ทำไมคนในกรุงเทพนิสัยแย่
เราเป็นคนตจว.ย้ายมาเรียนในกทม คนในกทม.ส่วนมากที่เจอคือเฉยๆไม่ดีไม่แย่ แต่พักหลังๆเจอแต่อะไรไม่รู้(ย้ำว่าบางคน) สั่งข้าวพิเศษก็โดนคนทำกับข้าวร้านตะคอกใส่เพราะเมนูที่เราสั่งมันเพิ่มพิเศษไม่ได้ (แล้วจะไปตรัสรู้มั้ย เราพึ่งเคยสั่งพูดกันดีๆก็ได้) ไม่กี่อาทิตย์ถัดมา สั่งข้าวแกรป ปกติเราก็สั่งแกรปตลอดไม่มีปัญหาอะไร หอเราอยู่ติดคลินิกทำฟันเลยปักโลไปแบบนั้น เค้าก็ด่าว่าปักหมุดได้เหี้ยมาก-สัส -ดูดิ้(คุยกับอีกคน) ไหนร้านทำฟันกูไม่เห็นจะเจอ (ทั้งๆที่ร้านก็อยู่ติดหอ) ดีที่เราให้คนส่งวางข้าวไว้ไม่ได้ลงไป วันนี้เดินไปซื้อของ เราเดินไปไกลหน่อยเพราะร้านยาอยู่ไกล สักพักก็ไปเห็นร้านข้าวร้านหนึ่งก็เลยมองดูว่าร้านปิดรึยังเพราะอาจจะได้สั่งข้าว เราก็มองไปเดินผ่านไปแบบงงๆนิดนึงเพราะร้านยังไม่ปิดแต่ก็ไม่มีคน แล้วพนักงานที่กำลังยืนคุยกันก็ตะโกนใส่เราว่ามองทำเ-้ยอะไร!!!!เสียงดังออกมานอกร้านแล้วพนักงานก็หัวเราะกัน เราช็อกๆหน่อย
ตอนอยู่ตจว.เราก็เจอคนเยอะๆพอกับในกรุงเทพแต่ไม่เคยเจอพวกนิสัยแบบนี้ ไม่รู้ทำไมถึงได้มารยาทแย่แบบนี้ อารมณ์เสียเลย
13 ความคิดเห็น
คนที่เครียดง่ายส่วนมากจะเป็นพวกปากกัดตีนถีบ อย่าไปเป็นตามเค้าก็พอ ยุคโควิดด้วยอะไรๆมันคงบีบคั้น คนกรุงเทพคุณภาพชีวิตมันก็ไม่ได้ดีอยู่แล้ว รักษาใจตัวเองไว้ให้ดีก็พอเวลาเจออะไรแบบนี้ แล้ววันหลังก็ถามเค้าเลยดีกว่าเอาแต่มองเพราะมันก็ทำให้คนหัวร้อนเข้าใจผิดได้ง่ายๆ ถึงเย็นก็เหอะมันก็น่าสงสัยว่าทำไมถึงมองอยู่ดี ส่วนมารยาทไม่ต้องพูดถึง บ้านเรามันก็จะแนวๆนั้น
คนที่พุดอาจไม่ใช่คนกรุงเทพ แต่เป้นคนตจวที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพก้ได้ คนที่ไหนก้เหมือนกัน ถ้าอารมรืไม่ดี หรือมารยาทไม่ดี ก็มีพฤติกรรมแบบนี้ได้ ไม่เกี่ยวว่าจะเป้นคนจังหวัดไหนนะ
ชีวิตคนเมือง เร่งรีบๆ ใจร้อนงาย
คนไทยเครียดสะสมกันเยอะจะตาย บางคนซึมเศร้าไม่รู้ตัวก็มี บางคนหยุดกินยาโดยที่ยังไม่หายก็เยอะ ทำใจ อยู่ไทยก็งี้
ทำใจ อยู่ไทยก็งี้
สวัสดีค่ะ คุณเจ้าของคห.ที่ 4
ที่ต่างประเทศก็เป็นค่ะ
อาจจะเจอหนักกว่านี้ด้วยซํ้าค่ะ
เพราะมาวันนี้ โลกทั้งโลกทุกสังคมมีความกดดัน และยิ่งในต่างประเทศ ในหลาย ๆ ประเทศนะคะ เขาไม่ยึดถือความเป็นคนเป็นสิ่งที่ต้องให้ความยํ่าเกรงอยู่แล้วนะคะ แต่เขายึดถืออำนาจ เงินทอง และตำแหน่งค่ะ
(คือในสังคมที่เป็นสังคมวัตถุนิยมแบบนั้นนะคะ)
เพราะฉะนั้นความเป็นคน ค่าของคนในแบบทั่วไป มีความเสมอภาคกัน นั้นเป็นวัฒนธรรมที่เขาทั้งหลายยึดถือ และ เขาทั้งหลายก็จะใช้คำใด ๆ แบบไหนก็ได้ เป็นอิสระ และความเป็นอิสระนะคะ เขาทั้งหลายก็มีกฎอยู่ว่า เขามีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้เท่าเทียมกัน
เพราะฉะนั้นคำที่เลวร้ายต่าง ๆ นานา ก็หลั่งไหลออกจากปากของทุกคนได้เท่าเทียมกัน ในคนหลาย ๆ ประเทศด้วยเช่นกันนะคะ
(เหตุนี้ ที่คุณอาจจะไม่รู้นะคะ)
จริงแล้วหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ยิ่งในประเทศที่มีความรํ่ารวย แต่ในสังคมของคนเดินดิน คือคนทั่วไปในประเทศนั้น ๆ ยิ่งยํ่าแย่ เพราะเขาทั้งหลายมีความกดดัน
การเป็นคนจน หรือเป็นคนทั่วไปในประเทศที่รํ่ารวยนั้น ก็มีค่าไม่ต่างจากเห็บ หรือเหา เหลือบ หรือไรเท่านั้นเอง
คือการตีค่าของสังคมนั้น ๆ ก็จะหาความยํ่าเกรงให้แก่กัน และกันไม่ได้นะ ทั้งนี้เพราะเขามีกฎ มีวัฒนธรรมที่ว่าคนนะมีอิสระ และในความมีอิสระ เขาทั้งหลายมีสิทธิ์ที่จะคิด มีสิทธิ์ที่จะทำ มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรก็ได้เท่าเทียมกันนั้น เหตุดังกล่าวนี้มีเกิดขึ้นแต่นานๆ มาแล้ว ซึ่งจริงแล้วเป็นอะไรที่แย่นะคะนั้น
ทั้งหมดนี้เป็นความจริง เพียงแต่ทุกคนในที่นั้น ๆ เขาจะยอมรับความจริงนี้ หรือไม่? เท่านั้นเองค่ะ
และยิ่งในเขตแดนที่เขายึดถือวัตถุ...คือยึดเงินทอง ยศ อำนาจ ตำแหน่ง บ้าน รถ ในสังคมเช่นนี้(หรือที่เขาเองเชื่อว่าเขาเป็นประเทศที่รํ่ารวยด้วยยิ่งแล้วเลย) ซึ่งในเหตุการณ์แย่ ๆ ในกลุ่มของคนทั่วไป ในประเทศในรูปแบบดังกล่าวนี้ ยิ่งยํ่าแย่กว่าเมืองไทยค่ะ (เพียงเขาจะกล้ายอมรับได้หรือไม่ เท่านั้นเองค่ะ)
หลาย ๆ คน ในหลาย ๆ ประเทศในวันนี้ ตกอยู่ในความขมขื่น ทุกข์ทรมานในการอยู่ร่วมกันในทุกวัน จริงนะคะ และความรู้สึกดังกล่าวนี้...เขาทั้งหลายก็ต้องอดทน และยอมรับมันให้ได้ว่าเป็นธรรมชาติที่เขาต้องยอมรับมัน ทั้งนี้เพียงเพราะคนเรานี้ มีความเคยชินเป็นธรรมชาติเท่านั้นนะคะ(น่าสงสารเขาทั้งหลายนะ) เพราะจริงแล้วนั้นคือชีวิตที่ทุกข์ทรมานนะคะ
เห็น ๆ มีเป็นข่าวที่เป็นเหตุการณ์โดยทั่วไปในกลุ่ม...ของบางแถบ ในประเทศนั้น ๆ ที่ว่า มาวันนี้ ในปีค.ศ.ที่2024 นี้นะคะ มีประชาชนที่ต้องใช้ชีวิตด้วยการกินยากล่อมประสาทในทุกวันเพื่อการอยู่ เพิ่มขึ้นมาตั้ง 30% จากเวลาเพียง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าแย่มาก ๆๆๆๆ นะคะนั้น
แม้เขาทั้งหลายต้องกรอกยากล่อมประสาท ก่อนการเดินทางออกจากบ้า เพื่อออกไปร่วมใช้ชีวิตประจำวัน ในทุกวัน แต่การฟาดฟันกัน และกันด้วยคำที่ทำให้กัน และกัน ยํ่าแย่....โดยที่เขาทั้งหลายไม่รู้ตัว นั้นมีเกิดขึ้นทุก ๆ สังคม ในหลาย ๆ สังคม ในต่างประเทศ นั้นเป็นความจริงค่ะ
เหตุที่ว่าแย่ ๆ นี้ ที่เมืองไทยนะคะ เพียงต้องรีบแก้ไข...ให้ตรงตามที่ปัญหาต้องการแก้...หรือที่จำเป็นต้องแก้...ก็อาจจะดีขึ้นในเร็ววันค่ะ
คือต้องรีบแก้ไขก่อนที่อาการแย่ ๆ นี้ ก่อนที่จะเกิดเป็นอาการเรื้อรัง และเข้าฝัก ฝังลึกลงไปในดีเอ็นเอของคนรุ่นใหม่ คือถ้าทิ้งไว้นานเข้า เขาทั้งหลายจะไม่สามารถรู้ได้ว่า การอยู่ร่วมกันด้วยวัฒนธรรมอันดีนั้น เขาจะไม่รู้ได้ เพราะสิ่งดี ๆ นั้นได้ดับหายไปตามกาลเวลานั้นก็เป็นธรรมชาตินะคะ และเมื่อนั้นล่ะ ที่จะยากมากที่จะแก้ไขได้ และสังคมทั้งสังคมจะตกอยู่ในความทุกข์ทรมานถ้วนหน้า และจะยากที่จะแก้ไขได้
นั้นคือต้องแก้ไขด้วยการลดปัญหากดดันสังคมในทุกด้าน ที่มีอยู่นี้ตั้งแต่วันนี้ และนำเอาวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณีอันดีงาม ซึ่งเมืองไทยมีอยู่มากมาย มาจรรโรงสังคมให้เกิดเป็นชีวิตประจำวันภายใต้การนี้ ได้ จิตใจของคนทุกคนก็จะชุ่มชื้น ชื่นมื่น แจ่มใส ละมุนละไม จะเกิดเป็นพลังบวก เกิดเป็นสังคมที่ดีติดบวกๆ ขึ้น และผู้คนจะรู้สึกดี รู้สึกได้ถึงชีวิตที่สวยงาม มีคุณค่าที่ดี เมื่อคนส่วนใหญ่รู้สึกดีได้เช่นนี้ ทุกอย่างก็จะดีขึ้นได้ง่าย ๆ ค่ะ
เพราะจริงแล้วนะคนไทยมีวัฒนธรรมที่เขาทั้งหลายใฝ่หาความสงบร่มเย็นในจิตใจนั้น เป็นวัฒนธรรมเดิม ๆ จากการปลูกฝังแต่นานมาอยู่แล้วนะคะ
เพราะเมืองไทยมีรากฐานที่ดีอยู่แล้ว คือมีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ถูกยึดถือมานาน เป็นรากฐาน เป็นแบบแผนอันดีในการอยู่ร่วมกัน นั้นเมืองไทยมีอยู่
แต่เหตุการณ์ที่ยํ่าแย่นี้เกิดขึ้นได้ในขณะนี้ เพราะหลาย ๆ แห่งทั่วโลกได้เกิดขึ้น...มาก่อน มานาน และนานมาก ๆ แล้ว และเมืองไทยก็เพียงพลอยมีผลกระทบด้วย และมีส่วนที่ติดเขามา ยิ่งมาวันนี้ มีระบบเน็ต...ที่เปิดกว้างมาก และคนส่วนมากสามารถเห็นการกระทำต่าง ๆ จากที่ต่าง ๆ ได้หมด ได้ชัดเจน และแบบง่าย ๆ ยิ่งเป็นตัวช่วยให้การติดสิ่งไม่ดีนี้ได้ง่ายขึ้น เช่น การติดความเชื่อ ที่เป็นการกระทำดังที่ว่าคนเรานะมีสิทธิ์ มีอิสระที่จักทำอะไรก็ได้ตามใจต้องการ...และหลาย ๆ คนก็ทำ...ตามตัวอย่างที่ไม่ดีนั้น ในการที่ไม่ให้เกียรติ์ ไม่ยํ่าเกรงกัน และกัน ผ่านคำพูด ดังกล่าวนี้ ตาม ๆ กัน คือติดสิ่งที่ไม่ดีนี้ได้ง่ายขึ้น ผ่านเน็ตด้วยนั้นก็มีส่วน
จริงแล้วนะ เหตุที่แย่ ๆ ดังกล่าวนี้ เคยมีการตักเตือนขึ้นจากผู้ที่เห็นกาลใกล...คือจากผู้ที่เป็นผู้ที่ใหญ่ และเป็นผู้ที่ยึดถือวัฒนธรรมอันดีเป็นที่ตั้ง เขาทั้งหลายนั้นเคยตักเตือน เคยเกิดขึ้นนะคะ
คือเคยมีการตักเตือนจากเขาเหล่านี้ขึ้นจริงค่ะ
หากคุณจะลองค้นอ่านคำตักเตือนของคนรุ่นเก่าที่ไม่นานมานี้ ซึ่งมีอยู่ว่า "เราคนไทยนะ ต้องไม่เอาอะไรตามอย่างเขา... ต้องไม่เอาอะไรที่ไม่ดีตามอย่างเขา คือสิ่งที่ไม่ดีจากต่างประเทศ ต้องไม่นำมาใช้นะ" ซึ่งคำตักเตือนสั่งสอนเหล่านี้ มีเกิดขึ้นมาไม่นานมานี้เองนะคะ และมาวันนี้คำตักเตือนนั้นก็เกิดเป็นความจริง...มีหลักฐานได้ว่าการเอาเยี่ยงอย่างสิ่งไม่ดีนะ มีผลลัพธ์ที่ไม่ดีนั้น เป็นความจริง ดังที่เรา ๆ เห็นอยู่ในวันนี้นะคะ
ทั้งนี้รวมเหตุการณ์มากมายที่ยํ่าแย่ที่เกิดขึ้น...ซึ่งเป็นแรงกดดันให้เหล่าผู้คนในสังคมต่าง ๆ นั้น ก็มีเกิดขึ้นไม่ต่างในต่างประเทศ หากแต่ถ้าเมืองไทยต้องการ และตั้งใจที่จะแก้ไข ก็จะแก้ไขได้ค่ะ เพราะเหตุที่ยํ่าแย่ดังกล่าวนี้แท้จริง เป็นสิ่งที่ไม่ใช่มรดกดั้งเดิมของไทยแต่เดิมมาอยู่แล้ว เพีียงแต่มาวันนี้เมืองไทยมีอาการ...ติด...คือติดร่างแหไปด้วย...เขา ก็เท่านั้น
ทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ ที่พยายามเก็บ เก็บ ๆ มาจากต่างประเทศ และนำเข้ามาบอกเล่า แบ่งปัน แลกเปลี่ยนกันนะคะ
คือที่ไหน ๆ ก็แย่ค่ะในวันนี้ แต่ที่เมืองไทยนะ ยังคงมีความหวังว่า...จะดีขึ้นได้ หากเรา ๆ ทุกคน และทุกหน่วยงานมีความต้องการให้ดีขึ้น เพราะเรามีรากฐาน มีแบบแผนที่ดี จากบรรพบุรุษได้ทำไว้ให้ที่ดีนั้นมีอยู่ และจะสามารถนำมาใช้ได้ดี เพื่อการนี้ค่ะ
แต่นะ ถ้าตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ทุกอย่างเพียงคงต้องใช้เวลานิด...เท่านั้นเองค่ะ
กลุ่มคนที่ว่ามานั้น อาจจะไม่ใช่คนกรุงเทพโดยกำเนิดค่ะ อาจจะย้ายมาจากต่างจังหวัดเหมือนกับน้อง และที่เค้าไร้้มารยาทหรืออารมณ์เสียง่าย ก็น่าจะมาจากการกดดันที่ต้องทำงานหนักละมั้งคะ แนะนำว่าเวลาเดินมองอะไรก็แต่ อย่ามองหน้าคนค่ะ มองร้านอาหารก็ให้มองแต่อาหาร ถ้าคนพูดไม่ได้เอ่ยชื่อเราก็ไม่ต้องไปสนใจ ให้คิดว่าเค้าไม่ได้คุยกับเรา ไม่ได้พูดถึงเราค่ะ
จริงๆนะมองหน้าคนสมัยนี้เค้าก็เข้ามาทำร้ายร่างกายได้เลย แบบในข่าวน่ะ ดุยิ่งกว่าหมาอีก
คนกรุงเทพส่วนมากก็คนต่างจังหวัดที่ซื้อบ้านไม่ก็แต่งงานอยู่ที่นั่นทั้งนั้นและ คนกรุงเทพดั้งเดิมมีไม่เยอะ แต่สภาพแวดล้อมกรุงเทพมันบีบคั้นกว่าตจว.แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนตจว.จะเครียดกว่าไม่ได้ อย่างในข่าวก็เห็นบ่อยไป
เหมารวมไม่ได้หรอก กทม มีหลายโซน
ถ้าโซนชุมชนแออัด สังคมปากกัดตีนถีบ หาเช้าไม่พ้นค่ำ ก็จะนิสัยออีกแบบนึง
แต่ถ้าอยู่ในโซนที่เจริญขึ้นมาหน่อย การศึกษา อาชีพ คุณภาพชีวิตดีกว่า ก็จะคนละนิสัยกัน
แล้วก็ต้องดูการแต่งตัว ดูบุคลิกของเราด้วย อย่าดูโทรมเกินไป อย่าหงอจนเขาข่ม และไม่จำเป็นต้องข่มใครเช่นกัน เวลาแต่งตัวดี ดูมีภูมิฐาน บางทีเวลาคนเดินสวนกันทางแคบๆ ยังค้อมตัวให้เราเลย เราก็งง เค้าก็งงว่าทำไมต้องค้อมตัวให้
เค้าน่าจะแค่มารยาทดีน่ะ ค้อมตัวแทนคำขอโทษที่เค้าต้องมาเดินเบียดในที่แคบๆ ไม่ใช่แค่คนแต่งตัวดีหรอก คนธรรมดาเค้าก็ค้อมให้ เราเคยเห็น
คุณเจอ อาจจะไม่ใช่คนด้วยซ้ำ- เคสหลัง กักขฬะเกิน
มีเพื่อนแบงค่อกเคี่ยนรุ่นใหญ่ที่ชิลล์มาก ใครอยากปาดหน้าก็ปาด แซงก็แซง ไม่เคยโกรธ แกว่าแกไม่สึกหรออะไร
คน กทม มักจะแอคทีฟกว่าคน ตจว ถ้าขี้เกียจมักจะเบิร์นเอาท์
แง ไม่เป็นไรน้าา ยังมีเวลาเจอคนดี ๆ อีกเยอะ
พี่แนะนำว่าถ้าเจออะไรแย่ ๆ แบบนี้ก็ถอยออกมา ไม่ต้องเก็บมาใส่ใจเยอะ ในชีวิตนี้น้องก็จะเจอคนประเภทนี้อีกมากมาย ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นคนกรุงเทพ ต่างจังหวัด หรือต่างชาติ คนเราถูกเลี้ยงมาในสภาพแวดล้อมต่างกัน พ่อ แม่ เพื่อน การศึกษา เพื่อนที่ทำงาน เพื่อนบ้าน ทุกอย่างล่อหลอมให้คนแต่ละคนโตมาทัศนคติไม่เหมือนกัน
น้องทำอะไรมากไม่ได้กับคนเหล่านั้น แต่น้องเลือกที่จะเข้มแข็ง ใจดีกับตัวเอง ปล่อยวาง เข้าใจ กับคนเหล่านั้นได้
หวังว่าน้องจะเจอคนดี ๆ มีความสุข ตอนพี่เรียนมหาลัย พี่ก็มีเพื่อนจากต่างจังหวัดเยอะแยะ ทุกคนก็น่ารักทั้งนั้น และแน่นอนคนจากกรุงเทพ ไม่ว่ารวยหรือจน ทุกคนก็น่ารัก นิสัยดี ถ้าน้องเจอคนทีานิสัยแย่ ก็รู้ไว้ว่าเป็นเฉพาะคน ๆ นั้น พยายามฝึกเอาทัศนคติแบบเหมารวมออกไปนะครับ
จะแน่ใจได้ไงว่าคนพวกนั้นเป็นคน กทม
หวานหรือเรื่องจริงคะ? ดิฉันเป็นคนกทม. ใช้ชีวิตในกทม.มา ไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่3เลยค่ะ
อีกอย่างเช็คก่อนนะคะว่าคนกทม. หรือคนมาอาศัยในกทม.
ใครไม่เคยเจอก็ว่าไม่จริง
ไม่เคยเจอเลยค่ะ อยากเจออยู่เหมือนกัน
เสียชื่อคนกรุงเทพแท้หมดเลยค่ะ
คุณดำแบบนี้แท้เลยสินะ
แน่ใจรึว่าคนกรุงเทพ
1. ส่วนใหญ่คนทำอาชีพไรเดอร์จะเป็นคนต่างจังหวัดนะ (อ่านแล้วก็แอบสงสัยไหนบอกสั่งข้าวให้เขาวางไว้ไม่ได้ลงไป ละไปได้ยินยังไงก่อน)
2. พนักงานในร้านส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่กรุงเทพนะ เผลอๆไม่ใช่คนไทยด้วยส่วนใหญ่จะเป็นแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน (อันนี้ก็สงสัยพนักงานกล้าตะโกนแบบนั้นจริงดิ เจ้าของรู้โดนไล่ออกเลยนะ ไปไล่ลูกค้าแบบนั้น อยู่กทม.มายี่สิบกว่าปีก็ไม่เคยเจอ )
สรุปเรื่องจริงรึแต่ง เป็นคนชอบคิดเล็กคิดน้อยคิดไปเองว่าคนอื่นเขาจะว่ารึเปล่า
ปกติ คนเยอะ นิสัยก็เเตกต่าง กัน เร่งรีบๆๆๆๆๆ
มองเป็นกลางนะคะ สิ่งพวกนี้เราว่าน่าจะขึ้นอยู่กับนิสัยคนคนนั้นมากกว่าจังหวัดที่เขาอยู่หรือเกิดอีกค่ะ สุดท้ายเราไม่อยากให้คุณให้ค่าคนพวกนี้เลย เราเข้าใจ ถ้าเจอกับตัวแบบนี้เราก็คงรู้สึกแย่ไม่ต่างกัน แต่อย่าพยายามไปสนใจเลยค่ะ กัดกับสุนัขไปก็มีแต่จะมอมแมมมากกว่า ทั้งเสียเวลาและเจ็บตัวได้
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?