Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

Jacob ตำนาน 63 ปีเครื่องหนังไทย <ใครใช้มาอ่านกัน>

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

Jacob ตำนาน 63 ปีเครื่องหนังไทย พร้อมระวี วีระโสภณ

เครื่องหนังยาค้อบ (Jacob) ถือเป็น "แบรนด์เก๋า" ที่มีลูกค้าตั้งแต่เด็กยันแก่ และเป็นอีกธุรกิจหนึ่ง ซึ่งเกิดจากน้ำพักน้ำแรง ของครอบครัว ที่สามารถยืนหยัดมา 63 ปีแล้ว ทั้งยังคงความเป็นธุรกิจครอบครัว "ขนานแท้" เพราะมีลูกสาว 3 คน รับช่วงเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักต่อ โดยมีสะใภ้เข้ามาช่วยอีกแรงหนึ่ง

บางคนอาจมองว่า ธุรกิจครอบครัวทำให้โตช้า แต่สำหรับยาค้อบ ความเป็นธุรกิจครอบครัว ทำให้ผู้บริหารทั้งหมดมี Sense of Belonging ซึ่งความเป็นเจ้าของ จะทำให้ทุกคนทำงานตลอด 24 ชั่วโมง

"เวลาหลับอาจจะต้องฝันว่า จะทำอะไรต่อพรุ่งนี้ ห่วงใยความอยู่รอด และความเจริญของบริษัท ทุกอย่างที่ทำ ก็ทำด้วยความจริงใจ และมานะทุ่มเทมากกว่า เพราะเป็นของเรา ถ้าจ้างคนมาทำ เขาก็ทำงาน 9 โมง ถึง 5 โมง ไม่ได้เกิดแรงผลักดันอะไรมากนัก แต่การเป็นครอบครัว มันอบอุ่น พูดกันได้ ทะเลาะกันได้ ขณะที่ถ้าเป็นคนนอก ถึงจุดหนึ่งก็ถึงแตกหักไป แต่เราไม่ ก็เป็นจุดแข็งของความเป็นครอบครัว" "รัศมีวรรณ ชลาวานิช" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีภัณฑ์ยาค้อบ หนึ่งในทายาทของยาค้อบ กล่าว

ยาค้อบเริ่มเปิดตำนาน ของตนเองหลังจากที่มารดาของ "สุทิน เทพชาตรี" เสียชีวิตลงเมื่อเขาอายุได้เพียง 19 ปี "สุทิน" ต้องออกจาก โรงเรียนอัสสัมชัญคอมเมิร์ซ เพื่อมาช่วยบิดาทำธุรกิจนำเข้ากางเกงแพร กับเนคไทไหมจากญี่ปุ่น

แต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ทำให้ขายสินค้าจากญี่ปุ่นไม่ได้ เนื่องจากสวนกระแสรักชาติ สุทินและน้องชายจึงหันมาจับ ธุรกิจเครื่องหนัง ซึ่งแม้จะต้องเริ่มต้นจากศูนย์ แต่นั่นกลับเป็นที่มาของ ธุรกิจเครื่องหนังร้อยล้าน และส่งให้ชื่อ "ยาค้อบ" กลายเป็นตำนานเครื่องหนัง ของเมืองไทยมายาวนาน 63 ปี

สองพี่น้องขายกระเป๋า แบบไม่มีแบรนด์อยู่ร่วม 10 ปี จนเริ่มเห็นว่าการมีแบรนด์เป็นของตัวเอง จะช่วยสร้างเอกลักษณ์ ความเป็นเจ้าของ รวมถึงความน่าเชื่อถือ ในยุคที่คนไทยนิยมของนอก

จึงเริ่มใช้ชื่อยาค้อบ ซึ่งได้มาจากชื่อนักบุญสมัย ที่เรียนอัสสัมฯ และถือเป็นแบรนด์แรกๆ ของเมืองไทยที่ใช้ภาษาโรมัน

ปัญหาในยุคแรกๆ นั้น คือ เมืองไทยยังไม่มีโรงฟอกหนังดีๆ และยังทำหนังนิ่งไม่ได้ เขาจึงต้องนำเข้าหนังจากอังกฤษ ซึ่งมีภาษีสูงถึง 60 เปอร์เซ็นต์ แต่ข้อดีของตลาดเมื่อ 60 ปีก่อนคือคู่แข่งน้อย เรียกว่าทำเท่าไรก็ขายได้ และขยายตลาดได้รวดเร็ว

จากสินค้าชิ้นแรกที่ขายได้ และยังคงขายดีอยู่ทุกวันนี้ จนแทบจะกลายเป็นสัญลักษณ์ ของกระเป๋ายาค้อบ ได้แก่ กระเป๋านักเรียนหนังสีดำ ก็พัฒนาสินค้ามาเรื่อยๆ จนมีสินค้าทุกอย่าง ที่เกี่ยวกับเครื่องหนัง ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า เข็มขัด กระเป๋าเอกสาร กระเป๋าเดินทาง ถุงมือ หมวก หรือแม้แต่เสื้อหนัง

จากนั้นก็เริ่มส่งออกไปปีนัง มาเลย์ สิงคโปร์ ฮ่องกง เวียดนาม พม่า จนคนไทยสมัยก่อน ที่จะนิยมไปเที่ยวปีนัง ก็ยังไปซื้อกระเป๋ายาค้อบ กลับมาเป็นของฝาก

นอกจากชื่อฝรั่งแล้ว เคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญ ของยาค้อบคือการมีแพ็คเกจจิ้ง ที่สวยงาม แม้กระทั่งเข็มขัด ก็ยังต้องแพ็คใส่กล่อง เพิ่มความเริดหรู

สินค้ายอดฮิต ที่ขายดิบขายดี ในต่างประเทศ และกลายเป็นตำนานอีกชิ้นหนึ่งของยาค้อบ คือ กระเป๋าสตางค์พิมพ์ลาย แผนที่เวียดนาม ที่โด่งดังในยุคสงครามเวียดนาม จนตอนหลังก็พิมพ์ลาย เพิ่มให้เลือกอีกกว่า 10 ประเทศ กลายเป็นสินค้าประเภทของฝาก ที่ยังขายดีเป็นอมตะ

สินค้าช่วงแรกๆ ยาค้อบจะเน้นสินค้า สำหรับคุณผู้ชาย แต่ในช่วง 10 ปีให้หลัง "สุทิน" ได้โอนถ่ายงานให้ลูกสาวทั้ง 3 เป็นผู้ดูแลธุรกิจตามความถนัด โดยลูกสาวคนโต "สุวรรณา เทพชาตรี" เป็นผู้จัดการโรงงาน "จามรี เบลนี เดวิดสัน" เป็นดีไซเนอร์ และ "รัศมีวรรณ ชลาวานิช" เป็นกรรมการผู้จัดการ พร้อมๆ กับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ และเพิ่มความหลากหลายของสินค้า รวมถึงแบ่งธุรกิจ กับน้องชายที่ร่วมด้วยช่วยกันทำมา 18 ปี แตกไปเป็นแบรนด์ Jacob de Julia

นอกจากดีไซน์ที่มี ความเป็นผู้หญิงมากขึ้นแล้ว ก็ยังบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเน้นที่ยุโรป ทั้งฝรั่งเศส เยอรมนี สวิส อิตาลี เบลเยียม อังกฤษ ส่วนทางเอเชียก็ยังไป ญี่ปุ่น ไต้หวัน รวมถึงออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง

"รัศมีวรรณ" เล่าว่า ตลาดแต่ละที่จะมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับนิสัย และพฤติกรรมของผู้บริโภค

คนเอเชียชอบหนังเรียบๆ กระเป๋าใบเล็กๆ ในขณะที่คนยุโรป ชอบใช้กระเป๋าใบโตๆ และต้องใช้หนังที่มีลายธรรมชาต ิเพื่ออวดความเป็นหนังแท้

เธอเล่าต่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ในการส่งออกคือ ผู้ซื้อมักติดกับความเชื่อที่ว่า สินค้าจากเอเชียต้องเป็นของถูก ทั้งๆ ที่เป็นของมีคุณภาพ

"แต่ถ้าเป็นสินค้าตัวเดียวกัน เราขายออกไป โดยที่ไม่ได้ติดแบรนด์ไทย ไม่ประกาศว่าเรามาจากเมืองไทย จะขายเท่าไรก็ขายได้"

ส่วนในเอเชีย แม้จีนจะเจอพิษหวัดซาร์สเข้าไป แทบหงายหลัง แต่ก็ยังเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว เพราะมีการพัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านรูปแบบและฝีมือ จีนเริ่มรับออเดอร์น้อยลง ราคาก็เริ่มแข่งขันได้ดี ซึ่งทำให้ผู้ส่งออกไทย ต้องเร่งปรับกลยุทธ์ ก่อนที่จะถูกจีนช่วงชิงตลาดไปจนหมด

"บริษัทวางจุดว่า เราแข่งกับจีนไม่ได้ในเรื่องราคา แต่เราแข่งได้ในเรื่องฝีมือ และคุณภาพ ดังนั้นเราจึงไปยุโรป ซึ่งเป็นที่ที่เหมาะกับเรามากกว่า เพราะเรามีฝีมือ และเขาก็ยังเชื่อในเครดิต 60 กว่าปีของเรา" ประสบการณ์จากการส่งออก รวมทั้งรับจ้างผลิต ก็นำกลับมาใช้พัฒนาแบรนด์ ของตัวเองได้ โดยเฉพาะฝีมือ และเทคนิคในการผลิต

"ในทุกขั้นตอนเรามีการเรียนรู้ ในการรับจ้างการผลิต เราได้เรียนรู้เทคโนโลยีการผลิต ของต่างชาติด้วย เราทำให้แบรนด์หนึ่งที่มีชื่อมาก ใบหนึ่งระดับเป็นแสน เราก็ทำได้ แล้วเราก็นำมาพัฒนายาค้อบเองด้วย"

สำหรับตลาดเครื่องหนังในประเทศ เธอบอกว่าจากสมัยคุณพ่อ ที่เคยทำอะไรก็ขายได้ ถึงปัจจุบันมีการแข่งขันที่สูงมาก โดยเฉพาะแบรนด์อินเตอร์ ที่ทยอยกันเข้ามาเปิดตัว ในประเทศไม่ขาดสาย และพฤติกรรมของคนไทยเอง ที่นิยมของนอก

ยาค้อบจึงวางโพสิชั่นตัวเอง เป็นทางเลือกสำหรับคน ที่เลือกซื้อของที่มีคุณภาพ

"มีคนไทยส่วนหนึ่งมีค่านิยมซื้อกระเป๋าผ้าหรือพีวีซี แต่ราคาหมื่นกว่าบาท ถามว่าตรงนั้นคุณซื้อชื่อมา แต่คุณไม่ได้ของที่มีคุณภาพ ในขณะที่ของเราเป็นหนังแท้ ราคาประมาณ 2 พัน ถึง 4 พันต้นๆ

คือมันเป็นค่านิยมของคนว่าฉันมีของนี้ มีฐานะถึงใช้แบรนด์นี้ แต่ถึงจุดหนึ่งคนจะไม่แคร์จุดนี้แล้ว แต่ดูว่าเราใช้ของมีคุณภาพหรือเปล่า คุ้มกับเงินที่เสียไปหรือไม่ คุณจ่ายเงินเพื่อให้ได้ชื่อเขา เขาได้ลิขสิทธิ์ไป แล้วเงินก็ไหลออกนอกประเทศ มันคุ้มหรือเปล่า"

ในส่วนของตลาดล่างเอง ก็มีการทะลักเข้ามาของสินค้า ราคาถูกจากจีน ทำให้อุปทานยังอยู่เหนืออุปสงค์ แต่เธอว่าผู้บริโภค ก็ยังให้ความเชื่อมั่น ในแบรนด์ยาค้อบอยู่ โดยวัดจากยอดขาย ในห้างสรรพสินค้า ซึ่งนอกจาก Inter Brand แล้ว ยาค้อบก็เป็นผู้นำยอดขาย ในส่วนของ Local Brand และมียอดขายติดอันดับท็อป รองลงมาจาก Inter Brand

"เพราะตลาดเรากว้างใหญ่ และคนที่รักแบรนด์ไทยก็มีเยอะ ลูกค้าที่ภักดีกับยาค้อบก็มีเยอะ"

ในเรื่องของการดีไซน์นั้น "รัศมีวรรณ" บอกว่ามีการพัฒนารูปแบบอย่างต่อเนื่อง โดยมีการออกงานเครื่องหนัง เป็นประจำทุกปีทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อหาวัตถุดิบแปลกๆ ใหม่ๆ

"แม้หนังนำเข้าเราก็ต้องใช้ เพื่อสร้างความแตกต่าง และเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าว่า มีของใหม่ๆ ซึ่งเครื่องหนังจะเป็นไปตามแฟชั่นเสื้อผ้า ดังนั้นถ้าการแต่งตัวเปลี่ยน กระเป๋าถือก็จะเปลี่ยนไปอย่างนั้นด้วย

ถ้าเป็น Meterial ที่เป็นแฟชั่นก็ต้องนำเข้าจากอิตาลีทั้งนั้น หัวเข็มขัด พวงกุญแจ รวมทั้งหนังที่เป็นแฟชั่น จริงๆ อะไรที่เราใช้ของเมืองไทยได้ เราก็ใช้ แต่ถ้าเราใช้แต่ของในเมืองไทย ก็จะไม่มีความแตกต่าง ถ้าเราอยู่ในกลุ่มแฟชั่นกระเป๋าผู้หญิงแล้ว ก็ต้องหาจุดตรงนี้เข้ามา"

ในส่วนของดีไซเนอร์ คือ พี่สาวของเธอเอง ซึ่งมีพรสวรรค์ในการออกแบบ โดยไม่ต้องเข้าห้องเรียน ประกอบกับได้เปิดหูเปิดตาอยู่เสมอ มีการร่วมมือ กับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจ้างนักออกแบบอิตาลี มีผู้วชาญให้คำแนะนำ เรื่องการสร้างแบรนด์ ยาค้อบจึงมีคอลเลคชั่นใหม่ๆ อยู่เสมอ

"แน่นอน คอลเลคชั่นใหม่ๆ เราต้องทำตลอด เหมือนกับน้ำไหลมา ก็ต้องไหลไปตลอด ไม่มีการหยุด น้ำขังไม่ได้เลย ต้องทำทุกซีซั่น"

ช่องทางจำหน่ายส่วนใหญ่ ของยาค้อบยังเป็นห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีร้านเล็กๆ ตั้งแต่สมัยพ่อนำสินค้า ไปขายตามต่างจังหวัด ที่ยังไม่มีห้างใหญ่ๆ รวมแล้วมีประมาณ 500 กว่าแห่ง ซึ่งหลังจากนี้ก็มีแผนพัฒนา ช่องทางการขายตรง ผ่านทางแค็ตตาล็อกด้วย

"ระบบฝากขาย ที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็นช่องทาง ขายสินค้าหลักในเมืองไทยในปัจจุบัน เป็นช่องทางที่กระจายได้เร็วที่สุด และลงทุนน้อยที่สุด มีประมาณ 100 กว่าจุด ส่วนในอนาคต ก็จะเน้นการขายตรงมากขึ้น ทำแค็ตตาล็อกและขายผ่านเวบ ก็จะเป็นจุดขายใหม่ของเราด้วย" เธอเปิดเผย

จากยอดขาย 200 ล้านบาท เมื่อปี 2545 คิดเป็นขายในประเทศ 55 เปอร์เซ็นต์ และส่วนการส่งออก 45 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เคยอยู่ที่ 40 เปอร์เซ็นต์ โดยในจำนวนนี้ คิดเป็นการส่งออกแบบรับจ้างผลิต เสีย 70 เปอร์เซ็นต์ ของยอดการส่งออก ซึ่งมีสินค้าประเภทกระเป๋าสตางค์ เป็นสินค้าขายดีทั้งในเมืองไทย และต่างประเทศ

กำลังการผลิตรวม ของบริษัทอยู่ในระดับ 1 หมื่นชิ้นต่อเดือน สำหรับกระเป๋าใบใหญ่ จำพวกกระเป๋าสะพาย หรือกระเป๋าเดินทาง แต่ถ้าเป็นกระเป๋าใบเล็กๆ เบ็ดเตล็ดรวมกันก็ประมาณ 2 หมื่นชิ้นต่อเดือน มีพนักงานโรงงานเกือบ 400 คน พนักงานออฟฟิศอีกประมาณ 100 คน รวมทั้งหมดก็ 500 คน

ในอนาคตก็คิดว่าจะสาน ต่อธุรกิจให้ดีที่สุด ในสิ่งที่คุณพ่อได้สร้างมาให้เจริญขึ้นไป ให้เขาภูมิใจว่าลูกๆ สามารถสานต่อไปได้ แม้การรักษาสิ่งที่มีอยู่จะเป็นงานที่ยาก แต่เราก็คิดว่าถ้ามีความตั้งใจ คะแนนความตั้งใจก็คงจะดี "รัศมีวรรณ" กล่าว 


ที่มา--
www.nationejobs.com/.../template.asp?conno=418

แสดงความคิดเห็น

>

16 ความคิดเห็น

choc_cheese whipped cream 18 มิ.ย. 52 เวลา 20:35 น. 1

เพิ่งรู้นะเนี่ย จาคอปเป็นของคนไทย แต่ทำไมแพงจังง่ะT_T


PS.  p s จงอย่าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าเราทำได้ดีที่สุดแล้ว
0
Aom 11 ก.ค. 52 เวลา 19:40 น. 2

จะทำกระเป๋าหนังขายเหมือนกัน มาอ่านประวัติเจ้าแห่งวงการกระเป๋าแล้วรู้สึกว่าไม่ได้หมูๆเลยนะเนี่ย....1

0
หวานเย็น 6 ม.ค. 53 เวลา 05:59 น. 4
เพิ่งซื้อมาเมื่อวาน&nbsp ไม่เคยใช้เหมือนกัน ราคาเอาเรื่ออเหมือนกันนะแต่ชอบหนังอ่ะคุณภาพพอๆก่าแบรนด์เมืองนอกอ่ะ
0
RodgersALYSSA24 27 มี.ค. 53 เวลา 12:39 น. 5

Some time ago, I needed to buy a house for my corporation but I did not earn enough cash and couldn't buy anything. Thank heaven my brother proposed to try to get the <a href="http://lowest-rate-loans.com">loan</a> at reliable bank. Hence, I acted that and was happy with my term loan.

0
หน่อย 19 ก.ค. 53 เวลา 23:13 น. 7

จาคอปเป็นเครื่องหนังที่ดีที่สุดในโลก ผู้บริหาร อย่างพี่แอ๊ด,พี่กุ้ง ชั้นหนึ่งจริงๆ แต่มาทำงานไม่ทันพี่หน่อยที่กลับมาจากเมืองนอก
หน่อยเคยทำงานช่วยพี่กุ้ง ถึงได้รู้ว่าพี่ทุ่มเทกับงานมากๆ รักพี่กุ้งค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ&nbsp 
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp พรทิพา แย้มวงษ์โต (หน่อย)

0
แอม 21 ก.ค. 55 เวลา 09:26 น. 12

เมื่อวานเพิ่งไปซื้อกระเป๋าสตางค์จาคอบในห้างค่ะการตัดเย็บดี เรียบร้อย สวย แต่ไม่ทราบเพราะอยู่ในห้างรึเปล่ารู้สึกว่าแพงไปนึด ไม่เคยทราบเลยว่าจาคอบเป็นของคนไทย มองแต่กระเป๋าแบรนที่นำเข้าจากต่างประเทศ แต่ของคนไทยทำก็มีคุณภาพและสวยงาม แต่ติดเรื่องเดียวที่ราคาค่ะถ้าถูกกว่านี้อีกนิดคงดี แต่ยังไงต่อไปคงสนับสนุนแบรนของคนไทยคงดีกว่าค่ะ

0
หมูอ้วน 24 ก.ย. 56 เวลา 14:03 น. 14

ไม่รู้เลยว่าจาคอบเป็นของคนไทย ลองซื้อมาใช้แล้วหนึ่งใบก็ใช้ได้ดี เมื่อวันอาทิตย์ก็เลย่ไปซื้ออีกสองใบ แฟนบอกว่าราคาก็โอเคนะ

0
เสาวลักษณ์ 11 ส.ค. 58 เวลา 03:02 น. 15

มายืนยันค่ะผซื้อกระเป๋าถือสุภาพสตรี มาหนึ่งใบ 5400 บาท ราคาเต็ม7200บาท ทนทาน ใช้ดี มากๆๆ ค่ะ กำลัง จะกลับเมืองไทย ตั้งใจไปซื้อ อีกค่ะ

0
Serenity 7 ม.ค. 60 เวลา 14:28 น. 16

ขายกระเป๋า เอกสาร จาคอป ยาค้อบ ปี 1975 อายุประมาณ 40 ปี
สำหรับคนรักแบรนด์นี้ ต้องการเก็บความทรงจำวันเก่า
หรือ สะสมเป็นคอลเลคชั่นส่วนตัว
สภาพดี คลาสสิค รูปดูได้ที่ลิงค์นี้นาจา

https://www.facebook.com/groups/439151162918979/permalink/724959191004840/?sale_post_id=724959191004840

หลังไมค์ในโพสท์นั้น หรือ โทรมาได้ที่ o9o 2594913ช็อค
หรือสอบถาม ขอดูรูปเพิ่มเติม คุยกันได้นาจา

0