Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

"ทุกข์ของชาวนา"

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ฉันได้พบบทกวีบทหนึ่ง ซึ่งได้พูดถึง ทุกข์ของชาวนามันเป็นบทกวีที่ดีมากและฉันอยากให้เพื่อนๆได้อ่านจึงนำมันมาลงให้ได้ชม และดูในสิ่งที่คนบางคนอาจจะไม่มีโอกาสที่จะได้รู้สึกว่าการที่คนเราเป็นชาวนาเค้า...รู้สึกอย่างไร

 

เปิปข้าวทุกคราวคำ              จงสูจำเป็นอาจิณ

เหงื่อกูที่สูกิน                             จึงก่อเกิดมาเป็นคน

    ข้าวนี้น่ะมีรส                       ให้ชนชิมทุกชั้นชน

  เบื้องหลังสิทุกข์ทน                     และขมขื่นจนเขียวคาว

 จากแรงมาเป็นรวง              ระยะทางนั้นเหยียดยาว

จากรวงเป็นเม็ดพราว                   ล้วนทุกข์ยากลำเค็ญเข็ญ

                                เหงื่อหยดสักกี่หยาด               ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น

         ปูดโปนกี่เส้นเอ็น                        จึงแปรรวงมาเปิปกิน

                          น้ำเหงื่อที่เรื่อแดง                 และน้ำแรงอันหลั่งริน

สายเลือดกูทั้งสิ้น                         ที่สูซดกำซาบฟัน

 

ดูจากสรรพนามที่ใช้ว่า กู ในบทกวีนี้ แสดงว่าผู้ที่พูดคือชาวนา ชวนให้คิดว่าเรื่องจริงๆนั้นชาวนาจะมีโอกาสไหมที่จะ ลำเลิก กับใครๆว่าถ้าไม่มีคนที่คอยเหนื่อยยากตรากตรำอย่างพวกเขา คนอื่นๆจะเอาอะไรกิน เราควรต้องรู้จักให้ความสำคัญกับสิ่งต่างๆถึงแม้มันอาจดูเป็นสิ่งที่มีค่าเล็กน้อย อย่างเช่น ข้าว แต่จงเชื่อว่าถึงแม้มันอาจจะเป็นสิ่งที่เมื่อดูด้วยตาเปล่าจะเป็นสิ่งที่ดูเล็กๆ แต่ถ้ามองดูให้ลึก มองแล้วคิดตามไปว่ากว่าจะเป็นข้าวที่มาอยู่ในจานข้าวนี้ที่เรากิน ใครบางคนซึ่งเราอาจไม่เคยสนใจไม่รับรู้ในสิ่งที่เขาทำนั้น เขาคนนั้นอาจจะต้องลำบากก้มๆเงยๆกี่ครั้งจนกว่าจะเป็นข้าวในจานนี้ที่เรากิน จึงอยากให้ทุกคนลองคิดถึงบุญคุณของคนที่ถึงแม้อาจจะไม่ใช่คนในบรรดาญาติมิตร พ่อแม่ หรือคนรู้จักก็ตาม แต่ก็อยากให้ทุกคนรู้จักบุญคุณของคนคนนั้น คนคนนั้นซึ่งเป็นชาวนา

 


PS.  ใครรัก...ใครชอบอ่านกาตูนร์ญี่ปุ่นเข้ามาเยอะๆน้า

แสดงความคิดเห็น

67 ความคิดเห็น

prestonpeem 26 ส.ค. 50 เวลา 00:36 น. 1

พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี
เป็นของสูงนะครับ บทนี้ ให้เครดิตไว้หน่อยก็ดี

0
จันจ๊า^-^ 26 ส.ค. 50 เวลา 02:02 น. 2

อะนะ อ่านแล้วก้อคิดถึงญาติที่ต่างจังหวัด เค้าทำนา ขายข้าว เอาเงินมาให้เราไปต่างประเทศได้ ก้อขอบคุณ ไม่น่าเชื่อว่าชาวนาจะขยันกว่าเราอีก ขอบคุณค่ะ

0
shinichi1412 26 ส.ค. 50 เวลา 15:11 น. 4

ใช่ๆ คห.1 ของพระเทพอ่ะ
เครดิตหน่อยก็ดีนะ
พึ่งเรียนมาเหมือนกัน


PS.  รักชินอิจิยอดนักสืบ ม.ปลาย โคนันนักสืบรุ่นจิ๋ว คิดจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ ไลท์พระเจ้าแห่งโลกใหม่ ลีชินเจ้าชายเย็นชาแห่งศตวรรษที่ 21 แจจุง..เทพเจ้าแห่งโลกตะวันออก ^____________________________^
0
erty 26 ส.ค. 50 เวลา 15:24 น. 5

กลอนนี่ ใครแต่งหว่า จำไม่ได้แฮะ
อ่านแล้ว อึ้งเลย กลอนเค้าโดนใจมากๆ
รู้เลยว่าลำบากมาก

0
:_=หิวข้าวจัง\ 26 ส.ค. 50 เวลา 16:41 น. 7

ก็จิง
ครอบครัวเราก็เป็นชาวนา
ก็เหนื่อย
กำไรแทบไม่มี
แถมยังติดหนี้อีก
ทำไมเราถึงไม่เลิก
คงเป็นเพราะบรรพบุรุษของเราเอง
จะขายที่นาทิ้ง
ก็รูสึกผิด
แต่เราก็มีความสุขดีนะ


PS.  ไมมีใคเปลี่ยนเราได้
0
^*^Unnamed=ข่อยบ่มีชื่อดอก^*^ 26 ส.ค. 50 เวลา 17:18 น. 8

เหมือนเคยสอบไป... - -"


PS.  Destiny is no matter of chance. It is a matter of choice. It is not a thing to be waited for, it is a thing to be achieved. // อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง...
0
KonunK 26 ส.ค. 50 เวลา 17:32 น. 10

จิต ภูมิศักดิ ์แต่งหรือเปล่า
คนเดียวกับที่เขียนเรื่อง โองการแช่งน้ำ และข้อคิดใหม่ในประวัติศาตรแถบลุ่มน้ำเจ้าพระยา


PS.  http://my.dek-d.com/konunk/story/view.php?id=287540 http://my.dek-d.com/konunk/story/view.php?id=263060 Pentiklakal Onganhangrag Fiction maha maha ho ho ho! Trinumpu Konunk Badakin You know Hoh Hoh
0
KonunK 26 ส.ค. 50 เวลา 17:33 น. 11

คห. 10 ที่จิตแต่ง หมายถึงตัวบทร้อยกรองนะครับ


PS.  http://my.dek-d.com/konunk/story/view.php?id=287540 http://my.dek-d.com/konunk/story/view.php?id=263060 Pentiklakal Onganhangrag Fiction maha maha ho ho ho! Trinumpu Konunk Badakin You know Hoh Hoh
0
Kross_Andonis 26 ส.ค. 50 เวลา 18:47 น. 12

(พราก)T^T


PS.  วันคืนและวันวานย่อมผ่านพ้น... หลายชีวิตย่อมตายจาก... แต่ยังคงไว้ซึ่งความทรงจำ...(รู้ไหมในรูปนั่นนะข้าน้อยเองล่ะ เหอๆ)
0
ตัวเล็ก...^.^... 26 ส.ค. 50 เวลา 18:51 น. 13

บ้านเราก็เคยทำนานะ  รู้เลยอ่ะ  ว่าเค้าลำบากกันขนาดไหน

กินข้าวหมดทุกเม็ดแล้วอ่ะ  เด๋วนี้


PS.  I'm a girl with an easy heart โอกาสที่เราเจอกันคงมีน้อยแล้วสินะ
0
เทราสเฟียร์ เอล เซราฟีเตอร์ 27 ส.ค. 50 เวลา 00:11 น. 14

บทความเป็นพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเทพฯ แต่กวีเป็นของจิตร ภูมิศักดิ์ ครับ
ที่แปลกคือ กวีบทนี้ จิตร ภูมิศักดิ์ เขียนเพื่อประชด กระทบกระเทียบนักหนังสือพิมพ์และสื่อที่รับใช้เผด็จการ ว่าเสียดายข้าวที่ชาวนาลำบากตรากตรำทำนาเลี้ยงชีวิต แต่กลับใช้สื่อกดขี่ข่มเหงและด่าชาวนาว่าโง่เง่าต้อยต่ำ เป็นเหยื่อของนักการเมืองและคอมมิวนิสต์
เดิมบทความนี้ลงในหนังสือเรียน วรรณสารวิจักษณ์ ชั้นม.๕ ไม่ทราบว่าสมัยนี้ยังเรียนกันอยู่หรือไม่

พระเทพฯ ท่านทรงศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ในช่วงที่สายลมการเมืองภาคประชาชน หลัง ๑๔ ตุลายังพัดแรงกล้า
แนวพระดำริหลายอย่าง สอดคล้องกับแนวคิดศิลปเพื่อประชาชน

พระองค์จึงทรงเป็นเจ้าหญิงในดวงใจของเหล่านักคิดนักเขียนตลอดมา

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

0
repentant 27 ส.ค. 50 เวลา 00:18 น. 15

ครับ มาสนับสนุนท่านเทราสว่าบทความเป็นของสมเด็จพระเทพ แต่กลอนเขียนโดย จิตร ภูมิศักดิ์ นั่นเอง

ประเทศคือประชาชนทุกคน ขอพระองค์ทรงพระเจริญครับ
PS.  "You who go where others dare not; Will you be my God? The architect of my house?"
0
น้ำฝน 27 ส.ค. 50 เวลา 17:49 น. 16

ช่าย เราอยู่ค่ายอาสาพัฒนา ต้องร้องเพลงนี้ก่อนกินข้าวทุกครั้งเรยล่ะ
ร้องแร้วน้ำตาจะไหล ต้องกินให้หมดกันเรยทีเดียว

0
~๐สุดสายป่าน_มะขามเปียก๐~ 27 ส.ค. 50 เวลา 17:54 น. 17

อ่า...เจ้าค่ะ ^^ ...

หนูนึกถึงเสมอแหละชาวนา ... ^^

ถ้ากินข้าวอธิษฐาน (นานๆถึงทำ แย่มากๆ) ... ก็จะขอบคุณชาวนาด้วย ... ^^


PS.  จะผูกอสรพิษท่านให้ผูกด้วยมนตรา ผูกไอยราท่านให้ผูกด้วยสายบาศ แต่ถ้าจะผูกคนท่านให้ผูกด้วยสายใยแห่งไมตรีจิต ด้วยไม่มีความเหนียวแน่นใดๆจะทรงพลังเท่า ...
0
mooro-jang 27 ส.ค. 50 เวลา 19:13 น. 19

ยังไม่เคยเรียนอ่าค่า

แต่กีฬาสีสีข้าพเจ้าเขาเอากลอนนี้มาร้อง

เราอยู่สีเขียวคอนเซ็ปปีนั้นเป็นชาวนา

เราเลยได้ร้อง...

0