Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

สัมผัส..ชีวิตรันทด "เด็กหญิงในป่าช้า..!!"

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ใครที่กำลังคิดท้อแท้ต่อโชคชะตาชีวิต ต้องดูกรณีของ "น้องทราย" หรือ ด.ญ.สโรชา ชมภู อายุ 11 ปี นักเรียนชั้นป.2/1 โรงเรียนเมืองพัทยา 2 เอาไว้เป็นตัวอย่าง

เพราะเด็กคนนี้เป็นคนสู้ชีวิต ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา "น้องทราย" ต้องอาศัยป่าช้าแทนบ้าน อยู่ กิน นอนมาตั้งแต่เล็กๆ โดยมีนายทองเปลว ชมภู อายุ 35 ปี พ่อบังเกิดเกล้าทำหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูปลูกกระต๊อบหลังเล็กๆ อยู่หลังป่าช้าวัดช่องลม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ไว้เป็นที่อาศัยกัน 2 คนพ่อลูก

อดมื้อกินมื้อแต่ก็ต้องทนอยู่กันมา!!

ถึงแม้จะยากจนขนาดไม่มีบ้านจะอยู่ต้องปลูกกระต๊อบหลังเล็กๆ อยู่ในป่าช้า แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ "น้องทราย" กลายเป็นคนท้อแท้ชีวิตแต่อย่างใด เธอกลับสู้ชีวิตตั้งอกตั้งใจเรียนเพื่ออนาคตตลอดมา ซึ่งเธอโชคดีที่ยังมีพ่อคอยเลี้ยงดูเอาใจใส่ อุตส่าห์ทำงานรับจ้างทั่วไปและเก็บของเก่าขายได้เงินมาวันละ 50 บาท เอาไว้เป็นค่านมค่าขนมเลี้ยงน้องทรายตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่เรื่อยมา

ช่างเป็นชีวิตที่น่าอัตคัดสำหรับสองพ่อลูกคู่นี้

ทั้งเป็นภาพสะท้อนปัญหาความยากจนของผู้คนในประเทศไทยได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เรื่องราวชีวิตรันทดของ "น้องทราย" ได้รับการเปิดเผยจากนายอุเทน หร่ายวงศ์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/15 ม.8 ต.ห้วยหิน อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่กิจการรักษาความปลอดภัย บริษัท สหฟาร์ม จำกัด หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยบ้านสุขาวดี อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ว่าพบสองพ่อลูกมีฐานะยากจนปลูกกระต๊อบอาศัยอยู่บริเวณป่าช้าวัดช่องลมติดกับบ้านสุขาวดีมานานนับ 10 ปี ขอให้สื่อมวลชนช่วยเป็นสื่อกลางบอกคนใจบุญช่วยอุปถัมภ์ค้ำจุนสองพ่อลูกคู่นี้ เพราะทั้งคู่มีความเป็นอยู่ที่น่าสงสาร

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสำรวจยังป่าช้าด้านหลังวัดช่องลม พบกระต๊อบที่สองพ่อลูกทำเป็นบ้านพักไว้หลับนอน มีขนาดความกว้างประมาณ 3 เมตร ปลูกด้วยแผ่นไม้อัดและสังกะสีเก่าๆ มีลักษณะทรุดโทรม บริเวณโดยรอบมีต้นไม้ขึ้นรกและมีแอ่งน้ำขนาดเล็กส่งกลิ่นเหม็นเน่าตลอดเวลา ภายในกระต๊อบมีมุ้งและที่นอนเก่าๆ พร้อมของใช้ส่วนตัวและหนังสือเรียนของน้องทรายวางกองอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งกระต๊อบหลังนี้ไม่มีไฟฟ้าและห้องน้ำใช้แต่อย่างใด โดยมีนายทองเปลว ซึ่งมีภูมิลำเนาเดิมอยู่เลขที่ 7 ม.4 ต.บ้านลี่ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา กับน้องทรายพักอาศัยอยู่ภายในกระต๊อบอย่างน่าอนาถ 


 

ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตคนจะแร้นแค้นขนาดนี้

นายทองเปลวย้อนอดีตให้ฟังว่า เมื่อ 10 ปีก่อนมีอาชีพส่งขนมขายอยู่ที่อยุธยา จนมาพบรักกับภรรยาและมีลูกสาวด้วยกัน 1 คนคือน้องทราย ซึ่งตอนแรกก็อยู่กันเป็นครอบครัวที่นั่น แต่ตอนหลังเกิดมีเรื่องเพราะพี่ชายตนเองไปก่อเรื่องทะเลาะวิวาทกับขาใหญ่ในหมู่บ้าน ซึ่งคู่อริคิดว่าเป็นฝีมือตนจึงออกตามล่าเอาชีวิต ตนพร้อมกับลูกเมียจึงหนีมาขออาศัยอยู่กับแม่ที่มาได้สามีใหม่ในอ.บางละมุง จ.ชลบุรี แต่อยู่ได้ไม่นานสามีใหม่ของแม่ก็หาเรื่องไล่พวกตนออกจากบ้านอีก จึงต้องหอบข้าวของออกจากบ้านอีกครั้ง ก่อนจะมาขออนุญาตเจ้าอาวาสวัดช่องลมปลูกกระต๊อบเล็กๆ ในป่าช้าไว้เป็นที่หลับนอน เพราะไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน แต่หลังจากนั้นไม่นานตนก็ต้องพลอยติดร่างแหเพราะเข้าไปอยู่ในกลุ่มเด็กดมกาวทั้งๆ ที่ไม่ได้ดมกับเขาด้วย เลยถูกตำรวจจับติดคุกอยู่นาน 1 เดือน พอออกมาจากคุกก็พบว่าภรรยาได้หอบข้าวของหนีไปแล้ว ทิ้งน้องทรายซึ่งขณะนั้นอายุเพียง 1 ขวบเอาไว้ให้เลี้ยงดู ซึ่งตนก็กัดฟันเลี้ยงน้องทรายเรื่อยมา ถึงจะอดมื้อกินมื้อแต่ก็ทนอยู่มาได้จนน้องทรายอายุได้ 11 ปี

เพราะเรามีกันอยู่เพียง 2 คนเท่านี้!?!
 

"ผมต้องทำงานเก็บของเก่าเพื่อนำไปขายแลกเงินมาซื้อนมซื้อข้าวให้ลูกกิน ซึ่งในแต่ละวันจะได้เพียงประมาณวันละ 50 บาท อย่างไรก็ตาม ได้รับการช่วยเหลือจากนายอุเทน ที่มาดูแลพนักงานรักษาความปลอดภัยที่บ้านสุขาวดี คอยให้ข้าวให้น้ำกินอยู่ทุกวันด้วยความสงสาร จนกระทั่งพอลูกสาวโตขึ้น คนรู้จักจึงนำไปฝากเข้าเรียนที่โรงเรียนเมืองพัทยา 2 เมื่อตอนอายุ 10 ขวบ ซึ่งผมจะพยายามส่งเสียลูกให้เรียนให้สูงที่สุด" นายทองเปลว กล่าว

ขณะที่ "น้องทราย" เปิดใจเล่าเรื่องชีวิตตนเองด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้มว่า ไม่เคยคิดเสียใจอะไร พอจำความได้ก็รู้ว่าต้องอยู่กับพ่อเพียงลำพังภายในป่าช้าแห่งนี้ ป่าช้าก็ไม่ต่างจากบ้าน กินนอนที่นี่จนเป็นเรื่องปกติและไม่ได้กลัวอะไร ส่วนชีวิตความเป็นอยู่ลำบากมาก ทุกวันนี้ต้องอดมื้อกินมื้อ และสภาพความเป็นอยู่ในบ้านก็ไม่ค่อยดีนัก เพราะยุงชุม อีกทั้งตอนช่วงฝนตกจะนอนไม่ได้เลย ต้องหาผ้าใบมาคลุมหลังคาที่รั่วซึม รอจนกว่าฝนจะหยุดตกจึงนอนได้

"หนูโชคดีที่ลุงอุเทนให้ความช่วยเหลือมาตลอด ให้ข้าวให้น้ำกินจนไม่อดตาย และก็โชคดีที่มีคนใจบุญพาไปฝากเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนเมืองพัทยา 2 เลยทำให้มีโอกาสได้เรียนหนังสือ ซึ่งหนูหวังว่าสักวันหนึ่งอยากเรียนจบสูงๆ เพื่อจะได้มีงานทำและสร้างบ้านหลังเล็กๆ อยู่กับพ่อและแม่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเหมือนเช่นครอบครัวคนอื่นเขา แต่ตอนนี้ทำได้เพียงความฝัน จึงวาดภาพบ้านในฝันลงสมุดเอาไว้ดูเพื่อเป็นกำลังใจให้กับตัวเอง" น้องทรายกล่าว พร้อมโชว์ภาพบ้านในฝันซึ่งวาดลงสมุดให้ดูเป็นตัวอย่าง

หลังเรื่องราวของน้องทรายแพร่สะพัดออกไป ทำให้มีคนใจบุญเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวน้องทรายด้วยความสงสาร ซึ่งในวันเดียวกันนั้น นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา นำคณะเจ้าหน้าที่กองสวัสดิการและสังคมเข้าเยี่ยมน้องทรายกับพ่อถึงบ้าน ก้าวแรกที่ไปถึงทำให้ทุกคนอึ้งไปตามๆ กัน เพราะคิดไม่ถึงว่าในเมืองพัทยาซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแดนสวรรค์ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและฝรั่ง และเป็นเมืองเศรษฐกิจทางด้านการท่องเที่ยวชั้นนำ จะมีเด็กยากจนตกสำรวจอยู่ในสภาพน่ารันทดขนาดนี้ ถึงขนาดต้องปลูกกระต๊อบอยู่ในป่าช้าแทนบ้าน!!

และที่สำคัญ บริเวณป่าช้าวัดช่องลมแห่งนี้เป็นสถานที่เปลี่ยว มีเหล่ามิจฉาชีพเข้ามามั่วสุมในป่าช้าแห่งนี้เป็นประจำ จึงไม่มีความปลอดภัยสำหรับ 2 พ่อลูกคู่นี้เลย โดยเฉพาะน้องทรายที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยรุ่น ในเบื้องต้นรองนายกเมืองพัทยาได้มอบเงินจำนวนหนึ่ง รวมทั้งเครื่องอุปโภค บริโภค และให้ทุนการศึกษาจากศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และทุนเจ้าพ่อเกศงาม ตามโครงการกองทุน "เพื่อการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี" ให้กับน้องทราย พร้อมหาอาชีพให้นายทองเปลวเพื่อสามารถเลี้ยงดูตัวเองและลูกสาวได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งหลังจากข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป พ.อ.(หญิง)วัลลภา ศรีโพธิ์ ทหารสังกัดกองทัพบก ได้ติดต่อขออุปการะเลี้ยงดูน้องทรายและส่งเสียให้ได้เรียนหนังสือในชั้นสูงสุด นอกจากนี้ ยังได้รับความช่วยเหลือจากพล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รองผบ.ตร. ซึ่งมอบหมายให้พ.ต.ท.กิติภพ อนุวงศ์วรเวทย์ สว.กก. เดินทางมายังบ้านน้องทราย เพื่อ เตรียมยื่นมือให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

สำหรับน้องทรายได้รับการยืนยันจากครูประจำชั้นว่าเป็นเด็กเรียนดี อดทน ขยัน และมีความประพฤติดี ซึ่งทางโรงเรียนได้มอบทุนการศึกษาให้เรียนฟรี พร้อมทั้งยังเปิดบัญชีธนาคารออมสิน สาขาบางละมุง จ.ชลบุรี ประเภทเผื่อเรียกในนามของ เด็กหญิงสโรชา ชมภู เลขบัญชี 03-2105-20-112608-2 เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้น้องทรายต่อไป

ที่มาจากหนังสือพิมพ์


PS.  คำว่า "รัก" ไม่มีวันสิ้นสุด มันจะจบลงเมื่อมีคำสองคำเท่านั้นคือ...

แสดงความคิดเห็น

>

9 ความคิดเห็น

มินนี่ 18 ต.ค. 51 เวลา 19:10 น. 6

น่าสงสารจังเลยคนที่มีเงินมากๆทำมัยมั่ยช่วยกันบ้างเวลาตายปัยจะเอาเงินเผาปัยพร้อมกับตัวเองรึงัยไร้ค่าว่ะ

0