยาย คือการสื่อสารกับคนอ่าน ไม่ว่าจะแนวไหนก็ตาม คุณต้องสื่อสารออกมาให้เข้าใจง่ายที่สุดค่ะ คอมเมนต์เราก็เมนต์ไปในนิยายคุณแล้ว นิยายที่ดีจะสื่อสารกับคนอ่านได้ดีค่ะ ถ้าคนอ่านอ่านแล้วพบคำผิดบานเบอะ หรือประโยคที่ทำความเข้าใจยาก หรือเนื้อเรื่องที่ไม่ดึงดูดให้อ่านต่อ มันก็จะไม่ได้รับความสนใจ

เรารู้ค่ะว่า จขกท โดนคอมเมนต์หนักขนาดนี้คงเฟล แต่นี่คือสิ่งที่นักเขียนออนไลน์ต้องเจอ นิยายติดท็อปก็ด้วยค่ะ โดนคนที่ไม่ชอบสับเละกว่านี้เยอะ บางคอมเมนต์ก็ไร้เหตุผลด้วยซ้ำ ในที่นี่ถือว่าวิจารณ์กันปกติมากแล้วค่ะ

ดังนั้น ถ้าคุณรักชอบการเขียน เราขอให้คุณตั้งสติ แล้วหยิบนิยายที่คุณชอบมาอ่าน มาศึกษา แล้วคุณจะทำได้ดีขึ้น เป็นกำลังใจให้ค่ะ ฮึบๆ



1
Shogun kerokero将軍 17 พ.ค. 65 เวลา 09:34 น. 18

ก่อนอื่น ผมคงต้องแนะนำตัวเองให้รู้จักเล็กน้อยครับ เนื่องจากผมชื่นชอบการเล่นหมากรุกมาก ผมจึงติดนิสัยชอบระเบียบแบบแผนครับ นิยายไม่ได้ตัน หรือออกทะเล แบบที่ท่านกล่าว ผมมีนักอ่านประจำ ถึงจะ 2 3 คนต่อวัน ผมมีแบบแผนที่วางเอาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ที่ไม่ต้องการคำวิจารณ์เพราะเหตุนี้ครับ เพราะผมไม่อยากออกนอก ระเบียบแผนที่วางเอาไว้ และผมหวังอย่างสุดซึ้งว่าทุกท่านจะเข้าใจในประเด็นนี้ อย่างที่ผมได้เขียนไปบนหัวกระทู้ การจะฝึกฝนหรือเปลี่ยนอะไร ไม่สามารถทำได้เดี๋ยวนี้ครับ ต้องใช้เวลาเป็นปี ฉะนั้นหลังจากที่ผมทำตามเป้าหมายสำเร็จภายในระยะเวลา หนึ่งปี ผมจะกลับมาพิจารณาขอคำวิจารณ์แบบจริงจังเลยครับ ขอบคุณที่ตั้งใจอ่านครับ

1
ลูเซีย The jar's modeller 17 พ.ค. 65 เวลา 15:31 น. 18-1

ต้องการแค่กำลังใจ คำวิจารณ์ข้อบกพร่องอะไรไม่ต้องการ

โอเคเก็ต 5555

เข้าใจภาวะนะ แต่ไม่เห็นด้วย


ปล. ให้กำลังใจแบบนั้นไม่ค่อยเป็น ต้องขออภัยด้วยค่า

ปลล. คำว่านิยายกระแสของคุณกับของเรามันไปคนละเรื่องเลยนะ

0
Azulna 17 พ.ค. 65 เวลา 11:30 น. 19

เราขอตอบต่อจากคอมเม้นท์ของจขกท. เลยละกันเนอะ ถ้าคุณจะไม่รับคำวิจารณ์เกี่ยวกับพล็อตเอยหรือเนื้อเรื่องอะไรงั้นก็ได้ค่ะ แต่ว่าที่ควรจะรับและพิจารณาเลยก็คือการใช้ภาษาในการเขียน


เราก็ฝันอยากเป็นนักเขียนที่ติดท็อป ขายอีบุ๊คส์แล้วได้ป้าย best seller สักครั้งเหมือนคนอื่นแหละค่ะ แต่ยอมรับเลยว่าฝีมือไม่ได้ นิยายที่เขียนห่วย เราเคยโดนวิจารณ์​ โดนสับแบบที่ทั้งมีเหตุผลและไม่มีเหตุผลจนเสียใจสุดๆ มาแล้วค่ะ ไหนจะวางขาย e-book แล้วคนไม่ชายตาแล วางขายคู่กับนิยายดีได้ best seller มันเหมือนเพชรล้ำค่าวางคู่กับเปลือกผลไม้เน่าๆ อย่างที่หลายคนว่าผลงานพิสูจน์ตัวมัน ไม่มีคนชายตาอ่านนิยายเรามันก็ชัดแล้วว่าเรายังมีข้อบกพร่องอีกมากมาย ไม่ได้เกี่ยวกับแนวกระแสหรือไม่เลย (เนื้อเรื่องเอย ภาษาเอย พล็อตเอย โลจิกเอย)


ทีนี้กลับเข้าเรื่อง ถ้านิยายของคุณเราจะขอแนะในฐานะนักอ่านคนหนึ่งก็แล้วกันค่ะ จะไม่พูดเรื่องเนื้อเรื่องหรือพล็อตอะไรเพราะคุณบอกเองแล้วว่าจะไม่รับคำวิจารณ์ตรงส่วนนี้เพราะวางแผนอะไรหมดแล้ว แต่เราอยากจะขอพูดในเรื่องของภาษาการบรรยายที่ขอกล่าวตามตรง เราว่าคุณยังอ่านหนังสือมาน้อยค่ะ หมายถึงนิยายเล่มตีพิมพ์ที่จะมีกองบ.ก. คอยตรวจอีกขั้น ถ้าจะฝึกเราแนะนำว่าต้องฝึกจากนิยายตีพิมพ์ยิ่งสำนักพิมพ์ดังๆ อย่าง Enter books, Nanmeebook, มากกว่ารัก อะไรพวกนี้ค่ะ แล้วจะเห็นความแตกต่างชัดมากว่านักแปลหรือนักเขียนมืออาชีพเขาจะใช้สำนวนการบรรยายอย่างไรถึงจะทำให้คนอ่านติดได้และคงกลิ่นอายสำนวนเฉพาะตัวของพวกเขา


การเล่าเรื่องไม่ค่อยมีชั้นเชิงหรือกรองในหัวมาสักขั้นสองขั้น เหมือนความคิดมันมากล้นก็ปล่อยมันออกมาเท่านั้น นอกจากการบรรยายที่ไม่เหมือนเล่าเรื่องแล้วยังมีบรรยายเวิ่นเว้อ


"ทุกคนต่างก้มหน้าอยู่ภายใต้ท้องฟ้าที่ทำจากกรงเหล็กขนาดใหญ่ มันได้บดบังพวกเขาจากท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ในยามเช้าจากแสงอาทิตย์สีเพลิงที่อบอุ่น" เจอประโยคนี้แล้ว เราว่างงๆ นะ ทุกคนที่ว่าเนี่ยอยู่ภายใต้ท้องฟ้าที่ทำจากเหล็ก? หมายถึงท้องฟ้าจำลองเหรอ? ท้องฟ้าจำลองที่บดบังท้องฟ้าจริง?


ส่วนประโยคนี้ "ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ในยามเช้าจากแสงอาทิตย์สีเพลิงที่อบอุ่น" เราว่ามันเวิ่นเว้ออ่ะค่ะ เรารู้ว่าท้องฟ้ากว้างแสงอาทิตย์อุ่น แต่..แล้วยังไงหว่า...เราไม่รู้ว่าใส่มาทำไมและมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้จำเป็นต้องบอกเล่าเลยด้วยค่ะ


ในฐานะนักอ่านเราก็แนะนำได้คร่าวๆ ประมาณนี้ค่ะ แต่ในฐานะนักเขียนเราก็ขอให้กำลังใจคุณในการพัฒนาผลงานและฝีมือของตัวเองต่อไปนะคะ

0
TunKoB 17 พ.ค. 65 เวลา 11:42 น. 20

ท่านมีปัญหาที่ mind set ปัญหาที่หน้ากลัวที่สุด ไม่ใช่ความเป็นคนไม่เก่ง หรือความไม่รู้ แต่มันคืออีโก้ และ mind set ซึ่งน่ากลัวพอๆกันส่วนตัวผมเคยมีปัญหาเรื่องอีโก้ ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่แก้ไม่หายขาด แต่ลดน้อยลงมาก พยายามดึงสติกลับมา ผมรู้ตัวอยู่ตลอดว่ามีปัญหา ผมก็เคยมีปัญหาโดนโถมในบอร์ดมา สุดท้ายก็เรียนรู้ ปรับปรุง แก้ไข

สิ่งที่น่ากลัวสุดๆแบบมากสุดๆคือ อีโก้ที่มาพร้อมกับ Mind set ที่ผิดเพี้ยน ถ้าสองอย่างนี้มาคู่กัน = เสียเวลาเปล่า

การแก้ปัญหา ปรับปรุง พัฒนา ขั้นตอนมันต้องใช้เวลาเป็นปี อันนี้ใช่แต่เหมือนท่านจะตีความผิดอยู่นะ ถ้าไม่ยอมรับว่ามีปัญหา ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังมีปัญหา กระบวนการแก้ไข ปรับปรุง มันก็จะไม่เกิดขึ้นสักที นี่แหละที่เป็นปัญหา

การตีกรอบให้กับตัวเองมากเกินไปก็คือปัญหา การฝึกฝนไม่ว่าจะเรื่องอะไร มันทำได้ทันที เริ่มได้ทันที เปลี่ยนได้ทันที แต่ที่มันมาช้ามันไม่ใช่การเริ่ม ผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงต่างหากที่มาช้า

ผมเขียนนิยายออนไลน์มา ประสบการผม 5 ปี ผมเขียนแทบจะเป็นอาชีพ มีรายได้ทุกเดือน [ไม่ได้พยายามจะขิงใส่นะ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ว่าขนาดผมมีประสบการณ์พอประมาณ] ผมเองยังต้องฟังคำวิจารณ์ของนักอ่านและเปลี่ยนในบางเรื่องแบบทันทีทันใดเลยถ้ามันไม่กระทบกับพลอตหลัก

การที่ท่านเขียนในสิ่งที่อยากจะเขียน โดยไม่ฟังว่าคนอ่านเขาต้องการอ่านหรือไม่ นี่แหละคือปัญหา ซึ่งมันจะไม่เป็นปัญหาหรอก ถ้าท่านเขียนของท่านไปแล้วไม่ได้มาตั้งกระทู้แนวนี้ แต่ท่านมาตั้งกระทู้ไง สุดท้ายถ้าเนื้อหาในกระทู้มันมี Mind set ที่ผิด ที่บิด ที่เบี้ยว คนที่เข้ามาอ่านเขาก็มีสิทธิ์ติติงแสดงความเห็นต่างได้ครับ ท่านเองก็เหมือนตั้งปลายเปิดให้คนแสดงความเห็น การถูกวิจารณ์งาน มันเจ็บปวด ความจริงมันก็เจ็บปวด แต่มันคือสิ่งที่จะทำให้เรารู้ข้อผิดพลาดและพัฒนา

5 ปีของผม ผมเลยมายืนอยู่จุดนี้ได้ ผมไม่ใช่คนเก่งหรืออัจฉริยาที่มีพรสวรรค์อย่างที่ท่านเข้าใจ mind set ผมก็เคยแย่ แต่ผมคือคนที่พยายามจะปรับเปลี่ยน ปรับปรุง แก้ไข พัฒนา ประสบการณ์การเขียนของผม มันก็เท่ากับท่านนั่นแหละ ไม่มาก ไม่น้อยไปกว่ากันเท่าไหร่หรอก แต่ผลลัพธ์มันต่างนะครับ

ที่พิมพ์ยาวเนี่ย หวังจริงๆ หวังให้นักอ่านใหม่ คนที่กำลังเริ่ม คนที่ผ่านเข้ามา คนที่กำลังท้อเขาได้อ่านความเห็นจากผม แล้วเขาจะได้ตกผลึก รู้ข้อผิดพลาด ไม่โฟกัสผิดจุด ไม่โทษลมฝน เพราะถ้าเขาเข้าใจผิดจุด และเริ่มเดินไปในแนวทางที่ผิด มันจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเสียเวลาเปล่า

ตรงนี้จะเล่าให้ฟัง ว่านิยายผมมีคนอ่านได้ยังไง ผมมี Mind set แบบไหน ผมเองภาษาไทยก็แย่ พิมพ์ผิดๆถูกๆ การใช้คำ การเว้นวรรค การใช้สัญลักษณ์แย่ไปหมด แต่ที่ผมมีคือผมชอบอ่านนิยาย ผมชอบอ่านการ์ตูน ผมชอบจินตนาการ พอผมอ่านมากๆ ผมก็อยากจะเขียนเรื่องราวของตัวเอง เติมต่อนำจินตนาการที่คิดเล่นๆก่อนนอนออกมาเป็นเรื่องราวที่สมบูรณ์ ตอนเริ่ม ผมไปอ่านนิยายเกือบทุกเรื่องที่ติด TOP ผมวิเคราะห์ยอดวิว ผมวิเคราะห์เนื้อหา ผมวิเคราะห์ว่าต้องทำยังไงถึงจะติด TOP ผมวิเคราะห์คุณภาพงานเขาแบบไร้อคติ ผมไล่อ่านความเห็นในนิยายเขาว่ามีคนวิจารณ์ด่างานเขายังไง อันไหนแย่ผมจำไว้แล้วพยายามหลีกเลี่ยงไม่ทำตามในนิยายของผม ผมนำมาปรับปรุง แก้ไข อันไหนดีผมเอามาประยุกข์ใช้ใส่ในงานผม

ดังนั้นที่คุณบอกว่าคำวิจารณ์มันปลอม ไม่ช่วยอะไร ผมในฐานะนักเขียนที่เขียน 5 เรื่องติด TOP หมดทุกเรื่อง หลายแนว หลายหมวด เอาหัวเป็นกระกันค้านกับคุณเลยว่า คำวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาโดยไร้อคติจากนักอ่านมันไม่ปลอม และมันช่วยให้นักเขียนเก่งขึ้น มันคือยาชั้นดี มันดีกว่าความเห็นประเภท “สนุกมาก” หรือ “ขอบคุณครับ” เป็นสิบเท่า ตอนนี้ผมยังต้องไปเอาคำวิจารณ์จากนิยายเรื่องอื่นมาปรับปรุงนิยายตัวเองเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคำวิจารณ์ที่เขาติเข้ามาในนิยายเราโดยตรง ถ้าคุณเลือกจะมองข้ามจุดสำคัญตรงส่วนนี้ไป แย่แน่นอน ยาวเกินไปแต่ถือว่าเป็นความเห็นสุดท้ายจากผมก็แล้วกัน ใครอ่านจบมีปวดตากันบ้างล่ะ

8
Shogun kerokero将軍 17 พ.ค. 65 เวลา 12:18 น. 20-1

ผมเข้าใจมุมมองของคุณนะ รู้ว่าคุณคิดแบบไหน ผมว่าผมคงได้เถียงกับคุณไปอีกหลายปี เราอาจจะเป็นเพื่อนกันก็ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอน เส้นทางของผมกับคุณมันต่างกัน ผมไม่มีทางคิดแบบคุณ และคุณไม่มีทางคิดแบบผม

0
A.L. Lee 17 พ.ค. 65 เวลา 12:46 น. 20-2

ถึงเราจะเคยหมั่นไส้คุณ Tunkob อยู่บ้าง https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-02.png แต่ในกระทู้นี้เราเห็นด้วยกับความเห็นคุณแทบทุกประการ เราว่า จขกท. (คุณโชกุน) ต้องยอมรับก่อนนะ ว่าผลงานคุณยังมีข้อบกพร่อง ในระหว่างทางที่เหลือไปจนจบเรื่องยังมีอะไรอีกมากให้คุณพัฒนาได้ ไม่จำเป็นต้องรอเรื่องใหม่เสมอไป คอมเมนต์วิจารณ์กันตรงๆ โดยไม่มุ่งร้าย มันมีค่ามากนะคะ

คุณรู้ไหม ก่อนหน้านี้เราเคยมั่นใจในฝีมือการเขียนของตัวเองมากๆ แต่กลับงงว่าทำไมไม่มีใครอ่าน พอโดนคนสนิทสับให้เท่านั้นแหละ เราจ๋อยจนเลิกเขียนไปพักใหญ่เลย แต่พอมาเขียนอีกครั้ง เราก็ได้เรียนรู้ว่าตัวเองบกพร่องอย่างที่เขาว่าจริงๆ ผลที่เกิดขึ้นคือ พอเราปรับปรุง เรียนรู้ไปเรื่อย ๆ เราก็ทำได้ดีขึ้น แถมไม่ว่าจะเจอคอมเมนต์วิจารณ์อะไรเราก็ไม่หวั่นด้วย เพราะเคยเจอสับเละจนร้องไห้มาแล้วอ่ะ ทุกวันนี้ก็ยังขอบคุณเขาอยู่ ถึงคนคนนั้นจะไม่ได้อ่านแนวที่เราเขียนในปัจจุบัน แต่เราก็ยังเอาไปปรึกษาเขาเป็น บก จำเป็นอยู่เลย


คุณโชกุนต้องอ่านนิยายเยอะๆค่ะ และตีมันให้แตก

0
A.L. Lee 17 พ.ค. 65 เวลา 12:59 น. 20-4

555 ไม่ได้เป็นความหมั่นไส้ในความหมายที่แย่หรอกค่ะ เรายอมรับในความสามารถและความพยายามของคุณนะ

0
SR.M 17 พ.ค. 65 เวลา 13:50 น. 20-5

คุณ จขกท อาจจะไม่ได้อยากได้การวิจารณ์ที่ตรงไปตรงมา แต่กลับกันเรานี่โหยหาคำวิจารณ์ที่ตรงไปตรงมาจากนักอ่านมากเลยนะคะ เราเคยเจอนักเขียนคนหนึ่งที่งานเขียนอาจจะไม่ได้มีคนอ่านเยอะอะไร แต่มีคนมาคอยวิจารณ์คอยแสดงความเห็นให้ตลอด (เราก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย555) สิ่งที่ดีคือเขารับเอาคำวิจารณ์แนะนำพวกนั้นไปปรับปรุงค่ะ ถึงงานจะไม่ได้คนอ่านเยอะมากมายนัก แต่งานเขามีคุณภาพมากขึ้นจริงๆ


เราขอยืนยันว่าคำวิจารณ์ที่ดี ไม่ว่าจะฟังดูขวานผ่าซากขนาดไหนมันก็ยังดีกว่าคำชมหวานๆแต่ข้างในกลวงเปล่าแน่นอนค่ะ

0
ลูเซีย The jar's modeller 17 พ.ค. 65 เวลา 15:36 น. 20-6

+1 เส้นทางของเรากับคุณ TunkoB มาคล้ายๆ กัน ผ่านการวิเคราะห์จากหลายอย่าง


แต่เราเข้าใจ จขกท นะ

เขาไม่ได้อยู่ในสภาวะอยากพัฒนา เขาแค่อยากทำให้เรื่องมันจบ มาขอกำลังใจให้ไปจนสุดได้เฉยๆ แล้วก็แอบโทษว่าแนวตัวเองไม่กระแส ก็เลยไม่ปัง (ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ 555)

เป้าหมายของแต่ละคนอาจจะแตกต่าง

set goal ไว้ต่างกันก็งี้แหละ จะให้เขามี goal แบบเดียวกันกับเราคงเป็นไปไม่ได้ ทำใจๆ

0
Shogun kerokero将軍 17 พ.ค. 65 เวลา 17:27 น. 20-7

ขอบคุณที่เข้าใจครับ ผมแค่อยากทดลองอะไรหลายๆอย่าง ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ส่วนแนวนิยายอาจเป็นเพราะผม มักชอบสิงอยู่บอร์ดต่างประเทศบ่อยๆ เลยคิดว่าอาจติดนิสัยใช่คำพูดที่ตรงไปตรงมาไปหน่อยจากฝรั่ง คิดว่าคราวหลังคงต้องระวังเรื่องความต่างของวัฒนธรรมครับ

0
ลูเซีย The jar's modeller 17 พ.ค. 65 เวลา 19:15 น. 20-8

อ้างอิงจาก 7-1 ที่คุณตอบไว้


อันนี้เข้าใจครับ แนวกระแสหรือเรียกว่า นิยายรายวัน คือการต้องให้คนมาอ่านทุกวัน เหมือนดูข่าวสารบ้านเมือง ที่เนี้ย มันจะมีแนวที่เขียนเพื่อนำเสนอเอกลักษณ์ของงานออกมา ซึ่งมันจำเป็นต้องให้คนอ่านเปิดใจยอมรับครับ คือต้องปูพื้นฐานก่อน จึงเข้าใจ ซึ่งท่าไม่ฟีดแบ็กเนี้ย มันก็ไม่รู้ไงว่าคนเข้าใจแค่ไหน อารมณ์ นิยายอิงประวัติศาสตร์ครับ ที่ต้องหาข้อมูลก่อน เรียกว่า เฉพาะทางก็ได้ ซึ่งการเขียนแนวนี้ มันก็ดันเกิดยากด้วยสิ หนักใจ


^ แนวกระแสจริงๆ มันไม่ใช่แบบนั้นปะ แนวที่นำเสนอเอกลักษณ์ ก็ไม่ใช่นอกกระแสด้วย มันอยู่ในกระแสเลยล่ะถ้าเขียนดี ประเด็นคือเขียนได้ไม่ดีเลยไม่เกิด


ไม่ได้เกี่ยวกับเว็บบอร์ดต่างประเทศอะไรเลยค่ะ 555 คำพูดก็ไม่ได้ตรงไปตรงมา คือไม่ต้องทู่ซี้เถียงไปเรื่อยๆ ก็ได้ เห็นต่างก็เห็นต่าง ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่อยากแก้ก็ไม่ต้องแก้ไง นิยายเราเองใครจะทำไม แต่ไอการทู่ซี้แก้ตัวแบบยกนั่นอ้างนี่ เห็นผ่านตาแล้วมันอดแก้ไขความเข้าใจผิดไม่ได้จริงๆ


ขอให้โชคดีในเส้นทางการเขียนค่ะ

0