Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เคยท้อจนอยากตายไหมคะ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
มีใครเขียนนิยายแล้วเครียดตันจนหาทางออกไม่เจอ เป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง มีเงินแค่ค่ารถไปกลับมหาลัย แล้วอยากฆ่าตัวตายไหมคะ 

เราคิดว่าเราหมดหวังแล้วค่ะ ท้อแท้ ยอมรับตามตรง ไม่อยากรับรู้อะไรเลยค่ะ

แสดงความคิดเห็น

>

16 ความคิดเห็น

Miran/Licht 21 มิ.ย. 66 เวลา 19:00 น. 1

สมัยอยู่มหาลัยเคยโดนล้วงกระเป๋าเงินไป หายตอนไหนไม่รู้ มารู้อีกทีตอนจะกลับบ้าน เหลือเงินแค่ขึ้นรถขาวแดง เพื่อไปต่อ BTS ที่โชคดียังมีตั๋วเดือนค่ะ

ส่วนตอนนี้ ตกงานมาสิ้นเดือนนี้ก็ครบปีแล้วค่ะ เข้าเว็บสมัครงานทีไรก็ถอนใจทุกที คงเพราะอายุเยอะแล้ว บริษัทไม่กล้าจ้างกลัวค่าตัวสูง



อาทิตย์ที่แล้วนี่แทบอยากกรีดร้อง (แต่ร้องไม่ออก) จำวันผิด ต้องไปอบรมจรรยาบรรณวิชาชีพตามจริงคือพฤหัส แต่เราจำผิดเป็นวันศุกร์ ทั้งที่คอยเช็กวันอยู่ตลอดแท้ ๆ อึ้งไปเลย ใบประกอบวิชาชีพก็จะหมดอายุ กฎหมายใหม่ก็มาบังคับว่าต้องเอาใบผ่านอบรมจรรยาบรรณไปต่อ ได้แต่บ่นหน้าเพจ บ่นให้เพื่อนฟัง มึดตึ๊บค่ะ

แต่เรื่องราวพวกนี้บางทีก็ผลกระทบจากฮอร์โมน เมื่อ 2 เดือนก่อนจู่ ๆ ตื่นเช้ามาเรานอยสุดขีด ว่าทำไมเรายังหางานไม่ได้ โน่นนี่นั่น เราแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ นอยมาก นอยทั้งที่ เมื่อวานเพิ่งส่งงานให้ลูกค้า (ฟลีแลนซ์) สาย ๆ ก็ฉอดกะคนประสานงานอีกงาน แล้วมีแฟนที่ติดตามผลงานมาโดเนททั้งชุดโดเนทประจำเดือนของเว็บแมวเขียวให้ เลยรีบขอบคุณเขาว่ามาได้เวลามากตอนที่กำลังนอยจัด ๆ แล้ววันต่อมาลูกค้าส่งงานมาให้ตีราคา มูลค่าราวเงินเดือนทั้งเดือน ถัดมาไม่กี่วัน เล่าใ้ห้พี่ที่ค่าไตเหลือ 3% ที่เราคอยให้กำลังใจ แนะนำที่รักษาให้เขา ล่าสุดค่าไตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ บอกพี่เขาไปว่าคนเรามันก็แค่นี้อะพี่ มีเรื่องดีใจใจก็ฟู พอมีเรื่องนอยใจก็ฟีบ เมื่อไรจะทรงอารมณ์ได้โดยที่อารมณ์ใดมากระทบก็วางเฉยได้สักทีนะ จะได้ไม่ต้องทรมาน


สุดท้าย ท้อไหมก็เคยท้อค่ะ แต่ยังตายไม่ได้ ถ้าตายคือเราต้องไม่มาเกิดอีกค่ะ เบื่อจะเกิดแล้วเหนื่อยเหลือเกิน https://image.dek-d.com/27/0060/1867/133683524

3
albaflore 23 มิ.ย. 66 เวลา 09:27 น. 1-1

ของผมนี่ไม่ฆ่าตัวตาย เพราะเชื่อว่าชาติภพมีจริง


ไม่ได้กลัวบาปอะไรในแง่นี้ ไม่ได้หวังนิพพาน (ตอนนั้นยังไม่ได้นับถือพุทธด้วย เพิ่งมานับถือตอนหลัง) แต่คิดว่าถ้าฆ่าตัวตายไป แล้วยังต้องกลับมาเกิด อาจจะเจอเรื่องแย่ ๆ แบบเดิมอีก จะทำยังไง ต่อให้ผูกคอไปตอนนี้ ลืมตาอีกทีคือเป็นเด็กน้อยนั่งท่อง กขคง ท่องไม่ได้ สอบตก โดนเด็กในห้องบุลลี่ ครูด่า แม่ตี แล้วต้องทนทรมานเรียนจนจบอีกเป็นสิบ ๆ ปี


ไม่มีใครรับประกันได้ว่า ถ้าผมตาย ผมจะได้ไปอยู่ในสรวงสวรรค์อย่างมีความสุข อย่างมากก็แค่คาดเดาตามสภาพบาปบุญตัวเอง ซึ่งมันก็มีความเสี่ยงที่จะต้องมาเกิดในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ ที่โคตรเบื่อหน่าย


โอเค อยู่แก้ปัญหาต่อไปเถอะ


ผมไม่ฆ่าตัวตาย และไม่ท้อกับปัญหาง่าย ๆ เพราะแลปเคมีอินทรีย์ สำหรับผม การเรียนเป็นทุกข์มาก ที่ทนเรียนจนจบได้ เพราะทนจนผ่านแลปเคมีอินทรีย์มาแล้ว เป็นภาวะ Sunk cost รู้สึกว่าถ้าเราจะลาออกหรือตาย เราควรจะออกและตายไปตั้งแต่คาบแรกแล้ว จะได้ไม่ต้องเรียน ไม่ได้พูดเอาฮา แต่สำหรับผม แลปเคมีอินทรีย์ มันทรมานมากเหลือเกิน

0
Miran/Licht 23 มิ.ย. 66 เวลา 09:59 น. 1-2

เด็กวิทย์เฝ้าแล็ปอย่างเรา ๆ เท่านั้นที่เข้าใจค่ะ


รุ่นพี่เราเรียนอุตสาหกรรมเกษตร คนน้อยก็น้อย ที่จบยิ่งน้อยกว่าเพราะความหินมาก

แบบว่าคู่แล็ป แกจะลาออกก็ได้แต่ต้องให้จบเทอมก่อน ต้องส่งแล็ปตอนเที่ยงคืน เจอผีบอกผีว่าอย่าเพิ่งมาหลอก ขอส่งแล็ปก่อน เคยมีกระทั่งลากเสาน้ำเกลือมาสอบค่ะ


ของเราเฝ้าแล็ปข้ามคืน แล้วดันได้อันที่แย่ที่สุด กลุ่มอื่นปิดแล็บกลับกันหมด เราเที่ยงของอีกวันเพิ่งได้ปิด เราอยู่คณะอื่นแต่อาจารย์ที่สอน Orchem รักเรามาก รักจนเรียกติวให้เฉพาะ ไม่คิดว่าจบมาได้ทำงานเคมี โอย... (สายเรามันสายประยุกต์ ค่อนไปทางชีวะ แต่เรียนหมด เคมี ฟิสิกส์ ชีวะ ธรณี อุตุนิยม เดินเรือ ถักอวน อ่านไม่ผิดหรอกเด็กปริญญานั่งถักอวน ฯลฯ)

ป.ล. ไม่อยากเกิดแล้วเกิดแล้วเหนื่อยเหลือเกิน เจอมรสุมชีวิต ซึ่งมันก็พ็อยต์นิพพานน่ะแหละ

0
albaflore 23 มิ.ย. 66 เวลา 10:11 น. 1-3

ตามรอยพระอนุรุทธเลยครับ ท่านเห็นการงานแล้วท้อว่าไม่มีวันสิ้นสุด (เกิดตายวนไป) ในขณะที่การบวชยังมีวันสิ้นสุด (นิพพาน)


ท้อจริง ผมจบวิทยายังไม่ทำงานวิทยา ท้อครับ 5555 สุขภาพไม่เอื้อต่อการอดหลับอดนอนหรือเดินทางไปออกภาคสนามไกล ๆ


ทางนี้ยังไม่อยากนิพพานครับ ยังอยากเกิด แต่อยากเกิดแบบที่ไม่ระทมขนาดนี้ ไม่ต้องเรียน ไม่ต้องทำงาน ในด้านที่ไม่ชอบ


ขอให้บรรลุนิพพานเร็ว ๆ สมความตั้งใจนะครับ

0
gassasin 21 มิ.ย. 66 เวลา 20:27 น. 3

คำแนะนำคือ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปครับ ใจเย็นๆ ผมเชื่อว่าปัญหาอะไรก็แล้วแต่ที่คุณเจออยู่ มันไม่เกินกำลังคุณหรอก ใจเย็นๆ ค่อยๆหาวิธีแก้มันไป


แต่ถ้ามันใหญ่จริงๆก็ควรไปหาความช่วยเหลือ พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ พูดคุยกับครอบครัว หรือคนที่คุณไว้ใจก็เป็นเรื่องที่ทำได้เช่นกัน

0
L-Bhaimi 21 มิ.ย. 66 เวลา 20:27 น. 4

ลองหยุดจากตรงนั้นก่อน แล้วไปทำอย่างอื่นดูสักระยะดีไหมคะ


เราเคยนะคะ ตอนเรียนมีสอบเป็นวิชาที่เรามั่นใจมาก ๆ ตั้งความหวังไว้สูงมากว่าต้องได้คะแนนดีแน่ ๆ ปรากฎว่าก่อนวัยสอบคืนนั้น อยู่ดี ๆ สมองมันก็ว่างเปล่าไปเลย อ่านอะไรไม่เข้าหัว ทำตัวอย่างข้อสอบอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง เหมือนไม่เคยเรียนมาก่อน


เราบอกตัวเองว่า แย่แล้วววววววว ทำไงล่ะพรุ่งนี้สอบเช้า ถึงขั้นโทรไปร้องไห้กับรุ่นพี่ สะอึกสะอื้นเลยนะ เล่าแล้วก็เขิน *D-*


รุ่นพี่บอกว่าไม่ต้องอ่านแล้ว ดื่มวีต้า แล้วไปนอนซะ 555


เพราะไม่รู้จะทำยังไงค่ะ เราเลยไปนอน ตื่นมาเช้ามืดลองมาทำตัวอย่างข้อสอบอีกที


สรุปทำได้ พอเช้า 7 โมงเราก็ไปสอบ ***ได้คะแนนตามที่หวังไว้เลย***


ตอนนั้นเราคิดว่าคงเป็นเพราะเราตั้งใจ คาดหวังไว้สูงเกินไป ทำให้เกิดความเครียดโดยไม่รู้ตัว สมองจึงล้า


ถ้ารุ่นพี่ไม่บอกให้ไปพักแล้วเราดันทุรังฝืนอ่านต่อไป เราอาจจะแย่และไม่ได้ผลสอบที่ดีก็ได้นะคะ


เราเชื่อว่าเรื่องเครียดจนรู้สึกว่าข้างหน้ามีแต่ทางตัน มันมีกันทุกคนแหละค่ะ ทุกสายอาชีพด้วย สักพักมันจะผ่านไป


*** เป็นกำลังใจให้นะคะ ***



0
white cane 21 มิ.ย. 66 เวลา 21:23 น. 5

เคยท้อ ป่วยหนัก แม่ต้องเอาบ้านสองหลังไปขายเพื่อมารักษาตัว ช่วงนั้นเดินตะแคงไปพักนึงเลย เพราะว่าเงินในกระเป๋าด้านนึงหายไป หนักอยู่เพียงข้างเดียว


ยุคสมัยต่อมา เงินก็เริ่มหายาก แม่ก็แก่ลงทุกวัน ผมจะไปทำงานอะไรที่หนักและต้องเป็นระบบไม่ได้ ทุกอย่างภายในร่างกายรวนไปหมด เลยตัดสินใจไปเรียนเป็นหมอนวด หวังว่าจะเปิดร้านหมอนวดอยู่ที่บ้าน แต่ก็ทำได้ระยะสั้น เพราะที่ฝ่ามือเคยถูกแก้วบาดจนเส้นเอ็นขาด เมื่อกดมือแรงมากเข้า ก็ปวดจนขยับนิ้วไม่ได้ สุดท้ายก็เลิก และที่สำคัญที่สุด ยิ่งเวลาผ่านไป ดวงตาเริ่มมืดลง จนกระทั่งมองไม่เห็นถึงทุกวันนี้ จึงหันมาเขียนแต่งนิยายแทน ถ้าไม่ใช้จ่ายพรุ่งเฟือยก็พออยู่ได้ไปวันๆ


แต่ถามว่า อยากตายไหม ?


ก็ตอบว่า ไม่


ก็แหม... หนังเหนียวมาจนถึงบัดนี้แล้ว จะตายก็จะดูอย่างไรอยู่ 5555


อันที่จริง ก็ยังคงมีความหวังอยู่ในใจให้เดินหน้าต่อไป สักวันนึงอาจมียาหรืออุปกรณ์ที่ทำให้กลับมามองเห็นได้อีกครั้ง และอีกเหตุผล ในเมื่อผมเคยพบเจอเรื่องร้ายที่หนักหนามาแล้ว ก็จะมองเห็นทุกอย่างเป็นเรื่องเล็กครับ ตราบใดที่ยังไม่ตาย ชีวิก็ยังมีหวังต่อไป แม้ความหวังนั้นมันจะเล็กมากก็ตาม แต่สิ่งเล็กๆ นี่แหละคือตัวกระตุ้นอันยิ่งใหญ่ให้ชีวิต


------------


ผมเคยได้รู้มาว่า หากเราพบเจอเรื่องร้ายอะไรมาก็ตามจนใจท้อแท้ แต่ถ้าเราได้เห็นผู้อื่นที่ลำบากมากกว่าหลายเท่า เราอาจจะได้ข้อคิดและแรงบันดาลใจขึ้นมาก็ได้ ดังนั้นผมจึงเขียนบอกคุณ 


แต่นี่ไม่ใช่ข้อความให้คุณเห็นใจ หรือตัวผมยกตัวเองไปเป็นวัตถุทางจิตใจ อย่างที่ผมบอกไปว่า "คุณอาจจะได้ข้อคิดและแรงบันดาลใจ" ซึ่งผมก็เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้วเหมือนกัน ผมไปที่สมาคมผู้พิการ และผมก็ได้พบเจอผู้ที่อาการหนักกว่าตัวผมอีก ทั้งหูหนวกตาบอด แต่เขาก็ยังคงสู้ชีวิ นี่ทำให้ผมได้ฉุกคิดเปรียบเทียบกับตัวเองว่า "ขนาดเขาแย่กว่าเรา เขายังสู้ชีวิตเลย เราล่ะทำไมไม่สู้ชีวิต"


หรือไม่คุณก็คิดว่ามันเป็นสีสันของชีวิตก้อแล้วกัน บางครั้งก็ไปถึงจุดสูงสุด แต่บางครั้งก็ลงมาต่ำ แต่ถ้าเราผ่านจุดที่ต่ำที่สุดของชีวิตมาได้ เราก็จะพบกับความสุขอีกครั้งครับ ดังนั้นผมจึงบอกว่ามันเป็นสีสันของชีวิตไงครับ 


และขอเป็นกำลังใจให้จ้า


อ้อ จะเปิดฟังเพลงก็ได้นะครับ เพราะบางครั้งเพลงก็ทำให้เรามีกำลังใจเพิ่มขึ้น เหมือนตัวผม เวลารู้สึกท้อแท้ ผมก็จะฟังเพลงที่ชื่อว่า "ผ่าน" ของ " Slot Machine" ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นได้มาก คุณจะลองไปหาฟังก็ได้นะ

1
Ciel En Rose 21 มิ.ย. 66 เวลา 21:32 น. 6

เคยท้อค่ะ เพราะในอดีตไม่ได้ทำตามฝันเลยค่ะ

เคยอยากเรียนสายอื่น แต่ตอนนั้นไม่กล้าเลือกสายวิทย์ ทำให้ไม่ได้เรียนชีวะ ตามที่ชื่นชอบค่ะ ตอนเรียนวิทย์กายรู้สึกชอบเรื่องเกียวกับชีวะค่ะ พอตอนเอ็นทราน อยากเป็นครู แต่พ่อไม่ให้ แล้วตอนนั้นมันก็เหมือนฟ้าลิขิตให้ติดคณะบริหารค่ะ ต่อมาก็ได้เรียนคณะที่เคยมุ่งมั่นไปสอบรอบโควต้าแต่ไม่ติดค่ะ แต่กว่าจะขอเรียนได้ก็แทบถอดใจค่ะ เป็นคณะที่ใช้น้ำตาเปลืองมากเลยค่ะ จนสุดท้ายเราไปไม่ถึงฝันค่ะ แต่เรียนจบนะคะ เพียงแต่ไม่ได้ทำงานสายนั้นแม้สอบติด

โดนว่าโง่เขลา ขาดประโยชน์ด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยบอกใครคือเราเลือกเดินทางนี้เองด้วยค่ะ เนื่องจากบางคนทำให้เราคิดว่า การอยู่ในเส้นทางเดียวกันจะทำให้เรากลายเป็นคนอยากดีเพื่อแข่งกับเขา สุดท้ายเราก็ถอยออกมา เพราะไม่อยากพบเจอกันอีกแล้วค่ะ เราขอจากกันด้วยดี

ส่วนตัวเคยได้เงินแค่ค่ารถกับค่ากินไปเรียนค่ะ บางครั้งไม่พอค่ารถด้วยก็ใช้วิธีซื้อบัตร bts รายเดือน แล้วคำนวณค่ารถไว้ค่ะ แล้วก็กินอาหารจากที่บ้านไปค่ะ

อย่าฆ่าตัวตายเลยค่ะ วิธีของเราคือ มองคนที่ลำบากกว่าเราค่ะ ยังมีคนที่แย่กว่าเราอีกมากมายค่ะ เรายังโชคดีกว่าเขาหลายเรื่องนะคะ ส่วนตัวพยายามยืนหยัดด้วยตนเอง ทำทาน รักษาศีล และปฏิบัติภาวนาค่ะ เพราะไม่อยากเวียนวายตายเกิดแล้วค่ะ เคยอ่านเจอ กิเลสต้องตายไม่ใช่เราตายค่ะ

วันนี้เราพอจะเริ่มดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ก็ยังเจ็บเมื่อนึกถึงสิ่งที่ทำไม่ได้ กระนั้นก็ไม่ยอมแพ้ค่ะ เพราะมีเป้าหมายที่อยากทำให้ได้ค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

0
filenotfound 22 มิ.ย. 66 เวลา 21:41 น. 7

ก่อนอื่นเลยที่สำคัญที่สุดอันดับแรกคือ อย่าเชื่อความคิดตัวเองที่คิดฆ่าตัวตายเด็ดขาด ให้รู้เท่าทันว่าคุณกำลังป่วยเพราะสารเคมีบางอย่างในสมองมันขาดไป ความคิดที่ออกมาขณะนี้มันเชื่อไม่ได้ และอย่าไปตามมันเด็ดขาด และก็รีบไปหาหมอ ทานยาให้สม่ำเสมอ ห้ามขาดยาเด็ดขาด อาจจะฝึกทำสมาธิช่วยเสริมด้วยก็ได้ เพราะถ้าใจสงบ สารเอ็นโดรฟิลในสมองจะหลั่ง ทำให้มีความสุขได้ชั่วขณะ หรือเล่นกีฬา ออกกำลังก็ได้เช่นกัน (แต่หลักๆต้องทานยาด้วย) สุดท้ายขอย้ำนะ อารมณ์ความรู้สึกด้านลบที่ออกมาจากสมองที่ผิดปกติเพราะความเจ็บป่วยนั้นเชื่อไม่ได้ อย่าไปทำตามอารมณ์ ให้รู้เท่าทันมัน ให้มีสติไว้

0
☀Little red fox in January snow☀ 23 มิ.ย. 66 เวลา 11:50 น. 8

เราคิดว่าคุณต้องมีปัญหาเบื้องหลังจากที่กล่าวมาอีกแน่ๆ ค่ะ อาจจะเป็นเรื่องของสถานะทางการเงินที่ทำให้คุณเครียดกับการเขียนนิยายไม่ออก แล้วไม่มีรายได้ สังเกตจากการที่เครียดเพราะมีเงินแค่ไปกลับบ้านกับ ม.

.

ก่อนอื่นต้องบอกว่า ถ้ามีอาการซึมเศร้ารุนแรงขอให้มองหาจิตแพทย์ก่อนค่ะ ถ้ามีแล้วก็ขอให้รักษาตามขั้นตอนต่อไป ส่วนปัญหาด้านอื่นๆ ขอให้ลองถอยออกมามองภาพกว้างๆ ถ้าเป็นนักศึกษาแล้วมีปัญหาเรื่องขาดรายได้ งาน part-time ก็ไปทำได้นะคะ สมัยเราก็เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ลงตารางเรียนดีๆ ให้มีวันว่างก็รับงาน part-time ไปเลย

เหนื่อยหน่อยแต่ได้เงินตอบแทนก็ยังดีกว่าไม่ได้ ระหว่างนั้นถ้าสภาพจิตพร้อมก็เขียนนิยายต่อได้ .

สุดท้ายก็เป็นกำลังใจให้นะคะ ทุกปัญหามีทางออกเสมอค่ะ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-01.png

0
เทพอสูรจักรกล 24 มิ.ย. 66 เวลา 00:59 น. 9

เคยสิ วันที่สูญเสียแม่ครอบครัวเพียงคนเดียวที่ใกล้ชิดที่สุด เป็นวันที่ผมรู้สึกอยากตายไปให้พ้นๆ ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองก้าวออกมาจากงานศพของแม่ จนกระทั่งเมื่อเร็วๆนี้ ทุกวันที่ไป-กลับจากทำงานหมดไฟ หมดอารมณ์ ความสุขเดียวคือนั่งกินขนมหน้าจอคอม ใช้ชีวิตเหมือนแม่ยังอยู่ ทำใจไม่ได้ อัฐิของแม่ก็ยังอยู่ ไม่จากไปไหน นอนหลับครั้งไหนก็ปรารถนาจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก แต่ก็ตื่นขึ้นมาทุกครั้ง ไม่สามารถนอนหลับได้ปกติ ต้องเหนื่อยล้าถึงที่สุดถึงจะหลับได้ มีครั้งหนึ่ง ที่ทำงานหนักมากกลับบ้านมากอดโถอัฐิแม่ร้องไห้อยู่ตั้งนาน ร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ผมก็ไม่ได้คิดฆ่าตัวตาย เพราะผมเชื่อว่าถ้าวันที่ยมทูตมาหา ผมจะได้พบแม่อีกครั้ง ชีวิตที่ใช้อยู่ในตอนนี้คือได้ความช่วยเหลือของเพื่อนๆ คนรอบตัว ฉุดผมออกมาจากงานศพของแม่ที่ผมยังติดอยู่ ผมที่เคยมองแต่พื้น มองแต่โลงของแม่ เงาของแม่ ตอนนี้ก็มองเห็นอย่างอื่นมากขึ้นและเริิ่มคิดว่า ยังไงความตายก็มาโดยที่เราไม่ร้องขออยู่แล้ว ทำไมไม่ใช้ชีวิตตอนนี้ให้ถึงที่สุด และในตอนนี้ผมก็เจอกับสายรุ้งที่อยากไล่ล่า อยากครอบครองมาก ผมจึงมาที่เด็กดี เพื่อใช้ปากกาขนนกสร้างสะพานไปที่นั่น ทุกๆ ที่มีความสำเร็จซ่อนอยู่ เคยได้ยินว่า นิยายดังเรื่องหนึ่งลงอีบุ๊คแล้วขายได้ตั้ง 2 ล้านบาทแน่ะ ไม่สนใจบ้างหรือครับ ถ้าชีวิตของคุณไม่สามารถมองหาที่พึ่งพาได้อีกแล้ว ไปที่วัดครับ อย่าอับอาย อย่าสนใจสายตา คำพูดของใครหน้าไหน กินข้าวให้อิ่มและบอกตัวเองครับว่าเมื่อเรารุ่งโรจน์เราจะมาตอบแทนที่นี่ ความลำบากหล่อหลอมคนที่แข็งแกร่ง เช่นนั้นแล้ว อย่ายอมแพ้มัน ความตายจะมาโดยมิได้ร้องขอและเมื่อมันมาต่อให้เราอ้อนวอนมันก็ไม่ฟังเรา ทำให้ถึงที่สุด สู้ให้ถึงที่สุด ทำทุกๆอย่างเพื่อวันพรุ่งนี้ ผมเป็นกำลังใจให้ครับ

1
marvelous 24 มิ.ย. 66 เวลา 04:43 น. 10

ผมเคยครับ อาการหนักด้วย เเต่ผมคิดว่า ไม่คุ้มสักเท่าไหร่ ครับ เพราะผมมีเเค่ ชีวิตเดียวเลย ต้องหาทางออกครับ ตอนตายเเก้ไขอะไรไม่ได้ เเล้วเมื่อ ความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้า เเต่ตอนผมมีชีวิตยังมีโอกาสให้เเก้ไขตั้งหลายครั้ง *วิธีเเก้ไข จะทำก็ได้หรือไม่ทำก็ได้เเล้วเเต่ คุณลองเเบมือ2ข้าง หรือเอาหน้าผากกราบพิื้นเเล้ว ไม่ต้องคิดถึงใครทั้งนั้นเวลาจะทำอย่างที่ผมว่ามา คิดในใจ ว่า ขอให้ฉันได้ทางนำที่ด้วย ผมลองเเล้วมันได้ผลครับ ลองดูครับไม่เสียหายอะไร

0
ถถถ 24 มิ.ย. 66 เวลา 17:23 น. 12

เคยทำอย่างอื่น แล้วตันเหมือนกัน แต่ถูกกำหนดด้วยระยะเวลา พักแล้วก็ไม่ดีขึ้น ยังไงก็ต้องทำโพรดักชั่นแล้ว สุดท้ายก็ตัดใจตัดจบ แต่คือได้ส่งแล้วตามระยะเวลาที่กำหนด

ได้แต่สาบานกับตัวเองว่า จะไปแก้มือในงานหน้าๆๆๆ

0
ดอกไม้ผลิบาน 25 มิ.ย. 66 เวลา 07:27 น. 13

รักษาซึมเศร้าให้หายก่อนนะ แล้วหาอะไรที่ทำเงินได้ง่ายกว่าเดิมแบบไม่ต้องเค้นสมอง เช่น ทำสติกเกอร์ขาย (ลองค้นวิธีหาเงินดูมีเยอะนะ) ถ้าเธอปล่อยให้ตัวเองตึงเกินไปอยู่แบบนี้มันจะไม่หายซึมเศร้าหรอก อย่าตอกย้ำตัวเองด้วยสิ่งไม่ดี แต่ให้ทำตรงข้าม เรารู้เพราะเราหายแล้ว หายใจเข้าลึกๆแล้วตั้งสติแล้วจดลงกระดาษทีละอย่างว่ามีอะไรที่ทำได้อีกบ้าง แล้วค่อยๆไล่ทำไปทีละอย่าง พยายามผ่อนคลายเข้าไว้ ยาดมหลอดเดียวก็ช่วยได้ละเธอ ดมบ่อยๆ เธอเครียดขนาดนั้นมันก็ต้องตันเป็นเรื่องปกติ พอสมองโปร่งแล้วจะคิดออกเอง มีเงินแค่ค่ารถไปกลับมหาลัยก็ยังดีมากนะ อย่างน้อยก็ได้เรียน ไม่ต้องเดินไปด้วย มีเงินเล่นเน็ตได้อีก แปลว่ามีโอกาสหาเงินอีกตั้งเยอะแยะ ค่อยๆทำไป ปัญหาก็ค่อยๆแก้ไป ขนาดไก่จิกข้าวกินทีละเม็ดมันยังอิ่มได้เลยเธอ

0
mooping_35 25 มิ.ย. 66 เวลา 12:25 น. 14

ท้อได้แต่ต้องลุกขึ้นสู้ เมื่อสมัยวัยรุ่นโดนใส่ร้ายโดนแย่งแฟนบ้านล้มละลาย คิดว่าทุกอย่างจบสิ้น จึงฆ่าตัวตาย แต่ครอบครัวช่วยไว้ทัน ในเมื่ออยากตายแล้วตายไม่ได้ก็ต้องลุกขึ้นสู้ เรียนให้จบ ขยันทำงาน ได้เลี้ยงพ่อแม่ยามแก่เฒ่า เมื่อย้อนมองอดีตถึงเข้าใจว่าชีวิตมีทางให้เราเดินหลายทางเสมอ นั้นอาจเป็นวิบากกรรมที่เราพบเจอเพียงชั่วคราว หลังฝนตกย่อมเจอฟ้าใส ตอนนี้มีความสุขกับชีวิตปัจจุบัน มีสามีมีลูกที่รักเราและเรารัก ถ้าเราจบชีวิตตอนนั้นก็จะไม่มีความสุขในตอนนี้ ชีวิตก้าวต่อไปทุกอย่างจะดีขึ้นเอง

0