Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ซิ่วตอนปี2 จะดีไหมคะ dek64 to dek66 (ปรึกษา+ระบาย)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีค่ะ ตอนนี้หนูอยู่ปี 2 อักษร ทับแก้วค่ะ ตั้งใจจะเก็บเอกญี่ปุ่น ต้องเก็บเกรด 3 เทอม เลือกเอก ตอนปี 2 เทอม 2 ค่ะ แต่ตอนนี้หนูว่ามันท้อคซิคมากเลยค่ะ ไม่มีวันไหนที่หนูไม่ร้องไห้เลยตั้งแต่ปี 1 เกรดญี่ปุ่นก็ล่อแล่ แค่พอคาบเกณฑ์เข้าเอกเท่านั้น ตอนtcas 65 หนูเลยไปสอบมา ติดเอกอิ้ง มธ.ค่ะ แต่หนูก็ลังเลหลายอย่าง พ่อก็ไม่อยากให้ซิ่ว ยื้อกันไปยื้อกันมา มันกังวลสับสน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จนสุดท้ายก็สละสิทธิ์ไปค่ะ ร้องไห้อยู่หลายวันไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกไหม ตอนนี้ก็เปิดเทอมปี 2 ที่ศิลปากรมาได้เกือบหนึ่งเดือนแล้วค่ะ ร้องไห้ทุกวันเลย เครียด เศร้า หดหู่ตลอดเวลา รู้สึกเข้ากับเพื่อนไม่ได้ รู้สึกว่าตัวเองมาอยู่ตรงนี้ทำไม ตัวเองทำแบบนั้นไปทำไม โทรร้องไห้กับพ่อแม่ทุกวัน จนเขายอมให้ซิ่วแล้วค่ะ แต่เราต้องเรียนจนจบปีสองให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาคุยกันอีกที พอมาถึงตรงนี้เราก็เครียดอีกค่ะ รู้สึกเสียดายเอกอิ้ง มธด้วย แล้วกว่าจะจบปี 2 ทั้ง2 เทอม เราต้องผ่านอะไรอีกเยอะ กว่าจะถึงตรงนั้นเราอาจจะไม่อยากซิ่วแล้ว แต่ตอนนี้หนูทรมานมากค่ะ ไม่อยากจะให้มีวันพรุ่งนี้เลย ไม่รู้จะผ่านช่วงเวลานี้ไปยังไง เหงา เข้ากับเพื่อนก้ไม่ค่อยได้ เครียดตลอด ไม่อยากจะคุยกับใคร ในหัวก็คิดแต่เรื่องซิ่ว วิชาทีเรียนก็ยากมากๆ ยากจนสงสัยแล้วว่าเราจะเรียนเอกญี่ปุ่นไปทำไม ตอนแรกคิดว่าถ้าไม่ได้เอกญี่ปุ่นก็จะไปเอกอิ้งค่ะ แต่ก็เสียดายเอกอิ้ง มธ.ขึ้นมา เอกอิ้งที่มธ. ชื่อเสียงดีกว่า คอนเนคชั่นก็ดีกว่าทำไมเราไม่เอา ตอนนี้เหงามากไม่รู้จักใครเลย พอเครียดมากๆก็ไม่อยากเข้าหาใคร เพราะในหัวมันมีเเต่เรื่องเครียดๆ หนูก็โทษตัวเองอย่างงี้ทุกวัน พอคิดถึงวันพรุ่งนี้ก็เครียดร้องไห้ นึกถึงเมื่อวานก็ร้อง ณ ที่ปัจจุบันก็ร้อง ชีวิตไม่มีความสุขเลยค่ะ คิดถึงจะซิ่วไปเรียนบัญชี/บริหารที่จุฬาด้วย (เราจบสายวิทย์มานะคะ ชอบคณิตมากๆด้วย แต่ที่ผ่านมาเป็นอะไรไม่รู้ จะเข้าเอกญี่ปุ่นให้ได้เลย สู้เพื่อนๆที่จบสายญี่ปุ่นก็ไม่ได้) เห็นเพื่อนหนูเรียนจุฬา มธกันหมด ชีวิตดี๊ดี หันมามองตัวเองก็เศร้า ทำไมเลือกเส้นทางให้ชีวิตตัวเองเเบบนี้ คะแนนgatเราได้280 ภูมิใจมากทั้งที่มันเป็นแค่ตัวเลข แต่ก้ทำให้รู้ว่าที่พยายามมามันสำเร็จ เราจะได้มีโอกาสเรียนที่ดีๆ แต่ทำไมตอนนี้เราไม่มีความสุขไม่สำเร็จเหมือนเพื่อนเลย ทั้งที่พยายามมาด้วยกัน เพื่อนไปถึงไหน ได้เจอสังคมดีๆการศึกษาๆดี แต่เราเหมือนเดินหลงไปหลงมา หาทางออกไม่ได้ ละก็ร้องไห้ซ้ำๆ ตอนนี้ควรทำยังไงดีคะ 


ถ้าอ่านถึงตรงนี้ขอบคุณมากเลยนะคะ ที่สละเวลามาอ่านเรื่องของหนู แค่มีคนรับฟังก็ดีใจแล้วค่ะ

แสดงความคิดเห็น

8 ความคิดเห็น

จิ๋วหลิว 29 ก.ค. 65 เวลา 14:57 น. 1

เรากำลังเป็นเหมือนคุณเลยค่ะ ร้องไห้ทุกวัน วิชาเรียนก็ยาก เครียดมาก นอนไม่หลับ ไม่รู้จะทำยังไงดีอยากซิ่วมากๆแต่ไม่กล้าบอกพ่อแม่ด้วยซ้ำ กลัวโดนว่าทำไมไม่อดทน ทำไมยอมแพ้อะไรง่ายๆทั้งที่เพิ่งเปิดเทอมเข้ามาเรียนได้ไม่ถึงสองเดือนด้วยซ้ำ กลัวโดนว่าว่าทำไมไม่พยายาม มันทรมานมากเลยค่ะ เราขอเป็นกำลังใจให้ทั้งตัวเองและคุณผ่านความเหนื่อยยากนี้ไปให้ได้นะคะ ขอให้คุณได้เรียนตามที่อยากเรียนนะคะ

1
มานะชัย เฉลียว 3 ส.ค. 65 เวลา 00:57 น. 1-1

ลูกของพ่อเรียนสัตวะ จ.ฬ.ปี 62 ได้แค่ครึ่งเทอมก็ขอลาออกเพื่อซิ่วใหม่ มันไม่ไช่ทางของเขาเราไม่เคยบังคับลูกเมื่อเขาเรียนแล้วไม่ชอบก็สอบใหม่ สอบใหม่ปี 63 ได้ทันตะ จ.ฬ.คะแนนเขาถึงแพทย์ จ.ฬ.แต่เขาอยากเรียนทันตะมากกว่าก็ต้องตามใจเขา เพราะเขาเป็นคนเรียนไม่ไช่ตัวเราเรียนตอนนี้ขึ้นปี 3 แล้วก็มีความสุขดี ดังนั้นจึงอยากที่จะให้ลูก ๆ เปิดใจคุยกับพ่อแม่และพ่อแม่ก็อย่ายึดติดกับความคิดตัวเอง เพราะถ้าเราบังคับให้ลูกเรียนในสิ่งที่เขาไม่ชอบมันจะเป็นการทำร้ายจิตใจลูก พ่อทำงานด้านสุขภาพจิตจึงเข้าใจในด้านจิตใจ เพราะเคยเห็นลูกที่ถูกพ่อแม่บังคับให้เรียนในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบถึงกับป่วยจิต บางรายถึงขั้นทำร้ายตัวเองก็มีเยอะ ดังนั้นลองเปิดใจคุยกันครับขอให้ลูก ๆ ทุกคนที่มีปัญหาโชคดี

0
เป็นกำลังใจให้นะคะ 30 ก.ค. 65 เวลา 09:07 น. 2

ไปเถอะค่ะ เพราะว่ามันจะอยู่กับเราไปทั้งชีวิต ย้ำว่า"ทั้งชีวิต" ยอมเสียเวลา 2 ปี ดีกว่าเสียเวลาไปทั้งชีวิต ถ้าเรียนแล้วมันทรมาน ก็สอบใหม่เถอะค่ะ


เท่าที่อ่านมา คำว่าทน ๆ เรียนไปมันอาจจะไม่ใช่คำตอบสำหรับเราค่ะ

0
จ้าาาา 1 ส.ค. 65 เวลา 09:48 น. 3

ลองมองในมุมนี้ไ-่างน้อยที่สุดก็ได้รู้ว่าภาษาญี่ปุ่นมันไม่ใช่สำหรับเธอ เธอก็ได้ตัดอะไรที่ไม่ใช่ออกจากชีวิตไป เราขอเป็นกำลังใจให้เธอนะสู้ๆ

0
IntegrateZa 1 ส.ค. 65 เวลา 17:51 น. 4

แนะนำให้ลาออกครับ อย่าอยู่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้เลย พยายามโน้มนาวพ่อกับแม่ให้เข้าใจเราเลยครับ สมัยตอนซิ่วผมก็ convince ท่านจนตอนนี้ได้คณะที่อยากเรียนครับ รีบตัดสินใจเร็วยิ่งดีครับ! ลาออกมาแล้วตั้งใจอ่านหนังสือใหม่อีกรอบให้เป็นครั้งสุดท้ายของเราเลยครับ พยายามให้เต็มสุดความสามารถ และแน่นอน การเริ่มต้นใหม่มันดีสำหรับตัวเราเอง.

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-01.png

0
ลูกแมวอินดี้ :) 3 ส.ค. 65 เวลา 01:18 น. 5

เอาตามมุมรุ่นพี่มอเดียวกันแต่คนละคณะนะ ก่อนอื่น พี่ขอเป็นกำลังใจให้นะค่ะ เพราะเข้าใจว่าอักษร ทับแก้วหนักหน่วงอยู่พอสมควรจากเพื่อนพี่หลายๆคนที่รุ่นๆ เดียวกัน เล่าตัวพี่นิดนึงก่อน พี่เป็นเด็กกิจกรรม (เข้าบ้างไม่เข้าบ้างนะค่ะ) เกรดเฉลี่ยเลี่ยดิน จบมาด้วย2 ต้นๆ จบเทอมสองปี1 ไปติดFตัวต่อที่เป็นวิชาเอกค่ะ สิ่งที่ทำคือเมล์ถาม อ. ที่ปล่อยและคุม F ตัวต่อนั้นแหละค่ะ ว่าซัมเมอร์จะเปิดไหมเพราะถ้าไม่เปิด เปอ 5 ปีตั้งแต่ปี1 แน่นอน + กับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาและเรียนภาคพิเศษค่ะ ที่เขาเล่าหน่วยหน่วยคุณ 10 นั่นแหละ ข้อแรกพี่ ตั้งธงให้ตัวเองนะ ว่าถ้าอาจารย์ตอบมาว่าเปิดซัมเมอร์ เราจะอยู่ต่อไหมหรือซิ่วเลย เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าชาวบ้าน ข้อสองถ้าไม่เปิด พี่ก็มีธงชัดเฉยว่าพี่จะซิ่วเลยเช่นกัน

สุดท้ายอ. เปิดซัมเมอร์ พี่ตัดสินใจอยู่ต่อแล้วพี่กะลงแล้วก็รอดซัมเมอร์มาได้

โหดอีกปีคือปี 2 เกรดเฉลี่ยเลี่ยดิน ต้องแอบถอนตัวที่ไม่มั่นใจเพราะกลัวจะทายด้วยเกรด 1.8 และ2.0 ที่มาติดๆกัน

คราวนี้ ช่างใจอีกรอบว่าควรจะฝืนไปต่อหรือพอแค่นี้ปีสองเทอม2 พี่ลงเฉพาะตัวเอกที่พี่มั่นใจว่าพี่รอดกับตัวต่อที่ต้องไปต่อในการเลือกแทรคในปี 3 และ 4

ชีวิตพี่ลุ่มๆ ดอนๆ เรียนบ้างโดดบ้างแต่จบมาตามเกณฑ์ 4 ปี


เหตุผลที่พี่เลือกที่จะอยู่ตรงนั้น เพราะสังคมพี่น้อง ถึงพี่จะกดดันเรื่องเรียน แต่พี่ใช้ชีวิตอยู่ในรั่วมหาลัยอย่างคุ้มค่านะ สุขบ้างทุกข์บ้าง เรื่องเรียน เรื่องสัพเพเหระ

-เหล้ากะจาย ปาร์ตี้ทุกวัน อ่านหนังสือสอบไปกินเบียร์ไปก็ทำมาแล้ว แต่จุดนี้ยุคพี่และยุคน้อง ในจุดนี้อาจจะแตกต่างกันไปโดนสิ้นเชิง


แต่จากที่พี่อ่าน แล้ว ถ้าพี่เป็นน้อง พี่ซิ่วเลย ตั้งแต่ "ร้องไห้ทุกวันเลย เครียด เศร้า หดหู่ตลอดเวลา รู้สึกเข้ากับเพื่อนไม่ได้ รู้สึกว่าตัวเองมาอยู่ตรงนี้ทำไม " ถ้าทุกข์ขนาดนั้น ไม่มีประโยชน์เลยค่ะที่จะอยู่ที่ มศก. เรื่องเรียนเอาที่ชอบและสังคมที่ใช่ ถ้าซิ่วไปเจอสังคมใหม่แล้วน้องอยู่ได้น้องจะชิวมาก ถึงน้องจบ6 ปีน้องก็จะยังมีความสุข แล้วด้วยสกิลการเรียนของน้องไปได้อีกไกล ถ้าเลือกได้แล้วทำไมไม่เลือก ถูกไหม ไม่เห็นมีอะไรที่น่าลังเล แล้วต้องตั้งคำถามกับตัวเองนะ ว่าถ้าย้ายแล้วก็ยังไม่มีเพื่อน เครียด เศร้า และหดหู่อยู่ตลอดเวลา ปัญหานี่หมดไปหรือเปล่า


set zero แล้วตั้งธงให้ตัวเองสะ ว่าจะเดินทางไหน

ไปหากระดาษ กับปากกามา แล้วเขียนนะ ปัญหาอยู่ที่การเรียน หรือสังคม

list ปัญหามาที่ละข้อ ใส่สาเหตุเกิดไปทีละข้อ แล้วก็ใส่วิธีแก้ไขไปทีละข้อ ว่าเกิดจากสิ่งรอบข้างหรือเกิดจาตัวเรา

ซิ่วหรือไม่ซิ่ว ปัญหาอะไรหมด ปัญหาอะไรใหม่ แล้วน้องจะได้คำตอบ


ถ้าเอาเรื่องมุมมองการทำงาน ว่าจะเป็นเด็กในรหัส 64 หรือ 66 ไม่มีผล

คนทำงานก็เพื่อเงิน และการหาเงินไม่จำเป็นต้องมีใบปริญญา ยิ่งเก่งภาษาแบบน้อง ลู่ทางทำมาหากินเยอะแยะ แล้วจบมาก็ใช่ว่าจะทำงานตรงสาย เรียนจบ 4 ปี ทำงาน 7 ปี เงินเดือน 4 หมื่น

เรียนจบ 8 ปี ทำงาน 4 ปี เงินเดือน หลักแสน เดี๋ยวนี้มีตัวอย่างให้เห็น

ดังนั้น เรื่องนี้เอาความสุขของตัวเองเป็นที่ตั้ง


อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องพิจารณาคือ mindset ถ้านั่งก้มหน้าแล้วเอาแต่ท่องว่า เครียด เศร้า หดหู่ตลอดเวลา ถ้าน้องไม่คิดที่จะเปลี่ยนมุมมอง น้องก็จะเป็นอยู่แบบนั่น


สุดท้ายแล้วสู้ๆนะค่ะน้อง ใช้ความสุขเป็นที่ตั้ง

พี่ก็เล่าในมุมของพี่ ไม่ว่าจะเลือกทางใด พี่เป็นกำลังใจให้เด้อ


0
Yumyumyeeyee 4 ส.ค. 65 เวลา 15:46 น. 6

ตอนนี้เราก็อยู่ปี2 เอกอิ้ง เราอยากจะซิ่ว เหมือนกัน ขอไอจีเธอหน่อยยย อยากเมคเฟรน

2
TWL 4 พ.ค. 66 เวลา 02:45 น. 6-2

สวัสดีค่ะตัวเอง ตอนนี้เค้าก็กำลังจะขึ้นปีสองเค้าคิดว่าจะซิ่วค่ะ ตัวเองซิ่วมั้ยคะเค้าอยากปรึกษา

0
latus 4 ส.ค. 65 เวลา 21:24 น. 7

พี่เอง เคยเป็นเด็กซิ่วเมื่อหลายปีที่แล้ว ซิ่วตอนปี1แล้วสำเร็จ

(เด็ก5x ขอไม่บอกรุ่นละกันเนอะ555)

นานๆทีพี่จะเข้าเว็บ dek-d เห็นกระทู้ของน้อง น้องค่อนข้างสับสนมาก

พี่ขอล็อคอินมาตอบแล้วกันนะครับ


สิ่งที่น้องควรทำตอนนี้

1.สำคัญที่สุด น้องหาอะไรทำให้มีความสุข จะเป็นกินของอร่อยๆ นอนเยอะๆ

ดูซีรีย์ อะไรก็ได้ "ให้จิตใจน้องได้ฮีลก่อน"


ถ้าใจน้อง Broken ไม่มีสติ น้องจะไม่สามารถเริ่มอะไรได้สักอย่าง

หรือตัดสินใจ กับเรื่องนี้ไม่ได้อย่างเฉียบขาดเลยครับ

ทิศทางสำคัญมาก -- พักก่อน มีสติค่อยลุยเนอะ :)


2. น้องต้องตัดสินใจจริงๆครับ ว่าจะซิ่วรึเปล่า หรือจะสู้กับเอก ญี่ปุ่นต่อ

(พี่มองว่า แนวโน้มน้องไปทางซิ่วเนอะ เพราะหลักๆคือ ไม่มีความสุขกับมันเลย

แล้วจากที่อ่าน คือร้องไห้ขอพ่อให้ซิ่ว แล้วสำเร็จแล้วด้วย)

3. เลิกเปรียบเทียบกับคนอื่นก่อนนะครับ เพราะ ชีวิต หรือ condition ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

ชีวิตเขา อาจไม่ได้ดี อย่างที่เราเห็นก็ได้ ทุกคนมีมุมสว่างและมืดกันหมดแหละครับ

สิ่งที่เราเห็น อาจไม่ใช่ทั้งหมดที่เขาเจอหรือเล่าให้ฟังก็ได้นะ


ถ้าตัดสินใจซิ่วจริงๆ คือ

1. ดู career path ของเอกที่น้องอยากเข้าจริงๆ ว่าน้องโอเคกับมันจริงๆมั้ย

จบไปทำอะไรบ้าง รับข้อดี-เสีย ของมันได้มั้ย (ทุกอาชีพมีข้อดี-เสียเสมอ น้องรับได้มั้ย)

2. ประเมินตัวเอง ว่า ถ้าตั้งใจ+ขยัน เราจะทำคะแนนได้เหมือนตอนที่อยู่ม.6รึเปล่า

ซึ่งพี่ว่า "เราทำได้" นะครับ :) ถ้า"มีสติ"ตอนสอบ เผลอๆอาจมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

(แต่อย่ากดดันตัวเอง ทำเต็มที่ ที่สุด เอาให้ติดให้ผ่านพอแล้ว555)

3.ถ้ายังลังเล อยากเก็บเกรดของ เอกญป ที่เรียนอยู่ด้วย เผื่อเป็นแผนสำรองว่าไม่ติด

แนะนำว่า "แบ่งเวลาดีๆครับ" สำคัญมาก (ถ้าน้ำหนักเทไปทางซิ่วแล้ว พี่เชียร์ไปทางทุ่มกับสอบใหม่นะ แต่น้องต้องตัดสินใจเอง)


ขอให้น้องค่อยๆคิด ตัดสินใจดีๆกับสิ่งที่จะเลือกต่อจากนี้

เป็นกำลังใจให้นะครับ น้องไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวบนโลกนะ

ขอให้น้่องโชคดีครับผม ^^

0
ิballack 5 ส.ค. 65 เวลา 12:36 น. 8

คุณไม่่น่าไปฟังพ่อคุณเลย เพราะคุณก็อายุเกิน 18 แล้ว รู้ดีว่าตัวเองต้องการอะไรมากที่สุดเพราะสุดท้ายคือคุณที่ต้อง suffer กับสภาพแวดล้อมการเรียนคือตัวคุณเองไม่ใช่พ่อหรือคนที่บ้าน ยิ่งตอนนี้อาการของคุณเข้าขั้น mild depression แล้วนะคือมันไม่หนักมากแต่ถ้าปล่อยไปนานๆ อาจถึงขึ้นต้องพึ่งยา ให้ตั้งเป้าว่ายังไงก็ซิ่วแน่นอน แบบนี้สภาพใจจะดีขึ้นคุณไม่ต้องไปเผื่อใจเรื่องเรียนต่อที่อักษร มศก แล้ว


และให้ยอมรับความจริงว่า คุณไม่ได้ถนัดภาษาญี่ปุ่น เพราะการเรียนทุกภาษาในขั้นเบสิคมันไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น คุณคงถนัดภาษาอังกฤษมากกว่า ส่วนญี่ปุ่นพอมีพื้นฐานแล้วก็ค่อยๆ หาหนังสือแล้วไปสอบวัดระดับเอาเองตอนหลังก็ยังได้ถ้าคิดว่าจะใช้ตอนไปทำงาน


ตัั้ังใจสอบเข้า เอกอิ้ง มธ ให้ได้อีกรอบแล้วกัน สภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลายและเป็นอิสระกว่าของที่นั่นคงช่วย heal จิตใจคุณได้ดี

0