Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

วิวัฒนาการของเงิน เพิ่งรู้นะเนี่ย

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

เบี้ยหรือเงินตราโบราณ

 

                ในสมัยก่อนที่จะมีธนบัตรใช้เหมือนทุกวันนี้ คนไทยเอาหอยทะเลชนิดหนึ่งมาใช้เป็นเงินตรา เรียกว่า เบี้ย ซางมีอยู่หลายชนิด ส่วนใหญ่จะเป็น เบี้ยนางและเบี้ยจั่น กล่าวคือ เบี้ยนางจะมีสีขาวปนเหลืองเล็กน้อย มีส่วนกว้างประมาณ 1.5 – 1.8 เซนติเมตร ยาวประมาณ 2.2 – 2.5 เซนติเมตร ส่วนเบี้ยจั่นมีสีขาวปนสีน้ำตาลเป็นกระๆ กว้างประมาณ 2 เซนติเมตร ยาวประมาณ 3 เซนติเมตร หอยเบี้ยที่กล่าวมานี้ส่วนใหญ่เป็นหอยที่มาจากหมู่เกาะฟิลิปปินส์ โดยพ่อค้าซื้อหรือเอาสินค้าแลกเปลี่ยนกับชาวเกาะ แล้วบรรทุกเรือเอามาขายหรือใช้ซื้อสินค้าในเมืองไทย การใช้เบี้ยเป็นเงินตรานี้ชาวจีนโบราณก็นิยมใช้เช่นเดียวกัน

 

                คนไทยได้ใช้เบี้ยเป็นเงินตรามานานตั้งแต่สมัยสุโขทัย ดังมีปรากฏอยู่ในศิลาจารึกหลายหลัก ตัวอย่างเช่น ในหลักศิลาจารึกวัดป่ามะม่วงหลักที่ ๔ อันเป็นจารึกยอพระเกียรติพญาลิไทหรือพระมหาธรรมราชาที่ ๑ ซึ่งทรงทำบุญทำทานบริจาคพระราชทรัพย์เป็นเงินเบี้ยว่า

“คิดพระราชทานทรัพย์ คือ ทอง(หมื่นหนึ่ง) เงินหมื่นหนึ่ง เบี้ย ๑๐ ล้าน หมาก ๒ ล้าน จีวร ๔๐๐ เมตร หมอนนั่ง หมอนนอน เสื่อ... เท่านั้น และเครื่องกระยาทานทั้งหลาย ยังมีอเนกประการซึ่งคณามิได้...”

 

            การใช้เบี้ยเป็นเงินตราก็ยังมีการใช้กันต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาและสมัยต้นรัตนโกสินทร์ แต่เป็นเพียงเศษเงิน เพราะในยุคหลังๆ จะใช้เงินตราดังปรากฏในหนังสือประชุมพงศาวดารภาค ๓๖ จดหมายเหตุของ “โยสเซาเต็น” พ่อค้าชาวฮอลันดาในสมัยของพระเจ้าทรงธรรม และพระเจ้าปราสาททอง ซึ่งได้เข้ามาตั้งห้างร้านค้าขายอยู่ในกรุงศรีอยุธยา ได้กล่าวถึงเบี้ยว่า “เงินตราที่ใช้ในการค้าขายในกรุงศรีอยุธยานั้นทำด้วยเงินแท้ มีรูปช้างกลมและเครื่องหมายของพระเจ้าแผ่นดินประทับ มีอยู่ ๓ ชนิด คือ เงินบาท เงินสลึง และเงินเฟื้อง คือ ๔ สลึง เท่ากับ ๘ เฟื้อง หรือ ๑ บาท แต่เพื่อสะดวกในการชำระเงินสำหรับราษฎรสามัญทั่วๆไป ยังมีเงินตราอีกชนิดหนึ่งคือ เบี้ย ซึ่งเป็นหอยทะเลที่มาจากมะนิลา หรือเกาะบอร์เนียว เบี้ยดังกล่าวจำนวน ๘๐๐ หรือ ๙๐๐ เบี้ย มีราคาเท่ากับ ๑ เฟื้อง และกล่าวว่าพกเบี้ยไปจ่ายตลาดเพียง ๕ เบี้ย ๑๐ เบี้ย หรืออย่างมาก ๒๐ เบี้ยก็เพียงพอแล้ว”

 

            ในสมัยกรุงธนบุรีและสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ก็ยังคงใช้เบี้ยเป็นเงินปลีกอยู่เหมือนเดิม แต่ก็มีการผลิตเงินบาท เงินกึ่งบาท เงินสลึง และเงินเฟื้องออกมาใช้ด้วย ดังที่มีหลักฐานปรากฏอยู่ในหนังสือและเอกสารที่เขียนสมัยนั้นหลายเล่ม แม้ในปัจจุบันนี้ไทยจะเลิกใช้เบี้ยแล้ว คำว่าเบี้ยก็ยังมีใช้กันอยู่หลายคำ เช่น ดอกเบี้ย เบี้ยบำนาญ เบี้ยปรับ เบี้ยใบ้รายทาง ฯลฯ และด้วยเหตุที่คนไทยสมัยก่อนใช้เงินตราเป็นเงินพดด้วงนี่เอง จึงสามารถเก็บใส่ไหฝังดินได้โดยสะดวก



บทความจากวารสาร  ความรู้คือประทีป

แสดงความคิดเห็น

16 ความคิดเห็น

++มักเกิ้ลผู้รักสแตน++ 20 พ.ค. 49 เวลา 20:32 น. 2

ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากๆๆๆนะคะ เกลียดโฆษณาอ่ะ ไปไกลๆได้ป่ะ


PS.  รักแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่ซู้ดดดดด สแตนน่ารักมากมาย **ไปเยี่ยม My.iD เราบ้างนะคะ เดี๋ยวมันจะร้างซะก่อน
0