Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[ถาม]คนที่ไม่ใช่ศาสนาคริสต์แล้วมาเข้าคริสต์ที่หลัง ^^

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
คือ แบบว่า เราอ่านะ ก็เชื่อในพระเจ้า แต่เรายังไม่เคยไปโบสถ์ คือกะจะไปตอนเดือนมีนา เมษา เนี่ยแหละ ก็พูดได้ว่าเรานับถือคริสต์แต่ว่ายังไม่เต็มตัว เพราะเรายังไม่ได้ทำพิธีศีลล้างบาปใช่ม้า~ แล้วที่โรงเรียนเรามันมีสวดมนต์ตอนเช้าอ่ะ เราก็ไม่ได้สวดอ่านะ เมื่อก่อนตอนที่เรายังไม่นับถือคริสต์เราก็สวด แต่เข้าใจมะว่าเราเพิ่งจะเชื่อในพระเจ้า T^T แล้วเราก็บอกแม่ว่า(แม่กะพ่อเราพุทธนะ)วันนี้เราไม่ได้สวดมนต์ แม่ก็บอกว่า "อ้าว ก็ต้องสวดสิ เรายังไม่ได้เข้าโบสถ์นี่" ถามพ่อ พ่อก็บอกว่าสวดได้ แต่ในบัญญัติ 10 ประการที่ใช้ในชีวิตประจำวันจะมีข้อหนึ่งที่ห้ามกราบไหว้เชิงเคารพ หรือบูชา เพราะให้นมัสการพระเจ้าแต่ผู้เดียว เราก็ไม่รู้ว่าเราควรจะทำยังไง จะสวดหรือไม่สวดดีอ่า TOT ถ้าสวดจะบาปมะ เพราะเรายังไม่ได้ทำพิธีศีลล้างบาป
PS.  ถ้าตัดความเป็นไปไม่ได้ออกไป ซึ่งที่เหลือแม้จะไม่น่าเชื่อเพียงใด แต่มันคือความจริง!!! 

แสดงความคิดเห็น

>

42 ความคิดเห็น

kompub 5 ก.พ. 50 เวลา 22:06 น. 1

ก็ คือว่า เวลาเขียนประวัติ เขียนว่านับ ถือศาสนาอะไนอะ ก็ทำตามนั้น

แต่เท่าที่ ดูๆ เราว่า เธอ จาหนักไปทางคริสต์ มากแล้ว ก็ ทำตามอย่างที่อยากทำคับ

เพราะ บาปไม่บาป บอกได้ยังไง&nbsp อิสลามว่า ไม่เชื่อ พระอัลเลาะห์ ตกนรก คริสต์ว่าไม่เชื่อพระเจ้า ตกนรก&nbsp พุทธว่า ทำบาปมาก ตกนรก

&nbsp  เห็นไหมว่า บาปไม่บาปขึ้นกับเราเชื่อคับ ถ้าถามใจตัวเองแล้ว เป็นคริสต์ก็เป็นคริสต์ไปเลยคับ ปฏิบัติอย่างคริสต์ไปเลย หรือถ้าไม่แน่ใจก็ชั่งใจนานๆ ดู

&nbsp &nbsp เราเชื่อในพระเจ้าแต่เชื่อกฎแห่งกรรม

0
C h € t |< u n G 5 ก.พ. 50 เวลา 22:14 น. 2

เรา กะ เปลี่ยน น้า ตอน ม.1 ก็
เรา ประนม มือ เฉยๆ แต่ ม่าย ได้ สวด อ่า
แต่ พระพุทธรูป งี้ ผ่าน ไป มา ก็ ไหว้ น้า


PS.  E m o t i o n C h a n g e . I w s า : O า s ม I ป ลี่ e u II ป a J บ่ O e .
0
ผู้เคยเปลี่ยนและยังเป็นอยู่ 5 ก.พ. 50 เวลา 23:24 น. 3

ถ้าน้องเป็นเด็กและยังอยู่ในวัยเรียนคงจะลำบากหน่อยเกิดความสับสน หากครอบครัวไม่ใช่ชาวคริสต์และสถาบันที่เรียนไม่ใช่ของชาวคริสต์อีก ฉะนั้นขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของน้องจะเป็นหรือไม่ ไม่ว่าศาสนาไหนก็ตาม ก็ทำตามคำสอนของศาสนานั้นโดยอยู่ภายใต้ก.มของประเทศเพราะ พระผู้เป็นเจ้าเป็นนักประชาธิปไตยที่ยิ่งใหญ่จริงๆ

0
โบอันจัง 5 ก.พ. 50 เวลา 23:56 น. 4


*-* อย่ากราบไหว้รูปเคารพ *-*


PS.  รักเธอ รักเธอที่เคยพูดไป นานเท่าไรคำนั้นยังคงเดิม หมดไปแล้วทั้งใจไม่อาจรักเธอมากเกินกว่านี้ ไม่ขอมากมาย คงงั้นมั้ง
0
หมิว 6 ก.พ. 50 เวลา 18:56 น. 5

ไม่ควรทำอ่ะ

ในเมื่อเราเชื่อในพระเจ้าแล้วนี่

รูปเคารพมะสำคัญกะเราอีกต่อไปนะ



ยังงัยเข้มแข็งหน่อยน้า&nbsp พ่อกะแม่มะเปนเปนคริสต์ด้วย ยิ่งน่าเปนห่วง

0
sitanom 22 เม.ย. 50 เวลา 21:08 น. 6

พระพุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์

“The religion of the future will be a cosmic religion. It should transcend a personal God and avoid dogmas and theology. Covering both the natural and the spiritual, it should be based on a religious sense arising , from the experience of all things, natural and spiritual as a meaningful unity.
Buddhism answers this description.. If there is any religion that could cope with modern scientific needs it would be Buddhism.”

“ศาสนาในอนาคตจะต้องเป็นศาสนาสากล ศาสนานั้นควรอยู่เหนือ พระเจ้าที่มีตัวตนและควรจะเว้นคำสอนแบบสิทธันต์ ศาสนานั้นเมื่อครอบคลุม ทั้งธรรมชาติและจิตใจ จึงควรมีรากฐานอยู่บนสำนึกทางศาสนาที่เกิดขึ้นจาก ประสบการณ์ตรงต่อสิ่งทั้งปวง คือ ทั้งธรรมชาติและจิตใจอย่างเป็นหน่วยรวม ที่มีความหมาย พระพุทธศาสนาตอบข้อกำหนดนี้ได้ ..
ถ้าจะมีศาสนาใดที่รับมือได้กับความต้องการทางวิทยาศาสตร์สมัย ปัจจุบัน ศาสนานั้นก็ควรเป็นพระพุทธศาสนา ”

Albert Einstein ( อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ )
นักฟิสิกส์ ชาวเยอรมัน ผู้เสนอทฤษฎีสัมพันธภาพ
อ้างอิง. Eistien , 1879- 1955,
Great personalities on Buddhism, By K. Dhammananda,Thera , Kuala Lumpur, Malaysia : Buddhist Missionary Society, 1965, p.87

0
sitanom 22 เม.ย. 50 เวลา 21:13 น. 7

ไว้ประดับความรู้ละกันนะ

ศาสนาพุทธ

ศาสนาพุทธ เกิดจากความกลัวแก่ กลัวเจ็บ กลัวตาย ต้องการหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง และต้องการเข้าถึงสุขแท้สุขถาวรที่ไม่ต้องกลับมาทุกข์อีก (1)

เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะมีพระชนมายุ ๒๙ พรรษาพระองค์เสด็จออกประพาสอุทยาน ขณะที่กำลังเพลิดเพลินอยู่นั้น พระองค์ได้พบกับสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตนั่นคือ คนแก่ คนเจ็บและคนตาย ทำให้พระองค์ทรงหวั่นวิตกว่า&nbsp “อีกไม่นานเราเองก็ต้องแก่ ต้องเจ็บ&nbsp ต้องตายอย่างนี้เหมือนกัน ทำอย่างไรหนอ เราจะรอดพ้นจากสิ่งเหล่านี้ได้? เมื่อมีร้อนก็มีหนาวแก้ เมื่อมีมืดก็มีสว่างแก้ เมื่อมีความแก่ความเจ็บและความตาย ก็ต้องมีวิธีแก้อย่างแน่นอน เราจะหาวิธีการนั้นให้พบให้จงได้” จากนั้นพระองค์จึงตัดสินพระทัยทิ้งราชสมบัติ ทิ้งกองเงินกองทองออกจากพระราชวังไปนั่งให้ยุงกัดอยู่กลางป่า(2)

พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร?
พระพุทธเจ้าทรงรู้แจ้งกฎธรรมชาติว่า สัตว์ทุกชีวิตเคยเวียนว่ายตายเกิดมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน(3) ผู้ที่ไม่เคยเกิดเป็นพ่อแม่กันมาก่อนหาได้ยาก(4) บางชาติเกิดเป็นเทวดา บางชาติเป็นมนุษย์ บางชาติเป็นสัตว์เดรัจฉาน บางชาติเกิดเป็นเปรต/อสุรกาย บางชาติต้องตกนรก ต้องเวียนว่ายตาย-เกิดอยู่อย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด ตามอำนาจบุญและบาปที่ตนเองได้ทำไว้ เหตุการณ์ทุกอย่างที่เราประสบอยู่ทุกวันนี้ไม่มีคำว่าโชคหรือบังเอิญ&nbsp ทุกอย่างเป็นผลสืบเนื่องมาจากการกระทำของเราในอดีตทั้งสิ้น(5)

เมื่อเรายังต้องเกิดอีก สิ่งที่จะตามมาด้วย คือ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย และความทุกข์กายทุกข์ใจ ดั่งพระจาลาภิกษุณีกล่าวว่า “ ความตายย่อมมีแก่ผู้ที่เกิดมาแล้ว ผู้ที่เกิดมาแล้วย่อมประสบทุกข์ เพราะเหตุนี้แลเราจึงไม่ชอบความ เกิด”(6)
ฉะนั้น วิธีที่จะรอดพ้นจากความแก่ ความเจ็บ ความตาย และความทุกข์ทั้ง ปวงได้ ก็มีอยู่เพียงวิธีเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ“การไม่เกิดอีก” เพราะเมื่อไม่เกิดอีก เราก็ไม่ต้องแก่ ไม่ต้องเจ็บ ไม่ต้องตาย และไม่ต้องทุกข์อีกต่อไป(7)
จุดมุ่งหมายพระพุทธศาสนา
เป้าหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา คือ เจริญวิปัสสนาภาวนาจนบรรลุเข้าสู่ มรรค ผล นิพพาน ตัดกระแสธรรมชาติให้ขาดสะบั้นลงได้อย่างเด็ดขาดสิ้นเชิง กำจัดสาเหตุที่ก่อให้เกิดการถือกำเนิดในภพใหม่(8) สิ่งที่ทำให้สัตว์ทั้งหลายต้องเกิดอีกไม่มีที่สิ้นสุดก็คือความต้องการของสรรพสัตว์เองหรือที่เรียกว่า “กิเลสตัณหา”(9)

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกับพระอานนท์ว่า “ อานนท์ กรรมชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณชื่อว่าเป็นพืช ตัณหาชื่อว่ายางเหนียวในเมล็ดพืช วิญญานดำรงอยู่ได้ เพราะธาตุหยาบของสัตว์ มีความหลงไม่รู้ความจริงเป็นเครื่องปิดกั้น มีตัณหา เป็นเชื้อเครื่องผูกเหนี่ยวใจไว้ การเกิดใหม่จึงมีต่อไปอีก(10) ตัณหาทำให้สัตว์ต้องเกิดอีก จิตของสัตว์ย่อมแล่นไป สัตว์ที่ยังต้องเวียนว่ายในสังสารวัฏฏ์ย่อมไม่อาจ หลุดพ้นจากทุกไปได้”(11)

เมื่อมนุษย์เจริญวิปัสสนาจนเกิดมรรคจิตครบ ๔ ครั้ง ก็จะกำจัดกิเลสตัณหา ในจิตของตนเองให้หมดสิ้นไปได้อย่างสิ้นเชิง(12) เขาจะไม่ต้องเกิดใหม่อีกต่อไป เปรียบเหมือนเมล็ดพันธุ์มะม่วงที่มียางเหนียวอยู่ภายใน ถ้านำไปปลูกจะงอกเป็น ต้นมะม่วงได้อีก แต่ถ้านำไปต้มกำจัดยางเหนียวให้หมดไป จากนั้นนำไปปลูกโดย วิธีใดก็ตามจะไม่งอกอีกแล้ว กิเลสตัณหาในดวงจิตของเราก็เช่นกัน
แต่ถ้าหากไม่สามารถทำมรรคจิตให้เกิดครบ ๔ ครั้งได้ แม้เกิดเพียงครั้งเดียวก็จัดว่าเข้าสู่กระแสแล้ว(โสดาบัน)&nbsp ก็ไม่ต้องตกนรก/ทุกข์ในอบายอีกต่อไป และจะบรรลุอรหันต์ได้เองโดยอัตโนมัติภายในระยะเวลาไม่เกิน ๗ ชาติ(13)

กรรมฐาน
กรรมฐาน เป็นศาสตร์หนึ่งที่มีอยู่ในจักรวาลเหมือนกับวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ต่างกันแต่ศาสตร์นี้ต้องศึกษาวิจัยในห้องแลปร์คือจิตล้วน ๆ และ มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ความหลุดพ้นจากทุกทั้งปวง ศาสตร์นี้เป็นกลไกที่มีอยู่ตามธรรมชาติ แต่ยากที่มนุษย์จะเข้าถึงได้ สิ่งที่สามารถเข้าถึงและแทงตลอดกฏเกณฑนี้ได้มีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือจิตที่ทรงพลานุภาพ ตามธรรมดาแล้วมนุษย์ล้วนมีจิตกันทุกคน แต่จิตธรรมดาจะกลายเป็นจิตที่ทรง พลานุภาพได้นั้นต้องอาศัยการบ่มเพาะเป็นเวลานาน คัมภีร์อรรถกถาบอกว่า ต้องใช้เวลานานถึง ๔ อสงไขยกับแสนกัปเลยทีเดียว(14) ด้วยเหตุนี้ นาน ๆ จึงจะมีดวงจิตที่ทรงพลานุภาพมาปฏิสนธิสักครั้งหนึ่ง โลกใบนี้อุบัติขึ้นประมาณ ๔,๕๐๐ ล้านปีมาแล้ว ซึ่งเป็นเวลาที่ยาวนานมาก แต่ดวงจิตที่ทรงพลานุภาพมาปฏิสนธิแค่เพียง ๔ ครั้งเท่านั้น(15) ครั้งสุดท้ายมาปฏิสนธิ เมื่อ ๒๖๒๗ ปีก่อนนี้เอง ผู้นั้นเราเรียกกันว่า “พระสัมมาสัมพุทธเจ้า”

เรื่องกรรมฐานนี้ มนุษย์ทั่วโลกได้พยายามค้นคว้าและเข้าถึงมานานแล้ว แต่เนื่องด้วยบารมีไม่เพียงพอจึงเข้าถึงได้เพียงครึ่งเดียว คนกลุ่มนั้นก็คือพวก ฤษีและศาสดาต่าง ๆ พวกท่านสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ มีฤทธิ์เดชมากมาย แต่ก็ยังไม่สามารถกำจัดกิเลสในจิตตนเองให้หมดไปได้(16) ยังมีความรัก โลภ โกรธ หลงอยู่ ท่านเหล่านี้เข้าถึงได้เพียงแค่ระดับฌานสมาบัติเท่านั้น ยังไม่สามารถเข้าถึงวิปัสสนาปัญญา บรรลุมรรค ผล นิพพานได้(17)

สมถกรรมฐาน(18) คือ การกำหนดจิตอยู่กับสิ่งใด สิ่งหนึ่งที่เหมาะสม เช่น ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก เป็นต้น(19) ใส่ใจแต่เฉพาะอาการเข้า อาการออกของลมหายใจเท่านั้น โดยไม่สนใจสิ่งอื่น แม้แต่ความคิดก็ไม่สนใจหายใจเข้า หายใจออกตามปกติธรรมด่า มีสติระลึกรู้อยู่ในขณะปัจจุบัน มีสติระลึกรู้อยู่อย่างนี้นับร้อยครั้ง พันครั้ง หมื่นครั้งจนจิตตั้งมั่น แนบแน่นอยู่ กับลมหายใจนิ่งเป็นสมาธิ3 แล้วกำหนดรู้อาการนิ่งสงบของจิต จนนิ่งเป็นอุเบกขา เมื่อถึงขั้นนี้จะน้อมจิตไปทำสิ่งใดก็จะสำเร็จได้ดั่งใจหมาย เช่น สามารถ กำหนด รู้ความคิดของคนอื่นได้เป็นต้น(20)

เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวช พระองค์ได้ไปศึกษาศาสตร์นี้จากสำนักฤษีต่างๆ ที่มีอยู่ในสมัยนั้นจนหมดความรู้อาจารย์ แต่เมื่อออกจากสมาธิ กิเลสตัณหาก็ยังมีอยู่เท่าเดิม ยังมีความกลัวความกังวลอยู่ พระองค์จึงตัดสินพระทัยศึกษาค้นคว้าหาวิธีดับทุกข์ด้วยพระ องค์เอง ด้วยการเจริญวิปัสสนา(21)

เมื่อเกิดวิปัสสนาปัญญญารู้แจ้งอยู่ไปตามลำดับครบ ๑๖ขั้นจะบรรลุ โสดาบัน เที่ยวที่ ๒ บรรลุสกทาคามี เที่ยวที่ ๓ บรรลุอนาคามี เที่ยวที่ ๔บรรลุพระอรหันต์เข้าถึงพระนิพพาน(22) ดับทุกข์ได้โดยสิ้นเชิงไม่ต้องเกิดใหม่อีกต่อไป เมื่อไม่ต้องเกิดอีกก็ไม่ต้องแก่ ไม่ต้องเจ็บ ไม่ต้องตาย และไม่ต้องทุกข์ กายทุกข์ใจอีกต่อไป การตายอีกครั้งหนึ่งซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย จึงเรียกว่าดับขันธปรินิพพาน ดับทั้งกายดับทั้งจิต ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป

(Footnotes)
1 อ้างอิงพระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(เล่มที่ / หน้าที่) ไตรปิฎก.๒๕/๔๗๖,๓๑/๔๐๐
2ดูรายละเอียดใน ไตรปิฎก.๑๐/๑-๑๐
3 ไตรปิฎก.๑๖/๒๒๓
4 ไตรปิฎก๑๖/๒๒๗
5 ไตรปิฎก๑๔/๓๕๐-๓๖๕
6 ไตรปิฎก๑๕/๒๒๓
7 ไตรปิฎก๑๙/๕๓๔
8ไตรปิฎก.๑๑/๒๒๒ ,อรรถกถาอังคุตตรนิกาย(บาลี)๑/๑๖๔
9 ไตรปิฎก๑๕/๖๘
10 ไตรปิฎก.๒๐/๓๐๑
11 ไตรปิฎก๑๕/๗๐
12 ไตรปิฎก.๓๑/๙๗
13 ไตรปิฎก.๑๙/๕๔๔, ๑๔/๑๘๖, ๒๐/๓๑๕, ๒๕/๑๒
14 วิสุทฺธชนวิลาสินี(บาลี)๑/๑๒๐
15 ไตรปิฎก.๓๓/๗๒๓
16 ไตรปิฎก.๒๐/๓๘๐
17 ไตรปิฎก.๑๓/๓๙๖,อรรถกถามัชฌิมนิกาย(บาลี) ๑/๑๙๙
18 วิสุทฺธิมรรค(บาลี)๑/๑๓๒-๑๔๙
19 ไตรปิฎก.๑๒/๑๐๑
20 ไตรปิฎก.๑๐/๑๔๒, ๒๒/๓๖
21 ไตรปิฎก.๑๙/๔๖๑,อรรถกถาอังคุตตรนิกาย(บาลี)๑/๘๑๓๓
22 ไตรปิฎก.๓๑/๑-๑๖,๒๕/๗๒๐
http://dungtrin.com/

0
คนงงๆ 8 พ.ค. 51 เวลา 20:23 น. 8

ทำไมถึงอยากเปลี่ยนศาสนากันหรอ ไม่เข้าจัยจริงๆ ศาสนาเราก็ดีอยู่เเล้วจาไปเปลี่ยนทำไม

1
Nuwapat 13 ส.ค. 61 เวลา 11:03 น. 8-1

ก็มีความเคารพและเชื่อในพระคริสต์ มากกว่าศาสนาเดินที่นับถืออยู่ และมีความรักในศาสนาที่จะนับถือ

0
หย่ง เหิง 30 ต.ค. 51 เวลา 09:29 น. 9

การที่จิตใจของเรามุ่งมั่นเข้าหาพระเป็นเจ้าแล้ว โดยที่ยังไม่ได้รับศีลล้างบาป ทางคาทอลิกถือว่าเป็นการรับศีลล้างบาปด้วยความปรารถนาคับ
.... ส่วนการกราบ หรือไหว้พระสวดมนต์นั้น ถือว่าเป็นบาป ผิดต่อหลักความเชื่อคับ อาจเป็นที่สะดุดได้&nbsp ...เราต้องประกาศยืนยันความเชื่อของตัวเองซิคับ ***

----- ต้อนเข้าแถวหน้าเสาธง ผมก็ยังยืนอยู่เฉยๆเลย .. ถ้าสังเกตดูดีๆ จะพบว่า เพื่อนที่เป็นพุทธ เวลาเขาสวดมนต์กันยังไม่ตั้งใจเลย คับ

พระอวยพร

0
อยากคริสต?์ 15 เม.ย. 52 เวลา 22:22 น. 10

เปลี่ยน เปน คริสต์ อะ

บทสวดก่อนกินข้าว กะ ก่อนนอน ของคริสต์ อ่า สวด ยางงาย


คัยรุบอกเราหน่อยจิ เพื่อนเค้าคริสต์หมดเลยอะ เรามาใหม่ง่ะ

แร้นการเคารพ ใช้มือเตะ ที่ หน้าผาก คาง ไหล่ และก้อตงกลาง แร้นก้อไหวช่ายปะ

เรามาใหม่ง่ะ ช่อย สอนและบอกเราหน่อยจิ101

0
Bug_Noi 7 มิ.ย. 52 เวลา 21:45 น. 11

คริส ไม่ใช่ศาสนาครับ

แต่เป็นความจริง เป็นเรื่องราวระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า

0
Lee_Sunkyu 23 ส.ค. 52 เวลา 12:07 น. 12

คริสต์ไม่ใช่ศาสนาเหรอ???


PS.   คนเราสามารถหลอกคน1คนได้ แต่ไม่สามารถหลอกคนอื่นอีกได้
0
podG-dagon 25 ต.ค. 52 เวลา 01:20 น. 13

คือว่าอย่างนี้นะคับ
ตอนแรกผมก้อเปนพุทธนี้แหละพ่อแม่ญาติพี่น้องเราก้อเปนพุทธ
แต่ว่าเราเชื่อพระเจ้าเพราะเราเชื่อว่าพระเจ้ามียุจิง
ถ้าพระเจ้าไม่มียุจิง!!!!!!!!
โลกจะเกิดได้ยังไง
จะบังเอิญว่าเปนการรวมของก๊าสชนิดนี้รวมกับชนิดนี้
แล้วบังเอิญอีกว่าออกมาเปนทรงกลม
บังเอิญอีกว่ามีชั้นบรรยากาศ
บังเอิญอีกว่ามีแม่เหล็กที่ไม่ให้ออกซิเจนออกจากนอกโลกด้าย
บังเอิญอีกว่ามนุษย์มีระบบนู่นนี้นั้น
บังเอิญอีกว่ามนุษย์มีสองเพศ (ไม่รวมเพศที่3นะ^^) 
บังเอิญอีกว่า.............................108  1009 เยอะจนนับไม่ถ้วน
คิดดูแล้วกัน
แล้วก้ออีกอย่าง
การที่เราไปโบสถ์ไม่ใช่เราไปนับถือศาสนา
แต่ให้เรานับถือพระเจ้าด้วยใจ
เพราะเราเปนพระวิหารบริสุทธิ์ของพระเจ้า
จำเอาไว้^^


PS.  เม้นห่ายหน่อยจิ
0
faii 25 ธ.ค. 52 เวลา 23:12 น. 14

บทสวด ก่อนกินข้าว ^^" >>> เดชะ พระนาม พระบิดา พระบุตร และ พระจิต อาเมน
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp พระสวามีเจ้าข้า โปรดอวยพรแก่ข้าพเจ้าและอาหารที่จะรับประทานในวันนี้
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp เดชะ พระนาม พระบิดา พระบุตร และ พระจิต อาเมน .....


บทภาวนาหลังอาหาร

ขอขอบพระคุณพระองค์ พระเป็นเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ ทรงดำรงชีพ และสวยราชย์ตลอดนิรันดร อาแมน
เดชะพระนาม&nbsp พระบิดา&nbsp และพระบุตร&nbsp และพระจิต&nbsp อาแมน

0
aew 18 มี.ค. 53 เวลา 21:08 น. 15

เธอเป็นแบบเดียวกะเราเลย
เราว่าไม่บาปนะเพราะยังไม่ได้ล้างบาป
แต่มันคงเป็นสิ่งที่ทำให้เราสาแก่ใจมากกว่า
ว่าเราจะเลือกทางไหนดี
ทางนี่ก้อพ่อแม่อยู่
แต่อีกทางหนึ่งเราเชื่อแล้วมีความสุข
เราก้อคิดหนักเหมือนกัน
เอางี้
เธอก้อเชื่อในใจคนเดียวสิ
ไม่ว่าเราจะนับถือศาสนาอะไร
เพียงแค่เราเป็นคนดีแค่นี้เราก้อมีความสุขแล้ว

0
nice 27 มี.ค. 53 เวลา 22:04 น. 16

คือ เราก็เจอสถานการเดียวกับ จขกท. นะ&nbsp เราอายุ 15-16 เชื่อพระเจ้ามานานตั้งแต่เด็กแล้ว แต่มาเปลี่ยนตอนอายุ 15 พ่อแม่เป็นพุทธหมด&nbsp เราก็ไม่ไหว้พระไม่สวดมนต์อีกเลย&nbsp ที่สวดไม่ได้ก็ดูในบัญญัติ 10 ประการนะ&nbsp พ่อแม่ก็ถามนะ เราก็อธิบายให้ฟัง(ถึงแม้ว่าพ่อแม่จะไม่ค่อยยอมรับแต่เราก็ยังเชื่อพระเจ้าอยู่และใช้ชีวิตแบบชาวคริสต์) เราก็ยังไม่ได้รับศีลล้างบาป แต่เรารับศีลมหาสนิทแล้ว&nbsp 
........อยากบอก จขกท. ว่า ถ้าเชื่อในพระเจ้า ก็เชื่อด้วยสุดจิตสุดใจ และปฏิบัติตนให้พระเจ้าพอพระทัย เราเป็นคริสเตียน(โปแตสแตนท์) ที่เราทำทุกวันก็คืออธิษฐานต่อพระเจ้าในทุกสิ่งทุกอย่างที่เรากลุ้มใจหรือเรามีความสุข ขอบคุณพระเจ้าหรือขอพระเจ้าอวยพรให้กับคนอื่นๆ และก็อ่านคัมภีร์ วันอาทิตย์ก็ไปโบสถ์()วันไหนไม่ว่างก็ไม่ได้ไป)&nbsp แต่สิ่งสำคัญคือการอธิษฐาน ...
........พระเจ้าอวยพร.....

0
emma 17 ก.ย. 53 เวลา 17:51 น. 17

เราก็คริสต์เตียน&nbsp (โปแตสแตนท์) วันอาทิตย์ไม่ค่อยได้ไปโบสถ์เลยละ เพราะมีเรียนตอนเช้า เลยไม่ได้ไป
ยามเราทุกข์ใจจะระบายทุกข์สู่พระองค์&nbsp ยามสุขใจจะขอบคุณพระองค์ที่พระองค์ดลบันดาลมาให้
เวลาเรามุ่งมั่นที่จะทำอะไรจริงๆนะ เราจะขอพระองค์ แล้วตั้งใจทำมัน&nbsp และคำขอของเราเป็นจริง
แต่ก็มีบ้างครั้งที่ไม่ได้ดั่งที่ขอ เราก็คิดว่า สิ่งๆนั้นไม่เหมาะสมกับเราที่จะได้มันมาจริง พระองค์จะช่วยเหลือตลอด
แค่ตั้งจิตอธิษฐานถึงท่าน

......God bless u......

0
ฟาร์ดาว 7 พ.ย. 53 เวลา 16:45 น. 18

เห้อทามไงดี&nbsp 
เราอยากเปลี่ยนมั่งอะนะ
เชื่อในพระเจ้า
แต่แถวบ้านไม่มีโบสถ์ให้เข้า
เชื่อในพระเจ้า
ที่บ้านพ่อแม่เปงพุทธ แต่เราอยากเปลี่ยนเพระมั่นใจศรัทธาในพระเจ้า
แต่เราก้อต้องไปโรงเรียน ไหว้พระสวดมน ถ้าไม่ทามก้อแปลกไปจากคนอื่น
ถ้าทามก้อกลัวบาป

0
momomint 4 ส.ค. 54 เวลา 20:29 น. 19

ไม่มีไรมากนี่ก็เคยอยู่พุทธมาก่อน นะ

ก็บอกได้แค่เนี้ย เพราะ คุน ........ไม่เคยเรียนรูไง


ตอนนี้กลับใจอยู่คริต และละ เพราะ รักผู้ ให้ชีวิต เพราะพระ องจะ เอาชีวิตเราไปมะไรก็ได้
แต่พระ องมีจิตใจที่บริสุท รักและเคารพพระองมาก


ลองๆๆๆ ดูพระเยซู กันดิ ไม่ก็อ่านพระคัมภีย์คริต จะ รู้ อ่านไบเบิ้ล ก็ได้


พระเจ้าเป็นจริง ใครไม่ เชื่อจึงเป็นคนที่น่าสงสารที่สุ​ดในวันพิพากษาของพระเจ้า ...(และคุณจะนึกถึงพระเจ้าตอนที​่คุณ ....?ตาย)

0
basketsss 7 ส.ค. 54 เวลา 19:19 น. 20

ตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงศึกษาอยู่ ^^

ปล.สำหรับบางคอมเม้นต์ ขอให้ไปเรียนภาษาไทยใหม่นะคะ

0